ผมรู้จักพี่เบลมาตั้งแต่ผมยังเด็ก สมัยที่พี่เค้าอายุสักสิบเจ็ดสิบแปด พี่เบลมาสมัครเป็นพนักงานที่ร้านโชห่วยของพ่อผมเพื่อหารายได้พิเศษระหว่างเรียน ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ป.หกได้มั้ง วันหยุดต้องมาช่วยพ่อขายของที่ร้านตามประสาครอบครัวพ่อค้า ก็เลยคลุกคลีกับบรรดาพนักงานจนคุ้นเคยกัน โดยเฉพาะพี่เบลที่เป็นคนใจดี คุยเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา และที่สำคัญ หน้าตาน่ารักเสียด้วยสิ เด็กวัยกำลังจะแตกเนื้อหนุ่มอย่างผมก็เลยแอบปลื้มพี่เค้าไปตามประสา จำได้ว่าตอนนั้นผมชอบหาเรื่องใช้พี่เค้าบ่อยๆ ให้พาไปซื้อของเอย ให้สอนการบ้านเอย ที่จริงไม่ใช่อะไรหรอก เป็นเพราะอยากคุยอยากใกล้ชิดด้วยเท่านั้นเองที่พี่เบลต้องมาทำงานระหว่างเรียนก็เพราะฐานะทางบ้านของพี่เค้าไม่ค่อยจะดีนัก อันที่จริงพ่อผมกับพ่อพี่เบลเป็นเพื่อนกันมาสมัยเรียนหนังสือ แต่พ่อเค้าติดการพนัน บ้านเอยรถเอยที่เคยมีก็ถูกยึดไปหมด ลูกทั้งสามคนก็เลยต้องช่วยพ่อแม่หาเงินมาโปะหนี้เท่าที่จะทำได้แต่พี่เบลโชคดีกว่าพี่น้องคนอื่นตรงที่มีปัญญาเป็นอาวุธ พี่สาวพี่ชายเรียนจบปวช.ก็ออกมาทำงานโรงงาน แต่พี่เบลเอ็นทรานซ์ติดคณะแพทย์ แล้วยังได้ทุนเรียนฟรีอีก พ่อแม่นี่ยิ้มหน้าบานเลย เที่ยวไปโม้ทั้งตลาดว่ามีลูกสาวเรียนแพทย์อยู่ที่กรุงเทพพอพี่เบลไปเรียนมหาวิทยาลัย ผมกับเค้าก็เลยห่างหายกันไป แต่ระหว่างครอบครัวเราก็ยังติดต่อกันเป็นระยะ วันที่จะรับปริญญา พ่อพี่เบลยังมาชวนพ่อผมไปร่วมพิธีด้วยกันเลย แต่บังเอิญว่าพ่อผมไม่ค่อยสบาย ก็เลยไม่ได้ไปด้วยตอนผมเรียนประถม โชห่วยของเราเป็นแค่ร้านเล็กๆ แต่ด้วยความขยันและความสามารถของพ่อ เจ็ดแปดปีถัดมา พ่อขยายร้านไปได้ถึงเจ็ดแปดสาขาทั่วจังหวัด กลายเป็นร้านสะดวกซื้อที่คนรู้จักกันทั้งจังหวัด พ่อพัฒนาจากร้านโชห่วยธรรมดา กลายเป็นมินิมาร์ทติดแอร์ทันสมัย ขนาดที่ว่าเซเว่นยังต้องกลัวไม่กล้าเปิดใกล้ร้านเราแต่ใช่ว่าชีวิตจะมีแต่ความสุข ความเศร้าครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตมาเยือนผมเมื่อพ่อที่ป่วยกระเสาะกระแสะมานานได้ลาจากโลกนี้ไปเมื่อตอนที่ผมกำลังจะเข้ารับพิธีพระราชทานปริญญาบัตรพอดี ป่านนี้พ่อคงกำลังมีความสุขอยู่บนสวรรค์ ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่ล่วงหน้าไปก่อนตั้งแต่ผมอายุสามขวบในฐานะที่เป็นลูกชายคนเดียว แม้ว่าผมจะเพิ่งจบมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องรับบทบาทผู้จัดการใหญ่เต็มตัว ดูแลเครือข่ายมินิมาร์ททั้งหมดที่มีพนักงานเป็นร้อย อาศัยที่ว่าผมคลุกคลีกับร้านพ่อมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยรับช่วงได้ไม่มีปัญหาทางด้านพี่เบล ใช้ทุนเสร็จพี่เค้าก็ปักหลักที่กรุงเทพ ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน แต่ในปีที่ผมกลับมาจากกรุงเทพมาดูแลกิจการที่บ้านนี่เอง ผมก็ได้เจอพี่เบลโดยบังเอิญที่มินิมาร์ทของผม พี่เบลกับผู้ชายคนหนึ่งกำลังมายืนเลือกของอยู่ที่มุมของเล่นเด็กผมไม่ได้เจอพี่เค้ามานานมาก นานจนจำกันแทบไม่ได้ ไอ้ตัวผมเองหน่ะพอจะจำพี่เค้าได้บ้าง เพราะแม้ตอนนี้พี่เบลจะอายุยี่สิบเก้าแล้ว แต่ก็ยังสวยสะพรั่ง แทบไม่ต่างจากตอนเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อเค้าอายุยี่สิบสอง แต่พี่เค้านี่สิ กว่าจะนึกหน้าผมออกก็นิ่งอยู่นาน ก็ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กหัวเกรียนอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ไว้ผมยาวประบ่า ใส่แสล็คขาเดฟไปซะแล้วผมได้ข่าวมาว่าพี่เบลแต่งงานกับหมอหนุ่มชาวกรุงเทพ แล้วพากันตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นั่น เลยสงสัยว่าทำไมถึงมาโผล่อยู่แถวนี้ได้ สอบถามได้ความว่าตอนนี้พี่เบลท้องได้สามเดือนแล้ว“พ่อพี่เห่อหลาน อยากให้พี่กลับมาอยู่ใกล้ๆที่นี่ แกจะได้เลี้ยงหลาน นี่ลงทุนเปิดคลินิคให้พี่เลยนะ”คลินิกหมอเบลอยู่ในตัวเมือง ใกล้ๆกับมินิมาร์ทสาขาหนึ่งของผมนั่นเอง หมอสองคนสามีภรรยาช่วยกันออกตรวจรักษาคนไข้ ทั้งคู่พูดเพราะ อัธยาศัยดี ลูกค้าเลยติดเยอะ วันหนึ่งๆผมเห็นต่อคิวรักษากันยาวเหยียด ว่างๆผมก็เดินแวะไปหาบ้าง ช่วงนี้ผมจึงเจอหมอเบลบ่อยๆ เห็นพี่เค้าใส่ชุดกาวน์สีขาว ใส่กระโปรงพลีทพลิ้วๆ ส่งยิ้มหวาน ส่งเสียงเพราะๆให้คนไข้ บางครั้งผมก็หวนคิดถึงตอนที่ผมแอบปลื้มพี่เค้าสมัยเด็ก ถ้าไม่ติดว่าหมอเพชรจัดการตีตราจองพี่เบลไปเรียบร้อยแล้ว ผมอาจจะใจกล้าจีบพี่เค้าก็ได้นะ happy.gifพี่เบลดูเหมือนจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาก สามารถพลิกฐานะของครอบครัว จากเด็กที่ต้องมาทำงานพิเศษเป็นลูกจ้างในโชห่วย กลายเป็นคุณหมอที่มีคลินิกมีลูกค้ามากมาย แล้วตอนนี้ ก็กำลังจะมีลูกน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ พี่เบลคงจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมาก ถ้าวันหนึ่ง ฟ้าไม่ผ่าลงมาทำลายครอบครัวนี้จนย่อยยับเสียก่อนข่าวร้ายที่เข้ามาในอาทิตย์เดียว ทำลายชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ของพี่เบลเสียยับเยิน ในวัยที่เธอท้องโตใกล้คลอด พ่อเธอที่ทุกคนเข้าใจว่ากลับตัวกลับใจได้แล้ว อยู่ดีๆกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่เบลร้องไห้มาบอกผมว่า พ่อหนีไปอยู่ประเทศลาว เพราะเจ้าหนี้จะมาตามฆ่า พ่อพี่เบลหันกลับไปเป็นทาสพนันอีกครั้งแล้วน้ำตายังไม่ทันแห้งหาย สองวันถัดมา ไทยรัฐก็ลงข่าวหน้าหนึ่งหรา “จับหมอหนุ่มค้ายานรก แฉเป็นเอเย่นต์ แอบลักลอบขนจากลาว” พี่เบลที่กำลังจะคลอดอยู่เต็มที ถึงกับเป็นล้มลมพับเมื่อได้รับข่าวร้าย ไม่ใช่แค่พี่เบลหรอกที่ตกใจ ทุกคนที่รู้ข่าวรวมทั้งผมด้วย ต่างก็ไม่อยากจะเชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นจริง มันยากที่จะทำใจให้เชื่อได้ว่า ผู้ชายหน้าตาดีมีความรู้ที่มีอาชีพเป็นถึงหมอรักษาคนไข้จะหลงผิดคิดสั้นริรวยทางลัดไปค้ายานรกพี่เบลถูกหามส่งโรงพยาบาล หมอแนะนำให้นอนที่นั่นจนกระทั่งเธอคลอดลูกชายหน้าตาน่าเอ็นดู เจ้าหนูบีม เด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกพอจะเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจให้พี่เบลพอยิ้มได้บ้าง วันที่ผมหิ้วของฝากไปเยี่ยม ผมเห็นพี่เบลกับแม่เค้ากำลังหยอกล้อเล่นกับหลานอย่างมีความสุขแต่มันก็เป็นความสุขชั่วครู่ยาม พอเริ่มแข็งแรง หมอเบลก็ต้องมาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง เธอต้องรับมือกับปัญหาที่เธอไม่ได้ก่อ บรรดาเจ้าหนี้ของพ่อ มาทวงเอากับเธอในฐานะลูกสาวที่มีหน้ามีตาอยู่ในตัวเมือง พวกนั้นคงคิดว่าพี่เบลมีฐานะ คงพอจะมีเงินใช้หนี้แทนพ่อ แต่ที่จริงแล้ว พี่เบลต้องผ่อนบ้านที่เปิดเป็นคลินิกเป็นจำนวนเงินเดือนละไม่น้อย ยิ่งเมื่อสามีถูกจับติดคุก เธอเองก็คลอดลูก ก็ไม่ได้เปิดคลินิก แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ให้พ่อ มาจ่ายค่าผ่อนบ้าน มิหนำซ้ำยังต้องเสียค่าทนายเพื่อสู้คดีให้หมอเพชรอีกคลอดลูกได้แค่เดือนเดียว คลินิกหมอเบลก็เลยต้องรีบเปิดให้บริการอีกครั้งเพื่อหาเงินมาโปะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ แต่ข่าวคราวที่แพร่สะพัดไปทั่วจังหวัดว่าหมอคลินิกนี้ขายยาบ้า ทำให้จำนวนคนไข้ลดลงเกินครึ่งผมคงเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่พี่เบลมองเห็น วันหนึ่งผมจึงเห็นหญิงสาวใส่เสื้อกาวน์ยืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้านผม“ธนาคารกำลังจะยึดคลินิคพี่แล้ว”เธอมาขอร้องขอยืมเงินจากผม ใบหน้าที่แม้จะยังมีเค้าความสวยแต่ก็หมองเศร้าจนผมนึกสงสาร ก็เลยเขียนเช็คให้พี่เค้าไปหลายหมื่น ไม่ได้คิดดอกบ้งดอกเบี้ยอะไรอีกหนึ่งเดือนถัดมา หมอเบลก็มายืนกดกริ่งที่หน้าบ้านผมอีก เปล่าหรอก ไม่ใช่มาใช้หนี้ มาขอยืมเงินเหมือนเดิม คราวนี้ขอยืมเพื่อเป็นค่าทนายสู้คดีให้หมอเพชร“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเอาเช็คไปให้ที่คลินิคนะครับ”คราวนี้ผมไม่ให้เช็คไปเลย เพราะบังเอิญว่าเมื่อคืนนี้ผมเข้าไปรื้อในห้องเก็บของของพ่อ เลยได้เจอในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะเจอ ซึ่งทำให้ผมถึงกับเหงื่อตกเม็ดด้วยความตกใจ และวันรุ่งขึ้น เมื่อผมเข้าไปในห้องตรวจคนไข้ เอาของที่ว่าไปให้หมอเบลดู เธอก็ปากคอสั่น เหงื่อแตกเต็มใบหน้าไม่แพ้ผม“แดนไปเอารูปพวกนี้มาได้ไง”รูปที่ว่า คือรูปหญิงสาววัยแรกรุ่น สวมเสื้อนักเรียนม.ปลาย ปักชื่อชัดเจน และถึงไม่ต้องดูชื่อผมก็รู้ว่าเป็นใคร หญิงสาวในรูปที่กำลังนอนหงายทำหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก ข้างล่างตั้งแต่เนินหน้าท้องขาวเนียนเป็นต้นมาเปลือยเปล่าไม่ได้ใส่อะไรเลย และมีท่อนมหึมาสีดำๆผลุบเข้าไปในกลีบเนื้อกระชับกว่าค่อนลำ ผิวเนียนขาวอย่างนี้ใบหน้าสวยอย่างนี้ ผมจำได้ทันทีว่าคือผู้หญิงที่ผมแอบปลื้มมาตั้งแต่เด็ก หมอเบลนั่นเองและผู้ชายในรูปที่กำลังโก่งก้นเพื่อรวมพลังกระแทกท่อนเนื้อเข้าไปในร่องหลืบ แม้ในรูปสิบกว่าใบนี้จะไม่เห็นหน้า แต่แค่เห็นท่าทางผมก็จำได้ว่า เขาคือพ่อผมนั่นเอง!ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในรูปเกิดขึ้นได้อย่างไร และดูเหมือนพี่เบลเองก็ไม่อยากให้ผมได้รู้ พี่เค้าอ้อนวอนขอร้องให้ผมคืนรูปชุดนั้นให้ ผมยินดีจะคืนให้ แต่มีข้อแม้ว่า“พี่ต้องทำกับผม แบบเดียวกับที่ทำกับพ่อ”แน่หละครับ พี่เบลตกใจมากกับคำพูดของผม เธอด่าผมต่างๆนานา และปฏิเสธไม่ยอมทำตามคำพูดของผม แต่ในสถานการณ์ที่ผมถือไพ่เหนือกว่าเช่นนี้ พี่เบลไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก เมื่อผมทั้งบังคับ ทั้งอ้อนวอน ประกอบกับลดคำขอเหลือแค่ให้พี่เบลใช้ปากให้กับผม ในที่สุดเธอก็กล้ำกลืนยอมทำตามคำขอของผมจนได้“ใช้แค่ปากแค่นั้นนะแดน”พี่เบลพยายามขอร้องผลัดเป็นเวลาอื่น เธอบอกว่ามันคงไม่เหมาะสมที่จะทำอะไรในห้องตรวจโรคที่มีทั้งพนักงานจ่ายยาของเธอยืนอยู่หน้าห้อง มีคนไข้นั่งรอตรวจส่งเสียงดังจอแจ ซ้ำทารกน้อยลูกรักของเธอก็นอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ผมไม่ยอม ผมต้องการให้เธอคุกเข่าลงกับพื้น ใช้ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอสำเร็จความใคร่ให้กับผม ในห้องตรวจโรคของเธอนี่แหละท่ามกลางเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของบรรดาคนไข้ที่เฝ้ารอหมอเรียกชื่ออยู่ข้างนอก ทุกคนคงจะกระวนกระวายว่าเมื่อไหร่หมอจะเรียกตนเข้าไปรักษาสักที แต่คงอีกนานกว่าคิวต่อไปจะถูกเรียก เพราะตอนนี้ หมอสาวคนสวยกำลังคุกหัวเข่ากลมมนลงกับพื้นห้อง เตรียมตัวรักษาโรคให้กับเด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างผม โรคที่ว่าคือโรคของผู้ชายที่เรียกว่าโรคเงี่ยน จะเป็นเฉพาะเวลาได้เจอผู้หญิงขาวๆสวยๆอย่างหมอเบลนี่แหละ อาการของโรคปรากฏต่อหน้าคุณหมอที่นั่งตัวสั่นคุกเข่าอยู่ เมื่อผมนั่งเอนหลังลงกับเก้าอี้นวมที่ปกติเธอใช้นั่งตรวจโรค แล้วเอ่ยปากสั่งให้เธอปลดกางเกงของผมลงกองกับพื้น อาการของโรคที่ว่าก็คือ ท่อนเนื้อสีดำลำใหญ่ ที่เด้งผลึงออกปรากฏห่างจากใบหน้าสวยไม่กี่นิ้วผมบอกให้หมอเบลแลบเรียวลิ้วของเธอออกมาลากลิ้มรสท่อนเนื้อของผม ไม่รู้ว่าเธอโกหกผมหรือเปล่านะ แต่เมื่อผมถามว่าเคยทำอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า หมอเบลก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ดวงตากลมใสของเธอสั่นระริก มองตรงมาที่ตาผมเหมือนกับจะขอร้องให้ผมเห็นใจเป็นครั้งสุดท้าย แต่เมื่อผมใช้มือค่อยๆประคองหัวเธอให้โน้มเข้ามาใกล้ลำลึงค์มากขึ้น แม้หมอเบลจะผงะหน้าหนีกลิ่นคาว หมอเบลหันหน้าไปมองเจ้าบีมทารกน้อยที่นอนหลับสนิทบนเตียงมุมห้องเหมือนจะชั่งใจ แต่ที่สุดแล้ว เธอก็ต้องยอมค่อยๆแลบลิ้นออกมาลากเลียตามที่ผมขอไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมีวาสนาได้นั่งเอนหลังในห้องตรวจโรคให้คุณหมอคนสวยนั่งคุกเข่าเลียควยให้ทุกสัมผัสที่หมอเบลลงลิ้น ทำให้ผมกลั้นเสียงครางไว้แทบไม่ไหว ผมสั่งให้เธอลากลิ้นไปทั่วทั้งลำลึงค์จนมันชุ่มน้ำลายของเธอ แม้แต่เจ้าลูกบอลโตงเตง เธอยังต้องลากลิ้นสัมผัสจนทั่วผมจับเอามือซ้ายเรียวสวยของเธอมากำไว้รอบลำลึงค์ที่ชุ่มน้ำลายมือนุ่มๆขาวเนียนชักเข้าชักออกกับหนังเนื้อสีดำ แหวนเพชรที่นิ้วนางของหมอเบลสัมผัสกับท่อนเนื้อจนผมเย็นวาบ หมอเบลกำลังใช้ปากบำบัดคนไข้ให้ชายอื่น ใต้โต๊ะที่เธอกับสามีเคยใช้ตรวจคนไข้ร่วมกันนั่นเอง