ตำนานนักรัก ตอนที่ 32
ผมมัวแต่คิดว่ามันน่าจะเป็นแบบในหนังในละคร เมื่อนางเอกจอมหยิ่งยโส ถูกพระเอกลงโทษด้วยการจูบปาก แล้วเธอจะตัว
อ่อนเลิกหยิ่งยโสอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม พอผมคลายปาก ปล่อยวงแขนให้คุณเจนเป็นอิสระ เธอก็ยก
ฝ่ามือตบเปรี้ยงเข้าไปที่หน้าผม เห็นตัวเล็กๆเพรียวๆแบบนั้นแหละ แต่มือเธอหนักเอาการ เล่นเอาผมหน้าหันแทบเห็นดาว
“แกตาย!…”
คุณเจนพูดแค่นี้ แล้วผลุนผลันวิ่งหายเข้าไปในครัว ผมจึงเดินเลี่ยงไปทางห้องนอนของลุงเสงี่ยม เห็นคุณดายืนดักอยู่หน้า
ห้อง คุณเจนก็วิ่งกลับมา พร้อมในมือมีมีดปลอกผลไม้ด้ามเล็กๆ โดยมีพี่ชิตวิ่งตามหลังมาจนทัน
“ไอ้ทองดี มึงรังแกกูใช่มั๊ย…มึงตาย!..”
เมื่อคุณเจนวิ่งมากลับถึงหน้าห้อง เธอร้องจิกด่าผมอีกครั้ง แล้วเสือกมีดที่ถืออยู่ในมือ หลับหูหลับตาแทงเสียบเข้ามา เดชะบุญ
ที่ผมระวังตัวไว้อยู่แล้ว จึงหลบทัน พร้อมคว้าข้อ
มือคุณเจนไว้ แล้วบิดจนมีดเล่มเล็กๆร่วงหล่นใส่พื้น พี่ชิตก็รีบเข้ามาเก็บเอา
แอบไว้ช้างหลัง ส่วนคุณดาก็กรีดเสียงร้องว๊ายด้วยความตกใจ แล้วรีบถลันตัวเข้ามาแยก ดึงร่างคุณเจนเข้าไปกอดพร้อมร้อง
ถามเสียงสั่นๆ
“ทองดีรังแกอะไรลูกเจนคะ…บอกแม่มา…”
“มัน..มัน..เอ้อ..มันรังแกหนูค่ะแม่…มันปล้ำ มันลวนลามเจน…”คุณเจนใส่ความผมเป็นชุด เสียงค่อนข้างดัง จนแม้แต่เพื่อนทั้ง
สองคนต่างก็วิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์
“เป็นไปได้ยังไงครับ ที่ผมจะปล้ำคุณเจน ในเมื่อคนอยู่เต็มบ้านขนาดนี้…” ผมแสร้งตีหน้าตอบออกไปซื่อๆ จนคุณดาขมวดคิ้ว
แล้วย้ำถามคุณเจนอีกครั้ง เธอก็ยังยืนยันคำเดิม
“มีใครเห็นเหตุการณ์บ้างคะ…” จนคุณดาต้องร้องถามหาพยานหลักฐาน คุณเจนถึงกับอึ้ง
“แม่ไม่ได้เข้าข้างทองดีนะคะลูกเจน..แต่หนูไม่มีพยานยืนยันได้สักคน มีแต่แม่เองแหละที่ได้ยินเสียงหนูด่าทอทองดี เปรียบว่า
เค้าเป็นหมูเป็นหมา เป็นวัวเป็นควาย…” คุณดาพูดเสียงเรียบๆ แต่หันหน้ามาจิกตาดุใส่ผมแว๊บๆ จนผมต้องทนยืนนิ่งๆเฉยๆ
“แม่ไม่เชื่อเจนใช่มั๊ยคะ..ว่าผัวของแม่เค้าลวนลามหนู…ก็ได้…ฝากไว้ก่อนเถอะมึง..”
“แต่ผมเชื่อว่าเจนพูดจริงนะครับคุณน้า…”
แม้ไอ้เจมันไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่มันก็รีบสอพลอประจบเอาใจเจนจน กล้าพูดว่ามันเชื่อที่หล่อนพูดและคงเป็นคราวเคราะห์ร้าย
ของมันเป็นแน่ ทันทีที่มันพูดจบ ผมก็สวนออกไปทันที
“ผมว่าคุณเจไม่ได้เห็นด้วยตา อย่าพูดดีกว่าครับ ขนาดผมเองเห็นด้วยสองตาเต็มๆว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้น ที่หน้าห้องน้ำ ผมยัง
ไม่อยากพูดเลย จริงมั๊ยครับพี่ชิต…”
เมื่อผมย้อนกลับไป คราวนี้หน้าไอเจถึงกับซีดจนจืดสนิท มันหันหน้ามาจ้องมองตาผมอย่างเอาเรื่อง และตื่นตระหนก
แต่ก็นับว่าดี ที่คำพูดของผมทำให้คุณเจนสนใจฟัง จนเธอร้องถามเสียงแข็งๆออกมาว่า
“เมื่อคืนมีเรื่องอะไรเจ..ไอ้นี่มันเห็นอะไร…ทำไมเจต้องยอมให้มันขู่ด้วย…”
“ป่ะ..ปล่าว..ไม่มีอะไรหรอกเจน..ทองดีพูดไม่รู้เรื่อง..ป่ะ..ไปกันเถอะเจน…”
ไอ้เจถึงกับอึกอัก พูดติดๆขัดๆ แล้วมองสบตาผมด้วยประกายตาที่เปลี่ยนไป จากเอาเรื่องหาเรื่องกลับกลายเป็นอ้อนวอนขอร้อง
ไม่ให้ผมพูดสิ่งที่มันวิตกหวาดกลัวออกมา แล้วรีบดึงแขนชวนยัยเจนเดินเลี่ยงออกไปจากหน้าห้อง พร้อมกับพี่ชิต และเพื่อนสาว
อีกคน ที่เดินตามคุยปลอบใจกันไปพลางๆ จนเหลือผมยืนเผชิญหน้ากับคุณดาเพียงลำพัง
“ไม่ต้องมาทำเป็นขำเลยทองดี ดาเห็นนะว่าทำอะไรกับยัยเจน..ดาเข้าใจค่ะว่าทองดีคงทนให้แกด่าว่าไม่ไหว แต่คราวหลังจะ
ลงโทษสั่งสอนอะไร ก็อย่าทำแบบนี้…”
เสียงเรียบๆแข็งๆของคุณดาทำให้ผมถึงกับหุบยิ้ม ไม่รู้เลยว่าที่คุณดาพูดออกมาด้วยอารมณ์ใดกันแน่ ระหว่างการหึงหวง หรือปก
ป้องลูกสาวจากสามีหนุ่ม เมื่อคุณดาพูดจบก็สบัดหน้าเดินเลี่ยงกลับไปที่ห้อง ไม่รอให้ผมพูดแก้ตัว ผมจึงเดินเข้าไปหาลุงเสงี่ยม
ที่ห้องบ้างเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นรึทองดี พ่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของไอ้เจน…” พอผมโผล่หัวเข้าไปในห้องลุงเสงี่ยมที่นอนเอนหลังอยู่บนเตียง
ก็ร้องถามเสียงแหบๆออกมาทันที
ผมจึงจำเป็นต้องเล่าเรื่องราวให้ฟังทั้งหมดตามความจริง เริ่มตั้งแต่เดนกลับออกมาจากบ่อน้ำ แล้วถูกคุณเจนแกล้งจะขับรถชน
จนกระทั่งถึงเรื่องที่มาปะทะคารมกันที่ชานเรือน แล้วคุณเจนถูกผมลงโทษสั่งสอนด้วยการจูบปาก จนมาถึงการที่เธอเอามีดไล่
แทงผม ทุกเรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมาตามจริง ไม่ได้แต่งเติมเสริมขึ้นมาเลยแม้สักนิด เพราะผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าลุงเสงี่ยม
แกจะพูดยังไง
“พ่อก็เห็นใจเอ็งนะที่โดนไอ้เจนมันด่าว่าดูถูกดูแคลนขนาดนั้น แต่เอ็งใจร้อนเกินไปหรือเปล่า ที่ไปลงโทษไอ้เจนมันแบบนั้น
เอ็งควรจะเข้าใจ และเห็นใจมันบ้างนะ มันคงรับไม่ได้หรอกที่รู้ว่าแม่ดาจะมีผัวใหม่คือเอ็ง แล้วแม่ดาล่ะ เค้าจะคิดยังไง..ที่เอ็ง
ทำแบบนี้..พ่อว่าเอ็งต้องอดทนให้มากกว่านี้ หลีกเลี่ยงดูแลยัยเจนอยู่ห่างๆ บอกตามตรงว่าพ่อไม่ไว้ใจเพื่อนชายของไอ้เจน
คนนั้นเลย…รับปากกับพ่อได้มั๊ยว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก….”
ผมฟังลุงเสงี่ยมพูดแล้ว นึกตามคิดตามตลอด คงจะจริงอย่างที่แกว่า ผมไม่ควรใช้วิธีนี้ลงโทษคุณเจนไปเลย เพราะแทนที่มัน
จะแก้ปัญหา ปมไม่ดีในใจเธอได้แล้ว คงกลับยิ่งไปสร้างความรู้สึกเกลียดโกรธขยะแขยง ผู้ชายที่เป็นสามีใหม่ของแม่เธอให้เพิ่ม
มากขึ้นไปอีก
“ครับพ่อ..ผมขอโทษ…ต่อไปผมจะเชื่อคำที่พ่อสอนครับ…”
ผมก้มหน้ารับปากอย่างคนสำนึกผิด จนสักครู่ลุงเสงี่ยมก็หัวเราะขำๆ ทำให้บรรยากาศภายในห้องคลายความอึดอัดลงไปได้อย่าง
มากมาย และยิ่งแกพูดต่อ
“คนที่เอ็งควรจะไปงอนง้อขอโทษน่ะ..ไม่ใฃ่พ่อโว๊ย..มันต้องเป็นแม่ดา แม่ไอ้เจนมัน…เข้าใจมั๊ย..”
ลุงเสงี่ยมพูดจบก็นอนนิ่งๆ ไม่คุยอะไรต่อ จนผมต้องค่อยๆเดินออกมาจากห้อง เหลียวมองรอบๆตัว เห็นเพียงพี่ชิตกำลังทำครัว
อยู่ตามลำพัง ส่วนคุณเจนกับเพื่อนๆ ไปนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันที่ศาลาใต้ต้นมะม่วง ผมเลยถือโอกาศเดินไปเคาะประตูห้องนอน
คุณดาเบาๆ จนได้ยินเสียงเธอร้องถามว่าใครคะ..
“ผมเองครับคุณดา…”
ผมร้องตอบเสียงเบาๆ ไม่อยากให้คุณเจนที่อยู่ในศาลาได้ยินเสียง ครู่เดียวคุณดาก็เปิดประตูโผล่หน้าออกมา แล้วร้องถามเสียง
เรียบๆ เหมือนยังคงโกรธผมอยู่
“มีธุระอะไรคะ…”
“ผมขอโทษเรื่องเมื่อสักครู่นี้ครับ..ยอมรับว่าผมใจร้อนไปสักนิด มันทนไม่ไหวจริงๆครับ ที่คุณเจนด่าว่าผมขนาดนั้น..”
ผมยืนก้มหน้าอยู่หน้าห้อง แล้วพูดเสียงอ่อยๆออกไป ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นสบตากับคุณดาด้วยเกรงว่าเธอคงยังไม่หายโกรธ
แต่ก็นึกขอบใจเธอเช่นกัน ที่อุส่าห์รู้เห็นแล้วยังพูดเพื่อปกป้องเข้าข้างผม ว่าเธอไม่เห็นว่าผมลงโทษอย่างไรกับคุณเจน
“ไม่เป็นไรแล้วจ๊ะ..คราวหลังทองดีอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ…”
เสียงคุณดาที่พูดออกมาไม่แข็งกระด้างแล้ว เมื่อเธอพูดเบาๆ พร้อมเอื้อมมือมาลุบแขนผมเบาๆ อย่างปลอบประโลม จนผมกล้า
เงยหน้าขึ้นสบตา คุณดาจึงส่งยิ้มให้ แล้วทำหน้าเหวอ ร้องอุ๊ยด้วยความตกใจ เมื่อผมเอื้อมมือดึงเอวคอดกิ่ว และเพิ่งสังกตุว่า
เธอคงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว เข้ามากอด แล้วหอมแก้มเร็วๆ ก่อนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
“เดี๋ยวเถอะ!.. ลูกเจนเห็นก็เป็นเรื่องอีกหรอก..”
คุณดาพูดเสียงหวานๆกลั้วเสียงขำๆ ต่อว่าผมเบาๆ อายๆ จนหน้าแดง แล้วกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตูลงกลอนเสียด้วย จนผม
ไม่สามารถตามเข้าไปขอโทษอีกครั้งได้เลย
หลังอาหารมื้อเย็นผ่านไป ผมก็พาลุงเสงี่ยมลงมาเดินเล่นออกกำลังรอบๆบ้านเหมือนเช่นเคย ขณะที่กำลังเดินเพื่อย่อยอาหาร
อยู่นั้น ลุงเสงี่ยมก็หยุด พร้อมพูดขึ้นมาเบาๆ
“เอ็งสังเกตุอะไรมั๊ย…”
“เรื่องอะไรครับพ่อ..” ผมถามกลับ เพราะยังงงๆ ว่าลุงเสงี่ยมพูดถึงเรื่องใด
“วันนี้ไอ้เจนยอมนั่งร่วมวงกินข้าวกับเอ็ง…”
จริงอย่างที่ลุงเสงี่ยมพูดออกมา ทีแรกผมก็ยังงงๆว่าเธอจะมาไม้ไหนอีก เมื่อยอมมานั่งร่วมวงกินข้าวด้วย แม้จะนั่งกินและสนทนา
กับคนอื่นๆ แต่ไม่ยอมพูดกับผมก็ตาม จะว่าคุณเจนหมดพยศเพราะเจอฤทธิ์จูบของผม ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านั้นยัง
เอามีดไล่จิ้มผมอยู่เลย เมื่อผมคิดไม่ออกว่ามันเป็นเพราะเหตุใด จึงได้แต่นิ่งอึ้ง รอให้ลุงเสงี่ยมแกเฉลยดีกว่า
“พ่อว่าไอ้เจนมันกำลังวางแผนเล่นงานเอ็งอยู่ ฉนั้นเอ็งต้องใจเย็นๆ ทำอะไรคิดให้รอบคอบ”
คำเตือนของพ่อตาผม ทำให้ผมระมัดระวังตัวมากขึ้น เมื่อเดินออกกำลังกายกันจนพอสมควรแก่เวลา ผมก็พาลุงเสงี่ยมแกกลับขึ้น
มาบนเรือน และเห็นพี่ชิต และเพื่อนๆคุณเจนกำลังตั้งวงดื่มสุรากัน โดยมีคุณเจนและคุณดานั่งร่วมสนทนาอยู่ใกล้ๆ
“คุณตาคะ..คืนนี้เจนขออนุญาติจัดปาร์ตี้นะคะ..พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับกันแล้ว…” คุณเจนรีบวิ่งเข้ามาเกาะแขนลุงเสงี่ยม แล้ว
อ้อนขอจัดปาร์ตี้เสียงหวานๆ พร้อมชิงพาแกเดินไปส่งห้องยังห้องนอน ตัดหน้าที่ผมแทน
“เชิญครับคุณทองดี…” พี่ชิตรีบเรียกผมมานั่งร่วมวง เมื่อเห็นผมยืนเก้อๆตามลำพัง กลางชานเรือนคนเดียว
ผมชักแปลกใจ ที่ดูทุกอย่างมันสอดคล้องลงตัวกัน จนเริ่มสงสัยว่าพี่ชิต รู้เห็นเปนใจกับคุณเจนซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวคนหนึ่ง
ของแกเช่นกัน ด้วยหรือเปล่า แต่ผมก็ยังคงเดินไปนั่งร่วมวงข้างๆคุณดา พอหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ คุณอรก็รีบถามขึ้นมาทันที
“พี่ดื่มอะไรคะ..เดี๋ยวอรชงเหล้าให้”
ทั้งน้ำเสียงและหูตาดูแพรวพราวตั้งแต่ยังหัววัน รวมทั้งไอ้เด็กเจด้วย ถึงมันไม่ได้พูดอะไรก็ตาม แต่รอยยิ้มกระเลี่ยกระลาดนั้น มันฟุ่มเฟือยจนผมต้องระวังตัวแจ
“ผสมอะไรก็ได้ครับ ผมดื่มได้หมด…” ผมตอบเสียงเรียบๆ ยังไม่ทันขาดคำ คุณเจนก็กลับเข้ามานั่งร่วมวง โดยทรุดตัวลงนั่งข้าง
คุณดาผู้เป็นแม่เช่นกัน
“เอ้าดื่ม..ทุกคนดื่มค่าหมดแก้วเลยนะคะ…เพื่อความสุขของคุณแม่เจนคะ.”
ทันทีที่คุณเจนกลับมานั่งร่วมโต๊ะ เธอก็ลุกขึ้นยกชูแก้วเหล้าที่คงดื่มค้างไว้เมื่อสักครู่เชิญชวนให้ทุกคนดืมโดยพร้อมเพรียงกัน
แล้วยื่นแก้วของตนเองชนกระทบกับแก้วทุกใบ ไม่เว้นแม้กระทั่งแก้วเหล้าที่ผมถืออยู่ในมือ ผมจึงจำต้องยกดื่มไปจนหมดแก้ว
แล้วคุณอรก็รีบรินเติมใส่ให้ใหม่ทันที จนผ่านไปสองสามรอบ จู่ๆคุณเจนก็ยื่นแก้วมาชนแก้วในมือผมแล้วพูดเสียงอ้อแอ้
“เจนขอโทษคุณทองดีนะคะ..ที่พูดจาล่วงเกิน..ต่อไปนี้เราญาติดีกันแล้วนะคะ…”
มือของผมที่ถือแก้วเหล้าอยู่แทบกระฉอกออกมาด้วยความประหลาดใจ ยังไงให้ตายดิ้นลงไปเดี๋ยวนี้ ผมก็ไม่มีทางเชื่อว่าคุณเจน
พูดมานั้นเป็นความจริง
แม้เธอจะพูดยิ้มๆ มองผมด้วยแววตาทอดไมตรีและขอโทษ ผมก็ไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด แต่ก็จำใจต้องยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่ม
ท่ามกลางเสียงตรบมือดีใจของคนอื่นๆที่นั่งรายล้อมอยู่รอบๆวง เมื่อเห็นเราสองคนญาติดีกันได้ แม้กระทั่งคุณดาก็ยังดีใจ จนยิ้ม
แก้มปริ แถมยังแอบเอามือมาจับมือผมใต้โต๊ะบีบเบาๆเสียด้วยซ้ำ