แก้วกานดา ตอนที่ 9 – คนรัก
ร่างบางที่อ่อนปวกเปียกหมดเรี่ยวแรงของดาริกาถูกประคองนอนลงไปบนเตียงสีขาวนุ่ม ผมสีดำสั้นประบ่าแผ่สยายออกเล็กน้อยขณะหลังศีรษะกดทับลงไปบนหมอนสีขาว เตียงนี้คือเตียงนอนของเธอเอง และห้องนอนนี้ก็คือห้องนอนส่วนตัวของเธอเอง เพียงแต่ที่แปลกไปในวันนี้ก็คือการมีชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำอยู่ในห้องร่วมกันกับเธอด้วย
“กินข้าว กินยาแล้ว นอนพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับน้องดา อยากให้พี่สิงห์อยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า”
สิงห์หนุ่มร่างสูงกำยำกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มอบอุ่นคล้ายพี่ชายแสนดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งกระทำตัวเหมือนสัตว์ป่าในฤดูผสมพันธุ์ขยำขยี้เสพกามใส่ร่างบางโดยไม่ปราณีปราศรัย
“ขอบคุณค่ะ พี่สิงห์กลับไปก่อนเถอะ ดาอยากพักผ่อน”
ดาริกาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง เธอยิ้มฝืน ๆ เหม่อมองดูเพดานห้องโดยไม่ได้มองดูชายหนุ่มผู้ที่เพิ่งจะพรากเอาความสาวของเธอไปเลยแม้สักแวบเดียว ซึ่งกิริยานี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่โดนฤทธิ์ยาสวาทควบคุมอย่างเห็นได้ชัด
“แน่ใจเหรอ … อืม งั้นถ้ามีอะไรก็โทรเรียกได้พี่ตลอดเวลาเลยนะครับ พี่จะรีบมาหาดาทันที รับรองเลย”
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นอะไรหรอก ดาดูแลตัวเองได้”
ดาริกาตอบปฏิเสธไปด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ เช่นก่อนหน้า จากนั้นก็นอนเหม่อมองดูเพดานห้องสีขาวนิ่งเงียบ สิงห์จึงนิ่งเงียบแอบมองดูเรือนร่างและใบหน้าแสนงดงามของดาริกาด้วยสายตาของสัตว์ร้ายที่ไม่รู้จักอิ่มเอม เขารู้สึกได้ว่ายิ่งจ้องมองก็ยิ่งรู้สึกเกิดอารมณ์กลัดมันขึ้นมา
“ให้พี่อยู่ดูแลดีกว่านะดา”
สิงห์กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ก่อนจะวางมือลงไปบนปรางแก้มสีขาวอมชมพู เขาใช้ปลายนิ้วลูบไล้แผ่วเบาลงไปที่ลำคอขาวเนียน ปลายนิ้วนั้นหยุดวนตรงรอยจ้ำแดงบนลำคอรอบหนึ่ง นั่นคือหนึ่งในร่องรอยของเกมกามที่เขาฝากเอาไว้บนร่างของสาวสวยร่างเล็ก จากนั้นปลายนิ้วจึงค่อยขยับต่ำลงไปวางลงบนทรวงอกอวบอิ่มแล้วบีบขยำแผ่วเบาเพื่อปลุกอารมณ์รักของเธอให้ตื่นขึ้นมาอีกรอบ
“อือ …”
ร่างบางสะท้านแผ่วเบาพร้อมกับส่งเสียงคราง ชายหนุ่มจึงแอบยิ้มที่มุมปาก เขาทราบดีว่าฤทธิ์ยาปลุกสวาทยังไม่หมดไปเสียทีเดียว ถึงแม้จะเจือจางลงไปมากแล้ว แต่ก็สมควรมากพอที่จะทำให้ผู้หญิงสักคนมีอารมณ์จนควบคุมตัวเองไม่อยู่ได้อีกสักห้าหรือหกชั่วโมง เขาจึงค่อย ๆ ใช้ฝ่ามือเกาะกุมบีบขยำเนื้อเต้าอวบเต่งด้วยความใจเย็นเพื่อปลุกอารมณ์เธอขึ้นมาใหม่
ดาริกาเม้มปากเหม่อมองดูชายหนุ่มด้วยความสับสน เธอรับทราบได้ถึงอารมณ์ทางเพศที่พลุ่งพล่านเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอกำลังร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งโดนเขาเล้าโลมขยำขยี้ เธอก็ยิ่งตัวกระตุกสะท้านส่งเสียงครวญครางไปกับรสสวาทแสนซาบซ่านของเขา ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นนอนนิ่งหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ชายหนุ่มถลกเสื้อกับยกทรงขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงไปดูดปลายถันสีชมพูอ่อนซึ่งแข็งเป็นเม็ดอยู่แล้ว เธอรู้ดีว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนครั้งก่อนหน้า เธอไม่มีทางต้านทานฤทธิ์ยาปลุกสวาทได้ไหว และคนเดียวที่สามารถช่วยเธอได้ก็คือพี่สิงห์พี่ชายของเบลล์
สาวสวยดิ้นพราดภายใต้ลีลาลิ้นและมืออันช่ำชองของเขา เธอปล่อยกายปล่อยใจไปกับรสสวาทอันแสนดื่มด่ำ สองมือของเธอเปะป่ายขยำผ้าคลุมเตียงราวกับคลุ้มคลั่ง จนกระทั่งเมื่อมือของเธอยกขึ้นมาสอดไปใต้หมอนและสัมผัสกับอะไรบางอย่าง ดาริกาจึงค่อยหยุดชะงักการเคลื่อนไหวตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้น
“… หยุด … พอแล้วค่ะพี่สิงห์ … พอแล้ว”
ดาริกาส่งเสียงร้องห้ามพร้อมกับใช้มือผลักไสใบหน้าของเขาที่กำลังฟอนเฟ้นเต้านมของเธออย่างเมามันออก ท่าทีผลักไสนี้จริงจังและแข็งขืนอย่างเห็นได้ชัด สิงห์จึงขมวดคิ้วเงยหน้ามองดูเธอด้วยความงุนงงสับสน เขาไม่ทราบว่าทำไมอยู่ดี ๆ แม่กวางน้อยเนื้อหอมหวานถึงได้แสดงท่าทีต่อต้านแข็งขัดขืนออกมา ทั้งที่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายยังตกอยู่ใต้ฤทธิ์ยาปลุกสวาทอย่างแน่นอน
“พอแล้วค่ะ พี่สิงห์กลับไปได้แล้ว ดาอยากพักผ่อน”
ดาริกามองสบตากับชายหนุ่มก่อนจะร้องห้ามด้วยเสียงแข็งกร้าวกว่าเดิม สิงห์ซึ่งทำท่าจะเล้าโลมเธอต่อจึงหยุดชะงักครุ่นคิดด้วยความขัดใจ แน่นอนว่าหากเขาใช้กำลังปลุกปล้ำ จะอย่างไรดาริกาก็คงไม่พ้นมือเขาไปไหน แต่ว่าท่าทีแข็งขืนจริงจังของดาริกาทำให้สิงห์ลังเลขึ้นมา
ดาริกาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกคลั่งไคล้เช่นนี้ ดาริกาทำให้เขารู้สึกเหมือนไม่อยากปล่อยเธอให้ห่างจากกำมือ หากทว่าเขาไม่ได้ไร้หัวคิดจนใช้กำลังบีบบังคับเธอ เขาพอจะเข้าใจว่าดาริกาต้องการเวลาในการปรับตัวปรับความคิดเสียก่อน เขาจึงพยายามยับยั้งชั่งใจเอาไว้
“งั้นพี่ไปก่อนล่ะนะ อย่าลืมล่ะ มีอะไรก็โทรเรียกได้ตลอดเวลา”
สิงห์ยอมถอยให้ เขาดึงรั้งยกทรงกับเสื้อของเธอลงมาปิดร่างกาย แล้วจับผ้าห่มมาคลุมให้ร่างงามด้วยความทะนุถนอม แม้แต่เขาเองก็ยังแอบแปลกใจตัวเองที่แสดงท่าทีเอาใจใส่ดาริกาในแบบที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน จากนั้นเขาจึงค่อยออกจากห้องและคอนโดแห่งนี้ไปด้วยความเงียบงัน
ดาริกานอนเหม่อมองเพดานนิ่งเงียบ หากทว่าในหัวสมองของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน เธอไม่ได้โทษพี่สิงห์ เพราะเธอเข้าใจว่าเขาก็แค่ทำไปตามสถานการณ์ เธอไม่ได้โกรธเบลล์ เพราะรู้ว่าเบลล์ไม่ได้คิดร้าย หากแต่ผลสุดท้ายที่เธอต้องเสียสาวนั้นทำให้รู้สึกเศร้าระทม
ก่อนหน้านี้เธอในระหว่างที่กระแสร้อนรุ่มของยาปลุกสวาทไหลเวียนในร่างกาย ดาริกาไม่ได้รู้สึกแย่หรืออะไรทั้งสิ้น เธอมีแค่เพียงความต้องการทางเพศรุนแรงที่เหมือนไม่มีวันหมด เธอจึงตอบสนองร่วมรักกับพี่สิงห์รอบแล้วรอบเล่าจนร่างกายอ่อนเปลี้ย แต่เมื่อสติของเธอฟื้นคืนมาเต็มร้อย ความรู้สึกเศร้าเสียใจก็เทประดังเข้ามาเล่นงานจนเธอจุกพูดอะไรไม่ออก
ยิ่งครุ่นคิดภาพเพดานห้องที่เธอเหม่อมองกลายเป็นพร่าเลือน ดวงตาคู่สวยนั้นกลายเป็นเปียกชุ่ม น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจไหลหลั่งออกมาแล้วไหลลงไปที่ปรางแก้ม ดาริกาส่งเสียงสะอื้นไห้กระซิกออกมาแผ่วเบาเพียงลำพังในห้องนอน
เธอร้องไห้หลังจากที่เคยสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้เพราะผู้ชายอีก ครั้งนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะสิงห์ ไม่ได้ร้องไห้เพราะเบลล์ ไม่ได้ร้องไห้ในสิ่งที่โดนกระทำ หากแต่ร้องไห้เพราะผู้ชายอีกคนหนึ่ง ผู้ชายที่ประทับตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเธอโดยไม่อาจลบออกไปได้
ดาริกาขยับยกมือขวาออกมาจากหมอนที่นอนทับอยู่ ก่อนจะแบมือมองดูแหวนของเล่นซึ่งทำจากพลาสติกสีชมพูด้วยแววตาลึกซึ้งเหมือนมีความหลังกับแหวนของเล่นวงนี้ เธอนอนมองมันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะขยับวางวงแหวนแนบลงบนทรวงอกตูมตั้ง เธอหลับตาพริ้มราวกับว่าแหวนของเล่นวงนั้นสามารถส่งผ่านความอบอุ่นบางอย่างให้เธอได้ จากนั้นริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่แห้งผากนั้นก็เผยออ้าส่งเสียงพึมพำสั่นเครือออกมา น้ำเสียงแผ่วเบานั้นคล้ายจะพยายามส่งไปยังเด็กชายที่เคยมอบแหวนของเล่นวงนี้เอาไว้ให้ก่อนจากกัน
“นายบื้อ นายคนเลว นายหายไปอยู่ที่ไหน นายจะหายไปจริง ๆ เหรอ ไหนสัญญาว่าจะกลับมาหากันไง นายรู้หรือเปล่าว่าดารักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ไม่ได้แล้ว ดาแต่งงานกับนายไม่ได้แล้วนะ”
น้ำเสียงสะอื้นนั้นแฝงความรันทดโศกเศร้าน่าเวทนาอย่างเต็มเปี่ยม ดาริกาส่งเสียงตัดพ้อเช่นนั้นซ้ำไปซ้ำมารอบแล้วรอบเล่า น่าเศร้าที่เสียงเรียกเหล่านี้คงไม่มีวันดังไปถึงหูของคนที่เธออยากให้ได้ยิน ดาริกาจึงทำได้แค่ส่งเสียงพึมพำเช่นนั้นอย่างเดียวดาย จนกระทั่งหลับลงไปอย่างเงียบงันด้วยความเหนื่อยอ่อน คราบน้ำตาของเธอยังคงหลั่งนองหน้าอยู่เช่นนั้น
………………………………………..
“ลำบากคุณแก้วแย่เลย จริง ๆ ยังไม่ต้องรีบเอามาคืนก็ได้นะครับ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเอาไปคืนที่บริษัทก็ยังได้ ลำบากคุณแก้วต้องขับรถมาตั้งไกลเลย”
อาร์ตยามหนุ่มหล่อในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์กล่าวพลางยื่นมือไปรับสิ่งของที่ผกายแก้วหยิบยื่นให้ แต่สายตาของเขาในเวลานี้กำลังจับจ้องมองดูเรือนร่างงามด้วยความซุกซน ผกายแก้วยังคงสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกับที่ใส่ไปงานเลี้ยง สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือเธอไม่ได้สวมใส่สูทสีดำ เวลานี้จึงมีแต่เพียงเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางคอเว้าลึกจนเห็นร่องอก และกระโปรงสีดำสั้นเหนือเข่าปิดบังร่างกายไว้
“ชั้นก็แค่อยากแวะเอาสมุดวาดรูปของนายมาคืน ไม่อยากโดนนินทาว่าเป็นหัวขโมย แค่นี้แหละ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ชั้นจะกลับแล้ว”
ผกายแก้วพยายามตีหน้านิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งที่หัวใจของเธอกำลังเต้นระรัวเร็ว สายตาซุกซนของเขาทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบ และถึงแม้ว่าเธอจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ก็ทราบดีว่าการเอาสมุดวาดรูปมาคืนให้นั้นเป็นแค่ข้ออ้างที่เธอสร้างขึ้นมาเท่านั้น
“อ้าว จะรีบกลับแล้วเหรอครับ ไหน ๆ คุณแก้วก็อุตส่าห์มาตั้งไกล ยังไงก็ให้เจ้าบ้านพาเดินเล่นแถวนี้สักหน่อยดีหรือเปล่า แถวนี้ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา แถมใกล้สะพานด้วย ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมาก ผมว่าคุณแก้วน่าจะชอบเดินเล่นรับลมชมแม่น้ำนะ ผมรับรองว่าบรรยากาศดีแน่นอน”
หลังจากได้ยินว่าแก้วจะรีบกลับ อาร์ตก็รีบส่งเสียงร้องห้ามและนำเสนอเชื้อเชิญให้เธออยู่ต่อ เพราะว่าเขาไม่ได้เป็นชายหนุ่มไร้เดียงสาไม่รู้ความ หากจะบอกว่าแก้วเจตนาแค่มาคืนสมุดวาดรูปให้ก็ดูจะไร้เหตุผลเกินไป เขาจึงเชื่อว่าแก้วมีอะไรมากกว่านั้นเพียงแต่ไม่ต้องการพูดออกมา และที่สำคัญก็คือแก้วนั้นเป็นสาวสวยนางในดวงใจอันดับหนึ่งของเขา หากเขาไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ก็คงจะกลายเป็นคนโง่เต็มที
แก้วเหลือบมองชายหนุ่มแสร้งทำทีเป็นครุ่นคิด หากทว่าในใจของเธอนั้นรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย เพราะหากว่าเขาไม่แสดงท่าทียื้อเธอเอาไว้ เธอก็คงจะไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอยู่ต่อ ตอนนี้เธอจึงตีสีหน้าเย็นชาพยายามสนทนากับเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์อะไร
“แล้วบ้านนายอยู่ตรงไหน แถวนี้เหมือนจะมีแต่คอนโดหรูหรากับหมู่บ้านคนรวย … คือ ชั้นถามเฉย ๆ นะ ไม่ได้อยากรู้อะไรหรอก”
“ผมอาศัยอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ น่ะครับ แต่ว่าคนสวยน่ารักแบบคุณแก้วอย่าเข้าไปเลย ผมไม่อยากให้คนแถวนั้นฮือฮากัน เดี๋ยวพวกมันจะสงสัยว่านางฟ้านางสวรรค์ที่ไหนผ่านเข้าไปเยี่ยม”
“… ใช่เหรอ ชั้นนึกว่านายกลัวแฟนนายหึงเสียอีก”
“โอย ผมไม่มีหรอกครับแฟนน่ะ ผมอยู่ห้องคนเดียว”
“อืม เหรอ”
แก้วเห็นสีหน้าและท่าทางของยามหนุ่มแล้ว เธอก็เกือบจะเผลอหลุดส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา เธออาจจะคุ้นชินจนเฉยชากับคำชมเกี่ยวกับความสวยน่ารัก แต่ว่าคำชมจากปากของเขานั้นสร้างความรู้สึกที่แตกต่าง ยิ่งเห็นเขาแสดงท่าทีกระวนกระวายปฏิเสธตอนเธอถามเรื่องผู้หญิง เธอก็ยิ่งรู้สึกขบขัน
“งั้นเราไปเดินเล่นริมแม่น้ำกันเลยดีกว่า รีบไปตอนนี้จะได้เห็นวิวสวย ๆ อีกเดี๋ยวพอเริ่มมืดเราค่อยเดินไปดูไฟตรงสะพานกัน”
“ชั้นยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะไปกับนาย”
“อ้าว … เอ๊ะ … ตอนนี้คุณแก้วยิ้มสวยมาก”
อาร์ตส่งเสียงร้องพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ แก้วเห็นท่าทางของเขาแล้วก็เกือบหลุดส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาอีกรอบ เธอพยายามเก็บอาการเช่นครั้งก่อนหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จ เพราะว่าอาร์ตกำลังลืมตาโตมองดูรอยยิ้มหวานละไมบนใบหน้าของเธอ แก้วจึงต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นเพราะรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขิน
“เปล่านะ ชั้นไม่ได้ยิ้มให้นายสักหน่อย ไหนล่ะ จะพาไปไหน ชั้นยอมไปด้วยก็ได้”
“ไปทางนี้ครับคุณแก้ว ตามมาผมมาเลย”
อาร์ตมองด้านหลังของแก้วแล้วยิ้มขบขันเช่นกัน เขาพอจะจับอะไรบางอย่างได้ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าแก้วไม่ได้เย็นชาอย่างที่แสดงออก และรอยยิ้มที่เผลอหลุดออกมานั้นเป็นหลักฐานเด่นชัดถึงไมตรีจิตที่มีให้ ที่เหลือก็แค่เขาจะไขว่คว้าโอกาสมาได้มากแค่ไหน
หลังจากตกลงกันได้ ชายหนุ่มก็เก็บสมุดวาดรูปไว้ในกระเป๋าสะพายแล้วเดินนำหน้าออกไป แก้วซึ่งปรับอารมณ์กลบรอยยิ้มได้สำเร็จจึงเดินตามเขาไปด้วยความเงียบงัน ถึงตอนนี้แล้วเธอก็ยังรู้สึกสับสนลังเลไม่เข้าใจว่าตนเองกำลังทำอะไรกันแน่
หนุ่มหล่อสาวสวยเดินคู่กันกลายเป็นจุดสนใจให้ผู้คนมองดู หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พากันแอบมองผกายแก้วกันตาเป็นมัน เหล่าหญิงสาวก็แอบพากันชม้ายชายตามองยามหนุ่มเพื่อหว่านเสน่ห์ ซึ่งอย่างหลังนี้เองที่ทำให้แก้วรู้สึกหงุดหงิดรำคาญขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ยังดีที่บรรยากาศริมแม่น้ำนั้นดีเยี่ยม เสียงน้ำและสายลมทำให้แก้วรู้สึกผ่อนคลาย ภาพสายน้ำกว้างใหญ่ที่ไหลรินนั้นสวยงามในตัวมันเอง แก้วจึงรู้สึกเหมือนความเคร่งเครียดในร่างกายโดนชะล้างออกไปจากร่างด้วยส่วนหนึ่ง
สองหนุ่มสาวไม่ได้เอ่ยปากสนทนากันมากนัก ทั้งคู่แค่เพียงมองตาโดยแทบไม่ต้องพูดจาอะไรกันด้วยซ้ำ เขารับหน้าที่เดินนำ เธอรับหน้าที่เดินตาม เมื่อถึงจุดแวะชมวิวที่เหมาะสมเขาก็หยุด ชายหนุ่มซื้ออาหารปลามาให้เธอ ชายหนุ่มซื้อน้ำดื่มมาให้เธอ ชายหนุ่มชวนเธอนั่งพักบนเก้าอี้ริมแม่น้ำชมดูดวงตะวันที่เริ่มหายลับไปกับขอบฟ้า
ผกายแก้วรู้สึกมีความสุขไปกับบรรยากาศเช่นนี้อย่างน่าประหลาด โดยปกติแล้วเธอไม่ค่อยจะมีกิจกรรมเช่นนี้มากนัก เพราะเธอนั้นเป็นสาวสมัยใหม่ที่เน้นเข้าสังคมและมีเพื่อนฝูงมากมาย
ส่วนใหญ่แล้วหากไม่กลับบ้านพักผ่อน เธอก็มักจะออกไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนสาว เช่นดูหนัง เล่นกีฬา หาร้านนั่งดื่มบรรยากาศดีดูหรูหรา ก่อนหน้านี้เธอแทบไม่มีความคิดจะมาเดินเล่นริมแม่น้ำที่ทั้งร้อนและสกปรกเลยสักนิด และเธอคงยิ่งไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเดินเคียงคู่กับยามซึ่งมีฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง
“สวยนะครับ”
“อืม วิวสวยจริงอย่างที่นายว่าเอาไว้”
“เปล่าครับ ผมหมายถึงคุณแก้วน่ะ ยิ้มสวยมาก ยิ้มแบบนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย สวยกว่าที่ผมจินตนาการตอนวาดรูปเสียอีก”
“ตกลงนายจะมาดูวิว หรือว่าดูอะไรกันแน่”
“ผมชอบธรรมชาติสวย ๆ บรรยากาศสวย ๆ อะไรที่สวยผมก็มองอันนั้นล่ะครับ แต่ตอนนี้คุณแก้วสวยน่ามองกว่าบรรยากาศ ผมเลยมองแต่คุณแก้วไง”
ชายหนุ่มกล่าวหยอกจนเธอหน้าร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามที่จะบังคับสายตาตัวเองไม่ให้มองไปทางเขา เพราะเธอทราบดีว่าเขาคอยแต่จะจับจ้องมองดูเธออยู่แทบตลอดเวลา แต่เธอไม่ได้รู้สึกรำคาญสายตาของเขาเหมือนสายตาของผู้ชายคนอื่น น่าแปลกที่เธอรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำเมื่อโดนเขามองเธอด้วยสายตาแบบนั้น
แก้วรู้สึกเขินจนพูดอะไรไม่ออก เธอได้แต่บังคับตัวเองไม่ให้แสดงท่าทีออกมา ส่วนอาร์ตเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทั้งคู่ต่างก็นั่งอยู่บนม้านั่งตัวเดียวกัน แก้วบังคับสายตาให้มองตรงไปทางแม่น้ำ ในขณะที่อาร์ตนั้นนั่งมองดูใบหน้าสวยงามของแก้วจากด้านข้าง และบรรยากาศในตอนนี้ไม่ใช่ความอึดอัดคับข้อง หากแต่เป็นบรรยากาศเสมือนหนุ่มสาวที่ต้องตาพึงใจกันและกัน
ถึงแม้จะรู้สึกขัดเขิน แต่ว่ากาลเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวกว่าปกติเสมอ เพียงครู่เดียวแสงสว่างก็เลือนหายไป หลงเหลือไว้แต่เพียงแม่น้ำสีดำมืด และแสงจากหลอดไฟที่มีอยู่ประปรายตามทางเดินเลียบแม่น้ำ
“คุณแก้วดูสะพานซิครับ เปิดไฟแล้วสวยมาก”
อาร์ตส่งเสียงบอกพลางชี้มือไปทางสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ แก้วหันมองตามแล้วนั่งเหม่อลอยไปกับภาพอันสวยงามนั้น สะพานที่ทอดยาวข้ามฟากแม่น้ำคล้ายกลายเป็นสะพานสีทอง สีทองเหล่านั้นมาจากแสงไฟสีเหลืองที่สว่างไสวอยู่บนสะพาน แสงไฟเหล่านั้นคล้ายเติมเต็มชีวิตให้กับสะพานจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่
“เราเดินขึ้นสะพานไปรับลมกันหน่อย ข้างบนอากาศดีมาก”
แก้วนั่งเหม่อลอยมองดูอยู่เนิ่นนาน รอคอยจนกระทั่งอาร์ตลุกขึ้นเชิญชวนแล้วยื่นมือให้ด้วยท่าทางของสุภาพบุรุษ เธอจึงเผลอยื่นมือไปจับมือเขาเพื่อให้เขาพยุงลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเขาเองก็ดูจะรู้จักการฉวยโอกาส เพราะเมื่อได้จับมือแล้วก็จับแบบไม่ยอมปล่อย ส่วนแก้วเองก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านแต่อย่างใด เธอจึงปล่อยให้เขาจับมือแล้วเดินเคียงคู่ขึ้นไปบนสะพานด้วยความรู้สึกอบอุ่นวาบหวามกว่าเดิม
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แก้วเดินขึ้นสะพานด้วยเท้า ปกตินั้นเธอจะขับรถผ่านไปด้านบนจึงไม่เคยมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ เธอพบว่าบนสะพานนั้นมีลมพัดเย็นสบายและมีอากาศดีพอควร บนสะพานนี้ไม่ได้มีผู้คนมากนักและค่อนข้างมืดในหลายจุด แต่บนนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยวจนไม่มีใครเลย แก้วเห็นคู่รักชายหญิงหลายคู่จูงมือเดินเล่นชมวิวส่งเสียงพูดคุยกระหนุงกระหนิงกัน
แก้วแอบชำเลืองมองดูใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม หัวใจเธอเต้นแรงกว่าที่เคย เธอรู้สึกมีความสุขในสิ่งที่เขามอบให้ ไออุ่นที่เขากุมมือเธอเอาไว้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย และเมื่อผนวกเข้ากับอารมณ์รักร้อนแรงที่พยายามเก็บซุกเอาไว้ภายใน เสน่ห์ของชายหนุ่มก็ยิ่งรุนแรงจนเธอแทบทานทนไม่อยู่ แก้วแน่ใจว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน
ทั้งคู่เดินขึ้นสะพานไปเรื่อยจนถึงกลางสะพาน แก้วรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทีละน้อย เพราะว่าเธอเพิ่งเดินผ่านคู่รักที่ยืนกอดจูบกันในมุมมืดห่างจากแสงไฟมาแล้วสามคู่ หนุ่มสาวเหล่านั้นต่างกำลังแสดงความรักในบรรยากาศโรแมนติก และเวลานี้เธอกับอาร์ตก็กำลังยืนชมวิวอยู่ตรงตำแหน่งที่ไร้แสงไฟ ราวกับว่าเขาเจตนาที่จะนำพาเธอมาตรงนี้
“คุณแก้วหนาวหรือเปล่า ลมแรงพอสมควร”
“อืม … หนาวนิดหน่อย”
คำถามของเขาทำให้แก้วเพิ่งรู้สึกว่าตนเองกำลังหนาว เพราะว่าเธอใส่แค่เสื้อยืดเนื้อบางและกระโปรงสั้น เมื่อโดนสายลมในยามค่ำคืนนานเข้า ร่างกายของเธอจึงเริ่มรู้สึกเย็นขนตัวสั่นขึ้นมา
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยทำให้อุ่นก็แล้วกันนะ”
อาร์ตคล้ายจะรอคอยบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อแก้วตอบออกไป เขาก็ขยับมายืนประกบด้านหลังพร้อมกับยื่นสองมือมาสวมกอดเอวของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา
แก้วลืมตาโตด้วยความแตกตื่น เธอไม่ทันจะเตรียมตัวเตรียมใจรับการโจมตีของเขา ปกติแล้วเธอควรจะดิ้นรนสะบัดถอยหนีออกห่าง หากทว่าภายใต้อารมณ์และบรรยากาศเช่นนี้ สาวสวยกลับยืนนิ่งซึมซับไออุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างแกร่งกำยำ ไอร้อนที่แผ่ผ่านมาทางแผ่นหลังทำให้สติของเธอเลื่อนลอย ความแกร่งกร้าวที่บดเบียดใส่สะโพกของเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบ
“คุณแก้วตัวหอมจัง”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นแรงไม่แพ้อีกฝ่าย ความนุ่มนิ่มของนวลเนื้อและกลิ่นกายหอมหวานของผกายแก้วกำลังทำให้เขาร้อนรุ่มจนสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเป้ากางเกงแข็งเป็นลำ ความจริงแล้วเขาไม่อยากเปิดฉากรุกเร็วเกินไป เพราะอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ หากทว่าเสน่ห์ของผกายแก้วนั้นรุนแรงเกินไปจนเขายั้งใจไม่อยู่
โชคดีที่แก้วไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนต่อต้าน เธอในเวลานี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสาวน้อยด้อยประสบการณ์ที่เตรียมใจมอบความสาวให้แฟนหนุ่มแล้วตั้งแต่แรก อีกทั้งเธอยังมีอารมณ์ราคะที่พยายามเก็บกดเอาไว้ด้วยอีกส่วนหนึ่ง เมื่อโดนกระตุ้นด้วยบรรยากาศดี ๆ อารมณ์สาวจึงยิ่งเตลิด
“… อย่า … อาร์ต …”
แก้วส่งเสียงร้องห้ามเบาหวิวเมื่อเขาซุกจมูกลงไปที่ซอกคอขาวเนียน ร่างกายของเธอกระตุกสะท้านแผ่วเบาไปกับความหวาบหวามที่เขามอบให้ ลมหายใจร้อนผ่าวและจมูกโด่งของเขาที่กดแนบลงมาบนผิวกายคล้ายเพลิงไฟที่ยิ่งแผดเผาสติของเธอให้เลือนหาย
ชายหนุ่มซุกจมูกสูดดมความหอมหวานรสละเลียดด้วยความเอร็ดอร่อย เขากำลังรู้สึกตื่นเต้นคึกคักที่สาวสวยไม่ขัดขืนจริงจัง อีกทั้งเธอยังแอ่นเอียงคอเปิดทางให้เขาซุกไซร้ได้โดยสะดวก ถึงแม้ปากเธอจะร้องห้าม แต่นั่นก็เป็นแค่จริตสตรีที่ไม่ต้องสนใจมากนัก เขาแน่ใจว่าเธอเองก็กำลังมีความต้องการรุนแรงไม่แพ้เขา หรือไม่ก็อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
แก้วหลับตาพริ้มขณะที่เขาเริ่มประกบปากจูบลงมาบนริมฝีปากจิ้มลิ้ม จูบของเขาร้อนผ่าวหากทว่านุ่มนวลชวนฝัน ริมฝีปากสีแดงสดโดนบดบี้แผ่วเบาก่อนจะโดนเขาแลบลิ้นมาเลีย เธอเผยอริมฝีปากออกเปิดทางให้เขาสอดลิ้นเข้ามาตวัดพัวพันในโพรงปากอย่างง่ายดาย จูบแรกของเธอนั้นช่างร้อนแรงยิ่งกว่าที่เธอเคยคิดจินตนาการเอาไว้
รสจูบอันเคลิบเคลิ้มนั้นทำให้กำแพงป้องกันของเธอพังทลายลงไปทีละชั้นอย่างรวดเร็ว รสจูบของเขาราวกับจะกระชากจิตวิญญาณของเธอให้หลุดออกจากร่าง รสจูบของเขาส่งผ่านความหอมหวานกลมกล่อมจนอารมณ์ของเธอเตลิดเปิดเปิง ดังนั้นเมื่อเขาเอื้อมมือทั้งสองข้างขึ้นมาตะปบขยำเคล้นคลึงใส่ทรวงอกอวบอิ่มเธอจึงไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนเลยสักนิดนอกจากแค่ส่งเสียงห้ามพอเป็นพิธีตอนที่เขาปล่อยปากเธอให้หายใจหายคอ
“อาร์ต … อย่า … เดี๋ยวมีคนเห็น”
“ไม่เห็นหรอกครับ ตรงนี้มืดจะตาย แถมยังไม่ค่อยมีคนเดินผ่านด้วยอีกต่างหาก”
ชายหนุ่มส่งเสียงตอบพร้อมกับหายใจแรงด้วยความหื่นกระสัน จากนั้นเขาก็ประกบปากจูบแลกลิ้นกับเธอใหม่อีกรอบ ส่วนสองมือนั้นก็เริ่มบีบเคล้นขยี้ใส่เต้านมเต่งขนาดล้นมือด้วยความเมามันสาแก่ใจกว่าเดิม และลีลาเล้าโลมนี้ก็ยิ่งทำให้แก้วรู้สึกเสียวจนตัวเกร็ง เธอไม่เคยรู้สึกมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“คุณแก้วตัวหอมจัง”
หลังจากจูบปากจนหนำใจ อาร์ตก็ปล่อยปากของเธอให้เป็นอิสระแล้วขยับใบหน้ามากระซิบที่ข้างหูและพรมจูบใส่ เขาก้มหน้าก้มตาสูดดมความหอมหวานจากซอกคอขาวผ่อง สลับกันกับแหย่ลิ้นโลมเลียใส่ใบหูขาวสวย สองมือที่ขยำขยี้เต้านมเริ่มขยับสอดล้วงลอดเข้าไปในเสื้อยืดสีขาวแล้วตะปบขยำลงไปบนยกทรงลายลูกไม้สีดำอย่างหนักหน่วง
“อือ … อย่า อาร์ต … พอแล้ว … อาร์ต …”
แก้วสูดปากครางขนลุกวูบไปทั่วร่าง สัมผัสของเขาเร่าร้อนจนทำให้เธอรู้สึกอ่อนระทวยเหมือนขี้ผึ้งโดนไฟลน เธอหอบหายใจกระเส่าพึมพำส่งเสียงร้องห้าม หากทว่าเธอทราบดีว่าเธอไม่ได้อยากให้เขาหยุด เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหากมีเงาคนเดินผ่านมา เธอจะมีเรี่ยวแรงบอกให้เขาหยุดหรือไม่
ชายหนุ่มคล้ายรับรู้ได้ว่าเธอไร้เรี่ยวแรงต้านทาน เขาจึงขยับใบหน้าประกบปากจูบกับเธออีกครั้ง เขาแหย่ลิ้นเข้าไปตวัดพัวพันสร้างความซาบซ่านให้แก่เธอ ในขณะที่มือของเขาเริ่มถลกยกทรงสีดำขึ้นไปกองไว้เนื้อเต้า แล้วขยับมาเกาะกุมบีบขยี้เคล้นคลึงใส่เต้าอวบแบบเนื้อแนบเนื้อจนสาวสวยกระตุกสะท้านระริก
ความนุ่มนิ่มเด้งสู้มือและความเนียนนุ่มละมุนของผิวกาย ทำให้ยามหนุ่มยิ่งรู้สึกได้ถึงความหื่นกระหายที่พลุ่งพล่าน เวลานี้เขาไม่แน่ใจนักว่าหากให้เปรียบเทียบกันแล้วกานต์หรือแก้วที่สวยมีเสน่ห์มากกว่ากัน ในความคิดของเขานั้นทั้งคู่จัดเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เคยเจอมา เพียงแต่หากจะให้แบ่งแยกว่าสองคนนี้ใครสวยกว่าใคร เขายังไม่สามารถจำแนกได้ ตอนนี้เขาแค่รู้สึกว่าเขาโชคดีเหลือเกินที่สามารถครองครองกานต์ได้ และเขาก็กำลังจะได้ครอบครองแก้วด้วยอีกคน
แน่นอนว่าอาร์ตย่อมไม่ทราบว่าแก้วและกานต์เป็นพี่น้องกัน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าเธอสองคนมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน แต่เขาก็ไม่ได้คิดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคน ส่วนแก้วเองก็คงจะยิ่งคิดไม่ถึงว่ากานต์น้องสาวคนรองของเธอจะเพิ่งมีสัมพันธ์สวาทกับยามหนุ่มคนเดียวกันกับเธอ
เวลานี้ผกายแก้วคล้ายลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่งอย่าง เธอไม่สนใจอีกแล้วว่ากำลังร่วมรักกับชายหนุ่มในที่สาธารณะอย่างสะพานข้ามแม่น้ำ เธอหลับตาพริ้มจูบตอบกับเขาอย่างดูดดื่มเร่าร้อน เธอค่อย ๆ ซึมซับลีลาการจูบของเขามาทีละน้อยเพื่อตอบสนองเพิ่มพูนความเสียวซาบซ่านให้แก่ตนเองและชายหนุ่ม เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะคลั่งตายด้วยรสเสียวที่เขามอบให้
อาร์ตค่อย ๆ เล้าโลม งัดลีลากระตุ้นเร้าผกายแก้วไปทีละน้อย ฝ่ามือของเขาที่สอดอยู่ในเสื้อยืดกำลังขยำฟอนเฟ้นเนื้อนุ่มนิ่มอย่างเมามัน ปลายนิ้วของเขาสะกิดเขี่ยใส่ปลายถันของแก้วจนเธอตัวกระตุกรอบแล้วรอบเล่า และมีบ้างบางครั้งที่เขาบีบปลายถันแล้วบิดคลึงไปมาจนสาวสวยตัวเกร็งส่งเสียงร้องครางในลำคออู้อี้
“อื้อ …”
สาวสวยลืมตาโพลงส่งเสียงครางอู้ออกมาดังกว่าเดิม เพราะว่าตอนนี้มือของเขาได้ขยับต่ำลอดชายกระโปรงลงไปตะปบขยี้ลงบนเนื้อโหนกนูน ถึงแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจเสียสาวมาแล้ว แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิต เธอจึงตื่นตกใจทำท่าจะปัดมือของเขาออก หากทว่าฝ่ามือของยามหนุ่มนั้นราวกับหนวดปลาหมึก
เมื่อเขาวางตะปบลงไปแล้ว นิ้วมือทั้งห้าก็ขยับกดบดขยี้ด้วยความเจนจัดมากลีลา การบดบี้เน้น ๆ ตรงตำแหน่งอ่อนไหวทำให้แก้วตัวกระตุกเฮือกหมดแรงดิ้นรน อีกทั้งกระแสความเสียวซาบซ่านนั้นยังทำให้อารมณ์ทางเพศของเธอยิ่งพุ่งพรวดทะยานสูงขึ้นราวกับจรวด
สาวสวยที่ไร้ประสบการณ์หลับตาปี๋หอบหายใจหนักหน่วง ร่างกายของเธอบิดเกร็งกระตุกไม่หยุด เพียงครู่เดียวฝ่ามือของชายหนุ่มก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำหล่อหลื่นที่หลั่งออกมาไม่ขาดสาย วินาทีนั้นมือนุ่มของเธอขยับไปบีบกุมข้อมือของเขาจนแน่น มือของเธอกดให้มือของเขาเข้าหา ในขณะเดียวกันก็แอ่นโคกโหนกนูนเบียดเข้าหานิ้วมือของชายหนุ่ม ท่าทีของเธอกำลังสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังมีอารมณ์มากเพียงไหน
“โอย … อาร์ต … สอดนิ้วเข้ามาอีก … อืม … เสียว … ซี้ด … อาร์ต … เร็วอีกนิด … ซี้ด … อาร์ต … อูยสสส”
แก้วแลบลิ้นเลียรอบปากส่งเสียงอ้อนวอนร้องขอ กำแพงของเธอพังทลายจนหมดสิ้นจึงได้กล้าพูดเช่นนี้อออกมา เวลาในกำลังหลงใหลในลีลาของเขา และต้องการให้ชายหนุ่มนำพาเธอไปสู่สรวงสวรรค์ชั้นเจ็ดด้วยลีลาของเขาสักครั้ง
อาร์ตแหย่นิ้วสอดเข้าไปในความคับแน่นลึกกว่าเดิม จากนั้นก็เริ่มซอยเข้าซอยออกถี่ยิบจนสะโพกผึ่งผายเด้งร่อนไม่หยุด พร้อมกันนั้นเขาก็ขยับเอียงตัวเล็กน้อย จัดการถลกเสื้อยืดสีขาวของเธอขึ้นมากองเอาไว้เหนือเต้าเหมือนกับยกทรงที่อยู่ข้างใน ก่อนจะก้มหน้าลงไปอ้าปากงับแล้วดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อยลิ้น
น่าเสียดายที่ตรงนี้มืดจนมองไม่เห็นความขาวเนียนและความสวยของทรวงเต้า หากทว่าแค่เพียงขนาดที่ใหญ่อะร้าอร่ามและความเนียนนุ่มหยุ่นเด้งสู้มือก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวสะท้าน ยิ่งเขาได้ลิ้มรสเนื้อสาวก็ยิ่งรู้สึกอร่อยหอมหวาน มือซ้ายของเขาบีบขยำซ้ำไปซ้ำมา ปากของเขาอ้าปากงับดูดเลียอย่างหิวโหย ส่วนมือขวานั้นกำลังเร่งซอยนิ้วใส่ร่องหลืบถี่ยิบจนน้ำหล่อลื่นไหลทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก
แก้วบิดกายดิ้นพราดแอ่นผวา ร่างงามกระตุกเกร็งส่ายไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง อารมณ์กระสันทำให้มือของเธอตะปบขยำลงไปบนเป้ากางเกงของชายหนุ่ม เธอบีบขยำลงไปบนท่อนลำยาวใหญ่ของเขาด้วยอารมณ์อันเร่าร้อน และเธอก็ได้พบว่าอารมณ์ของเธอยิ่งร้อนกว่าเดิม เมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา ของเขาดูจะใหญ่โตจนเธอต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอดังอึก
“คุณแก้วเป็นเมียผมนะครับ”
อาร์ตกัดฟันส่งเสียงครางแผ่วเบาก่อนจะกระซิบบอกแก้วด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เสน่ห์ของแก้วนั้นร้อนแรงจนเขาทานทนไม่ไหว เปรียบเทียบได้กับเสน่ห์ของกานต์แล้วแทบไม่แตกต่างกัน หากแต่เวลานี้เขาอยู่ในสภาพที่น่าตื่นเต้นกว่าตอนได้มีอะไรกับกานต์ เพราะว่าสถานที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำซึ่งอาจจะมีใครเดินผ่านมาเห็นได้ และเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าแก้วจะเปลี่ยนใจหรือไม่หากเขากระตุ้นจนเธอถึงจุดสุดยอดเสร็จสมอารมณ์หมายไปก่อน
แก้วรับฟังเสียงของเขาด้วยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลีลาของเขาทำให้เธอใกล้ถึงฝั่งฝันเต็มที เมื่ออยู่ดี ๆ เขาถอนนิ้วมือออกไปโดยไม่บอกกล่าว เธอจึงรู้สึกโหวงเหวงหงุดหงิดเย็นวาบ เธอมองเขาด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ อารมณ์ของเธอในเวลานี้กำลังสับสนอลหม่านไปด้วยความอัดอั้น อาร์ตคิดถูกแล้วในแง่ที่ว่าหากทำให้เธอเสร็จสมไปก่อน เธออาจจะเปลี่ยนใจไม่ให้เขาทำ แต่เมื่อเขาไม่ทำให้เธอเสร็จ เวลานี้แก้วจึงไม่มีความเขินอายเข้ามาแทรกกั้น เธอยินยอมทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะบงการ ขอแค่เพียงสามารถช่วยระบายความอัดอั้นให้เธอได้ก็เพียงพอแล้ว
ชายหนุ่มจับประคองเธอไปยืนพิงกับขอบถนนในมุมมืด เขาปลดกางเกงลงไปเล็กน้อยเพื่อปล่อยแก่นกายยาวใหญ่ออกมายังโลกภายนอก กางเกงในลายลูกไม้โดนรูดเกี่ยวจนหลุดลุ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงขยับเข้าไปยืนประกบจับขาขาวเพรียวข้างหนึ่งของแก้วขึ้นมาพาดเอาไว้บนสะโพกแกร่งหนา
ในความมืดเช่นนี้แก้วมองไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไร เธอรู้ตัวอีกครั้งก็รู้สึกได้ว่าความใหญ่โตที่แข็งเหมือนท่อนเหล็กของเขากำลังจรดจ่ออยู่ตรงปากร่อง เธอรู้แล้วว่าตนเองกำลังจะโดนพรากความบริสุทธิ์ไป แต่นาทีนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สองแขนจึงตวัดรัดเกี่ยวไปที่รอบคอขอยามหนุ่ม เธอมองใบหน้าเขาในความมืดพร้อมกับหอบกระเส่าพ่นลมหายใจร้อนแรงออกมาด้วยความตื่นเต้น
“อาร์ต … ทำเบา ๆ หน่อยนะ”
“ครับคุณแก้ว ช่วงแรกอาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่สักพักจะดีเอง ผมจะค่อย ๆ ทำ รับรองคุณแก้วจะติดใจแน่”
ชายหนุ่มตอบเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจับแก่นกายไปจรดจ่อที่ร่องรู สาวสวยสะดุ้งเฮือกตัวเกร็งเมื่อเขาใช้ปลายหัวเขี่ยกดปาดไปมาตรงปากร่อง และเมื่อเขาเริ่มกดแทรกเข้ามาเล็กน้อย ความจุกเสียดเจ็บแน่นก็เล่นงานจนแก้วเด้งผวาจิกเล็บทั้งสิบนิ้วลงไปบนหลังศีรษะของเขา เธอหลับตาปี๋กัดเม้มปากเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนสองขาของเธอกำลังจะฉีกขาดแยกออกจากกัน
“เจ็บ … อาร์ต … เบา ๆ … อูย … เจ็บ”
ใบหน้าสวยของแก้วบิดเบี้ยวเหยเก เธอส่งเสียงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณ เธอรู้ว่าครั้งแรกจะต้องเผชิญกับความเจ็บ แต่ว่าเธอไม่นึกว่าจะเจ็บขนาดนี้ เธอจึงพยายามจะขยับถอยหนี หากทว่าในท่วงท่าเช่นนี้เธอย่อมไม่สามารถถอยหนีออกไปได้ เธอทำได้แค่พยายามสูดลมหายใจเพื่อสะกดข่มความเจ็บปวดตรงจุดเชื่อมต่อ
“อดทนอีกนิดครับคุณแก้ว”
ยามหนุ่มส่งเสียงให้กำลังใจกระท่อนกระแท่น เพราะว่าแก่นกายของเขากำลังโดนตอดหนุบหนับอย่างหนักหน่วง เขาไม่ได้เดินหน้าต่อเพราะว่าเธอกำลังเกร็งไปทั้งตัวด้วยความเจ็บ ตอนนี้เขาจึงได้แต่แช่แก่นกายค้างเอาไว้เช่นนั้นก่อน พร้อมกับจัดการก้มหน้าลงไปจูบซุกไซร้ปลุกเร้าอารมณ์ของเธอไปพลาง
ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเหยเกจนเกือบร้องไห้ เธฮรู้สึกเกร็งแน่นไปทั่วช่องท้อง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเธอ อีกทั้งครั้งแรกของเธอยังต้องมาเจอกับขนาดที่ไม่ธรรมดาของยามหนุ่ม เธอจิกมือเกร็งลงไปบนบ่าของเขาเพื่อระบายความเจ็บปวด เธอหอบกระเส่าราวกับจะขาดใจตายในคราวแรก แต่เมื่อโดนเขาจูบไซร้และขยำนมเต้าอยู่ครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดก็เริ่มเลือนหายไปทีละน้อย และสิ่งที่มาแทนที่ก็คือความร้อนรุ่มกระสัน
อาร์ตคอยสังเกตอาการของแก้วอยู่ตลอดเวลา เมื่อเขาพบว่าเธอเริ่มหายเกร็ง เขาก็กัดฟันกรอดเดินหน้าสอดใส่แก่นกายยาวใหญ่เข้าไปทีละน้อย สัมผัสเสียดสีจากความคับแน่นทำให้สองหนุ่มสาวใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก กว่าจะสามารถสอดเข้าไปในร่างของเธอได้จนสุดลำทั้งคู่ก็เหนื่อบหอบเหงื่อท่วมร่าง
“อืม … อาร์ต … อือ … เสียว … อือ อือ … ซี้ดส”
แก้วซึ่งคลายจากความเจ็บปวดเริ่มส่งเสียงสูดปากครางออกมา แก่นกายของชายหนุ่มเริ่มขยับวิ่งเข้าวิ่งออกบดส่ายทะลวงใส่อย่างเชื่องช้าหากทว่าหนักหน่วงเร่าร้อน อาร์ตบรรจงขยับควงสลับยาวสั้นซ้ายขวาบนล่างเพื่อสร้างสรรค์ความเสียวซ่านให้ถูกใจสาวสวยให้ถึงที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับสาวไร้ประสบการณ์อย่างแก้ว เมื่อต้องมาเจอเข้ากับลีลาอันช่ำชองเช่นนี้ ความเสียวของเธอก็พุ่งพรวดจนต้องผวากอดรัดและร้องครางออกมาไม่ขาดปาก
“อย่าร้องดังซิครับ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินเข้า”
อาร์ตกระซิบบอกด้วยความตื่นเต้น เขาบอกเธอให้ระวังเสียงดัง หากทว่าบั้นเอวของเขากลับเร่งกระเด้าซอยแบบหนักหน่วงถี่ยิบจนสาวสวยอ้าปากเหวอ เธอพยายามเม้มปากเก็บเสียงเอาไว้สุดชีวิต แต่ความเสียวที่ถาโถมทับเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งนั้นเกินกว่าที่เธอจะทานทนไหว เสียงครางที่พยายามปกปิดเอาไว้จึงเริ่มดังขึ้นทีละน้อย และเสียงเนื้อกระแทกเนื้อก็เริ่มดังคลอเข้าจังหวะไปพร้อมกัน ก่อนที่ความเสียวของเธอจะพุ่งทะยานถึงขีดสุดจนเผลอส่งเสียงหวีดแห่งความหฤหรรษ์หลุดปากออกมา
“อูย อาร์ตจ๋า ไม่ไหวแล้ว ซี้ดสสส เสียว อูย … อ๊ายยยยย”
แก้วตัวกระตุกเฮือกดิ้นพราดบิดสะบัดส่ายไปมาอย่างรุนแรง จุดสุดยอดในชีวิตครั้งแรกที่ได้รับจากผู้ชายนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าที่เธอเคยจินตนาการ ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอจึงรุนแรงกว่าที่เคยเป็น แต่ยังดีที่เขาแข็งพอที่จะจับยึดร่างของเธอเอาไว้ในท่ายืนได้อย่างหนักแน่นมั่นคงไม่ตกหล่นลงไปกระแทกพื้นเสียก่อน
“ผมบอกแล้วว่าคุณแก้วต้องชอบแน่ ๆ”
อาร์ตกล่าวสัพยอกที่ข้างใบหูขณะที่ร่างของสาวสวยยังคงบิดเกร็ง เธอหอบกระเส่ากอดเขาแน่นเมื่ออาการเกร็งเริ่มจางหาย ฝ่ามือนุ่มนิ่มเปะป่ายลูบสัมผัสไปตามแผ่นหลังกำยำด้วยความรู้สึกรักลุ่มหลงจนยากจะไถ่ถอนตัวได้ เธอยอมรับว่าเธอชื่นชอบความรู้สึกเช่นนี้อย่างที่สุด เธอชอบความรู้สึกขณะที่เขาสอดแทรกแก่นกายอวบใหญ่เข้ามาในร่างกายของเธอ และยิ่งชื่นชอบอีกหลายเท่าเมื่อเขาขยับกระแทกใส่เธอราวกับสัตว์ป่า
“… อาร์ต …”
แก้วตาปรือเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงหวานฉ่ำ เธอมองสบตากับเขาในความมืด ถึงแม้ตรงนี้จะมืดเกินไปจนไม่เห็นแววตาของเขา หากทว่าเธอก็ยังคงมองใบหน้าของเขาในความมืด และเธอทราบว่าเขาเองก็กำลังมองดูเธออยู่เช่นกัน
“รักคุณแก้วจัง”
เขาพูดบอกรักด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แก้วถึงกับชะงักขัดเขินรู้สึกหัวใจพองโตมีความสุข เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังยิ้ม ถึงแม้จะไม่ทราบว่าประโยคนี้เป็นแค่การพูดเอาอกเอาใจหรือไม่ แต่อย่างน้อยสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว เมื่อได้ยินคำบอกรักจากผู้ชายที่สนิทสนมด้วย จะอย่างไรก็ต้องรู้สึกยินดีมีความสุข
“อืม … นายยังไม่เสร็จเหรอ … ของนายมันยังแข็งอยู่เลย แถมยังดิ้นไม่หยุดด้วย”
แก้วรู้สึกวาบหวามกับคำบอกรัก แต่ว่าเธอยังไม่อยากจะบอกรักเขาตอบ เธอจึงหันไปพูดเรื่องอื่น และเรื่องที่ว่าก็คือเจ้าสิ่งที่กำลังดิ้นดุกดิกอยู่ในร่างกายของเธอ เธอสัมผัสได้ว่าของเขายังไม่หมดฤทธิ์และยังอยากจะมุดทะลวงเข้าใส่ร่างของเธอให้มากกว่านี้
“ครับ ยังไม่เสร็จ เดี๋ยวรอให้คุณแก้วหายเกร็งผมจะลุยต่ออีกรอบ”
“ไม่เอา พอแล้ว เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”
เธอส่งเสียงร้องห้ามทันทีเมื่อเขาทำท่าจะขยับบั้นเอวกระแทกใส่อีกรอบ ตอนนี้เธอเพิ่งได้ปลดปล่อยอารมณ์อัดอั้นออกไป สติจึงกลับมาทำงานเหนือกว่าสัญชาตญานสืบพันธุ์ แก้วรีบมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นตกใจกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า
“โธ่ คุณแก้วสุดที่รักอย่าแกล้งกันซิครับ ผมทนไม่ไหวหรอก บ้าตายกันพอดี ขอต่ออีกนิดนะครับ”
อาร์ตส่งเสียงประท้วงขอความเห็นใจ แน่นอนว่าหากเขาต้องการ เขาก็สามารถที่จะใช้กำลังกระทำต่อได้เท่าที่พอใจ จะอย่างไรตอนนี้เขาก็สอดใส่ค้างคาอยู่แล้ว ต่อให้เธอคิดปฏิเสธก็ไม่มีทางป้องกันตัวเองได้ กระนั้นเขาไม่ได้เป็นพวกชอบการใช้กำลัง และชอบการร่วมรักกันแบบสมัครใจทั้งสองฝ่ายมากกว่า
แก้วลังเลไปวูบหนึ่งกับคำขอของชายหนุ่ม เธอกลัวคนมาเห็นเข้าก็จริง แต่ว่าเธอก็รู้สึกแคร์ความรู้สึกของเขามากกว่า จะอย่างไรเขาก็ได้ความสาวของเธอไปแล้ว และเขาก็ทำให้เธอมีความสุขมากถึงเพียงนั้น เธอจึงรู้สึกเหมือนเอาแต่ได้อยู่บ้างหากไม่ให้เขาทำต่ออีกสักหน่อย
“ไม่เอา หยุดก่อน ถ้านายทำต่อตรงนี้ก็ได้ แต่ว่าชั้นจะยอมให้แค่ครั้งนี้ จะไม่มีครั้งต่อไปอีก ถ้านายยอมอดทนอีกหน่อย เราสองคนจะไปหาที่เงียบ ๆ ไม่มีคนกวน แล้วนายอยากจะทำอะไรยังไงมากแค่ไหนก็แล้วแต่นายเลย”
สาวสวยตัดสินใจเด็ดขาดตามนิสัยของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากขัดใจเขา แต่ว่าเธออยากทดสอบเขา หากเขาจะดื้อดึงทำต่อโดยไม่สนคำทัดทาน เธอก็คงไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน แต่ว่าเธอก็จะได้รับทราบนิสัยของเขาว่าเป็นคนอย่างไร และเธอก็ไม่ได้ใจร้ายเกินไปที่จะปฏิเสธเด็ดขาด เธอจึงยื่นข้อเสนอว่าเขาจะได้รับอะไรที่ดีกว่าหากยอมอดทนไว้ก่อน
“คุณแก้วพูดเองนะครับ ว่าจะให้ทำอะไรยังไงมากแค่ไหนก็แล้วแต่ผม งั้นเราไปกันเลยดีกว่า อย่าเสียเวลาตรงนี้เลย”
อาร์ตตอบเลือกข้อที่สองทันทีโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด อีกทั้งยังแสดงท่าทีหยอกล้อใช้คำพูดของแก้วมาอ้างอิงเพื่อเอารัดเอาเปรียบด้วย เวลานี้แก้วจึงอึ้งไปครู่หนึ่งเพราะไม่คิดว่าเขาจะสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเธอย่อมไม่รู้ว่าหากเป็นปกติแล้วอาร์ตคงยากจะตัดสินใจ หากทว่าเช้าวันนี้เขาเพิ่งได้ระบายอารมณ์ไปกับกานต์มากพอดูแล้ว อารมณ์กลัดมันของเขาจึงไม่ได้มากเกินไปจนคุมไม่ได้
หลังจากเลือกข้อที่สอง อาร์ตก็ประกบปากจูบแลกลิ้นกับแก้วอีกครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ขยับถอนตัวประคองให้แก้วยืนพิงขอบสะพานด้วยสองขาที่สั่นสะท้านระริก เวลานี้เธอจึงค่อยรู้สึกได้ถึงความตึงหน่วงตรงกลางหว่างขา เธอรู้สึกเหมือนไม่สามารถหุบขาเข้าหากันได้เหมือนตอนปกติ
“ขี่หลังผมไปล่ะกัน คุณแก้วน่าจะเดินไม่ไหว”
อาร์ตคล้ายจะเอาใจใส่รับรู้สภาพร่างกายของเธอ เขาพูดเสนอพร้อมกับขยับเข้าไปดึงชายเสื้อยืดลงมาปิดทรวงอก แล้วก้มลงไปดึงชายกระโปรงลงมาให้ดูเหมือนปกติ ท่าทีเอาใจใส่นั้นทำให้แก้วรู้สึกอบอุ่นวาบหวาม หากทว่าเมื่อเห็นเขาหยิบฉวยยกทรงและกางเกงในของเธอโยนใส่กระเป๋าสะพาย แก้วก็ต้องเปลี่ยนความคิดหันไปส่งเสียงเอ็ดใส่เขาแทน
“นายจะทำอะไรน่ะ เอาชุดชั้นในชั้นไปไหน”
“มัดจำครับ กลัวคุณแก้วเปลี่ยนใจ แล้วเดี๋ยวยังไงก็ต้องแก้ผ้าอยู่ดี ถอดไปตอนนี้เลยจะได้ประหยัดเวลา”
“เดี๋ยวก่อน ไม่เอา แบบนั้นเดี๋ยวคนเห็นจะทำยังไง ว้าย อาร์ต เดี๋ยว ไม่เอา เดี๋ยว ว้าย”
แก้วส่งเสียงวี้ดว้ายร้องห้ามเพราะว่าชุดที่เธอสวมใส่นั้นใช่ว่าจะปิดมิดชิดนัก หากไม่มียกทรงและกางเกงในก็ไม่แน่ว่าจะเผลอเปิดอะไรต่ออะไรให้คนเห็นเข้า แต่อาร์ตนั้นไม่สนใจเสียงห้ามของเธอ เขาจับเธออุ้มเหวี่ยงขึ้นบนหลังโดยไม่ถามไถ่ แก้วจึงได้แต่โอบแขนกอดคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวตกลงไปบนพื้น จากนั้นอาร์ตก็ก้มตัวหยิบกระเป๋าถือสีขาวของเธอขึ้นมาแล้วเดินพาเธอไปตามทางเดิน
สาวสวยกอดเขาแน่นแนบทรวงอกลงไปบนแผ่นหลังกำยำ เธอวางคางลงไปบนไหล่ของเขาแล้วเริ่มเงียบเสียง ความอบอุ่นวาบหวามที่ถ่ายทอดมาทำให้เธอไม่อยากดิ้นรน ถึงแม้จะรู้สึกขัดเขินกับการต้องเกาะหลังผู้ชาย หากทว่าความรู้สึกอบอุ่นที่ส่งผ่านมานั้นทำให้เธอไม่อยากแยกตัวออก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้เกาะหลังผู้ชายแบบนี้ น้ำเสียงของเธอที่สนทนากับเขาจึงหวานยิ่งกว่าเดิม
“อาร์ต …”
“ครับ คุณแก้ว”
“ยังเรียกคุณอะไรอีก … เรียกแก้วเฉย ๆ ก็ได้”
“ครับ แก้ว”
“ยังอีก ไม่ต้องมีครับก็ได้”
“โอเค ไม่ครับก็ได้”
“… นายยังไม่มีแฟนจริงเหรอ”
“เคยมี แต่ตอนนี้โสด อ๊ะ ไม่ซิ ก็มีแก้วเป็นแฟนแล้ว”
“เดี๋ยวเถอะ ใครบอกว่าจะเป็นแฟนกับนาย”
“อ้าว … ไม่ใช่แฟน หรือจะเป็นเมีย”
“… นายอาร์ต …”
“ครับ”
“ห้ามให้ผู้หญิงคนไหนขี่หลังแบบนี้อีกนะ เข้าใจหรือเปล่า”
“โอเค ได้ครับคุณผู้หญิง ต่อจากนี้จะไม่ให้ใครขี่หลังอีก แต่ในอดีตไม่เกี่ยวนะ”
“หมายความว่านายเคยให้ใครขี่หลังหรือไง”
“แหม ไม่ต้องเสียงเข้มขนาดนั้นก็ได้ เรื่องมันนานมาแล้ว ตอนนั้นผมยังเด็ก ใกล้บ้านมีเด็กสาวขี้แยคนหนึ่ง เราเล่นกันบ่อย ๆ แล้วเด็กสาวคนนั้นก็ชอบขี่หลังผม เราสนิทกันมาก แต่ว่าผมมีเรื่องต้องย้ายไปต่าง … เอ่อ ต่างจังหวัด เราก็เลยไม่ได้เจอกันอีก … ว่าแต่ก้นคุณแก้วนี่นุ่มนิ่มดีจัง”
“นายอาร์ตเดี๋ยวเถอะ … อือ …”
แก้วส่งเสียงเอ็ดใส่พร้อมกับหยิกแขนของเขา เพราะว่าตอนนี้อาร์ตกำลังขยำมือลงไปบนสะโพกเนื้อนิ่ม แต่แก้วก็แค่ส่งเสียงเอ็ดพอเป็นพิธี เพราะว่าเธอไม่ได้แสดงท่าทีปัดป้องร่างกายแต่อย่างใด นอกจากส่งเสียงครางและพ่นลมหายใจร้อนผ่าวราดรดใส่ใบหน้าด้านข้างของเขา การเกาะหลังของชายหนุ่มจนเนื้อเต้าอวบเต่งเบียดเสียดสีกับแผ่นหลังนั้นกระตุ้นเร้าอารมณ์ทางเพศของเธอขึ้นมาโดยไม่หยุดหย่อน
นอกจากแรงกระตุ้นเร้าจากสัมผัสทางกาย และความอิ่มเอมทางใจแล้ว แก้วยังรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นแปลก ๆ เมื่อโดนสายตาคนอื่นจ้องมองมา โดยปกติแล้วเธอเป็นสาวสมัยใหม่ที่ชอบบริหารเสน่ห์ยั่วเย้าสายตาของเพศตรงข้าม เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่แทบทุกชิ้นนั้นจะต้องรัดรึงขับเน้นเสน่ห์ความงามอันสมบูรณ์แบบออกมาให้ผู้คนน้ำลายสอ และเธอรู้สึกภาคภูมิใจเสมอมาเมื่อหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จ้องมองดูเธอ
ความตื่นเต้นแปลก ๆ ที่ว่าก็คือ ก่อนหน้านี้เธอแค่รู้สึกภูมิใจในเสน่ห์ของตนเองโดยไม่ได้คิดอะไร หากทว่านาทีนี้เมื่อโดนจ้องมองมาด้วยสายตากลัดมัน เธอก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นวาบหวิวอยากกอดแนบสัมผัสกับร่างกำยำของอาร์ตให้มากขึ้น สายตาของคนเหล่านั้นที่มองมากำลังทำให้เธอมีอารมณ์ทางเพศ และเธออยากระบายมันออกกับยามหนุ่มผู้ชายคนแรกของเธอ
ระหว่างการโดนเขาอุ้มขี่หลังเดินลงมาจากสะพานนั้น สายตาหลายคู่ต่างพากันจ้องมองดูเธอด้วยความตื่นเต้นกระสัน สายตาเหล่านั้นต่างพากันมองสำรวจใบหน้าสวยหวาน ก่อนจะสำรวจลงไปที่เรือนร่างขาวโพลน โดยเฉพาะตรงส่วนเต้านมที่กดแนบลงไปบนแผ่นหลังชายหนุ่มจนปลิ้นทะลัก
เสื้อยืดที่บางเฉียบทำให้พวกเขาสังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้สวมใส่ยกทรง อีกทั้งในท่าที่โดนอุ้มขี่หลังอยู่เช่นนี้ สองขาขาวเพรียวของเธอจึงโผล่ออกมาจากขอบกระโปรงลึกไปถึงไหนต่อไหน ซึ่งการที่เธอไม่ได้สวมใส่กางเกงในนั้นทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นวาบหวาม แต่ยังดีที่ฝ่ามือของชายหนุ่มตะปบช่วยปิดบังแก้มก้นเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นมากเกินไป เธอจึงยังพอทำใจได้อยู่บ้าง
“อ้าว นั่นมันพี่อาร์ตนี่นา … โห เด็กพี่โคตรแจ่มอ่ะ ขาว สวย สุดยอด ยังกับนางฟ้าเลย”
เสียงร้องทักที่ดังมาจากมุมมืดทำให้อาร์ตหยุดชะงักลงไปเล็กน้อย และเมื่อเขาหันไปมองดูก็ได้พบว่าเจ้าของเสียงคือบอล ญาติห่าง ๆ ที่เขาเพิ่งจะไปขออาศัยนอนพักเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เขาได้รับลาภลอยได้มีอะไรกับกานต์นักศึกษาสาวสวยนั่นเอง
ถัดจากเสียงทักทาย ร่างสูงกำยำในแบบฉบับของนักกีฬาร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากเงามืด สายตาของบอลคู่นั้นเบิกกว้างมองสำรวจเนื้อตัวของผกายแก้วด้วยความหื่นกลัดมันโดยไม่ได้คิดปิดบัง และสายตาคู่นั้นก็ทำให้แก้วที่ยังคงเกาะอยู่บนหลังของอาร์ตรู้สึกหงุดหงิดไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น
“อ้าว แล้วแกมาทำอะไรที่นี่ ได้ข่าวว่าจะกลับดึกไม่ใช่เหรอ ไปแข่งกีฬาเป็นไงบ้าง ชนะหรือเปล่า”
อาร์ตขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากส่งเสียงทักทาย ท่าทางของเขาเหมือนรู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่แอบฉวยโอกาสแย่งสาวสวยระดับนางฟ้าอย่างกานต์ไปจากบอล
“พอดีแข่งแพ้รอบสอง เลยกลับกันเร็วหน่อย นี่ผมกลับเข้าหอไปอาบน้ำมาแล้ว กำลังจะพาสาว ๆ ไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมทีม”
บอลยักไหล่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเสียดาย แต่สายตาคู่นั้นยังคงมองสำรวจเนื้อตัวขาวโพลนของแก้วแทบไม่กระพริบตา แน่นอนว่าบอลย่อมไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอาร์ตและกานต์ เขาทราบแค่เพียงเรื่องราวที่กานต์แสดงท่าทีในโรงอาหารเหมือนไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน และเขาทราบว่ากานต์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขาอีกแม้แต่เพียงครั้งเดียว
แก้วเองก็ไม่เคยพบเจอหรือรู้จักกับบอลมาก่อน เธอเพียงแค่ทราบข่าวว่ามีข่าวลือในทางเสียหายกับน้องกานต์ของเธอ และเธอเชื่อว่าเป็นฝีมือของคู่อริอย่างอรอนงค์
“เพื่อนเหรอวะไอ้อาร์ต แล้วสาวสวยนี่ใครสุดยอดเลยนี่หว่า โคตรสวย นมใหญ่ ขาวฉิบหาย”
“ขาวโอโม่เลยเว้ย นางฟ้าชัด ๆ นมใหญ่แบบนี้สุดยอด น่าเด้าฉิบ”
หลังจากยืนคุยกับบอลครู่เดียว ชายวัยรุ่นอีกสองคนก็เดินออกมาจากเงามืดพร้อมกับคำพูดหยาบโลน ทั้งสองมีรูปร่างสูงกำยำเหมือนบอล เพียงแต่ไม่หล่อเหลาเท่า ทั้งสองคนนั้นเดินออกมาพร้อมกับสายตาแวววาวที่มองดูแก้วด้วยความกลัดมัน สายตานั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าอยากจะจับแก้วไปโอบกอดขยำขยี้ให้เสร็จสมอารมณ์หมาย
หลังจากชายวัยรุ่นสองคนเดินออกมา ร่างบางของสาววัยรุ่นอีกสามคนก็เดินตามออกมาจากเงามืด พวกเธอทั้งสามนั้นมีรูปร่างหน้าตาถือว่าธรรมดาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากนำไปเทียบกับแก้วซึ่งสวยเหมือนนางฟ้า พวกเธอก็แทบจะเปรียบได้กับกาดำ ตอนนี้สาวรุ่นทั้งสามต่างก็กำลังจัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและทรงผมของตนเอง จึงพอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งสามคู่นี้กำลังทำอะไรกันในมุมมืด
แก้วขมวดคิ้วมองดูวัยรุ่นสองคนนี้ด้วยความหงุดหงิดรำคาญ เธอย่อมรับรู้ได้ถึงสายตาและคำพูดที่หยาบโลนที่สื่อออกมา ยิ่งเห็นดวงตาที่เบิกโพลงและกิริยาแลบลิ้นเลียรอบปากด้วยความหื่น แก้วก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจรำคาญ เธอจึงอ้าปากทำท่าจะต่อว่ากลับไป แต่แล้วเสียงของอาร์ตก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ระวังปากพวกมึงหน่อย อย่าเสือกมายุ่งกับเด็กกู”
เสียงของอาร์ตดังพอสมควรจนเด็กวัยรุ่นสองคนนั้นชะงักสายตาหันมองไปทางอาร์ต แก้วเองก็หันมามองดูใบหน้าด้านข้างของอาร์ตด้วยความรู้สึกชื่นชมคาดไม่ถึง เธอคิดว่าอาร์ตเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่แสดงอารมณ์มากนัก ดังนั้นเมื่อเขาแสดงท่าทีปกป้องศักดิ์ศรีของเธอออกมา แก้วจึงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาทันที
บรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้บอลซึ่งรู้จักกับทั้งสองฝ่ายแสดงท่าทีตกใจ บอลรีบเดินมายืนขวางทั้งสองฝ่ายเอาไว้เพื่อสื่อว่าอย่ามีเรื่องกัน แต่ท่าทางเหมือนวัยรุ่นทั้งสองนั้นจะไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของอาร์ตสักเท่าไหร่ ทั้งสองจึงส่งเสียงสบถด่าออกมาเป็นชุด เดือดร้อนให้บอลต้องรีบส่งเสียงปรามให้เย็นลงก่อน
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น คนกันเอง พวกมึงก็อย่าไปพูดลามปามเด็กพี่อาร์ตเขามากซิวะ ทีพวกมึงเองก็ยังไม่อยากให้ใครพูดลามปามกับเด็กพวกมึงเหมือนกันนั่นแหละ”
“เออ เจ๊ากันไปก็ได้ ไม่อยากอารมณ์เสีย แต่มึงต้องหาเด็กใหม่มาให้กูสองคนด้วย เทียบกับเด็กไอ้หล่อนั่นแล้วอีสามสาวนี่ยิ่งหน้าเหมือนมดปลวกโดนยาฆ่าแมลงเข้าไปทุกที เห็นแล้วแทบไม่มีอารมณ์”
หนึ่งในสองวัยรุ่นเลือดร้อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมกับหันไปตวาดใส่สาววัยรุ่นทั้งสามที่เสื้อผ้ายับเยินผมเผ้ายุ่งเหยิง แก้วซึ่งยึดถือคติว่าชายหญิงเท่ากันจึงรู้สึกหงุดหงิด เพราะเธอรู้สึกว่าสาววัยรุ่นทั้งสามคนนั้นกำลังโดนกดขี่ เธอรู้สึกอยากต่อว่าสักคำ แต่เกรงว่าจะยิ่งต่อความยาวสาวความยืด เธอจึงยังคงเงียบเอาไว้ และบอลก็พูดโพล่งขัดจังหวะขึ้นมาพอดี
“เฮ้ย เดี๋ยว ๆ เด็กใหม่อะไรที่ไหน แค่นี้กูก็หมดเงินไปหลายพันแล้วนะโว้ย พวกมึงจะให้กูเอาเงินที่ไหนไปหาเด็กใหม่มาให้พวกมึงอีก”
“ช่วยไม่ได้ มึงอยากพนันกับพวกกูทำไม พวกกูบอกแล้วว่าไม่เชื่อมึง แต่มึงก็ยังยืนยันว่ามึงได้เอาจริง ๆ มึงชวนน้องคนสวยมาหาพวกกูที่ห้องไม่ได้ ตอนนี้มึงพิสูจน์ไม่ได้ว่ามึงได้ทำ ก็ต้องถือว่ามึงแพ้พนัน มึงก็ต้องทำตามข้อตกลง”
“อะไรวะ ก็นี่ไงกูหามาให้แล้ว มึงจะให้กูไปหาสวยแบบเด็กพี่อาร์ตจากไหน จะบ้าเรอะ สวยเหมือนดาราแบบนี้จ่ายเป็นแสนยังยากเลย”
บอลโวยวายโต้เถียงกับสองวัยรุ่นสลับไปมา แก้วฟังแล้วพอจะเข้าใจว่าสองฝ่ายพนันอะไรกันบางอย่าง แลกกับการใช้เงินซื้อผู้หญิงมาให้อีกฝ่าย แต่ว่าเธอไม่ทราบในรายละเอียดว่าบอลพูดถึงใคร
อาร์ตเริ่มขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ เพราะเขาทราบว่าบอลกับสองวัยรุ่นกำลังพูดถึงกานต์ ส่วนเรื่องที่เขาหงุดหงิดนั้นก็เพราะประโยคที่ได้ยินว่าบอลจะพากานต์ไปให้สองวัยรุ่น
ไม่ว่าอย่างไรเขากับกานต์ก็มีสัมพันธ์สวาทกันแล้ว อาร์ตจึงคิดเผื่อปกป้องกานต์โดยไม่ต้องควบคุมบังคับ และสิ่งที่พวกวัยรุ่นพวกนี้คุยกันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองทำถูกแล้วที่แย่งกานต์มาจากบอล ไม่เช่นนั้นชะตากรรมของกานต์คงไม่พ้นโดนวัยรุ่นนิสัยเสียพวกนี้รุมโทรมอย่างแน่นอน
“ไปแล้วนะไอ้บอล ไว้เจอกัน”
อาร์ตขี้เกียจจะยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้ เขาจึงกล่าวลาแล้วเดินพาแก้วลงสะพานข้ามแม่น้ำเพื่อไปหาสถานที่อันเหมาะสมไว้สร้างความสนิทสนมกับแก้วให้ลึกซึ้งกว่านี้ ค่ำคืนนี้เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำให้นางฟ้าที่เขาหลงรักติดอกติดใจในรสรักของเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
“ขอบใจนะอาร์ต”
“ขอบใจเรื่องอะไรเหรอ”
“… ก็อาร์ตช่วยพูดแถมยังแสดงท่าทีปกป้อง … เมื่อครู่เท่ห์มากเลยล่ะรู้ตัวหรือเปล่า”
ผกายแก้วกล่าวเสียงหวานพลางสวมกอดเขาแน่นกว่าเดิม ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบเมื่อชายที่ตนเองรักออกหน้าปกป้อง ท่าทางแข็งกร้าวของอาร์ตเมื่อครู่จึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจมีความสุข และเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งมีความสุข เธอก็จะยิ่งตอบแทนให้ชายคนรักมีความสุข คืนนี้แก้วตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยตัวปล่อยใจให้เขากระทำอย่างไรก็ได้เท่าที่เขาอยากจะทำ เพราะจะอย่างไรเขาก็ได้กุมหัวใจของเธอเอาไว้แล้ว