With No Remorse Chapter 16

With No Remorse Chapter 16

With No Remorse Chapter 16

ชาติชายในชุดยีนส์กับศรัณย์ที่แต่งตัวเป็นคนส่งพิซซ่าผ่านประตูเข้ามาเจอวรวุฒิที่นั่งหน้าเครียดอยู่ที่ชุดรับแขกใน ห้องนั่งเล่น ยกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นดื่มอั๊ก ๆ ก่อนวางลงบนโต๊ะ “เป็นไงมั่งวุฒิ” ชาติชายเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อแจ๊กเก็ตออกพาดเก้าอี้แล้วดึงถุงมือหนังออก ฝ่ายศรัณย์เดินเข้าห้อง ด้านหลังก่อน
กลับมาพร้อมกับถุงขยะสีดำใบใหญ่ มือกำลังยัดเสื้อฟอร์มของร้านพิซว่าใส่ถุง “อยู่ข้างบน กูให้อาบน้ำนอนพัก” วรวุฒิตอบตาแดงก่ำ “กูไม่น่าให้ยายก้อยมายุ่งด้วยเลย” “แล้วไปแล้วน่า มึงก็ถามความสมัครใจยายก้อยแล้วนี่” ชาติชายหยิบแจ๊กเก็ตยัดใส่ถุงขยะที่ศรัณย์ยื่นให้พร้อมกับถุงมือ “ไม่รู้ฤทธิ์ยาจะหมดเมื่อไหร่ เมื่อกี้ยายก้อยอาละวาดน่าดู” วรวุฒิส่ายหัว “มึงจัดการเสื้อผ้าก่อนดีกว่า เสร็จจะได้ให้นายรัณย์เอาไปจัดการ” ชาติชายพูดระหว่างถอดเสื้อและกางเกงยัดใส่ถุง แล้วเดินไปหยิบเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่เตรียมไว้มาสวมแทน วรวุฒิจึงลุกขึ้นจัดการเสื้อผ้าตัวเอง “แล้วจะเอาไปไหนล่ะ ศรัณย์” วรวุฒิถามนายทหารรุ่นน้องขณะที่ยัดเสื้อผ้าลงถุงก่อนจัดการกับรองเท้าผ้าใบของตน แล้วโยนตามหลังรองเท้าของชาติชายลงถุงไปด้วย “เดี๋ยวเอาไปเตาเผาของพันบริการครับพี่ ติดต่อไว้แล้ว จ่าสมหมายรออยู่แล้ว” ศรัณย์หมายถึงจ่าทหารบกที่การุณย์ มอบหมายให้มาขับรถให้ ศรัณย์บอกพร้อมกับรวบปากถุงมัดเป็นปม แล้วหันไปบอกชาติชาย “พี่ผมกลับไปที่บ้านเลย นะครับ” “ฮื่อ ได้เลยรัณย์” ชาติชายบอกศรัณย์ มองตามหลังศรัณย์ที่หิ้วถุงดำเดินออกจากบ้านไป แล้วหันมาทางเพื่อนที่ลงนั่ง ซดเบียร์ต่อ “มึงรายงานผู้การหรือยัง” ชาติชายเอ่ยถามเพื่อนต่อ “ยัง สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยรายงาน” วรวุฒิวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะ “เอาไงดีวะ เรื่องยายก้อย” “เดี๋ยวนอนแล้วตื่นมาก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะน่า” “พี่แก้ว ก้อยร้อน” เสียงใส ๆ ดังขึ้นทำเอาสองหนุ่มเหลียวกลับไปมอง สาวน้อยลงมายืนอยู่ที่บันไดหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์ยา สวมเสื้อยืดคอกว้างจนเห็นอกอวบดันตูมขึ้นมาเป็นก้อน ๆ ปลายจะงอยถันดันเสื้อปูดขึ้นมาบ่งบอกว่าเธอสวมเสื้อยืด เพียงตัวเดียว เบื้องล่างนุ่งกางเกงขาสั้นผ้าบางตัวเล็กสั้นกุดเสมอโคนขา เนินเนื้อดันผ้าขึ้นเป็นเนินนูน “เฮ้ย.ว้า…” สองหนุ่มร้องออกมาพร้อม ๆ กัน “ลงมาทำไม ร้อนก้อยก็ไปอาบน้ำซิแล้วพยายามนอน เดี๋ยวก็หาย” วรวุฒิลุกเดินไปหาน้องสาว จับไหล่กลมไว้มั่น จ้องลงไปในดวงตาใส ๆ ขณะที่บอกกล่าว ก่อนพยายามจับร่างหันกลับดันหลังน้องสาวขึ้นข้างบน “อาบแล้วพี่แก้ว มันไม่หายน่ะ มันร้อนแบบข้างในน่ะ” สาวน้อยหันมาบอกพี่ชาย “พี่แก้วช่วยก้อยด้วยซิ” “ก้อย ฟังนะ ไอ้นั่นมันวางยาก้อยนะ เดี๋ยวฤทธิ์ยาหมดแล้วก้อยก็หายแล้ว” “ไม่รู้อ่ะพี่แก้ว ก้อยนอนไม่หลับด้วย ก้อยพยายามแล้วนะ” สาวน้อยพูดรัวเร็ว วรวุฒิยืนเกาหัวตัวเองยิก ๆ “พี่ก็ไม่รู้จะทำไง” วรวุฒิบอกอย่างจนใจหันไปหาเพื่อน “ทำไงดีวะ” “ยานอนหลับดีไหมวะวุฒิ” ชาติชายพูดขึ้น “ไม่รู้ว่ะ ยาที่มันใส่ให้ยายก้อยมันยาอะไรก็ไม่รู้ว่ะ” วรวุฒิตอบพร้อมกับโอบกอดน้องสาวที่ซุกหน้าร้องไห้กระซิก ๆ “ให้ กินสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวเป็นอะไรไปมากกว่านี้ละ ยุ่งตายชัก” วรวุฒิยืนละล้าละลัง “เดี๋ยวกูพายายก้อยขึ้นนอนก่อน ถ้ามึงจะกลับก็ปิดบ้านให้กูด้วย” “เออ ไปเหอะ” ชาติชายบอกเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้วก่อนยกขึ้นดื่ม วรวุฒิเดินพาน้องสาวหายลับขึ้นไปชั้นบนครู่ใหญ่ก่อนจะกลับลงมาทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดกระป๋อง “ไม่น่าเลยกู.” วรวุฒิบ่นกับตัวเอง “เอาน่า เดี๋ยวคงค่อยยังชั่วหรอกน่า กูนั่งคุยเป็นเพื่อนแล้วกัน” ชาติชายบอกเพื่อนเบา ๆ “ขอบใจชาย” วรวุฒิเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่มาเปิด หยิบอีกกระป๋องมาส่งให้เพื่อน แล้วนั่งลงต่างคนต่างนั่งคิดเงียบ ๆ ครู่ใหญ่วรวุฒิก็ลุกเดินไปเปิดโทรทัศน์กดหาช่องจนเจอช่องข่าวแล้วกลับมานั่งที่เดิม “เงียบชิบหาย ดูข่าวกันดีกว่า” โครม.. เสียงดังจากชั้นบนทำให้สองหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองก่อนจะลุกเดินพรวด ๆ ตามกันไป วรวุฒิปราดไปที่หน้าห้องนอน ห้องหนึ่งเคาะประตูสองสามทีแล้วเปิดออก “เป็นไงก้อย” วรวุฒิโผล่หัวเข้าไปถามก่อนจะหลบวูบออกมา โครม… “ไอ้พี่แก้วบ้า.. ไม่ยอมช่วยก้อย ฮือ ฮือ” เสียงใส ๆ ร้องออกมาจากข้างในตามด้วยเสียงเหมือนร้องไห้ “แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะก้อย ก็บอกแล้ว…” “ไม่รู้แล้ว พี่เฮงซวย ฮือ ฮือ..” “ก็เดี๋ยวยามันหมดฤทธิ์มันก็หายแล้ว..” วรวุฒิร้องบอกผ่านช่องประตูแล้วหันมามองหน้าเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ไอ้บ้า ไม่รู้ ไม่ฟัง บ้า บ้าทั้งหมดเลย ร้อนจะตายอยู่แล้ว ฮือ ฮือ” “เอาไงดีวะ แม่อาละวาดใหญ่แล้ว” วรวุฒิหันมาถามชาติชาย “ไม่รู้โว้ย กูไม่เคยวางยาใคร” ชาติชายตอบ “ก็ช่วยกันคิดหน่อยซีวะ เป็นเพื่อนภาษาอะไร” วรวุฒิหันมาตอบ ก่อนจะหันกลับไปมองประตู “ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้พี่บ้า ฮือ อือ” “เวรแท้ ๆ กู” วรวุฒิบ่นพลางเกาหัวยืนก้มหน้ามือยันบานประตูห้องน้องสาวให้เปิดแง้ม ๆ “มึงแหละไอ้ชาย” “อ้าว เฮ้ย มาโทษกูได้ไงวะ” “ก็มึงแหละต้นคิดแผนนกต่อเนี่ย” วรวุฒิหันมาจ้องหน้าเพื่อน “กูจะรู้หรือว่ามันจะวางยาปลุกเซ็กส์ ถ้ากูรู้กูก็ไม่เอาแผนนี้หรอก” “ไม่รู้แหละ มึงต้องรับผิดชอบ” “อ้าว เฮ้ย นี่มึงจะโยนขี้กันง่าย ๆ เงี๊ยะ” “น้องสาวกู ไม่ใช่ขี้โว้ย แต่มึงต้องช่วยกูแก้ปัญหา” วรวุฒิหันมาหาเพื่อน “ก็กูจะทำอะไรละวะ ก็นั่งเป็นเพื่อนมึงอยู่นี่” “มึง..” วรวุฒิหันตัวมายืนประจันหน้าเพื่อน หยุดพูดชั่วอึดใจอย่างรวบรวมสติ “มึงเข้าไป ช่วยน้องกูหน่อย” “เข้าไปจะทำอะไรได้วะ มึงยังโดนขว้าง” “เข้าไปแล้วทำอย่างที่ผู้ชายเขาทำ” วรวุฒิบอกหนักแน่น ชาติชายอ้าปากค้าง “ไอ้บ้า” ชาติชายพูดเบา ๆ “บ้าแดกแล้วไง น้องสาวมึงแท้ ๆ นะ” “เชี้ยเอ๊ย แล้วมึงจะให้กูทำไง ยามันฤทธิ์เป็นไงก็ไม่รู้ เมื่อกี้ตอนที่พามันขึ้นมานอนกูลองจับชีพจรมันดู รัวถี่ฉิบหาย” วรวุฒิจ้องหน้าเพื่อน “กูกลัวว่าเดี๋ยวมันจะสูงมากจนเส้นเลือดแตกหรืออะไร” “ไม่มั๊ง มันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” “ก็แล้วถ้ามันถึงขนาดนั้นล่ะ” วรวุฒิจ้องหน้าเพื่อน ถึงทีชาติชายเกาหัวบ้าง “ดังนั้น มึงแหละเข้าไปจัดการ” “มึงอ่านกำลังภายในมากไปหรือเปล่าวะ ประเภทฤทธิ์ยาผงมอมเซียน กินแล้วแก้ไขไม่ได้ต้องร่วมเพศไม่งั้นไฟธาตุ แตกตาย อะไรประมาณนั้น” “กูไม่รู้ กูไม่ใช่หมอ” วรวุฒิบอกห้วน ๆ “แต่กูรู้ว่า น้องสาวกูกำลังทรมาน แล้วไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรอีก ถ้ามึงไม่ช่วยมึงก็ กลับไปเลย” “ก็หาวิธีอื่นซีวะ” “มึงก็พูดมาซิ วิธีไหน กูไม่รู้แล้ว คิดไม่ออก” สองคนนิ่งอึ้งอับจนคำพูด “ตกลงมึงจะช่วยน้องกูหรือไม่ช่วย” “ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะโว้ยวุฒิ น้องมึงยังเรียนไม่จบเลย แล้วจะยังไงต่อไป” ชาติชายยืนมึน “เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้ว แล้วต่อไปก็……เรื่องของมึงกะยายก้อยแล้วกัน” วรวุฒิพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “แต่ว่ากู..” “เอางี้ไอ้ชาย ตอนนี้น้องกูกำลังจะแย่ กูคิดออกทางเดียว ถ้ามึงคิดอะไรออกมึงก็บอกมา มึงจะช่วยกูหรือเปล่าก็บอกมา ตอนนี้ ถ้ามันจะเป็นมึงกูยินดี เพราะกูรู้จักมึงมาตั้งแต่รุ่น ๆ ยังไง ๆ มึงก็ไม่ทิ้งน้องกู แต่กูจะไม่บังคับมึง หลังจากวันนี้ ถ้ามึงกับยายก้อยจะแยกย้ายกันไปก็ตามแต่มึงกับยายก้อยจะตกลงกัน กูไม่สนใจห่าอะไรทั้งนั้น กูไม่อยากทนดูน้องกู เป็นอย่างนี้เท่านั้นแหละ” วรวุฒิบอกเร็วปรื๋อ “…….” ชาติชายยืนมองหน้านิ่ง พูดไม่ออก หัวสมองหมุนติ้ว โครม… เสียงของแข็ง ๆ กระทบประตูห้องแล้วตกลงกับพื้น “ไอ้พี่บ้า ไอ้พี่เฮงซวย ทั้งสองคนเลย ฮือ ฮือ” “เอาก็เอาวะ ไอ้วุฒิ หลังจากวันนี้ถ้ายายก้อยจะเกลียดกูไปทั้งชาติ มึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากนะวุฒิ อย่างไรกูก็ตัดสินใจเอง แต่ด้วยเกียรติของกู ถ้ากูไม่ตายไปก่อน กูจะไม่ทอดทิ้งน้องมึงแน่นอน” ชาติชายบอกเพื่อนด้วยเสียงหนักแน่น “กูขอโทษมึงด้วย” “ขอโทษกูเรื่องอะไร” “เรื่องน้องมึงนั่นแหละ แต่ว่า วุฒิ กูตบน้องมึงให้สลบไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ” ชาติชายหันมาถาม “เอาซิ ถ้ามึงตบยายก้อยกูเป่าหัวมึงจริง ๆ เวรเอ๊ย” วรวุฒิบอกเพื่อน “เดี๋ยวกูจะลงไปนอนข้างล่าง มึงจำคำของมึงไว้ แล้วกัน” “วุฒิ มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง” ชาติชายบอกเพื่อนสายตาสองคู่จับจ้องประสานกันนิ่ง ตระหนักแน่แก่ใจว่าคำที่เปล่งออก จากปากแห่งตนไปนั้น ประดุจดังพันธะสัญญาอันลูกผู้ชายให้ไว้แก่กันอันจะสร้างพันธนาการแก่ทั้งสองไว้อย่างแน่นหนา และทั้งสองคนจะหายอมตระบัดสัตย์แห่งตนไม่ วรวุฒิพยักหน้าให้เพื่อน ยกกำมือขึ้นกดลงกับไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนจะคลายออกประสานมือกับชาติชายที่ยกขึ้นรับ “กูรู้ เหมือนตอนที่เราเรียนอยู่เตรียททหารนั่น เข้าเรียกเราว่า นตท. นักเรียนเตรียมทหาร เราก็เอามาร้องกัน น. น้ำหนึ่ง ใจเดียวเกลียวกล้ำ ต. ตั้งใจ แน่แน่วแล้วทำ ท. นั้น ทำ ทำไม่ได้ไม่มี กูรู้เพื่อน”วรวุฒิบอกเพื่อนแล้วหันกลับเดินเข้า ห้องนอนของตนไปชั่วครู่ก่อนจะหอบหมอนและผ้าห่มออกมา “กูจะบอกอะไรมึงอีกอย่างที่มึงไม่เคยรู้” วรวุฒิเดินมาพูดเบา ๆ “ยายก้อยสนิทกับคุณรจนาเหมือนกัน ที่ยายก้อยรับปาก เข้ามาร่วมมือกับเรา อย่างหนึ่งก็เพราะคุณรจนา …” “แล้ว…” ชาติชายถามเมื่อเห็นเพื่อนหยุดพูด “ยายก้อยมันคงจะชอบ ๆ มึงอยู่แหละ” “เฮ่ย เจอกันแค่ไม่กี่ทีเอง” “นั่นแหละ กูเป็นพี่ กูรู้” วรวุฒิตอบ “กูไปนอนแล้ว” ร่างสูงใหญ่หันกลับเดินลงบันไดไปย่างเงียบงัน ชาติชายหันร่างไปยืนประจันกับประตูห้อง เสียงร้องไห้กระซิก ๆ ดังลอดช่องประตูออกมา ขณะที่มือจับบานประตูเตรียม จะผลักเปิดออกนั้น ภาพใบหน้าของหลายคนผุดขึ้นมาสู่ห้วงคำนึง รจนา สตรีอันเป็นสุดหัวใจในชุดพยาบาลขาวสะอาด เมื่อวันที่เขาวอนขอให้เธอมาเป็นคู่ชีวิต ยืนอยู่อย่างสดใสหน้าประตูเรือน ภาพของเธอที่นั่งพูดคุยกับมารดาเขาอย่าง สนิทสนม พันเอกการุณย์เพื่อนสนิทของบิดาที่นำพาเขามาสู่สถานการณ์ขณะนี้ ภาพของวรวุฒิยามที่กอดคอสนุกสนาน กันมาตั้งแต่โรงเรียนเตรียมทหาร ภาพของบิดามารดาของวรวุฒิยามที่เขาเคยไปเยี่ยมเยียนถึงบ้าน และสุดท้ายภาพ ของสาวน้อย และ ใจเขาหล่นวูบเมื่อนึกถึงสาวน้อยคนที่อยู่ในห้องยามที่เธอยังเป็นเด็กเล็ก ๆ เมื่อเขาไปเที่ยวเล่นที่ บ้านวรวุฒิ เด็กหญิงตัวน้อยไว้ผมเปียที่คอยมาพูดคุยกับพี่ชาย เฉกเช่นที่รจนาก็เคยกระทำมาเช่นกัน ชาติชายผลักบานประตูเปิดอ้าออก สายตาก็พบกับสิ่งของที่ลอยละลิ่วเข้าใส่ ความฉับไวที่เคยฝึกฝนมาทำให้เขายกมือ ขึ้นจับของที่ลอยมาอย่างอัตโนมัติแล้วก้มลงมอง นาฬิกาปลุกเรือนกะทัดรัดเรือนนั้น ดูสภาพแล้วคงมีอายุหลายปี แต่ที่ มันวาบขึ้นมาในห้วงคำนึงคือ เด็กน้อยไว้ผมเปียที่ดึงแขนเสื้อเพื่อนของพี่ชายให้ซื้อให้คราวที่พากันไปเที่ยวงานวัด ใกล้บ้าน สีชมพูที่เคยสดใสหม่นหมองลงไปตามกาลเวลา แต่มันยังคงทำงานเป็นปกติอยู่ “พี่ชาย ก้อยขอโทษ” ถึงจะขอโทษแต่หางเสียงยังตวัด “พี่แก้วล่ะ” “มันไปนอนแล้ว” ชาติชายตอบเรียบ ๆ “ก้อยเป็นไงบ้าง” “มันร้อน” สาวน้อยทรุดนั่งลงกับที่นอนยกมือกอดอก ใบหน้าแดงก่ำ “แล้วทำไมพี่แก้วถึงไปนอน” “มัน..เมาเบียร์มั๊ง” ชาติชายเดินเข้าไปใกล้ มองหน้าง้ำ ๆ นั้นแน่วแน่ “ก้อยไม่ไปอาบน้ำดูล่ะ” “เฮ่อะ พี่แก้วเหรอเมาเบียร์ นั่งกินวันละสามสี่กระป๋องทุกวัน จะตับแข็งตายเข้าสักวัน” สาวน้อยบ่นงึมงำ “อาบแล้วมัน ไม่หายอ่ะพี่ชาย มันแบบร้อนข้างในน่ะ นอนก็ไม่หลับ” พูดจบหยาดน้ำตาก็ไหลร่วง “งั้นมานอนดีกว่า มาพี่จะกล่อม” ชาติชายเดินเข้าถึงเตียงทรุดลงนั่ง สาวน้อยเถิบร่างออก “กล่อมไง” สายตายังระแวงระไว “ก็เหมือนตะก่อน ที่เรางอแงให้พี่กล่อมที่บ้านชายคลองของพ่อเราไง” ชาติชายเอนหลังนั่งพิงพนักเตียง “หลับแล้ว จะได้หายร้อน ตื่นพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว” ชาติชายอ้าแขนออกให้สาวน้อยขยับตัวเข้าซบไหล่หนาแน่น “กล่อมก้อยนอนจริงนะ” “จริงซิ พี่ชายเคยโกหกก้อยเหรอ” ชาติชายพูดเบา ๆ กลิ่นกายสาวหอมกรุ่นกระทบฆานประสาทยามที่เธอเอนตัวลงแนบข้างกาย เต้าอวบใหญ่หยุ่นนุ่ม กดลงกับสีข้างจนอุ่นซ่าน ร่างอวบอัดกระแซะเข้าประชิด แล้วศีรษะได้รูปก็วางลงบนไหล่เขา “พี่ชาย ไอ้บ้านั่นมันวางยาก้อยเหรอ ยาอะไร เห็นพี่แก้วบอกว่ายาปลุกเซ็กส์” “ใช่” ชาติชายรับคำ “แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ อาการนี่คงเป็นเพราะฤทธิ์ยา ก้อยหลับเสีย ตื่นมาก็หาย” “ถ้าก้อยนอนไม่หลับจะทำไงดี ก้อยนอนตั้งนอนแล้วมันไม่หลับ” “อืมม ยังไม่หลับงั้นพี่ชายเล่านิทานให้ฟังไหม” “เอาซิ พี่ชายเล่าเลย” เมื่อชาติชายก้มลงมองนั้นใบหน้างามของสาวน้อยก็เงยขึ้นสบตาแป๋ว ชาติชายเริ่มเล่าเรื่องของ เขากับวรวุฒิสมัยเป็นนักเรียนให้สาวน้อยฟัง ยามเมื่อถึงเรื่องความเปิ่นเทิ่นของเขาเอง สาวน้อยก็หัวเราะไปกับเขา เป็นครั้งคราว เวลาคืนคลานผ่านไปสาวน้อยก็ยังเอื้อนเอ่ยถามเขาเป็นจังหวะ แต่ดวงตาเริ่มจะปรือหรี่ “ง่วงแล้วซิ สาวน้อย” “ไม่ง่วงค่ะ” เธอรีบลืมตาขึ้น “อ้าวแล้วตาปรือ ง่วงก็นอนซิ ฤทธิ์ยามันคงคลายแล้วแหละ เดี๋ยวสาวน้อยหลับพี่จะได้กลับไปนอนบ้าง” ริมฝีปากคู่นั้น เม้มจนบางเฉียบ “ไม่เอา เดี๋ยวพี่ชายหนีกลับ” เรียวแขนยกกอดร่างเขาจนเรือนร่างอวบอัดเบียดเข้าหา “ไม่หนีก็ได้ สาวน้อยนอนเสียนะ” “ตื่นเช้า ก้อยจะเจอพี่ชายไหมคะ” “เดี๋ยวพอก้อยหลับพี่จะค่อย ๆ ไป นะ พี่ค้างนี่ใครเขารู้จะดูไม่ดี” “งั้นก้อยไม่หลับ” สาวน้อยกอดร่างบึกบึนนั้นกระชับ เต้าอวบเบียดแขนกำยำ ซุกหน้าลงกับอก “ใครจะว่าอะไรก็ช่าง” “อ้าว โกงอีกล่ะ งั้นจะเอาไง” “พี่ชายต้องสัญญาว่า ก้อยตื่นมาพรุ่งนี้จะต้องเห็นพี่ชาย นะคะ” ใบหน้าหวานคมเงยขึ้นออดอ้อน “ตกลง พี่สัญญา งั้นสาวน้อยหลับตานะ” ชาติชายบอกเบา ๆ ก้มลงกดปลายจมูกลงกับหน้าผากนูน สาวน้อยค่อย ๆ พริ้มตาปิดลง …………………… “คุณชาย…..” เสียงแผ่วหวิวแต่ดังก้องอยู่ในสมององเขา เสียงนั้นสถิตอยู่ในใจเขาตลอดเวลา ชาติชายพยายามลืมตาขึ้น แต่มัน หนักเหลือเกิน ร่างกายของเขาส่งความรู้สึกเหมือนเมื่อคราวแรก ๆ ที่เริ่มฝึกฝนร่างกายเพื่อเข้าทำงาน มันแน่นตึง จนแทบขยับตัวไม่ได้ ดูจดังโดนพันธนาการด้วยเชือกเส้นใหญ่ หรือว่าเขากำลังฝึกการเอาตัวรอดในหลักสูตร ชาติชายพยายามขยับตัวดิ้นให้หลุดออกจากความอึดอัด “คุณชาย…ไม่เป็นไรนะคะ” เสียงนั้นแฝงแววเอื้ออาทรอย่างสุดซึ้ง ชาติชายพยายามขยับตัว แต่รจนาตายไปแล้ว เสียงที่เขาได้ยินนั้นมาจากแหล่งใด ชาติชายพยายามยกเปลือกตาที่หนักอึ้งให้เปิดออก “คุณรจ…” …………………….. “พี่ชาย.. พี่ชายคะ” สติหวนกลับพร้อมกับเปลือกตาเปิดขึ้น ห้องนั้นแปลกตาอย่างยิ่ง พลันเขาก็รู้สึกถึงมือเล็ก ๆ ที่เขย่าร่างเขาเบา ๆ ชาติชายหันไปมอง สาวน้อยน้องสาวเพื่อนนั่นเองที่นั่งอยู่บนเตียงเคียงเขา ยามนี้เธอกำลังใช้สองมือเขย่าแขนเขาเบา ๆ “หือ.. มีอะไรก้อย” “พี่ชายเป็นอะไรคะ นอนดิ้นฮึดฮัด ก้อยตื่นมาตกใจเลย” “เหรอ ขอโทษนะก้อย” ชาติชายยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา “อืมม เที่ยงกว่าแล้ว พี่ทำก้อยตื่นเหรอ ขอโทษนะ” “เปล่าหรอกค่ะ ก้อยตื่นเอง ก้อยฝันเห็นพี่รจนา” พูดจบสาวน้อยก็นั่งหน้าแดง “เหรอ” “พี่รจนามาหา ฝากให้ก้อย..” สาวน้อยยิ่งหน้าแดงมากขึ้นก้มหน้านิ่ง “ทำไมหรือ” “ให้ก้อยดูแลพี่ชายแทนด้วย…” ชาติชายนั่งนิ่งครู่ใหญ่ “ไม่มีอะไรหรอกนะ ก้อยนอนเถอะ” ชาติชายบอกเบา ๆ แล้วยกแขนดึงร่างสาวน้อยมานอนซบตามเดิม “พี่ชายคะ” “หือ…” “พี่ชายรักพี่รจมากไหมคะ” “รักซิ” “พี่ชายคิดถึงพี่รจไหมคะ” “คิดถึงซิ” ชาติชายหันไปสบตาแป๋วแหววนั้นนิ่ง “ก้อยก็สนิทกับคุณรจด้วย ก้อยล่ะคิดถึงไหม” “คิดถึงค่ะ” พูดจบหยาดน้ำตาก็ไหลรินร่วงหล่น “ก้อยสงสารพี่รจจัง” “อืมม คุณรจคงหมดห่วงอะไรแล้วล่ะนะ” “ค่ะ” สาวน้อยซุกหน้าลงกับอกกว้าง “พี่ชายคะ” “หือ” เขาหันหน้าไปสบตาที่จ้องมองมา “พรุ่งนี้ก้อยตื่นมาจะได้เห็นหน้าพี่ชายไหมคะ” “พี่สัญญาแล้วไง” เขาบอกพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู “พี่ไม่ลืมสัญญาหรอกน่า สาวน้อย” “งั้น ก้อยขอสัญญาอะไรอีกอย่างได้ไหมคะ” สายตาที่มองมาเจือแววหวาด ๆ แต่ก็เต้นระริกด้วยความคาดหมาย “ได้ซิ” ชาติชายก้มหน้าลงมอง “อยากได้นาฬิกาปลุกอีกเรือนหรือไง” ชาติชายถามอย่างล้อเลียน “แหม..นี่” มือเล็ก ๆ หยิกใส่ท่อนแขนเขาอย่างแง่งอน “ไม่ใช่สักหน่อย” “งั้นจะขออะไรล่ะเอ้า พี่สัญญา” “พี่ชาย …” พูดแล้วปากก็เม้มแน่นชั่วขณะ “พี่ชายรักก้อยอีกคนได้ไหมคะ ก้อยจะได้ดูแลพี่ชายตามที่พี่รจมาบอก” ชาติชายหันไปสบตาวาววับคู่นั้นนิ่ง ……………….. วรวุฒิขยับตัวบิดไปมาไล่ความเมื่อยขบที่นอนอยู่บนเก้าอี้รับแขกมาทั้งคืน สายตากวาดไล่ไปมองกระป๋องเบียร์ว่างเปล่า ที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ พอสติคืนเต็มที่เขาก็รีบลุกขึ้น ปราดไปที่บันไดก่อนจรดปลายเท้าขึ้นไปสู่ชั้นบน สายตา ประสบภาพบานประตูห้องน้องสาวเปิดอ้าอยู่จึงเดินไปยื่นหน้ามองข้างประตู วรวุฒิเดินตรงเข้าห้องของตนอย่างสบายใจ ภาพที่เห็นนั้น เพื่อนรักของเขานอนเอนอยู่บนเตียง ร่างอวบ ๆ ของน้องสาว นอนซบอยู่กับอกกว้างของชาติชาย ทั้งสองหลับสนิทอยู่ในชุดที่สวมใส่ตั้งแต่เมื่อคืน สายตาของเขายังกวาดไปทั่วจน เห็นได้ว่า ทั้งผ้าปูที่นอนและผ้าห่มยังอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อย “ไอ้ชาย กูดูมึงไม่ผิดจริง ๆ เพื่อนรัก” วรวุฒิพูดเบา ๆ กับตัวเองขณะที่เปิดประตูห้อง

Share the Post:

Related Posts

ครูสาวฝึกสอน

ครูสาวฝึกสอน

เรื่องเสียว ครูสาวฝึกสอน ตอน ม.6 ผมเรียนที่โรงเรียนใจกลาง กทม. เรื่องมีอยู่ว่า มีครูใหม่มาฝึกสอนที่โรงเรียนในวิชา คอมพิวเตอร์ ครูเป็นคนนิสัยดี ตัวเล็กๆ น่ารักมาก พวกผมสนิทกับครูจนครูเล่าโน่นนี่หลายๆ อย่างให้ฟัง เกี่ยวกับชีวิตของครู จึงได้รู้ว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนนอกใจ ก่อนจะมา สอนที่นี่ ครูเป็นคน ตจว.

Read More
วัยอยากลองอยากเย็ด

วัยอยากลองอยากเย็ด

เรื่องเสียว วัยอยากลองอยากเย็ด หนูชื่อกิ๊กค่ะเรียนอยู่ชั้นม 3 ในโรงเรียนชนบทแห่งหนึ่งหนูเป็นเด็กที่หลายคนบอกว่าหน้าตาน่ารักค่ะด้วยความที่หนูน่ารักและเป็นคนขาวมากจนต่างเป็นที่หมายตาของหนุ่มวัยเดียวกันหนูเป็นเด็กเกเรค่ะก็อยู่ในกลุ่มเด็กใจแตกแต่ว่าหนูแรดน้อยกว่าเพื่อนๆ นะคะเรื่อง sex นะหรอคะหนูเป็นคนเงี่ยนมากหนูต้องยืมหนัง x ของเพื่อนมาดูทุกคืนเพื่อระบายความร้อนซึ่งทำให้น้ำหีของหนูจะซึมออกมาอยู่ตลอดหนูชอบดูหนังตอนดึกๆ ค่ะ ตอนหนูดูหนูจะดูกับโน๊ตบุ๊คบนที่นอนทุกครั้งหนูจะถอดกางเกงออก แล้วแบะขาออกแล้วใช้นิ้วเขี่ยติ่งแตดตามจังหวะที่หนังมันเงี่ยนกัน หนูได้อารมณ์มากๆ ค่ะหนูใช้ 2 นิ้วเลยค่ะหนูทำหลายรอบต่อคืนหนูเงี่ยนมากๆ จนอยากโดนควยจริงๆ ค่ะจากนั้นไม่นานความฝันที่อยากโดนควยจริงๆ มันก็เริ่มเห็นรำไรที่โรงเรียน

Read More