ตำนานนักรัก ตอนที่ 93
ความจริงแล้ว การขับรถจากหมู่บ้านของคุณวิ กลับมาบ้านผมนั้น เต็มที่ไม่เกินชั่วโมงก็ถึง แต่วันนี้ผมกลับแกล้งขับรถอ้อม
ไปอีกด้านหนึ่ง เผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงไปเล่นๆ เหมือนคนปัญญาอ่อน ไม่มีอะไรจะทำ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกเข้า
จากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา จึงหยิบขึ้นมามองหน้าจอ เห็นเป็นภาพถ่ายยิ้มน่ารักของน้องจูนในวัยยังไม่ครบขวบ แต่อวด
ฟันซี่เล็กๆขาวสองสามซีผุดขึ้นมาเหมือนดอกข้าวโพด ผมจึงชลอรถ แล้วกดรับสาย ด้วยรู้ว่าเป็นเสียงเรียกเข้าจาก
มะลินั่นเอง
“มีอะไรหรือครับคุณนายมะลิ..” ผมสัพยอกหยอกเรียกมะลิเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ใดก็ตาม
“พี่อยู่ไหนแล้วคะ..มะกี้มะลิโทรไปที่ทำงาน คุณสายสมรบอกว่าพี่ยังไม่เข้าออฟฟิสเลย…”
ปรกติแล้วน้อยครั้งมาก ที่มะลิจะโทรไปหาผมในที่ทำงาน นอกเสียจากว่าเธอมีธุระรีบด่วนจริงๆ ข้อนั้นผมรู้ดี แต่คราวนี้
กลับโทร
เข้าหา แสดงว่าเธอต้องมีธุระด่วนเช่นกัน ผมจึงรู้สึกแปลกใจ รีบกรอกเสียงร้อนรนถามไป
“มะลิมีอะไรหรือครับ ถึงได้โทรไปหาพี่..มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า..”
“เอ้อ..ไม่มีหรอกค่ะ…มะลิอยากให้พี่รีบกลับบ้านเท่านั้นเอง…”
ยิ่งมะลิบอกเหตุผล ผมก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปี มะลิไม่เคยก้าวก่ายวุ่นวายเรื่องเวลากลับบ้านของผมเลย
แม้สักครั้ง แต่คราวนี้กลับโทรหาเพื่ออยากให้ผมกลับบ้านไวไว เท่านั้นเองใจผมก็ร้อนลุ่มคิดไปแต่เรื่องร้ายๆ ที่อาจจะ
เกิดขึ้นกับครอบครัวผม แต่มะลิไม่กล้าพูดทางโทรศัพท์ จึงซักถามเสียงเข้มๆรัวๆออกไปอีกครั้ง แต่คำตอบก็ยังเป็น
เช่นเดิม ว่าไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น มะลิแค่อยากให้ผมกลับบ้านไวไวเท่านั้น ผมจึงวางสาย แล้วยูเทรินรถย้อนกลับมา
ตามทางเดิมที่ตัดตรงมุ่งสู่บ้าน ไม่เถลไถลขับรถผลาญน้ำมันตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก
พักใหญ่ๆ ผมก็ขับรถมาถึงบ้าน รีบจอดรถขวางหน้าประตูรั้วไว้ก่อนจะดับเครื่องยนต์ แล้วเปิดประตุรถสาวเท้าก้าวยาวๆ
เข้าไปในบ้านอย่างรีบร้อน ก็เจอมะลิ กับสาลี่ แต่งตัวอย่างสวยงามเหมือนกำลังจะออกไปธุระนอกบ้าน และกำลังรอการ
กลับมาของผมที่ห้องรับแขกพร้อมน้องจูน ที่ใส่ชุดใหม่เอี่ยมดูน่ารักน่าหยิกแก้มใสๆของเธอยิ่งนัก พอเธอหันมาเห็นว่า
ผมเข้ามายืนอยุ่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ร้องเรียกป๊าๆ พร้อมชูมือหราจะให้อุ้ม
“เกิดอะไรขึ้นหรือมะลิ…” ผมรีบร้องถามงงอย่างไม่เข้าใจ เพราะดูท่าทางของทั้งมะลิและสาลี่ก็เฉยๆปรกติมิได้เดือนเนื้อ
ร้อนใจแต่อย่างใดเลย
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่…ถามเสียจนมะลิตกใจ..” มะลิย้อนกลับมาพูดเสียงเรียบๆหวานๆ
“ก็มะลิโทรเร่งให้พี่รีบกลับบ้าน พี่ก็นึกว่าที่บ้านเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นน่ะสิ…”
พอผมทราบว่าที่บ้านมิได้เกิดเรื่องร้ายแรงอันใดขึ้น ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมยื่นมือไปรับน้องจูนขึ้นมาอุ้มชูเหนือ
หัว ก่อนจะจุ๊บแก้มป่องๆของลูกสาวจูบเล่นไปมาจนเธอจักจี๋หัวเราะเอิ๊กๆๆ ลั่นห้อง
“แล้วนี่..แต่งตัวกันเสียสวยทั้งพี่ทั้งน้อง จะออกไปไหนกันหรือครับ..” ผมร้องถามด้วยความแปลกใจ หลังจากส่งน้อง
จูนคืนให้สาลี่ที่เอื้อมมือมารับไปอุ้มแทน
“เราจะออกไปธุระกันค่ะ…พี่รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เถอะ…เดี๋ยวสาย..กว่าจะไปถึงเกรงว่าดึกเสียก่อน..” มะลิเป็นคน
ตอบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆก็จริง แต่บนใบหน้าอมยิ้มนั้น เหมือนยังมีเรื่องลับลมคมใน ที่ยังไม่บอกออกมา
“จะไปไหนกันหรือครับคุณนายมะลิกับคุณนายสาลี่…ถ้าไม่บอกมาก่อน..ผมไม่ไปด้วยนะขอรับ..”
ผมแกล้งพูดถ่วงเวลา ก็เพราะไอ้ท่าทางมีลับลมคมในนั่นแหละ ที่ทำให้ผมอยากรู้เสียก่อนที่จะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ตาม
ที่มะลิเร่งเร้า
“เอาน่าพี่..ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เดี๋ยวมะลิค่อยเล่าให้ฟังตอนพี่ขับรถ…”
แต่มะลิกลับเกี่ยงงอนไม่ยอมเล่า ผมก็เลยแกล้งทำไขสือ หันไปเล่นกับน้องจูน ถ่วงเวลาเหมือนไม่ได้ยินเสียงพูดของเธอ
จนมะลิถอนหายใจดังพรืดอย่างขัดใจ กับท่าทางของผม แล้วจึงพูดออกมา
“มะลิกับพี่สาลี่ จะไปทานข้าวมื้อเย็นกันที่บ้านคุณดาค่ะ…เธอโทรมาชวนเมื่อตอนบ่าย…”
มิใช่ว่าตั้งแต่ผมพามะลิและสาลี่ออกมาอยู่กันข้างนอก แล้วจะขาดการติดต่อกับคุณดาก็หาไม่ ผมเคยพาทั้งสองคนไป
ทานข้าวกับคุณดาและสามีเธออยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้เมื่อผมได้ยินมะลิบอกถึงกับสะอึก ด้วยรู้ดีว่าการไปบ้านคุณดาใน
ครั้งนี้ มันไม่เหมือนคราวก่อนๆ เนื่องจากสมาชิกใหม่ที่เพิ่งกลับบ้านมาเมื่อวันวานนั่นเอง จึงทำให้ผมอึกอัก พูดไม่ออก
“เอ้อ..”
“แน๊..พี่นี่..รีบไปอาบน้ำแต่งตัวสิคะ..มะลิก็บอกให้ทราบแล้ว..ยังจะชักช้าอยู่อีก..” มะลิเร่งรัด เสียงขัดใจ เมื่อเห็นว่าผม
ยังคงนั่งนิ่งเฉยอยู่บนโซฟา ไม่ยอมขยับลุกตามที่เธอบอก
“เอ้อ..ครั้งนี้พี่ขอตัว ไม่ไปด้วยนะครับ..มะลิกับพี่สาลี่ไปกันตามลำพังแล้วกัน…” ผมตอบเสียงเรียบๆออกไป เหมือนไม่
กระตือรือล้นที่จะไปบ้านคุณดาในครั้งนี้
“ไม่ได้ค่ะ..พี่ต้องไปกับพวกเรา….”
คราวนี้เสียงของมะลิดูจริงจังขึ้น จนพี่สาลี่รีบคว้าตัวน้องจูนขึ้นมาอุ้ม แล้วพาเดินออกไปนอกห้องรับแขก ด้วยเกรงว่าพวก
เราจะทะเลาะกัน เพราะผมเลิกคิ้วจ้องมองหน้ามะลิอย่างแปลกใจ และไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมหรือเพราะเหตุผลใด
กันแน่ ที่มะลิต้องเร่งรัดผมเยี่ยงนี้
“มะลิฟังพี่นะ..พี่เข้าใจดีว่ามะลิอยากให้พี่ไปบ้านคุณดา เพื่อเจอหน้าคุณเจน..แต่ตอนนี้ขอเวลาพี่ทำใจรับความผิดหวัง
สักหน่อยได้มั๊ยจ๊ะ…อย่าเพิ่งเร่งรัดพี่เลย…” ผมพยายามอธิบายให้มะลิฟังด้วยเสียงเรียบๆนุ่มนวน
“แล้วพี่รู้แล้วหรือจ๊ะ..ว่าไปเจอคุณเจนคราวนี้ พี่จะผิดหวัง..จะเสียใจ..เชื่อมะลิสิจ๊ะ…พี่ต้องไปเผชิญหน้ากับความจริง
ไม่ว่าจะผิดหวังหรือสมหวัง พี่ก็ต้องไป..ไม่เช่นนั้พี่ก็จะไม่มีโอกสไปเจอคุณเจนอีกเลยนะจ๊ะ…”
มะลิเริ่มเสียงอ่อนลง คงเพราะเธอเข้าใจผมดีว่า ผมขลาดกลัวที่จะต้องแบกรับความผิดหวังอีกครั้ง จึงขยับเข้ามาชิดติด
ตัว พร้อมเอื้อมมือจับมือผมบีบปลอบเบาๆ
“ถ้ามันจะเจ็บและผิดหวัง..พี่ก็ต้องสู้ พี่ต้องรู้และยอมรับมันให้ได้..เจ็บเสียเพียงครั้งเดียว ดีกว่าจะปล่อยเรื่องให้มัน
อึมครึมเช่นนี้ไปตลอด เพราะคนที่จะเจ็บปวดไปตลอดชีวิตคือพี่..และมะลิกับลูก..สู้พี่ยอมเจ็บครั้งเดียว เหมือนโดนผ่าตัด
ดีกว่าปล่อยให้แผลใจพี่อักเสบเรื้อรัง ไปตลอดชีวิตจริงมั๊ยจ๊ะ…”
คำพูดของมะลินั้นเต็มไปด้วยเหตุผล ที่ผมไม่อาจโต้เถียงได้ แม้ยังข้องใจอยู่เล็กน้อยว่า เธอทำแบบนี้แล้วมันจะได้อะไร
ขึ้นมากับตัวเธอ ถ้าคุณเจนยังรักผมอยุ่ มันก็เสมือนลมหวลกลับ ยิ่งถ้าเด็กชายเพชรเป็นลูกแท้ๆของผมด้วย เธอกับลูก
จูนมิย่ำแย่ไปกว่านี้หรอกรึ ในเมื่อมะลิมาอยู่กับผมในฐานะสามีภรรยากัน แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกันเลย ผมเพียงแต่รับ
รองลูกจูนเป็นบุตรเท่านั้น นั่นมันก็เพราะเป็นความประสงค์ของมะลิเอง หาใช่เพราะผมบ่ายเบี่ยงที่จะจดทะเบียนสมรส
กับเธอ แต่อย่างใด
“พี่ถามมะลิอีกครั้งนะครับ..มะลิทำแบบนี้แล้วจะได้อะไร…ถ้าความจริงมันปรากฏขึ้นมาว่า คุณเจนกลับมาหาพี่ เพราะยัง
รักพี่อยู่ แล้วถ้าเพชรเป็นลูกของพี่จริงๆ..มะลิกับลูกจูนล่ะครับ จะทำอย่างไร…”
พอมะลิได้ยินผมถามเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ผุดพายขึ้นมาอย่างสมหวัง ที่เห็นผมใจกล้าพอที่จะไปเจอคุณเจน
ตามคำขอร้องของเธอ
“พี่อย่าคิดมากสิจ๊ะ..มะลิเชื่อมั่นในตัวพี่เสมอมา..ว่าพี่ไม่มีวันละทิ้งมะลิกับลูกจูนหรอกค่ะ..และมะลิก็มั่นใจด้วยว่าคุณเจน
เธอไม่ใช่คนใจร้าย ที่จะพรากพี่ไปจากพวกเรา….เห็นมั๊ยคะ..แค่พี่กล้าไปเผชิญหน้าพบคุณเจนเท่านั้น ทุกอย่างก็จะดี
เหมือนเดิม พี่ก็จะไม่เจ็บปวดกับความรักอีกต่อไป มะลิกับลูกจูนก็ยังมีพ่อมีพี่ รวมทั้งคุณเพชรอีกคน ก็จะได้พ่อที่แท้จริง
ของเธอคืน….”
“เห้อ…ตามใจมะลินะ..พี่เตือนแล้วนะครับ หวังว่ามะลิคงคิดถูก…”
ผมถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัดดังเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดเตือนมะลิเป็นครั้งสุดท้าย แล้วผุดลุกขึ้นยืน สาวเท้าก้าว
ขึ้นบันได ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ตามที่มะลิต้องการ
แม้ผมไม่ได้มีเจตนาโอ้เอ้ อาบน้ำแต่งตัวแบบเอื่อยเฉื่อยก็ตาม แต่กว่าจะกลับลงมาในห้องรับแขกอีกครั้ง แสงสว่าง
นอกบ้านก็ขลุกขมัวจนเริ่มพลบค่ำ จนมะลินั่งรอหน้าบึ้งๆ แล้วตรงรี่มาฉุดแขนผมเร่งผมให้เดินไปสตาร์ทรถ
“พี่นี่น๊าา…ถ้ายังเด็กเป็นน้องเป็นนุ่ง มะลิจะฟาดเสียให้ก้นลายเลย…รู้ก็รู้ว่ามะลิรอ..ยังจะมาเกเรถ่วงเวลาทำอะไรชักช้า
อยุ่ได้..”
มะลิบ่นเบาๆอุ๊บอิ๊บ เหมือนคนแก่ สุ้มเสียงงอนๆ คงทั้งโกรธ ทั้งขำผมเป็นแน่ ที่รู้ว่า ที่ผมอาบน้ำแต่งตัวลงมาช้า เพราะ
เจนตนาจะถ่วงเวลา
“ลิไม่กล้าตี..งั้นขอพี่นะ..หมั่นไส้นัก…”
[post]เมื่อมะลิไม่กล้าทำอะไรผม สาลี่ผู้พี่สาวก็คงหมั่นไส้ผมเต็มทน จึงขออนุญาตน้องเธอ จากนั้นยกมือฟาดแขนผมด้วยความ
หมั่นไส้ดังเพี๊ยะ.. จนเป็นรอยแดงๆห้านิ้ว เล่นเอาน้องจูนหันมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยหน้าตาเลิกลั่ก เพราะความตกใจ
พี่สาลี่จึงรู้สึกตัว รีบโอ๋ปลอบน้องจูนเสียงเบาๆหวานๆ ก่อนที่เธอจะเบะปากร้องไห้
“โอ๋ๆๆๆ..อย่าร้องไห้นะลูก..ป้าล้อเล่นกับป๊าหนูเฉยๆจ๊ะ..โอ๋ๆๆๆ…”
ดูเหมือนจะได้ผล จากเบะปากเตรียมตั้งท่าร้องไห้ พอโดนเสียงหวานของป้าปลอบ น้องจูนก็ยิ้มออกมา ผมจึงรีบขึ้นไป
สตาร์รถยนต์รอ จนทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยๆเคลื่อนรถออกจากหมู่บ้านตนเอง แล้วเสียเวลาไปอีกเกือบสอง
ชั่วโมง จึงได้ขับรถไปจอดอยู่หน้าบ้านคุณดา บ้านที่ผมเคยอยู่ เคยมีความสุขมาหลายปี
ผมกดแตรเรียกสักครู่ เด็กรับใช้คนใหม่ที่คุณดารับเข้ามาแทนมะลิและสาลี่ ก็ค่อยๆวิ่งออกมา แล้วร้องถามเสียงเหน่อๆว่า
ผมจะมาพบใคร คงเพราะจำพวกเรายังไม่ได้ หลังจากได้ยินผมเอ่ยชื่อเจ้าของบ้านถูกต้อง เธอจึงค่อยๆเปิดประตุให้รถผม
เคลื่อนเข้าไปจอด จากนั้นผมก็พาสมาชิกในครอบครัวเข้าไปพบคุณดาและสามีเธอที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก
พลันสายตาผมก็สะดุดอยู่ที่สมาชิกใหม่ในบ้าน เป็นเด็กชาย รูปร่างผอมสูง วัยไม่น่าจะเกินสิบขวบ นี่นะหรือคือเด็กชาย
เพชร ที่มะลิบอกกับผมว่า หน้าตาคิ้วคางถอดแบบมาจากผม จนเธอแน่ใจว่าต้องเป็นลูกชายของผม
แต่เด็กชายวัยไม่เกิน10ขวบที่ผมเห็นนั้น หน้าตามันเป็นเด็กลูกครึ่งอย่างชัดเจน จมูกโด่งเป็นสัน คล้ายนายเอ็มกับนัยน์ตา
สีฟ้าเข้มกลมโต ที่สำคัญหัวยังออกสีน้ำตาลเข้มเสียอีก ไมมีวี่แววคล้ายคลึงผมเลยแม้แต่นิด ดูถ้าว่ามะลิคงตาฝาดไปแล้ว
เป็นแน่