แก้วกานดา ตอนที่ 27 – แข่งขัน

แก้วกานดา ตอนที่ 27 – แข่งขัน

แก้วกานดา ตอนที่ 27 – แข่งขัน

      “คราวนี้ทะเลาะอะไรกันมาอีกล่ะสองคนนี้ เมื่อวานก็เห็นยังแอบไปเที่ยวเล่นกระหนุงกระหนิงกันสองคนอยู่เลย”

ผกายแก้ว ผู้เป็นที่สาวคนโตเลิกคิ้วมองดูสองน้องสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะรับประทานอาหารด้วยความสงสัย แก้วยังไม่เข้าใจนักว่าทำไมกานต์และดาริกาจึงได้เชิดหน้าเบะปากใส่กัน ท่าทางของทั้งคู่ทำให้แก้วรู้สึกนึกย้อนไปตอนที่ทั้งสองทะเลาะแย่งของเล่นชิ้นโปรดกันเมื่อหลายปีก่อน

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”

ดาริกาน้องสาวคนเล็กตอบเสียงเรียบโดยไม่ได้เงยหน้ามองพี่สาว พอพูดจบแล้วก็ก้มหน้าลงไปอ้าปากงับไส้กรอกที่เป็นอาหารเช้าเข้าปากด้วยท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก

“ไม่มีอะไรค่ะพี่แก้ว”

กานต์น้องสาวคนรองที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดเสียงราบเรียบ เธอเหลือบตามองดูดาริกาน้องเล็กแวบหนึ่ง ก่อนจะยกนิ้วกระชับกรอบแว่นหนา แล้วก้มหน้าใช้ส้อมจิ้มเอาไส้กรอกเข้าปากไปเคี้ยวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง วันนี้กานต์กลับมาสวมใส่แว่นหนาและชุดนักศึกษาหลวมโพรกเช่นปกติ หลังจากก่อนหน้านี้เธอเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดนักศึกษารัดสั้นแล้วพบว่ามีเรื่องราวมากเกินไป

“ยังจะมาโกหกอีก เห็นกันอยู่ว่าทะเลาะกัน แล้วยังไงเนี่ย จะไม่ยอมเล่าให้ฟังใช่หรือเปล่า แล้วเมื่อวานแอบไปเที่ยวไหนกันมาทั้งสองคนเลย กลับบ้านเสียดึกดื่น”

ผกายแก้วยิ้มและส่ายหน้าไปมา เธอมองสองน้องสาวสลับไปมาครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นหยิบเอาจานอาหารเช้าอันว่างเปล่าเดินไปทางอ่างล้างจาน แก้วทราบดีว่าหากเค้นถามตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไร เธอจึงคิดจะปล่อยเลยตามเลยไปก่อน ถึงแม้จะสงสัยว่าเมื่อวานนี้กานต์และดาริกาแอบไปเล่นซนอะไรกัน แต่แก้วก็ไม่ได้คิดเป็นห่วงมากเกินไป เธอเชื่อว่าสองน้องสาวไม่น่าจะทำตัวเหลวไหล

เมื่อพี่สาวคนโตหันหลังให้ ดาริกาน้องคนเล็กซึ่งสวมใส่ชุดนักเรียนก็หันมาแลบลิ้นใส่กานต์ ส่วนกานต์นั้นเบะปากใส่น้องสาวและแลบลิ้นเป็นการตอบโต้ จากนั้นกานต์ก็หยิบน้ำส้มมาดื่มจนหมดแก้ว แล้วลุกขึ้นเก็บจานนำไปวางในอ่างล้างจานเหมือนพี่สาว ก่อนจะบอกลาเดินออกจากที่พักเพื่อไปมหาวิทยาลัย

“ไปก่อนนะคะพี่แก้ว”

“อ้าว เดี๋ยวซิ จะให้พี่ไปส่งหรือเปล่า”

“ไม่เป็นอะไรค่ะ กานต์จะไปรถไฟฟ้าเอง”

“อืม งั้นก็ตามใจ แล้วดาจะเอาไง”

แก้วหันมาถามดาริกาซึ่งยังนั่งรับประทานอาหารเช้าไม่เสร็จ แรกสุดนั้นดาริกาทำท่าจะพยักหน้าเดินทางไปกับแก้วด้วย แต่เมื่อได้ขบคิดอะไรบางอย่าง ดาริกาก็เปลี่ยนเป็นส่ายหน้าปฏิเสธ เธอรีบลุกพรวดหยิบจานไปวางในอ่าง แล้วเดินจ้ำออกไปด้วยท่าทางเหมือนจะไล่ตามกานต์

“หนูเปลี่ยนใจไปกับพี่กานต์ดีกว่าค่ะ พี่แก้วขับรถดี ๆ นะ”

“อะไรกันสองคนนี้ เดี๋ยวเย็นนี้คงต้องเรียกมาสอบปากคำกันหน่อยซะล่ะมั้ง ท่าทางมีลับลมคมในเสียจริง … อืม เราก็ต้องไปทำงานแล้ว เดี๋ยวจะสาย”

ผกายแก้วมองดูดาริกาเดินออกไปแล้วส่ายศีรษะไปมา เธออยากจะสัมภาษณ์สองน้องสาวให้รู้เรื่อง แต่เวลาไม่เหมาะสม และต่อให้ถามตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ได้ความ แก้วจึงสลัดความคิดนี้แล้วรีบเตรียมตัวขับรถไปทำงาน

“… ตามมาทำไมยะ”

กานต์เหลือบตามองดาริกาผ่านแว่นกรอบหนาแล้วส่งเสียงขุ่นเคืองออกมา ส่วนดาริกานั้นสะบัดหน้าครั้งหนึ่งก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์โดยสารซึ่งกำลังจะขยับลงไปชั้นล่าง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับพี่สาว

“พี่จะโดดเรียนแอบไปหาพี่อาร์ตคนเดียวใช่หรือเปล่า”

“อืม … ก็ไม่แน่นะ ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ”

กานต์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงรู้ทัน เธอทราบแล้วว่าทำไมดาริกาจึงตามเธอมา กานต์แน่ใจว่าดาริกาเกรงว่าเธอจะแอบไปหาอาร์ตคนเดียว กานต์จึงแกล้งพูดหยอกเย้าเล่น ทั้งที่ความจริงแล้ววันนี้อาร์ตบอกล่วงหน้าแล้วว่าต้องทำงานไม่มีเวลาว่าง หรือต่อให้อาร์ตว่างกานต์ก็คงไม่สะดวกจะโดดเรียนอีก เพราะช่วงนี้เธอโดดเรียนบ่อยเกินไปแล้ว

“ถ้าพี่โดด ดาจะโดดด้วย”

ดาริกาตอบเสียงห้วนสั้น หากทว่าตนเองยังไม่แน่ใจนักว่าจะทำแบบนั้น เธอก็ทราบเช่นเดียวกับกานต์ว่าอาร์ตไม่ว่าง และดาริกาก็เพิ่งโดดเรียนไปเหมือนกันกับกานต์ หากให้โดดเรียนซ้ำบ่อยเกินไป ดาริกาก็ยังเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น

สองพี่น้องมองหน้ากันแวบหนึ่ง กานต์ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าประตูลิฟต์โดยสารเปิดออกเสียก่อน ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาคนหนึ่งเดินเข้ามาในลิฟต์ เขาเบิกตากว้างชะงักเหม่อมองดูกานต์ครู่หนึ่งคล้ายรู้จักว่ากานต์เป็นใคร จากนั้นก็กวาดสายตามองไปทางดาริกาที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก่อนจะรีบเก็บอาการพลุ่งพล่านเดินเข้ามายืนในลิฟต์แล้วแอบชำเลืองมองสองสาวเป็นระยะ

นักศึกษาหนุ่มท่าทางเป็นมิตรคนนี้ชื่อนัท นัทรู้จักกานต์เป็นอย่างดีเพราะว่าเขาเป็นรุ่นพี่ปีสี่คณะเดียวกันกับกานต์ กานต์เป็นดาวเด่นประจำมหาวิทยาลัยที่ผู้ชายเกือบทุกคนรู้จัก นัทเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่คอยแอบมองกานต์ด้วยความลุ่มหลง หลายครั้งที่เขาจินตนาการถึงใบหน้าสวย ๆ และหน้าอกอวบอิ่มของกานต์ตอนช่วยตัวเองระบายอารมณ์หื่น

กานต์ชำเลืองมองดูนัทแวบหนึ่ง เธอทราบว่าอีกฝ่ายแอบมองดูเธอด้วยสายตาอย่างไร แต่กานต์เคยชินเสียแล้วกับสายตาหื่นกลัดมันของผู้ชายจึงไม่ได้ใส่ใจนักนอกจากรู้สึกอายเล็กน้อยตามนิสัย เธอไม่ได้รู้จักว่านัทคือใคร แต่เธอเดาจากเครื่องแต่งกายได้ว่าเป็นนักศึกษาสถาบันเดียวกัน กานต์จึงต้องสงวนคำพูดคำจาสักหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นข่าว

“น้องดา … อย่าลืมที่พี่อาร์ตบอก พี่อาร์ตบอกว่าถ้าใครเสียการเรียน ก็ไม่ต้องเจอกันอีก”

กานต์ขยับกรอบแว่นไปมาเล็กน้อยด้วยความเขินต่อสายตาบุคคลที่สาม นั่นเป็นนิสัยปกติของกานต์ แต่เธอก็ยังกลั้นใจหันไปพูดกระซิบทำความเข้าใจกับดาริกา คืนวานนี้ก่อนจะแยกกับอาร์ต อาร์ตกำชับเอาไว้ว่าห้ามพวกเธอโดดเรียนอีก และหากเขารู้ว่ามีใครเสียการเรียน เขาจะเลิกคบกับคนนั้นทันที

ดาริกาเอียงคอรับฟังเสียงกระซิบของพี่สาว เธอแอบชำเลืองไปทางชายหนุ่มด้วยสายตาดุจนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยงรีบเบือนหน้ามองไปทางอื่น ดาแน่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นเพิ่งจะแอบมองหน้าอกของเธอตาเป็นมันเธอจึงแสดงท่าทีหงุดหงิดใส่อีกฝ่าย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ดาริกาจึงไม่สนใจมากนัก เธอเปลี่ยนเป็นหันมาพูดจากระซิบกับกานต์ต่อ

“ถ้าพี่ไม่โดด ดาก็ไม่โดด”

“พี่ไม่โดดหรอกน่าไม่ต้องห่วง เอาแบบนี้ พี่ว่าเราเลิกทะเลาะกันแล้วมาแข่งกันแบบยุติธรรมดีกว่า”

“แข่งกันยังไง”

“ไม่ยาก กรรมการตัดสินมีคนเดียว คือพี่อาร์ต พี่อาร์ตชอบใครมากกว่าคนนั้นก็ชนะ กติกาคือเราจะไม่ขัดขาทะเลาะกัน พี่อาร์ตบอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้เราทะเลาะกัน”

“ไม่ขัดขากันคือยังไง”

“เช่น ถ้าดากำลังทำกับพี่อาร์ต พี่ก็จะไม่ไปขัดจังหวะ แต่ถ้าเสร็จแล้วก็ค่อยเข้าไปได้”

“แล้วอย่างเมื่อวานที่พี่กานต์แย่งหนูล่ะ หนูกำลังใช้ปากทำให้พี่อาร์ตดี ๆ พี่ก็เข้ามาแย่งไปอมคนเดียวเฉยเลย”

“เรื่องนั้นพี่ขอโทษ แต่พี่จะไม่ทำอีก ตกลงหรือเปล่า”

“ก็ได้ งั้นเรามาแข่งกันอย่างยุติธรรม”

ดาริกาหันไปมองกานต์แล้วยื่นมือออกไป กานต์ยิ้มรับและยื่นมือไปจับมือกับน้องสาวเพื่อทำการตกลง พวกเธอมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงหัวเราะคิกคักขบขันการกระทำของตนเองและอีกฝ่าย จากนั้นเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สองพี่น้องก็พากันจับมือเดินออกจากลิฟต์โดยสารไปด้วยอารมณ์เบิกบาน

นัทหนุ่มนักศึกษาบุคคลที่สามในลิฟต์ยืนนิ่งตะลึงอึ้งไป ความจริงแล้วแค่มองรูปร่างทรวดทรงของสองพี่น้องแสนสวยเขาก็ตื่นเต้นจนเป้ากางเกงบวมเป่งอยู่แล้ว แต่เสียงคุยกระซิบกระซาบที่แอบได้ยินนั้นยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านเป็นอีกเท่าตัว

สองสาวอาจจะคิดว่าพูดเสียงเบาพอแล้ว แต่นัทกลับได้ยินเสียหลายส่วน โดยเฉพาะท่อนที่เด็กสาวผมสั้นบอกว่ากำลังใช้ปากอมให้ผู้ชายแล้วกานต์ก็เข้าไปแย่ง เพียงแค่ประโยคสองแง่สามง่ามนี้ประโยคเดียว สติของนัทก็พุ่งเตลิดเปิดเปิง เป้ากางเกงบวมเป่งขึ้นมาจนปวดหนึบ

นัทก้าวเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยอารมณ์หื่นกลัดมัน เขาหยุดชะงักงุนงงอยู่ตรงนั้นด้วยความลังเล ชายหนุ่มทราบดีว่าหากปล่อยไปเช่นนี้เขาคงจะงุ่นง่านจนไม่ได้ทำอย่างอื่น ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดก็คือการกลับขึ้นห้องพักไปช่วยตัวเองปลดปล่อยอารมณ์งุ่นง่านเสียก่อนสักรอบ

กริ๊ง กริ๊ง …

เสียงเพลงที่ดังจากโทรศัพท์มือถือทำให้นัทสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ เขารีบล้วงมือหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเหม่อมองดูชื่อคนโทรเข้าด้วยรอยยิ้มยินดี แม้จะไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดผู้หญิงคนนี้จึงเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาเอง แต่นัทย่อมรู้สึกยินดีเพราะว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาชอบ และคบหากันมาตั้งแต่เด็ก

ด้วยความสนิทสนมกลมเกลียวและฐานะที่เท่าเทียมกันของสองครอบครัว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยินดีสนับสนุนหากทั้งคู่จะคบหากัน หลักฐานสำคัญก็คือพวกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างนัดแนะกันซื้อคอนโดห้องติดกันสองห้อง ห้องหนึ่งนั้นให้เบลล์มาอยู่ ส่วนอีกห้องย่อมเป็นของนัท

ผู้หลักผู้ใหญ่เปิดทางให้อย่างเด่นชัด เพียงแต่ปัญหาก็คือหญิงสาวนั้นไม่เคยแสดงท่าทีสนใจในตัวนัทมาก่อนเลยแม้แต่น้อย และนัทยังแอบสืบรู้มาด้วยว่าเธอมีรสนิยมชอบผู้หญิงเพศเดียวกันมากกว่า ถึงกระนั้นนัทก็ยังไม่เคยยอมแพ้ในเรื่องนี้ เขาหมายมั่นว่าจะต้องจีบเธอให้ติดจนได้

“สวัสดีครับน้องเบลล์”

นัทสูดลมหายใจและส่งเสียงทักทายผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยรอยยิ้มคาดหวัง เขาย่อมหวังว่าอีกฝ่ายจะเริ่มหันมาสนใจเขาบ้าง และการที่เบลล์เป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเขาเป็นครั้งแรกนั้นนับว่าเป็นสัญญาณอันดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“… ครับ พี่ยังอยู่ที่คอนโด … เอ๋ … จะให้พี่ไปหาที่ห้องตอนนี้ … คอมเสียเหรอครับ ได้ซิ ได้ ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบกลับขึ้นไปเลย ครับรอห้านาทีนะ เดี๋ยวเจอกัน”

นัทสนทนาด้วยน้ำเสียงพลุ่งพล่านตื่นเต้น และเมื่อวางสายหนุ่มนักศึกษาก็เงยหน้าเหม่อมองไปทางลิฟต์โดยสารราวกับฝันไป นอกจากเบลล์จะเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาเองเป็นครั้งแรกแล้ว เบลล์ยังเป็นฝ่ายชักชวนให้เข้าไปหาเธอที่ห้องแบบสองต่อสองเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน

นัทไม่กล้าคิดฝันไกลเกินไป เรื่องราวอาจจะไม่มีอะไร เบลล์อาจจะแค่ต้องการใครสักคนช่วยแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์แค่นั้น แต่จะอย่างไรเมื่อคิดว่าจะได้อยู่กับหญิงสาวที่ชอบแบบสองต่อสองในห้องหับ หนุ่มวัยรุ่นอย่างนัทย่อมต้องเผลอคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้าง โดยเฉพาะเวลานี้เขากำลังอยู่ในอารมณ์หื่นงุ่นง่านกลัดมัน อันเนื่องมาจากกานต์และเด็กสาวนักเรียนมัธยมปลายที่ลงลิฟต์มาด้วยกันนั่นเอง

……………………………….

“เฮ้อ …”

เบลล์ สาวน้อยร่างบางในแบบฉบับลูกคุณหนูนั่งพิงเก้าอี้ถอนหายใจด้วยท่าทางเหม่อลอย เธอปล่อยวางโทรศัพท์มือถือลงไปบนโต๊ะหลังจากเพิ่งใช้สนทนากับชายหนุ่มรุ่นพี่คนหนึ่ง ถึงตอนนี้เบลล์ก็ยังพยายามถามตนเองว่าควรจะเดินหน้าต่อหรือรีบถอยกลับกันแน่

เจ้าของร่างบางถอนหายใจอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงอาร์ต เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้เบลล์รู้สึกสับสนปรับตัวไม่ถูก ก่อนหน้านี้เบลล์ยังพยายามตามตื๊อดาริกาซึ่งเป็นผู้หญิงเพศเดียวกัน เมื่อเบลล์พบเห็นว่าดาริกาไปมีชายหนุ่มคนอื่น เธอจึงโกรธหึงหวงและคิดจะตามไปหาเรื่องกับชายคนนั้น แต่ใครจะคาดคิดว่าชะตาจะชักนำทำให้เรื่องราวพลิกคว่ำปั่นป่วน เบลล์เผลอใจเสียสาวให้อาร์ต อีกทั้งยังต้องเสียตัวให้ชายหนุ่มชื่อบอลอีกคนหนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว

เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นรวดเร็วเกินไป เบลล์ไม่ได้โทษอาร์ตหรือบอลในเรื่องนี้ หากแต่โทษตัวเองเสียมากกว่าที่เผลอตัวเผลอใจอย่างน่าเหลือเชื่อ เบลล์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหากเธอสามารถย้อนเวลาได้ เธอจะสามารถยับยั้งอารมณ์ของตนเองลงได้หรือไม่ เพราะว่าอาร์ตนั้นมีเสน่ห์รุนแรงเกินไป

เบลล์นั่งอมยิ้มหวานเมื่อนึกไปถึงหนุ่มหล่อชื่ออาร์ต ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือบุคลิก อาร์ตถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง สิ่งที่เธอประทับใจที่สุดก็คือเรื่องที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเธอเอาไว้จากพวกนักเลง แน่นอนว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบผู้ชายที่ยอมเสี่ยงช่วยเหลือตนเอง เบลล์เองก็เช่นกัน และด้วยเหตุนี้เบลล์จึงพลั้งเผลอปล่อยให้อาร์ตรุกล้ำเรือนร่างทำลายความสาวไป

สาวน้อยนั่งหน้าแดงซ่านเมื่อหวนนึกไปถึงความสุขวาบหวามที่อาร์ตมอบให้ เบลล์ยอมรับว่าช่วงเวลานั้นคือสรวงสวรรค์อย่างแท้จริง เธอสุขสมอิ่มเอมจนล้นปรี่แทบขาดใจตายคาลีลารักของเขา ผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อเหลา บุคลิกดี ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือ อีกทั้งยังสามารถมอบความสุขทางเพศให้จนล้นปรี่ ผู้ชายแบบนี้หากผู้หญิงไม่ติดใจก็คงแปลก

“เฮ้อ …”

เบลล์ถอนหายใจอีกครั้ง เธอยอมรับว่าเธอหลงอาร์ตเข้าอย่างจัง เธออยากอยู่กับเขาตลอดเวลา ความรู้สึกนั้นรุนแรงกว่าตอนที่เธอตามจีบดาริกานับร้อยเท่า กระนั้นเงื่อนปมสำคัญอย่างหนึ่งกลับบีบกระชับทำให้หัวใจเธอเจ็บปวด หากอาร์ตจะไม่ใช่ยามและมีฐานะทางสังคมดีกว่านี้สักหน่อยก็คงดี

สาวน้อยรู้สึกเหมือนร่างกายหมดเรี่ยวหมดแรงทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ เธอเติบโตมาในสังคมชั้นสูงตั้งแต่เด็ก และมีความคิดเรื่องแบ่งแยกชนชั้นในระดับหนึ่ง เธอไม่มีทางกล้าบอกใครเด็ดขาดว่าแฟนตัวเองเป็นชนชั้นกรรมกรแรงงาน ยิ่งไม่มีทางที่ครอบครัวของเธอจะยอมรับ ไม่มีทางเด็ดขาด

ความแตกต่างข้อนี้ทำให้เบลล์หวาดกลัว สัมพันธ์สวาทที่ผ่านมานั้นเธอไม่ได้ป้องกันอะไรเลย อาร์ตปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายเธอจนล้นทะลักมากกว่าหนึ่งครั้ง ยังดีที่บอลนั้นสวมใส่ถุงยางป้องกันเอาไว้เบลล์จึงโล่งใจอยู่บ้าง กระนั้นเธอก็ยังเคร่งเครียดหวั่นเกรงเรื่องการตั้งท้องจนแทบนอนไม่หลับ

แม้อาร์ตจะบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องท้อง เขาออกปากว่ายินดีรับผิดชอบทุกอย่างหากเธอท้อง อีกทั้งหลังจากวันนั้นเบลล์ก็รีบกินยาคุมป้องกันแล้ว แต่เบลล์ก็ยังคงเคร่งเครียด เพราะเธอทราบดีว่าการกินยาคุมหลังเสร็จกิจกามไม่ได้ช่วยอะไรนัก

คำรับรองของอาร์ตนั้นอาจทำให้เธอรู้สึกดีต่อเขาบ้าง แต่เธอยังหวาดกลัวสิ่งที่ตามมายิ่งกว่า เบลล์แทบไม่อยากนึกเลยว่าหากเธอเกิดท้องไส้ขึ้นมาจริง ๆ แล้วแม่ของเธอจะโกรธเกรี้ยวถึงขนาดไหน หากรู้ว่าเธอท้องกับชนชั้นกรรมกร สิ่งที่เบลล์หวาดกลัวที่สุดในชีวิตนี้คือความโกรธเกรี้ยวของแม่ และเธอยินดีทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

หลังจากขบคิดด้วยความเคร่งเครียดอยู่สองวันสองคืน เบลล์ก็บังเกิดความคิดอันบ้าบิ่นอย่างหนึ่งขึ้นมาในหัว เธอไม่อยากยอมรับความเสี่ยงที่จะทำให้แม่โกรธ แม้โอกาสนั้นจะน้อยแต่ก็เป็นไปได้ และนั่นทำให้เบลล์บังเกิดความคิดอันบ้าบิ่นอย่างหนึ่งขึ้นมา ซึ่งก็คือการหาใครสักคนมาเป็นกันชนให้เธอ

ติ๊ง ต่องงงงง …

เสียงกริ่งที่ดังมาจากประตูห้องทำให้เบลล์สะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ เธอหันหน้ามองแน่วนิ่งแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เธอขบคิดด้วยลังเลอีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยเดินไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนที่เธอทราบอยู่แล้วว่าเป็นใคร

“สะ … สวัสดีครับน้องเบลล์”

หนุ่มนักศึกษากล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงประหม่าเมื่อบานประตูเปิดออก ดวงตาของเขาเบิกกว้างมองดูเบลล์ด้วยสายตาพลุ่งพล่าน เบลล์ในตอนนี้สวมใส่เสื้อยืดสีขาวรัดแนบเนื้อ ส่วนกางเกงด้านล่างนั้นเป็นกางเกงผ้าสั้นเต่อจนเกือบคล้ายกับกางเกงใน ความขาวกระจ่างสดใสตามแบบฉบับลูกคุณหนูจึงทำให้ชายหนุ่มต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก

“สวัสดีค่ะพี่นัท รบกวนเวลาพี่นัทหรือเปล่าคะ”

เบลล์ยิ้มทักทายชายหนุ่มแอบซ่อนความรู้สึกหงุดหงิดเอาไว้ภายใน เธอทราบดีว่าหนุ่มรุ่นพี่คนนี้แอบชอบเธอมาตั้งแต่เด็ก และผู้ใหญ่ของสองฝ่ายก็สนับสนุนเปิดทางให้ เพียงแต่เบลล์ไม่เคยรู้สึกชื่นชอบเขาคนนี้ แม้จะไม่ถึงขั้นรังเกียจเหมือนผู้ชายคนอื่น แต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่าคนรัก เธอไม่ชื่นชอบท่าทางขี้หงอประหม่าไม่เป็นผู้นำของเขา

“ไม่ … ไม่รบกวนเลยครับ … พี่ยินดีให้เบลล์เรียกใช้ได้ตลอดเวลา เอ่อ ว่าแต่วันนี้เบลล์ไม่ไปโรงเรียนเหรอ เดี๋ยวแม่จะดุเอานะครับ”

“วันนี้เบลล์ไม่ค่อยสบายค่ะ ก็เลยลาหนึ่งวัน คอมอยู่ทางนี้ค่ะพี่นัท”

คำพูดประหม่าตื่นเต้นของนัททำให้เบลล์ย่นจมูกเล็กน้อย เธอไม่ชอบท่าทีเช่นนี้ และยิ่งไม่ชอบนิสัยของชายหนุ่มที่ชอบยกอ้างแม่ของเธอ แม้ว่านัทอาจจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีและไม่ได้รู้ตัว แต่เบลล์ก็ยังคงหงุดหงิดทุกครั้ง ยังดีที่นัทมีนิสัยค่อนข้างดีไม่เหลวไหลเบลล์จึงไม่ถึงกับต้องหนีหน้าเขา

นัทกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูกไปวูบหนึ่ง เพราะจับได้ว่าในน้ำเสียงของสาวน้อยมีอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจ แต่นัทไม่ได้มีประสบการณ์กับผู้หญิงอะไรมากนัก เขาจึงไม่เข้าใจว่าเบลล์คิดอะไร หรือหากจะพูดให้ตรง ๆ ก็คือนัทไม่เคยมีแฟนมาก่อน แม้ว่าเขาจะหน้าตาค่อนข้างดีและที่บ้านมีฐานะ ทำให้มีหญิงสาวเข้าหาอยู่บ้าง หากทว่าผู้หญิงที่เข้าหานั้นไม่น่ารักดึงดูดใจเท่ากับเบลล์ นัทจึงยังปักใจอยู่กับเบลล์จนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่น

นัทยืนมองสะโพกกลมดิกที่ส่ายเด้งไปมาวูบหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินตามร่างบางของเบลล์เข้าไปในห้องพัก ลมหายใจของเขาร้อนวูบวาบขึ้นมาเล็กน้อยขณะแอบมองเอวคอดเหมือนนาฬิกาทราย และท่อนขาขาวเพรียวกระจ่างของเบลล์

โดยปกติแล้วชายหนุ่มไม่ค่อยมีอารมณ์รู้สึกรุนแรงแบบนี้กับเบลล์มาก่อน หากทว่าวันนี้อารมณ์ของเขากลับแตกต่าง ก่อนหน้านี้อารมณ์ของเขาถูกกานต์ปลุกจนงุ่นง่านอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อได้มาอยู่กับเบลล์ตามลำพัง สัญชาตญานสืบพันธุ์ของเขาก็ยิ่งพลุ่งพล่านจนปวดหนึบ นัทยอมรับว่าเบลล์อาจจะไม่สวยเร้าอารมณ์เท่ากับกานต์ แต่ก็ยังมากพอที่จะทำให้สติของเขาปั่นป่วน

“คอมเป็นอะไรเหรอครับเบลล์ พี่ลองเล่นดูมันก็ปกติอยู่นะ”

นัทส่งเสียงถามสาวน้อยด้วยความสงสัย เขาจับจ้องมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดูเหมือนจะปกติสุขทุกอย่าง คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ของเบลล์นี้ยังทำงานได้ดีเยี่ยมอย่างที่ควรจะเป็น เขาไม่พบเห็นอาการผิดปกติแต่อย่างใด

“อือ … แปลกจังค่ะ ทำไมพี่นัทเล่นแล้วมันไม่เป็นอะไร ตอนนั้นอยู่ดี ๆ มันก็ดับไปเฉย ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวขอลองดูหน่อยนะ”

เบลล์กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ เธอทราบดีอยู่แล้วว่าคอมพิวเตอร์ของเธอไม่ได้มีปัญหาอะไร และนั่นก็เป็นแค่ข้ออ้างที่ใช้เธอใช้เรียกชายหนุ่มรุ่นพี่ให้มาหาด้วยวัตถุประสงค์บางอย่าง และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นเบลล์ก็กัดฟันกลั้นใจทำในสิ่งที่เธอไม่เคยทำ เธอขยับตัวหย่อนสะโพกกลมดิกลงไปบนพนักวางมือของเก้าอี้จนเบียดกับแขนของชายหนุ่ม หากมองผิวเผินแล้วเธอก็แค่นั่งเพื่อทดลองใช้งานคอมพิวเตอร์

“… เบลล์ …”

นัทเบิกตากว้างส่งเสียงแหบแห้งเบาหวิว สัมผัสนุ่มนิ่มที่เบียดแนบกับแขนขวาทำให้แขนเกร็งจนด้านชา ร่างกายคล้ายเบาหวิวเหมือนฝันไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสชิดใกล้กับเบลล์ถึงเพียงนี้ เขาเพิ่งทราบว่ากลิ่นตัวของเบลล์หอมหวานชวนดมถึงเพียงนี้ เขาเพิ่งทราบว่าผิวของเธอนุ่มนิ่มน่าสัมผัสถึงเพียงนี้

ชายหนุ่มนั่งเหม่อมองดูสาวน้อย เขาละสายตาจากท่อนขาขาวเรียวไปมองดูพวงแก้มงามปรั่ง ลำคอขาวเรียว ก่อนจะไล่สายตาลงมาที่ทรวงอกอิ่มซึ่งดุนดันเสื้อกล้ามรัดแนบเนื้อออกมาเป็นก้อน นัทกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเพิ่งค้นพบว่าที่แท้เนื้อผ้ากลับบางเฉียบจนแลเห็นเค้าโครงของยกทรงตัวน้อยได้ไม่ยาก

“เอ ทำไมพอพี่นัทอยู่แล้วมันไม่เป็นอะไรเลยนะ”

เบลล์ส่งเสียงทั้งที่ยังคงแสร้งเป็นมองดูหน้าจอ เธอรู้สึกตื่นเต้นกระวนกระวายอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้หันไปมองดูชายหนุ่มรุ่นพี่แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังแอบมองเธออยู่ และวันนี้เธอก็เจตนาสวมใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างเปิดเผยเนื้อตัวขาวเนียนอยู่แล้ว

“… ไม่ … ไม่เป็นอะไร ก็ดีแล้วครับน้องเบลล์ …”

นัทตอบเสียงแหบแห้งสั่นพร่า สติของเขายิ่งมาก็ยิ่งโดนกลิ่นกายหอมกรุ่นของเบลล์สะกดจนแทบไม่ทำงาน ราวกับว่าเลือดที่เคยหล่อเลี้ยงสมองบัดนี้เปลี่ยนมาไหลเวียนตรงท่อนเนื้อในเป้ากางเกงจนหมดสิ้น มันจึงได้แข็งเกร็งพองตัวเป็นลำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

น่าเสียดายที่นัทเป็นหนุ่มไร้ประสบการณ์ไม่ประสีประสาเกินไป และเขาก็คงจะไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เพราะปกติแล้วเบลล์ไม่เคยแสดงท่าทีสนใจเขามาก่อนแม้แต่น้อย ถึงเธอจะไม่แสดงท่าทีรังเกียจแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนิทสนม แม้นัทจะมีความคิดว่าเบลล์อาจจะเจตนายั่ว แต่เขากลับไม่แน่ใจ และไม่มีความกล้าพอที่จะเปิดเกมรุกมากกว่านี้เพื่อหยั่งเชิง

ความไก่อ่อนของหนุ่มรุ่นพี่ทำให้เบลล์แอบเบ้ปากด้วยความหงุดหงิด แม้ว่าวันนี้เธอจะกลั้นใจเจตนายั่วเขา แต่เธอก็ยังมีจริตไม่ต้องการยั่วเกินงาม เธอคาดหวังจะให้นัทเป็นฝ่ายฉวยโอกาสรุกเข้าหาเธอด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนี้แผนที่เธอวางไว้ก็จะสำเร็จง่ายกว่าเดิม

แผนของเบลล์ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก เธอเกรงว่าหากตัวเองท้องกับอาร์ต แม่ของเธอคงจะกลายร่างเป็นปีศาจที่เธอหวาดกลัว ดังนั้นแผนสำรองของเธอก็คือการหาใครสักคนมารับหน้าแทน และคนที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้ที่สุดก็คือนัท

เบลล์แน่ใจว่าในเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงามสนับสนุนอยู่แล้ว หากเธอใช้นัทออกหน้า แม่ของเธอก็คงจะดุด่าไม่เต็มปาก หรือดีไม่ดีก็อาจจะไม่ได้ดุด่าด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งที่เธอจะทำในวันนี้ก็คือการยั่วให้นัทมีอะไรกับเธอสักครั้ง

แน่นอนว่าเธอได้กินยาคุมป้องกันเอาไว้แล้ว ดังนั้นเธอไม่ต้องกลัวว่าจะท้องกับนัท หากหลังจากนี้เธอไม่ท้องกับอาร์ตก็แล้วกันไป แต่หากเธอท้องขึ้นมาเธอก็จะให้นัทเป็นพ่อของเด็ก แม่ของเธอก็จะไม่กล้าด่าทอเธอเรื่องนี้ แม้ว่านี่จะเป็นแผนที่ดูเห็นแก่ตัวและบ้าบอไม่ควรทำเพียงใด แต่เบลล์กลับรู้สึกเหมือนตนเองไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้

“… อุ๊ย”

เบลล์นั่งอยู่นานจนเริ่มเมื่อยก้น นัทก็ยังไม่มีท่าทีจะทำอะไรมากกว่านั่งเกร็งหอบหายใจฟืดฟาด สาวน้อยจึงแสร้งส่งเสียงอุทานปล่อยตัวไหลลงไปนั่งบนตักของชายหนุ่ม นัทสะดุ้งตัวเกร็งตั้งตัวไม่ทันเพราะอยู่ดี ๆ ร่างนุ่มนิ่มก็กดแนบเข้ามาในอ้อมกอด ชายหนุ่มพร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่น

นัทยิ่งรู้สึกเหมือนสติหลุดลอยมากกว่าเดิมเพราะความนุ่มนิ่ม โดยเฉพาะสัมผัสของสะโพกที่กดแนบใส่ตรงเป้ากางเกงเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มพ่นลมหายใจสั่นสะท้าน เขารู้สึกตัวร้อนผ่าวเลือดลมสูบฉีดจนหน้าแดงก่ำ ในที่สุดสัญชาตญานสัตว์ร้ายก็โดนปลุกจนเหนือกว่าสติ นัทโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของเบลล์แนบแน่นด้วยอารมณ์กลัดมันเกินจะกลั้นไหว

“ว้าย พี่นัทจะทำอะไร อย่านะคะ”

เบลล์แสร้งส่งเสียงร้องอุทานออกมาหากทว่าไม่ดิ้นรนอะไรมากนัก เพราะเธอเกรงว่าอีกฝ่ายจะหยุดการกระทำลง สาวน้อยปล่อยให้ชายหนุ่มรุ่นพี่โอบกอดซุกหน้าจูบไซร้แต่โดยดี เธอไม่ขัดขืนแต่อย่างใดเมื่อชายหนุ่มตะปบมือขยำใส่ทรวงอกอิ่ม

“อื๊อออออ … เจ็บ …”

สาวน้อยหลับตาปี๋เม้มปากร้องครางตัวกระตุกสั่นระริก เสียงครางนี้เกิดจากความเจ็บมากกว่าเสียว นัทเกิดอาการหื่นกระหายหน้ามืดตามัวขยำเต้าเต่งอย่างแรงโดยไร้ลีลาเล้าโลม ยิ่งผนวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าเบลล์กลั้นใจกระทำโดยไม่ได้มีอารมณ์ร่วม ความรู้สึกของเบลล์ในเวลานี้จึงเอียงไปทางเจ็บมากกว่าเสียว

“เบลล์ เบลล์จ๋า … ตัวหอมจัง”

นัทส่งเสียงหื่นกระหายพึมพำราวกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ชายหนุ่มที่ยังไม่เคยสัมผัสกับเรือนร่างของผู้หญิงมาก่อนรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว เขาจูบไซร้ใส่ซอกคอของเบลล์อย่างตะกละตะกลามหื่นกระหาย สองมือของเขาตะปบขยำขยี้ทรวงอกอวบอิ่มอย่างเมามันแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้รับรู้เลยว่ากระทำรุนแรงไปจนอีกฝ่ายเจ็บ

ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มเมื่อได้เสพสัมผัสเรือนร่างหอมกรุ่น เขารู้สึกอึดอัดเหมือนว่าแก่นกายกำลังจะแตกระเบิด แม้จะเคยเรียนรู้เรื่องเพศสัมพันธ์จากสื่อต่าง ๆ มากมาย แต่สุดท้ายนัทก็เป็นแค่หนุ่มหน้าใสไร้เดียงสาคนหนึ่ง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงต้องการเวลากระตุ้นเล้าโลม ผู้หญิงไม่ได้ร้อนฉ่าฉ่ำแฉะพร้อมให้สอดใส่ในทันทีเหมือนนางเอกในหนังผู้ใหญ่อย่างที่เขาดูเป็นประจำ

“เจ็บนะ พี่นัท เบา ๆ โอ๊ย … เดี๋ยว … อย่า”

เบลล์ส่งเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บ เธอเริ่มรู้สึกกลัวรุ่นพี่ที่นิสัยนุ่มนิ่มเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมาบ้างแล้ว โดยปกตินั้นนัทจะเป็นสุภาพบุรุษแสนดี แต่เวลานี้เขากระทำรุนแรงราวกับสัตว์ป่า เบลล์เคยคิดว่าลีลารักของบอลนั้นรุนแรงพอสมควรแล้ว แต่เมื่อเทียบกับนัทแล้วบอลยังให้ความรู้สึกดีกว่า บอลอาจจะรุนแรงแต่เขาก็ยังเล้าโลมให้เธอมีอารมณ์ร่วมได้

หากนำไปเทียบกับลีลาวาบหวามร้อนแรงของอาร์ตยิ่งแล้วใหญ่ ก่อนหน้านี้เบลล์ยังแอบคาดหวังเล็ก ๆ ว่าหากนัทสามารถแทนที่อาร์ตได้ก็คงดี แต่เพียงแค่เริ่มต้นเธอก็ทราบแล้วว่านัทเทียบไม่ได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยวของความสุขหฤหรรษ์ที่อาร์ตมอบให้

ชายหนุ่มรุ่นพี่จูบไซร้ขยำขยี้เนื้อตัวเนียนนิ่มอย่างบ้าคลั่งได้ครู่หนึ่ง เขาก็ขยับตัวกึ่งอุ้มกึ่งประคองร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปที่เตียงนอน เบลล์กัดฟันกลั้นใจไม่ดิ้นรนขัดขืนปล่อยให้เรื่องราวเป็นไปตามที่ควรเป็น เธอหลับตาไม่ขัดขืนแม้แต่น้อยตอนที่นัทถลกชายเสื้อยืดของเธอขึ้นไปด้านบน

นัทส่งเสียงหอบหายใจไม่ได้มองใบหน้าไร้ความสุขของเบลล์เลยแม้แต่น้อย ดวงตาแดงก่ำหื่นกระหายคู่นั้นเพียงจับจ้องมองดูทรวงอกอวบขนาดกะทัดรัดที่กำลังเด้งสะท้อนไปตามจังหวะหอบกระเส่า ชายหนุ่มกลืนน้ำลายดังอึกเมื่อได้เห็นเต้าอวบที่เคยใฝ่ฝันถึง เขาไม่ได้สนใจมองด้วยซ้ำว่าบนเนื้อขาวเนียนนั้นมีริ้วรอยแดงจ้ำที่เกิดจากแรงบีบขยำขยี้ของเขาเอง

ชายหนุ่มยิ่งมองก็ยิ่งเกิดอาการหน้ามืด เขาก้มหน้าซุกลงไปที่เต้าเต่งแล้วจูบไซร้ดูดเลียอย่างหื่นกระหายเมามัน พร้อมกันนั้นสองมือก็ช่วยกันขยำขยี้ใส่เนื้อเต้าเต่งด้วยลีลาดิบเถื่อน ยิ่งได้เสพสมรสชาติหอมหวานจากเนื้อสาวก็ยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ของชายหนุ่มเดือดพล่านจนทานทนไม่ไหวอีกต่อไป

นัทละเลงลิ้นใส่เต้าเต่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็ขยับมือลงไปปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงออกด้วยความเร่งรีบ จากนั้นก็รีบจัดการปลดกางเกงขาสั้นและกางเกงในของสาวน้อยออกไปด้วยดวงตาแดงฉาน ชายหนุ่มรู้สึกร้อนรุ่มคลุ้มคลั่งเหมือนท่อนลำกำลังใกล้ระเบิดเต็มทน

เบลล์เพิ่งจะเริ่มได้สัมผัสรสเสียวจากการโดนดูดปลายถันเพียงหน่อยเดียว ชายหนุ่มก็อ้าปากคายออกแล้วจับเธอถ่างขาเตรียมสอดใส่ สาวน้อยจึงสะดุ้งเฮือกตัวเกร็งสั่นระริก เขากำลังสอดแทรกเข้ามาในร่างของเธอแล้ว แต่เธอกลับยังไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเลยสักนิด

นัทส่งเสียงหอบหายใจหนักหน่วงขณะพยายามกดบั้นเอวเดินหน้าแบบทื่อด้านไร้ลีลา เขาสูดปากกัดฟันไม่สนใจสีหน้าเคร่งเครียดของเบลล์เลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้สัญชาตญานสืบพันธุ์ทำหน้าที่โดยไม่คิดควบคุมบังเหียน สาวน้อยที่ยังไม่ทันมีน้ำหล่อลื่นจึงรู้สึกตึงแน่นแสบแทบไม่รู้สึกถึงความเสียว

เบลล์สะดุ้งเฮือกอีกรอบหนึ่งเมื่อนัทกดแทรกส่วนปลายหัวมุดเข้าไปในร่างได้สำเร็จ ร่างของเธอเกร็งสั่นสะท้าน โชคยังดีที่แม้จะไม่มีอารมณ์ร่วม แต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ อีกทั้งขนาดของนัทเองนั้นถือว่าเล็กกว่ามาตรฐานสักหน่อย

หากให้เทียบกับอาร์ตและบอลก็ยิ่งแล้วใหญ่ เปรียบไปก็เหมือนของผู้ใหญ่กับเด็กด้วยซ้ำ แต่ขนาดเล็กแบบนี้กลับทำให้เบลล์โล่งขึ้นมาบ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วกลีบกุหลาบบางของเธอคงจะเจ็บปวดระบมอย่างยิ่ง

“ซี้ดดดสสสสส อูยยยยยย”

นัทกัดฟันขย่มเอวยัดเยียดความเป็นสามีให้สาวน้อยด้วยความหน้ามืดไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และเมื่อเขาใส่เข้าไปได้สุดทางสัมผัสที่รัดรึงตอดรัดก็ทำให้สติของชายหนุ่มยิ่งกระเจิดกระเจิง เขาได้พบแล้วว่าการมีอะไรกับผู้หญิงจริง ๆ นั้นยอดเยี่ยมกว่าใช้มือช่วยตัวเองนับร้อยนับพันเท่า

เมื่อกดลึกเข้าไปได้สุดทาง ชายหนุ่มก็สูดปากลากกลับออกมาแล้วกระแทกซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเมามัน แรงตอดรัดในร่องสาวคล้ายปีกที่กำลังพาเขาบินสูงขึ้นไปแดนสุขาวดี ยิ่งเขาโหมกระหน่ำถี่ยิบเท่าไหร่ความเสียวซ่านก็ยิ่งบังเกิดมากขึ้นเท่านั้น

“อะ อะ อะ … อ๊ะ … อือออ …”

เบลล์หลับตาปี๋เม้มปากแน่นส่งเสียงครางแผ่วเบา หากเทียบกับตอนมีอะไรกับอาร์ตแล้วเสียงครางนี้แทบจะไม่ได้ยิน นั่นเพราะว่าเบลล์ไม่ได้รู้สึกเสียวมากพอ เธอรู้สึกเสียวซ่านอยู่บ้างตามปกติของการร่วมรัก หากทว่าความเสียวนั้นไม่มากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกเดือดพล่านเหมือนที่เคยผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันนั้นชายหนุ่มกลับกำลังตักตวงความเสียวจากร่างบางอย่างเมามันสะใจจนเหงื่อชุ่มตัว

“โอ้วววว ไม่ไหวแล้ว … ซี้ดดสสส”

นัทหลับหูหลับตาโหมกระเด้าใส่ร่างบางอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เริ่มเกิดอาการกระตุกตัวสั่นสะท้าน เขาสูดปากครางเสียงดังก่อนจะหยุดนิ่งฟุบกอดเบลล์ไว้แนบแน่น เขาเพิ่งปลดปล่อยความใคร่ที่เก็บกดไว้มานานจนทะลักเข้าไปในร่องสาวของเบลล์จนล้นทะลักเอ่อเป็นฟองขาวฟอด

ท่าทางของนัททำให้สาวน้อยค่อย ๆ ลืมตามองด้วยความงุนงง เธอทราบว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะเสร็จสมและปลดปล่อยน้ำกามเข้ามาในร่างของเธอ แผนของเธอสำเร็จแล้ว หากทว่าที่เบลล์งุนงงสงสัยไม่เข้าใจก็คือ ทำไมอีกฝ่ายจึงเสร็จสมรวดเร็วนัก เธอแค่เพิ่งจะรู้สึกเสียวสยิวได้แค่หน่อยเดียวเท่านั้น

การเสร็จสมในช่วงเวลาหนึ่งนาทีนับตั้งแต่สอดใส่ ความจริงแล้วถือว่าปกติสำหรับหนุ่มไร้เดียงสาไม่เคยมาก่อน ซึ่งนัทเองก็เป็นหนุ่มไร้ประสบการณ์ แต่เบลล์นั้นคุ้นชินกับการร่วมรักแบบถึงอกถึงใจจนเสียวแทบตายในแบบที่อาร์ตมอบให้ และเมื่อเทียบกับนัทแล้วความแตกต่างก็ยิ่งเด่นชัดราวนรกกับสวรรค์

“พี่รักเบลล์นะ พี่ขอโทษที่ใช้กำลัง แต่พี่สาบานว่าจะรับผิดชอบเบลล์ทุกอย่างเอง ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่จะรีบหมั้นกับเบลล์ให้เรียบร้อย”

เมื่อได้ปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ออกจนหมด ดวงตาแดงฉานหื่นกระหายของนัทก็กลับมาเป็นสายตาของชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยคนเดิม เขาคล้ายเพิ่งสังเกตเห็นท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจของเบลล์ ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกรักและสัญญาว่าจะรับผิดชอบ และเขาก็คิดจะทำเช่นนั้นจริง ๆ จะอย่างไรเขาก็แอบชอบเบลล์มานานแล้ว และการที่เขาได้ครอบครองร่างกายของเธอก็ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต

เบลล์มองสบตากับนัทแล้วพยักหน้าน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นมาบ้าง เขาจูบปากเธอแผ่วเบาหนึ่งครั้ง ก่อนจะพลิกร่างชุ่มเหงื่อลงไปนอนหอบบนเตียงเคียงข้างกับร่างบาง สาวน้อยค่อย ๆ ขยับเนื้อตัวที่บอบช้ำหันตะแคงมองดูท่อนลำที่อ่อนปวกเปียกกลายเป็นเล็กจิ๋วของเขาด้วยความพิศวง ยิ่งเห็นชายหนุ่มนอนแผ่หราหมดเรี่ยวหมดแรงความงุนงงของสาวน้อยก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมนัทจึงช่างแตกต่างกับอาร์ตและบอลเสียเหลือเกิน

สาวน้อยนอนแผ่หลาเหม่อลอยครู่หนึ่ง กระทั่งเมื่อได้ยินเสียงกรนของนัทเธอก็ขยับตัวพาร่างบางที่เต็มไปด้วยริ้วรอยจ้ำแดงเข้าไปในห้องน้ำ เธอรีบฉีดน้ำทำความสะอาดร่องสาวเหมือนรังเกียจน้ำกามที่นัทฝากทิ้งเอาไว้ นาทีนั้นเธอยิ่งรู้สึกคิดถึงยามหนุ่มหล่ออย่างที่สุด

…………………………………………….

ผกายแก้ว หน้าร้อนวูบหัวใจเต้นระส่ำโดยมิอาจควบคุม เธอชายตามองดูยามหนุ่มหล่อที่ยืนเปิดประตูรถให้ด้วยความรู้สึกปั่นป่วนสับสน นับตั้งแต่เธอบอกตัดขาดกับเขาเมื่อหลายวันก่อน วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้เจอกับยามหนุ่มอีกครั้ง

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแก้ว”

ยามหนุ่มส่งเสียงทักทายตามมารยาทของชนชั้นผู้น้อย ส่วนแก้วนั้นกลับปั่นป่วนจนทำตัวไม่ถูก เธอคล้ายเด็กน้อยที่เพิ่งทำเรื่องผิดจนไม่กล้ามองสบตากับใคร เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่วันนี้ตัดสินใจมาจอดรถในส่วนนี้ ทั้งที่หลายวันก่อนหน้านี้เธอเลือกที่จะหนีหน้าเขาด้วยการไปจอดรถในส่วนอื่น

“อือ สวัสดี”

แก้วตอบกลับด้วยท่าทีประหม่า ก่อนจะหันไปมองสบตากับชายหนุ่ม สายตาซุกซนที่เขาก้มมองลงมาทำให้เธอตื่นเต้นจนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ นมเต้าขนาดล้นทะลักเด้งกระเพื่อมเป็นจังหวะ สายตาที่เขามองลงมาทำให้แก้วรู้สึกวาบหวิวจนลมหายใจร้อนผ่าว เธอแน่ใจว่าเขากำลังมองดูหน้าอกของเธอตาเป็นมัน

แก้วยิ่งมาก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยามหนุ่มคนนี้ หากทว่าสุดท้ายเธอกลับตัดสินใจมาเจอเขา อีกทั้งยังเลือกแต่งตัววาบหวามคล้ายเจตนาจะยั่วยวนอีกฝ่าย วันนี้เธอสวมใส่ยกทรงลายลูกไม้ครึ่งเต้าสีดำ โดยมีเสื้อสีขาวเนื้อบางแขนกุดคลุมทับด้านนอกไว้หนึ่งชั้น

คอเสื้อนั้นเว้าลึกจนเห็นถึงร่องนมขาวโพลน ส่วนเนื้อผ้านั้นก็บางเฉียบจนเห็นลวดลายสีดำของยกทรงได้เต็มตา แน่นอนว่าการสวมใส่เช่นนี้ออกจะไม่เหมาะสมกับการทำงาน แต่แก้วได้เตรียมเสื้อสูทสีดำมาสวมทับด้านนอกไว้แล้วอีกหนึ่งชั้น เพียงแค่นี้ก็มากพอที่จะปิดซ่อนความเซ็กซี่ยั่วเย้าเอาไว้ภายใน

“วันนี้คุณแก้วมาสายนะครับ ผู้บริหารท่านอื่นมากันครบหมดแล้ว แต่วันนี้แต่งตัวสวยมากเลยครับ ผู้ชายคนไหนเห็นรับรองว่าต้องคลั่งกันทุกคน ผมเองก็แทบคลั่งเหมือนกัน”

อาร์ตพูดด้วยรอยยิ้มที่ทำให้แก้วหัวใจสั่นกระตุก สาวสวยมองดูใบหน้าของเขาด้วยความรู้สึกวาบหวาม ประโยคคำพูดแบบนี้ถือว่าละลาบละล้วงล่วงเกินทางเพศ แต่เมื่อคนพูดเป็นชายหนุ่มที่เคยมีสัมพันธ์รักด้วยแล้วแก้วกลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอันใด กลับกันเสียด้วยซ้ำ ยิ่งเขาแสดงท่าทีชื่นชมหลงใหล อารมณ์ของเธอก็ยิ่งพลุ่งพล่าน

แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่แก้วทราบดีว่าเธอยังตัดยามหนุ่มคนนี้ไม่ขาด เขาคือผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่เคยเสพสัมผัสเรือนร่างงาม และความสุขหฤหรรษ์ที่เขามอบให้เธอนั้นก็มากล้นเกินพอ หลายวันที่ผ่านมานี้แก้วจะคิดถึงอาร์ตเสมอ แม้แต่ค่ำคืนที่ผ่านเธอก็ยังนอนกระสับกระส่ายหวนคิดถึงรสรักร้อนแรงที่เขาเคยมอบให้จนแทบนอนหลับตาไม่ลง และนั่นเองที่ทำให้เช้านี้เธอตัดสินใจขับรถมาจอดในส่วนที่ยามหนุ่มรับผิดชอบ แทนที่จะแอบหลบไปจอดตรงส่วนอื่นอย่างที่เคยทำมา

“รู้ตัวหรือเปล่าว่านายพูดไม่เหมาะสม ถ้าหากชั้นรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป นายต้องโดนไล่ออกแน่ ๆ”

แม้จะไม่รู้สึกขุ่นเคือง แต่แก้วก็ยังพยายามตีหน้านิ่งสร้างกำแพงเว้นระยะห่าง ตามหลักเหตุผลแล้วเธอสมควรเว้นระยะไม่เข้าใกล้เขาอีก เพราะเธอได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนิทสนมกับยามหนุ่มคนนี้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นอนาคตการงานชื่อเสียงของเธออาจจะถดถอยตกต่ำ

“แล้วแต่คุณแก้วเถอะครับ ผมก็แค่อยากพูดในสิ่งที่หัวใจคิดแบบตรงไปตรงมา แล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไม่ว่าจะยังไงผมก็จะไม่เอาเรื่องระหว่างเราไปบอกกับใครเด็ดขาด”

หัวใจของแก้วสั่นกระตุกเบา ๆ เมื่อได้ยินน้ำเสียงเหมือนเจ็บปวดของเขา ยิ่งเธอมองดูสีหน้าและแววตาของยามหนุ่มที่แสดงท่าทีผิดหวังออกมาโดยไม่ปิดบัง แก้วก็ยิ่งรู้สึกมือไม้ปั่นป่วน เธอทราบว่าเขากำลังพูดกระทบว่าเธอไม่พูดตรงไปตรงมาตามที่หัวใจคิด และนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดจนต้องหลบสายตาร้อนแรงของเขาที่จับจ้องมองมา

“… อือ ชั้นเชื่อ”

แก้วตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย เธอขยับตัวหยิบเก็บสิ่งของจุกจิกลงกระเป๋าถือ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นมายืน และเมื่อเธอเผลอสบตากับชายหนุ่มอารมณ์วาบหวามแปลก ๆ ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เธอแน่ใจว่ายามหนุ่มกำลังมองดูร่องนมและท่อนขาขาวเนียนตาเป็นมัน ปัญหาก็คือสายตาที่คล้ายจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอจนหมดสิ้นนั้นกำลังทำให้ร่างกายเธอตอบสนองขึ้นมาอย่างรวดเร็วยิ่ง

ผู้บริหารสาวสวยยืนหอบหายใจส่งลมร้อนผ่าวออกมา เธอเหม่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มมองดูเนินอกอวบอิ่มด้วยอารมณ์สับสน ยามหนุ่มคนนี้กำลังมองเนื้อตัวเธอของเธอตาเป็นมันแบบซึ่งหน้า และเมื่อผกายแก้วเหลือบสายตามองต่ำลงไปที่เป้ากางเกงของชายหนุ่มตนเห็นบางอย่างบวมเป่งเป็นลำออกมา อารมณ์วาบหวามร้อนแรงก็พลุ่งพล่านจนแทบเดือด สองขาขาวเพรียวขยับเบียดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

สาวสวยถึงกับเม้มปากแน่นเกือบส่งเสียงครางออกมา เพราะปลายถันของเธอที่แข็งเป็นเม็ดนั้นเบียดเสียดสีกับยกทรงลายลูกไม้ส่งผ่านความสยิวซ่านให้โดยไม่ทันตั้งตัว ส่วนด้านล่างนั้นก็เริ่มชื้นฉ่ำขึ้นมา

“… มองอะไร …”

แก้วพยายามเรียกสติทำเสียงเข้มเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดสายตาละลาบละล้วงล่วงเกิน หากทว่าน้ำเสียงที่หลุดออกมาจากปากกลับเบาหวิววาบหวามคล้ายยั่วยวน

“คุณแก้วคิดจะแกล้งผมให้คลั่งตายใช่หรือเปล่า”

“อะไร ใครคิดแกล้งอะไรนาย”

“ก็คุณแก้วเล่นใส่เสื้อสีขาวบางเฉียบเหมือนชุดนอนแบบนี้มาให้ผมดู แล้วผมจะไม่คลั่งได้ยังไง คอเสื้อก็กว้างขนาดนี้”

“ชั้นไม่ได้ใส่มายั่วให้นายดูเสียหน่อย”

สาวสวยพยายามตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากทว่าริมฝีปากบางกลับเผยอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ประโยคที่บอกว่าเธอกำลังทำให้เขาคลั่งนั้นกระตุ้นให้เธอรู้สึกยินดีอย่างน่าประหลาด

“ไม่เชื่อหรอกครับ ถ้าคุณแก้วไม่อยากให้ผมดู คุณแก้วก็ต้องหยิบเอาเสื้อคลุมตัวนั้นมาสวมปิดเอาไว้แล้ว ไม่ใช่มายื่นแอ่นนมยั่วให้ผมสติหลุดแบบนี้”

“อย่ามาพูดหยาบคายนะ ชั้นไม่ได้ยืนแอ่นอะไรเสียหน่อย”

แก้วย่นจมูกส่งเสียงคล้ายขุ่นเคือง แต่เมื่อก้มหน้าลงแล้วพบว่าตนเองกำลังยืนแอ่นหน้าอกจนเด้งตระหง่าน ใบหน้าของเธอก็แดงซ่านบังเกิดอาการเอียงอายจนต้องยกมือขึ้นวางปิดร่องนมขาวโพลนที่ผุดอยู่ตรงคอเสื้อเว้าลึก

ดวงตาคู่สวยเหลือบมองดูยามหนุ่มด้วยท่าทางตื่นเกร็ง เวลานี้เขานิ่งเงียบจับจ้องมองเธอด้วยดวงตาอบอุ่นวาบหวามจนเธอใจสั่นสะท้าน แก้วมองตอบเขาด้วยความสับสนวุ่นวายใจ หากจะมีผู้ชายสักคนที่ทำให้เธอปั่นป่วนแบบนี้ได้ ก็คงจะมีแต่อาร์ตแค่คนเดียวเท่านั้น

“… จะ … จะทำอะไร เดี๋ยวมีคนเห็น”

แก้วสะดุ้งตัวส่งเสียงห้ามกระท่อนกระแท่น เพราะว่าชายหนุ่มก้าวเท้าขยับเข้ามาหาโดยไม่ทันตั้งตัว เธอรีบก้าวเท้าถอยหลังหลบ หากแต่ถอยได้แค่เพียงเล็กน้อยแผ่นหลังก็ชนเข้ากับรถสปอร์ตคันเก่งจนถอยหนีไปไหนไม่ได้อีก

เมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้ร่างกำยำสมส่วนของยามหนุ่มก็ขยับประชิดเข้ามา แก้วเบิกตากว้างมองดูใบหน้าที่ใกล้เข้ามาทีละน้อย ร่างของเธอสั่นสะท้านให้กับความวาบหวิวซาบซ่านเมื่อแผงอกของชายหนุ่มเบียดเสียดใส่ปลายถันซึ่งกำลังเด้งชูชัน ลมหายใจของแก้วกลายเป็นหนักหน่วงสับสนร้อนแรง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้สูง

แก้วยืนตัวเกร็งตาค้างเมื่อชายหนุ่มกดร่างเบียดเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม ใบหน้าของทั้งคู่แทบจะสัมผัสกัน ปลายจมูกแตะกับปลายจมูก ริมฝีปากห่างกันเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนิ้ว กลิ่นลมหายใจและกลิ่นเหงื่อของชายหนุ่มทำให้สติของเธอยิ่งหลุดลอย ห้วงสติของเธอคล้ายลอยล่องย้อนกลับไปในค่ำคืนนั้น ค่ำคืนที่เขามอบความสุขให้เธอจนล้นปรี่ราวกับขึ้นสวรรค์

“… อย่า … อาร์ต …”

ริมฝีปากบางเผยอส่งเสียงแหบแห้งผะแผ่ว เรือนร่างหอมกรุ่นสั่นสะท้านระริกแรงขึ้น เพราะชายหนุ่มเพิ่งเบียดแทรกท่อนขาเข้ามาเสียดสีกับส่วนอ่อนไหวไวต่อความรู้สึก เพียงแค่สัมผัสจากภายนอกเนื้อผ้าก็ยังสร้างกระแสความสุขให้อย่างมากล้น สาวสวยซึ่งเคยลิ้มลองรสหฤหรรษ์จึงยิ่งใกล้หมดเรี่ยวแรงจะแสดงอาการขัดขืนต่อต้าน

แก้วแน่ใจว่าหากเธออยู่กับเขาเพียงลำพังสองต่อสอง เธออาจจะปลดปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์ หากทว่าเวลานี้เธอยังสำนึกได้ว่าตนเองอยู่ในลานจอดรถของบริษัท

แม้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นลานจอดของผู้บริหารที่มีคนพลุกพล่าน และเวลานี้ก็เป็นเวลาค่อนข้างสายที่ผู้บริหารส่วนใหญ่เข้างานไปแล้ว โอกาสจึงนับว่าน้อยที่จะมีคนมาพบเห็น กระนั้นแก้วก็ยังมีสติพอที่จะไม่ทำเรื่องอันไม่สมควรแบบนี้ในสถานที่อันไม่เหมาะสมเช่นนี้

ปัญหาใหญ่ก็คือแม้จะพอมีสติหลงเหลือ แต่ก็มีเพียงแค่น้อยนิด แก้วแน่ใจว่าหากอาร์ตคิดจะทำจริง ๆ เธอเองก็คงไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนเขา นั่นเพราะว่าเธอเองก็รู้สึกโหยหาความรู้สึกวาบหวามเช่นนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน

“ใส่เสื้อนอกเถอะครับคุณแก้ว ถ้าหากไม่ได้คิดจะคบกับชนชั้นต่ำอย่างผมเป็นคนรัก ก็กรุณาอย่ามายั่วทำให้ผมหลงอีกเลย ผมขอร้อง”

ขณะที่แก้วกำลังรู้สึกจมดิ่งลงไปในไฟสีดำนั้น อาร์ตซึ่งมีโอกาสเผด็จศึกกลับส่งเสียงกระซิบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยที่ข้างใบหูของเธอ สาวสวยสั่นสะท้านด้วยความงุนงงในความเปลี่ยนแปลงจนปรับตัวไม่ทัน จากนั้นยามหนุ่มซึ่งยืนเบียดอยู่ก็ขยับถอยออกไปพร้อมกับหยิบเอาเสื้อชั้นนอกจากเบาะรถมาสวมปิดบังเรือนร่างบางที่กำลังร้อนผะผ่าวด้วยไฟกฤษณาด้วยกิริยาทะนุถนอม

ผกายแก้วยืนนิ่งอึ้งด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอมองดูยามหนุ่มที่ขยับก้าวถอยหลังออกไปด้วยความงุนงง เธอมองดูแววตาผิดหวังของเขาอย่างเหม่อลอย จวบจนกระทั่งเมื่อยามหนุ่มหมุนตัวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ประจำตำแหน่งสีเก่าซีด แก้วจึงค่อยได้สติกลับคืนมาส่วนหนึ่ง

แม้จะได้สติคืนมาบ้าง แต่สมองของเธอยังอื้ออึงปรับไม่ทัน แก้วยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นเธอจึงค่อยขยับตัวหยิบข้าวของขึ้นมาถือแล้วปิดประตูรถ เธอชายตามองดูยามหนุ่มที่นั่งก้มหน้าขีดเขียนบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้ามองตรงไปทางประตูลิฟต์โดยสาร แล้วเดินจ้ำผ่านหน้ายามหนุ่มเข้าไปในลิฟต์โดยไม่มองเขาอีกเลยแม้แต่แวบเดียว

ผกายแก้วยืนพิงผนังลิฟต์โดยสารด้วยความรู้สึกโกรธอับอาย เธอโกรธที่ตัวเองเผลอปล่อยตัวจนเกือบได้เรื่อง เธอรู้สึกอับอายที่อีกฝ่ายเป็นคนหยุดไม่เดินหน้าต่อ เธอรู้สึกเหมือนเขาถือไพ่เหนือกว่าแต่กลับยอมปล่อยเธอให้หลุดมือออกมา เธอรู้สึกผิดเมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดว่าอย่ายั่วทำให้เขาหลงหากไม่จริงจัง

แม้ว่าความรู้สึกของเธอจะสับสนปนเปหลากหลายจนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ว่าโดยภาพรวมแล้วแก้วกำลังรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ เขาทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นฝ่ายตีจากเขา หากแต่เป็นเขาเองที่ปล่อยให้เธอออกมา ความรู้สึกนี้เองที่ผกายแก้วรู้สึกรับไม่ได้ เธอคุ้นชินกับการเป็นผู้เลือก และไม่คุ้นเคยกับการเป็นผู้ถูกเลือก ดังนั้นสิ่งที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในหัวสมองตอนนี้ก็คือ เธอต้องช่วงชิงสถานะผู้เลือกมาเป็นของเธอให้ได้เสียก่อน

“ทำไมปล่อยเธอไปล่ะครับ คุณผู้หญิงสุดสวยคนนี้คือคนที่คุณพาไปบ้านในสลัมของผมคืนนั้นใช่หรือเปล่า น่าเสียดายออก”

น้ำเสียงสุภาพทุ้มต่ำแฝงความฉงนสงสัยดังออกมาจากปากของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ชายคนนี้ยืนนิ่งมองดูประตูลิฟต์ที่ปิดสนิท เขาสวมใส่ชุดยามรักษาความปลอดภัยเช่นเดียวกันกับอาร์ต หากแต่มีอายุสูงวัยกว่าหลายสิบปี อีกทั้งหน้าตายังแลดูเหี้ยมเกรียมดุร้ายราวกับโจรห้าร้อยมากกว่ายามรักษาความปลอดภัย ที่แท้แล้วชายคนนี้กลับเป็นยามหน้าเหี้ยมที่เกือบจะได้เป็นสามีอีกคนของกานต์ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย

“ลุงหาญ แอบมาดูตั้งแต่เมื่อไหร่ งานชั้นล่างเรียบร้อยดีแล้วเหรอครับ เพิ่งโดนย้ายจากมหาลัยมาที่นี่วันแรก ระวังเถอะจะโดนย้ายไปที่อื่นอีกรอบ”

อาร์ตส่งเสียงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยไม่ได้เงยหน้ามองดู เขายังคงก้มหน้าลากดินสอวาดรูปลงไปบนแผ่นกระดาษด้วยความตั้งใจต่อไปเช่นเดิม

“งานยามมันก็แค่นี้แหละครับ ผมแค่แวบมาหน่อยเดียว แล้วเดี๋ยวก็จะลงไปแล้วล่ะครับ ตอนแรกต้องย้ายออกจากมหาวิทยาลัยผมก็กลัวจะเบื่อไม่มีสาวให้มอง ที่ไหนได้มาวันแรกก็มีของดีให้ดูเลย เสียดายก็แต่หนังไม่จบเรื่อง … เฮ้อ …”

ลุงหาญส่งเสียงบ่นอุบอิบ แม้น้ำเสียงโดยรวมจะแสดงความเคารพนบนอบ หากแต่ก็แฝงความสนิทสนมเป็นกันเองอยู่หลายส่วน คำพูดคำจาจึงทำให้รู้สึกสับสนกับสถานะของทั้งสองอยู่บ้าง

อาร์ตนั่งวาดรูปนิ่งเงียบไปอีกครู่หนึ่ง ส่วนลุงหาญเองก็คล้ายเข้าใจนิสัยของอีกฝ่าย เขาจึงยืนรอเงียบ ๆ ไม่ได้ส่งเสียงทักท้วงอะไรอีก

“… คุณแก้ว … เธอมีแนวคิดต้องการเอาชนะ ชอบความโดดเด่นเหนือใคร เธอไม่ชอบความพ่ายแพ้ และไม่เคยพ่ายแพ้ … ถ้าหากผมเดินหน้าต่อจนเสร็จผมก็คงทำได้ แต่แก้วจะคิดว่าผมแพ้ต่อเสน่ห์ของเธอ ผมจะเป็นแค่คนที่เธอเคยเอาชนะได้ จากนั้นภาพของผมในใจของเธอก็จะลดทอนความสำคัญลงไป … แต่ผมเลือกที่จะปล่อยเธอไป แบบนี้ภาพของผมในใจของเธอจะยังชัดเจนอยู่เหมือนเดิมไม่เลือนหายไป”

“… คุณพูดเรื่องเข้าใจยากอีกแล้ว แก่ ๆ แบบผมไม่เข้าใจหรอกนะไอ้เรื่องยุ่งยากอะไรแบบนี้”

“เรื่องบางเรื่องก็ไม่ต้องเข้าใจหรอกครับ … ลุงรู้แค่ว่าเย็นนี้คุณแก้วจะต้องอ้างหาเรื่องอะไรสักอย่างมาคุยกับผมก็พอแล้ว”

อาร์ตตอบเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์อันใดเช่นก่อนหน้า ส่วนลุงหาญนั้นพยายามใช้สมองขบคิดจนคิ้วย่นก็ยังไม่เข้าใจ ชายวัยกลางคนยกมือเกาศีรษะดังแกรกและส่ายศีรษะเอียงไปมา จากนั้นจึงค่อยแอบสอดส่ายสายตามองดูภาพวาดที่เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างบนแผ่นกระดาษ

ดวงตากร้านโลกคู่นั้นเบิกกว้างทอประกายระยับวูบหนึ่ง เพราะบนกระดาษแผ่นนั้นมีรูปวาดของผกายแก้วในสภาพเรือนร่างเปล่าเปลือยอยู่ เธอยืนอวดทรวดทรงองค์เอวอวบอิ่มราวกับนางพญาหงส์ แม้จะเป็นแค่ภาพร่างแต่ความสวยงามสมจริงก็ทำให้ลุงหาญคึกคักจนเป้ากางเกงบวมเป่ง

ถัดจากนั้นดวงตาของลุงหาญก็ขมวดมุ่นงุนงง เพราะผกายแก้วในภาพวาดนั้นถูกขนาบเอาไว้ด้วยชายใส่หน้ากากสองคน ชายในรูปทั้งสองกำลังรุมกระหนาบเล้าโลมเรือนร่างงามจากซ้ายและขวา ส่วนเรื่องที่ทำให้ลุงหาญสงสัยก็คือ ชายคนหนึ่งนั้นสวมใส่เสื้อผ้าหรูหราราวกับคุณชาย ในขณะที่ชายอีกคนนั้นกลับสวมใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นราวกับกรรมกรชนชั้นต่ำ

Share the Post:

Related Posts

คนเราก็แบบนี้แหละ เมาแล้วก็เย็ดไม่เลือก

เรื่องเสียว คนเราก็แบบนี้แหละ เมาแล้วก็เย็ดไม่เลือก ร่างกายแสนอรชรอ้อนแอ้นของเธอที่นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงของผม คือจุดเริ่มต้นของเรื่องเสียวในค่ำคืนนี้ เธอเข้าห้องผิด แทนที่มันจะเป็นห้องของผัวตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่เธอกลับเข้ามาในห้องของผมแทน แล้วก็ยังถอดเสื้อผ้าโยนทิ้งไปจนหมด โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ ตอนที่เธอเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ที่รัก…มาเย็ดกันนะ เค้าเงี่ยนหี อยากโดนที่ควยเอาควยมาตอกแก้คัน” น่าประหลาดใจ ตอนที่เธอไม่เมา ในบรรดาเพื่อนๆ ทุกคนที่มีแฟน เธอคือคนที่ดูจะเรียบร้อยที่สุดราวกับผ้าขาวที่พับเอาไว้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนที่เธอเมานั้น เมื่อผืนผ้าคลี่ออก

Read More

จัดเสียวที่หลังบ้าน

เรื่องเสียว จัดเสียวที่หลังบ้าน แดดร่มลมตกแล้ว อากาศกำลังหนาวพอดีๆ วันนี้ ผมกับแฟนเลยอยากที่จะทำเรื่องเสียวแบบแปลกใหม่ดูบ้าง เพราะว่าผมกับแฟนเป็นคนที่ขี้เย็ดเหมือนกัน รวมทั้งเราพยายามที่จะหาอะไรใหม่ๆ มาเติมเต็มชีวิตของเราเพื่อให้รสชาติความรักมันไม่น่าเบื่อ เป็นประสบการณ์เสียวที่แปลกใหม่ แล้วก็ไม่ทำให้เรารู้สึกว่าเรามันอิ่มตัวด้วยครับ ซึ่งสำหรับผมแล้ว การที่มีบ้านส่วนตัว รั้วสูงขนาดที่ว่าปืนขึ้นมาก็มองไม่เห็นมันเลยทำให้เรานั้นมีพื้นที่ในการร่วมรักอย่างเต็มที่ พื้นที่ด้านหลังบ้านเป็นสวนหญ้าที่ปลูกอย่างดี แล้วสัมผัสมันก็อ่อนนุ่มด้วย ดังนั้นในวันนี้หลังจากที่เราเลิกงาน เตรียมตัวกินข้าวกินปลาเสร็จกันแล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะสะกิดเมียของผมให้หันมามองผมก่อนที่จะขยิบตาให้ทีเดียว เธอก็ยิ้มแล้วพยักหน้ารับทันที

Read More