ตำนานนักรัก ตอนที่ 4
ผมเดินตามหลังคอยระวังไม่ให้แกพลาดล้มไปจนถึงห้องรับแขก ลุงเสงี่ยมก็ค่อยทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ที่สวยงามมาก จน
ตอนหลังผมถึงรู้ว่าโซฟาแบบนี้เขาเรียกชุดโซฟาหลุยส์ พอลุงเสงี่ยมกับคุณกานดาทรุดตัวลงนั่งเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยืนเก้ๆกังๆ ทำ
ตัวไม่ถูก ครั้นพอเห็นคนรับใช้สาวๆอีกสองคน และสูงอายุอีกคนทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ผมก็เลยจะทรุดตัวลงนั่งตาม
“เห้ย!…ทองดี แกขึ้นมานั่งบนนี้..ไม่ต้องนั่งที่พื้น แกไม่ใช่คนรับใช้ลุง…” แต่ลุงเสงี่ยมเรียกรั้งผมไว้ก่อน และชี้มือไปยังเก้าอี้ด้านข้าง
อีกตัวที่อยู่ชิดติดกับที่คุณกานดาลูกสาวของแกนั่งอยู่
“เอ้อ…ไม่เป็นไรหรอกครับลุงเสงี่ยม…” ผมตอบอย่างเกรงใจ แล้วก็ยังทรุดตัวจนลงไปนั่งกับพื้น
“ทองดีขึ้นมานั่งบนนี้เถอะค่ะ..อย่าขัดใจคุณพ่อ..” จนคุณกานดาบอกอีกคน ลุงเสงี่ยมก็พยักหน้าแบบเห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาว
ผมเลยจำต้องไปนั่งตัวลีบบน
เก้าอี้ข้างคุณกานดาอย่างจำใจ
“แม่หงุ่น..กับสาวๆพวกนี้ จำไว้นะว่า ทองดีมาอยุ่ที่บ้านนี้ไม่ใช่ในฐานะคนรับใช้..แต่มาอยู่ในฐานะเพื่อนของชั้น..ฉนั้นทุกคนคงรู้ดีนะ
ว่าต้องต้อนรับ ทำตัวยังไง…”
ลุงเสงี่ยมเริ่มออกคำสั่ง ในฐานะเจ้าของบ้านกับคนรับใช้ที่น่าจะชื่อองุ่น ซึ่งมีอาวุโสแก่กว่าอีกสองสาว สาวใช้ทั้งสามคน ต่างขานรับ
ว่าค่ะ..ออกมาพร้อมเพรียง สาวใช้วัยสาวทั้งสองแอบลอบชำเลืองสายตามามองผมด้วยความสงสัย ว่าไอ้บ้านนอกคนนี้เป็นใคร ถึง
ได้รับเกียรติจากลุงเสงี่ยมขนาดนี้ ผมก็ไม่กล้ามองไปตรงๆเช่นกัน ได้แต่ลอบชำเลืองมองเป็นครั้งคราว จึงไม่ทันสังเกตุได้ว่าแต่ละ
คนหน้าตาสะสวยขนาดใด
“น้าองุ่นจ๊ะ..ไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับเพื่อนคุณพ่อด้วยจ๊ะ..แล้วพวกเธอเอากระเป๋าคุณท่านกับคุณทองดีไปเก็บในห้องก่อน…”
คุณกานดาร้องสั่งสามสาวใช้เสียงเรียบๆ แม้ไม่อ่อนหวานเหมือนเช่นที่ผมเคยได้ยินก็ตาม แต่ก็ฟังออกได้ว่าเป็นเสียงที่ออกมาจาก
ปากของคนใจดี จากนั้นทั้งสามสาวใช้ ต่างก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ ที่คุณกานดาสั่ง จนเหลือเพียงลุงเสงี่ยมและผม พร้อม
คุณกานดาตามลำพัง
“คุณพ่อจะให้ทองดีพักห้องไหนดีคะ…” ผมเพิ่งสังเกตุได้ว่า ถ้าอยู่กันตามลำพังหรืออยู่ต่อหน้าลุงเสงี่ยม คุณกานดาจะเรียกชื่อผม
ว่าทองดีเฉยๆ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าสาวใช้ จึงเรียกผมว่าคุณทองดี เป็นการให้เกียรติ จนผมรู้สึกกระอักกระอ่วนชอบกล
“นั่นสิ..ห้องข้างล่างในตึกก็ไม่มีแล้ว..จะให้นอนข้างบนก็ไม่สดวก..ดึกดื่นคงลำบากที่จะเข้ามาดูแลพ่อ..งั้นแม่ดาตามช่างสม..ให้มาสร้างห้องใหม่อยู่ติดๆกับห้องพ่อหน่อยสิ…เอาแบบให้ทองดีสามารถเปิดประตูเข้ามาได้ดูแลพ่อได้เลยนะ..”
“ค่ะคุณพ่อ…” คุณกานดารับคำ แล้วจัดแจงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลข ก่อนจะกรอกเสียงลงไปถึงช่างสมอย่างรวดเร็ว
และแจ้งความจำนงค์ จนแล้วเสร็จก็วางสาย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ…ถ้าเช่นนั้นก่อนห้องจะสร้างเสร็จ คุณพ่อให้ทองดีนอนในห้องคุณพ่อชั่วคราวก่อนนะคะ…”
“อืมงั้นก็ได้..ไปกันเถอะทองดี..ลุงอยากนอนพักแล้ว……” ลุงเสงี่ยมคุยกับคุณกานดาจบ ก็หันมาบอกผม ผมจึงรีบเข้าไปพยุงปีกแก
ลุกขึ้น แล้วพาแกเดินไปตามทิศทางที่แกสั่ง จนไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องๆหนึ่งที่อยู่ชั้นเดียวกันกับห้องรับแขก
“นี่ไงล่ะ…ห้องนอนชั้น เปิดเข้าไปดูสิ…”
ลุงเสงี่ยมร้องบอก ผมก็จัดการเปิดประตูเข้าไปทันที คงต้องร้องอุทานว่าโอ้แม่เจ้า..เพราะคาดไม่ถึงว่าห้องนอนคนวัยชราคนหนึ่ง
จะตกแต่งได้วิจิตรสวยงาม เหมือนห้องพักหรูๆในโรงพยาบาลระดับวีไอพีทีเดียว ทั้งเตียงนอนที่ปรับระดับยกได้ เหมือนที่ใช้อยู่ใน
โรงพยาบาลหรูๆ พร้อมปุมสวิทสั่งงานต่างๆที่อยู่บนแผงข้างหัวเตียง ทีวีจอแบนขนาดใหญ่อยู่ตรงมุมห้อง กับชุดโซฟาเล็กๆบุหนัง
แท้สีน้ำตาล จนไม่ทันได้แตะสัมผัสผมก็รับรู้ได้ถึงความอ่อนนุ่มของโซฟาชุดนี้ได้ชัดเจน ถัดออกไปยังมีห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีประตูเป็นบานสไล้ด์ กระจกฝ่าสีเขียวอ่อน แต่ผมยังไม่ทันเปิดเข้าไปสำรวจดู ก็ร้องถามลุงเสงี่ยมขึ้นเสียก่อน
“ลุงจะนอนพักเลยมั๊ยครับ….”
“ยังก่อนสิ..พาลุงไปนั่งบนเก้าอี้นั่นดีกว่า…” ลุงเสงี่ยมร้องบอก ผมก็ตรงเข้าไปพยุงแขน พาแกเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุหนัง
แท้ตัวดังกล่าว ที่มันสามารถปรับระดับเอนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเสียด้วย
“แกชอบที่นี่มั๊ยวะทองดี…” พอเก้าอี้ถูกเอนจนได้ระดับถูกใจลุงเสงี่ยม แกก็ร้องถามผมขึ้นมาทันที
“ชอบครับ…แต่ผมรู้สึกเกรงใจลุงมากเลยครับ…ที่ให้เกียรติยกระดับผมจนเป็นเพื่อนของลุง ทั้งที่จริงผมก็แค่คนรับใช้ธรรมดาๆ”
“เห้ย..ห้ามคิดและพูดแบบนี้อีก..ชั้นชวนแกมาอยู่ด้วย ไม่ใช่ในฐานะคนรับใช้ แต่มาในฐานะเพื่อนคุยที่รู้ใจชั้นต่างหาก..แกสัญญา
สิว่าจะอยู่กับชั้นนานๆ..”
“ครับผมสัญญา..” ผมรีบตอบรับโดยไม่ลังเลใจ ส่งผมให้ลุงเสงี่ยมหัวเราะอย่างชอบใจ แล้วชีมือไปที่เก้าอี้บุหนังอีกตัวหนึ่ง แล้วบอก
ให้ผมไปนั่ง
“เอ้อ..ลุงครับ..ลุงไม่มีลูกชายเลยหรือครับ..” ผมเลียบเลียงถามด้วยความอยากรู้
“เออ..ชั้นมีแม่ดาคนเดียวนี่แหละ…ถามทำไมรึ..”
“เอ้อ..ผมเห็นคุณกานดาอายุต่างกับลุงมากจนแปลกใจนะครับ…ผมขอโทษที่ถามมากเกินไปครับ..” ผมรีบกล่าวขอโทษ เมื่อสังเกตุ
ว่าพอถามเรื่องนี้ออกไปแล้วลุงเสงี่ยมทำหน้าแปลกไปจากเดิม เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“อืมมมม..ใช่แล้วละ แม่ดายังไม่ถึง40เลยมั้ง..เธอเป็นลูกหลง ที่เกิดจากความพลั้งเผลอของลุงเองแหละ..แล้วจะค่อยๆ เล่าให้ฟัง
คราวหลัง…” พอดีกับมีเสียงเคาะประตูห้องเบาๆขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนา ลุงเสงี่ยมเลยพยักหน้าทำสัญญาณบอกให้ผมไปเปิด
พอผมเปิดประตูออกไป ก็พบสาวใช้วัยสาวทั้งสองคน ต่างช่วยกันขนอุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆยืนอยู่หน้าห้อง
“ป้าหงุ่นให้ขนเครื่องนอนมาให้คุณทองดีค่ะ…” สาวใช้คนหนึ่งรีบบอกจุดประสงค์การมาของเธอ แล้วเดินตัวลีบแทรกผ่านปากประตุเข้ามา ช่วยกันขนผ้าห่ม ผ้านวมรวมทั้งหมอน มาวางซ้อนกันเป็นระเบียบ บนเก้าอี้ตัวที่ผมเพิ่งนั่งเมื่อสักครู่ แล้วถอยหลังเดินออกไป
“รอช่างสมมันกั้นห้องก่อนนะ..แล้วทองดีค่อยย้ายไปนอนห้องตัวเองข้างๆห้องชั้นนี่แหละ….”
ลุงเสงี่ยมพูดพร้อมชี้มือไปยังผนังห้องด้านข้าง บ่งบอกว่ามันจะถูกสร้างใหม่เป็นห้องพักของผม จากนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จนผม
เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าลุงเสงี่ยมแกคงเดินทางมาจนเพลีย และเผลองีบหลับไป ผมเลยเดินไปหยิบผ้าห่มบางๆ บนเตียงนอน
ออกมาคลี่ห่มคลุมให้แกนอนหลับไปเงียบๆตามลำพัง แล้วเดินวนเวียนสำรวจห้องไปจนทั่ว ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูออกมาจากห้องอย่างแผ่วเบา เดินออกมาถึงห้องรับแขก ก็เจอคุณกานดากำลังเปิดโน๊ตบุ๊ค ทำงานของเธอไปเงียบๆคนเดียว แล้วพอเธอเงย
หน้าขึ้นมาเห็นผม ก็รีบปิดฝาโน๊ตบุ๊คอย่างรวดเร็ว
“อ่ะทองดี..คุณพ่อหลับหรือคะ…” คุณกานดาเงยหน้าร้องทัก เมื่อเธอรู้สึกได้ว่าผมกำลังเดินเข้ามาหาช้าๆ ก็รีบปิดฝาโน๊ตบุ๊คทันที
“ครับ..คุณลุงหลับแล้ว..ผมเกรงว่าจะทำเสียงดังในห้อง รบกวนท่านน่ะครับ..เลยออกมาเดินชมบ้านเล่นน่ะครับ…” ผมตอบออกไป
ตามจริงด้วยน้ำเสียงสุภาพๆ ขัดกับหน้าตาตนเองเป็นอย่างยิ่ง
“เรียกสาลี่ให้พาไปเดินชมบ้านสิคะ..สาลี่..ๆ…” คุณกานดาบอกเสียงเรียบๆหวานๆตามสไตล์ของเธอ จากนั้นก็ส่งเสียงร้องเรียกคน
รับใช้ชื่อสาลีสองสามคำ แม่สาวใช้ชื่อสาลีก็รีบโผล่ออกจากด้านหลัง แล้วถลาเข้ามาคุกเข่า รับฟังคำสั่ง
“สาลีพาคุณทองดีเดินชมบ้านหน่อยจ๊ะ…พาขึ้นไปข้างบนบ้านด้วยนะจ๊ะ…” คุณกานดาสั่งเสร็จเธอก็ก้มหน้าทำงานในโน๊ตบุ๊คของ
เธอต่อเมื่อสาวใช้ชื่อสาลีรับคำ
“เชิญค่ะ..คุณทองดี…” สาลีลุกขึ้นยืนผายมือทำท่าเชิญผมให้ออกเดินตาม อันดับแรกขึ้นไปบนตึก แนะนำให้ผมรู้ว่าห้องต่างๆที่ปิด
ประตูเงียบนั้นเป็นห้องใครบ้าง เริ่มตั้งแต่ห้องยัยคุณหนูเจนตัวแสบ ห้องคุณแม่คือคุณกานดา แล้วก็ตามาด้วยห้องลุงเสงี่ยมสมัยที่
ยังสามารถเดินเหินขึ้นลงบันไดได้ ที่เหลืออีกสองสามห้องล้วนเป็นห้องว่างที่เคยมีไว้ให้แขกหรือเพื่อนๆมาพัก ในสมัยที่ลุงเสงี่ยม
ยังแข็งแรงดี
จากนั้นก็พาผมเดินลงบันไดออกไปชมสวนข้างบ้านและหน้าบ้านจนทั่ว ก่อนจะเดินไปถึงสระน้ำใสสอาดความยาวสัก20เมตร ส่วนความกว้างน่าจะเกิน10เมตรเป็นแน่
“ที่บ้านนี้อยู่กันแค่นี้เองหรือครับ….ไม่มีพวกผู้ชายอยู่เลยหรือ..” ผมร้องถามสาลีด้วยความอยากรู้
“ค่ะ..นอกจากคุณท่าน ก็ไม่มีผู้ชายคนใดเข้ามาอยู่..ขนาดลุงชมสารพัดช่าง ยังเข้ามาดูแลต้นไม้ต่างๆเฉพาะแค่วันหยุดเท่านั้น…”
“สาลีกับเอ้อ..เพื่อนอีกคนมาอยู่ที่นี่นานหรือยังครับ…”
“อ้อ….มะลิหรือคะ..สาลีกับมะลิเป็นพี่น้องกันค่ะ เราสองคนเป็นหลานป้าหงุ่น..มาอยู่กันตั้งแต่เด็กแล้ว….สาลี่เป็นพี่เลยมาอยู่ก่อน
ความจริงมาอยู่กับคุณท่านตั้งแต่สมัยแม่แล้วค่ะ..แต่พอแม่ออกเรือนไปกับพ่อ..คุณท่านก็ให้ออกไปอยู่บ้านนอกค่ะ…พอพวกเราโต
แม่ก็พามาฝากอยู่กับคุณท่านนี่แหละค่ะ….” ความช่างพูดของสาลี่ ทำให้ผมรู้ที่มาที่ไปได้โดยละเอียด
“คุณทองดีเก่งนะคะ…” จู่ๆสาลีก็ชมผม จนน่าสงสัย
“เก่งยังไงหรือครับ..”ผมร้องถามด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ก็คุณทองดี…สามารถคุยกับคุณท่านได้นานๆ โดยไม่ถูกดุน่ะสิคะ..อิอิ” สาลีตอบพร้อมหัวเราะเบาๆอายๆ แสดงว่าทุกคนในบ้านนี้
คุยกับลุงเสงี่ยมได้ไม่นานก็มักจะถูกดุเป็นแน่
“ก็ไม่เห็นจะเก่งตรงไหนเลยครับ คุณลุงใจดี แล้วก็คุยสนุก..ผมไมเคยเห็นท่านดุสักที…”
ผมตอบยิ้มๆ รู้สึกเป็นกันเองเมื่อได้สนทนากับสาลี ที่คงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม และเลยลอบมองสำรวจดู ว่าถึงแม้เธอจะเป็น
สาวรับใช้ แต่ท่าทางก็ฉลาดดี และที่สำคัญหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยแม้สักนิด ออกจะดูดีเสียด้วยซ้ำ ถ้านำมาเปรียบเทียบกับหน้าตาเด๋อๆด๋าๆบ้านนอกๆเช่นผม
“แล้วคุณหนูเจนล่ะครับ เธอดุมั๊ย…” พอผมถามออกไปด้วยความอยากรู้ สาลีถึงกับหน้าเปลี่ยนสี รีบส่ายหน้าปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
ผมทันที ทำให้ผมคาดเดาได้เลยว่า ยัยหนูเจนคนนี้ ท่าทางเธอจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด จนบรรดาสาวใช้อย่างสาลี และมะลิ
กลัวจนหัวหด
เมื่อผมเดินสำรวจและถามเรื่องราวต่างๆภายในบ้านจนเสร็จ ก็ถึงเวลาที่จะเดินกลับไปดูว่าลุงเสงี่ยมแกตื่นหรือยัง พอเปิดประตุด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงโผล่หัวเข้าไป ก็เจอลุงเสงี่ยมมองมาพอดี
“ไปไหนมาล่ะทองดี…ชั้นก็เพิ่งตื่นมาพอดีเช่นกัน..”
“อ้อ..ผมออกไปเดินชมบ้านลุงน่ะครับ..กว้างใหญ่จนเดินแค่รอบเดียวก็เหงื่อตกแล้วครับ….” ผมตอบยิ้มหัว แล้วหัวเราะเบาๆตามลุง
แก ที่หัวเราะอย่างชอบใจ
“ชั้นมีอารมณ์อยากเล่าเรื่องต่อแล้ว..ทองดีพร้อมจะฟังหรือยังล่ะ…” จู่ๆลุงเสงี่ยมก็พูดขึ้นมา หลังจากที่แกไม่ได้เล่าเรื่องราวในอดีต
ให้ผมฟังมากว่าอาทิตย์ เพราะมัวแต่ยุ่งๆกันเรื่องที่จะลาออกจากงาน และตามแกมาอยู่ที่นี่ ผมเลยรีบตอบรับ แล้วขยับตัวไปนั่งบน
เก้าอี้ว่างๆอีกตัวหนึ่ง พร้อมรับฟังเรื่องราวที่จะถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของชายชราผู้นี้