ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 72

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 72

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 72 “เด็กหญิงในความฝัน!?…อดีตมือสังหารในโลกมืด!!!!” 

“ฉันหาได้สนใจว่าเหตุวิวาทที่โยนกอุดรมันเกิดจากเรื่องอะไรแลมิได้มีปัญหาแต่อย่างใดหากหลานเอกคเชนทร์จะมานอนค้างที่นี่…นิดก็ช่วยไปจัดการให้เรียบร้อยอย่าได้ขาดตกบกพร่องล่ะกัน”
“เจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวขอรับท่านแม่…กระผมขอเสนอให้เอกคเชนทร์ไปนอนที่ห้องว่างด้านหลัง”
“เหตุใดจึงต้องเป็นห้องนั้น?”

“มีบางอย่างที่กระผมต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาของตนเองขอรับ”
“แต่ห้องนั้นอยู่ชั้นล่างและมีไว้รับรองแขกผู้มาเยือนทั่วไป…หากท่านพี่ศรมรกตหรือกระทั่งหลานอ๋อมรู้เข้าก็อาจติเตียนได้ว่าเรามิตั้งใจให้เกียรติหลานชายคนโปรดนะจ๊ะ…นี่ถือเป็นหน้าเป็นตาของโยนกประจิมด้วย”
“สำหรับอ๋อมกับน้องป้อมนี่กระผมจะอธิบายให้เข้าใจเองขอรับ…อีกอย่างห้องนี้ก็เพิ่งปรับปรุงใหม่ให้โอ่โถงกว่าเดิมแลมิเคยอนุญาตให้แขกไปพักเลย…ท่านป้าศรมรกตคงจะมิคัดค้านดอก”
“งั้น…ตามใจลูกเอ้เถิด”
“ท่านแม่ขอรับ…เอ่อ–…การวิวาทในวันนี้ของ…”
“ลูกเอ้กำลังคิดว่าแม่จะลงโทษพวกเธอใช่หรือไม่?”
“อ๋อมอาจจะใจร้อนวู่วามไปบ้างแต่ก็มิใช่คนเลวร้ายส่วนน้องนางหยาดฝนก็ประพฤติตนเรียบร้อยมาตลอด…ได้โปรดยกเว้นโทษสักครั้งเถิดนะขอรับ”
“……………………………………….”
“ท่านแม่”
“พรุ่งนี้แม่หาได้คิดจะลงโทษแต่ขอตำหนิแลเตือนสติให้เท่านั้นจ้ะ”
“ขอบพระคุณท่านแม่มากขอรับ!!”
“จากเหตุการณ์นี้อย่างน้อยแม่ก็ได้แน่ใจแล้วว่าหลานอ๋อมมิได้เก่งแต่ปาก…ฝีมือของเธออยู่ในระดับเดียวกับหลานแคทแลหลานฝน”
“ท่านแม่รู้อยู่ก่อน?”
“ในการจับคู่ฝึกซ้อมแม่มิได้สั่งให้แสดงฝีมือเต็มที่ใช่ไหม?”
“…ขอรับ”
“ทั้งที่แม่ก็มิได้สอนวิชาดาบเขี้ยวพยัคฆ์ให้ตรงๆทว่าหลานอ๋อมกลับเรียนรู้ได้ด้วยตนเองแลฝึกปรือพัฒนาขึ้นตามลำดับ…ว่าไปเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ในเชิงยุทธมากกว่าบุตรสาวทั้งสองของท่านพี่เสียอีก”
“อ๋อมมักจะพูดให้กระผมฟังบ่อยๆว่าอยากเข้มแข็งเพื่อต้องการปกป้องเอกคเชนทร์ขอรับ”
“แต่ความอ่อนโยนก็เป็นคุณสมบัติสำคัญของหญิงสาวที่จะขาดเสียมิได้แลเท่าที่แม่เห็น…หลานอ๋อมยังบกพร่องในจุดนี้มากทีเดียว”
“หมายความว่าเอกคเชนทร์จะมิชอบอ๋อมหรือขอรับ?”
“แม่ก็มิทราบได้ดอก…ว่าแต่จุดมุ่งหมายของลูกเอ้คือ…”
“กระผมจะพิสูจน์ให้ท่านแม่เห็นเองขอรับว่าเอกคเชนทร์เป็นคนอย่างไรแลเป็นดังที่ท่านพี่ศรเพทายกับน้องนางศรมุกดาได้กล่าวเอาไว้หรือไม่?”
“……………………………………….”
……………………………………………………………………………………………………..

“ตายจริงลูกสาวฉัน!?…ทำไมถึงได้เหลวใหลกันไปใหญ่แล้วนี่กระทั่งลูกแคทก็พลอยให้ท้ายน้องไปด้วยรึ?”
“แคทเปล่าให้ท้ายนะคะ!!…แค่ไม่อยากให้…”
“หยุด!…ห้ามเถียงแม่เลย!!”
“………………………………………”
“แต่พี่ไม่เข้าใจว่ามันไปเกี่ยวอะไรกับพ่อบอลถึงต้องระเห็จไปนอนที่โยนกประจิม?”
“ก็ถามลูกสาวพี่สิคะ”
“ยัยภานี่!!…ถ้าอยู่ก็จะถามแต่นี่นกรู้ชวนหายเข้ากลีบเมฆกันทั้งคู่”
“คือ…อ๋อมกับป้อมอยากจะชวนบอลไปค้างที่โยนกทักษิณบ้างแต่…ฝนไม่ยอม”
“ทำไมถึงไม่ยอมล่ะ?”
“…เธอบอกว่าโยนกอุดรคือบ้านเกิดของบอลฉะนั้นจะไปอยู่ที่อื่นไม่ได้”
“เหตุผลนี้…ฟังไม่ขึ้นเลย…พ่อบอลมีสิทธิ์จะไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหนก็ได้ในโยนกจัตุรัส…ครั้งนี้หนูฝนออกจะไม่มีเหตุผลไปสักหน่อยแล้วนะ”
“แหมพี่เอ็ม~~…บางทีอาจเกิดความเข้าใจผิดกันน่ะจ้ะ”
“เข้าใจผิด?”
“สาวๆวัยรุ่นอารมณ์ร้อนก็ต้องมีเรื่องผิดใจรึพูดจาไม่เข้าหูกันมั่งแหละน่า–…ผู้ใหญ่อย่างเราก็คอยดูอยู่ห่างๆเถอะค่ะ”
“ใช่เรอะ?”
“งั้นสิคะ”
“แต่หนูฝนเนี่ย…ดูจะหวงพี่ชายจนออกนอกหน้าเลยนะว่ามั้ย?”
“เฮ่ย!?…ไม่ใช่หรอกพี่เอ็มก็!!”
“……………………………………….”
“ช่างเหอะๆ…ไว้พี่จะไปสอบถามลูกอ๋อมกับลูกป้อมเอาเองแต่สรุปคือ…สี่ทุ่มคืนนี้พ่อบอลต้องไปที่โยนกประจิม?”
“ค่ะคุณป้า”
“ยัยนีย์ต้องเตรียมห้องหับชั้นดีไว้ต้อนรับหลานชายที่ไม่ได้เจอกันซะนานแน่…ก็ดีเหมือนกัน”
“……………………………………….”
“อ้า!!…งั้นแม่ก็ไปทำกับข้าวให้ลูกฝนดีกว่า”
“เดี๋ยวค่ะ”
“อึ๋ย!!!”
“ทำได้ดีมากนะคะ…คุณแม่ต้มหนูซะเปื่อยเลย”
“เอ้ยแม่ไม่รู้เรื่อง!!…ลูกแคทกำลังพูดอะไรน่ะ?”
“จนป่านนี้ยังจะแก้ตัวอีกเหรอคะ?…ก็ที่ร่วมมือวางแผนให้น้อง…”
“นั่น!?…แมว!!!”
“เอ๊ะ?”
“คิ!…เผ่นล่ะจ้า~~”
“คุณแม่!?…โอ๊ยท้องฉัน!!”
“เป็นคนเจ็บก็อย่าวิ่งเล่นให้มันมากนักดีกว่าน๊า!!…ฮิๆๆ”
“โธ่~~…ไม่น่าหลงกลกับแผนตื้นๆนี่เล้ย!!…คุณแม่นะคุณแม่…ช่วยไม่ได้…เห็นทีจะต้องตามหาเจ้าตัวต้นเหตุอย่างจริงจังซะที…คิดจะหลบหน้าฉันงั้นรึไม่มีทาง?”
………………………………………………………………………………………………………………………..

“โยนกอุดรไปหามาจนทั่วแล้ว…โยนกทักษิณเข้าโดยพลการไม่ได้เดี๋ยวถูกเสือขบหัว…โยนกบูรพาเจ้าของไม่อนุญาตงั้นก็เหลือแค่โยนกประจิม”
“ยังมีข้างบนนั้นนะเจ้าคะ”
“จริงด้วย!…งั้นไปหาบนเขามิหวนกลับก่อนไปโยนกประจิมล่ะกัน”
“…คุณสาวิตรีมาเจ้าค่ะ”
“พี่แคท”
“มีอะไรหรือจ๊ะ?”
“สารู้มาว่าฝนทะเลาะกับพี่อ๋อม…มันเรื่องอะไรคะ?”
“ก็…แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ”
“แต่สาได้ยินว่าสู้กันหนักทีเดียวและเมื่อกี้ก็เพิ่งไปเยี่ยมฝนมา”
“เป็นไงมั่ง?”
“คุยไม่กี่คำฝนก็หลับไปค่ะเลยไม่ทันได้รู้อะไร”
“…คงจะเพลียมาก”
“ตกลงทะเลาะกันเรื่องอะไรหรือคะ?”
“เอ่อ–…อ๋อมกับน้องป้อมจะมาชวนบอลไปค้างคืนที่โยนกทักษิณแต่ฝนไม่ยอม”
“แค่นี้ก็ถึงกับลงไม้ลงมือกันเลย?”
“พี่ถึงบอกว่าเรื่องไม่เป็นเรื่องไง…ประมาณว่าน้องสาวหวงพี่ชายราวๆนี้”
“แต่พี่อ๋อมก็คือพี่สาวของบอลนี่คะ?”
“อ่า–…แบบ…ก็แบบว่าฝนกับอ๋อมน่ะไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้วไง…คืออ๋อมก็หวงน้องชายคนนี้ไม่น้อยเหมือนกัน”
“อ๋อ!!…ต่างคนต่างหวงบอลว่างั้น?”
“…ใช่จ้ะ”
“อย่างนี้เอง…เมื่อกี้สาเจอคุณศรมรกตด้วยค่ะพี่แคท”
“สีหน้าดูกังวล…มีอะไรเหรอเปล่า?”
“ท่านบอกว่าพี่อ๋อมอยากพบสา…นัดให้ไปเจอกันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงที่ศาลาหน้าทางเข้าหมู่บ้านโยนกทักษิณ…สาควรจะไปดีมั้ยคะ?”
“ไปสิ…ยังไงก็ต้องไป…พาอ้อยไปด้วย”
“ไม่ได้ค่ะ…พี่อ๋อมอยากจะพบสาคนเดียวและห้ามพาใครไปด้วยเด็ดขาด…พี่แคทคิดว่ายังไง?”
“ไปเถอะจ้ะไม่มีอะไรให้ต้องกลัวและถ้าสาไม่ไปก็จะยิ่งโดนดูถูก”
“แต่…”
“สามาบอกพี่ก็ถือว่าพี่รับรู้แล้ว…อย่ากังวลเลย”
“ค่ะ…งั้น…สาไปก่อนนะคะ”
“………………………………………”
“เหตุที่คุณหยาดฝนกับคุณศรบุษราคัมทะเลาะกันก็เพราะหวงคุณเอกคเชนทร์หรือเจ้าคะ?”
“เอ!…ไม่ใช่เรื่องที่เด็กควรรู้”
“แหม~~…ก็หนูอยากรู้นี่เจ้าคะ”
“เพิ่งจะ 10 ขวบก็อย่าแก่แดดเกินวัยให้มากนัก…ฉันไม่ตามใจใครเหมือนคุณแม่หรอกนะ”
“…เจ้าค่า~~”
“พี่เอมาอยู่นี่เอง!!…บีตามหาตั้งนาน”
“ดีมิได้บอกรึว่าพี่ตามคุณสุรีย์พรรณไปตามหาคุณเอกคเชนทร์?”
“เอ๊ะ!?…เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนบีเห็นคุณเอกคเชนทร์ขึ้นเขาไปนี่เจ้าคะ”
“แล้วก่อนหน้านั้นบอลอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ในห้องคุณหยาดฝนเจ้าค่ะ…คอยปรนนิบัติให้อย่างดีเลย”
“ตอนนี้ขึ้นเขาไปแล้วใช่มั้ย?…ฮึ!!…เจอตัวสักที”
“มะ…มันอะไรกันน่ะพี่เอ?…คุณสุรีย์พรรณดูจะมีอารมณ์โกรธ”
“นั่นสิ…พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน”
……………………………………………………………………………………………………………………….

(“พ่อ”
“?”
“ตื่นสิพ่อ~~”
“อือ–…หือ?”
“แอบมานอนตรงนี้เฉยเลยอ่ะ!!”
“หนู…หนูเป็นใคร?…แล้วเรียกใครว่าพ่อ?”
“ก็เรียกพ่อนั่นแหละ”
“!?”
…เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครไม่ยักเคยเห็นหน้ามาก่อนแถมยังเรียกผมว่าพ่ออีกด้วย!?…ผมเพิ่งจะอายุ 19 และก็อยู่ในวัยเรียนฉะนั้นไม่มีลูกโตขนาดนี้หรอก…ผมลุกมองหน้าเด็กหญิงผมสั้นผิวขาวแววตากลมโตท่าทางฉลาดซุกซนไม่น้อยอย่างพินิจพิเคราะห์แต่ยิ่งดูก็ยิ่งไม่เข้าใจเพราะจำไม่ได้เลยว่าไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่และกับใคร?…
“เดี๋ยวๆๆๆ…ฉันงงไปหมดแล้ว…ทำไมฉันถึงเป็นพ่อหนูได้เล่า?”
“เอ๊~~…พ่อนี่พูดแปลก…จำลูกสาวตัวเองไม่ได้หรือไงเนี่ย?”
“เปล่า–…เอ้ยไม่ใช่!!…หนูคงจำคนผิดแล้ว…อย่ามาล้อกันเล่นน่า!!!”
“ไม่ผิด…พ่อบอลเป็นพ่อของหนู”
“เฮ้ย!!!…มั่วล่ะ”
“เปล่ามั่ว…มา!…หนูจะพาไปหาแม่และให้แม่เขกหัวพ่อสักที”
“หา?”
“ลุกเร็ว!!!”
“เดี๋ยวสิ~~”
…เด็กหญิงแปลกหน้าทั้งฉุดทั้งดึงให้ผมเดินตามเธอไป…ที่นี่คือสนามหน้าบ้านในโยนกอุดรไม่ผิดแน่เพราะมีต้นกฤษณาขึ้นอยู่…เฮ่ยๆๆ…แต่ต้นมันยังเล็กอยู่ไม่ใช่เรอะทำไมที่เห็นอยู่นี่ถึงได้สูงจนท่วมหัวผมแล้ว?…
“เด็กน้อยร่าเริงแรงดี…ตกลงจะพาฉันไปไหน?”
“ก็ไปหาแม่ไง”
“แม่หนูเป็นใคร?”
“โห~~…พ่อนี่ชักเอาใหญ่แล้ว!!…ลืมหนูคนเดียวไม่พอยังลืมแม่ด้วย…หนูจะฟ้องแม่คอยดูนะคอยดู!!!”
“เธอ…พูดเหมือนกับ…”
“เคอะ!!…แปลกจัง…หายไปไหนกันหมด?”
“นั่นสิ…ไม่มีใครเลย”
“แม่ออกไปเยี่ยมคุณทวดที่โยนกบูรพารึป่าว?”
“ทวด!?…หยุดก่อนๆ”
“พ่อบอลมี’ไรเหรอจ๊ะ?”
“ก่อนอื่น…ฉัน…อ่า–…พะ…พ่อขอถามหน่อยว่าหนูชื่ออะไร?”
“ก๊าด!!!!”
“จะแหกปากทำไมเนี่ย?”
“ใจร้าย–…ใจร้ายมาก!!!…ลืมชื่อหนูได้ยังง๊าย~~”
“อย่าเสียงดังสิ”
“ฮึ่มๆ…หนูรู้ว่าพ่อน่ะเจ้าชู้แต่นั่นก็ยังไม่แย่เท่าลืมชื่อลูกตัวเองนะจะบอกให้!!!”
“พ่อ…พ่อขอโทษ”
(จู่ก็จับพลัดจับผลูกลายเป็นพ่อคนและเรียกแทนตัวเองว่าพ่อนี่มันเขินจังวุ้ย!!!)
“เฮ้อ~~…นี่ถ้าแม่รู้เข้าล่ะเอาไม้เรียวตีพ่อแน่!!”
“ก็อย่าบอกสิจ๊ะ…น่าเด็กดี~~…ช่วยบอกชื่อหนูหน่อยนะ”
“…แย่มาก”
“นะๆๆ…เดี๋ยวพ่อพาไปซื้อหนม”
“จริงเรอะ?”
“จริงซี่!!…อยากได้อะไรพ่อจะซื้อให้”
“เฮๆ…ห๊ะ!?…พ่อ!!…พ่อคิดจะเอาขนมมาล่อหนูรึ?”
“เอ่อ–…ไม่…ไม่ใช่”
…ทำไงดี?…เด็กมันกำลังสงสัยแต่วัยนี้น่าจะยังเอาของกินมาล่อได้อยู่นะรึผมจะคาดเดาผิด?…ปัทโธ่!!!…ก็ผมเคยมีลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่ากอดขนาดนี้ซะที่ไหนกันเล่าแต่ครั้งนี้ต้องเอาใจกันไปก่อนไม่งั้นอาจถูกเขกหัว…อ้าวแล้วใครจะเขกหัวผมล่ะ?…
“พ่อนี่แย่จังเลย!…ลืมกระทั่งชื่อลูกตัวเองทั้งที่เป็นคนตั้งให้หนูแท้ๆ”
“แบบ…แบบว่ายังไงดี?…พะ…พ่องานยุ่งน่ะหนู…นะๆ…ช่วยบอกชื่อเล่นชื่อจริงของหนูให้…ให้พ่อฟังอีกทีนะ”
“แหม~~…งั้นหนูจะบอกแค่ครั้งเดียวอย่าลืมอีกล่ะ…หนูชื่อริน…ชื่อจริงหยาดวารินทร์…วิษณุมนตรี”
“หยาด…หยาดวารินทร์!!!!…นะ…นี่หนู…”
“แม่ยังชมเลยว่าพ่อตั้งชื่อลูกได้เพราะมากนะจ๊ะรู้มั้ย?”
“มะ…แม่ของหนูชื่อ…หยาดฝน”
“ใช่…ก็แม่ฝนไง…ไปจ้ะพ่อบอล…พารินไปซื้อขนมได้แล้ว…อุ๊ย!!…ต้นกล้วย”
“ทำไมหรือ?”
“ฮี่ๆๆ…เห็นแล้วชักคันตีน”
“?”
“พ่อคอยรินแป๊บนึง”
…เด็กหญิงรินเดินลงข้างทางไปยืนจดๆจ้องๆกับลูบคลำต้นกล้วยพลางถลกขากางเกงสองข้างขึ้น…ผมน่าจะเดาได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเธอละม้ายคล้ายฝนมากไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตานิสัยใจคอรวมทั้งลักษณะการพูดจา…หมายความว่าผมกับเธอมีลูกสาวด้วยกัน?…ไม่อยากจะเชื่อ!!!!…
“บาทา…มรณะ!!!”
“!!!!!!!!!”
“ว้า~~…ไม่ล้มอ่ะพ่อบอล!!!”
“ระ…ริน…นี่หนูใช้บาทามรณะเรอะ?”
“ค่ะ…แม่ฝนสอนรินเอง”
“ยะ…ยัยบ้านี่สอนอะไรให้เด็กวะ?…ขา!!…ขาลูกเป็นยังไงมั่งเจ็บตรงไหนมั้ย?”
“ไม่เลยจ้ะ…รินไม่เจ็บสักนิดเลยแต่น่าเสียดายจัง…เตะออกไปตั้งสี่ครั้งนึกว่าจะล้มซะอีก”
“สี่ครั้ง!!!…แค่ชั่วพริบตาเนี่ยหรือ?…พ่อมองไม่ทันเลย”
“ฮื่อ~~…รู้งี้เตะให้ครบแปดทีดีกว่า”
“พะ…พอเถอะลูก…ช่างมันเถอะ…พ่อจะพารินไปซื้อขนมอร่อยๆ”
“เย้ขนม!!”
…พอได้ยินรินก็รีบวิ่งตื้อมาจับมือผมด้วยความดีอกดีใจจนลืมต้นกล้วยนั่นเสียสนิท…เด็กผู้หญิงตัวแค่นี้แต่เรียนรู้ท่าเตะบาทามรณะอันร้ายกาจได้…ผมสมควรจะชมใครระหว่างแม่หรือลูกสาวรบกวนใครช่วยตัดสินที?…
“พ่อบอกว่างานยุ่งแต่ก็ยังจะมาซื้อขนมให้…รินรักพ่อที่สุดในโลกเล้ย!!”
“จ้ะพ่อก็รักลูกมาก…เอ่อ–…พ่ออยากถามอะไรหน่อย”
“อะไรเหรอ?”
“รู้จัก…สุริยะโลหิตมั้ย?”
“สุ…โลหิ”
“อื้อ!”
“…แบบนี้”
“หือ?”
“ใช่หรือเปล่าจ๊ะ?”
“เฮ้ย!?”
“อ๋า!!!…พ่ออย่าไปบอกแม่ฝนเชียวนะเพราะรินถูกห้ามไม่ให้ทำต่อหน้าคนอื่น”
“แต่…แต่นี่พ่อ”
“พ่อก็ไม่เว้นอ่ะ!”
“มันทำง่ายขนาดนี้เชียวเรอะ?…งง…อุ๊บ!?…อู้~~”
“ริน!…มาเล่นซนอยู่นี่เอง”
“แม่ฝนจ๋า!!”
(ทะ…ทำไมเสียงไม่ออก?…เหมือนกับมีใครเอามือมาอุดปากและไหงหนูรินถึงไม่รู้สึกตัวแต่กลับเดินห่างออกไปเรื่อยๆ!!!…ราวกับ…ราวกับว่าเราได้อันตรธานหายไปเฉยๆอย่างไร้ตัวตน)
“แน่ะ!…ตาแดงๆ…ลูกรินใช้สุริยะโลหิตใช่มั้ยเอ่ย?”
“เออะ!!…หนู…หนูเปล่าสักหน่อย”
(ฝน…ผู้หญิงที่หันหลังให้เราคือฝน!?…งั้นเธอก็เป็นแม่ของหนูริน…แต่…แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ยินและมองไม่เห็นเราล่ะทั้งที่เมื่อกี้ยังกุมมือกันอยู่เลย?)
“เห็นๆกันอยู่ยังจะบอกว่าเปล่า?…รู้จักเชื่อฟังแม่ซะมั่งสิ…ปีนี้รินอายุ 7 ขวบจะขึ้นชั้นป.1 แล้วนะ”
(7 ขวบ!!!!…นี่ตกลงมันวันเดือนปีอะไรกัน?)
“เนะแม่ฝนจ๊ะ…เมื่อกี้พ่อบอลบอกจะซื้อขนมให้รินด้วยล่ะเอ้อ!!”
“เห–…พ่อเขาลงไปติดต่องานที่กรุงเทพฯแล้วจะมาที่นี่ได้ยังไงเล่า?”
“จริงๆนา–”
“ฮะๆๆ…เรานี่ชักไปกันใหญ่ละกว่าพ่อจะกลับมาก็มะรืนโน่น!!…ไป…กลับบ้านเถอะจ้ะเดี๋ยวกับข้าวที่แม่ทำจะเย็นหมด”
“ค่า!!”
(อย่าเพิ่งไป!!!…ริน–…ฝน–…ฉัน…พ่อ…พ่ออยู่ตรงนี้!!!!)
“พอได้แล้ว!!”
“!?”)
“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน!!!!”
“……………………………………..”
“นะ…นี่เราฝันไปเหรอ?”
“แล้วฝันดีหรือร้ายล่ะ?”
“พี่แคท!!!”
“หยุด!!…ยังคิดจะหนีไปที่ไหนอีก?”
…ใครหยุดก็โง่แล้ว!!!…ผมขึ้นมาเดินเล่นบนเขาก่อนแวะนั่งพักขาในกระท่อมและเผลอหลับไปจนกระทั่งฝันแปลกๆถึงเด็กหญิงในความฝันชื่อ “หยาดวารินทร์ วิษณุมนตรี” ซึ่งจะว่าดีหรือร้ายนั้นยังไม่รู้แต่คุณ “ป้า” สุรีย์พรรณในโลกความจริงนี่คือหายนะชัดๆ!!!!…ไม่รู้เจ้าหล่อนมานั่งไขว่ห้างตรงปลายแคร่ไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?…
“รู้ตัวสิว่าผิดถึงไม่กล้าสู้หน้าฉัน”
“พี่รู้ความจริงแล้ว?”
“เป็นไข้อีท่าไหนกันเดินขาขัดขาถ่างและแค่เห็นแววตาที่เด็กคนนั้นมองเธอฉันก็รู้อะไรเป็นอะไร…เธอคิดว่าฉันโง่มากนักเรอะ?”
“………………………………………..”
“มันถึงเวลาที่พี่จะเอาเลือดหัวเธอออกซะที…อย่าหนีนะ!!”
(อยู่ก็ตายสิโว้ย!!!)
“ฉันบอกให้หยุด!”
“ไม่!!”
“ก็บอกให้หยุดไงเล่า!!!”
“ฮึ๊ย~~”
“จะหนีไปไหนพ้น?”
…ใครจะอยู่ให้โดนกระทืบ?…ดูสิดู!?…ขนาดผมโดดออกทางหน้าต่างด้วยความตกใจแม่คุณก็ยังอุตส่าห์กระโดดตามออกมาแล้วกำหมัดขวาแขนแนบลำตัวพลางวิ่งไล่กวดผมอย่างไม่ลดละ!!!…
“จับได้เละแน่!!!”
“ช่วย…ช่วยฟังผมก่อนได้มั้ย?”
“ไม่ฟัง!!”
“โธ่~~”
“บังอาจเจาะไข่แดงน้องสาวฉันแล้วยังจะมาแก้ตัวอะไร?”
“นะ…นั่นเป็นความ…ยินยอมพร้อมใจนะครับ!!”
“ไปน้ำขุ่นๆ!!!”
“ฮะเฮ้ย!?…ว้าก!!”
“หลบเหรอ?”
“ฮึ๊ย~~…ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!”
(เกือบถูกพี่แคทคว้าคอเสื้อได้เพราะวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือจะไปเข้าทางตันเลยจำต้องหันกลับออกมาและหวุดหวิดโดนกำปั้นตั๊นหน้า…โอ๊ะนั่นทางลงไปโยนกทักษิณ!!!…พอจะมีหนทางรอดแล้วเรา~~)
“จะไปทางนั้นแน่ใจหรือ?”
“หา?”
“คงไม่รู้สิว่ามีอะไรรออยู่ข้างล่าง?…นั่นน่ะถึงตายนะจะบอกให้”
“อย่ามาขู่ผมเลย!!!…ทางพี่ก็จะฆ่าผมตายเหมือนกันแหละ”
“………………………………………”
“………………………………………”
“………………………………………”
“?”
…ผมกัดฟันวิ่งลงมาตามทางลูกรังที่ลัดเลาะเขามิหวนกลับจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาจึงค่อยๆหยุด…ให้ตายสิเหนื่อยเป็นบ้าเลย!!!…วิ่งธรรมดายังพอทำเนาแต่นี่คือวิ่ง “หนีตาย” เพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือยมทูตสาวจึงใช้พลังงานมากกว่าปกติ…
“เลิก…เลิกตามแล้วเหรอ?”
“โอ๊ย!!!”
“พี่แคท!?”
“…………………………………….”
“พี่…พี่เป็นอะไรครับ?”
“ปวด…ปวดท้อง~~”
“ที่โดนอ๋อมกระโดดถีบสิเนี่ย…ทะ…ทำไงดี?”
“ระ…รีบพาฉันไปที่บ้าน”
“ที่บ้าน?”
“ต้อง…ไปเอายาทา”
“ผมพาพี่ไปที่กระท่อมดีกว่าแล้วจะลงไปเอายาที่บ้านขึ้นมาทาให้”
“…ก็ดี”
(ท่าทางพี่แคทจะปวดไม่ใช่น้อยงั้นก็คงทำอะไรเราไม่ได้และอีกอย่างจะปล่อยเจ้าหล่อนให้อยู่ตรงนี้เราก็ใจดำทำไม่ลงหรอก)
“ขี่หลังผมดีกว่า…เกาะหลังเลยครับ”
“……………………………………..”
“อึ๊บ!!!”
“อูย!!”
“ห๊ะ!!…พี่เป็นอะไร?”
“หลัง…หลังเธอโดนท้องฉัน~~”
“แล้วจะทำยังไง?…อ่างั้น–…ผมขออนุญาตอุ้มพี่ไปล่ะกัน”
“………………………………………”
“โอ๊วววว~~…หนักฉิบ!”
“เสียมารยาท!!!”
“โอ๊ยๆๆ…นี่ไม่ใช่เวลามาทุบผมนะ!!”
“พี่หนักตรงไหนยะ?…แค่ 50 กิโลเอง”
“โห~~…แค่ 50 อะไร?…ผมว่าตั้ง 50 มากกว่า”
“ขืนพูดมากเดี๋ยวจะตบปากให้…รีบไป!!”
…ผมช้อนอุ้มพี่แคทในท่าอุ้มเจ้าหญิงเดินกลับขึ้นไปบนยอดเขา…แม้ทางจะไม่มีความลาดชันมากแต่วิ่งลงมาไกลเอาการแล้วยังต้องอุ้มคนด้วย…งานนี้เรียกว่ามีแรงเหลือเท่าไหร่ต้องใส่ให้หมดละแต่ความจริงที่พี่แคทหนัก 50 กิโลกรัมน่ะจะไม่มีปัญหาหรอกถ้าไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้…
“……………………………………..”
“เหนื่อยหรือไง?”
“อย่า…อย่าชวนคุย…เกิดผมหน้ามืดหงายหลังตกลงไปทั้งคู่ไม่รู้ด้วยนะ”
“หึ!”
“อูย!!…ปวดแขนปวดไหล่…เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย?”
“ก็ใครใช้ให้หนีเล่า?”
“ไม่หนีพี่ก็ซัดผมตายน่ะเซ่~~”
“นั่นเพราะเธอทำผิด”
“พี่แคทน่าจะรู้นิสัยฝนดีกว่าใคร”
“เธอก็เหมือนกัน”
…แทบตายเลยผม!!…พอเดินถึงหน้ากระท่อมผมก็ประคองให้พี่แคทยืนเองก่อนจะพาไปเข้านั่งที่แคร่…นี่งานยังไม่เสร็จนะ…ผมต้องลงไปเอายาทาแก้ปวดช้ำที่บ้านแล้วกลับขึ้นมาอีก…บันไดร้อยขั้นขึ้นลงก็สองร้อย…น้องๆวิ่งมาราธอนเชียวละคุณเอ้ย!!!…
“ความจริงน่าจะลงไปไหวนะ”
“ไม่!!…พี่จะอยู่ที่นี่…อย่ามัวพูดมากรีบไปเอายามา”
“พอหายพี่ก็ยังจะต่อยผมอยู่ดีแหละ”
“ก็ไม่แน่หรอก…พี่ชักเบื่อไม่อยากจะออกแรงแล้ว”
(ควรเชื่อได้มั้ยนี่ทั้งที่เมื่อครู่ยังไล่ล่าเราจะเป็นจะตายอยู่เลย?)
“นี่อาจเป็นโอกาสที่เธอจะทำความดีลดโทษหนักกลายเป็นเบา…ไปซะก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
“…………………………………….”
“เร็วๆล่ะ…ฉันยังไม่หายปวดท้องเลย”
…พี่แคทยิ้มมุมปากก่อนจะเอนตัวนอนตะแคงหันหลังให้…เธอน่าจะปวดจริงๆเพราะเอามือกุมท้องตลอดเวลา…น้อยครั้งที่จะเห็นญาติสาวผู้พี่คนเก่งโดนเล่นหนักขนาดนี้…แน่มากยัยอ๋อม…
“เจอคุณสุรีย์พรรณหรือเปล่าเจ้าคะ?”
“อืม–…ฉันมาเอายาทาแก้ปวด…พี่แคทปวดท้องน่ะ”
“ดีจะไปหยิบมาให้เจ้าค่ะ”
“ซี…ฝนล่ะ?”
“ยังหลับอยู่เจ้าค่ะ”
“อ๋อมนี่ยอดจริงๆ…ฉันมีลูกพี่ลูกน้องที่ต่อสู้เก่งทั้งนั้นเลย”
“แต่คุณเอกคเชนทร์ยังมิได้พบกับคุณสุริยาวรรณสินะเจ้าคะ?”
“ยัง…ใครเหรอ?”
“บุตรของคุณอรศินีย์เจ้าค่ะมีอาวุโสเป็นอันดับที่สามรองจากคุณศรเพทายแลคุณสุรีย์พรรณ…เขาเชี่ยวชาญการใช้ดาบอย่างหาตัวจับได้ยากยิ่ง…ฮิๆ…ที่สำคัญสูงเพรียวเท่สมารท์อีกด้วยเจ้าค่ะ”
(สูงเพรียวเท่สมารท์…งั้นก็เป็นผู้ชายน่ะสิ?)
“อือ–…ใช้ดาบซามูไร…ก็เหมือนพี่แคท?”
“หากเป็นเรื่องการใช้ดาบคุณสุริยาวรรณเก่งกว่าคุณสุรีย์พรรณมากเจ้าค่ะ…พูดง่ายๆคือมืออาชีพกับมือสมัครเล่น”
“โอ้โห!?”
“ยาเจ้าค่ะ”
“ขอบใจนะ”
…ในที่สุดผมก็มี “พี่ชาย” คนหนึ่งไม่ใช่มีแต่พี่สาวน้องสาวเท่านั้น…รู้สึกดีใจระคนโล่งอกเพราะอย่างน้อยผมก็จะไม่ “หัวเดียวกระเทียมลีบ” อีกแล้วน่ะนะ…พี่สุริยาวรรณนี่จะเป็นคนแบบไหนนะอยากเจอเร็วๆจังจะได้ทำความรู้จักกัน…
“มาช้าจริง”
“โอ้โฮ้!!!…อุ้มพี่ขึ้นเขา…เดินขึ้นลงบันไดสองร้อยกว่าขั้น…ผมไม่ใช่คนเหล็กนะ!!”
“…ส่งมา”
“อ่ะ…เหนื่อยชะมัดยาด…รีบๆทาสิครับ”
“ไม่ต้องมาสั่งฉัน!!”
“ที่บอกให้รีบนี่คือผมก็ปวดแข้งปวดขาจนทนไม่ไหวแล้ว…ทาเสร็จก็ขอผมมั่ง…เออพี่แคท”
“?”
“พี่สุริยาวรรณเป็นคนยังไงครับ?”
“อยากรู้จริงรึ?”
“ก็แน่สิครับ…วันนี้ผมจะไปค้างบ้านเขาก็ควรต้องรู้จักไว้มั่ง”
“น้องเอ้นั้น…เขาเป็น…”
“………………………………………….”
“สุภาพชนที่ตรงกันข้ามกับเธอโดยสิ้นเชิง!!!”
“เฮ้ย!?”
“มานี่!!”
…หญิงสาวผมยาวที่นอนตะแคงกุมท้องจู่ๆก็ลุกพรวดตรงเข้ามาจับตัวผมแล้วกดให้นอนลงบนแคร่โดยไม่มีอาการปวดท้องอะไรสักนิด!?…นี่อย่าบอกนะว่าพี่แคทแสร้งทำเป็นเจ็บเพื่อเข้าใกล้ผมน่ะ?…
“กะ…แกล้งหลอกผมใช่มั้ย?”
“ปวดแค่นี้ไม่ทำให้พี่นอนตัวงอทั้งวันหรอกน่า–…พี่หายเจ็บตั้งแต่บอลให้ขี่หลังแล้ว”
“หนอยแน่ะ!!!…ปล่อย~~”
“อย่าขัดขืน!!…นอนลงไปเฉยๆไม่งั้นเจ็บแน่”
“ฮึ่ม!!…ต้มกันซะเปื่อยเลยนะ–”
“ที่ทำไปนั่นก็เพื่อตัดกำลังเธอไงและทีนี้…เธอที่หมดแรงก็หนีฉันไม่ได้อีกแล้ว”
“นะ…ไหนบอกว่าจะไม่ทำร้ายผม?…โกหกทั้งเพ!!…ได้~~…จะเอายังไงกับผมก็ว่ามา!!!”
“เรามาคุยกันดีๆก่อนและหากพูดกันไม่รู้เรื่อง…เธอจะโดนตอนนั้นนั่นแหละ”
…ญาติสาวผู้พี่คนนี้ร้ายนัก!!!…แกล้งปวดท้องให้ผมย้อนกลับมาและยอมให้อุ้มพาเธอไปนอนพักที่กระท่อมอีกทั้งยังสั่งให้ลงไปเอายาที่บ้านซึ่งทั้งหมดก็เพื่อให้แน่ใจว่าผมจะหมดแรงวิ่งหนีไม่ได้อีก…นับว่าพี่แคทรู้จุดอ่อนของผมที่เป็นคนขี้สงสารต่อเพศตรงข้าม…ช่างน่าโมโหตัวเองเหลือเกินที่ดันหลงกลตื้นๆแบบนี้!!!!…
“อันดับแรก…บอกสิ่งที่เธอรู้มาทั้งหมด…พี่มั่นใจว่าฝนจะต้องบอกเธอแน่”
“แล้วผมจะรู้อะไรล่ะครับ?”
“ก็แผนที่หลอกต้มพี่กับทุกคนจนเปื่อยเข้าไปถึงกระดูกไง!!!”
(พูดยังกะตัวเองเป็นต้มกระดูกหมู!?)
“…คายออกมาซะดีๆ”
…………………………………………………………………………………………………………………

“เย็นนี้พี่อ๋อมจะทำอะไรให้พี่ชายกินมั่ง?”
“ก็เมนูเห็ดป่าที่พี่ภูมิใจ…เห็ดเสียบไม้ปิ้ง,ต้มยำเห็ดและเห็ดลวกจิ้ม…บอลจะต้องชอบแน่ๆ”
“อยากให้ถึงเวลาเร็วๆจัง…ฮุ!?…แม่มา!!”
“…เฉยๆไว้”
“เอ–…รู้สึกฟืนจะหมด…ป้อมไปช่วยพี่ขนซิ”
“ค่ะพี่”
“อ๊า~~…จะหนีไปไหนๆ”
“ฉัน…จะหนีแม่ทำไมล่ะ?”
“เพราะกลัวจะโดนดุน่ะซี่!”
“แม่พูดอะไรหนูไม่รู้เรื่อง”
“ลูกป้อม…แน่ใจนะ?”
“…คือ”
“จะบอกมาดีๆหรือรอให้แม่รู้เอาเอง?…ถ้าอย่างหลังแม่จะลงโทษและไม่ช่วยเหลืออะไรให้ด้วย”
“พี่อ๋อม…ที่เราพลาดน่ะหนูว่าบอกแม่เถอะ”
“บ้า!!…จะให้บอกว่าโดนตัดหน้าไปก่อนงั้นเรอะ?”
“ชะ…ชิงตัดหน้า!?…นี่ตกลงมันเป็นจริงรึเนี่ย?”
“ก็…”
“นะ…น่าเจ็บใจนัก!!!…ฮึ๊ย~~…ลูกอ๋อม!!”
“อย่ามองตาเขียวแบบนั้นสิโธ้~~…จะไปยากอะไรแค่ตีเสมอซะก็สิ้นเรื่อง”
“ตีเสมอ?…พี่หมายความว่า…”
“พวกเราจะตีตื้นหยาดฝนก็ต่อเมื่อได้มีอะไรกับบอลแล้ว…ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่มนั่นคือโอกาสทอง”
“แต่มันไม่ง่ายนะ…ลูกจะทำยังไง?”
“งานนี้แม่ต้องช่วยพวกเราไม่งั้นไม่สำเร็จแน่”
“มีแผนอะไร?”
“คืองี้…”
“…………………………………….”
“…………………………………….”
“ได้!…แม่จะทำตามที่ลูกอ๋อมบอก…ครั้งนี้ต้องเอาคืนซะมั่ง…หนอย!!…น้าเรานี่ทำแสบจริงๆ”
“ถึงตอนนั้นพี่ฝนรู้เข้าคงเต้นเป็นลิงชัวร์”
“หึ!!…ก็ใครใช้ให้มันเล่นขี้โกงก่อนเล่า?”
“ตื่นเต้นจังเลย~~…คืนนี้แล้วสินะที่หนูกับพี่ชายจะได้…ว้ายเขินอ่ะ!!!”
“เก็บอาการหน่อย–”
“พี่อ๋อมก็หน้าแดงเหมือนกันนิ?”
“ปละ…เปล่านะ!!!”
“ฮิๆๆๆ…เห็นอยู่ทนโท่…เนอะแม่?”
“ทั้งคู่อย่าเพิ่งดีใจกันไปเลย…นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอะไรสักอย่าง”
“……………………………………..”
…………………………………………………………………………………………………………………….

“ท่านพี่ศรมรกตกับหลานป้อมมิได้มาด้วยกันหรือ?”
“อ๋อ!!…มีธุระด่วนน่ะ”
“น้ารู้มาว่าหลานอ๋อมจะทำอาหารให้หลานเอกคเชนทร์ทานบนยอดเขา”
“ใช่…พอใกล้สี่ทุ่มฉันก็จะพาบอลมาส่ง…ว่าแต่น้านีย์…ฉันเห็นเจ้าเอ้สั่งคนรับใช้ออกไปซื้อของกลับมาเยอะแยะเลย”
“ก็เพื่อต้อนรับหลานเอกคเชนทร์อย่างไรเล่า”
“หวังว่าเจ้าบ้านั่นคงจะไม่คิดทำอะไรแผลงๆนะ?”
“แผลงๆที่ว่านี่คืออะไร?”
“จะไปรู้เรอะแต่ถ้าบอลเจอเรื่องยุ่งยากใจรับรองพวกฉันไม่อยู่เฉยแน่!!”
“อย่าได้กังวลเกินเหตุไปเลย…น้ากับลูกเอ้ให้สัญญาว่าหลานเอกคเชนทร์จะได้รับความสะดวกสบายที่สุด”
“………………………………………..”
“แววตานั่นราวกับจะมิเชื่อใจน้า…แย่จัง”
“เฮ้ยพอๆ!!…เลิกใช้วิธีแกล้งบ่อน้ำตาตื้นซะทีฉันไม่หลงกลซ้ำซากหรอกนะจะบอก…อึ๊!!!”
“หาได้เป็นอย่างนั้นดอกจ้ะหลานรักผู้อ่อนหัด”
“ยัยน้าบ้าคลายจุดให้ฉันเดี๋ยวนี้!!…เล่นทีเผลออีกแล้วนะปัทโธ่โว้ย~~”
“…ตอบมาซิ”
“อะไรเล่า?”
“ว่าจะยอมรับโทษที่ฝ่าฝืนคำสั่งของน้าหรือไม่?”
“ป่านนี้ไม่ต้องมัวพูดมากอีกแล้ว!!”
“เช่นนั้นก็…”
“อุ!!”
“น้าจะรอให้หลานทั้งสี่มาพร้อมหน้ากันวันพรุ่งนี้”
“เล่นทีเผลอสกัดจุดคนอื่นแล้วก็คลายให้เฉยๆ…ไม่สมกับเป็นอดีตมือสังหารในโลกมืดที่ทำงานสำเร็จทุกครั้งแต่ไม่เคยรับค่าตอบแทนสักแดงเดียวโดยถือว่าเป็นการกวาดล้างความชั่ว”
“…นั่นมันผ่านมานานมากแล้ว…มิควรค่าแก่การกล่าวถึง”
“เฮ่ๆๆ…ฉันชื่นชมทัศนคติของน้ามากนะ…ไม่รับจ้างฆ่าคนดีมีคุณธรรมและเผลอๆคนที่มาจ้างจะโดนซะเองด้วยเพราะใครที่อยากให้คนดีๆตายย่อมต้องเป็นคนเลว”
“หลานอ๋อมอย่าได้มาชื่นชมทัศนคติหรืออะไรเพราะน้าเป็นเพียงฆาตกรมิใช่ผู้ผดุงความยุติธรรม”
“แต่คนที่น้าฆ่าไปทั้งหมดน่ะคือคนชั่วคนเลว…พวกนี้ตายๆไปซะแผ่นดินมีแต่จะสูงขึ้นชาวบ้านก็สรรเสริญ”
“สรรเสริญ…เด็กน้อยอย่างเธอจะเข้าใจอะไรอย่างนั้นหรือ?…การฆ่าคืออาชญากรรมแลเป็นตราบาปที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต…ครั้งหน้าจงอย่าได้กล่าววาจาเช่นนี้ออกมามิว่าจะอยู่ต่อหน้าน้าหรือใครคนอื่น”
“โธ่!…ฉันน่ะคิดมานานแล้วว่าการกระทำของน้ามันก็ขัดแย้งในตัวเองอยู่”
“?”
“น้าไม่ชอบให้ใครมาล่วงรู้อดีตแต่ทำไมถึงสอนวิชาให้พวกเราล่ะ?…อัญเชิญยมทูตกับบาทามรณะที่แรกเริ่มเป็นแค่ท่าต่อยเตะธรรมดาแต่น้าคือคนที่คิดค้นดัดแปลงจนมันกลายเป็นกระบวนท่าอันน่ากลัวและไหนจะดาบเขี้ยวพยัคฆ์ที่ปล่อยให้ฉันเรียนรู้ฝึกฝนจนสำเร็จซึ่งน้าก็รู้ดีที่สุดว่ามันสามารถทำร้ายคนถึงแก่ชีวิตได้…นี่ยังไม่รวมวิชาซัดเข็มของป้อมนะ”
“…น้าก็แค่…เสียดายพรสวรรค์ของพวกเธอเท่านั้น”
“โฮ่!?”
“ทว่าน้ามิต้องการให้หลานๆทุกคนเข้าสู่เส้นทางมือเปื้อนเลือดแลหากเป็นไปได้ก็มิสมควรจะเจริญรอยตาม”
“…น้าจะไม่บอกบอลสินะ?”
“ต่อไปนี้จะหาได้มีคำว่ามือสังหารหลุดออกมาอีกไม่…ใครที่ฝ่าฝืนคำสั่งก็จงรอรับผลที่จะตามมาให้ดีเถิด…น้าต้องการจะเป็นแม่ที่อบอุ่นของลูกแลเป็นน้าหรืออาที่ดีของหลานๆมิใช่มือสังหารเลือดเย็น”
“หึ!…ถึงจะวางมือมานานแต่ฉันว่าสัญชาตญาณนักฆ่าของน้ายังเต็มเปี่ยมอยู่เพราะมันปรากฏอยู่บนใบหน้าชัดเจนมากเลย”
“…ล้ำเส้นอีกแล้ว…นางพญาเสือตัวจ้อย”
“ฉะ…ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน…ไปก่อนล่ะ…อ้อ!!…ต่อให้น้าเป็นมือสังหารหรือโฉดชั่วเลวทรามมากแค่ไหนก็ช่างฉันไม่สนเพราะน้าคือฮีโร่ของฉัน”
“………………………………………..”
“ท่านแม่…กระผมสั่งให้ทุกคนเตรียมทุกอย่างพร้อมเกือบหมดแล้วขอรับ?
“แล้วแม่ต้องทำเช่นไรบ้าง?”
“ความจริงท่านแม่อยู่เฉยๆก็ได้นะขอรับ”
“มิเป็นไรดอก…ดูท่าทางน่าสนุกดีแลแม่ก็อยากเห็นด้วยตาตนเองเช่นกันว่าหลานชายคนนี้จะเป็นดังที่เขาร่ำลือกันจริงหรือไม่?…นิดช่วยไปตามหลานเอกคเชนทร์ให้มาที่โยนกประจิมที”
“เจ้าค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………………

“นี่แหละครับแผนของฝนที่ผมรู้”
“…………………………………..”
“พี่แคท”
“…ก็ไม่ห่างไกลจากที่ฉันคิดไว้เท่าไหร่…นี่!!!…ฉันสั่งให้เธอไปได้แล้วงั้นเรอะ?”
“อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ…ผมรู้ว่ามันผิดแต่ฝน…ไม่!!…ถ้าผิดก็ขอให้เป็นผมคนเดียวเถอะ”
“ไม่ต้องพูดให้ดูดีเลยผิดทั้งคู่นั่นแหละ!!…ไม่มีสมองทำอะไรตามใจตัวเอง…หวังแค่ผลตรงหน้าไม่คำนึงถึงระยะยาว…แย่ที่สุด!!!”
…พี่แคทตำหนิผมอย่างรุนแรงเป็นชุดๆขณะที่ก็กำหมัดแน่นจนแขนสั่น…เชื่อว่าเธอคงพยายามอดกลั้นอารมณ์เต็มที่ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากำลังโกรธใครบ้าง?…ผม,ฝน,อานิภาหรืออาจจะพลอยโกรธตัวเองด้วยที่พลาดเสียรู้…
“ไหนๆเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว…ดุด่าไปก็ไร้ประโยชน์…บอลจะทำยังไงต่อไป?”
“ในฐานะผู้ชาย…ผมขอแสดงความรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ…ทั้งที่มีคนรักอยู่แล้วเนี่ยนะ?”
“แล้วจะให้ทำยังไงได้ครับ?…ถ้าผมไม่ยืดอกรับผิดพี่ก็คงจะฆ่าผม”
“…ฉันยังไม่เลือดเย็นเท่าน้องม่อน”
“หา!!!”
(อย่าบอกว่าพี่ม่อนเคย…)
“แค่เปรียบเทียบเฉยๆ”
(ตกลงเอาไงแน่?)
“แต่หากสมมติว่าเธอไปล่วงเกินพี่เซคหรือคุณป้าอันนี้ก็แน่นอนที่สุดเลยว่าน้องม่อนจะฆ่าเธอทันทีโดยไม่รับฟังหรือพูดคุยใดๆทั้งสิ้น”
“พี่…คงจะขู่ผมเล่นๆใช่มั้ย?”
“ไม่ได้ขู่!!…อดีตมันเคยเกิดขึ้นแล้ว…ศัตรูถูกตัดลิ้นและเส้นเอ็นข้อมือแขนขาเท้า…ทรมานยิ่งกว่าตายซะอีก”
“เขา…เขาทำอะไร?”
“…วางแผนจับคุณป้าไปเรียกค่าไถ่แต่ลงมือไม่สำเร็จ”
“ขนาดไม่สำเร็จยังโดน…”
(พูดไม่ออก…แล้วแบบนี้เราจะเหลือสภาพเรอะ?)
“เอ้าว่าไง?…มีคนรักแล้วแต่ยังมายุ่งกับฝน…จะรับผิดชอบด้วยการเพิ่มเมียมาอยู่ด้วยอีกคนงั้นรึ?”
“ผม…”
“?”
“ผม…ผมปฏิเสธไมตรีที่ฝนยื่นมาให้ไม่ได้”
“แล้วจะเอาน้องสาวของฉันไปไว้ที่ไหนแล้วพี่กุนกับสา?…เธอจะทำยังไง?”
“ก็บอกแล้วว่าผมบอกปัดไม่ได้!!…ต่อให้ย้อนเวลากลับไปผมก็จะทำแบบเดิม”
“ฟังไว้ให้ดีนะบอล…พี่ไม่มีทางยอมให้ฝนต้องไปกินน้ำใต้ศอกใครหรือเป็นได้แค่ของว่างชั่วครั้งชั่วคราวเด็ดขาด!!!!”
“นี่พี่หมายความว่า…จะให้ผมเลิกกับกุนและสา?”
“บอลจะต้องไปสารภาพความจริงทั้งหมด”
“แบบนั้นกุนกับสาก็อาจทนไม่ได้…ไม่สิ…ต้องรับไม่ได้แน่ๆครับ!!!…เลิก…เลิกกันล้านเปอร์เซ็นต์”
“……………………………………….”
“……………………………………….”
…พี่แคทสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักและก็พูดออกมาซึ่งผมได้ยินถึงกับอ้าปากตาค้างเพราะคาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดเช่นนี้ได้แต่ผมเชื่อว่าเจ้าหล่อนก็คงตัดสินใจด้วยความยากลำบากมากเช่นกัน…
“พี่จะไม่ยุ่งให้ลำบากใจตัวเองเลยถ้ามันไม่เกี่ยวกับน้องสาวแท้ๆแต่…ใน…ในเมื่อมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้…จงเลือกเถอะ”
“เลือก?”
“ถ้าบอลเลือกพี่กุนกับสาก็จะต้องตัดความสัมพันธ์กับฝนอย่างเด็ดขาด…เลิกยุ่งเกี่ยวกันซะและห้ามข้องแวะใดๆอีก”
(แต่เราว่าฝนไม่ยอมแน่นอน!!!!)
“แต่หากบอลเลือกจะอยู่เคียงข้างฝนก็ต้องบอกเลิกกับพี่กุนและสาเพียงสถานเดียว”
“พี่แคท!!!…พี่เคารพกุนมากไม่ใช่หรอกเหรอ?”
“…แม้จะเคารพรักมากแต่ยังไงฉันก็ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับน้องสาวร่วมสายเลือดยิ่งกว่า…อีกอย่างฉันบอกชัดเจนแล้วใช่มั้ยว่าฝนจะไปเป็นเมียน้อยหรือเป็นแค่ของเล่นของใครไม่ได้เพราะนั่นคือความสุขที่น้องสาวคนสำคัญของฉันสมควรได้รับ?”
“……………………………………….”
“นี่ก็คือเหตุผลที่พี่เปลี่ยนใจไม่ลงมือทั้งที่อยากกระทืบเธอจมดินเพื่อให้สาสมกับความแค้น…ฮึ!!…พี่มีเรื่องพูดเพียงเท่านี้”
…พี่แคทพูดจบก็ปาหลอดยาทาแก้ปวดใส่ผมแล้วเดินออกจากกระท่อมด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว…ญาติสาวผู้พี่ต้องการให้ผมเลือกระหว่างกุนกับสาและฝน…หนทางนี้ไม่มีวิธีแก้ไขแล้วจริงน่ะหรือ?…ไม่น่า–…มันต้องมีช่องเหลือให้หายใจบ้างเซ่!!!…ผมตามออกมาข้างนอกก็เห็นหนูนิดยืนคุยกับพี่แคทอยู่และจากนั้นเธอเดินมาหาพลางก้มหัวให้อย่างนอบน้อม…
“นายหญิงอรศินีย์ขอเชิญคุณเอกคเชนทร์ไปที่หมู่บ้านโยนกประจิมเจ้าค่ะ”
“ผมน่ะเหรอ?”
“…ฉันจะไปด้วยล่ะกัน…อยากเจอเอ้พอดี…มีแต่เขาเท่านั้นที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจไม่โมโหจนอยากชกหน้าใครบางคน”
………………………………………………………………………………………………………………………………..

“น้องสาวฉันเป็นคนฉลาดแท้ๆแต่ก็ยังหลงเชื่อลมปากกับคารมของเธอ…ความรักนี่มันเปลี่ยนคนได้จริงๆ”
“………………………………………”
“พี่อยากจะฆ่าเธอให้ตายวันละพันๆครั้ง…น่าจะปล่อยให้ลูกเหล็กมันฝังเข้าไปกระโหลกซะให้รู้แล้วรู้รอด…ไม่ควรช่วยเลย!!!”
“นี่ใจจริงพี่แคทจะปล่อยให้ผมตายงั้นเรอะ?”
“แล้วฉันปล่อยรึ?”
“ก็…ไม่”
“ฮึ!!”
…นอกจากจะค่อนขอดแล้วระหว่างทางที่เดินไปโยนกประจิมพี่แคทก็คอยชำเลืองมองผมพลางกำหมัดทั้งสองข้างแน่น…หญิงสาวอดกลั้นอารมณ์เต็มกลั่นจนคิ้วกระตุกกับขบฟัน…ผมชักอยากจะมีกระบวนท่าไว้ต้านรับหมัดยมทูตอย่างอ๋อมเมื่อสักครู่ใหญ่นี้เหลือเกินละ!!!…
(ก็ว่าไปนั่น…เรามันไร้พรสวรรค์สิ้นดี)
“…ฉันจะกล้ามองหน้าพี่กุนกับน้องสาได้ยังไง?”
“งั้นก็อย่าเพิ่งบอกได้มั้ยครับ?”
“ได้!!…พี่จะน็อคเธอกลางอากาศซะตรงนี้และเดี๋ยวนี้เลย!!!”
“………………………………………”
“คนที่ลำบากใจไม่ใช่เฉพาะบอลแต่เป็นเราทั้งหมด”
“…ผมรู้”
“ฝนกับสาเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วจู่ๆก็มารู้ความจริงว่ามีแฟนคนเดียวกัน…ความรู้สึกมันจะเลวร้ายมากขนาดไหนแล้วยังมีญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอีก?…เสียผู้เสียคนมองหน้าไม่ติดกันหมดก็คราวนี้แหละให้ตายสิ!!!”
“พี่เบาๆหน่อยเดี๋ยวน้องนิดได้ยิน”
“ทีงี้ทำเป็นอายกลัวใครจะรู้…หมั่นไส้นัก!!”
“ไม่ใช่–…แค่ไม่อยากกะโตกกะตากไป”
…และแล้วอีกชั่วอึดใจเราสามคนก็เดินมาถึงริมบึงน้ำขนาดใหญ่…น้องนิดบอกให้ผมกับพี่แคทรออยู่ที่ศาลาริมน้ำนี่ก่อนโดยบอกว่าจะไปเรียนให้นายหญิงอรศินีย์หรือก็คือคุณอาคนสุดท้องของผมรับทราบ…
(เราไม่อยากจะอยู่ตามลำพังกับพี่แคทเวลานี้จริงๆ…กลัวโดนจับกดน้ำชะมัด!!)
“บึงนี่กว้างนะ”
“คะ…ครับ”
“และก็ลึกด้วย”
(อูย~~…เอาแล้วไง!!)
“กำลังคิดว่าฉันจะจับเธอกดน้ำให้ตายสินะ?”
(เฮือก!?)
“วิธีนี้เข้าท่าแต่ศพจะน่าเกลียดมาก”
“ผม…ผมขอไปเดินเล่น”
“เดี๋ยว!!”
“ฮือ~~”
“นั่ง…ลงดีๆ”
…พี่แคทเขยิบมานั่งติดผมแล้วก็มองโดยไม่พูดอะไรเลย…บรรยากาศน่าขนลุกที่สุดเพราะผมเกรงว่าเธอจะนึกบ้าระห่ำก่อเหตุอันคาดไม่ถึง!?…คุณอาอรศินีย์ช่วยมาให้ไวๆทีเถอะได้โปรด~~…
“……………………………………..”
“พี่…กำลังคิดอะไรอยู่?”
“…อยากรู้?”
“……………………………………..”
“กำลังคิดว่า…ควรจะทำยังไงดีเพื่อให้เธอหายไปจากโลกนี้ซะ”
(หวา~~…พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย!!!)
“คนหนึ่งคือผู้มีพระคุณอีกคนก็เป็นน้องสาวแท้ๆ…รู้มั้ยว่าพี่ตัดสินใจยากลำบากเหลือเกิน?…บอลเข้าใจความรู้สึกนี้บ้างหรือเปล่า?”
“………………………………………”
“เข้าใจหรือเปล่า?”
“ครับ!!…เข้าใจครับ!!!”
“หึ!…เข้าใจ…รู้…แต่ก็ยังจะทำได้ลงคอ…ไอ้ผู้ชายไร้หัวใจ!!!!”
“ผะ…ผมเหรอไร้หัวใจ?”
“ใช่!!…เธอน่ะไม่เคยรักใครเลยเพราะถ้าเธอมีความรักจริงก็สมควรจะหยุดอยู่แค่พี่กุนคนเดียวถูกต้องมั้ย?”
“ไม่จริง!!!…ก็ผมรักกุนไง”
“ยังจะเถียงอีก!!!…รักพี่กุนแล้วทำไมไม่เอาใจใส่และซื่อสัตย์ต่อเธอเพียงคนเดียว?…น้องสาคืออะไร?…น้องอ้อยคืออะไร?…บุศคืออะไร?…นันกับแก้วคืออะไร?…รวมทั้งบรรดาผู้หญิงที่ไม่ได้พูดถึงคืออะไรและล่าสุดก็ฝน…นั่นมันหมายความว่าอะไรบอกมาซิ?…คำมั่นสัญญากับแหวนที่สวมนิ้วนางข้างซ้ายของพี่กุนนั่นมันเป็นเพียงคำพูดพล่อยๆกับวัตถุอันไร้ค่าอย่างงั้นหรือ?”
“…………………………………………”
“ตอบไม่ได้สิ?…งั้นก็จงยอมรับซะว่าเธอคือผู้ชายไร้หัวใจที่ไม่เคยมีความรักให้ใครอย่างแท้จริง…เธอต้องการแค่เล่นสนุกกับเรือนร่างของผู้หญิงที่ตนพึงใจปรารถนาพอเบื่อก็ผละไปหาคนใหม่…หาไปเรื่อยๆไม่รู้จักจบจักสิ้น!!!…ฉันสงสารผู้หญิงทุกคนที่มอบใจให้กับเธอเพราะมันช่างไร้ค่าสิ้นดี!!!!”
“…พี่แคท…พี่ผิดแล้ว”
“อะไรนะ?”
“ผมไม่ใช่คนไร้หัวใจแต่แค่ไม่แน่ใจตัวเองต่างหาก”
“น่าหัวเราะซะจริงหรืออยากจะขายผ้าเอาหน้ารอดแก้ตัวว่า…เธอมีผู้หญิงที่รักอยู่?”
“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะครับ?”
“งั้นเธอคนนั้นเป็นใครกัน?”
“ผม…ผมพูดไม่ได้”
“ทำไมพูดไม่ได้?”
“เพราะผมก็ยัง…ไม่ค่อยแน่ใจ…ไม่แน่ใจว่าเธอคนนั้นจะใช่จริงหรือเปล่า?”
“ฮึ!!…พูดไม่ได้ก็คือไม่มีอยู่จริงนั่นแหละ…ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ตัวตนปลอมๆที่เธอสร้างขึ้นเพื่อหลีกหนีไม่ยอมรับความจริงว่าเธอคือผู้ชายไร้หัวใจ”
“ไม่ใช่…ไม่ใช่ครับ!!!”
“พอซะทีเถอะ…พี่เบื่อจะฟังคำแก้ตัวของผู้ชายปลิ้นปล่อนหลอกลวงอย่างเธอเต็มทนแล้ว!!!”
“โธ่พี่แคท~~”
“เลิกเซ้าซี้ฉัน…”
“!!!”
“คุณน้า”
…นี่น่ะเหรออาอรศินีย์น้องสาวฝาแฝดของอาอรนิภา?…เส้นผมกับคิ้วสีขาวอันแปลกประหลาดกว่าคนทั่วไปนั่นแม้เห็นแค่ครั้งเดียวก็ไม่น่าจะลืมได้ด้วยประการทั้งปวงนะแต่ตัวผมกลับจำเรื่องราวของเธอในอดีตตอนยังเล็กไม่ค่อยได้นัก…
“คะ…คุณคือ…อานีย์เหรอครับ?”
“มิได้พบกันเสียนานนะจ๊ะ…หลานช่างรูปงามเหมือนท่านพี่เอกภพเมื่อครั้งยังหนุ่มมิผิดเพี้ยน”
“คุณน้าอย่าไปชมผู้ชายคนนี้ให้มากเลยค่ะ…แค่นี้ก็เหลิงได้ใจจะแย่แล้ว”
“นี่หลานแคทไปเคืองโกรธใครมาหรือจ๊ะ?”
“…คนแถวๆนี้แหละค่ะ”
“หากหมายถึงหลานเอกคเชนทร์ก็ขอให้เห็นแก่น้าสักครั้งยับยั้งอารมณ์ไว้เสียก่อนเถิด…ที่ต่อตีกับนางพญาเสือนั้นมิได้ช่วยบรรเทาบ้างเลยหรือ?”
“หนูไม่กล้าหรอกค่ะ…เอ้อยู่ไหนคะ?”
“ในบ้าน…กำลังจัดเตรียมห้องให้หลานเอกคเชนทร์”
“ความจริงหมอนี่สมควรจะนอนตากยุงข้างนอกบ้านที่สุดค่ะ…ฮึ!!!”
…พูดจบพี่แคทก็สะบัดเส้นผมเชิดหน้าเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่มองผมแม้จะด้วยหางตาทว่าไม่ลืมก้มหัวนิดหนึ่งให้อานีย์…ผมก็ไม่รู้ว่าญาติสาวผู้พี่จะหายเคืองและอารมณ์เย็นลงตอนไหนแต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่เพราะข้อหาล่าสุดของผมนั้นช่างอุฉกรรจ์นัก…
“นายหญิงอรศินีย์เจ้าคะ…คุณเอ้สั่งไว้ว่าคืนนี้คุณเอกคเชนทร์จะต้องนอนในห้องริมสระน้ำเจ้าค่ะ”
“แล้วห้องเดิมเล่า?”
“คือ…ห้องที่จัดเตรียมไว้ตอนแรกเกิดมีปัญหา…คุณเอ้จึงสั่งให้เปลี่ยนเจ้าค่ะ”
“…งั้นหรือ?…อย่างไรก็ไปจัดการเสียให้เรียบร้อยล่ะกัน”
“แลสองคนทางนี้คือ…”
“มิเป็นไรฉันจะแนะนำให้เอง…นิดมีอะไรก็ไปทำเถิด”
“เจ้าค่ะ”
(สาวรับใช้ในบ้านนี้แปลกกว่าที่บ้านเราคือจะไม่ใส่เสื้อแต่ใช่วิธีเอาผ้าพันอกแบบของพวกนางกำนัลที่เห็นในหนัง…นับว่ายังรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้แต่ถ้าออกไปเดินในตัวเมืองต้องโดนมองแปลกๆแน่)
“มะ…มีอะไรหรือครับ?”
“หลานเอกคเชนทร์ยิ้มเหมือนรัญภรณ์มาก”
“จริงหรือครับ?”
“จ้ะ”
…ในเมื่อเป็นฝาแฝดกับอานิภาก็ไร้ซึ่งข้อสงสัยในความสวย…อาอรศินีย์นั้นก็มีใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยเหมือนพี่สาวและรูปร่างทรวดทรงจนไปถึงความสูงก็ได้สัดส่วนไม่แตกต่างกันแต่ใครที่พูดว่าฝาแฝดจะต้องมีอะไรเหมือนๆกันน่ะผมว่าไม่ใช่โดยสิ้นเชิงในกรณีของอาทั้งสองคนนี้เพราะหนึ่งเส้นผม…อานิภาผมดำและไว้สั้นแต่อาศินีย์ผมกลับมีสีขาวปลอดและไว้ยาวมากๆคือหากไม่รวบมัดหางม้าก็น่าที่ปลายผมจะยาวเกือบถึงข้อเท้าทีเดียว…
“ผมของอานี่ขาวตั้งแต่เกิดเลยเหรอครับ?”
“จำมิได้หรือ?”
“…ครับ”
“เป็นตั้งแต่เกิดจ้ะ”
“อย่างนี้ไม่น่าจะมีใครเหมือนแล้วนะครับเนี่ย…โอ๊ะ!?”
“สิบปีที่มิพานพบ…อาคิดถึงหลานมากเหลือเกิน…ท่านพี่มักจะกล่าวถึงหลานเอกคเชนทร์ให้อาฟังเสมอเลย”
“ท่านพี่?”
(จู่ๆก็เข้าสวมกอดโดยเราไม่ทันตั้งตัวสักนิด!!…สมแล้วที่เป็นอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ของพี่ๆน้องๆเรา)
“ก็อาอรนิภาของหลานอย่างไรเล่า”
“อ๋อ~~”
“คงจะจำอามิค่อยได้ล่ะสิ?…แต่จะว่าไปสมัยเด็กเราก็มิได้พบหน้ากันบ่อยเท่าใดนักทั้งที่หาได้อยู่ห่างกันแท้ๆสาเหตุอาจเป็นเพราะอาต้องออกไปทำงานข้างนอกบ่อยๆ”
…และข้อสองนี่แหละที่สำคัญคือนิสัย…อานิภาก็อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นยังไงส่วนอาศินีย์จะพูดจาเรียบร้อยชัดถ้อยชัดคำและดูเป็นคนใจเย็นสุขุมนุ่มลึกซึ่งบางทีพี่แคทอาจติดนิสัยนี้มาจากเธอบ้างก็ได้…
“หลานเอกคเชนทร์จ๊ะ”
“เรียกบอลก็ได้ครับ”
“มันชินปากไปแล้ว…สองคนนี้จะมาเป็นบ่าวรับใช้ให้หลานเอกคเชนทร์ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่…หากต้องการสิ่งใดก็จงบอกพวกนางได้มิต้องเกรงใจ”
“หะ…หา?”
(ผู้หญิงหน้าตาหมดจดอิ่มเอิบเนี่ยเหรอ?…เฮ้ย!!!…ไม่ดีแน่ๆ)
“มิเฉพาะเด็กทั้งสองนี้แต่รวมไปถึงทุกคนในบ้านที่จะให้เกียรติแลเคารพหลานเอกคเชนทร์อย่างสูงเพราะนับเนื่องเป็นวิษณุมนตรีผู้หนึ่ง”
“เอ่อ–…อาครับ”
“?”
“ขอเป็นผู้ชายได้ไหมครับ?”
“ทำไม?”
“คือไม่อยากให้พี่แคทเขม่นผมมากไปกว่านี้ครับ”
“เหตุใดหลานแคทจึงโมโหหรือ?”
“อ่า–…ยังไงดีล่ะ…อานีย์คงจะรู้เรื่องของผมมาบ้างแล้วใช่มั้ยครับ?”
“จ้ะ…หลานเอกคเชนทร์ถอดแบบมาจากท่านพี่เอกภพในวัยหนุ่มแลอาจนับรวมท่านพ่อ…ท่านปู่ของหลานด้วย”
“ผมยอมรับกับอานีย์ตรงๆเลยว่าผมมีนิสัยเสียเรื่องผู้หญิงที่แก้ไม่หายง่ายๆแล้วถ้าอายังจะให้สาวสองคนนี่มาอยู่ใกล้อีก…ผมเกรงว่า…มันจะไม่เหมาะกับไม่พ้นถูกคนนินทาแล้วลำพังตัวผมไม่เท่า…”
“เห็นทีจะมิได้ดอกหลานรัก”
“เอ๋?”
“เนื่องเพราะที่บ้านนี้หาได้มีบ่าวรับใช้บุรุษเพศแม้สักคนไม่…เสียใจด้วยนะจ๊ะที่อามิอาจปฏิบัติตามได้”
(เออะ!?)
…………………………………………………………………………………………………………………………………….

“เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“แม้กระผมมิพูดแต่ท่านพี่สุรีย์พรรณก็น่าจะเดาออกนะขอรับ”
“งั้นให้พี่จัดการแทนได้มั้ย?…รับรองได้เลยว่า…นี่เอ้!!…มันใช่เวลานี้เหรอ?”
“เวลาเช่นนี้แหละขอรับที่เหมาะสมนัก…กระผมจะช่วยให้ท่านพี่สุรีย์พรรณผู้งดงามสงบลงเอง”
“บ้าสิ~~…กลางวันแสกๆ…นับวันเธอนี่ก็ชักจะร้ายไม่ต่างจากบอลนะหึ!”
“ผิดแล้ว–…กระผมหาได้เจ้าชู้หรือมีอิสตรีอื่นมากมายดังน้องเอกคเชนทร์ไม่…ในใจของกระผมมีเพียงท่านพี่สุรีย์พรรณ…อุ๊บ!!”
“แล้วเอาน้องนิดไปไว้ที่ไหนมิทราบยะ?”
“ฮะๆๆ…เห็นไหมขอรับ?…แค่ได้สนทนากับกระผมเท่านั้นท่านพี่สุรีย์พรรณก็มีรอยยิ้มแล้ว”
“…อยู่กับเอ้แล้วพี่รู้สึกสบายใจและก็ผ่อนคลายจริงๆนั่นแหละนะ”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณมิต้องออกแรงให้ลำบากดอก…ให้เป็นหน้าที่ของกระผมเถิด”
“…ก็ได้จ้ะ…งั้นพี่จะรอดู”
“เช่นนั้นขอมัดจำสักจูบนึงก่อนขอรับ”
“เกี่ยวกันหรือไงยะเธอนี่?…เผลอเป็นไม่ได้ต้องวกมาเรื่องนี้สิน่า!!”
“โอ๊ยๆๆ…แก้มกระผม~~”
“รีบๆทำงานให้เสร็จไป!”
“ขอรับ~~”
………………………………………………………………………………………………………….

…ตัวอย่างในตอนหน้า…

“อย่าไม่ต้องๆๆ!!!…เสื้อผ้าตัวเองฉันถอดได้…พวกเธอช่วยออกไปก่อน”
“มิได้ดอกเจ้าค่ะ…หน้าที่ของเราสองคนคือปรนนิบัติคุณชายหกหาไม่เช่นนั้นนายหญิงจะต้องตำหนิเป็นแน่”
“เอาเหอะน่ะ!!…พวกเธอออกจากห้องไปยืนรอที่หน้าประตู…อาบน้ำเสร็จแล้วฉันจะเรียก”
……………………………………
“แหมพี่ชาย~~…มีสาวๆตามประกบไม่ห่างตัวเชียวนะคะ!?”
“นี่น้องป้อมแซวเล่นหรือประชด?…พี่กำลังอึดอัดนะจะบอกให้แต่ยังดีที่ออกจากบ้านแล้วพวกเธอไม่ตามมา”
“อึดอัด?…ไม่ใช่ว่าอดทนอดกลั้นเต็มที่หรอกหรือไง?…งั้นก็ดี…เดี๋ยวฉันกับป้อมจะพาไปเลี้ยงของอร่อยๆเอง”
…………………………………….
“ทำไมทุกคนถึงถูกห้ามไม่ให้ถามหรือพูดถึงคุณพ่อของพี่เอ้?”
“กลัวตายน่ะสิถามได้…เอ้ยไม่ใช่!!…เจ้านั่นมันไม่ค่อยชอบพ่อตัวเองก็เท่านั้นแหละไม่มีอะไรหรอกน่า–”
“รู้สึกเธอก็จะไม่อยากพูดนี่นะ?…เอาเถอะ…ฉันก็ไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไหร่โดยเฉพาะเรื่องของผู้ชาย”
……………………………………………………………………………………………………………….

Share the Post:

Related Posts

วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่

เรื่องเสียว วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่ วันนี้ละอองฟองถูกเรียกเข้าไปในห้องของหัวหน้าอีกแล้ว เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำอะไร ในเมื่อหน้าที่การงานของเธอนั้นไม่ได้ทำมันออกมาดีเหมือนที่เธอคิด แต่เธอไม่ได้ต้องการออกจากบริษัทแห่งนี้ ละองงฟองพยายามที่จะเข้ามาอ้อนวอนคุณภพ หัวหน้าของเธอ บอกกับเขาว่าเธอจะพยายาม ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ได้ เธอยอมทุก ๆ อย่าง…และใช่ เรื่องเสียวคือเรื่องเสียวที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคุณภพ วันนี้งานเหนื่อยทั้งวัน ละอองฟองยังคงต้องแก้งานมากมายในเวลานี้ ซึ่งมันไม่ได้น้อยเลย แต่เมื่อมันเสร็จแล้ว ก็ยังต้องมาสรุปรวบยอดใหม่ งานทุก

Read More

ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เรื่องเสียว ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มจูบกันแล้วครับ จะบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหหลังจากนี้ไม่รู้ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเราต่างฝ่ายต่างมีความต้องการซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เราเงี่ยน เราอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น เรื่องเสียวกลายเป็นเรื่องราวยอดฮิตสำหรับคนรุ่นนี้แล้ว และผมเองก็ไม่อยากจะอายเพื่อน เพราะต้องยอมรับว่าตัวเองยังซิงอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะเรียนจบมอปลายแล้วแท้ ๆ ดังนั้น ในวันที่ผมไปปดูหนังกับแฟนของผมรุ่นน้องมอห้า เธอก็ชวนให้ผมไปนั่งเล่นที่บ้านของเธอก่อน

Read More