เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมพึ่งจะได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาในกรุงเทพครั้งแรก เพื่อเสี่ยงดวง แสวงโชค ตามคำเชื้อเชิญของบรรดาเพื่อนฝูงที่มันเข้ามาเรียนต่อ หรือไม่ก็หางานทำอยู่ก่อนแล้ว หลังเรียนจบมัธยมต่างจังหวัด ..คนที่ผมติดต่อด้วยเป็นประจำก็จะมีไอ้ขอด มันเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างร้านขาย อะหลั่ยรถแถวๆ พญาไท แล้วก็ลงเรียนที่ มสธ. ไปด้วย ผมโทรนัดติดต่อกับมันอยู่หลายครั้งเพื่อดำรงการติดต่อไว้ เผื่อผมเข้ามาในกรุงเทพเมื่อไหร่ จะได้มาอาศัยนอนด้วย ในระหว่างที่กำลังหาที่เรียนหรือไม่ก็หางานทำ ผมสองจิตสองใจระหว่างเรียนกับงาน เพราะลำพังฐานะทางบ้าน ถ้าไม่มีรายได้เสริมคงไม่มีปัญญาพอที่จะส่งเสียให้เรียนได้ดังใจแน่ ผมเลยตัดสินใจที่จะหางานทำให้ได้ก่อน
งานอะไรก็ได้ไม่เกี่ยงแล้วหล่ะ ขอให้มีรายได้พอตั้งตัวได้ แล้วค่อยหาที่เรียนต่อ หรือไม่ก็เรียนไอ้ที่ไม่แพงมาก และก็สามารถเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยก็ได้อย่างที่ มสธ. อย่างกับไอ้ขอดมันแหล่ะ ตอนเมื่อ 9 ม.ค. ช่วงเย็นๆ ก่อนขึ้นรถ ผมโทรนัดกับไอ้ขอดไว้ว่าจะถึงกรุงเทพประมาณ ตีห้าของวันที่ 10 ม.ค. และก็วานมันมารับที่หมอชิด เพราะผมไม่รู้ที่ทางที่จะไปหอพักของมัน มันรับปาก ผมจึงตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เอาเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ กะว่าพอได้ที่อยู่แน่นอนเป็นหลักแหล่งแล้วค่อยกลับต่างจังหวัดไปเอามาเพิ่ม จะได้ไม่พะรุงพะรัง และแล้วเช้ามืดของ วันที่ 10 ม.ค. ผมก็เดินทางสู่เมืองศิวิไลซ์ กรุงเทพมหานครจนได้ … เมื่อรถถึงหมอชิด ผมเดินเล่นแถวๆ ท่ารถเมล์ ขสมก. อยู่พักนึง กะว่าให้สว่างกว่านี้หน่อยค่อยโทรไปหาไอ้ขอดมัน เกรงใจมัน มันอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้
ผมเดินอยู่แถวนั้น หาอะไรกินนิดๆหน่อย จนถึงเจ็ดโมงกว่าๆ ผมตัดสินใจ โทรหาไอ้ขอด “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” เสียงผู้หญิงใสๆ ตอบจาก โทรศัพท์สามสี่ครั้งที่ผมโทรไป ……ผมรอเวลาอีกพัก กะว่ามันคงยังไม่ตื่นเลยไม่ได้เปิดเครื่อง….. แปดโมงกว่าๆ ผมโทรอีก ก่ะว่าป่านนี้มันคงตื่นและเข้าไปทำงานที่ร้านแล้วหล่ะ เสียงสัญญาณดังขึ้น ผมดีใจ ไม่ตกอับแล้วเรา มีเสียงผู้หญิงแก่ๆรับสาย บอกว่า “ลื้อจาโทรหาคาย” ผมตอบ “ขอสายไอ้ขอดครับ ผมเป็นเพื่อมันมาจากต่างจังหวัด” อาซิ้มแก่ ตอบกลับมาว่า “อาขอดอีม่ายอยู่แล้ว เมื่อคืน ตังหรวด มาจับอีปาย บอกว่าอีอ่ะ เข้าไปขโมยของที่โรงแรมปฏิพัทธ์…มีคงจำหน้าอีได้ ป่านี้ คงนอนหงายเก๋งอยู่ในห้องขังแล้วหล่ะ” ผมตกใจพลางถามต่อไปว่า “แล้วไอ้ขอดมันถูกจับอยู่โรงพักไหนครับ” อาซิ้มตอบ “อั๊วม่ายแน่ใจ ลื้อลองไปถามที่ สน.พญาไท หรือไม่ก็ประชาชื่นก้อร่ายแค่นี้น้าอั๊วจะจัดของ” สิ้นสุดเสียงอาซิ้ม ผมสับสนมากจะทำไงดี ใจหนึ่งก็เป็นห่วงไอ้ขอดมัน อีกใจก็เป็นห่วงตัวเองว่าจะทำไงดี คนที่รู้จักที่อยู่แถวๆ กรุงเทพ ก็ไม่ได้เตรียมที่ติดต่อสำรองไว้ โอ้ยซวยจริงกู
ผมเดินไปเดินมาอยู่แถวๆ หมอชิด จนใกล้เที่ยง ไอ้การที่จะนั่งรถกลับบ้านก็กระไร ผมตัดสินใจ นั่งรอที่ช่องทางจอดรถโดยสารขาเข้า จากจังหวัดของบ้านตัวเอง เผื่อจะมีคนรู้จัก เดินทางเข้ามากรุงเทพบ้าง คันแล้วคันเล่า ไม่มีใครที่ผมรู้จักโผล่หน้ามาให้เห็นเลย ผมดูตังค์ในกระเป๋าซึ่งเหลืออยู่ไม่ถึงสามร้อยบาท คิดกลับไปกลับมาว่าถ้าอยู่ต่อจนตังค์หมดจะทำไงนี่ ผมตัดสินใจกลับดีกว่า ค่อยมาใหม่แล้วกัน คราวหน้าเอาตังค์มาเยอะๆ เผื่อเจอปัญหาแบบนี้ ดีเสียอีกจะได้เอาข่าวไอ้ขอดติดคุกไปบอกญาติๆ มันที่บ้านด้วย ผมเดินข้ามฟากจากโซนขาเข้ามายังโซนขาออก แล้วเดินตรงดิ่งมาที่ช่องจำหน่ายตั๋ว ซึ่งมีคนเข้าแถวคอยซื้อตั๋วอยู่สาม-สี่คน ผมยืนรอแถวขยับอยู่พักนึง ก็มีคนมาต่อแถว ต่อจากผม ผมไม่ได้หันไปมองแต่ได้ยินเสียงเธอคุยโทรศัพท์ เป็นเสียงผู้หญิงห้าวๆ ห้วนๆ สำเนียงคุ้นๆ ผมหันไปมอง ผมต้องตกใจปนดีใจ เพราะไอ้เจ้าของเสียงนั้นคือ อีอ้อม สาวทอม บ้านเดียวกันกับผม ผมเพ่งดูเธออยู่นาน เห็นเธอเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูแต่งตัวดีขึ้น ขาวสะอาดขึ้น ไว้ผมทรงบ๊อบสั้น แล้วรวบปลายผมทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง จนเห็นใบหูขาวนวลได้อย่างชัดเจน ข้างๆ ตัวเธอผมเห็นน้องนิด เด็กสาวรุ่นน้องบ้านเดียวกัน จริงๆ แล้วเธอเป็นญาติห่างๆ กับผมแหล่ะ ยืนจับมืออยู่กับอีอ้อมแน่น
ผมจำไม่ผิดแน่ ผมตัดสินใจรอให้อีอ้อมวางหูโทรศัพท์แล้วหันกลับไปทักทั้งสองว่า “นี่อ้อม รึเปล่า ….เรา มด น่ะ จำได้ป่ะ …” อีอ้อม พยักหน้าขึ้นลงสองสามครั้ง แล้วถามว่า “มึงไปไหนมาเหรอ ไม่รู้น่ะว่ามึงอยู่กรุงเทพ” เราทั้งสามพากันออกมาจากแถว แล้วสนทนากันอยู่พักนึง จนรู้ว่าอีอ้อมมันมาส่งน้องนิดกลับบ้านเพราะต้องกลับไปดูแลพ่อที่ป่วยหนัก ส่วนตัวผมก็เล่าเรื่องราวให้อีอ้อมฟัง และก็ขอไปอาศัยหอของมันนอน สักคืนสองคืน ในระหว่างหางานทำ มันก็โอเค….. มันบอกว่าอยู่ได้ เพราะช่วงนี้น้องนิดของมันไม่อยู่ และก็คงอีกหลายวันกว่าจะกลับ ผมดีใจสุดชีวิต เหมือนฟ้าประทานที่พึ่งยามยากมาให้พบ ผมนั่งแทกซี่กลับพร้อมอีอ้อม ในระหว่างนั่งรถกลับ ผมว่าอีนี่เป็นเอามาก ประมาณว่า ตัวมันเป็นหญิง แต่ใจและนิสัยมันยิ่งกว่าชายเสียอีก มันเล่าให้ฟังว่า มันทำงานเป็นการ์ด (คงประมาณ รปภ.) อยู่ผับแถว ๆ รัชดา คอยเก็บแขกผู้หญิง ที่ทำท่าจะมีปัญหา ไม่ยอมจ่าย เมาเพี้ยน หรือตบตีกัน รายได้ก็นิดๆ หน่อยๆ ไม่มาก แต่ที่ได้มากก็ทิปพิเศษจากแขกประจำ ที่วันๆ หนึ่งได้ไม่ต่ำกว่าเจ็ดแปดร้อยบาท ผมสนใจงานที่มันทำอยู่มาก ….และมันก็รับปากว่าจะลองถามๆ ดูให้ ว่าเค้าต้องการบ๋อย หรือคนโบกรถแขก รึเปล่างานแบบนี้ มันต้องค่อยๆ ไต่เต้าไป ขอให้ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ เอาใจแขกเก่งๆ เดี๋ยวก็ดีเอง
ผมยิ้มอยู่ในใจ แล้วก็ฝันหวานถึงรายได้งามๆ วันละซัก ห้า- หกร้อย แค่นี้ก็สุดยอดของผมแล้ว แทกซี่วิ่ง มาได้เกือบๆชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงที่พัก มันเป็นคอนโดสูงประมาณ 5 ชั้นได้ อยู่ย่านรัชดานั่นแหล่ะ ขณะที่เดินขึ้นบันไดเพื่อจะไปยังห้องพัก ซึ่งอยู่ชั้นสาม อีอ้อมก็ชี้ให้ผมดูผับที่ทำงานของมัน… มันอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก แล้วก็คอนโดนี้ คนที่พักที่นี่ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานที่ผับนั่น มีทั้งการด บ๋อย เด็กเสริฟ สาวออฟ คนเชียร์แขก นักดนตรี นักร้อง พ่อครัว แม่ครัว ภารโรง ยันถึงเจ้าของเลยหล่ะ ที่เค๊าอาศัยกันอยู่บนนี้ เราทั้งคู่เดินขึ้นบันไดมา และ ผ่านมาตามทางเดิน แต่ละห้องที่เดินผ่านดูเงียบยังก่ะไม่มีคนอยู่ ..อีอ้อมหันมาบอก “ยังงี้แหล่ะ ที่นี่อ่ะ มันก็แค่ที่ซุกหัวนอน กลางคืนทำงาน กว่าจะเลิกก็ตีสาม ตีสี่ กลางวันก็นอนกัน จะตื่นกันอีกทีก็ห้าโมงเย็นกว่าๆ เตรียมเข้างานประมาณทุ่ม …..กลางวันยังงี้เลยดูเงียบๆ นี่ถึงห้องแล้ว…” อีอ้อมพาผมเข้าห้อง อย่างไม่เคอะเขิน สภาพห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี “นี่ยายนิดไม่อยู่หลายวัน ไม่รู้..กว่ามันจะกลับมา สภาพห้องจะสะอาดเรียบร้อยแบบนี้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ ยังไงก็ช่วยๆ กันรักษาความสะอาดแล้วกัน กูขี้กียจให้เมียกลับมาด่า” อีอ้อมมันบ่นให้ฟัง แล้วชี้ไปที่มุมโซฟา แล้วบอกว่า “มึงนอนตรงนั้นแล้วกัน นอนพักก่อน ตามสบายน่ะ ห้องน้ำอยู่ตรงโน้น ที่ม่านกั้นน่ะที่นอนกูกับเมีย ตอนนี้กูขอนอนพักก่อน มีเวลาอีกสองสามชั่วโมง ก่อนเข้างาน อยากกินอะไรก็ในตู้เย็นมี หรือถ้ามึงอยากกินข้าวก็ลงไปใต้คอนโด เค๊ามีขาย กุญแจห้องแขวนอยู่ที่ประตู ถ้าออกไปก็ล๊อคกุญแจให้กูด้วย เดี๋ยวของหาย กูไปนอนหล่ะ”
พูดเสร็จอีอ้อมก็ มุดตัวเข้าไปในม่าน ซึ่งมีเตียงนุ่มๆ อยู่ด้านใน ไม่เกินห้านาที ผมก็ได้ยินเสียงมันกรน ดัง คร๊อก… ฟี๊… เฮ้อ หลับง่ายจังอี่นี่ ….ส่วนผม เดินทางมาวุ่นๆ ทั้งคืน รู้สึกง่วงเหมือนกัน เลยล้มตัวนอนตรงโซฟา แล้วเปิดทีวีดูรายการข่าวได้พักนึงก็เผลอหลับไป ผมมารู้สึกตัวตื่นอีกที… ก็อีตอนที่อีอ้อม มันเอาเท้า มาเขี่ย แถวขาผม ประมาณว่าจะสะกิดให้ผมตื่น …ผมลืมตาขึ้นและผลักตัวเองลุกขึ้นนั่ง เห็นอีอ้อมกำลัง ก้มๆ เงยๆ อยู่เก้าอี้ข้างโซฟาที่ผมนอน มันกำลังผูก เชือกรองเท้า แล้วก็บ่นว่า “กูสายแล้วเนี่ยะ ยังไงมึงหาอะไรกินก่อนน่ะ ข้างล่างมีขาย ไม่ได้ดูแลเลยหว่ะ…. ฝากห้องด้วยน่ะ…..” พูดเสร็จอีอ้อมก็พรวดออกห้องไป ผมหันไปมองที่นาฬิกา เห็นว่ามันคงสายของมันจริงอ่ะ เพราะนี่มันจะสองทุ่มแล้วหล่ะ ผมใช้ชีวิตคืนแรกในกรุงเทพแบบคนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ ภายในห้องพักของอีทอม คนบ้านเดียวกัน หลังจากที่ลงไปหาอะไรกิน เป็นมื้อค่ำ ด้านล่างคอนโด ผมกลับขึ้นมานอนเล่นต่อ บนห้อง ดูทีวี ไป นอนเล่นไป …… แล้วก็เผลอหลับไปอีก มาตื่นอีกทีก็ตอนที่อีอ้อมมันเลิกงานแล้ว มันกลับมาพร้อมกับคำบ่นตามประสามันตามเคย “ไอ้ห่าเตี้ยเอ้ย ชอบทำลายบรรยากาศ คนกำลังมีความสุข คนเค๊าจะหากินอย่างบริสุทธิ์ มันจะมาตรวจอะไรนักหนาว่ะ…แย่ …ๆ….ๆ ตรวจอย่างงี้ แขกหนีหมด” ผมตกใจตื่นขึ้น หันไปถามมันว่า “อะไรของมึงว่ะ” มันตอบ “ก็พ่อมึงสิ มาตรวจฉี่ ตรวจบัตรอีกแล้ว อาทิตย์นี้มันมาสามหนแล้วน่ะว้อย ยังงี้ ต่อไปแขกไม่มาแน่”
พูดเสร็จมันก็มาจับผมลุกขึ้น แล้วบอก “ป่ะ ป่ะ แต่งตัว ไปกินเหล้ากันข้างล่าง ที่ห้องกัปตัน จะได้แนะนำให้รู้จัก จะฝากงานให้” ผมดีใจเมื่อได้ยินเรื่องฝากงาน รีบเปลี่ยนจากกางเกงขาสั้นเป็นกางเกงยีนส์ ขายาวสีดำตัวโปรด อีอ้อมแนะนำผมให้เพื่อนๆ ที่ทำงานได้รู้จัก มีทั้งที่เป็นบ๋อย นักดนตรี สาวออฟ รปภ. และก็ที่สำคัญคือกัปตัน ซึ่งแกคุยกับผมดีมาก แนะนำทุกเรื่องประมาณว่าจะรับผมเข้าลองงานประมาณนั้น ซึ่งผมก็เชื่อตามที่แกแนะนำทุกอย่าง ….. เรานั่งกินกันตั้งแต่ตีหนึ่งเศษๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเมาเลย คุยสนุกสนานเฮฮา แซวกันไป แซวกันมา จนผมเริ่มเห็นถึงทางสว่าง ในการเข้าทำงานที่นี่ เพราะผมเข้ากับพี่ๆ ได้ทุกคน นี่ต้องขอขอบคุณอีอ้อมคนดีของผม ที่ตอนนี้ดูมันจะดื่มมากกว่าเพื่อน คงจะถือโอกาสปลดปล่อย เพราะเห็นพี่ๆ เค๊าแซวกันว่า ช่วงที่ยายนิดอยู่อ่ะน่ะ ไม่เคยไปสังสรร กับเพื่อนๆ เลย นอนกกเมียอยู่แต่ในห้อง ซึ่งถ้าจะจริงของพี่ๆ เค๊าหล่ะ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา …หลังจากที่หลายๆ คน ขอตัวแยกย้ายกลับห้องไปนอน ….. เหลือเพียงผมกับพี่กัปตันนั่งดริ้งกันต่ออย่างอืดๆ ช้าๆ (เพราะเมากันมากแล้วทั้งคู่) โดยมีอีอ้อมเมาฟุ๊บอยู่ข้างๆ วง …ผมจึงถือโอกาสลาพี่กัปตัน บอกว่าเผื่อพี่จะพักผ่อน แล้วพยุงอีอ้อมลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลพอควร …….. เมื่อถึงห้อง ผมประครองอีอ้อมซึ่งตอนนี้เมาไม่ได้สติ เข้าไปวางบนเตียงของมัน ตัวมันหนักพอดูเลย ก็คิดดูคนสูงเกือบๆ 165 ซม. อวบนิดๆ แล้วก็ไม่มีสติออกอย่างงี้ กว่าจะวางตัวมันบนเตียงได้ อย่างไม่ล้มทั้งคู่ ผมคิดอยู่ตั้งนาน ว่าจะวางมันท่าไหนดี สุดท้ายก็มาจบเอาอีท่าหงายหลังนี่หล่ะ
ผมเลือกวางหลังมันลงไปตรงๆ บนขอบเตียง ซึ่งท่านี้เองที่มันเป็นเหตุ ให้ไอ้เด็กบ้านนอกอารมณ์เปลี่ยวอย่างผมเกิดอารมณ์หงี่ขึ้นมา คุณคิดดูว่าการที่ผู้หญิง ทำท่าแอ่นเหมือนๆ กับท่าสะพานโค้งอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นทอม หรือ ดี้ หรือ สาวสดแบบไหน มันแน่นอนว่า ส่วนโค้งส่วนเว้า ต่างๆ มันย่อมนำเสนอตัวมันเองโดยธรรมชาติ ผมเพ่งดูอยู่พักนึง โดยเฉพาะตรงจิ๋มของมัน มันอูมมาก ประมาณฝ่ามือผมได้ …. ใจผมเต้นเหลือเกิน ผมหันไปที่ประตูซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ปิด แล้ววางอีอ้อมไว้บนเตียง โดยให้นอนตั้งฉากกับแนวยาวของเตียง แล้วปล่อยขาห้อยลง ผมเดินไปปิดล๊อคประตู แล้วเดินกลับมาที่เตียง ผมตั้งสติ เขย่าตัวอีอ้อมแล้วเรียกเพื่อทดสอบว่ามันเมาหลับสนิทแคไหน …..มันไม่ตื่น ไม่ตอบสนอง ผมจัดแจงถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ท่อนเนื้อของผมเริ่มสู้ เมื่อมองเห็นเนินเนื้อตรงส่วนจิ๋มของอีอ้อม แม้มันจะถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงผ้ายืดสีดำ แต่ด้วยท่านอนแบบนั้น มันทั้งรั้ง ทั้งรัด ให้เห็น รอยแยกของเนินจิ๋มได้อย่างชัดเจน ผมไม่รอช้า มือขวาของผมเอื้อมมาจับสาวท่อนเนื้อของตัวเอง อย่างอัตโนมัติ ราวกับเป็นการปลอบประโลมให้รู้ว่า อีกไม่นาน เจ้าจะได้ลิ้มลองอาหารโปรดที่เจ้าชื่นชอบ ส่วนมือซ้ายผมเอื้อมไปปลดตะขอที่กางเกงผ้ายืดของอีอ้อม แล้วรูดซิบลงอย่างช้าๆ จนสุด หลังจากนั้นผมล่ะมือขวาจากท่อนเนื้อมายังขอบกางเกงผ้าของอีอ้อม แล้วบรรจงถอดมันออกเบาๆ มันหลุดออกมาไม่ยากมากนัก แล้วหันเหวี่ยงมันไปที่โซฟา
แล้วใจผมก็ต้องเต้นระทึกอีกครั้งเมื่อ สังเกตเห็นเนินเนื้ออูมภายใต้กางเกงในลายดอกไม้สีขาว ภายหลังจากถอดพันธนาการชั้นนอกออกแล้ว มันช่างสวยงามเหลือเกิน ความอูมใหญ่ ที่ถูกบดบังด้วยกางเกงผ้า และจริตอย่างผู้ชายของอีอ้อม มันเผยโฉมที่แท้จริงของมันออกมาแล้ว ผมก้มลงเอาปลายจมูกสัมผัสตรงล่องเนินเนื้อสวรรค์เบาๆ เพื่อสัมผัสกลิ่นไอ ที่แท้จริงของมัน มันช่างหอมหวนเย้ายวนให้ลิ้มลองเหลือเกิน ถึงตอนนี้ผมไม่สนใจ เต้าเนื้อด้านบนของอีอ้อมเลย เพราะมันดูแบนราบ และคงจะถูบบีบรัดด้วยยางยืดอยู่ทุกวันจนไม่มีสิทธิ์โผล่ ชู ชัน ให้โลกได้เห็น …….ผมสาระวนอยู่กับการสูดดมอยู่ตรงเป้ากางเกงในของอีอ้อมอยู่พักใหญ่ แล้วตัดสินใจถอดมันออกเพื่อให้ประตูสวรรค์ได้คลายตัว และแง้มเปิดรอรับการแทรกตัวเข้าไปของท่อนเนื้อของผม….. ผมพยายามใช้ลิ้นกระตุ้นเขี่ยกลีบเนื้อที่ปกคุมไปด้วยไรขนสีน้ำตาลดำทั้งสองข้าง และควานหาเม็ดสวรรค์ … ผมเจอมันแล้ว ผมใช้ปลายลิ้นทักทายกับเม็ดนั้นเบา ….อีอ้อมกระตุกตัวเองนิดนึงจังหวะนี้ ตัวมันแอ่นขึ้นทุกครั้งที่ปลายลิ้นของผมสัมผัสโดนเม็ดของมัน ผมเล่นลิ้นอยู่กับเม็ดของอีอ้อมนานพอควร จนรู้สึกได้ว่าน้ำเมือกใสๆ ของอ้อมมันเจิ่งนองเต็มปลายคางของผม ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่า เราสองคนพร้อมแล้วสำหรับการปฏิสนธิ …
ท่อนเนื้อของผม ซึ่งตอนนี้ถูกสาวขึ้นลงขึ้นลงจนหัวบานได้ที่ ผมไม่รอช้า มือทั้งสองข้างของผม จับขาของอีอ้อม แบะออก ให้กว้างมากขึ้น แล้วปล่อยมันห้อยลงที่พื้น ผมขยับตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายแล้ววางทาบท่อนเนื้อของตัวเองตรงร่องแฉะๆ ของอีอ้อม ใช้หัวแม่มือขวากดหัวท่อนเนื้อลงไปในร่อง แล้วโยกเอวช่วย มันช่างรู้สึกได้ถึงไออุ่น ของกลีบเนื้อที่บีบรัดหัวท่อนเนื้อของผมอย่างที่จะหาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว ……อีอ้อมมันครางแล้วยกสะโพกลอยขึ้นจากเตียงเล็กน้อย มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางสรีระของกลีบเนื้อ ที่ส่งไปยังประสาท แล้วสั่งการมาที่สะโพก ให้สนองตอบความต้องการ ความลึกที่มากกว่า ผมไม่รอช้าช่วยสนองตอบเธอทันที ผมชักเข้า ดึงออก ชักเข้า ดึงออก ยาวขึ้นๆ อีอ้อมยังคงคราง คราง แม้มันจะเป็นเสียงที่เกิดขึ้นภายในลำคอ ที่ดูเหมือนความเจ็บปวด แต่ผมเข้าใจดีว่านี่มันบ่งบอกถึงความสุข ผมก้มหน้าก้มตาทำต่อจนท่อนเนื้อของผม ได้ฝังมิดไปในกลีบเนื้อของอีอ้อม จนหัวเหน่าของผมบี้อยู่กับกลีบทั้งสองของอีอ้อม แทบจะเป็นเนื้อแผ่นเดียวกันแล้ว ผมเอื้อมมือทั้งสองสอดเข้าไปตรงแผ่นหลังของอีอ้อม ออกแรงรวบยกตัวมันขึ้นมา แล้วพลิกตัวเองนั่งบนขอบเตียง โดยมีอีอ้อมนั่งอยู่บนตัก มันช่างทะลวงเข้าไปลึกเหลือเกิน ผมสังเกตอาการเก็งที่เกิดขึ้นจากความลึกของอีอ้อมได้ เนินก้นที่แอ่นงอนขึ้นทันทีที่ผม กระดก ดันท่อนเนื้อขึ้น มันช่างบ่งบอกได้ถึงความลึกที่แสนวิเศษจริงๆ …..
ผมโยกอยู่ท่านั้นนานพอควร สลับกับการกระซิบเบาๆ ถามอ้อม……อ้..อ..มจ๋า…อ้..อ..ม…จ๋า เธอไม่ตอบ แต่หลับตาปี๋ หน้าตาบิดเบี้ยว เลียริมฝีปากเป็นระยะ ๆ …….ผมขยับตัวเองเข้ามากลางเตียงแล้วค่อยๆ หมุนอ้อม ให้หันหน้าไปทางเดียวกับผมพร้อมๆ กับพยายามประครองให้ท่อนเนื้อฝังอยู่ในกลีบเนื้อของอ้อม ….ด้วยการชักเข้า ชักออก อย่างช้าๆ ระหว่างการหมุนอย่างต่อเนื่อง แล้วผม ค่อยๆประครองเธอให้นอนคว่ำ ตั้งเข่าขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อให้ใกล้เคียงกับท่าคลานมากที่สุด ทันใดนั้นเองมือทั้งสองข้างของเธอ ก็เอื้อมไปดันพื้นไว้ ผมรู้ได้ทันทีแล้วว่า เธอรู้ตัวแล้วหล่ะตอนนี้ ผมไม่สนใจอะไรแล้ว มันเลยเถิดเข้าไปป่านนี้แล้วจะกลัวอะไรหล่ะ ……เมื่อได้ท่าที่ต้องการแล้ว ผมเอนตัวนอนทาบทับเบาๆ ไปกับแผ่นหลังของเธอทันที ลิ้นผมเริ่มทำงานอีกครั้ง ที่ซอกคอ รูหู เธอไม่พูดแต่ครางในลำคอเบาๆ ท่อนเนื้อยังคงทำงานไม่หยุดหย่อน ความแฉะ ของกลีบเนื้อของเธอ ยังคงมีอยู่ไม่จืดจาง จากท่านั้นผมตั้งตัวขึ้นใช้มือขวา เลื่อนไปขยับ ขาท่อนบนทั้งสองข้างของอ้อม ให้แบะกว้างขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับ ตำแหน่งของท่อนเนื้อของผม กับร่องกลีบของอ้อม เธอยอมทำตามโดยไม่มีการขืนเกรงแต่ประการใด ….หลังจากได้ตำแหน่งที่เหมาะสม ผมใช้มือทั้งสองข้างรวบจับบริเวณเอวของเธอ เพื่อโยกเข้าออกตามจังหวะการกระแทกท่อนเนื้อของผม ก้นเธองอนรับได้ สวยงามมาก ทุกครั้งที่ผมกระแทก ผมจะได้ยินเสียงซีดส์ ของเธอดังออกมาเป็นจังหวะๆ และในจังหวะสุดท้ายของทุกๆ การโยกกระแทก ผมอัดท่อนเนื้อเต็มแรง เข้าไปในร่องกลีบแล้วคามันไว้ จน…จน…ก้นเธองอน กล้ามเนื้อท้อง เธอเกรง เสียงครางดังขึ้น ยาวขึ้นจนผมชักกลับ …..เธอจึงถอนหายใจดัง
ยัง..ยัง…ยังเราสองคนยังคงเล่นลีลาสวาทกันต่อไม่มีเบื่อ ผมไม่อยากให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปเลย ก่อนเปลี่ยนท่าใหม่ ผมเอื้อมมือไปรวบจับมือของอีอ้อมทั้งสองข้าง แล้วดึงมันเข้ามาหาตัวอย่างแรง พร้อมๆ กับการออกแรงกดท่อนเนื้อให้เข้าไปในกลีบของอีอ้อมให้ลึกสุดสุด จนผมว่าอีอ้อมมันเสร็จก็อีท่านี้แหล่ะ เพราะผมรู้สึกได้ถึงการบีบตอด เป็นจังหวะถี่ๆ ตุ๊บ…ตุ๊บ…ตุ๊บ.. ของกล้ามเนื้อภายในกลีบ ประกอบกับเสียงร้องออกมา นอกลำคอ “อ๊อย…….. ซีดส์……….” และอาการเก็งค้าง หน้าหงายขึ้นด้านบน รวมถึงนิ้วมือทั้งสองข้างที่จิก เกาะแขนผมเสียแน่นแทบจะแกะไม่ออก ผมค้างอยู่ท่านั้นไว้พักหนึ่ง เพื่อให้อีอ้อมมันได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อตัวเองแล้วโยกท่อนเนื้อต่อ …..ผมพึ่งสังเกตเห็นว่า ตรงโคนท่อนเนื้อของผม ตอนนี้มันเจิ่งนองไปด้วยเมือกขาวๆ ของอีอ้อมเต็มไปหมด ผมโยกต่อโดยไม่สนใจความแฉะที่มันเกิดขึ้นจากความเงี่ยน กำหนัดของอีอ้อม …………. ผมค่อยๆ หย่อนตัวเองลงบนพื้นเตียง โดยรั้งอีอ้อมเข้ามาด้วยไม่ให้ท่อนเนื้อหลุดออกจากกลีบ อีอ้อมก็เอนตามมาราวกับยังตราตรึงอยู่กับรสสวาทที่พึ่งผ่านไปเมื่อสักครู่ และไม่ต้องการให้เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างงั้นแหล่ะ ผมโยกต่ออีกสองสามครั้ง เพราะผมรู้ว่ามันเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ร่องกลีบกับท่อนเนื้อไม่พรากออกจากกัน ….ผมสะกิดให้อีอ้อมพลิกหมุน แล้วหันหน้าเข้ามาหาผม เธอทำตามด้วยแรง และสติของเธอเอง ผมสังเกตได้ …..ตอนนี้ตาเธอยังคงหลับ หน้าเธอนิ่งเฉย จมูกเธอ บานเปิดขึ้นเพราะความเหนื่อย อาการหายใจหอบยังคงมีอยู่ไม่จางหาย…..
ผมบรรจงประกบริมฝีปาก แล้วใช้ลิ้นชอนไชเข้าไปในปากเธอ เธอหายใจถี่ ขึ้น ด้านล่างผมยังทำงานไม่มีหยุด ผมพลิกเธอนอนหงาย แล้วขึ้นคร่อมประกบทั้งบนและล่าง…เธอคราง ในลำคอ ผมถลกเสื้อเธอขึ้น ตอนนี้ผมอยากทำอะไรก็ทำได้หมดทุกอย่างแล้ว อีอ้อมเป็นเมียของผมแล้วผมว่าเธอก็ยอมรับในข้อนี้แล้ว ……….ผมสอดมือไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอของยางรัดหน้าอก และตะขอยกทรงที่เธอรัดปิดบังมันไว้ ท่อนเนื้อยังโยกต่ออย่างเมามัน ขาทั้งสองข้างของเธอตอนนี้ช่วยรั้งเอวผมไว้ไม่ให้มันหลุดไปจากตัวเธอ เธอติดใจแล้วหล่ะ ผมใช้ลิ้นต่อ จากปาก สู่รูหู จากหูสู่ซอกคอ แล้วลงมาที่เต้าเล็กๆ ทั้งสองข้าง ผมเม้มดูดนมเธออย่างเมามัน เธอครางไม่เป็นศัพท์อีกแล้ว ผมละจากทุกอย่าง และตั้งใจจะให้เสร็จคราวนี้แล้ว โดยดันตัวเองขึ้น แล้วจัดท่าทางให้เหมาะสมที่สุด ด้วยการใช้มือทั้งสองข้างแบะขาของอีอ้อมให้กว้างที่สุด แล้วค้ำขาท่อนบนของอีอ้อมไว้ ผมขยับตัวเข้าใกล้อีก สะโพกผมเริ่มทำงาน เต็มที่ ตอนนี้ท่อนเนื้อผมซึ่งอิ่มน้ำเต็มที่จนพร้อมสำหรับการปลดปล่อยได้เคลื่อนไหวเข้าออก เข้าออก เข้าออก เป็นจังหวะอยู่ในรูร่องกลีบอุ่นๆ ของอีอ้อม ผมซอย ถี่ขึ้น ลึกขึ้น ถี่ขึ้น ลึกขึ้น ……..แล้วก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาสุดแรง ในรูร่องกลีบของอีอ้อมที่ตอดรับอีกครั้ง แม้จำนวนครั้งในการตอดครั้งนี้ จะดูน้อยกว่าครั้งแรกก็ตาม แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความสุข ที่ผมและอีอ้อมมีความสุข ที่ยากจะลืมได้
โอยส์ ซีดส์ ผมและอ้อมหมดแรง พร้อมๆ กัน เราทั้งสองนอนทาบทับกันอยู่อย่างงั้นจนฟ้าสาง