ผมเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านที่มีฐานะคนนึง แต่บ้านเราไม่ได้รวยมาตั้งแต่แรก อาจเพราะโชคดีบนความโชคร้ายของคนอื่นๆมากกว่า บ้านผมเลี้ยงไก่แบบระบบใหม่ มีฟาร์มที่สะอาดเลี้ยงในโรงเรือนควบคุมอย่างดี ช่วงแรกๆ เกือบเจ๊งเพราะว่าต้นทุนสูงมากๆ แถมต้องขายตัดราคากับไก่ที่เลี้ยงแบบทั่วๆไป เกือบเลิกทำคิดให้คนอื่นมาซื้อกิจการต่อ แต่แล้วก็มีไข้หวัดนกระบาด ทำให้คนกลัวมากๆ เพราะขนาดหมอที่รักษาคนไข้ยังตาย ต้องฆ่าไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยของชาวบ้าน ตายนับล้านๆตัว เป็นข่าวเกรียวกราวบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์อยู่นาน แต่กลับทำให้บริษัทเราโชคดีมียอดซื้อเข้ามาไม่ขาดสาย ทำงานกันวุ่นเลย ถึงตั้งราคาขายไว้สูงๆก็ยังขายได้ ก็ของมันต้องกิน กำไรที่ได้เรียกว่าตั้งฟาร์มใหม่ได้อีกสองสามฟาร์มสบายๆ พ่อผมหามรุ่งหามค่ำทำงาน เงินทองไหลมานับแทบไม่ทัน จนแกทำงานหนักเกินไปหัวใจหยุดทำงานกระทันทันตอนแกไปดูฟาร์มใหม่ที่เพิ่งลง มือสร้าง แม่ผมเศร้าอยู่ไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม แกรับที่แทนพ่อได้ดี แม่เป็นคนทำงานเก่ง เพราะเป็นลูกคนจีนทำงานมาตั้งแต่เล็ก เห็นว่าบ้านเก่าแม่เป็นร้านขายของชำอยู่แถวๆตลาด แม่ให้ผมกลับมาช่วยงานเต็มตัวช่วยๆกัน จนผมต้องออกจากมหาวิทยาลัยตอนที่ผมกำลังจะขึ้นปีสอง ตอนแรกผมก็อยากเรียนต่อ แต่งานที่บ้านสำคัญกว่าฟาร์มแห่งใหม่เป็น ที่ติดถูเขาเกือบสองร้อยไร่เลี้ยงไก่ไม่มากพื้นที่ส่วนใหญ่ทำเป็นที่ปลูกพวก ข้าว งา ถั่ว และพืชยืนต้นบางส่วน จะเอามาอาหารไก่ ผมเคยไปครั้งเดียวตอนที่ยังบุกเบิกใหม่ๆ ตอนนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้ แม่กับผมเลยต้องไปตรวจดูงานแม่รูปร่างค่อนข้างเล็ก ผมสูงกว่าแม่เกือบสิบเซ็น ผิวแม่ขาว หน้าจีนๆ ไม่ค่อยแต่งหน้า ทำให้หน้าจืดๆอยู่ตลอด เห็นมาตั้งแต่เด็ก เลยทำให้ผมอยากมีแฟนผิวคล้ำๆยิ่งผิวเข้มๆยิ่งชอบผมคิดอย่างนั้นผม กับแม่ขับรถจากออฟฟิตในกรุงเทพไปที่ฟาร์มแห่งใหม่ขับสองชั่วโมงกว่าๆก็ถึง แล้ว หัวหน้าฟาร์มตัวอ้วนๆคล้ำๆ ผมเคยเห็นแกมาที่ออฟฟิตบ่อยๆ แต่ผมจำชื่อแกไม่ได้ แกพาผมกับแม่ดูงานไปเรื่อย แม่เดินคล่องกระฉับกระเฉงมาก ผมสิดูงกๆเงิ่นๆไม่เป็นงานซะมากกว่า ตรวจงานไปเรื่อยๆ ทีละส่วนๆ จากไร่ข้าว งาดำ ข้าวโพด ถั่วเหลือง เห็นมีไร่มะพร้าวด้วยผมเพิ่งรู้ว่ามี คิดในใจกูรวยอะไรอย่างนี้ พอดูครบแม่ก็ไปดูโรงงานเล็กๆที่ยังได้เอาเครื่องจักรมาลง แม่ดูไปสักพักบอกหัวหน้าเอาไว้เครื่องมาค่อยมาดูดีกว่า ตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้ว เห็นรถคนงานค่อยๆทยอยกลับที่ละคันสองคัน หัวหน้างานก็บอกว่า พรุ่งนี้ค่อยไปดูสวนมะม่วงแล้วกันนะครับ แม่บอก “มีสวนมะม่วงด้วยหรือ” หัวหน้าทำหน้างงๆ “เฮียแกไปซื้อของชาวบ้านมานะครับ เห็นแกว่าวิวมันสวยกะจะเอาไว้ปลูกบ้าน อยู่อีกฝั่งเขาโน้นแหน่ะ ทางมันไม่ค่อยดี ต้องเอากระบะเข้าไปครับ” แม่บอกไปวันนี้ไม่ได้หรือเพราะมีงานค้างทีออฟฟิตเยอะไม่อยากกลับไปกลับมา หัวหน้าพูด“ผมไม่ว่างซะด้วยสิต้องไปรับลูกกับเมียในตัวเมือง“ แม่บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวไปเองก็ได้ ไม่ไกลใช่ไหม “ไม่ไกลครับ ขับรถสิบนาทีก็ถึง ขับไปตามทางนั้นเรื่อยๆตรงไปอย่างเดียว เจอซุ้มประตูมีป้ายบริษัทก็ใช่เลยครับ “ หัวหน้าชี้ไปที่ทางลูกรังมีใกล้ๆกับเนินเขา ผมกับแม่เลยขึ้นรถขับไปทางนั้น รถผมเป็นรถกึ่งกะบะทำแบบเอสยูวีโฟววิวไดฟ์ แต่ตั้งแต่ซื้อมาไม่เคยได้ใช้โฟวิวเลยสักครั้ง วิ่งแต่ในเมืองทางเรียบๆ ผมเลยอยากลอง จึงขอแม่เห็นคนขับไปเอง ขับไปตามทางลูกรัง ขรุขระ ทางเป็นหลุมเป็นบ่อ มีทางเนินเล็กให้พอไต่เล่น ทางเลียบไปตามเนินเขา สองข้างมีต้นไม้สูงขึ้นอยู่เต็มไปหมด ผมขับยังไม่ทันหายสนุกก็เห็น รั้วไม้และซุ้มประตูไม้มาแต่ไกล พอขับเข้าไปใกล้ๆก็มีป้ายเหล็กเล็กๆมีตรายี่ห้อและชื่อบริษัทอยู่ แม่บอกถึงแล้ว ผมขับช้าลงมองสวนสองข้างทาง สวนกว้างมากๆ มีต้นมะม่วงต้นใหญ่ๆปลูกเป็นแถวเต็มไปหมด แต่มองไปไม่เห็นลูกมะม่วงเลย มีแต่ช่อดอก แม่พูดว่า ” สวยดีนะ มีเนินเขาอยู่ข้างหลังด้วย” แม่ดูไปรอบๆแล็ก็ชี้มือบอกว่าขับไปจอดตรงนั้นหน่อย ผมมองไปเห็นเป็นบ้านหลังเล็กๆของคนงาน เห็นคนงานสี่ห้าคนกำลังเก็บข้าวเก็บของใส่รถกะบะเหมือนกำลังจะกลับกันแล้ว ผมขับไปจอดใกล้ๆ“มาหาใครครับ” คนงานที่เหมือนจะอายุมากที่สุดทักขึ้น“เปล่าคะ ไม่ได้มาหาใคร หนูมาดูสวนค่ะ” แม่ลดหน้าต่างลงคุยกับคุณลุงคนนั้น“คุ้นๆหน้า คุณนายเข้าของฟาร์มใช่ไหมครับ” คุณลุงถาม“ใช่ค่ะ…… ลุงไอ้ตรงไหนที่จะสร้างบ้านหรือ” แม่ถาม“ตรงนี้แหละครับคุณนาย พวกผมเพิ่งตัดต้นมะม่วงไปวันก่อนนี้เอง สัปดาห์หน้ารถตักและขุดจะเข้ามาปรับพื้นดินถึงจะเข้ามา” ลุงตอบ“ลุงพาดูสวนหน่อยได้ไหม” ผมถามขึ้น“มัน ก็ไม่มีอะไรหรอกหลาน ทั้งสวนก็เป็นแบบนี้หมดแหละ มีแต่ต้นมะม่วง และแบบว่าลุงนัดก๊งกับเพื่อนไว้ ลุงขอตัวก่อนละกัน นะ แหะๆ ” พูดเสร็จลงก็ปีนขึ้นหลังรถกะบะ และคนขับรถก็ขับออกไปผมกับแม่เดินลงจาก รถเดินดูสวนไปเรื่อยๆ ผมเห็นท้องฟ้าเหมือนมีเมฆฝนเริ่มจับกลุ่มกัน ..อย่าเพิ่งตกลงมาตอนนี้เลยผมคิดในใจ แม่เดินไปทางหลังบ้านคนงาน เดินข้ามเนินหญ้าเล็กๆ ตรงไปยังต้นมะม่วงต้นหนึ่งที่ห่างไปประมาณสักสิบเมตร“มาดูนี่สิ” แม่เรียก ผมเดินเข้าและมองดูสิ่งที่แม่ชี้อยู่ มีมะม่วงเล็กๆอยู่สองลูกอยู่บนกิ่ง“มีอะไรหรือแม่” ผมถาม“หาอะไรมาสอยมะม่วงหน่อยสิ” แม่บอก“สอยทำไมลูกนิดเดียว” ผมมองมะม่วงลูกเล็กๆ ขนาดพอๆกับผลมะนาว“เล็ก แบบนี้แหละกำลังเปรี้ยวพอดีเลย” แม่กำลังมองหาไม้ยาวๆ มาสอยมะม่วง ผมมองซ้ายมองขวาดูไม่เห็นจะมีอะไรยาวๆเลย ตอนนี้ฟ้าเริ่มครึ้มๆมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกถึงไอฝนอ่อนๆพัดมา“รีบกลับ เถอะแม่…ฝนกำลังจะตก” ผมบอกแม่ที่กำลัง เดินมองหาอะไรก็ได้ที่ใช้สอยมะม่วงได้ แม่เจอไม่ไผ่ลำยาวที่หลบอยู่ใต้ต้นหญ้าแถวนั้น แล้วแม่ถือมายกไม้ขึ้นพยายามเอาไปเขี่ยๆที่ลูกมะม่วง แต่ปลายไม้ไผ่มันเรียบ ไม่มีรอยบากทำให้ไม่มีร่องไปยึดจับกับช่อมะม่วง แม่ป่ายไม้ไปมาก็ไม่ได้สักที ผมเลยบอกแม่ว่า “ขอผมลองบ้าง” ว่าแล้วผมจับไม้ไผ่แล้วง้างแขนและฟาดไปแรงๆที่ลูกมะม่วง มันกระเด็ดหลุดออกมาทั้งสองลูก หล่นลงที่พื้นตุบๆ และฝนก็เริ่มตกลงมาพอดี แม่วิ่งไปเก็บมะม่วง และก็รีบวิ่งกลับรถกัน ฝนเทลงมาแรงมากเหมือนฝนไล่ช้าง เม็ดฝนเม็ดใหญ่ กระทบพื้น ใบใม้ ต้นไม้ดังรัวๆ มากขึ้น ดังขึ้นๆ พวกเราวิ่งผ่านบ้านคนงาน ผมกดกุญแจปลอดล๊อคประตู ปี๊บ ๆ และรีบเข้าไปในรถ ทั้งผมทั้งแม่เปียกปอนไปหมด เสื้อผมชุ่มไปด้วยน้ำฝน ผมค่อยเอามือลูปผมตัวเองไปด้านหลังเพื่อไล่น้ำ มองไปที่แม่ เสื้อยืดขอปกสีขาวของแม่กำลังชุ่มไปด้วยน้ำฝน ผมมองไปที่ตราบริษัทที่ปักอยู่บนอกด้านซ้ายมองเห็นชุดชั้นสีชมพูในที่อยู่ ใต้เสื้อของแม่ได้ชัดเจน แม่เอากระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้าเช็ดตา แล้วก็ค่อยมือและแขนของแก ผมถอดเสื้อออกและเปิดหน้าต่างและยื่นเสื้อออกไปบิดน้ำออกและเอามาใส่ใหม่“เดี๋ยว ค่อยไปขอเสื้อที่ฟาร์มเปลี่ยนละกัน” ผมบอกและใส่เกียร์ถอยหลังกำลังจะกลับรถออกไปทางประตูที่เข้ามา ค่อยๆหมุนพวงมาลัยแล้วหักล้อกลับรถ ล้อหลังรถเหมือนไปท่อนไม้อะไรสักอย่าง ผมใส่เกียร์เดินหน้าล้อหลังทับท่อนไม้เมื่อกี้อีกรอบได้ยินเสียงดัง ปุ้ง ผมเหยียบเบรคเปิดประตูและก้มมองดูล้อหลังฝั่งผม เห็นล้อค่อยๆแฟ๊บลงๆ เวรกรรมยางรั่ว ผมลงและเดินไปตรงล้อหลัง ฝนสาดใส่หน้าผมแรงเลยจนต้องเอามือป้องตา ก้มมองล้อที่แบนแฟ๊บมองเห็นท่อนไม้ที่มีตะปูแหลมอยู่หลายๆดันเจาะยึดแน่น เข้าไปในยางนอก แม่เคลื่อนตัวมาที่เบาะที่นั่งคนขับและมองออกมา“ยางแตกหรือ” แม่ถาม“ครับ แม่เปลี่ยนยางสำรองเป็นไหม” ผมถาม แต่แม่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็น ส่วนผมก็ไม่เป็นเหมือนกัน ปกติยางแบนที่ไรก็โทรเรียกช่างมาทำให้ไม่เคยทำเองเลยสักที ทำยังไงดี ผมคิด“โทรหาหัวหน้าฟาร์มให้เขาส่งคนมาช่วยละกัน” ผมบอก“แม่กดโทรศัพท์” รอสายอยู่นาน ลองกดใหม่อีกสองสามครั้ง“ไม่มีสัญญานเลย” แม่บอก“ลอง เอามือถือผมโทรดูแม่” แม่หยิบมือถือผมที่วางอยู่แถวนั้นกดเบอร์หัวหน้าช่าง “ไม่มีสัญญานเหมือนกัน” แม่ตะโกนผ่านเสียงฝนมา ผมเดินเข้าไปนั่งรถ คราวนี้ไม่มีส่วนไหนของผมที่ไม่เปียก กางเกงในนี่ชุ่มโชกเลย ทำไงดีผมคิด เห็นแม่พยายามกดโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ผมเริ่มหนาวเลยปรับมาเป็นลมร้อน เห็นนาฬิกาของรถบอกเวลา หกโมง สิบห้านาที ผมดับเครื่อง ผมปิดไฟหน้าลงเปลี่ยนเป็นไฟหรี่แทน“ไม่ติดเลย เบอร์ไหนก็ไม่ติด” แม่ทำเสียงหมดความพยายาม“ฝน ลงหนักแถมตรงนี้ก็ติดเนินเขา สัญญานเลยหายหมดมั้งครับ” ผมหันหน้ามองผ่านกระจกที่เต็มไปด้วยหยดน้ำไปที่เนินเขา “แย่ชมัด” ผมทำเสียงเซ็งๆ ผมเห็นแม่มุดๆไปหลังรถค้นๆกล่องเก็บของกล่องใหญ่ ที่วางไว้ท้ายรถ กางเกงขายาวสีขาวของแม่เวลาโดนน้ำแล้วเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้ชัด เห็นกางเกงในสีชมพูตัวจิ๋วของแม่ได้ลอยเด่นออกมา ตัวเล็กมากอย่างกับของเด็กๆเลย แม่ได้ทิสชู่ออกมาสองกล่องใหญ่ ไม่แขวนเสื้อและผ้าแห้งผืนเล็กๆสองผืน แม่กลับมานั่งข้างหน้าใหม่ถอดเสื้อออกวางลงกับพื้นและถอดกางเกงลงไปกองรวม กัน ผมมองเห็นแล้วใจตุ้มๆต่อมๆไม่เป็นจังหวะ “เช็ดตัวให้แห้งเดี๋ยวเป็นหวัด เอ้าถอดเสื้อผ้าออกแล้วเอาทิชชู่เช็ดชะ” ผมทำตาม สักพักผมก็เหลือแต่กางเกงใน เสื้อผ้าเปียกๆกองไปอยู่ที่พื้นรถ ผมเอาทิชชู่ดึงออกมาหลายแผ่นเช็ดตามเนื้อตัว เช็ดน้ำไปทั่วๆ ผมแอบดูแม่เช็ดหน้าอก อกแม่ขาวขนาดกำลังเหมาะมือ เปิดให้เห็นเนินออกชัดๆ แล้วตามด้วยเช็ดหน้า แก้มชมพูระเรื่อๆนิดๆ ผมมองลงไปที่เอว เบาะที่นั่งที่เปียกกำลังรองรับกับบั้นท้ายเล็กๆขาวๆของแม่ กางเกงในของแม่ด้านข้างเล็กบางจนเห็นผิวขาขาวไล่ตั้งแต่ต้นขาจนถึงเอว เนียนเรียบทุกระเบียบนิ้ว ผมเองก็เช็ดตัวผมเกือบแห้งหมดแล้ว เหลือแต่กางเกงในชุ่มๆเนี้ยแหละ แม่บอกเอาเสื้อและกางเกงบีบน้ำออกเดี๋ยวจะได้เอาแขวนผึ่งตากไว้ก่อน ผมทำตามเสื้อและกางเกงถูกพึ่งแขวนไว้กับราวมือจับเบาะหลังสักพัก แม่บอกว่า“หันหน้าไป อย่ามองแม่นะ แม่จะถอดกางเกงใน” …. ผมเอาหน้าตัวเองหันไปทางหน้าต่างคนขับ ได้ยินแต่เสียงแม่ขยับเนื้อตัว ถอดกางเกงในอยู่“เสร็จยัง” ผมถาม “ยังๆๆ อย่าเพิ่งหันมา ขอเช็ดให้แห้งก่อน” สักพักแม่บอกหันมาได้แล้ว ผมหันมาเห็นท่อนบนของแม่เปลือยเปล่า ถอดเสื้อในออกเห็นนมหัวนมสีชมพูทั้งสองข้าง เต้าย้อยนิดๆ แต่ขาวมาก ผมมองตาไม่กระพริบ ด้านล่างมีผ้าแห้งสี่เหลี่ยมขนาดประมาณผ้าเช็ดหน้ามาปิดตรงของสงวนของแก แม่เปิดหน้าต่างออกเอามือบิดน้ำออกจากกางเกงใน แล้วเอาไปเกี่ยวไว้กับช่องเป่าลมให้ลมร้อนเป่ากางเกงในแม่ให้แห้ง“เร่ง หน่อยสิ จะได้แห้งเร็วๆ” แม่บอก ผมเอื้อมมือไปดันสวิตเร่งลมร้อนให้เป่าแรงขึ้นอีก แม่บอก “เราก็ถอดกางเกงในออกแล้วเช็ดให้แห้งด้วย” แม่หยิบกล่องทิชชูและผ้าให้“แม่หันหน้าไปก่อนสิ ผมอาย” ผมบอก