แก้วกานดา ตอนที่ 7 – ติดบ่วง
ดาริกา น้องสาวคนเล็กลืมตาแล้วพยายามข่มตาหลับต่อด้วยความหงุดหงิดรำคาญเนื่องจากแสงไฟที่แยงตา หากทว่าแรงสั่นสะเทือนและการเคลื่อนไหวที่เหมือนไม่ได้นอนอยู่บนเตียงทำให้เธอค่อย ๆ ปรือตามองด้วยความสงสัย เวลานี้เธอมองเห็นแสงไฟจากรถยนต์ที่วิ่งสวนมา แสงสีส้มจากหลอดไฟสูงข้างทางสว่างวาบให้เห็นเป็นระยะ เธอพบว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนรถยนต์ด้านข้างคนขับ
ดวงตาสวยคู่นั้นกระพริบปริบด้วยความมึนงง สติของเธอยังไม่ค่อยกลับคืนมานัก ตอนนี้แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่ทราบว่าที่แท้ตนเองกำลังฝันหรือว่ากำลังตื่นกันแน่
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด กว่าที่ดวงตาสวยซึ้งนั้นจะเริ่มมองกลอกไปมาพร้อมกับครุ่นคิด ตอนนี้สติของเธอกลับคืนมาแล้วส่วนหนึ่ง เธอจึงค่อยเริ่มแน่ใจว่า
เธอไม่ได้กำลังฝัน และเธอกำลังนั่งอยู่บนรถยนต์ที่กำลังแล่นไปตามท้องถนนในยามค่ำคืน
ดาริกาพยายามจะขยับตัวหากทว่าร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่ง ร่างกายของเธอคล้ายอ่อนเปลี้ยปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง เธอพยายามจะยกแขนขึ้นก็ยังไม่ไหว แม้แต่เอียงศีรษะไปมาก็ยังยากลำบาก เธอรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้ออ่อนแรง คล้ายกับว่าตนเองเพิ่งใช้งานกล้ามเนื้อไปอย่างหนักหน่วงจนเกินขีดจำกัด
นอกจากนี้แล้ว เธอยังรู้สึกได้ถึงความอัดอั้นร้อนรุ่มแปลก ๆ ที่วิ่งพล่านไปทั่วร่าง เธอต้องการอะไรบางอย่าง อะไรก็ได้ที่สามารถระบายความอัดอั้นนี้ออกไปได้
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”
ในจังหวะที่เธอกำลังสับสนสุดขีดนั้น เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านข้างทำให้เธอตื่นตกใจ และเมื่อเธอพยายามขยับตัวมองไปทางขวา ใบหน้าของชายแปลกหน้าคนหนึ่งซึ่งกำลังขับรถยนต์ก็โผล่มาให้ดาริกามองเห็น เธอจ้องมองดูเขาด้วยความงุนงงระแวดระวัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น นอกจากนั่งมองดูเขายิ้มให้
“… ใคร … จะพาดาไปไหน …”
ดาริกาเอ่ยปากพยายามให้เสียงแข็งเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้รังแกได้โดยง่าย หากทว่าน้ำเสียงที่ออกมากลับแหบแห้งไร้เรี่ยวแรง เธอเพิ่งทราบว่าเวลานี้ริมฝีปากของเธอนั้นแห้งผากและเต็มไปด้วยความกระหาย ด้านชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างคล้ายจะเข้าใจว่าต้องการอะไร เขาเอื้อมมือซ้ายไปหยิบขวดน้ำยื่นให้ดาริกาทันที
“ดื่มน้ำหน่อย เสียงแหบแย่แล้ว”
เธอมองดูขวดน้ำในมือเขาด้วยความลังเลไม่แน่ใจ ถึงแม้จะกระหายน้ำแทบแย่ แต่เธอก็ยังไม่อยากเชื่อใจคนที่เธอไม่ทราบว่าเป็นใคร โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ดูสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ และเขาเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเธอคิดอะไรจึงวางขวดน้ำลงบนตักของดาริกา แล้วหันไปขับรถต่อ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ถ้าจะทำอะไรคงไม่รอให้ตื่นขึ้นมาหรอก ดื่มน้ำเสียหน่อย ขวดนี้ยังไม่ได้เปิดฝาพลาสติกยังปิดอยู่เลย ดื่มให้ฟื้นสติหน่อย แล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง”
ดาริการับฟังพร้อมกับสำรวจขวดน้ำด้วยความลังเล เธอรู้สึกว่าจริงอย่างที่ชายหนุ่มว่าไว้ และขวดน้ำก็ดูเหมือนจะปลอดภัย เธอจึงค่อย ๆ เอื้อมมือที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมากนักไปแกะแผ่นพลาสติกออกเพื่อเปิดขวดน้ำ จากนั้นจึงยกขึ้นดื่มเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย อย่างน้อยหากร่างกายเธอเคลื่อนไหวได้ ก็จะสามารถหาทางออกได้มากขึ้น นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
อย่างไรก็ตามขณะที่เธอดื่มน้ำเข้าไปนั้น ดวงตาของชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งก็ทอประกายวาววับออกมาวูบหนึ่ง หากทว่ามันเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ดาริกาจึงไม่ทันสังเกตเห็น
“ที่นี่ … ที่นี่ที่ไหน แล้วนายเป็นใคร มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เมื่อมีน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ดาริกาก็ส่งเสียงถามออกมาทันที ถึงแม้น้ำเสียงนั้นจะแหบแห้งกระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง แต่ก็ดูดีกว่าก่อนหน้านี้ แต่หากจะมีอะไรสักอย่างที่ไม่ดีขึ้น ก็คงเป็นอารมณ์อัดอั้นร้อนรุ่มที่มีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
“ใจเย็น ๆ ก่อน ผมเป็นพี่ชายของเบลล์”
“พี่ชายของเบลล์?”
ดาริกาทวนคำตอบพลางมองดูชายหนุ่มร่างกำยำด้วยความสงสัย เธอจำได้ว่าเบลล์นั้นมีพี่ชายบุญธรรมคนหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่เธออยากรู้ เพราะว่าเธอเพิ่งนึกออกว่าเธอตื่นมาเห็นเบลล์ทำอะไรบางอย่างกับเธอเอาไว้
“แล้วเบลล์ไปที่ไหน … เกิดอะไรขึ้นกันแน่ …”
“เฮ้อ … ในฐานะพี่ชายผมต้องขอโทษแทนเบลล์ก็แล้วกันที่ทำอะไรห่าม ๆ ไม่คิดหน้าคิดหลังในร้านนวด ตอนนี้เบลล์กำลังโดนแม่ลงโทษกักบริเวณ พี่ชื่อสิงห์ น้องชื่ออะไร”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจทำท่าเหมือนมีเรื่องหนักใจ หากทว่าไม่ได้บอกกล่าวออกมาให้ชัดเจน ตอนนี้หัวสมองของดาริกาจึงหมุนติ้วสับสน ความทรงจำของเธอเริ่มปะติดปะต่อกันได้อีกครั้ง
เธอจดจำได้ว่าตามเบลล์เข้าไปในร้านนวด จากนั้นทุกอย่างก็เหมือนเลื่อนลอยไม่ชัดเจน เธอจดจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นอกจากเรื่องที่เบลล์นอนทับตัวเธอ เธอแค่รู้สึกว่าในช่วงเวลานั้นเธอมีความสุขมากเสียจนต้องแอบประหลาดใจ
ดาริกาพยายามครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของชายหนุ่ม เธอมีความรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับผู้ชาย เธอจึงไม่ได้เชื่อใจเขา หากทว่าคำพูดของเขาก็ทำให้เธอได้คิด และนั่นทำให้เธอรู้สึกว่าสภาพของเธอในเวลานี้สมควรจะเกี่ยวกับเบลล์ แต่คำถามก็คือเบลล์ทำอะไรกับเธอกันแน่
“เบลล์ ทำอะไรดากันแน่”
“ชื่อน้องดาซินะ ดาอย่าโกรธเบลล์เลย เบลล์เขาคงจะอยากให้น้องดามีความสุข เพียงแต่ไม่ระมัดระวังเล่นอะไรแผลง ๆ โดยไม่รู้ความ เบลล์หายากระตุ้นสวาทมาให้น้องดากิน เบลล์ก็กินด้วย แล้วเบลล์ก็ใช้ดุ้นปลอมทำให้ดาเพื่อจะทำให้ดามีความสุข เหมือนที่เคยทำกับคู่ขาคนก่อนหน้า แต่ตัวยามันรุนแรงเกินไปน้องดาก็เลยเกิดอาการต่อต้านหมดสติ เรื่องนี้ผมขอโทษแทนเบลล์ แต่ถ้าน้องดาอยากจะแจ้งความอะไรผมก็ยินดีรับผิดชอบแทนน้องสาว”
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนหนักใจ ท่าทางของเขาไม่มีวี่แววอะไรให้สงสัยว่าแสร้งทำ และสิ่งที่เขาพูดนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอเห็นด้วยตาตัวเอง ดาริกาจึงเริ่มเชื่อในข้อสันนิษฐานของตนเอง ตอนนี้เธอเชื่อเต็มที่แล้วว่าเบลล์เป็นต้นเหตุของเรื่องราวในครั้งนี้
“… ดาอยากกลับบ้าน”
ดาริกานั่งเงียบก่อนจะส่งเสียงออกมาเหมือนจะร้องไห้ เธอรู้สึกโกรธเบลล์ที่ทำแบบนี้โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง เธออาจจะรู้สึกโล่งใจอยู่บ้างที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดนผู้ชายรังแก หากทว่าเธอยังคงหวาดกลัวที่ตนเองยังไม่เข้าใจสถานการณ์มากพอ
“ไม่ต้องกลัวนะครับดา พี่จะพาดากลับบ้าน แต่ว่าเราแวะไปหาหมอที่โรงพยาบาลกันก่อน เพราะว่ายาปลุกเซ็กที่ดากินเข้าไปมันรุนแรงมาก ถ้าไม่โดนระบาย หรือแก้ไขให้ถูกวิธีดาอาจจะตายได้”
สิงห์กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำสุภาพเหมือนชายหนุ่มแสนดี ในขณะที่ในใจนั้นกำลังยิ้มกริ่มราวกับปีศาจร้าย การปั้นสีหน้าหลอกลวงคนอื่นนั้นถือเป็นงานถนัดของเขาอยู่แล้ว หากจะให้หลอกเด็กสาวอายุสิบแปดคนนี้ก็คงไม่ยากเกินไป
“… ดาไม่อยากหาหมอ … ดาอยากกลับบ้าน”
ดาริกากล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นหวาดกลัว ยิ่งได้รู้ว่าตัวเองยังตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาปลุกสวาท อารมณ์ของเธอก็ยิ่งหวั่นไหว เพราะตอนนี้เธอทราบแล้วว่าอารมณ์อัดอั้นเร่าร้อนพลุ่งพล่านในร่างกายนั้นคืออะไร ร่างกายของเธอกำลังต้องการมีเซ็กมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวสั่นเทิ้ม
“ไม่ต้องกลัวนะคนดี พี่สัญญาว่าพี่จะคอยดูแลดาเอง แล้วที่จะพาไปหาหมอเนี่ย ก็เป็นเพื่อนสนิท รับรองว่ามันไม่เอาไปบอกใครต่อ พี่สาบานเลยว่าจะดูแลดาให้ดีที่สุดยิ่งกว่าชีวิตของพี่อีก”
สิงห์กล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเชื่อถืออีกครั้ง และคราวนี้เขาก็เอื้อมมือไปจับกุมมือนุ่มนิ่มของดาริกาเอาไว้ ท่าทางของเขาคล้ายกับชายหนุ่มแสนดีที่ให้กำลังใจหญิงสาวน่าสงสาร หากทว่าความจริงแล้วในใจนั้นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากเป็นช่วงเวลาปกติ ดาริกาคงจะสะบัดมือนั้นออกไป เพราะเธอรังเกียจผู้ชายทุกคน หากทว่าในเวลาที่จิตใจตกต่ำไร้ที่พึ่ง อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยาปลุกอารมณ์เข้มข้นอยู่ด้วยอีกทางหนึ่ง การตอบสนองของเธอจึงแตกต่างไปจากปกติเป็นคนละเรื่อง
ธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย หากกำลังมีอารมณ์ทางเพศรุนแรงอยากสืบพันธุ์ จิตใจจะเปิดรับเพศตรงข้ามได้ง่ายกว่าเดิมหลายเท่า สำหรับดาริกาในเวลานี้นั้น สิงห์จึงดูดีหล่อเหลามีเสน่ห์จนหัวใจน้อย ๆ ของเธอเต้นระส่ำ
คำพูดสร้างภาพของสิงห์ก็กลายเป็นคำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกดีโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งสัมผัสของฝ่ามือนั้นกำลังส่งผ่านความอบอุ่นวาบหวิวให้ดาริกาไปพร้อมกัน ตอนนี้เธอรู้สึกว่าสัมผัสของเขานั้นสามารถช่วยปลดปล่อยความอัดอั้นและทำให้มีความสุขได้
ถึงแม้ว่าดาริกาจะเกลียดผู้ชาย และมีฝีมือในการต่อยตีต่อสู้ หากทว่าในแง่ของเล่ห์เหลี่ยมแล้วเธอยังห่างชั้นจากหมาป่าหนุ่มมากมายนัก โดยเฉพาะในสภาพที่เสียเปรียบทุกประตูแบบนี้ จิตใจของเธอโดนเขาป่วนจนสั่นคลอนปั่นป่วนไปหมดแล้ว
“อือ … พี่สิงห์ … ร้อนจังเลยค่ะ … อืม … อือ …”
ไม่นานนักความยับยั้งชั่งใจก็พังทลาย ยาปลุกสวาทราคาแพงที่ไหลเวียนไปทั่วร่างทำหน้าที่ของมันได้ดีตามราคา ความวาบหวิวแล่นพล่านไปทั่วร่างจนดาริกาขนลุกซู่ เธอนั่งไม่เป็นสุขขยับยุกยิกไปมา โดยเฉพาะสองขาขาวเพรียวที่หนีบเข้าหากันเพื่อความรู้สึกร้อนรุ่มและคันยุบยิบในร่องหลืบ
สิงห์ขับรถพลางแอบชำเลืองมองดูอาการของสาวสวยด้วยความตื่นเต้นระทึก เขาทราบดีว่าตอนนี้ดาริกาคงไม่มีสติเอาไว้ยับยั้งชั่งใจอะไรอีกแล้ว เขาจึงขับรถเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูดที่แกล้งขับวนถ่วงเวลาอยู่หลายรอบทันที
ฤทธิ์ยาอันรุนแรงทำให้ดาริกาไม่ทราบว่าเธอถูกพาเข้าไปในสถานที่แห่งใด เวลานี้เธอกำลังสับสนว้าวุ่นเต็มไปด้วยความต้องการ และดวงตาสวยหยาดเยิ้มก็กำลังมองดูชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถช่วยเหลือเธอได้ หากแต่ยังพอมีสติหลงเหลือไว้ค้ำจุนตนเองอยู่อีกหน่อย
“แย่จริง ยามันออกฤทธิ์แรงมากกว่าที่คิด ดาไหวหรือเปล่าน่ะ ตัวร้อนมากเลยนะ”
สิงห์แสร้งถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย หลังจากจอดรถในห้องพักเรียบร้อย เขาก็ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของดาริกาทำทีเป็นวัดไข้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ด้านดาริกาที่อยู่ในสภาวะอารมณ์ปั่นป่วนนั้นยิ่งเห็นชายหนุ่มแสดงท่าทีห่วงใย จิตใจของเธอก็ยิ่งหลอมละลาย ยิ่งโดนเขาใช้มือแตะสัมผัสที่หน้าผาก ความรู้สึกวาบหวิวจากฤทธิ์ยาก็ยิ่งพลุ่งพล่านปั่นป่วนจนต้องหนีบสองขาเบียดเข้าหากันมากกว่าเดิม
“อืม … ดาร้อน … อือ … ทำไมร้อนแบบนี้ … อูย …”
“พยายามข่มใจเอาไว้ก่อนนะครับน้องดา เดี๋ยวพี่จะพาไปหาหมอ”
“… ดาไม่อยากหาหมอ … ไม่เอา … อืม … ร้อน … อื๊อ …”
ดาริกาบิดส่ายร่างกายไหวไปมาด้วยความรู้สึกอัดอั้นทุรนทุราย ดวงตาที่หวานหยาดเยิ้มนั้นจ้องมองดูชายหนุ่มไม่วางตา เธอทราบว่าตัวเองกำลังต้องการ และชายหนุ่มเบื้องหน้าก็ยิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเขาแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยมากเพียงใด ดาริกาก็ยิ่งหมดพลังที่จะต้านทาน เมื่อเขาเริ่มใช้มือลูบไล้ไปตามใบหน้าอันงดงาม เธอจึงไม่ได้ต่อต้านขัดขืน อีกทั้งยังปรือตามองดูเขาราวกับจะยั่วเย้า
“อดทนอีกนิดนะคนดี”
สิงห์พูดเสียงสั่นพร่าด้วยความกระสันขณะใช้นิ้วลากไปที่ปรางแก้มสีขาวอมชมพู ใบหน้าและท่าทางยั่วเย้าของดาริกานั้นปลุกความหื่นกลัดมันในร่างจนแทบควบคุมไว้ไม่อยู่ หากทว่าเขายังคงพยายามกัดฟันสวมบทบาทพี่ชายแสนดี เพราะนี่คือกุญแจสำคัญของแผนการณ์ที่จะทำให้เด็กสาวแสนสวยหลงใหล เขาต้องการให้เธอจดจำว่าเธอเป็นฝ่ายเสนอตัวให้เขาเอง
“… พี่สิงห์ … ช่วยดาด้วย …”
การรอคอยของสิงห์นั้นไม่ต้องใช้เวลานานมากนัก เพราะว่าฤทธิ์ยานั้นรุนแรงเกินไป ยิ่งเวลาผ่านมันก็ยิ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อดาริกา ความต้องการทางเพศอันรุนแรงนั้นทำให้ดาริกาผวาเข้าไปกอดร่างกำยำของชายหนุ่ม เธอส่งเสียงอ้อนวอนร้องขอให้เขาช่วย
ดาริกาสูดกลิ่นกายของชายหนุ่มเข้าไปเต็มปอด ในเวลานี้กลิ่นกายของเขาช่างหอมหวาน ความอบอุ่นจากร่างกำยำทำให้เธอรู้สึกคลายจากความอัดอั้นได้มากโข เธอจึงกอดรัดร่างของเขา และเริ่มขยับจูบซุกไซร้ด้วยอารมณ์ร้อนร่านทั้งที่เธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“ดาพูดอะไร อย่าทำแบบนี้ อดทนไว้อีกหน่อย”
สิงห์พยายามกัดฟันกดข่มอารมณ์เอาไว้อีกหน่อย ทั้งที่ความจริงแล้วเป้ากางเกงของเขานั้นกำลังพองตัวแทบจะระเบิดออก สาวทอมแสนสวยคนนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือล้นอย่างที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ร่างกายของเธอทุกสัดส่วนนั้นช่างนุ่มนิ่มเต่งตึงน่าฟัดน่าสัมผัสถึงที่สุด
“ได้โปรด … อือ … ดาไม่ไหวแล้วค่ะ … ช่วยด้วย …”
ดาริกาส่งเสียงเว้าวอนร้องขอยิ่งกว่าเดิม เธอกอดเขาแนบแน่นราวกับลูกนกตัวน้อยที่ขาดความอบอุ่น เพราะยิ่งเบียดชิดใกล้เธอก็ยิ่งรู้สึกสุขสมพึงพอใจ นาทีนี้ไม่ว่าอะไรก็ตามที่สามารถคลายอารมณ์อัดอั้นแสนทรมาณนี้ลงได้ เธอยินยอมกระทำทั้งนั้น
สิงห์พยายามข่มใจนั่งกอดดาริกาในรถยนต์อีกครู่หนึ่ง เขารอคอยจนแน่ใจว่าสติของเด็กสาวนั้นกระเจิดกระเจิงคุมไม่อยู่จริง ๆ เขาจึงค่อยเลิกเล่นละครพี่ชายแสนดี เขารีบเปิดประตูรถยนต์ แล้วอุ้มร่างงามของดาริกาเดินเข้าไปในห้องพัก แผนหลังจากนี้ก็คือการปรนเปรอสาวทอมให้ติดใจ และเขาจะอ้างว่าเธอเป็นฝ่ายยั่วเขาจนทนไม่ไหว
ชายหนุ่มอุ้มร่างงามที่กำลังดิ้นพราดด้วยความต้องการทางเพศโยนลงไปบนเตียงนุ่ม ก่อนจะโถมทับลงไปฟอนเฟ้นด้วยความหิวกระหายสุดจะทานทน ดาริกาในเวลานี้ย่อมไม่มีความคิดต้านทานขัดขืน ทุกสัมผัสที่เขามอบให้เวลานี้ทำให้เธอสุขสบายสมใจ เธอจึงเพียงนอนตัวอ่อนระทวยปล่อยให้ชายหนุ่มระดมจูบปากซุกไซร้เพื่อระบายความร้อนรุ่มออกไปจากร่าง เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอแค่อยากปลดปล่อยมันออกไปให้เร็วที่สุด
สิงห์ฟอนเฟ้นเสพสูดความหอมหวานจากร่างงามด้วยความสาแก่ใจ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้เสพกามกับดามาแล้วหลายครั้ง หากทว่าตอนนั้นเธอนอนหลับใหลไม่ตอบสนองมากนัก แต่เวลานี้เธออยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ร่างกายของเธอจึงตอบสนองต่อความเสียวซ่านได้ดีกว่า
“สวยเหลือเกิน ดาจ๋า ขาว สวย นมใหญ่ พี่สิงห์จะช่วยดาเอง”
ชายหนุ่มส่งเสียงพึมพำด้วยความหื่นกระหาย จากนั้นก็ก้มหน้าลากลิ้นเลียไปตามลำคอขาวผ่องด้วยความเอร็ดอร่อย กลิ่นกายของเด็กสาวที่ไม่มีกลิ่นน้ำหอมเจือปนนั้นช่างหอมหวานไม่รู้เบื่อ สิงห์รู้สึกว่าตัวเองยิ่งมาก็ยิ่งหลงใหลในเรือนกายของดาริกามากขึ้นเรื่อย ๆ
ดาริกาดิ้นพราดส่งเสียงร้องครางสุขสม ความเสียวซ่านหฤหรรษ์แผ่ฟุ้งกระจายไปทั่วร่างจนขนลุกวูบ ลีลาปลุกเร้าของชายหนุ่ม และพลังของยาปลุกสวาททำให้เธอไร้ทางต่อกรโดยสิ้นเชิง
“อือออ … อืมมมม … ซี้ดดสส”
สาวสวยส่งเสียงครางไม่ขาดปาก เวลานี้เสื้อและยกทรงของเธอโดนปลดออก ทรวงเต้าอวบเต่งที่มีรอยจ้ำแดงเพราะโดนบีบขยำโดนตะปบขยำขยี้ซ้ำเข้าไปอีกรอบ เธอย่อมไม่ทันสังเกตเห็นริ้วรอยก่อนหน้า เวลานี้เธอกำลังดำดิ่งลงไปในเพลิงไฟสีดำแห่งความใคร่โดยไม่สนสิ่งใดอีก
“น้องดาสวยมาก ตัวหอมจังเลย”
สิงห์กล่าวชมร่างงามไม่ขาดปาก คำชมเหล่านี้มาจากใจจริงโดยไม่ผ่านการบิดเบือนอันใด เขาชื่นชอบเรือนร่างของดาริกาจากใจ เขาจึงงัดเอาลีลารักมาปรนเปรอให้เธอจนสุดฝีมือ ลิ้นและฝ่ามือของเขาแตะสัมผัสเล้าโลมไปทั่วทุกตารางนิ้วของผิวขาวผ่องโดยไม่รู้เบื่อ
ปลายถันสีชมพูอ่อนโดนดูดเลียและขบเม้มด้วยลีลาชั้นเลิศ เด็กสาวไร้เดียงสาจึงกระตุกเฮือกดิ้นพราดด้วยความเสียวซาบซ่านจนแทบสำลักตาย และชายหนุ่มเองก็กำลังจะสำลักความสุขขากเนื้อเต้าเต่งนุ่มใหญ่ล้นมือด้วยเช่นกัน เขาจึงบ่นพึมพำชื่นชมเด็กสาวไม่ขาดปาก
“นี่มันนมหรือส้มโอกันแน่นะแม่คุณ ใหญ่อะไรขนาดนี้”
“พี่สิงห์ ช่วยดาด้วย ไม่ไหวแล้ว … อูยยสส พี่สิงห์ ช่วยด้วย”
ลีลาอันเลิศล้ำของชายหนุ่มที่กระตุ้นเล้าโลมไปทั่วทุกตารางนิ้วทำให้ดาริกาทานทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอส่งเสียงร้องขอความเห็นใจ ตอนนี้เธออยากให้เขาทำอะไรมากกว่านี้ อะไรที่มันรุนแรงสะใจยิ่งกว่านี้
“ถ้างั้นพี่จะใส่เข้าไปล่ะนะน้องดา”
สิงห์ยิ้มกริ่มที่มุมปากก่อนจะขยับร่างเตรียมสอดใส่ เขาจับสองขาของดาริกาถ่างอ้าออกจนสุด เขาแลบลิ้นเลียรอบปากขณะก้มลงมองดูความอวบอูมสวยงามที่มีร่องรอยหลักฐานการรุกล้ำของเขาค้างคาอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าดาริกาย่อมไม่รู้ตัว และเธอจะไม่มีวันรู้ความจริงข้อนี้เลย
“อื้ออออ … ซี้ดดสสสส … อื๊ออออออ …”
ร่างบางแสนสวยนั้นดิ้นพราดกระตุกเร่า ความสุขหฤหรรษ์ที่เธอถวิลหากำลังถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง ดุ้นเนื้ออวบใหญ่ของเขากำลังกดแทรกเข้าไปในความฟิตคับหนึบแน่นอย่างเชื่องช้า ดาริกาแน่ใจแล้วว่าเธอกำลังต้องการเจ้าสิ่งนี้อย่างที่สุด
สิงห์กัดฟันกรอดในแรงตอดรัดราวกับสรวงสวรรค์ ถึงแม้จะร่วมรักกับดาริกาไปแล้วหลายครั้ง แต่ว่าสิงห์ก็ยังคงรู้สึกเหมือนเพิ่งได้เปิดซิงเธอเป็นครั้งแรก เขาจึงส่งเสียงหอบครางอย่างมีความสุข ร่างแกร่งกำยำนั้นสั่นสะท้านระริกด้วยความเสียวขณะค่อย ๆ ขยับบั้นเอวซอยเข้าซอยออกอย่างเชื่องช้า
ความเสียวซ่านทำให้ดาริกาดิ้นพราดราวกับโดนไฟช๊อต ร่างงามบิดส่ายไปมาไม่หยุด ยิ่งเขาโหมกระแทกกระทั้นเข้าใส่ ความสุขก็ยิ่งเพิ่มพูนจนใบหน้าเด็กสาวบิดเบี้ยวส่ายสะบัดหน้าไปมา สิ่งที่เขามอบให้นั้นช่างสุขล้ำอย่างที่แท้จริง
ร่างงามกระตุกเฮือกเด้งไม่หยุด ยิ่งมาอาการกระตุกก็ยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเองก็เริ่มรับรู้ว่าเด็กสาวใกล้ถึงเต็มที เขาจึงเร่งโหมบั้นเอวกระแทกหนักหน่วงถี่ยิบ ส่วนสองมือนั้นก็เอื้อมขึ้นไปบีบขยำขยี้ใส่สองเต้าอวบอูมด้วยความเมามัน
“อื๊ออ … อื๊ออออ … อูยยยย … อื๊อออ … อะ อ๊ายยยยยยยยย”
ดาริกาหลับตาปี๋เด้งสะโพกเข้าหาชายหนุ่มโดยไม่ได้ควบคุมบังคับ ร่างกายของเธอเริ่มบิดเกร็งรุนแรงขึ้น จนกระทั่งเมื่อถึงจุดหนึ่ง ร่างงามก็กระตุกสะท้านสุดแรง เธอส่งเสียงหวีดแห่งความหฤหรรษ์ออกมา ร่างทั้งร่างบิดเกร็งไปกับกระแสความสุขที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง ดาริกาโดนส่งถึงสวรรค์ไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงตรงนี้แล้วปกติสิงห์มักจะปล่อยให้หญิงสาวได้ผ่อนคลายอารมณ์ก่อน จากนั้นจึงค่อยเริ่มเกมกามรอบใหม่ หากทว่าในเวลาเช่นนี้เขายังคงโหมเร่งกระแทกกระทั้นต่อไปไม่หยุด ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะแตกในใส่ดาริกาให้เธอรู้ตัว อย่างน้อยสาวสวยก็จะได้รู้ตัวว่าเธอเป็นของเขาแล้วโดยสมบูรร์
ร่างบอบบางกระตุกพราด ๆ ในขณะที่ร่างกำยำเร่งขย่มใส่ไม่ยั้ง ความเสียวจึงค้างอยู่ตรงจุดสุดยอดอีกเนิ่นนาน กว่าที่ชายหนุ่มจะส่งเสียงครางและอัดกระแทกฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในร่องรักของสาวสวย เธอก็สุขเสียวซาบซ่านจนแทบขาดใจตายคาที่อยู่ตรงนั้น
ดาริกายังคงกระตุกเฮือก ๆ ไม่หยุด ตอนนี้สิงห์หยุดขยับบั้นเอวเพื่อเสพซึมซับความสุขซาบซ่านจากการโดนตอดรัด เขาก้มหน้าลงไปบดจูบใส่ริมฝีปากบางสวย เขาแลกลิ้นพัวพันกับดาริกาโดยที่เธอเผยอปากเปิดทางให้เขาล่วงล้ำได้อย่างเต็มที่ อย่างน้อยในช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังเต็มไปด้วยความสุข เธอย่อมไม่มีความคิดอยากจะขัดขืน
ชายหนุ่มจูบปากอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งดาริกาเริ่มหายจากอาการเกร็งสะท้าน เขาจึงค่อยขยับถอนปากออกและมองดูปฏิกิริยาของดาริกาหลังจากที่ได้ระบายอารมณ์ออกไปแล้วด้วยความเงียบงัน
ดาริกาหลังจากที่ได้ระบายความอัดอั้นออกไป สติของเธอก็กลับมาส่วนหนึ่ง เธอเหม่อมองดูชายหนุ่มที่ห่างจากใบหน้าแค่คืบเดียวด้วยความรู้สึกสับสนว้าวุ่น มันคือความเขินอายในความร้อนร่านของตนเอง เธอเองก็ไม่นึกว่าตัวเองจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ แต่เรื่องสำคัญก็คือดาริกาเชื่อว่าพรหมจรรย์ของเธอที่เก็บไว้เพิ่งโดนเขาหยิบฉวยไป
“น้องดา พี่ขอโทษนะ พี่ทนไม่ไหวจริง ๆ พี่สัญญาว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
สิงห์มองดวงตาที่เริ่มแดงและมีหยาดน้ำตาเอ่อออกมา เขารีบชิงสวมบทบาทพี่ชายแสนดีแสดงความรับผิดชอบ ดาริกาจึงเหม่อมองดูเขาทั้งที่น้ำตากำลังไหลพราก อย่างน้อยเธอก็ยังรู้สึกดีอยู่บ้างที่เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ และหัวใจดวงน้อยของเธอก็กำลังปั่นป่วน จะอย่างไรเธอก็เป็นของเขาไปเสียแล้ว เธอไม่สามารถหลีกหนีจากความจริงข้อนี้ได้
“พี่สิงห์ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ … ไม่ใช่ความผิดพี่เลยสักนิด”
ดาริกากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานกว่าปกติ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ สิงห์ในสายตาของเธอนั้นคือชายหนุ่มแสนดีคนหนึ่ง และเขาก็ได้ยึดครองพื้นที่ส่วนหนึ่งในหัวใจของหญิงสาวที่เกลียดผู้ชายคนนี้ไปแล้ว
“ไม่ใช่ความผิดพี่ยังไงล่ะ ก็พี่เป็นคนทำ … เอาไว้พี่จะพาพ่อแม่ไปสู่ขอดาก็แล้วกันนะ ตกลงหรือเปล่า”
“… พี่สิงห์ …”
บทบาทชายแสนดีโดนแสดงออกมาโดยไม่หยุดหย่อน เด็กสาวไร้เดียงสาจึงยิ่งหลงคารมของชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าสิงห์ย่อมไม่ได้จริงจังกับคำพูดนี้นัก เขาเพียงแค่อยากผูกมัดจิตใจของดาริกาเอาไว้ จากนั้นเขาก็จะได้มีโอกาสทำอะไรกับเธอได้อีกเท่าที่ต้องการ และเขาไม่เชื่อว่าดาริกาจะเรียกร้องให้เขาขอเธอแต่งงานเร็วเกินไป
“พี่พูดจริงนะครับน้องดา ให้พี่รับผิดชอบเถอะ ทั้งเรื่องที่เบลล์ทำ รวมถึงเรื่องที่พี่ทำ อย่างน้อยก็ให้พี่ได้แสดงความรับผิดชอบบ้าง”
สิงห์มองเธอด้วยสายตาอบอุ่นแล้วก้มลงไปจูบหน้าผากของดาริกา หัวใจของเธอจึงยิ่งร้อนวูบวาบ เด็กสาวเหม่อมองดูเขาแล้วครุ่นคิด จิตใจของเธอย่อมเอนเอียงไปทางยอมรับข้อเสนอของเขา หากทว่าอีกใจหนึ่งนั้นเธอยังมีความลังเลบางอย่าง เธอจึงไม่สามารถพยักหน้าตอบรับข้อเสนอรับผิดชอบของเขาได้
“… ดาไม่อยากให้พี่รับผิดชอบหรอกค่ะ ถ้าดาจะแต่งงานกับใคร ดาอยากแต่งกับคนที่ดารัก และคนนั้นก็ต้องรักดา … ตอนนี้ดากับพี่สิงห์แทบจะไม่รู้จักกันเลย … ขอเวลาให้ดาสักหน่อยนะคะ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ดาริกาก็กล่าวออกมาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง สิงห์จึงมองดูเธอด้วยความรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เขาคิดว่าเขาอ่านผู้หญิงได้ทะลุปรุโปร่งทุกคน หากทว่าดาริกาดูจะมีความคิดบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึง เขาอาจจะรู้สึกหงุดหงิดในคำตอบของเธออยู่บ้าง หากทว่าอีกใจหนึ่งนั้นเขาก็รู้สึกว่าดาริกาเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง
“แล้วแต่น้องดาเถอะ งั้นเอาเป็นว่าเราคบกันเป็นแฟนก่อนดีหรือเปล่า เราจะได้เรียนรู้กันและกันมากกว่านี้”
“… ค่ะ … แต่ดาบอกไว้ก่อนนะคะ เป็นแฟนกัน ไม่ได้หมายความว่าดาจะใจง่ายยอมให้พี่ทำอะไรก็ได้”
ดาริกาไม่ปฏิเสธข้อเสนอคบหาเป็นแฟน กระนั้นเธอก็มีเงื่อนไขของเธอ และเงื่อนไขนั้นก็ทำให้สิงห์แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้หงุดหงิดรำคาญ หากทว่ายิ่งรู้สึกอยากกำราบแม่ทอมสาวแสนสวยคนนี้ให้สยบราบคาบแทบเท้ามากกว่าเดิม
“พี่ตกลง … แต่ตอนนี้ล่ะ … พี่ขอทำต่ออีกรอบได้หรือเปล่า”
สิงห์ตอบรับข้อเสนอแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกันนั้นเขาก็เริ่มขยับบั้นเอวซอยกระเด้าใส่ดาริกาด้วยจังหวะเนิบนาบ ความเสียวซาบซ่านจึงเล่นงานจนสาวสวยต้องบิดตัวส่งเสียงครางอีกครั้ง จะอย่างไรตอนนี้ยาปลุกอารมณ์ก็ยังคงทำงานอยู่ ร่างงามของดาริกาจึงยังคงเต็มไปด้วยความกำหนัดอยากระบายออก
ดาริกาเม้มปากส่งเสียงคราง ใจหนึ่งนั้นเธออยากให้เขาหยุดลงตรงนี้ หากทว่าความเสียวซ่านสะท้านทรวงนั้นทำให้เธอได้แต่ผวากอดและปล่อยให้เขาโหมเกร่งกระแทกใส่ต่อไป อารมณ์ของเธอถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็วยิ่ง
สิงห์ฟุบแนบร่างลงไปกอดพร้อมกับแอบยิ้มที่มุมปาก สะโพกของเขาเริ่มเร่งกระเด้าซอยยิกจนสาวสวยกอดเขาแน่นขึ้น ต่อให้ดาริกาพยายามสร้างเงื่อนไขอย่างไร แต่สิงห์เชื่อว่าเขาจะต้องสามารถทำให้เด็กสาวหลงใหลลีลารักของจนหัวปักหัวปำได้ไม่ยาก
เรื่องกามเรื่องราคะหากไม่เคยลิ้มลองก็แล้วไป แต่หากได้ลิ้มลองแล้วเขาไม่เชื่อว่าดาริกาจะไม่หลงใหลติดบ่วงราคะของเขา ร่างกำยำแกร่งจึงงัดเอาลีลารักออกมาเล้าโลมใส่เด็กสาวไร้เดียงสาแบบไม่ซ้ำท่า เสียงครวญครางของเด็กสาวที่โดนย้อมด้วยไฟราคะสีดำจึงกระเส่าดังไปทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสาง
………………………………………..
กานต์ สาวสวยวัยยี่สิบน้องสาวคนรองของตระกูลค่อย ๆ ย่องออกจากห้องพักในคอนโดอย่างเงียบเชียบ เธออาบน้ำสวมใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเรียบร้อยตามปกติ เสื้อนักศึกษานั้นหลวมเล็กน้อยไม่รัดรึงเรือนร่างเหมือนสมัยนิยม กระโปรงก็ยาวลงไปถึงข้อเท้า อีกทั้งเธอยังสวมใส่แว่นสีชมพูกรอบหนาปิดบังใบหน้าเอาไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งนี่คือการแต่งกายตามปกติของกานต์จนเธอถูกเรียกว่าป้าเฉิ่ม
ถึงแม้จะชอบแต่งกายเช่นนี้เพราะเป็นคนขี้อาย หากทว่าเสน่ห์ของกานต์นั้นก็ไม่ได้มีน้อยกว่าพี่สาวและน้องสาวแต่อย่างใด ทรวงอกและสะโพกที่เด้งชูชันนั้นดันเสื้อและกระโปรงออกมาจนโดดเด่นล้ำหน้าชวนให้ผู้คนน้ำลายสอ แต่ที่พิเศษกว่าปกติก็คือวันนี้เธอเลือกสวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ เพราะว่าเธอกำลังจะรีบออกจากบ้านแวะไปหาแฟนหนุ่มก่อนถึงเวลาเรียน
กานต์ออกจากบ้านตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง เธอไม่อยากให้ใครเห็น เธอจึงไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าดาริกาน้องสาวคนเล็กยังไม่กลับเข้าห้อง กระนั้นถึงแม้จะเดินทางเร็วกว่าปกติมากมาย สาววัยรุ่นที่กำลังมีความรักก็ยังรู้สึกว่าช้าเกินไปอยู่ดี เธอรู้สึกอยากจะเจอกับบอลแฟนหนุ่มที่เพิ่งได้เปิดบริสุทธิ์เธอไปเมื่อวาน
แน่นอนว่าความรู้สึกอยากเจอนี้เป็นเพราะความรักของวัยรุ่นส่วนหนึ่ง และเป็นเพราะความต้องการทางเพศส่วนหนึ่ง กานต์นั้นไม่ได้ต่างอะไรกับวัยรุ่นสาวสวยที่เพิ่งได้สัมผัสรสรักอันหวานฉ่ำจนติดอกติดใจ
นักศึกษาสาวสวยเลือกเดินทางด้วยรถแท็กซี่ เนื่องจากเธอไม่แน่ใจนักว่ารถไฟฟ้าที่ใช้งานตามปกติจะเปิดหรือยัง อีกทั้งในเวลาเช้าเช่นนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องรถติดนัก ถึงแม้ว่าอากาศจะครึ้มฟ้าครึ้มฝน และรู้สึกขัดเขินไม่ค่อยปลอดภัยอยู่บ้าง เพราะว่าคนขับนั้นคอยแอบมองเธอผ่านกระจกราวกับจะจับเธอไปกลืนกิน แต่สุดท้ายเธอก็ไปถึงที่หมายซึ่งเป็นคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็วตามคาด อย่างน้อยระหว่างการเดินก็ไม่มีฝนตกลงมา
กานต์เดินยิ้มกริ่มเข้าไปในคอนโดอย่างมีความสุข โลกของเธอเหมือนกลายเป็นสีชมพูเพราะความรัก ถึงแม้ว่าเธอจะเพิ่งรู้จักกับบอล หากทว่าจะอย่างไรเธอก็เป็นของบอลแล้ว เธอจึงวางเขาอยู่ในตำแหน่งชายคนรัก และการที่เธอมาหาเขาในครั้งนี้เธอก็ไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่เลือกที่จะแอบมาทำให้เขาตกใจเล่น
ประตูห้องโดนเปิดออกอย่างเงียบเชียบ กานต์ค่อย ๆ ถอดกุญแจห้องเก็บไว้ในกระเป๋าด้วยท่าทีระแวดระวังไม่ให้เกิดเสียงดัง กุญแจดอกนี้เธอได้รับมาจากบอล เขาบอกว่าเธอสามารถมาหาเขาได้ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงใช้สิทธินั้นทันทีตั้งแต่วันแรก
ภายในห้องนั้นยังปิดไฟเงียบ ซึ่งคงเป็นปกติเพราะว่าแสงแดดยังไม่ทันขึ้นผ่านขอบฟ้าและด้านนอกก็ยังมีเมฆฝน กานต์ยืนปรับสายตากับความมืดแล้วมองสอดส่องไปมา ก่อนจะพบว่าบนที่นอนนั้นมีเงาร่างหนึ่งนอนอยู่ และนั่นน่าจะต้องเป็นแฟนหนุ่มของเธอโดยไม่ต้องสงสัย
นอกจากร่างบนเตียงนอนแล้ว กานต์ยังสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอีกอย่างหนึ่งในห้อง ซึ่งก็คือขาตั้งสำหรับวาดรูปที่วางอยู่ข้างเตียง บนขาตั้งนั้นมีรูปวาดที่เธอมองไม่เห็นรายละเอียดเพราะความมืด
แรกสุดเธอไม่ได้คิดสนใจอะไรกับรูปนี้มากนัก แต่ขณะที่เธอกำลังจะละความสนใจ ที่นอกหน้าต่างก็มีแสงสว่างจากฟ้าแลบลอดผ่านเข้ามาแวบหนึ่ง และแสงเพียงแวบเดียวนั้นทำให้กานต์มองเห็นรายละเอียดของภาพวาดที่ยังไม่เสร็จดี เธอจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะว่าหญิงสาวในรูปนั้นดูคล้ายกับพี่แก้วของเธอมาก
กานต์รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ไม่มากพอขนาดที่จะเปิดไฟเพื่อดูรูปนั้น เธอคิดว่าตัวเองอาจจะตาฝาด หรือไม่รูปนั้นก็อาจจะแค่คล้ายกับพี่แก้วของเธอโดยบังเอิญ เธอจึงหันไปสนใจเงาร่างที่นอนอยู่บนเตียงมากกว่า
กานต์แอบยิ้มน้อย ๆ ในความมืดด้วยความซุกซน เธอค่อย ๆ เดินย่องเข้าไปหายืนที่ขอบเตียงแล้วมองดูเงาร่างของเขาแล้วครุ่นคิด ความจริงแล้วเธออยากจะมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วกอดทำให้เขาตกใจเล่น แต่พอนึกได้ว่าเสื้อผ้านักศึกษาอาจจะยับได้เธอจึงลังเลใจวูบหนึ่ง
สาวสวยมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจวางกระเป๋าและถอดแว่นลงบนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นจึงลงมือปลดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่เพียงชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำ เธอยืนสูดลมหายใจด้วยความตื่นเต้นขัดเขินครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับขึ้นไปบนเตียง มุดเข้าไปในผ้าห่มอบอุ่น แล้วค่อย ๆ ขยับร่างนุ่มนิ่มกระแซะเข้าไปหาร่างของชายหนุ่มที่นอนหงายส่งเสียงกรนแผ่วเบาออกมา
กานต์ขยับเข้าไปช้า ๆ ค่อย ๆ จับแขนซ้ายของเขาขึ้นมาวางข้างหมอน จากนั้นจึงกระแซะร่างอวบอิ่มหอมกรุ่นเข้าไปนอนตะแคงเบียดกับร่างแกร่งกำยำของชายหนุ่ม เธออาศัยแขนของเขาแทนหมอน ในขณะที่ทรวงอกและร่างนุ่มนิ่มนั้นกำลังบดเบียดใส่ร่างด้านข้างของเขา
เธอยิ้มขบขันและหงุดหงิดไปพร้อมกัน เพราะชายหนุ่มยังไม่รู้สึกตัว แต่เธอไม่มีแผนจะปลุกเขาให้ตื่นเนื่องจากเกรงว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อน เธอแค่เพียงนอนกอดเขาแล้วสูดดมกลิ่นกายของชายหนุ่มอย่างมีความสุข เธอตั้งใจจะนอนกอดเขาเงียบ ๆ เช่นนี้จนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอนอนกอดเขาได้ครู่หนึ่ง อารมณ์ของเธอก็เริ่มปั่นป่วนร้อนรุ่มขึ้นมา สาวสวยจึงค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้าไปหอมแก้มสากของชายหนุ่มเบา ๆ มือซ้ายของเธอขยับไปวางบนแผงอกกำยำ ขณะที่ขาซ้ายยกขึ้นพาดไปบนขาของเขา และตอนนี้ขาขาวเรียวของเธอก็สะดุดเข้ากับเป้ากางเกงที่แข็งเป็นท่อนไม้ของเขา
กานต์หอบหายใจแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น เธอหอมแก้มเขาอีกครั้งด้วยความรักใคร่ ก่อนจะอ้าปากงับแลบลิ้นฉกเลียใส่ใบหูของชายหนุ่ม มือซ้ายของเธอนั้นลูบไล้ไปบนแผงอกของเขา ส่วนขาซ้ายนั้นก็ขยับบดใส่ความเป็นชายของเขาด้วยความกะสันรัญจวน เธอเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว เธอจึงไม่อยากให้เขานอนหลับต่อไปอีก
“บอล … กานต์เอง … ตื่นได้แล้ว”
สาวสวยกระซิบบอกเขาที่ข้างหูเมื่อเขาเริ่มขยับตัวตื่นขึ้นมา จากนั้นเธอก็แลบลิ้นเลียละเลงที่ใบหูของชายหนุ่มต่อไป ส่วนชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นขึ้นมานั้นดูจะแสดงท่าทีงุนงงสักหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงหรือแสดงท่าทีอะไรออกมาเป็นพิเศษ
“ถ้าเหนื่อยก็นอนต่อนะบอล … ยังไม่เช้าเลย”
กานต์พูดเสียงกระเส่าที่ข้างใบหู เธอย่อมไม่ได้หมายความอย่างที่พูด ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ลงมือก่อกวนจนเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแบบนี้ เธอก็แค่พูดไปตามจริตสตรีที่ไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก หลักฐานก็คือตอนนี้มือซ้ายของเธอได้ลูบไล้ลงไปที่กล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา แล้วไล่ลงไปตะปบที่ท่อนไม้ในเป้ากางเกงของชายหนุ่มด้วยอารมณ์โหยหา
การลงมือของกานต์เรียกเสียงครางแผ่วเบาออกมาจากปากชายหนุ่มได้สำเร็จ ขณะที่เธอกำลังแอบยิ้มพอใจ เขาก็เริ่มขยับเอียงตัวยกแขนขึ้นมารวบกอดรั้งร่างของเธอเข้าหาแล้วประกบปากจูบโดยไม่บอกกล่าว
กานต์ตกใจอยู่บ้าง หากทว่าเธอย่อมไม่ขัดขืนต้านทาน เมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัส ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อนก็เผยออ้ารับเปิดทางให้เขาแทรกลิ้นเข้ามาพัวพันอยู่ในโพรงปาก เธอจูบแลกลิ้นกับเขาพร้อมกับกอดรั้งร่างของเขาเข้าหา
เธอรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่รสจูบดูจะเปลี่ยนไป หากทว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เธอรู้สึกว่าจูบคราวนี้ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเร้าอารมณ์กว่าที่เคย และในเมื่อมันดีกว่าเดิม เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากซึมซาบความสุขด้วยการกอดนัวเนียและจูบกับเขาต่อไป
“อืม บอล … เสียวจัง … อือ … ซี้ด …”
หลังจากการจูบปากแลกลิ้น ชายหนุ่มก็พลิกตัวขึ้นเป็นฝ่ายคร่อมทับ เขาเริ่มจูบไซร้ไปตามพวงแก้มและซอกคอของกานต์ กานต์จึงเริ่มส่งเสียงครางออกมาอย่างมีความสุข โดยเฉพาะเมื่อเขาขยับลงไปซุกหน้าตรงกลางทรวงอกอวบอิ่มเต่งตึง เธอถึงกับเด้งสะท้านเฮือกด้วยความเสียว
ในความมืดนั้นชายหนุ่มปลดยกทรงของเธอออกแล้วก้มหน้าฟอนเฟ้นฟัดใส่เต้านมอวบอิ่มของเธออย่างเมามัน กานต์สะบัดหน้าไปมาพร้อมกับแอ่นอกอวบเข้าหาชายหนุ่ม เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แตกต่างออกไป ลีลาของชายหนุ่มดูจะช่ำชองเร้าอารมณ์เธอได้มากกว่าเก่า แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังมีอารมณ์ร่วมมากกว่าเมื่อวานก็เป็นได้
“บอลจ๋า … ไม่ไหวแล้ว … รีบทำเถอะ … อือ … เสียวจัง …”
กานต์โดนดูดและขย้ำทรวงอกอยู่ราวห้านาที อารมณ์ของเธอก็เริ่มพุ่งไปยังจุดสูงขึ้น เธอกอดเขาแน่นแล้วอ้อนวอนร้องขอ ถึงแม้จะชอบความรู้สึกตอนโดนเขาฟอนเฟ้นดูดกินเต้านม แต่เธอก็โหยหาอยากได้รับความเสียวจากแก่นกายของเขามากกว่า หรือหากเป็นไปได้ก็ทำสองอย่างพร้อมกันจะดีกว่า
ชายหนุ่มไม่ส่งเสียงตอบรับ หากทว่าอ้าปากปล่อยเต้านมที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายของเธอให้เป็นอิสระ เขาขยับตัวจัดท่าจัดทางเล็กน้อย สองขาขาวเพรียวโดนจับอ้าถ่างออก จากนั้นเงาร่างของชายหนุ่มก็ขยับลงไปทรุดนั่งตรงกลางหว่างขาเตรียมเดินหน้าลุยตามที่กานต์ร้องขอ
กานต์ก้มลงมองเงาร่างในความมืดด้วยความตื่นเต้นระทึก เธอจิกมือลงไปบนผ้าปูเตียงรอคอยช่วงเวลาแห่งความสุขที่เธอต้องการ และเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอรอนานเกินไป หลังจากจับเอาหมอนมาวางรองรับเอาไว้ที่สะโพกของเธอแล้ว เขาก็เริ่มเดินหน้ากดแทรกความยาวใหญ่เข้าไปในความฉ่ำชื้นฟิตแน่นทีละน้อย
สาวสวยกระตุกเฮือกสูดปากสั่นระริกทุกขณะที่เขารุกล้ำเข้ามาในร่าง เธอสูดปากหอบหายใจหนักหน่วงพร้อมกับสะบัดหน้าไปมาด้วยความเสียวซาบซ่าน เธอรู้สึกจุกที่ท้องน้อยไปพร้อมกับความสุขเสียว เมื่อเขารุกเข้ามาได้ส่วนหนึ่ง ความเสียวของเธอก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นมาส่วนหนึ่ง และมันคือความสุขที่เพิ่มพูนทีละน้อยอย่างเชื่องช้าเนื่องจากความคับแน่น
กานต์ถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อเขาสอดใส่เข้ามาได้จนสุดทาง เธอเองก็ได้ยินเสียงเขาสูดปากออกมาเช่นกัน เพียงแต่เสียงนั้นไม่ค่อยคุ้นหูนัก อีกทั้งเธอยังรู้สึกผิดปกติอะไรบางอย่าง แก่นกายของเขาดูจะยาวและใหญ่กว่าก่อนหน้า มันจึงสอดเข้าไปได้ลึกมากกว่าที่เคย อีกทั้งยังทำให้เธอรู้สึกตึงแน่นในร่องหลืบมากกว่าที่เคย
เธอสงสัยหากทว่าไม่ทันได้คิดอะไรมากก็ต้องส่งเสียงสูดปากครางซี้ดออกมายาวเหยียด เพราะเขาเริ่มขยับบั้นเอวโยกเข้าโยกออกเริ่มจากเนิบนาบเชื่องช้า หากทว่าแต่ละครั้งนั้นหนักแน่นเข้าสุดออกสุดสร้างความเสียวซ่านได้อักโข
กานต์ได้ยินเสียงชายหนุ่มสูดปากครางเช่นกัน และความรู้สึกผิดปกตินี้ก็ทำให้เธอต้องหรี่ตาปรือมองดูเงาร่างของเขาที่กำลังขยับอยู่ในแสงสลัว เวลานี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาบ้างแล้ว และแสงสว่างนั้นก็ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องจนไม่ได้มืดสนิทเช่นก่อนหน้านี้
“ใครน่ะ … ว้าย … อย่านะ … ใครเนี่ย ไม่ใช่บอลนี่นา … อ๊ะ อ๊ะ … อูยยยยส อย่า … ไม่เอานะ … อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ … ซี้ดดสส”
สาวสวยส่งเสียงร้องออกมาด้วยความแตกตื่นเมื่อได้เห็นเงาร่างนั้นชัดขึ้น เธอยังไม่แน่ใจว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร หากทว่าเธอแน่ใจว่าชายคนนี้จะต้องไม่ใช่แฟนหนุ่มของเธอ เธอจึงพยายามร้องห้ามและดิ้นรน แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยเธอไปไหน เขาใช้น้ำหนักตัวและเรี่ยวแรงกดร่างของเธอเอาไว้พร้อมกับเร่งความเร็วขย่มใส่ให้หนักหน่วงกว่าเดิม
เจอไม้นี้เข้าไป กานต์ก็เสียวจนตัวงอพูดอะไรไม่ออก รสเสียวของชายคนนี้รุนแรงยิ่งกว่าบอลพอสมควร สาวสวยจึงได้แต่หลับตาปี๋สะบัดหน้าไปมารับความเสียวซาบซ่านที่เขาบรรจงยัดเยียดให้ และเพียงครู่เดียวสะโพกผึ่งผายก็เริ่มเด้งรับจังหวะการขย่มของเขาโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“อูย กานต์สุดยอด เอามันจริง ๆ ตอดอะไรขนาดนี้ นมก็ใหญ่สุดยอด ตอนแรกนึกว่าไอ้บอลมันพูดโม้เสียอีก อูย เสียว ซี้ด วันนี้ไอ้บอลมันไปแข่งกีฬาต่างจังหวัดตั้งแต่เช้ามืด กลับอีกทีก็พรุ่งนี้โน่นแน่ะ มันไม่ได้บอกไว้เหรอ”
ชายหนุ่มคนนั้นเหมือนจะรู้ว่าไม่ต้องปิดบังตัวเองแล้ว เขาจึงส่งเสียงพูดออกมาพร้อมกับโหมเร่งตะบี้ตะบันมอบความสุขให้แก่กานต์แบบถี่ยิบ เวลาเดียวกันนั้นสองมือของเขาก็ขยับมาบีบขย้ำสองเต้าอวบอิ่มของกานต์อย่างหนักหน่วงรุนแรงไม่แพ้กับด้านล่าง
ขนาดที่ยาวใหญ่และความแข็งแกร่งที่กระแทกกระทั้นนั้นทำให้กานต์แทบคลั่ง เธอได้รับทราบคำตอบที่ต้องการแล้ว ที่แท้บอลแฟนหนุ่มของเธอไม่ได้อยู่ห้องเพราะไปแข่งกีฬา กานต์จึงพลาดท่าโดนใครก็ไม่รู้มีอะไรด้วย แต่จะให้โทษใครก็ไม่ได้ เพราะว่าสาเหตุหลักนั้นมาจากความซุกซนของเธอเองที่ไม่โทรบอกบอลไว้ล่วงหน้าว่าจะมาหา
กานต์ไม่ทราบว่าควรทำตัวอย่างไร เธอทราบแค่ว่าตอนนี้เธอกำลังมีความสุขกับลีลาของชายหนุ่มคนนี้มากจนสะโพกเด้งลอยไม่ติดเบาะ เธอจึงไม่มีความคิดที่จะขัดขืนอย่างจริงจัง จะอย่างไรเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วจะให้เธอทำอย่างไรได้
เมื่อเวลาผ่านไปอีก ท้องฟ้าที่สว่างจ้ากว่าเดิมทำให้กานต์มองเห็นรายละเอียดของใบหน้าและรูปร่างของชายหนุ่มได้มากขึ้น เขาเป็นหนุ่มหล่อคนละแบบกับบอล ชายคนนี้ผิวขาวหล่อแบบคุณชายในละครทีวี เขายังหนุ่มแน่นแต่น่าจะไม่ใช่วัยนักศึกษา ส่วนร่างกายของเขานั้นแม้จะไม่มีกล้ามเนื้อมากเท่าบอล แต่ก็ถือว่าแข็งแรงกำยำเหมือนพวกนายแบบทีเดียว
กานต์มองแค่นั้นก็หลับตาปี๋จิกมือลงบนผ้าปูเตียงแล้วส่งเสียงร้องครางออกมา เพราะว่าเขาเริ่มเร่งเครื่องขย่มใส่เธอหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม ขนาดที่ยาวใหญ่กว่าบอลทำให้ของเขาสอดลึกเข้าไปถึงจุดที่เธอยังไม่เคยโดนรุกล้ำ และความรู้สึกนั้นก็ช่างเสียวสุดยอดจนเธอตัวกระตุกเฮือกถี่หยิบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ใบหน้าสวยนั้นบิดเบี้ยวเหยเกเพราะเริ่มทนรับความเสียวไม่ไหว ในที่สุดร่างของเธอก็เริ่มกระตุกอย่างรุนแรง เธอส่งเสียงหวีดร้องออกมาดังลั่นกว่าที่เคยทำ เพราะความรู้สึกในตอนนี้มันรุนแรงกว่าที่เคยเป็น
เธอเสร็จสมไปแล้วหนึ่งรอบ แต่ชายหนุ่มนั้นยังไม่ เขาจึงยังคงโหมกระเด้าใส่เธอต่อไปอีกพักใหญ่ กานต์หลับตาปี๋เพราะโดนความสุขหฤหรรษ์เล่นงานจนยากจะบรรยาย ร่างของเธอดิ้นพราดกระตุกเฮือกซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ ก่อนจะสงบลงได้เมื่อเขาหยุดเคลื่อนไหวและฉีดกระฉูดความร้อนผ่าวหลั่งทะลักเข้าไปในร่องรักจนท่วมท้น
ถึงแม้จะยังไม่ทราบว่าเขาคือใคร แต่ในห้วงอารมณ์เช่นนี้เมื่อเขาฟุบร่างลงมาหา เธอก็อ้าแขนโอบกอด และจูบปากแลกลิ้นกับเขาไปตามอารมณ์อันเร่าร้อน จากนั้นทั้งคู่จึงค่อย ๆ หยุดเคลื่อนไหวลงทีละน้อยเพื่อพักเหนื่อยและซึมซาบความสุขจากการร่วมรัก
กานต์นอนนิ่งหอบกระเส่ากอดร่างแกร่งกำยำของชายหนุ่มแปลกหน้าเอาไว้ด้วยความรู้สึกสับสน ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นอีกส่วนหนึ่ง แสงจึงลอดผ่านหน้าต่างห้องเข้ามาทำให้ห้องนอนสว่างขึ้นอีกส่วนหนึ่งจนเริ่มเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้น
“… นายเป็นใคร … ทำไมมาอยู่ในห้องบอล”
เวลาผ่านไปราวห้านาที ลมหายใจของกานต์จึงค่อยสงบเป็นปกติ เธอค่อยรวบรวมความกล้าเอ่ยปากถามออกมา ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำถาม เขาขยับขึ้นมาทำท่าจะจูบปากกานต์ แต่ว่าเธอขยับเบือนหน้าหลบ เขาจึงทำได้แค่หอมแก้มเธอหนึ่งครั้ง
“ผมเป็นญาติของบอล พอดีแอร์ที่ห้องเสีย ก็เลยมาขอนอนห้องไอ้บอลมันหนึ่งคืน เธอชื่อกานต์ซินะ เมื่อวานไอ้บอลมันเล่าให้ฟังว่าเพิ่งได้เอาดาวมหาลัยชื่อกานต์ แล้วมันก็ให้กุญแจห้องกานต์ไว้ด้วย แต่มันคงไม่นึกมั้งว่าดาวมหาลัยของมันจะแอบย่องมาหามันตั้งแต่เช้ามืดแบบไม่บอกกล่าว ผมเลยได้ลาภลอยส้มหล่นดังโครม”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขบขัน กานต์จึงขมวดคิ้วให้กับความโชคร้ายของตนเอง ทุกอย่างดูลงตัวเกินไปราวกับโดนสวรรค์กลั่นแกล้ง เธอจึงต้องมาเสียตัวให้กับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ กระนั้นเมื่อขบคิดให้ดี ในส่วนลึกของจิตใจแล้ว เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก และเขาเองก็ยังทำให้เธอมีความสุขได้มากกว่าที่บอลให้ด้วยซ้ำ
“คนฉวยโอกาส … ทำไมไม่บอกกันก่อน”
“ทำไมต้องบอกล่ะ จริง ๆ ตอนแรกก็ว่าจะพูดอยู่หรอกนะ แต่พอได้ยินกานต์บอกชื่อตัวเอง ผมก็เปลี่ยนใจ เพราะว่าเมื่อคืนไอ้บอลมันโม้นักโม้หนาว่ากานต์สวยสุดยอดอย่างโน้นอย่างนี้”
“สรุปก็คือฉวยโอกาส มายุ่งกับแฟนของเพื่อน”
“แฟนจริงเหรอ กานต์ก็แค่อยากได้ใครสักคนไว้ระบายมากกว่ามั้ง บอลมันเล่าให้ฟังแล้วล่ะว่าเมื่อวานกานต์มาขอให้มันเปิดซิง ทั้งที่ไม่เคยได้คุยอะไรกันมาก่อนสักคำ”
ชายหนุ่มพูดแทงใจดำจนกานต์ตอบโต้ไม่ออก เพราะว่านั่นคือความจริง มันคือความจริงที่เธอทำตัวใจง่ายร่านราคะ หากให้เทียบกันแล้วเธอก็แทบไม่รู้จักบอลเลยตอนที่ให้เขาเปิดบริสุทธิ์ สำหรับชายหนุ่มคนนี้ก็แทบไม่ได้แตกต่างกัน ต่างกันก็แค่เธอไม่รู้จักชื่อเขาก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามคงเป็นการยากที่จะให้ผู้หญิงยอมรับความผิดตัวเอง กานต์ก็เป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไป เธอเลือกที่จะมองข้ามความผิดของตัวเอง แล้วหันไปโกรธเคืองบอล โทษฐานที่บอลไม่ยอมบอกเรื่องเพื่อนมาค้างคืนที่ห้อง อีกทั้งยังเอาเรื่องของเธอไปกระจายให้คนอื่นรู้ อีกทั้งเธอยังโยนความผิดไปให้ชายคนนี้ด้วย โทษฐานที่ไม่ยอมบอกเธอตั้งแต่แรก
“บอลเล่าอะไรให้ฟังบ้าง”
“โอย เล่าละเอียดยิบเลยล่ะ เริ่มตั้งแต่ตอนที่เจอกานต์ในสถานีรถไฟฟ้า แล้วกานต์ก็ขอมาขึ้นห้อง เล่าละเอียดยิบถึงขนาดว่าเล่นกับกานต์ไปกี่ท่า น้ำแตกไปกี่น้ำ เอากันตรงไหนล้าง”
“บอลเล่าให้นายฟังคนเดียวหรือเปล่า”
“เมื่อคืนเล่าให้ฟังคนเดียว แต่นิสัยแบบไอ้บอล ตอนนี้มันคงเล่าให้เพื่อนนักกีฬารู้กันหมดแล้วมั้ง ดีไม่ดีวันนี้ข่าวคงกระจายไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยแล้ว”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้กานต์หน้าชาพูดไม่ออก ความรู้สึกดี ๆ ที่พยายามมอบให้บอลแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เธอรู้สึกโกรธและรังเกียจบอลจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา เธอไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำเรื่องผิดพลาดถึงเพียงนี้ เธอเลือกคนผิดไปอย่างแท้จริง
“อย่าเครียดเกินไป เรื่องแค่นี้เอง ผมมีทางแก้”
ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มกานต์อีกฟอด ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาหยิบชายผ้าห่มมาเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มให้เธอ กานต์จึงกลอกดวงตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตาไปมองเขาเพื่อพยายามค้นหาความจริง ก่อนจะพยายามกลั้นใจถามออกไป
“… แล้วกานต์ต้องทำยังไงคะ”
“เรื่องนี้ไม่ยาก แต่ถ้าจะให้บอกก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนกันหน่อย”
“ของแลกเปลี่ยนอะไรคะ”
“อืม … เอาเป็นว่า จนกว่ากานต์จะเรียนจบ กานต์จะต้องเป็นกิ๊กให้ผม ถ้าพูดให้ตรงกว่านี้ ก็คือคู่นอนนั่นแหละ ถ้าเรียกไปเจอกันก็ต้องไปเจอกัน พอเสร็จก็แยกย้าย ไม่ต้องผูกพันธุ์เป็นแฟน”
“ทุเรศ”
กานต์ขมวดคิ้วด่าเขาโดยไม่ต้องคิดมาก เพราะว่าข้อเสนอเช่นนี้เขามีแต่ได้กับได้ ในขณะที่เธอนั้นมีแต่จะเสียตัวให้เขาไปเรื่อย ๆ
“ถ้าไม่รับข้อเสนอก็แล้วไป แต่นึกดูให้ดีนะ วันนี้ข่าวดาวมหาวิทยาลัยขอผู้ชายขึ้นห้องจะกระจายไปทั่ว หลังจากนี้กานต์จะทำยังไง พ่อแม่ของกานต์จะคิดยังไง เมืองไทยยิ่งดัดจริตอยู่ด้วย ผู้หญิงเสียตัวน่ะมีความผิดยิ่งกว่าไปฆ่าคนวางเพลิงเสียอีก”
“…”
สาวสวยพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง สิ่งที่เขาพูดนั้นนับว่าเป็นปัญหาที่เธอหวาดกลัวที่สุด ตอนนี้เธอจึงเริ่มลังเลกับข้อเสนอของเขา และเธอก็เริ่มมีความคิดที่จะแกล้งตกลงไปก่อน จากนั้นเมื่อปัญหาคลี่คลายเธอก็ค่อยยกเลิกสัญญา ตอนนั้นใครจะทำอะไรเธอได้
“ก็ได้ … ตกลง แต่ถ้าวันไหนเราไม่สะดวก เราก็จะไม่ไปหานาย”
“ได้ แต่ผมว่าถ้าผมเรียก กานต์ต้องสะดวกแน่ ๆ เพราะว่ากานต์เป็นสาวร้อนรัก ดีไม่ดีกานต์จะเป็นฝ่ายเรียกผมเองด้วยซ้ำ หรือถ้ากานต์ไม่ไปหา กานต์ก็ต้องไปหาผู้ชายสักคนให้ระบายอารมณ์ให้อยู่ดี แบบนี้สู้มาหาผมไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยก็เคยเอากันแล้ว แถมกานต์ก็เหมือนจะชอบลีลาผมมากด้วย จริง ๆ แบบนี้ต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ”
สาวสวยสะอึกไปอีกครั้งเพราะโดนพูดแทงใจดำ เธออยากจะพูดแย้งแต่ก็พูดแย้งไม่ออก เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง ชายคนนี้มองเธอออกยิ่งกว่าเธอรู้จักตัวเองเสียอีก แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง ตอนนี้กานต์ต้องการทางแก้ไขปัญหาใหญ่เบื้องหน้าก่อน
“… สรุปว่าตกลง … แล้วต้องให้กานต์ทำยังไง”
“สรุปว่าตกลงนะ งั้นเดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย แล้วจะออกมาอธิบายให้ฟัง”
หนุ่มหล่อคนนั้นยิ้มให้เธอ ก่อนจะขยับถอนแก่นกายที่ยังแข็งเป็นลำออกไปเพื่อเข้าห้องน้ำ กานต์หน้าแดงเขินเล็กน้อยเมื่อเธอเผลอเด้งสะโพกตามไปด้วยตอนที่เขาถอนของเขาออกไป เธอรู้สึกได้ถึงความโหวงเหวางว่างเปล่าไม่อยากให้เขาถอนตัวออกไปจากร่างตนเอง
กานต์นอนเหม่อมองเพดานครู่หนึ่ง แล้วจึงพยายามพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง เธอรวบเอาผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วมองสำรวจไปรอบห้อง เธอสังเกตเห็นสิ่งแปลกตาสองอย่างในห้อง อย่างแรกคือขาตั้งสำหรับวาดรูป แต่เธอไม่เห็นว่าเป็นรูปอะไรเนื่องจากมุมนี้เห็นแค่เพียงด้านข้าง ส่วนอย่างที่สองนั้นคือชุดเครื่องแบบสีฟ้าเหมือนหน่วยรักษาความปลอดภัยที่แขวนอยู่ข้างฝาผนัง ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะใช่ของบอล
“ชุดทำงานของผมเอง ผมเป็นยามรักษาความปลอดภัยน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ วันนี้ผมไม่ต้องเข้าเวร มีเวลาให้กานต์ทั้งวันทั้งคืนเลย”
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเฉลยให้กานต์ฟัง เพราะเห็นว่ากานต์กำลังมองชุดเครื่องแบบด้วยความสงสัย กานต์จึงหันไปมองหนุ่มหล่อคนนั้นด้วยความแปลกใจ เธอแทบไม่อยากเชื่อหนุ่มหล่อวาทะศิลป์ดีคนนี้จะทำงานเป็นยาม
“ส่วนอันนี้เป็นงานอดิเรกของผมเอง ผมชอบวาดรูป”
เขายักไหล่แล้วเดินอ้อมเตียงไปยืนที่ด้านหน้าของขาตั้งวาดรูป เขามองดูภาพบนแผ่นกระดานนั้นแล้วยิ้มน้อย ๆ ทำให้กานต์รู้สึกอยากเห็นรูปนั้นสักครั้ง เพราะเธอนึกเชื่อมโยงไม่ออกจริง ๆ ว่าหนุ่มหล่อเช่นเขาจะเป็นยามได้อย่างไร และยามที่ไหนจะมีงานอดิเรกเป็นการวาดรูป
“นายชื่ออะไร”
“นึกว่าจะไม่ถามเสียอีก ผมชื่ออาร์ท มาจากคำว่าศิลปะน่ะแหละ”
“อาร์ท … เดี๋ยว … นายจะทำอะไรน่ะ”
กานต์พูดทวนชื่อของเขาเพื่อจดจำ ก่อนจะแสดงท่าทีตื่นตกใจเมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็ทำตามข้อตกลงไง กานต์บอกแล้วว่ายอมเป็นคู่นอนให้ตามที่เรียกให้มาหา ตอนนี้ผมก็เลยอยากจะมีอะไรกับกานต์อีกรอบ”
เขาพูดพลางขยับขึ้นมากระชากผ้าห่มลงไปข้างเตียง กานต์จึงส่งเสียงร้องวี้ดว้ายพยายามยกมือขึ้นปิดป้องเนื้อตัวเปลือยเปล่าของตนเอง แต่ว่าการกระทำของเธอนั้นเรียกว่าเปล่าประโยชน์ เพราะเพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็ขยับมาขึ้นคร่อมจับเธอนอนหงายหมดแรงดิ้นได้อย่างรวดเร็ว กานต์จึงได้แต่พยายามเจรจาต่อรอง
“เดี๋ยวก่อนอาร์ท นายต้องช่วยแก้ปัญหาก่อนซิ ถ้าทำแบบนี้มันผิดกับข้อตกลงนี่นา”
“ผิดตรงไหนล่ะ เรื่องแก้ปัญหารับรองว่าสบาย ๆ และผมก็ทำตามข้อตกลงทุกอย่าง แต่กานต์เองต่างหากที่คิดจะลักไก่ พอผมบอกทางแก้ปัญหาไปแล้วกานต์ก็จะไม่ทำตามข้อตกลงแน่ ผมเลยต้องสร้างหลักฐานการทำสัญญาเอาไว้สักหน่อย”
กานต์หน้าแดงวูบเมื่อเขาพูดแทงใจดำเธออีกรอบ เขาดูจะรู้ทันความคิดของเธอได้จนไม่อยากเชื่อ อีกทั้งยังมือไวใจเร็วฉวยโอกาสลวนลามเธอได้ตลอดเวลา พอเธอเผลอแค่หน่อยเดียวเขาก็ก้มหน้ามาซุกไซร้ซอกคอและขยำนมเต้าเต่งจนเธอเสียวสูดปากครางออกมาแล้ว
“เดี๋ยวก่อน … อืมมม … อย่า … ซี้ด … อาร์ท … อย่า … พอแล้ว … อูย … อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ …”
กานต์พยายามร้องห้ามและปัดป้องร่างกาย หากทว่าเขาคล่องแคล่วและแข็งแรงกว่ามาก เขาขยับจับร่างเธอหน่อยเดียวก็สามารถสอดใส่ดุ้นเอ็นยาวใหญ่เข้ามาในร่างของเธอได้อีกครั้ง และเมื่อโดนจู่โจมเช่นนี้ กานต์ก็หมดเรี่ยวแรงตัวอ่อนปวกเปียกทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
“ผมจะถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ใครดู และไม่ให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเรา ถ้ากานต์ทำตามสัญญาจนเรียนจบ ผมจะลบมันทิ้ง แต่ถ้าผิดสัญญาผมจะปล่อยคลิป เอาล่ะนะ คลิปปล้ำดาวมหาลัยเริ่มได้”
อาร์ทพูดพลางหยิบฉวยเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย พร้อมกันนั้นเขาก็เริ่มขยับบั้นเอวขย่มใส่จนกานต์หลับตาปี๋ดิ้นพราดด้วยความเสียว เธอพยายามยกมือขึ้นปัดกล้องออกและพยายามเบือนหน้าหนี หากทว่าเมื่อเขาเอื้อมมือมาจับหน้าของเธอให้หันเข้าหากล้อง เธอก็สู้แรงของเขาไม่ไหวได้แต่ปล่อยให้ชายหนุ่มถ่ายทำต่อไป
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง กานต์ก็หมดความคิดที่จะดิ้นรนอีก เพราะคงสายเกินไปแล้ว เธอจึงปลงและปล่อยตัวไปตามจังหวะอารมณ์รักที่เขาบรรจงมอบให้
“อูยยสสส … อาร์ท … เสียว … ซี้ด … เสียว … อูยยสสส”
กานต์สูดปากครางเรียกชื่อเขาด้วยสุดจะทานทนไหว เขาเริ่มเร่งเครื่องโหมกระเด้าหนักหน่วงจนร่างทั้งร่างเด้งกระดอน เวลานี้เธอปรือตามองดูกล้องในมือของเขาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มสะใจของชายหนุ่มเธอก็ยิ่งรู้สึกเร้าใจกว่าเดิม
ความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นทำให้อารมณ์รักของกานต์พุ่งทะยาน เธอไม่รู้สึกอายขัดเขินอีกแล้ว เธอปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้อารมณ์ลื่นไหลไปตามลีลารักของชายหนุ่มเท่าที่เขาจะนำไป และเมื่อถึงจุดสุดยอดแห่งอารมณ์ เธอก็หลับตาปี๋ส่งเสียงหวีดร้องออกมาเต็มเสียงโดยไม่คิดจะเก็บออมเอาไว้
“โอย สุดยอดเลยกานต์ … บอกแล้วว่ากานต์เป็นสาวร้อน พอถ่ายคลิปก็ยิ่งอารมณ์รุนแรงเลย อูย เสียวจริง ตอดใหญ่เลย”
อาร์ทสูดปากครางตามมาติด ๆ เขาแอ่นกระแทกใส่อีกสองสามครั้งก่อนจะกระฉูดน้ำรักใส่กานต์เป็นรอบที่สอง หลังจากนั้นเขาก็โน้มร่างลงไปนอนกอดแนบร่างซึมซาบความสุขสุดยอด
กานต์นอนกอดเขาแน่นด้วยความรู้สึกอิ่มเอม ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเริ่มรู้สึกดี ๆ กับอาร์ท จะอย่างไรเขาก็ได้เชยชมเรือนร่างเธอแล้ว และเธอก็ชอบสัมผัสรสชาติลีลารักของเขา อย่างน้อยก็ชอบมากกว่าบอลเสียด้วยซ้ำ
“เอาล่ะมาดูคลิปกันหน่อยดีกว่า มาดูกันว่านางเอกแสนสวยของเราจะเร่าร้อนเป็นไฟได้ขนาดไหน”
หลังจากนอนกอดพักเหนื่อยกันได้ระยะหนึ่ง อาร์ทก็พลิกตัวลงมานอนหงายเคียงข้างกานต์ เขายกชูโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูพร้อมกับกานต์ และเวลานี้ภาพบนหน้าขอโทรศัพท์นั้นก็คือภาพร่างขาวโพลนของกานต์ที่เด้งกระดอนไปมา ใบหน้าและเสียงครางของเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุขหฤหรรษ์อย่างที่สุด
กานต์มองดูภาพเคลื่อนไหวของตัวเองด้วยความตื่นเต้นผสมกับความกังวลใจ เธอกังวลว่าคลิปนี้จะหลุดไป แต่อีกใจก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์เร่าร้อนที่พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที เพราะว่านั่นคือตัวตนสีดำมืดของเธอ นี่คือตัวตนหลังฉากของกานต์ที่แสนจะสวยหวานสุภาพเรียบร้อยและขี้อายในสายตาคนอื่น
“เราจะทำตามที่บอก … อาร์ทอย่าปล่อยคลิปหลุดไปเชียวนะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมสัญญา เอาล่ะ คราวนี้เรามาพูดเรื่องวิธีแก้ปัญญาข่าวที่ไอ้บอลมันกระจายดีกว่า”
อาร์ทสัญญาพลางขยับเปลี่ยนท่าเป็นนอนคร่อมกานต์อีกครั้ง กานต์รู้ทันทีว่าอาร์ทกำลังจะทำกับเธออีกรอบ ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกขัดข้องแต่อย่างใด เพียงแต่เมื่อเขาพูดเรื่องวิธีการแก้ปัญหาข่าวลือของนายบอล เธอจึงค่อยนึกได้ว่าเธอยอมทำตามที่เขาสั่งเพราะเรื่องนี้
“กานต์ต้องทำยังไง”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างเหมือนขบขัน เขาก้มลงจูบปากกานต์อีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้เธอก็ยอมให้เขาจูบปากและสอดลิ้นเข้ามาพัวพันแต่โดยดี เธอโอบกอดร่างของเขาและตวัดลิ้นพัวพันราวกับคู่รักที่คบหากันมานาน รสจูบนั้นส่งผ่านอารมณ์รักเร่าร้อนให้แก่กันและกัน จูบนี้จึงเนิ่นนานกว่าจูบครั้งก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกมา ขณะที่กานต์มองเขาด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มหลงใหล แต่เมื่อชายหนุ่มพูดทางแก้ออกมาด้วยท่าทีไม่รู้สึกรู้สา กานต์ก็เริ่มรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา
“ทางแก้ก็คือไม่ต้องทำอะไรเลย”
“อะไร … หมายความว่ายังไง”
“ไม่ได้หมายความว่าไง แต่ทางแก้คือไม่ต้องทำอะไรเลย ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม แค่นั้นจบ”
“จะจบได้ยังไงล่ะ ก็บอลเขาไปกระจายข่าว”
“ฮ่า ฮ่า ถึงได้บอกว่าไม่ต้องทำอะไรไง กานต์คิดว่าจะมีใครเชื่อเรื่องที่ไอ้บอลมันพูดเหรอ ถ้าไม่มีหลักฐานใครจะเชื่อว่าดาวมหาลัยคนสวยจะชวนมันขึ้นห้อง ตอนนี้ที่กานต์ต้องทำก็แค่ไปเรียนตามปกติ และอย่าไปหาไอ้บอลมันอีก ต่อให้เจอกันก็ห้ามแสดงท่าทีอะไร ห้ามเด็ดขาดไม่งั้นมันจะมีหลักฐานแน่ ๆ ถ้ามีคนถามก็ปฏิเสธทำท่าไม่รู้เรื่อง แค่นี้เรื่องก็จบ รับรองไม่มีใครเชื่อไอ้บอลเด็ดขาด เห็นไหมล่ะ ง่ายจะตาย”
กานต์อึ้งไปอีกรอบหนึ่ง เธออ้าปากค้างมองดูเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือทางแก้ไขที่ยอดเยี่ยมทางหนึ่ง ขอเพียงแค่เธอไม่ไปหาบอลอีก และปฏิเสธข่าวลือ ใครที่ไหนจะเชื่อเรื่องที่บอลเล่า
“คนเจ้าเล่ห์ … คนเลว …”
สาวสวยอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองค้อนส่งเสียงตำหนิชายหนุ่ม เพราะว่าเธอรู้สึกเหมือนเพิ่งโดนหลอกลวงครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งพูดเหมือนการปล่อยข่าวของบอลจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตยากแก้ไข แต่ที่แท้กลับไม่มีอะไร ส่วนที่เป็นปัญหาตอนนี้กลับเป็นเรื่องคลิปที่โดนเขาถ่ายบันทึกเอาไว้เสียด้วยซ้ำ
“ถ้าเลวแล้วได้กานต์ ผมยอมเลวนะ”
ชายหนุ่มกล่าวพลางหัวเราะและเริ่มขยับตัวลูบไล้เล้าโลมกานต์อีกครั้ง ถึงแม้ว่ากานต์จะขุ่นเคืองในเล่ห์กลของเขา หากทว่าเธอไม่ปฏิเสธว่าเธอรู้สึกดีกับเขามากพอควร เธอจึงไม่ได้โกรธแค้นอะไรจริงจัง
เธอกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำเมื่อเขาบอกว่าเขายอมทำเลวหากจะได้ครอบครองเธอ ดังนั้นอารมณ์ของเธอจึงโดนเขาจุดจนลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย เกมรักในห้องระหว่างดาวมหาลัยคนสวยและยามหนุ่มหล่อจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่
……………………………….