ตำนานนักรัก ตอนที่ 9

ตำนานนักรัก ตอนที่ 9

ตำนานนักรัก ตอนที่ 9

ฝ่ามืออ่อนนุ่มของคุณกานดาที่ลูบไล้แผ่นหลังผมแผ่วเบา บวกกับเนินเนื้ออกอวบเต่งกลมกระเปาะหยุ่นนุ่มเหมือนมีสปริงซ่อนไว้ภายในเสื้อ ที่แนบสนิทชิดต้นแขนผมนั้น บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จากไวน์ชั้นดีราคาแพง ที่ทำให้เลือดลมผมวิ่งแตกซ่าน จนขาดสติ
สองมือยกขึ้นไปจับหัวไหล่กลมมนทั้งคู่ของคุณกานดา หมุนหันหน้ามาหาตรงๆ

แล้วผมก็ก้มหน้าเข้าไปหา จนได้กลิ่นไวน์ราคาสูง ระเหยออกจากจมูกตามแรงลมหายใจ คุณกานดาชงักอึ้งอยู่นิดหนึ่ง คงคาดไม่ถึงว่าผมจะกล้าทำเยี่ยงนี้ แต่พอผมก้มหน้าต่ำลงไปอีก จนปลายจมูกสัมผัสกัน คุณกานดาก็หลุบตาลงต่ำ เมื่อผมกดปากลงไปเป้าหมายคือริม
ฝีปากบางเรียวแต่อวบอิ่ม แต่พอปากจะได้สัมผัสคุณกานดาก็เบี่ยงหน้าออก ทำให้ริมฝีปากผมพลาดเป้าหมาย ไปจุมพิตจูบแก้มนวลแดงระเรื่อเสียแทน ผมจึงจูบและก็ไซ้ปากต่อไปที่พวงแก้มจนถึงกกหู ก่อนจะวนกลับมาใหม่ เสียงคุณกานดาระบายลมหายใจออกมาดังเฮือก
ดวงตาหรี่ปรือเยิ้ม พร้อมกับริมฝีปากบางเผยอขึ้นอย่างท้าทาย เมื่อผมกดริมฝีปากไปตรงๆเป็นครั้งที่สอง

คุณกานดาก็จูบตอบ แล้วเผยอปากปล่อยให้ผมส่งปลายลิ้นเข้าไปพัวพัน เธอจูบตอบผมอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน จนมือผมค่อยเลื้อยไปสัมผัสลูบที่เรียวขาขาวๆ แล้วไต่เป็นปูเดินขึ้นไปจนถึงเอว แล้ววกเข้าหาทรวงอกอวบกลมที่ผมหมายตามองมาตั้งนาน

ทันใดนั้นคุณกานดาก็ผลักอกผมออก แล้วยกฝ่ามือฟาดใบหน้าผมเรียกสติ มันไม่ได้เจ็บปวดรวดร้าวแต่อย่างใดแม้สักนิด แต่มันก็เรียกสติผมกลับมาทันที เมื่อคุณกานดาผละลุกขึ้นยืน

“ทองดี..ทำไมทำแบบนี้กับดา…” แม้ไม่มีหางเสียงคะขา …แต่ก็ไม่ได้ดุดันขึงโกรธ เพียงเสียงหวานๆอ่อนๆนั้น กลับเข้มขึ้นมาแบบที่ผมไม่เคยได้ยิน ถามเสร็จ ก็ไม่รอคำตอบจากปากผม คุณกานดารีบเดินลิ่วๆผละไปทางบันได ก่อนจะก้าวขึ้นไปทีละขั้นอย่างมั่นคง จนไปถึงช่วงพัก แล้วจึงหันกลับมาหา

“พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันนะทองดี…” พูดจบคุณกานดาก็เดิ่นลิ่วหายลับขึ้นไปชั้นบน ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งเอ๋อตามลำพังบนโซฟา ครุ่นคิดเพียงว่า พรุ่งนี้ผมจะทำอย่างไร คุณกานดาจะโกรธผมจนเลิกมองหน้ากันหรือไม่ แล้วลุงเสงี่ยมล่ะ แกคงผิดหวังถ้าได้รู้ว่า ผมทำตัวเหมือนคนเนรคุณ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ผมรู้สึกกลัดกลุ้มจนความหื่นกระหายมันมลายไปไม่หลงเหลือ

ทำได้เพียงเดินลูบแก้มของตนไปจนถึงห้องนอนของลุงเสงี่ยม และเปิดเข้าไปอย่างแผ่วเบา เห็นร่างลุงเสงี่ยมยังนอนหงายอยุ่บนเตียง แต่ปากแกพึมพำ เหมือนละเมอออกมาเบาๆ ฟังไม่ได้สรรพ ผมจึงขยับเข้าไปยืนมองใกล้ๆ แกก็ละเมอพูดออกมาอีกครั้ง

“ม้าจะดี..มันต้องมีพยศบ้าง..” ปากขมุบขมิบละเมอออกมาเบาๆ แต่ตายังหลับพริ้มพร้อมลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไม่มีทางเลยว่าลุงแกจะแกล้งหลับ แต่ความหายที่แกละเมอออกมามันทำให้ผมหนาวยะเยือก ครุ่นคิดว่าหรือแกจะแอบเห็นการกระทำของผมกับคุณกานดาที่ห้องรับแขก แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ในเมื่อถ้าเปิดประตูห้องนอนแล้วชะโงกหัวออกไป มันไม่มีทางที่จะมองไปถึงจุดที่ผมนั่งดื่มไวน์กับคุณกานดาได้แน่ นอกเสียจากว่าลุงแกจะเดินออกยืนมองที่เหลี่ยมห้อง ซึ่งมันก็ไกลกว่าประตูห้องนอนนัก ไม่มีทางที่แกจะเห็นแล้วเดินกลับล้มตัวลงนอนได้ก่อนที่ผมจะเดินกลับเข้ามาแน่

ผมครุ่นคิดถึงปริศนาจนนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเก้าอี้บุหนังชั้นดี ไหนจะเรื่องที่คุณกานดาคาดคั้นบอกว่าเราต้องคุยกันในวันรุ่งขึ้น ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ ครั้นจะหลบหนีออกไปเสียจากบ้าน มันก็เสมือนเป็นคนขี้ขลาดที่หนีปัญหาเมื่อเราทำผิด ผมก็พร้อมจะยืนเผชิญหน้า รอรับโทษ ไม่ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นก็ต้องยอม จนที่สุดหลังผ่านการนอนคิดเสียนาน ผมก็เผลอตัวหลับไปจนได้ พร้อมตืนขึ้นมาในวันใหม่ ก็เร่งทำหน้าที่ ที่ต้องดูแลลุงเสงี่ยมเหมือนเช่นเคย ตั้งแต่ปลุกแกตื่นมาทานข้าวทานยา แล้วพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จนสอาดเรียบร้อย

“เป็นไง..เมื่อคืนนอนสบายมั๊ยวะทองดี…” จู่ๆลุงเสงี่ยมก็ถามขึ้นมา หลังจากเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยแล้ว

“ไม่ค่อยหลับครับ..คงแปลกที่..”ผมอ้อมแอ้มบอกไปตามตรง เพราะคงปฏิเสธลำบาก เมื่อผมเผลอตัวหาวให้แกเห็นบ่อยครั้งตั้งแต่เช้า

“อ้าวหรอ..คงอึดอัดที่ต้องนอนบนเก้าอี้ละสิ..ทนเอาหน่อยนะ เดี๋ยวช่างสมก็ทำห้องใหม่ให้เอ็งเสร็จ…” ลุงเสงี่ยมพูดเรื่อยๆ ในขณะที่ผมฟังด้วยความกังวลครุ่นคิด

“เมื่อคืนลุงนอนละเมอ..รู้มั๊ยครับ…” ผมลองเลียบเคียงถาม อยากจับพิรุธว่าแกนอนละเมอจริงแค่ไหน

“อ่ะ..จริงหรือวะ..แล้วลุงนอนละเมอพูดว่าอะไรล่ะ..” ลุงเสงี่ยมย้อนถาม ทำให้ผมสะดุ้ง เพราะคาดไม่ถึงว่าแกจะถามแบบนั้น จึงอึกอัก ก่อนจะตอบเสียงเบาๆไป

“ไม่ทราบสิครับ ผมฟังไม่ได้สรรพ…”

“หรือวะ..ฮ่าๆๆๆ…เอ็งฟังไม่ได้สรรพ..หรือเอ็งไม่กล้าพูดกันแน่…ฮ่าๆๆๆๆ..” ทุกครั้งที่ผมได้ยินเสียงลุงเสงี่ยมหัวเราะแบบนี้ ผมมักจะหัวเราะตามเสมอ แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกขัดหูจนหงุดหงิด นั่งนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ จนได้ยินเสียงลุงแกฮัมเพลงเบาๆ

“อะไรจะเกิด..ก็ให้มันเกิดกันไป….” ผมรีบหันขวับไปมองหน้าแกทันที แต่ลุงเสงี่ยมก็ทำหน้าไม่รุ้ไม่ชี้

“กังวลไปก็ใช่ที่ ของที่ยังไม่เกิดขึ้นมา คิดมากไปทำไมกัน…” คราวนี้แกไม่ได้ร้องออกมาเป็นเพลงแล้ว แต่มันเหมือนบทกลอนเสียมากกว่า แต่ผมยังไม่ทันได้ถาม ว่ามันหมายความว่ายังไง ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขัดขึ้นมาเสียก่อน ลุงเสงี่ยมเลยบุ้ยปากส่งมาให้ผมไปเปิดประตู

แล้วใจผมก็หายวาบ เมื่อบุคคลที่ยืนอยู่หน้าห้องคือคุณกานดานั่นเอง เธอยังมาด้วยชุดนอนที่สวมใส่เมื่อคืน แต่มีเสว๊ตเตอร์เนื้อหนา
สวมใส่ปิดทับช่วงบนอีกตัว

“คุณพ่อตื่นหรือยัง..ทองดี…” เสียงเข้มๆพูดมากับผม ทั้งๆที่สายตาไม่ยอมเงยมองหน้า

“ตื่นแล้วครับ…เชิญ…” ผมร้องตอบแล้วเบี่ยงตัวออกจากหน้าประตู ผายมือเชื้อเชิญคุณกานดาเข้าไปในห้อง แล้วตนเองก็ปิดประตูให้ ส่วนตัวผมเดินไปนั่งรอที่ห้องรับแขก ไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์การมาพบพ่อของคุณกานดาคือเรื่องอะไร หรืออาจจะเป็นเรื่องเมื่อคืน ที่ผมละลาบละล้วงทำการไม่เหมาะสมไปกับเธอ

สักพักใหญ่ คุณกานดาก็เดินออกมาจากห้องนอนของลุงเสงี่ยม เธอกำลังมองหาผม ที่นั่งซุกตัวเหมือนคนทำผิดรอโทษประหารอยู่บนโซฟาหลุยส์ จนกระทั่งคุณกานดาเดินมาถึง หยุดยืนแทบจะค้ำหัวผมเลย แล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่เยือกเย็น

“ตามดามา…ทองดี…” ทั้งน้ำเสียงที่เยือกเย็น และแข็งกระด้าง ทำให้ผมเดินตามหลังไปหงอยๆเหมือนวัวที่กำลังเดินเข้าคอกประหาร
จนกระทั่งคุณกานดาพาเดินออกไปจนถึงสระว่าน้ำ แล้วเธอก็นั่งลง ผมเพิ่งสังเกตุว่าทั้งท่านั่งตัวตรง และสีหน้าเรียบเฉย มันบ่งบอกเลยว่า เรื่องเมือคืน คุณกานดาพาผมออกมาคุยเพื่อเคลียร์อย่างแน่นอน

“เมื่อคืน..เธอรุ้ตัวมั๊ยว่าทำอะไรลงไป…” เสียงแข็งๆ พร้อมสรรพนามที่เคยเรียกชื่อผม กลับเปลี่ยนไป จนผมคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า ผมคงถูกไล่ออกจากงานเป็นแน่

“ทราบครับ..ผมไม่ได้เมา…” ผมสูดลมหายใจเข้าปอด ยืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าผมทราบดีว่าตนเองทำอะไรลงไป

“ไม่ได้เมาใช่มั๊ย..ถ้าเช่นนั้นเธอก็มีสติ ทราบดีว่าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร…”

“ครับผมทราบ…” ผมยอมรับผิดตามตรง นึกในใจว่าถ้าจะโดนไล่ออก มันก็สมควรแล้วละ

“แล้วทำไปทำไม บอกเหตุผลมาสิ…” พอโดนถามว่าผมทำไปเพราะเหตุผลอะไร ผมก็อ้ำอึ้งอึกอัก นิ่งไปนาน ไม่ใช่นิ่งเพื่อหาคำตอบหรอกครับ แต่นิ่งเพราะไม่รู้ว่าพูดความจริงออกไปแล้วผลมันจะเป็นยังไงต่างหาก

“ผมชอบคุณกานดาครับ..ผมสงสารที่เห็นคุณเหงา ว้าเหว่ แล้วก็ชื่นชมที่คุณเป็นผู้หญิงเก่ง มีเสน่ห์ครับ…” ผมตัดสินใจพูดโพล่งออกไปเสียยืดยาว แต่ทั้งหมดมันก็เป็นความจริงที่ผมรู้สึกกับหญิงสาวสวยสง่าที่นั่งปั้นปึงอยู่ตรงหน้า

“เธอชอบชั้นรึ..เธอรู้มั๊ยว่าชั้นอายุเท่าใด แล้วเธอเท่าใด เราแก่กว่ากันกว่ารอบ…เธอจะมาชอบชั้นได้ยังไง…” ผมค่อยใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้ยินคุณกานดาพูดเช่นนั้น เธอพูดถึงความแตกต่างระหว่างผมกับเธอเพียงแค่อายุ หาได้พูดเลยว่า คนระดับเธอกับผมแตกต่างฐานะกันอย่างไร

“ผมไม่เคยมองเลยว่าคุณกานดาอายุเท่าใดครับ ผมรู้แต่เพียงว่าคุณมีเสน่ห์น่ารักชวนมอง และผมก็หลงชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณมาหาคุณลุงที่ศูนย์…” ในเมื่อจะยอมสารภาพความจริงกันแล้ว ผมเลยบอกความรู้สึกตั้งแต่แรกเห็นให้คุณกานดารู้ไปเสียเลย แต่มันคงไม่ได้ผล เมื่อสีหน้าคุณกานดายังเรียบเฉย ทั้งน้ำเสียงที่พูดออกมาก็ยังแข็งกระด้างเหมือนเดิม

“เธอบอกว่าชอบชั้น..แล้วการกระทำเมื่อคืน เธอหวังอะไร…บอกมาสิ..”

“ผม..เอ้อ..ผมหวังว่าจะทำให้คุณกานดาหายเหงา หายว้าเหว่ครับ…” ผมถอนหายใจดังเฮือก เมือ่พูดออกไปตามตรง

“ด้วยการกอด การจูบแค่นั้นรึ…” เล่นถามกันมาตรงๆแบบนี้ ผมก็อ้ำอึ้งไปเลยสิครับ ใครจะกล้าตอบไปตรงๆว่าผมไม่ได้หวังแค่กอดแค่จูบ แต่ผมหวังจะได้เย็ดคุณกานดาจริงๆไปเลย

Share the Post:

Related Posts

แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู

เรื่องเสียว แท็กซี่เขาอ่อย หนูเลยให้เขาเล่นของหนู เอิร์นนะคร้า เป็นสาวมหาลัยในเชียงใหม่นี้เองค่า เอิร์นเป็นสาวมหาลัยปีสองแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้ชายเลย ยุคนี้แล้วเนอะ ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่ล่าแต้ม เอิร์นเองก็กินมาเยอะเหมือนกันค่ะ สูงยาว ลำอวบ ใหญ่ยาว กินมาหมดแล้วค่า ชีวิตครั้งนึงเนอะ เรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ต้องมีบ้างอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ และแน่นอนว่าเอิร์นเลยกินแต่วัยเดียวกัน รู้ตัวอีกทีได้แอบกินรุ่นใหญ่พี่แท็กซี่ซะอย่างนั้นเลยค่ะ ที่สำคัญไม่เคยเจอมังกรที่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยความที่อยู่เชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะ

Read More

จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว

เรื่องเสียว จากทำอาหาร ทำไมโดนเขาทำเสียว “ตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว มึงพร้อมยังจะได้กดเริ่ม” วันนี้เรามีถ่ายคลิปวิดีโอทำอาหารที่คอนโดของพวกเราสองคนที่เป็นเพื่อนกัน เรามองเม็กที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดจนเห็นแผงอกที่เป็นมัดกล้าม กางเกงขาขั้นสั้นสบาย ๆ แต่พอมาอยู่บนร่างกายของเม็กแล้วมันดูดีไม่น้อยเลย ถึงแม้เราทั้งสองจะเป็นเพื่อนกัน แต่พอมาเจอมันในลุคนี้ก็ทำให้เราใจสั่นไม่น้อย “มึงกูสวยยัง” “สวยแล้ว” พอได้รับคำตอบที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว เราก็พยักหน้าให้มันเริ่มกดบันทึกภาพวิดีโอทันที การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นตอนการชิมอาหาร “อะ

Read More