ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 68

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 68

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 68 “แขกที่(ไม่)ได้รับเชิญ!?”

 “น้องจะเข้าตัวอำเภอหรือเปล่า?…ถ้าไปก็ขึ้นมาเลย”
“ผ่านโยนกบูรพาหรือไม่?”
“ไม่นะ…รถวิ่งออกไปทางโยนกอุดร…ไปมั้ย?”
“…เช่นนั้นเราไป”
“ตรงนี้ว่างจ้ะน้อง…มาเลยๆ”
“………………………………………….”
“จะไปไหนหรือจ๊ะน้อง?”
“ขอบคุณสำหรับที่นั่ง”
“………………………………………….”
“…เราจะไปบ้าน”
“อยู่ในตัวอำเภอเหรอ?”

“………………………………………….”
“พูดแล้วจะหาว่าคุย…พี่น่ะรู้จักคนตั้งเกือบค่อนอำเภอเชียวนะ”
“ท่านเป็นผู้มีหน้ามีตามากอย่างนั้นหรือ?”
“มะแหม~~…ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“มึงนี่เห็นสาวๆหน่อยเป็นไม่ได้เชียว”
“อย่ายุ่งกะกูน่า!!”
“ระวังเมียจะแพ่นกบาลมึงเถอะ!!!”
“อ้าวเฮ้ยพูดงี้ก็สวยสิ!?…แสดงว่ามึงจะไปฟ้องอีแก่นั่นเรอะ?”
“หยุดๆๆ…เดี๋ยวแม่งไล่ลงทั้งคู่เลยนี่!!!…เกรงอกเกรงใจคนอื่นเขามั่ง”
“สัตว์!!!…กูอยู่ของกูดีๆ…หือ?…น้องยิ้มอะไรจ๊ะ?”
“เรามิเคยพบเห็นบุรุษเช่นท่านมาก่อนจึงยิ้มด้วยความดีใจ”
“โอ้!!”
“ทว่าท่านมีภรรยาอยู่…ช่างน่าเสียดายนัก”
“เอ้ยๆๆ…น้องเคยได้ยินที่เขาพูดกันป่ะว่าผู้ชายออกจากบ้านมาสิบเมตรก็เป็นโสดแล้ว?…แน่–…ส่ายหน้าก็แสดงว่าไม่เคยได้ยิน?”
“น่าเกลียดว่ะไอ้โคแก่นี่!!!”
“ใช่ๆๆ…เมียก็มีอายุก็ไม่ใช่น้อยแต่ยังริอาจจะกินหญ้าอ่อน”
“เมื่อกี้ที่น้องสาวบอกน่าเสียดายก็หมายความว่าถ้าพี่ยังโสดอยู่…น้องสาวก็จะ…”
“เรื่องเช่นนี้จะให้ฝ่ายหญิงพูดออกมาได้อย่างไร?”
“อู้หู~~…ขาขาวฉิบเป๋ง!!…นักศึกษาสาวสมัยนี้มันช่างแข่งขันประชันกันนุ่งสั้นซะเหลือเกินวุ้ย!!!…จุ๊ๆๆๆ”

“ท่านชอบรึ?”
“ผู้ชายคนไหนมั่งจะไม่ชอบล่ะจ๊ะ?…โดยเฉพาะขาวๆอวบๆนุ่งสั้นโชว์ขาอ่อนแบบนี้…อูย~~…ถูกใจพี่นักแล”
“แล้ว…เราสู้ภรรยาของท่านได้หรือไม่?”
“โอ้ย!!!…อีแก่นั่นทั้งอ้วนทั้งดำไม่มีอะไรจะมาเทียบกับน้องคนสวยของพี่ได้เลยแม้แต่นิด”
“ท่านนี่ช่างปากหวานนัก…พูดจามิรู้จักละอายเสียบ้าง”
“ว้าว!!…น้องอายจนแก้มแดงหมดแล้ว…แหม~~…พี่อยากเห็นหน้าน้องจังเลย…ถอดแว่นให้เห็นหน่อยได้มั้ยจ๊ะ?”
“เราสวยจริงหรือ?”
“อุ๊ยจริงสิจ๊ะ!!…ถึงจะยังไม่เห็นตาแต่พี่ก็รู้ว่าน้องสวยแน่ๆ”
“…ย่อมได้…ในเมื่อท่านมั่นใจนักหนาว่าเราสวยเช่นนั้นก็จงมองให้ดี”
“เอาเลยๆ…ถอดแว่นออกเลย!!!”
“แลอย่าได้ลืมเลือนเสียล่ะ”
“!!!!!!!!!!!!!”
“ถึงตลาดแล้ว…อ้าวน้องลงที่นี่เหรอ?”
“…มีคนมารอรับที่นี่”
“งั้นก็ยี่สิบบาทจ้ะ”
“…………………………………………”
“แล้วไอ้บ้านั่น?…เฮ้ยถึงตัวอำเภอแล้วโว้ย!!…รีบลงไปเลย”
“อึ๊…อึ๊ก”
“เป็นอะไรของมึงเนี่ย?”
“อึ๊ก…อึ๊ก”
“เป็นอะไรเล่า?…จะพูดก็ไม่พูด”
“เฮ้ย!!”
“เอ๊ะ?…อะ…อ๊ากกกกกกกกกก…ชะช่วย!!!…ช่วยด้วยยยยยยยยยย…ช่วยด้วยๆๆๆ”
“อะไรวะ?…ร้องเอะอะหนวกหูอยู่ได้”
“ผี…ผี…ผีหลอก~~…ช่วยด้วย!!!!…ผี…โอะโอ๊ย!!!”
“นี่ๆๆ…ผีอะไรกันมีที่ไหนน่ะ?”
“อะ…อี…อีนั่น…อีผู้หญิงนั่นไง!!…หน้ามัน…หน้าของมันเป็นกระโหลกผีตาแดงก่ำปากก็มีแต่เลือด!!!”
“เพ้อเจ้อนะมึงนี่!…มีใครเขาเห็นอย่างมึงมั่งวะ?”
“ก็เห็นกันอยู่ว่าคนชัดๆแต่เสือกไปหาว่าเขาเป็นผี…ฉันว่าไม่บ้าก็เมาละ”
“แต่…แต่ว่า…แล้ว…แล้วอีนั่นหายไปไหน?…ไอ้พวกห่-นี่ไม่เชื่อกูเรอะ?…มันหลอกกูแล้วก็ทำให้กูอ้าปากพูดไม่ได้…จริงๆนะโว้ย!!!!”
“……………………………………….”
“อีกแล้วหรือเจ้าคะ?”
“ชายผู้นั้นก่อความผิดถึงสามครั้ง…หนึ่ง…พูดโอ้อวดหยาบคายส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น…สอง…เอ่ยวาจาดูหมิ่นดูแคลนภรรยาของตน…สาม…ใช้สายตาอันน่าสะอิดสะเอียนจ้องมองเรือนร่างแลแทะโลมเราด้วยประโยคที่น่ารังเกียจ”
“แต่เหตุใดโทษที่ได้รับจึงน้อยนิด?”
“เพราะเขาปากหวานชมเราว่าสวยนี่จึงพอจะลบล้างได้บ้าง…ไปเถิดไหม…เราอยากกลับบ้านเหลือเกินแล้ว”
“คืนนี้คุณหนูจะเข้าร่วมงานเลี้ยงหรือเปล่าเจ้าคะ?”
“เราจะยอมพลาดได้อย่างไรเล่า?”
“มัน…มันจะต้องยังอยู่แถวนี้แน่นังผีร้ายนั่น!!!”
“ดิฉันจะไปหุบปากมันเสียให้สนิทเองเจ้าค่ะ!!”
“มิต้อง”
“…………………………………………..”
“ชะช้าๆ…รู้จักกูน้อยไปซะแล้ว!!…กล้าหลอกคนกลางวันแสกๆเลยรึมึง?…เก่งจริงโผล่หัวออกมาซิ!!!”
“น่ารำคาญ!!”
“คุณหนู!?”
“รู้เปล่าว่ากูน่ะศิษย์ใคร…โอ๊ย!!!”
“เมื่อกี้มึงเห็นมั้ย?”
“ใครเขวี้ยงสากไม้ลอยมาโดนหัวมันวะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………

“บนยอดเขา”
“คุณหนูจะไปพบพวกเขาไหม?”
“อย่าเลย”
“คุณหนูศรมุกดาครับ”
“เจ้า…เป็นใคร?”
“ผมชื่อหวัง…สมหวังที่อยู่โยนกบูรพาไงครับ”
“…เราจำมิได้”
“น้องสาวของเขาทำงานที่บ้านราศีกาญจนาไงล่ะเจ้าคะ…คุณหนูใหญ่ก็ถูกใจมิใช่น้อย”
“โอ–”
“มาทำอะไรที่โยนกอุดร?”
“ผมมาช่วยเขาตั้งโต๊ะจัดงานเลี้ยงคืนนี้น่ะครับ…กำลังยุ่งกันใหญ่เชียว”
“มีสิ่งใดให้เราช่วยหรือเปล่า?”
“โอ๋ย!?…ผมไม่กล้ารบกวนคุณหนูศรมุกดาหรอกครับ!!!”
“แต่ดูงานจะหนักมิใช่น้อยนะ?”
“สบายมากครับคุณไหม…บ้านผมไม่ได้ออกเงินงั้นขอออกแรงช่วยก็ยังดี”
“คืนนี้เจ้าจะร่วมงานด้วยใช่หรือไม่?”
“ครับ”
“เจ้าได้พบเอกคเชนทร์หรือยัง?”
“คุณชายหก?…ผมเคยเห็นแค่ไกลๆแต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยเลยครับ”
“เช่นนั้นเรามีคำถาม…หากได้อยู่ตรงหน้าเอกคเชนทร์เจ้าต้องการจะพูดอะไรกับเขา?”
“เอ่อ–”
“ตอบคุณหนูไปสิ”
“ผม…ผมไม่รู้จะถามอะไรคุณชายหกดีและคงไม่มีโอกาสด้วยเพราะคืนนี้แขกเหรื่อก็มาเยอะมาก…ถ้าท่านไม่เดินทักทายตามโต๊ะก็ไม่น่าจะมีโอกาสแน่ๆครับ”
“ก็ได้…อย่างนั้นเราจะเป็นผู้ถามเอกคเชนทร์แทนเจ้าเอง…ไปทำงานต่อเถิด”
“…ขอตัวก่อนครับ”
“มัวทำอะไรอยู่น่ะ?”
“เฮ้ยๆๆ…เมื่อกี้กูได้คุยกับคุณหนูศรมุกดาด้วยเว้ย!!!”
“หา!?…เธอกลับมาแล้วเรอะเนี่ย?”
“เออดิ!!”
“ตายละวา!!!…คุณหนูศรบุษราคัมก็จะมาไม่ใช่หรือ?…ไม่เกิดเรื่องก็ปาฏิหารย์แล้วมั้งนี่?”
“ไหม”
“เจ้าค่ะ”
“เอกคเชนทร์…ในเมื่อเจ้ากลับมาที่โยนกจัตุรัสเราก็จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้”
………………………………………………………………………………………………………………………..

“น้องกลับมาก็แสดงว่าธุระเสร็จแล้ว?”
“ยังเจ้าค่ะ…ยากกว่าที่คาดไว้…เจ้านั่นมันระวังตัวตลอดเวลาอีกทั้งมีลูกน้องตามคุ้มครองทุกฝีก้าว”
“ถ้าทำแล้วต้องมาระวังตัวเป็นวัวสันหลังหวะแบบนี้ก็สู้อย่าทำเลยดีกว่า…อ่ะ!…ไหนๆก็มาแล้วงั้นคืนนี้ม่อนอยู่ร่วมงานเลี้ยงด้วยล่ะกัน”
“…เจ้าค่ะ”
“แต่ก็อย่างที่พี่เคยบอกไปว่าเพราะเป็นจรรยาบรรณของวิชาชีพ…หากเขาบาดเจ็บและมาอยู่ตรงหน้าพี่ๆก็ต้องรักษาเพราะมันคือหน้าที่ของหมอ…ม่อนเข้าใจใช่มั้ย?”
“โอกาสที่มันจะได้พบท่านพี่เป็นศูนย์…คนหยาบช้าโฉดชั่วใจทมิฬนั่นน้องจะทำให้อยู่ก็มิได้ตายก็มิได้”
“ท่าทางจะมีวิธีดีๆอยู่นี่นะ?”
“…น้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ”
“ไปสวัสดีคุณตากับคุณยายหรือยัง?”
“เจ้าค่ะ…ก่อนหน้านี้ก็ได้เจอท่านแม่แล้ว…พบกันในงานเลี้ยงคืนนี้นะเจ้าคะ”
“ดิฉันก็ขอตัวไปเตรียมการ…อุ๊ย!?”
“ไหม…ขอถามอะไรหน่อย”
“เจ้าคะ?”
“คราวนี้มันจะเล่นหนักกว่าที่ผ่านมาแน่ๆเลย…ถูกมั้ย?”
“เจ้าค่ะ…น้อยคนนักที่คุณหนูรองจะคบหาเป็นสหายแต่กลับมาต้องสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือสามีของตัวเอง…คุณหนูรองจะมิปล่อยเขาไว้อย่างแน่แท้”
“ที่ม่อนบอกว่ายาก…เจ้านั่นคงจะจ้างมือคุ้มกันเก่งๆมาสิท่า?”
“…นักฆ่าจากขอนแก่น…ฉายา จิ๋ว แวงใหญ่เจ้าค่ะ”
“อื๋อ?…เคยได้ยินนะชื่อนี้แสดงว่าไอ้เสี่ยบ้านั่นก็คงจะกลัวเหมือนกัน…วันก่อนฉันเจอที่โรงพยาบาล…มันร้องห่มร้องให้พูดทั้งน้ำตาว่าเสียใจที่เมียตายจนเครียดต้องมาหาหมอแต่ตอนนั้นฉันก็รู้แล้วล่ะว่ามันนั่นแหละคือคนบงการดังนั้นจึงเตือนไปประโยคหนึ่ง”
“ว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“ทั้งคนฆ่าและคนอยู่เบื้องหลังน่ะระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ…ยังไงก็หนีเวรกรรมไม่พ้นและเวลานั้นฉันนึกถึงม่อนล่ะ”
“………………………………………….”
“ก็ภาวนาให้ตำรวจหาหลักฐานลากคอเจ้าสารเลวนั่นเข้าคุกโดยเร็วที่สุดก่อนที่ยัยแมวหลงทางจะลงมือล่ะกัน”
“แม่เซค…น้องสาวเจ้าไปไหนซะแล้วจ๊ะ?”
“ไปนอนค่ะ…คุณยายมีอะไรหรือเปล่า?”
“ตาเขาบ่นหาน่ะ”
“สงสัยจะเป็นเรื่องนั้น…คุณยายขา~~”
“อะไรจ๊ะลูก?”
“ฝากบอกคุณตาด้วยว่าม่อนไปนอนพักแล้วแต่ยังไงก็ให้คุณตาตอบรับข้อเสนอของหนูเถอะค่ะ”
“ข้อเสนออะไร?”
“คุณยายยังไม่รู้หรอกเหรอคะ?…ไม่เป็นไรงั้นช่วยบอกคุณตาตามนี้ว่าคิดให้ดีๆนะคะ…ถ้าแค่ญาติพี่น้องของตัวเองยังทำให้ยอมรับไม่ได้ก็อย่าหวังที่คนภายนอกจะสนับสนุนด้วยความเต็มใจ…เมื่อเป็นดังนั้นแล้ววิษณุมนตรีก็จะถูกบั่นทอนความเชื่อมั่นไปเรื่อยๆและสุดท้ายพวกเราจะเป็นที่พึ่งให้ใครไม่ได้อีก”
“แม่เซคหมายถึง…”
“ไอ้หัวดอเอกคเชนทร์ค่ะ”
“ตายๆๆ!!!…ทำไมถึงไปด่าน้องแบบนั้น?…รักษากิริยามารยาทของผู้หญิงหน่อยซี่~~”
“นี่ยังน้อย…ยัยอ๋อมพูดแรงกว่านี้อีกนะคะ”
“ใช้ไม่ได้จริงๆ…แค่ยายไม่คอยอบรมสั่งสอนแป๊บเดียวก็ชักจะเอาใหญ่แล้ว!!”
“แล้วตีหนูทำไมอ่ะ?”
“เรานั่นแหละตัวดี!!…พี่คนโตแท้ๆแต่ไม่เป็นตัวอย่างให้น้องๆ”
“โธ่คุณยายจ๋า~~…เดี๋ยวนี้พวกมันฟังหนูที่ไหนกันล่ะคะแถมยังปากดีย้อนกลับมาอีกต่างหาก?…ว่าแต่…หนูขอให้คุณยายไปบอกคุณตาไม่ใช่หรือ?”
“แม่เซคไม่คิดจะญาติดีกับพ่อบอลจริงๆเรอะ?”
“ไม่มีวันค่ะ!!…ผู้ชายมักมากในกามอย่างนั้นหนูทำใจไม่ได้…มันเป็นความอับอายของตระกูลเรา!!!”
“แม่เซค…ที่ยายได้ยินมาว่าแม่ม่อนสนใจพ่อบอลมันคือความจริงเหรอ?”
“นั่นเป็นอดีตไปตั้งนานแล้วค่ะ…ก่อนที่เอกคเชนทร์จะได้กับศกุนตลาและกลับมาจากกรุงเทพฯไม่ถึงสองเดือน”
“อ๋อ!”
“หนูเอารูปกับประวัติของเจ้าหมอนั่นให้ดูและถามว่าสนใจผู้ชายคนนี้หรือเปล่า?…ม่อนคิดอยู่วันนึงก็บอกจะลองไปดูด้วยตัวเองก่อนจากนั้นหายไปอีกสองวันก็กลับมาแล้วตอบว่า…ถูกใจดวงตาของเขาที่มองโลกใบนี้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา”
“หา!?”
“หนูจึงถามต่อว่างั้นจะติดต่อให้มาทำความรู้จักกันเอาไหม?…ม่อนก็เงียบอย่างเดียวจึงเป็นที่รู้กันว่าแม้จะยังไม่ได้รู้จักมักคุ้นแต่ก็ไม่มีทีท่าปฏิเสธผู้ชายคนนี้”
“อือ–…แม่ม่อนน่ะค่อนข้างจะขี้อายซะด้วย”
“ใช่ค่ะ…อย่าว่าแต่แฟนเลย…เพื่อนผู้ชายก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย”
“แต่ทำไมความรู้สึกจึงเปลี่ยนไป?”
“ก็เพราะเจ้าเอกคเชนทร์นั่นไงคะคุณยาย…หมอนี่มันไม่เคยมีความรักกับใครอย่างแท้จริงเลย”
“อะไรนะ?”
“ถ้ามันรักจริงก็สมควรที่จะมีแค่ศกุนตลาคนเดียวเท่านั้นไม่ไปมั่วกับผู้หญิงคนไหนอีก…ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักสำนึก…จากที่เคยชื่นชมจึงเปลี่ยนมาเป็นความเกลียดชัง…ถ้ามันมาเจอม่อนตอนนี้…ฮิๆๆ…อย่างน้อยกระดูกจะต้องแตกละเอียดที่ไหนสักแห่งแน่”
“แม่เซคพูดน่ากลัวจัง”
“โชคดีมหาศาลแล้วที่ม่อนไม่ได้สนใจมันอีกแต่แม่สองเสือนั่นสิทั้งปลื้มทั้งหลง…ได้ยินว่าจะยกโขยงขึ้นไปย่างเนื้อกินกันบนยอดเขาแน่ะค่ะ…แคทกับฝนก็ไปด้วย”
“หูตายังกว้างไกลเหมือนเดิมนะจ๊ะแต่ทำไมแม่เซคไม่ไปมั่งล่ะ?”
“ไม่หรอกค่ะรองานคืนนี้ดีกว่า…อีกอย่างหนูอยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วย”
………………………………………………………………………………………………………………………

“แล้วทำไมไม่บอกซะตั้งแต่ตอนนั้น?”
“หนูก็อยากบอกพี่ชายใจจะขาดนะคะแต่มันยังไม่ถึงเวลาสมควร…เอ๋?…พี่ฝนกับพี่แคทก็มาด้วย”
“หงิ!?…ยัยตัวแสบ~~”
“น่าๆ”
“ไป!!…ขึ้นบนยอดเขากัน”
“ป้อมจะพาพี่ชายไปเองค่ะ”
“นี่!…จะเกาะแกะบอลอะไรนักหนาห๊ะ?”
“หนูควงแขนพี่ชายแล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ฝนเล่า?”
“ไม่เก็บอาการซะบ้างเลย!!”
“หึๆ…ป้อมจะแสดงออกให้มากกว่านี้อีกด้วยละ”
“ปล่อยนะยัยตัวเล็ก!!”
“พี่ฝนนั่นแหละ!!”
“หนอย~~…จะ…เจ๊!?”
“พี่แคท”
“ทั้งคู่น่ะให้มันน้อยๆหน่อย…ใช่สิ่งที่ผู้หญิงควรจะทำหรือไง?”
…ฝนพยายามแกะมือน้องป้อมออกจากแขนผมแต่สุดท้ายโดนพี่แคทมาจับแยกซะเอง…ผมยิ้มเจื่อนๆเพราะรู้ตัวดีว่าเข้าข้างใครไม่ได้…ถามตอนนี้ว่ารู้สึกยังไงก็ขอบอกว่าดีใจมากๆที่มีน้องสาวอีกคนแต่ผมคงจะปวดหัวยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกเพราะป้อมก็ไม่ธรรมดาอย่างที่เคยคาดไว้…เริ่มต้นมาก็ชิงไหวชิงพริบกับฝนให้เห็นซะแล้ว…
“พวกเธอนี่เดินช้าจัง?…เร็วๆเข้า…ฉันหิวแล้ว”
(อ๋อมถือถุงใส่เนื้อเดินลิ่วนำหน้าไปไกลเลยไม่ทันเห็นหรือเห็นแต่อาจจะไม่สนใจ)
“พี่น้องเหมือนกันทุกกะเบียดนิ้วเชียวนะยะ!”
“แล้วจะทำไม?…ป้อมจะหาโอกาสอีก”
“ฝันไปเหอะ!!”
(ในที่สุดพวกเธอก็ควงแขนเราทั้งซ้ายขวาและมองตาเขม่นแยกเขี้ยวยิงฟันใส่กันไปตลอดทาง…ชำเลืองดูพี่แคทที่เดินตามหลังคนสุดท้ายก็ชวนให้เสียวสันหลัง…นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอย่างนี้แหละน่ากลัว!!)
“พี่”
“หือ?
“พี่แคทกะพี่ฝนมาด้วย…จะพอหรือจ๊ะ?”
“เหลือแหล่–…ให้ยัยซกมกแอบจิตมากินอีกคนก็ยังไม่หมดเลย”
…ได้ยินอ๋อมเรียกพี่เซคทีไรผมล่ะอดขำไม่ได้ทุกที…นอนเมื่อคืนยังแอบหัวเราะอยู่ตั้งนานเชียว…
“เขาลูกที่เรากำลังจะขึ้นไปนี่มีชื่อว่ามิหวนกลับโดยทั้ง 4 หมู่บ้านจะมีทางขึ้นเป็นของตัวเอง”
“พูดง่ายๆคือเขาลูกนี้เป็นจุดศูนย์กลางของตำบลโยนกจัตุรัสสินะครับ?”
“แต่ฝนว่านะ…ทางขึ้นของโยนกทักษิณนี่มันอ้อมไกลจัง…ของโยนกอุดรทำบันไดตรงขึ้นไปร้อยขั้นก็ถึงยอดแล้ว”
“ตรงแน่วขึ้นไปมันจะสนุกอะไรล่ะคะพี่ฝน?…หึ!…ไม่ใช่บันไดวัดสักหน่อย”
“ทางเดินของที่นี่มีไว้สำหรับเที่ยวชมธรรมชาติเดินไต่ความสูงไปเรื่อยๆ…ได้บรรยากาศออกจะตายไป”
…เขา “มิหวนกลับ” เหมือนจะมีความสูงไม่มากถ้ามองจากข้างล่างแต่พอเดินขึ้นมาถึงยอดก็เล่นเอาเหงื่อตกทีเดียว…อ๋อมกับน้องป้อมไม่รอช้าช่วยกันจัดแจงข้าวของก่อไฟเตรียมย่างเนื้อที่ช่วยกันหอบหิ้วขึ้นมาอย่างทะมัดทะแมงส่วนผมนั่งหายใจหอบ!?…
(ถ้าเดินขึ้นตรงๆก็พอว่าแต่นี่ทางมันชันและอ้อมคดเคี้ยวไปมา…เอ่อ–…มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรอกแต่เป็นเพราะร่างกายเราไม่ค่อยฟิตมากกว่า)
“บอลเหนื่อยหรือ?”
“…พอทนได้ครับ”
“เธอควรจะออกกำลังกายให้มากกว่านี้…ดูน้องป้อมสิไม่เห็นจะเหนื่อยเลย”
(เห็นด้วยกับที่พี่แคทพูด…พวกเธอเป็นผู้หญิงแต่กำลังวังชาดีกว่าเราเป็นไหนๆ…น่าอายชะมัด!!!)
“นายนั่งพักให้หายเหนื่อยหรือไปเดินเล่นดูวิวแถวนี้ก่อน”
“ฝนช่วยนะ”
“ไม่ต้อง…ทั้งสามคนน่ะล้างท้องรอกินอย่างเดียวก็พอ”
…เมื่ออ๋อมยืนกรานอย่างนั้นพวกเราก็ไม่อยากจะขัดใจ…ข้างบนนี้อากาศเย็นสดชื่นกว่าข้างล่างซะอีกแถมยังมีกระท่อมที่ข้างในก็มีแคร่ไม้ไผ่กับที่นอนหมอนมุ้งให้ด้วย…ถ้าลองมาค้างคืนที่นี่จะดีหรือเปล่า?…ผมเดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นลำธารต้นไม้รวมทั้งสัตว์นานาชนิดจำพวกนกหนูกระรอกกระแต…
(ลิงค่างบ่างชะนีก็มี)
“มีกระท่อมตั้งสามหลังเลย”
“ของบ้านเราน่ะหลังโน้น”
“ใครเป็นคนสร้าง?”
“คุณตา”
“เธอเคยขึ้นมานอนหรือเปล่า?”
“อืม–…หลายครั้งแล้ว”
“มีชาวบ้านขึ้นมานอนมั้ย?”
“ปกติเขาไม่ค้างกันบนนี้หรอกส่วนใหญ่มาหาของป่าได้แล้วก็กลับลงไปก่อนจะมืด…กระท่อมนี้คุณตาเป็นคนสร้างและพวกเราก็มาพักบ่อยๆ…ชาวบ้านเลยถือว่าเป็นของพวกเราจึงไม่กล้ามาพัก”
“อ๋อ~~”
“เฮ่!…มากินได้แล้ว–”
“อื้อหือ~~…หอมจังเลย”
“จานไม่มีนะ”
“แล้วเอาอะไรรอง?…ใบตองเหรอ?”
“นี่แหละเด็ด…ป้อมเทน้ำจิ้มใส่ถ้วย”
“ค่ะ”
“นี่สูตรของบ้านฉันเองแต่ใส่พริกน้อยหน่อย”
“อ๋อมกินเผ็ดจัดรึ?”
“…อืม”
“หนูได้ยินว่าพี่จะแข่งซดเหล้ากับพี่เซคในงานคืนนี้…งั้นงดไปก่อนนะจ๊ะ”
“อย่างว่าน่ะ…มีเนื้อแต่ไร้เหล้ามันยังไงๆไม่รู้”
“ไม่ต้องๆ…ป้อมหั่นให้พี่ชายเองค่ะ”
“…ยังมีเนื้อแดงๆอยู่นะอ๋อม”
“สุกมากเกินมันจะเหนียว…เป็นไง?”
“อร่อย!!…เนอะพี่แคท?”
“อือ”
“กินเยอะๆ…อย่าให้คนทำเสียน้ำใจ”
“วันนี้โชคดีได้กินเนื้อย่างฝีมือพี่อ๋อม…ยอมรับแล้วว่าอร่อยกว่าที่ฝนทำซะอีก”
“สำหรับฉันน่ะนะ…เนื้อที่อร่อยจะต้องก่อไฟย่างเท่านั้นไม่ใช่ย่างบนเตาแก๊ส”
“เตาถ่านได้มั้ย?”
“ได้สิคะ”
“อ๋อมกินเหล้าไม่ได้แต่ฉันได้…ส่งมาซิ”
“เฮ้ย!!…นายตั้งใจจะฆ่าฉันทั้งเป็นนี่หว่า”
“ฆ่าทั้งเป็นยังไง?…ทำหวงไปได้ขอแค่แก้วเดียวก็พอ”
“ฉันหวงซะเมื่อไหร่เล่า?…ฮึ่ย~~…เห็นเหล้าอยู่ตรงหน้าแต่แตะไม่ได้…นาย…นายคิดว่ามันทรมานขนาดไหนกันวะ?”
“ก็แล้วเธอจะเหน็บเอวมันขึ้นมาด้วยทำไม?”
“ขวดเหล้าคือเครื่องรางนำโชคประจำตัวพี่อ๋อมน่ะ”
“ฮะๆๆๆ…เธอนี่ก็พิลึกดีแฮะ…งั้นฉันดื่มโดยไม่ให้เธอเห็นล่ะกัน”
“ไม่เอาย่ะ!!!…แค่รู้ว่านายจะกินฉันก็เปรี้ยวปากแทนแล้ว”
…ไม่ว่าจะเปลาะยังไงอ๋อมก็ตาลุกวาวไม่ยอมส่งขวดเหล้าให้ท่าเดียวซึ่งผมก็แกล้งขอไปงั้นแหละ…
(เหล้าป่าที่ชาวบ้านทำเองก็รู้ๆกันอยู่ว่าดีกรีจัดขนาดไหนและเมื่อวานกินไปแค่อึกเดียวก็แทบจะล้มทั้งยืน)
“พี่ชาย…อ้าม~~”
“เอ๋?”
“อ้าปากสิคะ”
“งั่บ!!”
“ว้าก!!!…หนูไม่ได้ให้พี่ฝนกินสักหน่อย”
“อู้!!…ร้อนๆ…แต่ก็อร่อยดี”
“ขอร้องพี่แคทสักครั้งเหอะ…อย่าให้พี่ฝนมายุ่งกับหนูอีกนะคะ!!”
“…ทำตัวเป็นเด็กๆกันไปได้”
“บอลเขากินเองเป็น…เธอไม่ต้องยุ่งร้อก!”
“จะหาเรื่องกันให้ได้ใช่มั้ยพี่ฝน?”
“ฮะ…ก็เข้ามาเซ่ยัยมะขามป้อม!!”
“กรอด!!…บอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าเรียกชื่อนั้น…หนูโมโหแล้วนะ!!!”
“หยุดทีเว้ย!!…กำลังได้บรรยากาศเชียว”
“ก็พี่ฝนเริ่มก่อน…สมญานามของหนูคือเสือน้อยชื่ออื่นไม่เอา!!!”
“เธอสองคนนี่เป็นคู่ปรับกันหรือไง?”
“เห็นก็น่าจะรู้…ยัยตัวกะเปี๊ยกนี่มันหัวดื้อแถมเอาแต่ใจ”
“แล้วพี่ฝนดีนักเรอะ?…พี่ชายขา~~…พี่ฝนมักจะแกล้งหนูประจำเลย”
“ไม่จริง!!…ป้อมชอบดื้อกับพี่ก่อนต่างหาก”
“ใครว่าคะ?…ไม่เชื่อก็ถามพี่แคทดูสิ”
“อืม”
“นั่น!!…เห็นเปล่าล่ะ?”
“เจ๊!!!…เข้าข้างยัยตัวจิ๋วนี่ได้ไงอ่ะ?”
“ก็มันเป็นความจริงนี่นา”
“หา?”
“ฮี่ๆๆๆ”
“ก๊าด~~…มันหัวเราะเยาะฉัน!!!”
“ใจเย็นๆก่อน…ที่พี่บอกเป็นความจริงนี่หมายถึงเธอสองคนคือคู่รักคู่กัดที่สนิทกันมากต่างหาก”
“ว้าก!!…ไม่จริงๆๆๆๆ”
“ใครจะอยากไปสนิทกับพี่ฝน?…ผิดแล้วค่ะพี่แคท!!”
“หนวกหูจริงๆว่ะ!!…งั้นไปสู้กันเลยไหม?”
“โฮ่~~…พี่ฝนจะรับคำท้าเร้อ?”
“ชิๆๆๆ…มีอะไรน่ากลัวนักห๊ะยัยตัวเล็ก?”
“ต่อให้เป็นพี่เร็วกว่านี้ก็หลบ TSN ของหนูไม่พ้น!!!”
“TSN?”
“…มันย่อมาจาก Tiger Star Needle ไม้ตายของน้องป้อมที่ใช้เข็มเป็นอาวุธน่ะ”
(โอ้โห!?…ไม่ใช่ย่อยเลยแฮะน้องสาวเราคนนี้…ใช้เข็มเล่มเล็กนิดเดียวมาเป็นอาวุธได้)
“แต่ฉันเคยหลบพ้นมาหลายครั้งแล้วนะ?”
“นั่นมันเข็มธรรมดากับเข็มทองคำ…หึ!!…พี่ฝนยังไม่เคยเจอเข็มโกเมนนะคะ”
…น้องป้อมล้วงมือไปในแขนเสื้อแล้วชักวัตถุสีดำออกมาชู…เฮ้ย!?…ทีแรกผมนึกว่าเข็มนี่คงหมายถึงเข็มที่ไว้ร้อยด้ายแต่ผิดคาด…เข็มเล่มใหญ่สีดำที่ยาวเกือบฝ่ามือนั่นมันคืออะไรกัน?…
“ป้อม…ไหนเคยบอกจะไม่เอาเข็มโกเมนให้ใครดูสุ่มสี่สุ่มห้า?”
“อ๋าจริงด้วย!!!…เก็บๆๆ”
“ขึ้นชื่อว่าอาวุธลับจะให้คนอื่นรู้มากๆได้ยังไงล่ะ?”
“…หรือน้องป้อมถนัดการลอบจู่โจม?”
“ว้ายพี่ชายเก่งจัง!!!…แหะๆ…หนูไม่ใช่นักบู๊อย่างพี่ๆเค้าหรอก”
“พี่แคทกับฝนต่างก็มีไม้ตายประจำตัวแล้วอ๋อมมีไหม?”
“เฮ่ๆๆ…ฉันน่ะรึจะน้อยหน้าใครๆ”
“มีสิคะ…ดาบแห่งจิตผ่าอากาศไม้ตายของพี่อ๋อมสามารถต้านอัญเชิญยมทูตได้แต่ผลลัพธ์ถึงที่สุดนั้นก็ยังไม่แน่”
“ผลลัพธ์ถึงที่สุดยังไงเหรอ?”
“เพราะทั้งสองยังไม่เคยแสดงฝีมือเต็มที่ไงคะ…เมื่อก่อนที่ปะทะกันต่างก็ใช้พละกำลังกับความเร็วแค่ครึ่งเดียว”
“แล้วถ้าต่างคนต่างแสดงฝีมือเต็มที่?”
“…แหลกกันทั้งสองฝ่าย”
“ฝนพูดน่ากลัวเกินไปแล้ว”
“แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่คิดจะสู้กับพวกเธอสองคนหรอกนะเพราะฉันมีคนที่อยากตบกบาลอยู่”
“ใคร?”
“พี่ม่อนน่ะ”
“ว่าแล้ว…แต่ฉันยังไม่เคยเจอเธอเลย…หมายถึงตัวจริง”
“ไม่เคยเจอตัวจริง?…ฮึๆ…ไม่น่าแปลกใจสักนิดเพราะยัยนี่ชอบทำตัวพิลึกกึกกือปลอมเป็นคนแก่มั่งล่ะปลอมเป็นผู้ชายมั่งล่ะ…ไม่รู้เป็นงานอดิเรกบ้าบออะไรของมัน?”
“แสดงว่าพี่ม่อนหน้าตาไม่ค่อยสวยแน่ๆถึงชอบปลอมตัวออกไปพบใครต่อใคร”
“ก็บอกว่าสวยไง!!”
“น้องม่อนสวยมากเลยนะจะบอกให้!!”
“!?”
…พี่แคทกับฝนต่างพูดยืนยันออกมาเกือบจะพร้อมกัน…เอ้า!!…ก็ถ้าหน้าตาดีจริงๆแล้วมีเหตุผลอะไรกันแน่เล่า?…
“พวกเธอว่าไง?”
“พี่ม่อนสวยจริงๆค่ะแต่อีกไม่กี่ปีป้อมจะสวยน่ารักกว่าแน่”
“ขี้โม้เหลือเกิน–…ให้หน้าอกมันโตอีกสักหน่อยเหอะค่อยมาคุยอวด”
“ว่าไงน๊ะ?”
“แบร่~~”
“ชอบขัดคอหนูอยู่เรื่อย…วันนี้แหละวันนี้!!”
“จะทำไมฉันยะยัยเด็กอกแบน?”
“กรี๊ด!!!”
“ถ้ายังไม่หยุดพี่จะตีทั้งคู่แล้วนะ!!!”
“ฮึ่ม!!”
“ฮึ!!”
“เฮ้อ!!…สุรีย์พรรณกับหยาดฝนไม่ได้พูดโกหกแต่สวยแล้วไง?…คนประหลาดหลุดโลกแบบนั้น…หึๆๆ”
“?”
“โทษทีว่ะสหาย…ถึงมันจะแต่งตัวโป๊แล้วไปเดินคนเดียวในซอยเปลี่ยวๆก็ไม่มีทางโดนข่มขืนหรอก”
“แสดงว่าพี่ม่อนเก่งมากๆ”
“โรคจิตน่ะสิ!!!!…เบาะๆก็เป็นไข้หัวโกร๋นแต่ถ้ามันยัวะขึ้นมาก็จะจับบิดแขนหักขากลายเป็นคนพิการไปเลย”
…เบาะๆเป็นไข้หัวโกร๋นกับจับบิดแขนหักขาอะไรกัน?…จะขยับปากถามก็พอดีเห็นป้าเอ็มขึ้นมาบนเขาพร้อมศิกับศุกร์ทางทิศตะวันออกก็หมายความว่านั่นคือทางขึ้นของโยนกบูรพา…เอ–…เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงดูท่าทางเครียดๆ?…
“พอดีเลยแม่จ๋า!!…มากินเนื้อย่างกัน”
“เรียบร้อย…แม่กินมาแล้วจ้ะ”
“ขึ้นมาถึงนี่มีอะไรเหรอ?”
“แม่มีอะไรจะปรึกษากับพ่อบอลสักหน่อยเกี่ยวกับงานในคืนนี้”
“อะไรหรือคะป้าเอ็ม?”
“ไม่ใช่เรื่องของเรา…ไป”
“แอะ!!…ไปไหนเล่า?”
“สมน้ำหน้า~~…ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นดีนัก”
“กิ๊!”
“เราก็ไปเหอะ”
“เอ๋?”
“นี่…ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีบางอย่างจะพูดกับพวกเธอเหมือนกัน…ตามลงไปข้างล่าง”
…เมื่อสองลูกสาวกับสองหลานสาวไปแล้วป้าเอ็มก็สั่งให้ศุกร์เปิดกระเป๋าหยิบของบางอย่างออกมา…
“ระวังหน่อย…อย่าให้ตรงไหนแตกหักเชียว”
“หนูช่วยถือค่ะพี่”
“เอ่อ–…รูปปั้นช้างนี่ทำไมเหรอครับ?”
“ตาหนูคงจำไม่ได้หรอกมั้งจ๊ะแต่นี่เป็นของที่แม่รัญภรณ์เก็บรักษาไว้มาตลอด”
“…………………………………………..”
“มันแกะสลักจากไม้สักทองชั้นดีแต่ส่วนงาทำมาจากทองคำขาวบริสุทธิ์…ของขวัญครบรอบวันเกิดหนึ่งเดือนของพ่อบอล”
“ของ…ผม?”
“คืนนี้เอาใส่ไปในงานด้วย”
“โห~~…หนักแย่เลยครับ!!!”
“ถอดเฉพาะส่วนงาแล้วใส่สร้อยคล้องคอสิจ๊ะ”
“อ๋อ!!…ครับ”
(เอาออกมาได้ข้างเดียวเท่านั้น)
“มันเป็นเครื่องประดับประจำตัวของพ่อบอลและลูกพี่ลูกน้องทุกคนก็มีเช่นกัน”
“มีกันทุกคน?”
“เคยสังเกตสร้อยคอที่เซคใส่หรือเปล่า?”
“…ครับ…เม็ดใหญ่ๆสีแดง”
“นั่นคือหัวลูกศรและที่ป้ามีอยู่ก็เป็นส่วนหางลูกศร”
…ป้าเอ็มแกะที่ติดผมส่งให้ดูและบอกว่าทำมาจากมรกต…เอ๋?…ของพี่เซคเป็นหัวของป้าเอ็มเป็นหางแล้วส่วนก้านลูกศร…
“อยู่ที่ลูกป้อมน่ะจ้ะ”
“…หรือว่า…เข็มสีดำนั่น”
“พ่อบอลเคยเห็นแล้วเหรอ?”
“ครับ”
“นั่นล่ะส่วนที่เป็นก้านธนูและเมื่อรวมของเซคกับของป้าก็จะสามารถประกอบกันเป็นลูกศรที่สมบูรณ์”
…ไม่นึกว่าจะมีความหมายอย่างนี้ด้วย…ใช่ๆๆ…ถ้ามีลูกศรงั้นก็ต้องมีคันศรถึงจะสมบูรณ์แบบ…คำตอบคงอยู่ที่พี่ม่อนกับอ๋อมสินะ?…อยากเห็นจังเลย…
“ม่อนมาแล้วนะจ๊ะ”
“จริงเหรอครับ?”
“แต่จะมาร่วมงานหรือเปล่าป้าเองก็ตอบไม่ได้…เดาใจลูกคนนี้ยากซะด้วย…บางทีมีอะไรก็บอกพี่สาวแต่ไม่บอกป้า”
“…………………………………………
“เอาเถอะ…ยังไงสักวันก็ต้องมีโอกาสได้พูดคุยกันแหละ”
(เธอจะจำสัญญาที่ให้ไว้กับเราได้หรือเปล่า?…อื๋อ!?)
“สาวไหนโทรมาอีกห๊ะ?”
“ไม่ใช่หรอกป้า…ฝนน่ะ”
“หืม–…เพิ่งจะแยกกันไม่ถึงสิบห้านาทีก็โทรหาซะแล้ว?”
…พูดจบสาวใหญ่ก็มองด้วยหางตาแสดงว่ากำลังหึงชัวร์…ผมจึงต้องสวมกอดเพื่อเป็นการปลอบโยน…
“หึงหลานสาวตัวเองเหรอจ๊ะ?”
“ลูกอ๋อมกับลูกป้อมก็น่ารักไม่แพ้หนูฝนเลยสักนิดและก็อย่าลืมเชียวนะว่าเบื้องหลังเราเป็นอะไรกัน”
“แล้วเมื่อไหร่จะชวนผมไปที่ห้องลับล่ะครับ?”
“ป้าอยากพาพ่อบอลไปซะเดี๋ยวนี้เลยนะจะบอกให้แต่มันทำไม่ได้เพราะสมควรจะรอให้เซคกลับไปก่อน…คงจะวันที่ 1 น่ะ”
“ไม่หยุดงานเหรอครับ?”
“อาชีพหมอไม่มีวันหยุดที่แน่นอนหรอกจ้ะ”
“ผมรอได้…อ่า–…ว่าไง?”
“ทำไมรับช้าจัง?”
“ปิดเสียงไว้น่ะ…มีอะไรเหรอ?”
“ถ้าบอลจะกลับก็ลงบันไดทางโยนกอุดรนะแล้วค่อยเจอกันที่บ้าน”
“เข้าใจล่ะ…ว่าแต่คุยอะไรกับอ๋อม?”
“ก็ไม่มีอะไรมากแต่มันคงจะใช้เวลาสักหน่อย”
“จ้ะๆ”
“ป้าก็จะกลับแล้ว…อย่าลืมเอาไปใส่สร้อยและคล้องติดตัวไว้ตลอดนะจ๊ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
…พอแยกกับป้าเอ็มผมก็เดินไปตรงที่ฝนบอก…ทางขึ้นลงคือบันไดที่ทำด้วยไม้แต่ไหนๆแล้วก็อยากเดินสำรวจให้ทั่วอีกสักหน่อยจึงย้อนกลับขึ้นมา…เอ๊ะ?…ได้ยินเสียงจากในกระท่อมนั่นใช่ของโยนกบูรพาหรือเปล่า?…ต้องเข้าไปฟังใกล้ๆถึงจะรู้ว่าเป็นใคร…
“ที่จริงฉันอยากให้ตาหนูอยู่ด้วยเหลือเกินแต่ต้องยั้งใจไว้”
(ป้าเอ็มกับสองพี่น้อง…อ้าว!?…ก็ไหนบอกว่าจะกลับไง?)
“มันเสี่ยงเกินไปครับเพราะคุณสุรีย์พรรณกับคุณหยาดฝน”
“ที่ห้องลับใต้ดินเท่านั้นค่ะนายหญิง”
“รอให้เซคกลับไปทำงานซะก่อน…ฉันบอกตาหนูไปแล้ว”
“ถ้านายท่านรู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันไม่รู้จะว่ายังไง”
…เฮ้ย!?…ป้าเอ็มถอดเสื้อกับกระโปรงแล้ว…หรือว่า?…ศิกับศุกร์ก็เปลือยกายล่อนจ้อนยืนสวมกอดล้วงควักจับนมลูบหีควย…ไม่…ไม่ผิดแน่!!!!…
(ชวนกันเข้ากระท่อมไปเสพสุขหญิงสองชายหนึ่งโดยไม่ยอมบอกเราเลย…ฮึ่ม!!!)
“เพราะความเอาแต่ใจของนายน่ะแหละ…เงี่ยนไม่เลือกที่เลือกเวลาเลยต้องมาเดือดร้อนฉัน”
“โธ่~~…นายหญิงที่แสนดีของผม”
“ถูกต้องแล้วย่ะ!!…มีเจ้านายคนไหนจะใจดีอย่างฉันมั่ง?…ลูกน้องเงี่ยนก็แก้ผ้าแบหีให้เย็ดฟรีไม่คิดเงินอีกต่างหาก”
“ผมจะตอบแทนความเมตตาของนายหญิงด้วยชีวิตครับ”
“แน่นอน!!…ฉันจะใช้งานนายไปจนวันตายเลย…รู้ไว้ซะด้วย”
“น้ำตาไหลแล้วพี่”
“ก็ข้าปลื้มใจนี่หว่า!!!”
“เวลาไม่ค่อยมี…รีบถอกควยให้แข็งเร็วๆ”
…ทีแรกผมนึกว่าป้าเอ็มจะแค่คุยปรึกษาหารือธุระกับสองพี่น้องเฉยๆแต่มันไม่ใช่เมื่อพวกเขาต่างทยอยเปลื้องผ้าออกจากร่างทีละชิ้นๆ…ป้าเอ็มก้มตัวถอดกางเกงในสีชมพูแล้วขึ้นไปบนแคร่ไม้ไผ่โดยมีนายศุกร์นอนเอามือจับควยตั้งโด่รอท่าส่วนศินั่งข้างๆกำลังถ่างขาให้พี่ชายแหย่นิ้วเข้าไปในร่องหลืบ…ผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆว่าสามคนนายบ่าวจะกล้ามามีอะไรกันบนยอดเขาแห่งนี้…นายหญิงสาวสวยหย่อนเรือนร่างอันอวบอัดนั่งยองๆหันหลังให้หนุ่มคู่ขาพลางเอานิ้วลูบหีเขี่ยเม็ดแตดหลับตาพริ้มครางเบาๆก่อนจะเอื้อมจับกระดอมากุมไว้เต็มกำมือ…
“อื้อออออออออ…พะ…พี่ศุกร์”
“หีเอ็งคงคิดถึงควยนายท่านแย่แล้วสิ”
“แหม~~…ใครบ้างจะไม่คิดถึง?…เย็ดเก่งซะขนาดนั้นนะคะนายหญิง”
“ใช่…ฉันก็อยากเย็ดพ่อบอลเต็มแก่เหมือนกันแต่โอกาสมัน…อูยยยยยยยย…มันไม่มีซะเลย…อืมมมมมมมม…งั้นก็ต้องพึ่งควยนายแก้ขัดก่อนล่ะ…ซีดสสสสสสสสสสสส”
“อาวววววววววววว…ผะ…ผมยินดีเต็มใจรับใช้…นายหญิงเสมอครับ…โออออออออออ…เข้ามาแล้ววววว”
“จ้ะ…โอยยยยยยยยยย…หิ…หีฉัน…กลืนควยนายมิดล่ะ…โอ๊ววววววววววววววว”
…ป้าเอ็มจับท่อนควยศุกร์รูดอยู่สามสี่ครั้งก็กดมันจมหายเข้าไปในรูหีก่อนจะควบขย่มจนหน้าอกเด้งสั่นกระเพื่อมเป็นการใหญ่คล้ายตายอดตายอยากเรื่องบนเตียงมานาน…คาดว่าเธอคงตั้งตาอดทนรอจะเล่นเสียวกับผมแน่แต่ตัณหามันไม่เคยเข้าใครออกใคร…
“โอ๊ยยยยยยยย…เงี่ยน…เงี่ยนจริงๆ…อืมมมมมมมมมมม…ฉันขอเย็ดให้สะใจหน่อยเถอะ…อื๊อออออออออออออ”
“อูยยยยยยยยยยยย…ขย่มแรงๆครับนายหญิง…ปลดปล่อยความเงี่ยนมาที่ผมให้เต็มที่…ซีดสสสสสสสสส…ศิ…ขอบี้แตดเอ็งทีสิวะ”
“ก็อยู่ตรงหน้าแล้วไงจ๊ะ…แลบลิ้นมา…ฉันจะให้พี่เลียอย่างจุใจเลยเอ้า!!”
“มันต้องอย่างนั้น!!”
“อูววววววววววววว…พี่…พี่ศุกร์…ฉัน…โออออออออออออ…เสียวหีจังเลย…อือออออออออออ…ตรงนั่นแหละพี่ๆ…อึ๊ยยยยยยยยยยย”
“กรอด!!!…ศะ…ศุกร์…ควยนายเนี่ย”
“ทำ…ทำไมครับ?”
“มันทำให้…ซีดสสสสสสสส…ฉันคิดถึง…อื้มมมมมมมมมมมม…ควย…ควยตาหนูน่ะสิ”
…ถ้าผมแสดงตัวออกไปตอนนี้เชื่อว่าสาวใหญ่ต้องไม่ปฏิเสธแน่แต่เดี๋ยวก่อน…เกิดพี่แคทกับฝนย้อนกลับขึ้นมาแล้วได้เห็นสองป้าหลานร่วมประเวณีกันล่ะก็เรื่องไม่มีทางจบอย่างแฮบปี้แน่นอน…
(อดทนไว้ๆ…ทั้งที่มันทรมานใจแทบจะขาด)
“ดี…บีบนมฉัน…ให้…ให้แหลกไปเลยยยยย…อ๊อยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“อาาาาาาาา…นาย…นายหญิงจะเสร็จหรือยังคะ?”
“อีก…อีกนิด…อึ๊บบบบบ…ไง…ไงศุกร์…ชอบที่ฉันขย่มควยนายหรือเปล่า?”
“ชอบครับ…ชอบกว่าอะไรทั้งหมด”
“เอ๋?…หน้านายเปรอะน้ำหีศิไปหมดแล้ว”
“มัน…มันเสร็จแล้วครับ”
“ต๊ายเร็วจริง”
“อึ๊ยยยยยยยยย…พี่…พี่ศุกร์…เลียเก่งขึ้นเยอะนี่คะ?”
“กะ…ก็พ่อบอลสอนให้น่ะสิ…อู๊ยยยยยยยยยยยย…เสียวจริงๆ…ศิ…ฉันใกล้จะออกแล้วววว”
“ค่ะ”
…ผมรู้ว่าป้าเอ็มต้องการให้ศิทำอะไร…นายสาวเขย่งปลายเท้าแล้วยกบั้นท้ายขย่มควยนายศุกร์อย่างถี่ยิบเสียงแก้มก้นกระแทกหน้าขาดังป้าบๆๆฝ่ายศิเอานิ้วแตะน้ำลายตัวเองแล้วค่อยแยงเข้าไปในรูตูดป้าเอ็มช้าๆพลางชักเข้าชักออก…โดนแบบนี้เข้าพี่สาวพ่อคนสวยก็ถึงกับหลับตาปี๋เม้มฟันยิ่งโขยกหนักกว่าเก่าพร้อมร้องครางด้วยความเสียวซ่านแล้วในที่สุดร่างของเธอก็เกร็งกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนจะขยับตัวออกไปนั่งสูดปากหายใจหอบจากนั้นศิก็เข้าแทนที่ควบท่อนเอ็นพี่ชายร่วมสายเลือดต่อ…
“เฮ้อ~~…ค่อยแก้ขัดได้หน่อย…คอยดูเถอะ…โอกาสมาถึงเมื่อไหร่ฉันจะไม่ให้พ่อบอลมีแรงลุกจากเตียง…ต้องให้นอนกกฉันทั้งวันทั้งคืนเลย!!”
(ว้าว!!!…สายตาของป้าคนสวยจริงจังมาก…อยากโดนเหลือเกินโว้ย!!!!)
“โออออออออออออออ…พะ…พี่ศุกร์อึดจัง”
“ใคร…ใครว่า…พี่จะน้ำแตกอยู่แล้ววววววววว”
“อาาาาาาา…งั้นมาออกพร้อมกับหนู…ซีดสสสสสสสสสสส…อูววววววววว…สุดยอดดดดด”
“ฉันแต่งตัวก่อนล่ะ”
…ป้าเอ็มลุกไปเอาทิชชู่ในกระเป๋าถือมาเช็ดหีก่อนจะเอื้อมหยิบกางเกงชั้นในมาสวม…ทั้งที่อยากส่องดูต่อแต่ผมจำต้องรีบถอยออกมาเพราะอีกเดี๋ยวเธอแต่งตัวเสร็จก็คงจะออกมาข้างนอก…ให้ตายสิ!!!…กลับไปถึงบ้านต้องรีบจัดการตัวเองให้สบายสักครั้งก่อนไม่งั้นจิตใจไม่สงบแน่ๆ…
……………………………………………………………………………………………………………………….

“สรุปว่าที่พี่อ๋อมเรียกเรามาคุยก็คือ…”
“ความหมายตรงตัวไม่ต้องแปล”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ…พี่ฝนก็ชอบพี่ชายเหมือนกันงั้นรึ?”
“…………………………………………..”
“ฮื่อ~~…เป็นคู่ปรับกันไม่พอนี่ยังจะมาเป็นคู่แข่งด้านความรักกับหนูอีก…สมแล้วๆ”
“…เธอล่ะสุรีย์พรรณ?”
“พี่ไม่ได้ชอบบอลแบบหญิงชาย”
“แน่ใจนะ?”
“แน่สิ”
“เอ้อ!!…ฉันรู้มาว่าบอลมีใบหน้าละม้ายคล้ายผู้หมวดสันต์แฟนเก่าของเธอ…จริงหรือเปล่า?”
“ก็ตามที่เขาพูดกัน…อ๋อมได้ยินมาถูกต้องแล้ว”
“งั้นเธอคงเห็นใบหน้าแฟนเก่าซ้อนอยู่ในใบหน้าของบอลสินะถึงมองข้ามความเจ้าชู้ของเขา?”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะพี่ไม่เคยเห็นแบบนั้นเลยและที่บอกมองข้ามความเจ้าชู้น่ะผิดแล้ว…ยังไงพี่ก็ไม่ชอบ”
“จริงๆรึ?”
“อ๋อมจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจแต่สันต์ไม่เจ้าชู้ซึ่งแตกต่างกับบอลโดยสิ้นเชิง…อ้อ!!…ที่สำคัญคือพี่จะไปรักไปชอบคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วได้อย่างไร?”
“เจ้าของ…นังพวกแมวขโมยนั่นน่ะเรอะ?…ฮึๆๆ…ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นแค่ความผิดพลาดกับอารมณ์คึกคะนองชั่ววูบของบอลเท่านั้น”
“ใช่แล้วค่ะ…ถ้าพี่ชายได้พบกับพวกเราตั้งแต่แรกนังแมวขโมยพวกนั้น…ไม่มีวันได้เกิด!!!”
“แต่พี่คิดว่าสิ่งที่เธอสองคนกำลังกระทำคือความผิดพลาด”
“อะไรนะ?”
“อ๋อม…เธอรู้จักบอลดีแค่ไหนกัน?”
“ดีมากเลยล่ะ…ฉันกับป้อมรู้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน”
“เธอรู้จักบอลแต่บอลรู้จักเธอไหม?…เวลาแค่วันเดียวบอลจะรักเธอเลยงั้นหรือ?”
“วันเวลาไม่สำคัญเท่ากับความเข้าอกเข้าใจที่ลงตัวหรอกค่ะ…พวกพี่ไม่สังเกตหรือคะว่าตอนที่พี่ชายอยู่กับพี่อ๋อมน่ะสีหน้าของเขามีรอยยิ้มและผ่อนคลายมากขนาดไหน?”
“…………………………………………..”
“นั่นก็เพราะบุคลิกของพี่อ๋อมสามารถทำให้พี่ชายรู้สึกสบายใจแต่ในทางกลับกัน…พี่แคท!!…ตัวพี่เองนั่นแหละค่ะที่ไม่พยายามทำให้พี่ชายอบอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ได้เลยแถมยังเย็นชาใส่อีกด้วย”
“ไม่จริง!!…พี่แคทคอยดูแลกับเป็นที่ปรึกษาให้บอลได้ดีต่างหาก”
“พี่ฝน…ถึงหนูกับพี่จะไม่ได้ไปอยู่ด้วยแต่อย่าลืมสิคะว่าหูตาของพวกเราน่ะมีมากมายแค่ไหน…พี่ชายมักมีสีหน้าเคร่งเครียดกดดันและแทบจะไม่มีรอยยิ้มให้เห็นเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่แคท!!!”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกับป้อมรับรู้มานานแล้ว…สุรีย์พรรณเอ๋ย~~…มันไม่เกี่ยวกับวันเวลาว่าจะนานสักแค่ไหนแต่ในเมื่อบอลอยู่กับพวกฉันแล้วสุขกายสบายใจก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ…เธอจะถือหางนังพวกนั้นก็เชิญตามสะดวกแต่อย่ามาขัดขวางฉันกับป้อม”
“พวกเราจะเดินไปตามเส้นทางที่เชื่อมั่นจนถึงที่สุดค่ะ”
“ถ้าเธอสองคนยืนกรานอย่างนั้นพี่ก็ไม่มีอะไรจะพูด…เฮ่อ–…นึกแล้วว่ากับคนหัวรั้นจะทัดทานยังไงก็ไร้ผล…ไปเถอะฝน”
“เดี๋ยว!!…ฉันยังมีธุระกับน้องสาวเธอ”
“…ธุระอะไร?”
“ไม่ต้องทำเสียงเขียวก็ได้…ฉันแค่อยากจะถามว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อบอลน่ะมันเหมือนกับของพวกฉันไหม?”
“จะถามไปทำไมกันคะ?…เสียเวลาพี่อ๋อมเปล่าๆ”
“โฮ่!?…พี่ฝนเนี่ยยังวางท่ากวนประสาทได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆน๊า~~”
“ยอดเยี่ยม!!!!…ฉันขอยอมรับความตั้งใจของเธอและต่อจากนี้ก็หมายความว่าพวกเราทั้งสามต่างหมายปองผู้ชายคนเดียวกัน…หยาดฝน…เธอคือคู่แข่งแต่ไม่ใช่ศัตรู…ฉันชอบคนกล้าพูดกล้าแสดงออกอย่างนี้แหละ”
“หึๆๆ…ป้อมจะไม่ยอมแพ้พี่ฝนแน่”
“ส่วนใครคนอื่นถ้าเกิดสะเออะคิดจะเปลี่ยนคำพูดในภายหลังฉันย่อมถือว่ามันไม่ใช่คู่แข่งที่คู่ควรต่อการยกย่องแต่เป็นศัตรูที่มีพฤติกรรมหน้าด้านไร้ยางอาย…สุรีย์พรรณ…ฉันหวังเหลือเกินว่าคนนั้นๆจะไม่ใช่เธอนะ”
“…………………………………………….”
…………………………………………………………………………………………………………………………….

“ค่อยยังชั่ว…สบายตัวซะที”
…ลงจากเขามาถึงบ้านผมรีบเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองจนเสร็จสมอารมณ์หมาย…ในภาษาหนุ่มนักรักไม่มีอะไรจะทรมานไปกว่าเงี่ยนแล้วไม่ได้ปลดปล่อย!!!…
(รุ่นพี่ที่เพิ่งจบออกไปเป็นคนพูดไว้…เห็นด้วยเต็มที่เลยครับ!!)
“คุณเอกคเชนทร์เจ้าคะ…คุณวงศ์ศักดิ์เรียกหา”
“รออยู่หน้าบ้านแล้วเจ้าค่ะ”
“จะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ…เธอ…บีใช่มั้ย?”
“ไม่!…หนูเอเจ้าค่ะและนี่ก็ซี”
“อ้าว!?”
“พี่บีกำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัวกับน้องดีเจ้าค่ะ”
“โทษทีๆ”
…ให้ตายเถอะ!!!…เด็กหญิงแฝดสี่บ่าวรับใช้ประจำบ้านหลังนี้ทำให้ผมเสียความมั่นใจไปเลยทั้งๆที่คิดว่าทักถูกแล้วนะแต่ก็อย่างว่า…รูปร่างหน้าตาเหมือนกันแต่งตัวก็เหมือนๆกันใครบ้างจะไม่สับสนและโดยเฉพาะผมเพิ่งจะเจอพวกเธอแค่วันเดียวเท่านั้น!?…
“ฮิๆๆ…ทักผิดคนจนได้”
“ไม่แปลกร้อก!!…ขนาดคุณวงศ์ศักดิ์ก็ยังเรียกผิดบ่อยๆเลย”
“ชู่ว!!”
(ท่าทางพวกเธอจะดีใจที่เราพลาด!?…ป้องปากขำกันให้สนุกเชียว)
“เหนื่อยมากมั้ย?”
“เจ้าคะ?”
“พวกเธอเพิ่งจะ 10 ขวบแต่ต้องมารับผิดชอบงานในบ้านตั้งมากมาย”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ…เราสี่คนช่วยกันทำมันก็เสร็จเร็วขึ้น”
“มันเป็นหน้าที่ของพวกเราเจ้าค่ะและก็ใช่ว่าจะไม่มีเวลาพักผ่อนหรือเที่ยวเล่นเลย…อีกอย่างคนรับใช้บ้านอื่นๆก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกเรา”
…ผมอยากจะถามอะไรต่ออีกตั้งหลายอย่างแต่คุณอารออยู่จึงต้องล้มเลิกไว้ก่อน…แม้เด็กหญิงแฝดสี่อายุจะแค่ 10 ขวบแต่ขยันขันแข็งมีความรับผิดชอบเกินวัย…ได้ยินว่าเสร็จงานในบ้านก็จะออกไปช่วยจัดงานเลี้ยงที่ลานว่างประจำหมู่บ้านต่อ…
“มา…มานั่งนี่”
“ขออนุญาตเจ้าค่ะ”
“เอ่อ–…นี่บีสินะ?”
“ไม่ใช่…หนูดีเจ้าค่ะ”
(เวร~~…ทักผิดคนอีกแล้ววุ้ย!!!)
“เมื่อกี้ก็ทีนึง…คุณเอกคเชนทร์ชอบน้องบีหรือเจ้าคะ?”
“ใจร้าย~~…แอบไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ?…ดีไม่อยากจะเชื่อเลย!!”
“มะ…ไม่ใช่นะครับ!!”
“พวกเธอพูดอะไรกันเนี่ย?…บ้าจัง!!!”
“ก็แล้วทำไมพี่บีถึงหน้าแดงเล่า?…สารภาพความจริงมาให้ซีรู้เดี๋ยวนี้นะ!!”
“เข้า…เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว…ผมไม่ได้…”
“เลิกแหย่หลานชายฉันสักทีเหอะ…ไปยกกับแกล้มมาเร็วๆ”
“คิกๆ”
“ฮิๆๆ”
“ยังจะมัวหัวเราะอีก–…ไปๆ”
“นี่ตกลง…ผมถูกอำเหรอ?”
“เด็กพวกนี้ติดนิสัยมาจากอาภาน่ะแหละ”
“อะไรๆ…คุณนินทาฉันอยู่เรอะ?”
“เปล๊า!!”
“ทำเสียงสูง…ต้องใช่แน่ๆเลย~~”
“เฮ่ๆๆ…ต่อหน้าบอลนะ!”
“ไม่สน!!”
“โอ๊ยเจ็บๆ!!…ใช่ๆๆ…ภามีอะไรจะคุยกับบอลนี่นา?”
“อะไรหรือครับ?”
“จริงด้วยสิ…อาสมควรจะพูดกับบอลให้ชัดเจนก่อนงานเลี้ยงคืนนี้”
…สงสัยจะเป็นเรื่องสำคัญที่ให้คนนอกรู้ไม่ได้เพราะเมื่อสี่เด็กหญิงยกสำรับอาหารจานชามแก้วช้อนมาแล้วอานิภาก็สั่งให้พวกเธอออกจากบ้านไปช่วยจัดเตรียมงานเลี้ยง…
(พวกคุณพ่อก็ยังไม่กลับมาจากโยนกบูรพาที่นี่จึงเหลือกันอยู่แค่สามคน)
“ดื่ม!!”
“ขอบคุณครับ”
“อย่ากินมากนะคุณ…ถ้าเมาก่อนคืนนี้ล่ะโดนพ่อเล่นแน่”
“ก็ดีเหมือนกันจะได้มีข้ออ้างกลับไปนอนไวๆ”
“เฮอๆ…นึกรึว่าจะได้ผล?”
“บอล…อาอยากจะถามอะไรสักอย่างและขอให้บอลตอบมาตามตรงอย่างลูกผู้ชาย…จะได้ไหม?”
“จะถามเรื่องของฝนสินะครับ?”
“เหวอ!!…รู้ได้ไงจ๊ะเนี่ย?”
“เพราะเมื่อคืนพี่แคทก็เพิ่งจะถามผม”
“แล้วบอลตอบว่า…”
“ผม…ชอบฝนแต่มันก้ำกึ่งระหว่างน้องสาวกับหญิงสาวครับ”
“หึๆๆ…จะพิสูจน์น่ะง่ายนิดเดียวจ้ะ…บอลอยากมีอะไรกับน้องเขาหรือเปล่าล่ะ?”
“หา!?”
“ถ้าคิดกับลูกฝนแบบน้องสาวบอลจะไม่อาจมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวได้ซึ่งร่างกายจะตอบสนองไปโดยอัตโนมัติ”
“…………………………………………..”
“แต่จากที่อารู้…บอลมีการตอบสนองเมื่อถูกลูกฝนกอดหรือจูบ”
“เอ่อ…นั่น…นั่นมัน…”
“ลูกคนนี้ช่างใจกล้าจริงจริ๊ง!!!…ภา…ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมฝนจึงไม่ยอมชายตามองหนุ่มคนไหนเลย?”
“คุณน่ะยังช้ากว่าฉันหลายโยชน์ค่ะ”
“…………………………………………..”
“เอ้าส่งแก้วมา!!…บอลไม่ต้องกลัว…อาไม่ทำอะไรหรอก”
…อาสนตบบ่าปลอบใจที่เห็นมือผมสั่น…พ่อแม่ออกโรงมาเองเป็นใครมั่งจะไม่สั่นแต่อย่างน้อยก็พอโล่งใจได้บ้างว่าผมคงไม่ถูกอาสนกระทืบโทษฐานลักลอบแต๊ะอั๋งลูกสาว…
“สรุปว่าบอลคิดกับลูกฝนแบบหนุ่มสาวอย่างแน่นอน…ถ้างั้น…บอลก็เป็นพี่ชายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
“อานิภา!!!”
“เธอ…จะรับผิดชอบความรู้สึกของลูกฝนยังไงจ๊ะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………….

“บอล…ทำไมดูเหม่อๆ?”
“เป็นอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก…คนเยอะจังนะ”
“นอกจากคนแก่ที่เดินเหินไม่สะดวกส่วนใหญ่ก็มาน่ะจ้ะ…งานเลี้ยงใหญ่ประจำปีไม่ค่อยมีใครยอมพลาดง่ายๆ”
“คืนนี้จะร้องเพลงอีกหรือเปล่า?”
“…ดูก่อนค่ะ”
“หมายถึงกินให้พุงกางก่อนใช่ไหม?”
“เจ๊ก็…รู้ทันฝนไปซะหมด”
“ไม่งั้นจะเป็นพี่เธอได้รึ?”
“บอลเดินเร็วๆสิ”
“อืม”
…คำตอบที่ผมให้อาสนกับอานิภาไปก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวเดินออกจากบ้านมาที่ลานว่างประจำหมู่บ้านซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะพึงพอใจสักแค่ไหนแต่นั่นมันก็เป็นความรู้สึกจากใจจริงของผมแล้ว!?…
“งาช้างขาวอัญมณีประจำตัวของบอลสุดยอดมากจริงๆด้วยอ่ะ…คนมองกันใหญ่เลย!!”
“เธอก็พูดเกินไป”
“ไม่หรอก…ชาวบ้านที่นี่ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนซึ่งผิดกับของพี่และฝน”
…อัญมณีประจำตัวฝนคือต่างหูแก้วคริสตัลที่เจียระไนเป็นรูปหยดน้ำส่วนของพี่แคทเป็นเหรียญทองคำที่สลักเป็นรูปดวงอาทิตย์มีรัศมี 8 แฉกซึ่งจะใช้เป็นเข็มกลัดหรือใส่สร้อยคล้องคอก็ได้…
“นี่ฝน”
“จ๊ะ?”
“ฉันแต่งตัวเวอร์ไปป่าวเนี่ย?…คนอื่นเขาแต่งปกติบ้านๆและเธอกับพี่แคทก็สวมเสื้อใส่กระโปรงธรรมดา”
(แต่เราเล่นสูทผูกไท้กางเกงสแล็คสวมรองเท้าหนังขัดมันเฉยเลย!!!)
“ดีแล้ว…เท่ออกจะตาย”
“เหมาะกับบอลที่สุดนะ”
“คนเขาจะหมั่นไส้เอาน่ะสิครับ”
“ใครกล้ารึ?…เดี๋ยวฉันจะไปตบซะให้หัวทิ่ม”
“อ๋อม”
“หึๆ…เข้าทีดีนี่หว่า!!”
“ว้าย!!!…พี่ชายหล่อจังเลย~~”
“ฮึ!!”
“พี่ฝน!…หนูได้ยินนะ…ฮึอะไรมิทราบ?”
“อะไรของเธอยะ?”
“พอเลย!!…ต่อหน้าแขกเหรื่อตั้งเยอะหัดรู้จักอายซะมั่ง”
…สงสัยจะแก้ไม่หายแล้วล่ะคู่นี้…พูดดีแค่ไม่กี่คำก็ทะเลาะกันทุกทีและคนที่ลำบากใจที่สุดก็ไม่พ้นผมเพราะเข้าข้างใครไม่ได้ทั้งนั้น…พี่แคทกับฝนนุ่งกระโปรงทั้งคู่ส่วนอ๋อมกับน้องป้อมก็ใส่กางเกงทั้งคู่เหมือนกัน…
(สรุปเรามันหรูเกินหน้าเกินตาคนอื่นจริงๆ)
“เข้างานเถอะ…มัวรออะไร?”
“ผู้ใหญ่ยังมาไม่ถึง…เราจะเข้าไปก่อนได้ยังไง?”
“ตาแก่ชักช้ายืดยาดอีกละ!!”
“ชาวบ้านเขายังเข้าไปนั่งกันเกือบเต็มแล้ว…ฉันไม่สนล่ะ”
“พี่อ๋อม”
“ฉันไม่ต้องการยืนรอที่นี่เพื่อต้อนรับใครโดยเฉพาะนังพวกแมวขโมย”
“งั้นหนูไปด้วย!!…เออใช่ๆ…พี่ม่อนจะมาป่ะ?”
“ยัยคนประหลาดนั่นน่าจะมาแต่พี่คิดว่าคงยังไม่โผล่หัวตอนนี้…สำคัญคือจะปลอมตัวหรือเปล่า?”
“หนูมั่นใจว่าพี่ม่อนเอาแน่และคนเยอะแบบนี้ก็ดูยากนะจ๊ะ”
“จะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่ายแต่หากยัยนั่นเกิดเฉียดกายมาใกล้ฉันๆจับได้แน่เพราะงานอดิเรกบ้าบอของมันไม่เคยตบตาฉันได้”
“งั้นเธอช่วยบอกฉันด้วย…เอ–…แล้วถ้าปลอมเป็นชาวบ้าน?”
“อืม–…ศรมุกดาไม่ค่อยชอบปลอมเป็นชาวบ้านที่นี่แต่คนนอกอย่างเช่นคณะวงดนตรีหรือคณะรับจัดโต๊ะจีนจะมีความเป็นไปได้มากกว่า”
…หมายความว่าคืนนี้พี่ม่อนอาจจะปลอมเป็นคนภายนอก…เก้าอี้ตัวเองมีก็ไม่คิดจะนั่งแต่อยากเป็นแขกที่(ไม่)ได้รับเชิญ…ไม่เคยพบเคยเห็นคนเพี้ยนสุดเดชแบบนี้จริงๆแฮะ…
“พวกเธอไปนั่งที่โต๊ะก่อนเดี๋ยวฉันตามไป”
“จะไปไหนล่ะ?”
“ห้องน้ำ”
“โอเค”
“หนูหิวแย่แล้ว…เฮ่!!…อะไรก็ได้รีบยกมาเร็วๆ”
“ขอโทษครับ…ห้องน้ำไปทางไหน?”
“เดินตรงไปด้านหลัง…อุ๊ย!!!…นี่คุณ…คุณชายหกใช่ไหมคะ?”
“อ่า…ครับ”
“ว้าย!!!…ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบกันใกล้ชิดขนาดนี้”
(พบกันใกล้ชิดอะไรหว่า?…เราไม่ใช่ดาราสักหน่อย!?)
“ป้าดีใจเหลือเกินที่คุณชายหกกลับมาสักที”
“ผมก็ดีใจครับ”
“นี่…เมื่อวานป้ากับคนอื่นๆอยากจะมาต้อนรับคุณชายหกมากๆเลยแต่คุณหนูใหญ่สั่งห้าม”
“ห้ามทำไมครับ?”
“ถ้าให้เล่ามันก็ยาวน่ะนะ…เอาเป็นว่าคุณชายหกไปทักทายชาวบ้านตามโต๊ะเลยดีกว่า…พวกเขาอยากจะเจออยากจะคุยด้วยทั้งนั้น”
“ครับ…ผมขอไปทำธุระก่อน”
“แล้วป้าจะรอที่โต๊ะจ้ะ”
…นี่ไงพยานคนแรกที่ช่วยยืนยันว่าพี่เซคออกคำสั่งชาวบ้านให้ปิดประตูปิดหน้าต่างและห้ามมาพูดคุยกับผม…มันน่าโมโหจริง!!!…
“โอ๊ะ!!”
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เอ๊ะ?…คุณ…ชายหก”
“ผมช่วยถือมั้ยครับ?…ท่าทางจะหนัก”
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร…ผมไม่กล้ารบกวนคุณเอกคเชนทร์หรอก…แหม~~…เมื่อกลางวันผมได้พบคุณหนูศรมุกดาและตกเย็นก็ได้คุยกับคุณเอกคเชนทร์อีก…ผมช่างโชคดีจริงๆ…นึกว่าจะไม่มีโอกาสซะแล้ว”
“คุณได้เจอพี่ม่อนเหรอ!?”
“ครับ…ได้คุยด้วยตั้งหลายคำ…ผมล่ะปลื้มใจเหลือเกิน”
“เธอปลอมตัวเป็นใครครับ?”
“ปลอมตัว?…ไม่นี่…คุณหนูศรมุกดาตัวจริงเลยนะครับ”
“พบที่ไหน?”
“ที่นี่แหละครับ…เธอมากับคุณไหมที่เป็นคนสนิท…พูดเหมือนคุณเอกคเชนทร์เป๊ะเลยว่าจะช่วยผม”
“ที่บอกว่าโชคดีน่ะยังไงหรือ?”
“เพราะคุณหนูศรมุกดาไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น”
“ก็…ชอบปลอมตัวเป็นใครต่อใครไม่รู้นี่นา”
“คนนอกไม่รู้เรื่องก็ถือว่าปกติแต่ทว่า…”
“?”
“แม้แต่ชาวบ้านในโยนกจัตุรัสก็ยังมีอีกมากครับที่ไม่เคยเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของคุณหนูศรมุกดา”
“ฝนเคยบอกว่าเธอชอบแปลงโฉมเป็นคนอื่นไม่ว่าจะทั้งผู้ชายหรือผู้หญิงเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง”
“นี่แหละครับที่น่ากลัวมาก!!!…ไม่แน่ว่าเวลานี้เธออาจจะปลอมเป็นใครสักคนกับแฝงตัวเข้ามาในงานแล้วก็ได้”
“หึ!…ผมล่ะไม่เข้าใจความคิดของเธอจริงๆ”
“…ผมชื่อสมหวังอยู่ที่โยนกบูรพา…ขอตัวไปช่วยเขาจัดสำรับก่อนนะครับ”
“ตามสบายครับ”
…อ้าว!?…ดันลืมถามนายสมหวังซะอีกว่าหน้าตาของพี่ม่อนเป็นยังไงเผื่อจะได้เค้าโครงมาสังเกต…เอ๊ะเดี๋ยว!!…ถ้าเธอปลอมตัวเข้ามาในงานจริงๆมันก็เปล่าประโยชน์นี่นาเพราะตอนปลอมเป็นแม่บ้านในโรงพยาบาลก็แปลงโฉมได้โคตรจะเหมือนตัวจริงเลย…
…………………………………………………………………………………………………………………..

“เป็นฝ่ายเข้าไปพบปะชาวบ้าน…นั่นคือความตั้งใจของตัวเจ้าหรือคำแนะนำจากผู้ใด?”
“อุ๊บ!…ดื่มมากไปหน่อย…จะอยู่ถึงจนงานเลิกไหวมั้ยเนี่ย?”
“………………………………………….”
“ไง!!…มาทำอะไรอยู่ตรงนี้เล่า?…เข้าไปหาเหล้ากินกันเถอะ”
“………………………………………….”
“เฮ้อ~~…คุณชายหกนี่มีสัมมาคารวะอ่อนน้อมถ่อมตัวดีนะ…ยกมือไหว้สวัสดีใกล้ชิดทุกๆคนโดยไม่ถือตัวเลยสักนิด…ท่านเอกบดินทร์กับท่านอุทุมพรคงจะมีความสุขมากๆที่หลานชายกลับมาซะที…เอ๊ะ?”
“เจ้ากำลังง่วงนอนอย่างหนัก…เจ้าจะเริ่มมิรับรู้ถึงสิ่งรอบตัว…สติของเจ้าจะค่อยๆเลือนรางแลจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด”
“อือ…อื๋อ~~”
“จงหลับไปซะบัดเดี๋ยวนี้!”
“เคาะ…คร่อก–”
“น่าขำ…เอกคเชนทร์ทำเพียงเท่านี้เจ้าก็ชื่นชมว่าเป็นคนที่ควรค่าแก่การนับถือแล้วอย่างนั้นรึ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………

…ตัวอย่างในตอนต่อไป…

“ถ้าฉันแพ้ก็จะให้ฉันออกเสียงสนับสนุนเอกคเชนทร์…เธอน่ะจะค้ากำไรเกินควรไปหน่อยแล้วมั้ง?”
“ไม่เกินควรหรอก…หากฉันเป็นฝ่ายแพ้ฉันก็จะไม่สนับสนุนบอลเช่นกัน…แบบนี้ถือว่ายุติธรรมดีไหมล่ะ?”
“หึ!…เขาว่ากันว่าในการเล่นพนันขันต่อถ้าเดิมพันยิ่งสูงก็จะยิ่งสนุก…ได้!!!…ฉันตกลง”
……………………………………………..
“พี่ฝนจะกังวลไปทำไม?…ในสายตาของหนูน่ะบุศยาก็ไม่ต่างอะไรกับเบี้ยตัวหนึ่ง”
“นี่เสือน้อย!…พี่บุศไม่ใช่คนโง่ที่เธอจะหลอกใช้งานฟรีๆแล้วก็ถีบหัวส่งได้นะ”
“ฮิๆ…คอยดูไปเถอะค่ะพี่ฝน…บุศยานั่นแหละที่จะเป็นคนทำลายตัวเองโดยที่ป้อมแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย”
……………………………………………..
“ดิฉันมิอาจจะบอกอะไรได้ทว่าคุณเอกคเชนทร์ก็ได้พบกับคุณหนูรองแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”
“หา!?…ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะครับผมไม่รู้เรื่อง?”
“อีกทั้งยังได้สนทนากันตั้งหลายประโยค…อ้อ!!…เวลานี้เธอก็กำลังจับตามองคุณอยู่ด้วยนะเจ้าคะ”
……………………………………………………………………………………………………………….

…ในที่สุดศรมุกดาก็มาจริงๆและนี่คือค่าความสามารถด้านต่างๆของทั้งสี่สาวที่ผมทำไว้นานแล้วเพื่อประกอบการเรียบเรียงช่วงที่เป็นบทบู๊แต่อาจจะไม่ค่อยตรงใจเพื่อนๆเท่าไหร่ก็ได้มั้งนะ? 5555

Share the Post:

Related Posts

วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่

เรื่องเสียว วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่ วันนี้ละอองฟองถูกเรียกเข้าไปในห้องของหัวหน้าอีกแล้ว เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำอะไร ในเมื่อหน้าที่การงานของเธอนั้นไม่ได้ทำมันออกมาดีเหมือนที่เธอคิด แต่เธอไม่ได้ต้องการออกจากบริษัทแห่งนี้ ละองงฟองพยายามที่จะเข้ามาอ้อนวอนคุณภพ หัวหน้าของเธอ บอกกับเขาว่าเธอจะพยายาม ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ได้ เธอยอมทุก ๆ อย่าง…และใช่ เรื่องเสียวคือเรื่องเสียวที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคุณภพ วันนี้งานเหนื่อยทั้งวัน ละอองฟองยังคงต้องแก้งานมากมายในเวลานี้ ซึ่งมันไม่ได้น้อยเลย แต่เมื่อมันเสร็จแล้ว ก็ยังต้องมาสรุปรวบยอดใหม่ งานทุก

Read More

ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เรื่องเสียว ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มจูบกันแล้วครับ จะบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหหลังจากนี้ไม่รู้ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเราต่างฝ่ายต่างมีความต้องการซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เราเงี่ยน เราอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น เรื่องเสียวกลายเป็นเรื่องราวยอดฮิตสำหรับคนรุ่นนี้แล้ว และผมเองก็ไม่อยากจะอายเพื่อน เพราะต้องยอมรับว่าตัวเองยังซิงอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะเรียนจบมอปลายแล้วแท้ ๆ ดังนั้น ในวันที่ผมไปปดูหนังกับแฟนของผมรุ่นน้องมอห้า เธอก็ชวนให้ผมไปนั่งเล่นที่บ้านของเธอก่อน

Read More