ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 53

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 53

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 53 “เพลิงพิโรธที่ลุกโชนไม่สมบูรณ์!?”

 “โอ๊ย!…โอย~~”
“นายท่าน!!”
“พี่!!!…รู้ทั้งรู้ว่าบอลจะเข้ามากันให้หนูแต่ก็ยัง…”
“มันสมควรโดน”
“ไร้น้ำใจ!!!”
“เกะกะนัก!!”
“ทำได้ก็ลองดู!!!”
…พี่แคทมุ่งมั่นจะเอากำปั้นยมทูตประทับบนหน้าผมให้ได้แต่ก็ถูกน้องสาวขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าสาวเจ้าผมยาวจึงเบนเป้าเล่นงานฝนซะก่อน…ด้วยแรงแห่งโทสะที่
เรียกว่า “สุริยะโลหิต” ทำให้เธอกลายเป็นนางมารร้ายที่สามารถประทุษร้ายทุกคนที่ขวางหน้าแม้กระทั่งน้องสาวร่วมสายเลือดของตัวเอง…การโหมบุกชนิดที่ไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้หยุดพักหายใจของพี่แคททำให้ฝนต้องยกแขนสองข้างป้องปัดอุตลุดทว่าเมื่อเจอกับกำปั้นที่รัวต่อยออกมาทั้งบนและล่างกับทั้งซ้ายและขวาก็ไม่อาจจะป้องกันได้หมดจึงโดนหมัดซ้ายชกเข้าที่หัวไหล่อย่างจังและหมัดขวาก็พุ่งตามออกมาเป็นลูกติดพันซึ่งเป็นจังหวะที่ผมถลันเข้าไปแล้วผลก็เป็นดังข้างต้น…แค่หมัดเดียว ผมก็ตัวงอเป็นกุ้งเพราะถูกอัดเข้าที่ท้องเต็มๆ…
“อูย~~…จะเรียก…สุภาพบุรุษได้มั้ย?”
“ศิเตือนนายท่านแล้วว่าอย่าเข้ามาในห้อง”
“ฉันเป็นต้น…เหตุนะ…จะหนีได้ไงเล่า?”
“แต่หากนายท่านยังอยู่ที่นี่…”
“พี่แคทจะเอาถึงตาย…ฮึ!!…ดูนั่น”
“……………………………………..”
“ฝนยอมเผชิญหน้ากับพี่สาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธสุดขีดเพียงลำพังแล้วถ้าฉันทิ้งเธอหนีเอาตัวรอด…ฉันจะไม่สามารถมองหน้าใครได้อีก!!!”
“ไม่มีใครตำหนินายท่านอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“คนอื่นจะว่าฉันโง่ก็ช่างแต่ต่อให้ช่วยเหลืออะไรฝนไม่ได้เลย…ฉันก็จะอยู่ที่นี่กับเธอ!!!!”
“แกจะต้องเสียใจ…อ๊อก!!!”
“แต่ได้ยินที่บอลพูดประโยคนี้ฝนก็ไม่เสียใจแล้ว!!!!”
“ฮึ่ม!!!”
…ฝนงัดวิชาคาราเต้ออกมาสู้กับพี่แคททุกรูปแบบจนข้าวของพังยับกระจัดกระจายหมดแถมหลอดไฟบนเพดานยังแตกเพราะโดนอะไรบางอย่างไปก็ไม่รู้พอภายในห้องมืดสนิทสองสาวพี่น้องก็ออกมาสู้กันข้างนอกผลัดกันรุกผลัดกันรับชนิดไม่มีใครยอมใคร…พี่แคทถูกถีบยอดอกหงายท้องหงายไส้แต่ก็ลุกมาเหวี่ยงศอกกระแทกกลางหลังฝนหน้าคว่ำล้มไปได้เหมือนกันแล้วพอจะเข้ามาซ้ำฝนก็คว้ากองหนังสือพิมพ์ฟาดตีพี่สาวจอมระห่ำสุดท้ายหยิบเก้าอี้พลาสติคขว้างใส่แต่พี่แคทปัดได้พลางแผดเสียงร้องลั่น…
“ไอ้เด็กบ้า!!!”
“ก็บ้าทั้งคู่แหละ”
“เอะอะอะไรหา?…ทำอะไรกันน่ะ!?”
(แย่แล้ว!!!)
… “น้าเย็น” เจ้าของหอพักวัย 40 ปีผัวเป็นตำรวจยศจ่าอยู่ที่อุทัยธานีมีลูกชายคนนึงเรียนชั้นมัธยมต้นซึ่งบ้านแกก็อยู่หลังหอพักนี่เองและช่วงเวลานี้ของทุกๆวันแกจะเดินขึ้นมาตรวจตราความเรียบร้อย…น้าเย็นเป็นคนปากจัดและไม่ยอมเสียเปรียบใครง่ายๆแถมยังงกอีกต่างหาก…สงสัยผมคงได้โดนไล่ออกก็ครั้งนี้แหละเพราะสองลูกพี่ลูกน้องทะเลาะวิวาทกันจนทำข้าวของๆแกเสียหายไปหลายอย่างไม่ว่าจะหลอด ไฟ,เก้าอี้,ประตู,หน้าต่าง…
“……………………………………..”
“เสียงดังหนวกหูลงไปถึงข้าง…ว้ายผีหลอก!!!!”
…งานนี้น้าเย็นคงกะจะเฉ่งด่าให้สะใจปากเหมือนทุกทีแต่ขอโทษ!!…พอแกขึ้นมาเห็นหน้าพี่แคทเท่านั้นก็ถึงกับหวีดร้องด้วยความตกใจเป็นลมหมดสติไปเลย(จะมาทำซากอะไรวะเนี่ย?)ซึ่งถ้าผมไม่รู้เรื่องสุริยะโลหิตมาก่อนหน้าและเจอเข้าอย่างนี้ก็คงช็อคตาตั้งไปเหมือนกัน…
(เผอิญพี่แคทอยู่ตรงที่สลัวๆตาของเธอเลยมีแสงสีแดงก่ำ…ใครไม่รู้ความก็นึกว่าหล่อนเป็นผี)
“โอ๊ว!!”
“จะไม่ยอมแพ้เรอะ?”
“หนูขอสู้ตาย!!!”
“หนอยแน่!!!”
“คุณหยาดฝนสู้ไม่ถอยแบบนี้คุณสุรีย์พรรณยิ่งโมโหไปใหญ่”
“……………………………………….”
(“ป้าจะบอกให้ตาหนูรู้ว่าสุริยะโลหิตคืออะไร?…สุริยะโลหิตคือภาวะการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่จะเกิดขึ้นในหญิงสาววัยกำดัดของตระกูลวิษณุมนตรี”
“เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น?”
“จ้ะ…วัยกำดัดในที่นี้จะยืนยาวไปจนกว่าเธอผู้นั้นจะให้กำเนิดลูกสาวคนสุดท้องและราวๆหนึ่งปีต่อจากนั้นสุริยะโลหิตในร่างกายจะเสื่อมถอยลงไปตามลำดับ…สุดท้ายไม่มีเหลืออยู่อย่างเช่นป้าหรือนิภา”
“ถ้าเป็นลูกผู้ชายและไม่ตั้งท้องอีกล่ะครับ?”
“…สุริยะโลหิตก็จะยังคงอยู่จนล่วงเข้าวัยกลางคนและค่อยๆหายไปเองจ้ะ”
“……………………………………….”
“ของป้าหายไปหมดตอนอายุเข้า 35 หลังจากคลอดน้องคนสุดท้องไม่นานส่วนนิภาประมาณ 22-23 และพอลูกสาวอายุประมาณ 3-4 ขวบสุริยะโลหิตในร่างกายก็จะเริ่มตื่นพร้อมกับกล้าแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ”
“สืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง…อย่างกับทายาทอสูรเลย!?”
“หลักๆที่มองเห็นได้คือดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเพราะมีเลือดไหลเข้าไปในส่วนที่เป็นตาดำ”
“มัน…มันไม่เป็นอันตรายหรือครับ?”
“ไม่จ้ะเพราะมันไม่ใช่โรคหรือได้รับบาดแผลเพียงแค่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงอยู่ใน นั้นมากกว่าปกติ…อ้อ!!…ถ้าเป็นตอนกลางคืนดวงตาจะเรืองแสงได้ด้วยนะจ๊ะ…สีแดงส่องสว่าง”
“ผะ…ผมว่ามันจะน่ากลัวเกินไปแล้วครับ…นี่คนหรือภูติผีกันแน่?”
…เดี๋ยวก่อนซิ!?…ดวงตาเรืองแสงได้ในตอนกลางคืน!!!…เหมือนว่าผมเคยได้ยินมาจากที่ไหนมาก่อน?…
“เอ่อ–…สุริยะโลหิตจะทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างครับนอกจากตาดำเป็นสีแดงเลือดกับสุ้มเสียงที่ห้าวขึ้น?”
“ที่เห็นชัดๆคือความป่าเถื่อนเหี้ยมโหด…มันจะเข้าครอบงำจิตใจส่วนที่เป็นด้านดีไว้หมดสิ้น…คิดเพียงอย่างเดียวคือทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ศัตรูล้มลงตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจจะลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้ง”
“ทำยังไงถึงจะเกิดสุริยะโลหิตครับ?”
“…ส่วนใหญ่เกิดจากความโกรธ”
“ความโกรธ?”
“อืม!!…ต้องมากอย่างผิดปกติด้วย…ยกตัวอย่างง่ายๆ…ตาหนูเคยโมโหใครจนอยากจะฆ่าให้ตายหรือเปล่า?”
“ผมไม่…”
“สำหรับผู้ที่มีสุริยะโลหิตในตัวนั่นแหละคือเชื้อไฟ…โกรธเคือง,เคียดแค้นชิงชัง,ผิดหวังโศกเศร้า,มัวเมาหม่นหมอง”
“ไม่เคยเห็นเลยครับผมจึงไม่รู้…พี่แคทกับฝน…”
“สำหรับหนูสองคนนั้นถ้าไม่โมโหถึงขีดสุดก็ไม่เกิดหรอกซึ่งต่างจากลูกสาวป้าที่เกิดขึ้นง่ายกว่าแต่ระดับของสุริยะโลหิตจะพอๆกัน”
“หมายความว่าสุริยะโลหิตของสองคนนี้จะใช้แรงโทสะเป็นเชื้อ?”
“ถูกต้องเลยและถ้าได้เห็นบุคคลอันเป็นที่รักของตัวเองโดนทำร้ายก็จะยิ่งส่งผลมากขึ้นไปอีก”
“มันจะเพิ่มพลังทำลาย…ประเภทว่าช่วยให้หมัดหนักขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ?”
“…ไม่นะจ๊ะ…แค่ขจัดความลังเลกับความกลัวออกไปจากจิตใจเท่านั้น”
“อ๋อ!!… เมื่อไม่มีความเกรงกลัว,เมตตาสงสารหรือลังเล…ตั้งใจแน่วแน่ที่จะต่อสู้จึงใช้กำลังออกมาได้อย่างเต็มที่…โจมตีแต่ล่ะครั้งก็จะทำอย่างสุดกำลัง”
“แต่ความน่ากลัวที่แท้จริงไม่ใช่ระดับของสุริยะโลหิตนะ…วิชาการต่อสู้ต่างหากล่ะพ่อบอล…หนูแคทกับหนูฝนฝึกศิลปะการต่อสู้มายาวนานเป็นสิบปีจนมีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้ง…รู้ว่าส่วนไหนในร่างกายคือจุดบอดหรือจุดตายและรู้ว่าโจมตีไปแล้วจะส่งผลอย่างไรบ้างแต่หากใครที่พวกเธอตัดสินแล้วว่านี่เป็นศัตรูไม่ต้องให้รอตะวันเลือดออกมาหรอกจริงไหมจ๊ะ?”
“พวกเธอไม่เคยบอกผมเลย”
“เอ่อ–…ที่ไม่พูดก็คงเพราะว่ามัน…ไม่น่าดูน่ะ”)
“โอ๊ย!!”
“ก็บอกว่าไม่ได้ผลยังไม่เข้าใจอีก…ลูกไม้เดิมใช้ไม่…อั๊ก!!”
“ยังไม่จบหรอก!!”
“เจ้าเด็กนี่!!!”
“ฮึ่ย!!!”
…ในสถานที่แคบๆนี่แขนมีประโยชน์กว่าขาซึ่งฝนก็รู้จึงหาจังหวะล่อหลอกเพื่อรุกเข้าถึงตัวและใช้วิชาบิดข้อต่อแต่พี่แคทไม่หลงกลสะบัดหลุดทุกครั้ง…ที่ป้าเอ็มว่ามันไม่น่าดูนั่นก็เพราะมีเลือดจำนวนมากไปหล่อเลี้ยงอยู่ในส่วนตาดำและส่องสว่างได้หากอยู่ในที่มืดอีกทั้งน้ำเสียงยังเปลี่ยนไปคือห้าวทุ้มไม่ แหลมเล็กอย่างปกติและดังก้องกังวานฟังแล้วน่าเกรงขาม…
“อ๊า~~”
“ฝน!!!”
…แค่ชั่วเดี๋ยวเดียวที่ผมนึกถึงตอนที่คุยกับป้าเอ็มเรื่องของความลับของสุริยะโลหิตฝนก็ถูกพี่แคทจับตัวได้!!!!…
“ความไวนั้นน่ะน่ารำคาญแต่มันจบแล้ว”
“ไม่…ไม่”
“นายหญิงรีบขึ้นมาเร็วๆเข้า…ศิอยู่กับนายท่านค่ะ”
“อึ๊!!”
“ทำให้ฉันเสียเวลาไปมากนะ…เจ้าเด็กนิสัยเสีย”
“!!!!”
…และแล้วพี่แคทก็ทำในสิ่งที่พวกเราไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองคือเธอก้มจูบปากฝนและก็ใช้สันมือตีที่หลังคอน้องสาว…ในหนังประเภทบู๊ดุเดือดผมเห็นบ่อยถ้าโดนฟาดจากบริเวณนั้นก็สามารถทำให้คนเราสลบได้…
“อย่า…อย่านะ!!”
“นอนอยู่ตรงนั้นแหละ”
“บะ…บอล…หนี–”
…ฝนพูดได้แค่นั้นก็ทรุดฮวบหมดสติไปและวินาทีนั้นพี่แคทก็หันขวับจ้องมาที่ผม…ศิจึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาดชักปืนออกมาจากเอวแต่ทว่า…
“คนที่จะเอาชนะฉันได้ไม่มีอีก…แล้วทางหนีของแกก็ปิดตัวลงด้วย”
“หยุดเถอะค่ะคุณสุรีย์พรรณ…อย่าให้ดิฉันต้องลำบากใจเลย”
“………………………………………..”
“!!!”
“ชักช้า!!!”
“ว้าย!!”
“พี่แคท!!!…ศิไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ”
“หุบปาก!!…ฉันจะไม่ละเว้นไอ้อีหน้าไหนที่บังอาจมาขัดขวาง…หือ?”
“ได้โปรดอย่าทำร้ายนายท่าน…ศิขออ้อนวอนคุณสุรีย์พรรณเถิด”
“……………………………………..”
“……………………………………..”
“แกมีความภักดีกับไอ้สารเลวนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ในเมื่อเจ้านายของแกก็มีอยู่?…สิ่งที่พวกแกสามพี่น้องกำลังกระทำคือการทรยศเนรคุณ!!!”
“ไม่…ไม่ใช่นะคะ!!”
“อย่ามาแก้ตัว!!!”
…หลังจากศิโดนแย่งปืนจากมือก็ถูกเตะล้มคมำแต่ยังตะเกียกตะกายคว้าข้อเท้าของพี่แคทพลางอ้อนวอนไม่ให้ทำร้ายผมทว่าหญิงสาวผมยาวไม่ยอมฟังและใช้ด้ามปืนทุบที่ท้ายทอยของศิจนสลบไปอีกคน…
“ไม่มีใครช่วยแกได้อีก…แค่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น”
“เอาเลย!!…พี่แคทอยากจะทำอะไรก็เชิญ!!!…ปืนในมือนั่นไงเล่า”
“สำหรับคนอย่างแกน่ะใช้ไอ้นี่สนุกกว่า…อัญเชิญยมทูต!!!!”
…พี่แคทตวาดเสียงดังกึกก้องแล้วกำหมัดสองข้างยกแขนขึ้นเสมอระดับอกพลางพุ่งเข้ามาจับคอด้วยมือซ้ายจากนั้นมันก็เหมือนทุกสิ่งรอบๆตัวสว่างจ้าหรือว่าผมจะถึงแก่ชีวิตแล้วกำลังเดินทางไปสู่อีกโลกหนึ่ง!?…โลกที่มีคุณแม่รัญภรณ์…
……………………………………………………………………………………………………..

“?”
“……………………………………………..”
“สมุดปกแข็งในเสื้อ…ใครกัน?”
“……………………………………………..”
“ศศิธร?…ไม่เลว”
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
“พวกแก!!…ฮึ่ย~~”
“ล็อคคอไว้!!!…ออกแรงเต็มที่ไม่ต้องกลัว”
“ใครสั่งพวกแกมา?”
“กรุณาหยุดได้แล้วค่ะคุณสุรีย์พรรณ!!…เหตุผลของคุณไร้ความชอบธรรมแล้ว!!!”
“มันยังไม่จบแค่นี้หรอก!!…ไร้ความชอบธรรมรึ?…ปล่อยเซ่!!!”
“ต่อให้เก่งแค่ไหนแต่ถูกประชิดตัวล็อคคอล๊อคแขนขาก็ไปไม่เป็น…เมื่อกี้คุณถามใครสั่งมาใช่ไหมคะ?”
“กรอด!!!”
“ก็คุณแม่ของคุณเอง”
“ว่าไงนะ!?”
“ฝน!!…ฝนเป็นยังไงบ้างลืมตาดูแม่สิลูก!?…บอล…บอลตื่นสินี่อาเองนะ!!…พี่เอ็มมาเร็วๆเข้า!!!”
“…แม่”
“ตาหนู!!!…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
“ทำไม…ทำไมถึงมาขวาง?”
“เกินไปแล้วนะเจ้าลูกบ้า!!!”
“…………………………………………….”
“จะลืมตาตื่นได้หรือยัง?”
“แม่…ตบพี่…”
“ก็ตบให้ตาสว่างไง!!…มีพี่ที่ไหนในโลกทำร้ายน้องๆตัวเองจนบาดเจ็บหมดสติไปตามๆกันอย่างนี้บ้างหา?…แม่ไม่นึกเลยว่าลูกจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้น่าผิดหวังเหลือเกิน!!!…ความใจเย็นสุขุมรอบคอบมันหายไปไหนหมดแล้ว?…ดูซิ!?…ดูให้เต็มๆตาเลยว่าทำอะไรลงไป!!…ต้องให้ฝนหรือไม่ก็บอลคนใดคนหนึ่งตายไปต่อหน้าใช่มั้ยถึงจะสะใจ!!!”
“คุณแม่เข้าข้างคนผิด!!!…หากบอลเป็นคนซื่อสัตย์เสียแล้วแคทจะมีเหตุผลอะไรไปยุ่ง?”
“จะผิดหรือจะถูกลูกก็ไม่ควรแสดงความป่าเถื่อนอย่างนี้…ปล่อยให้ความเคียดแค้นชิงชังเข้าครอบงำ…แบบนี้จะเป็นตัวอย่างให้น้องได้อย่างไร?…ลืมคำสั่งสอนของแม่หมดแล้วหรือว่าจงเป็นคนใจเย็นทำอะไรให้มีสติกับตัวเสมอ?”
“เพราะแคทให้โอกาสบอลปรับปรุงตัวมานานมากเกินพอและที่คุณแม่พูดก็ใช่ว่าจะไม่ทำตามแต่พอเห็นพี่กุนกับสาต้องเศร้าโศกเสียใจแคทจึงทนไม่ได้”
“แต่อย่างไรลูกก็เป็นคนนอก…ขึ้นชื่อว่าแฟนกันก็ต้องปล่อยให้พวกเขาเคลียร์ปัญหาเอาเอง”
“หนูจะไม่ยุ่งด้วยเลยถ้าไม่ใช่พี่กุน”
“ยังจะเถียงแม่อีก?…นี่ถ้าแม่กับป้ามาไม่ทันแคทตั้งใจจะทำอะไรกับบอลอีกรึ?…จะเอาให้ถึงแก่ชีวิตให้ได้ใช่ไหมแคทจึงจะมีความสุขได้?”
“…………………………………………….”
“ตาหนูๆ…ลืมตามองป้าสิ!!!…ตาหนู!!!!”
“อึ๊ก!!…อือ–
“พ่อบอล!!…จำป้าได้มั้ย?”
“…ป้าเอ็ม”
“โอ้ดีจริงๆหลานรักของป้า~~…พวกเธอมาช่วยพาหลานฉันไปที่รถเร็ว!!!…ศิ…เธอลุกไหวมั้ย?”
“…ค่ะนายหญิง”
“มาฉันช่วย”
“นายหญิง!!…นะ…นายท่านหมดสติไปอีกแล้วค่ะ!!!!”
“ไม่!!…ไม่เอานะอย่าล้อเล่นกับป้าแบบนี้!!!…รีบพาไปโรงพยาบาลเร็วโทรบอกเซคด้วย…จะปล่อยให้ตาหนูเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด!!!!”
“ฝนจะไปรถป้านะคะแม่…พี่แคท”
“ฮึ!!”
“…พี่”
“ท่าทางจะยังไม่หายบ้าเดี๋ยวปล่อยให้แม่จัดการเอง…แคท…เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยละ”
“………………………………………..”
“หาก…หากพ่อบอลเป็นอะไรไปฉันจะไม่ยกโทษให้หนูแคทเลย!!…นิภา…ต่อไปเธออย่าให้หนูแคทเข้าใกล้พ่อบอลอีก!!!”
“พี่เอ็มพูดอะไรเนี่ย?”
“ที่หลานชายฉันบาดเจ็บหนักอย่างนี้ก็เพราะลูกสาวของเธอไงเล่า!!”
“บอลก็เป็นหลานของภาเหมือนกันนะคะ!!”
“โธ่~~…แม่กับป้าเอ็มอย่าเพิ่งเถียงกันตอนนี้ได้มั้ย?”
“ก็ดูป้าของลูกสิ…เอะอะก็จะเอาแต่โทษแม่”
“เออฉันขอโทษก็ได้พอใจยัง?…บ้าเอ๊ย!!!”
“แล้วคุณเจ้าของหอพักนี่ล่ะ?”
“หนูฝนเอาน้ำสาดให้ฟื้นก็พอเพราะมันสมกับความเค็มของยัยนี่แล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………………………

“……………………………………….”
“ฟื้นแล้วหรือลูก?”
“ป้าเอ็ม…ที่นี่…”
“ห้องพิเศษที่โรงพยาบาลจ้ะ”
“…โรงพยาบาล?”
“นายหลับไปเกือบสามชั่วโมงเชียว”
…สามชั่วโมง!?…นี่ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือแต่นึกว่าจะต้องตายซะแล้วสิ…อ๊ะ!!…ผมฝันเห็นแม่รัญภรณ์และได้คุยกับท่านด้วยล่ะ!!!…ท่านดูมีความสุขสีหน้าก็ยิ้มแย้มแล้วสั่งให้ผมกลับไปสะสางปัญหาซะเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะอยู่ที่นี่…
(หมายความว่าคุณแม่ช่วยชีวิตเรา!?)
“อุ๊บ!!”
“ตาหนูปวดท้องเหรอ?”
“มันปวดเสียดๆครับ”
“นอนพักสักคืนก็คงหาย”
“แล้วเธอเป็นไงมั่ง?”
“เล็กน้อยจ้า!!…ไกลหัวใจตั้งแยะ”
“แล้วเศกล่ะครับ?…ศิด้วย”
“อยู่ห้องข้างๆนี่แหละ…เศกกระดูกซี่โครงหักสามซี่น่ะส่วนยัยศิ…ศุกร์เพิ่งพาไปห้องเอ็กซ์เรย์เพราะบ่นปวดขามาก”
“ฝนต้องขอโทษป้าเอ็มกับบอลแทนพี่แคทด้วยค่ะ”
“เฮ้อ!!…ทั้งที่ป้าอุตส่าห์ตักเตือนแล้วว่าอย่าปล่อยให้สุริยะโลหิตเข้าครอบงำจิตใจก็เพราะกลัวเหตุการณ์ร้ายอย่างวันนี้จะเกิดขึ้นไง…ไม่เห็นนิภาโกรธขนาดนี้มานานมากๆเลย”
“หากป้อรู้ก็จะพลอยผสมโรงโกรธไปด้วยอีกคนแหงๆ”
“เพราะกลัวกันว่าพี่เราจะเป็นเหมือนห้าปีก่อนใช่ไหม?”
“จ้ะ”
“รุ่นป้าน่ะเทียบกับรุ่นหนูไม่ติดเลยจริงๆนะ”
“แต่ตะวันเลือดครั้งนี้ของพี่แคทยังมีเมฆมาบดบังอยู่บ้างค่ะ”
“ฮ้า!?…นี่ยัง…ไม่ถึงที่สุดเหรอ?”
“เดี๋ยวๆๆ…เมฆบังอะไรกันหรือฝน?”
“แค่คำเปรียบเทียบเฉยๆ”
“หมายความว่าเกิดความลังเล…อ้าวว่าไงจ๊ะ?…เหรอจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“?”
“ตาหนูเพิ่งฟื้นก็อย่าขยับตัวกับคิดอะไรมากเลย…พักผ่อนเยอะๆ”
“ครับ”
“พบใครคะ?”
“…คุณหมอจ้ะ”
“อ๋อ!!”
“………………………………………”
“ฉันจะเฝ้านายเอง…อยากให้ทำอะไรก็บอกมาได้”
“เธอก็พักซะบ้างเถอะ”
“ฝนไม่เป็นไรหรอก”
“…สารู้เรื่องหรือยังนะ?”
“มาเยี่ยมตอนบอลหมดสติเมื่อสักครู่ใหญ่แล้ว”
“เฮ่!?…มาแล้วรึ?”
“อื้อ!!…แต่มาไม่นานหรอกเพราะป้าเอ็มคอยกันท่า…น้องอ้อยก็มาแถมพี่กุนกับคุณลุงยังโทรถามอาการด้วยละ”
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี…ขอโทรศัพท์หน่อย”
“เอ้า!”
“……………………………………..”
“…ฝนกดให้มั้ย?”
“ฉัน…ฉันไม่กล้า…”
“……………………………………..”
“……………………………………..”
“เอางี้…ถ้าบอลยังไม่สบายใจกับไม่รู้จะพูดอะไรงั้นก็ฟังสิ่งที่ฝนจะเล่าต่อไปนี้ก่อนแล้วกัน…เกี่ยวกับที่พี่แคทไม่รู้…ไม่สิ!!…จงใจจะทำเป็นไม่รู้ต่างหาก”
“?”
…………………………………………………………………………………………………………………

“แคทก็บอกคุณแม่ไปแล้วไงคะ…ถ้านายบอลไม่ได้คบกับพี่กุนและเขาจะไปมีผู้หญิงอีกสักกี่คน…แคทจะไม่ยุ่งไม่สนใจแต่ขอเกลียดชังไปจนวันตาย”
“…ตรงข้ามกับน้องเราเลยแฮะ…เด็กนั่นนับวันก็ยิ่งชอบบอลมากขึ้นๆ”
“ไม่เข้าใจเลยสักนิด…ไอ้ผู้ชายคนนี้มันมีอะไรดีตรงไหนถึงได้มีผู้หญิงมารุมรัก?…เจ้าชู้หัวดื้อแถมปากเสียอีก”
“หนูไม่รู้จริงๆเหรอ?”
“…ไม่รู้ค่ะ”
“ไม่อ่ะ!…แคทรู้แล้ว”
“………………………………………”
“แม่ขอโทษที่ตบหน้าหนูแต่มันก็เป็นวิธีเดียวกับที่ยายของหนูใช้กับแม่น่ะ”
“ได้ผลชะงัดเลย”
“แต่แม่แปลกใจที่ตะวันเลือดดับง่ายเหลือเกิน…เวลานั้นลูกสับสนอยู่เหรอ?”
“…ประมาณนั้นค่ะ”
“งั้นก็ใช่แล้ว!!…ฝนบอกแม่ว่าระหว่างต่อสู้เราจงใจทิ้งโอกาสที่จะทำร้ายบอลให้บาดเจ็บสาหัสไปถึงสองครั้ง”
“คุณแม่เชื่อ?”
“อื้อ!!…เชื่ออย่างสนิทใจด้วยจ้ะ…ครั้งแรกคือแคทจงใจทิ้งดาบคงโมเคียวไว้โดยไม่ไปแตะต้องอีก”
“เพราะมันหลุดจากเอวหนูไปแล้วก็สู้ติดพันกับฝนจนหยิบมาไม่ได้ต่างหากค่ะ”
“เหรอ?…แล้วครั้งที่สอง…รอยฝ่ามือที่สมุดจะอธิบายยังไง?”
“นั่น…”
“ที่ทำให้บอลสลบไปแคทใช้อัญเชิญยมทูตใช่มั้ย?”
“…………………………………….”
“มันไม่ใช่เลย…อัญเชิญยมทูตที่สันต์สอนลูกไม่ใช่การใช้ฝ่ามือแต่เป็นหมัดต่างหาก…หมัดซ้ายขวาที่โจมตีทั่วร่างของศัตรูหลายสิบครั้ง”
“…หนูเปลี่ยนใจในเสี้ยววินาทีสุดท้าย”
“แคทลังเลใจสินะที่เห็นบอลปกป้องฝนและมีผลให้สุริยะโลหิตกลายเป็นเพลิงพิโรธที่ลุกโชนไม่สมบูรณ์!?”
“…เมฆดันมาบังซะได้”
“หึๆๆ…ลูกแม่ยังมีน้ำใจให้บอลอยู่…ตะวันเลือดถึงได้สลายไปอย่างรวดเร็วแต่ยังไงสองสามวันนี้ก็อย่าเพิ่งออกไปไหนเลยนะจ๊ะ…อยู่แต่ในบ้านดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าสุดสวยไม่เตือน”
“…………………………………….”
“อ้อ!!…มีอีกเรื่องนึงที่แคทควรจะรู้ไว้”
“?”
………………………………………………………………………………………………………

“เจ๊ไม่มีเจตนาจะเอาชีวิตใครเลยตั้งแต่แรกและนี่คือหลักฐาน”
“สมุด…สมุดจดของฉันทำไม?”
“ดูให้ดีๆ”
“รอยยุบรูปมือ!?”
“ที่บอลสลบไปก็เพราะเจ้านี่…อัญเชิญยมทูต…ท่าไม้ตายที่พี่แคทจะปล่อยพลังกำปั้นได้รุนแรงที่สุด”
“ไม้ตาย…อัญเชิญยมทูต…กำปั้น”
“แต่รอยที่สมุดนี่เป็นฝ่ามือใช่มั้ย?…อัญเชิญยมทูตจะมีอานุภาพสูงสุดเมื่อกำหมัดต่อยออกไปฉะนั้นพอเปลี่ยนเป็นฝ่ามือพลังทำลายจึงลดลงนั่นแสดงว่าพี่แคทไม่ต้องการให้บอลเจ็บหนัก”
“ขนาดส่งฉันนอนโรง’บาลเนี่ยนะไม่หนัก?”
“อ่า–…ที่จริงไม่ต้องนอนก็ได้แต่ป้าเอ็มขออนุญาตคุณหมอเป็นพิเศษ”
“เพราะอะไร?”
“ก็เพราะ…บอลถูกน้าเย็นไล่ออกจากหอพักแล้วน่ะสิ”
“ล้อเล่นน่า!?”
“เป็นความจริง”
“ป้าเอ็ม”
“แต่ไม่ต้องกังวลจ้ะ…ป้าจะหาที่อยู่ที่ดีกว่านี้ให้พ่อบอลเอง…อือ–”
“มีอะไรอีกครับ?”
“ฟังนะจ๊ะ…คุณแม่…ย่าของพ่อบอลน่ะต้องการให้พ่อบอลย้ายออกจากบ้านและห้ามมีอะไรกับแฟนจนกว่าจะเรียนจบ”
“ฮ้า!!?”
“……………………………………..”
“จะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?…ผมไม่เคยคิดจะไปข้องแวะกับคนที่นั่นและพวกเขามีสิทธิ์อะไรมาห้าม?”
“สิทธิ์ในฐานะปู่กับย่าของบอลไง”
“ฝน?”
“กำพืดของตัวเองเปลี่ยนแปลงได้เรอะ?…ต่อให้หนีไปจนสุดขอบโลกแต่เลือดที่ใหลเวียนอยู่ในร่างของนายก็เป็นของวิษณุมนตรี…หัดเปิดตามองเสียบ้างอย่าเอาอคติส่วนตัวใช้ให้มันมากนักเลย”
“ฉันเปล่ามีอคติ”
“มีอยู่ชัดๆ”
“ก็บอกว่าไม่!!…ฉันแค่ไม่อยากจะอีนังขังขอบอะไรด้วยเท่านั้น”
“นั่นแหละที่เรียกว่ามีอคติ”
“……………………………………..”
“พี่กุนกับสารวมทั้งหนูอ้อยก็ยอมรับเงื่อนไขแล้ว”
“อะไรนะ?”
“ยังไม่เข้าใจเรอะ?…ที่ทั้งสามยอมตกลงก็เพื่อไม่ให้ตกเป็นข้อครหาและเป็นการทดสอบไงเล่า…หลานสะใภ้ของวิษณุมนตรีจะต้องมีความประพฤติที่ดีและเป็นที่ยอมรับของทุกคนในตำบลโยนกจัตุรัสฉะนั้นการมีอะไรกันทั้งที่ยังเรียนอยู่กับยังไม่เข้าพิธีแต่งงานจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้”
“หนูฝนพูดถูก…หากเรียนจบแล้วบรรลุนิติภาวะแล้วก็จะไม่มีใครว่าได้หรอกจ้ะ…แค่สองปีกว่าๆเองถ้าทนไม่ไหวหรือใจเร็วด่วนได้ก็ไม่สมควรแต่งเข้าเป็นสะใภ้และถึงเวลานั้นป้าจะค้านหัวชนฝาแบบยอมตายกันไปข้างเลย”
…หมายความว่าต่อไปนี้ผมจะไม่สามารถเล่นเสียวกับสามสาวทั้งกุน,สาและก็น้องอ้อยได้จนกว่าจะสำเร็จการ ศึกษา!?…แต่…แต่กับสาวอื่นล่ะ?…ฝนอยู่ในห้องด้วยผมเลยไม่กล้าถามป้าเอ็มจึงได้แต่ปิดปากเงียบ…
(ไว้รอถามเธอตอนอยู่กันตามลำพังดีกว่า)
“ต่อให้อายุ 20 บรรลุนิติภาวะแต่ยังเรียนไม่จบก็ไม่ได้”
“ห้ามจ้ะ!”
“ผมสลบไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เล่นตัดสินใจกันเอาเอง…ไม่คิดจะรอกันบ้างเลย”
“บ่นอะไร?…บอลก็ยังกลับไปบ้านนั้นได้นี่นาหรือจะชวนแฟนออกมาเที่ยวก็ได้แต่อย่ามีอะไรกันเท่านั้นเป็นพอ…อ้อจริงด้วย!!…ยังไม่ได้บอกว่าถ้าฝ่ายไหนผิดเงื่อนไขที่ตั้งไว้จะเป็นยังไง?”
“?”
“ก็อย่างที่หนูฝนพูด…จะชวนไปเที่ยวไปดูหนังหรือซื้อของทานอาหารก็ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่ห้ามไปนอนค้างอ้างแรมแอบทำอะไรไม่เหมาะสม…หากละเมิดเงื่อนไขก็จะถูกตัดสิทธิ์ห้ามคบหากันอีกต่อไปและพ่อบอลต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางตระกูลหาให้”
“ไม่เอาครับ!!!!”
“…งั้นรึ?”
“ให้ไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้เรื่องอะไรที่ผมจะยอม?”
“…………………………………….”
“ก็ทำให้ได้ล่ะกัน…อ้อ!!…สิ้นปีกลับโยนกจัตุรัสได้แล้วนะจ๊ะ”
“ทำไมผมต้องไป?”
“แน่ะ!…รับปากกับป้าไว้ว่ายังไง?”
“อุ!!”
(เรื่องของเรื่องคือที่บ้านพักตากอากาศเราดันเผลอรับปากป้าเอ็มไปเสียได้!!!)
“ต้องกลับไปนะ…กลับไปฟังความจริงในวันที่รัญภรณ์เสียชีวิต”
“มันยังมีความจริงเหลืออยู่ตรงไหนอีกครับ?”
“ที่แล้วมาบอลเข้าใจคุณปู่คุณย่าผิดหมด”
“ผิดอะไร?…ก็ฉันเห็นกับตาตัวเองว่า…”
“แม่รัญภรณ์โดนคุณตาผลักตกจากบันไดจนเสียชีวิต…จะบอกอย่างนี้ใช่มั้ย?”
“ใช่!!… ก่อนที่แม่จะตายฉันกอดท่านไว้แน่นและคำสั่งเสียสุดท้ายคืออย่าโกรธแค้นปู่เขาเลยนะลูก…นี่คือคำพูดที่แม่บอกฉันก่อนจะสิ้นใจฉะนั้นฆาตกรที่ฆ่าแม่ก็คือ…”
“ผิดแล้ว!!!…คุณตาไม่ใช่ฆาตกรแต่มันเป็นอุบัติเหตุ…กลับบ้านเกิดสิแล้วจะมีคนบอกนายเอง”
“ใคร?”
“พยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนั้น…เขารับปากกับป้าเอ็มแล้วว่าจะเล่าทุกอย่างให้นายรู้และจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้คุณตากับคุณยายด้วย”
“เขา…เขาเป็นใครกัน?”
“อดีตคนใช้ในบ้านจ้ะ…อายุ 70 กว่าแล้วแต่ยังจดจำเหตุการณ์ได้…เขาไปอยู่ระนองหลายสิบปีแต่สิ้นปีนี้จะมาร่วมงานเลี้ยงที่โยนกบูรพา…พ่อบอลต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้เลย”
“โอกาสนี้เปรียบดังกุญแจที่จะเปิดหีบแห่งความจริงเมื่อเกือบสิบปีก่อน…มันจะช่วยขจัดความคลาดเคลื่อนและความระแวงสงสัยในใจของบอลนะ”
“………………………………………..”
………………………………………………………………………………………………………………….

“พี่เชน”
“จ๋า~~”
“ไหนบอกจะไปเยี่ยมพี่บอลไง?…ขวัญรอนานแล้วนะ”
“อีกแป๊บนึงๆ”
“มัวทำอะไรน่ะ?…อุ๊ย!!…มัวแต่ดูหนังโป๊อยู่นั่นแหละ”
“นี่ไม่ใช่หนังโป๊ทั่วไปนา–”
“ยังไง?”
“ดูหน้านางเอกสิ…คุ้นๆมั้ย?”
“อือ–…ดูคล้ายคุณแม่?”
“น้องขวัญก็เห็นด้วยใช่มะ?”
“แต่ภาพไม่ค่อยชัดเลยนะคะ”
“ของเก่าเมื่อสิบปีก่อนก็อย่างนี้แหละแต่ถ้าเป็นคุณแม่จริงๆจะว่าไงนะ?”
“ไม่ มีทาง!!…ถึงเมื่อก่อนแม่จะเคยเป็นนางแบบปฏิทินกับถ่ายรูปลงหนังสือแฟชั่นแต่ไม่มีทางรับงานเล่นหนังลามกเกรดต่ำอย่างนี้หรอก!!!…ดูสิ…ผู้หญิงถูกผู้ชายรุมตั้งสามคนแน่ะ”
“แต่พี่ดูยังไงก็คุณแม่ชัดๆน๊า~~”
“พอเถอะรีบไปโรงพยาบาลได้แล้ว!…ดูนานเดี๋ยวก็เดือดร้อนขวัญอีก”
“จ้ะๆๆ”
“ไม่รู้บ้านนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก?…พักนี้มีแต่เรื่องไม่ดี…แล้วตอนนี้คนที่รอชุบมือเปิบก็คือยัยจอยเพราะเอาแต่ซุ่มเงียบตลอดเลย”
“อืม–…พี่จะต้องรู้ให้ได้เลยว่านั่นใช่คุณแม่จริงหรือเปล่า?”
“หา!?…นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องทะลึ่งอีกเรอะ?”
“โอ๊ยเจ็บ!!!”
…………………………………………..

Share the Post:

Related Posts

วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่

เรื่องเสียว วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่ วันนี้ละอองฟองถูกเรียกเข้าไปในห้องของหัวหน้าอีกแล้ว เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำอะไร ในเมื่อหน้าที่การงานของเธอนั้นไม่ได้ทำมันออกมาดีเหมือนที่เธอคิด แต่เธอไม่ได้ต้องการออกจากบริษัทแห่งนี้ ละองงฟองพยายามที่จะเข้ามาอ้อนวอนคุณภพ หัวหน้าของเธอ บอกกับเขาว่าเธอจะพยายาม ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ได้ เธอยอมทุก ๆ อย่าง…และใช่ เรื่องเสียวคือเรื่องเสียวที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคุณภพ วันนี้งานเหนื่อยทั้งวัน ละอองฟองยังคงต้องแก้งานมากมายในเวลานี้ ซึ่งมันไม่ได้น้อยเลย แต่เมื่อมันเสร็จแล้ว ก็ยังต้องมาสรุปรวบยอดใหม่ งานทุก

Read More

ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เรื่องเสียว ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มจูบกันแล้วครับ จะบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหหลังจากนี้ไม่รู้ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเราต่างฝ่ายต่างมีความต้องการซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เราเงี่ยน เราอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น เรื่องเสียวกลายเป็นเรื่องราวยอดฮิตสำหรับคนรุ่นนี้แล้ว และผมเองก็ไม่อยากจะอายเพื่อน เพราะต้องยอมรับว่าตัวเองยังซิงอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะเรียนจบมอปลายแล้วแท้ ๆ ดังนั้น ในวันที่ผมไปปดูหนังกับแฟนของผมรุ่นน้องมอห้า เธอก็ชวนให้ผมไปนั่งเล่นที่บ้านของเธอก่อน

Read More