ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๑
แสงทองสาดส่องท้องฟ้าเจิดจ้าในยามเช้า ที่ขอบเหวหมอผีหนุ่มปีนขึ้นมาจากเบื้องล่าง เมื่อขึ้นมาได้เขาก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องบน มองไปรอบๆด้วยแววตาสมหวังแล้วเขายืดกายขึ้นสูดอากาศและกางแขนรับแสงอบอุ่น ด้านหลังเจ้าหญิงแห่งแดนสมิงปีนตามขึ้นมา หมอผีหนุ่มหันไปดึงขึ้นมา ทั้งสองอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเสื้อผ้าขาดวิ่น หลังจากร่วงหล่นลงไปเมื่อคืนจากการต่อสู้ ทั้งสองรอดได้ราวปาฏิหาริย์ และหาทางปีนป่ายกลับขึ้นมาจนได้
“ฮื่อ.อ.อ…ขึ้นมาจนได้นะพี่สิน….” เจ้าหญิงทรุดกายลงนั่งอย่างอ่อนร้า
หมอผีหนุ่มนั่งลงข้างประคองอย่างห่วงใย “ทรงเจ็บตรงไหนบ้างพะย่ะค่ะ…”
“พูดกับหญิง
ธรรมดาๆก็ได้ อย่างพูดอย่างงั้นเลย…” เจ้าหญิงแดนสมิงทรงตำหนิ
“เอ่อ…มันไม่บังควร…”
“แต่หญิงจะให้พูดอย่างนั้นนี่…”
หมอผีหนุ่มถอนหายใจ “ก็ได้ๆๆๆ ตามพระทัย….”
“เอาอีกแล้ว….”
“อย่ามัวคุยกันอยู่เลย เราไปตามหาสินธุและคนอื่นๆกันเถอะ…”หมอผีหนุ่มตัดบท
ทั้งสองเดินไปตามทุ่งหญ้าราบซึ่งเป็นสมรภูมินองเลือดเมื่อคืนนี้ มีควันจากการเผาไหม้เป็นแห่งๆ และหมอผีสินก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้พบซากร่างกระจัดกระจายของเหล่าทหารกู้แผ่นดินกลาดเกลื่อนสยดสยอง และไม่ห่างจากตรงนั้นมีร่างของสินธุนอนหมดลมหายใจอยู่ ร่างกายของเขาเขียวช้ำเพราะโดนพิษที่หวังใช้ปลิดชีพของราชินี แม้นจะไร้ลมหายใจแต่สีหน้าของเขากลับเปี่ยมสุขเหมือนทำการสมหวัง ทั้งสองรีบเข้าไปประคองดูทันที
หมอผีหนุ่มประคองร่างนักรบตัวอ้วนขึ้นมาเขย่าเรียก “สินธุๆๆๆๆ ….”
“เขาตายแล้ว.!!!..เขาตายแล้ว..!!! ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ…..”เจ้าหญิงทรงกรรแสง
“ฮึ่ม.ม.ม.ม.ม์…ไม่น่าเลย คนดีๆอย่างเขาไม่น่าตายเลย….” หมอผีหนุ่มรำพึง
เจ้าหญิงผุดยืนขึ้นหันมองไปทั่วๆ “ แล้วเด็ดพ่อหล่ะ….”
“ไม่อยู่แถวนี้อาจจะหนีไปไกลแล้ว เราคงต้องออกตามหา แต่ก่อนเราจะไปตามหา ต้องจัดการศพของเหล่าผู้กล้านี่กันก่อนเขายอมสละชีวิตเพื่อพวกเรา ต้องจัดการศพของพวกเขาให้สมเกียรติเท่าที่เราจะทำได้….” หมอผีหนุ่มบอก
“หญิงเห็นชอบด้วย……”
ทั้งสองช่วยกันเก็บซากร่างของเหล่านักรบมาขุดหลุมฝังรวมกันไว้ เมื่อกลบดินแล้วหมอผีหนุ่มก็ทำปักป้ายไว้เหนือหลุมเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้เหล่าผู้กล้าที่พลีชีพเพื่อแผ่นดินอย่างกล้าหาญ หมอผีหนุ่มนั่งสวดมนต์บทนำทางให้เหล่าดวงวิญญาณ เมื่อเสร็จเรียบร้อยทั้งสองก็ออกเดินทางด้วยความเศร้าสะเทือนใจ เพื่อติดตามองค์ราชาไปยังจุดที่นัดหมายกันไว้แต่แรก…
ทั้งสองดั้นด้นเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดารไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงที่เทือกเขาแห่งหนึ่ง เจ้าหญิงเดินไม่ไหวหมอผีหนุ่มจึงแบกขึ้นหลังและพาเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลุพ้นชายป่าก็ได้พบกองกำลังของชมผาที่ตั้งค่ายอยู่แถวนั้น และเมื่อถูกพาไปพบพระราชาที่เสด็จมาถึงก่อนหน้า เจ้าหญิงก็วิ่งไปกอดพระบิดา ชมผาและหมอผีหนุ่มถอนหายใจที่ภารกิจชิงตัวพระราชาและพระธิดาสำเร็จ แต่ก็ต้องแลกด้วยการสูญเสียชีวิตผู้กล้าไปมากมาย โดยเฉพาะสินธุ….
คืนนั้น…..ภายในกระโจมที่ประทับ พระราชาพยัคฆราชทรงประทับบนบัลลังก์ไม้ ยามนี้พระองค์ทรงดูมีอำนาจบุคลิกภาพน่าเกรงขาม มีเหล่าข้าราชการผู้ภัคดีหลายสิบคนหมอบนิ่งเรียงแถวยาวอยู่เบื้องหน้า ด้านข้างมีร้านนั่ง ซึ่งมีหมอผีหนุ่มได้รับเกียรติให้นั่งคู่กับเจ้าหญิง ชมผาขุนทหารผู้จงรักภัคดีต่อเหนือหัวตนยิ่งชีวิตหมอบก้มอยู่เบื้องหน้าเพื่อรอถวายรายงานเหตุการณ์ทั้งหลาย ซึ่งได้เกิดขึ้นระหว่างที่ราชาแดนดินนี้ถูกยึดอำนาจและจองจำ
พระราชาทอดพระเนตรข้าราชบริพารแล้วตรัสขึ้น “ขอบน้ำใจสูทุกคนยิ่งนักที่ยังจงรักภัคดีแก่ข้าแม้นสิ้นวาสนาไปแล้ว หากข้าสามารถชิงอำนาจจากนางกาลกิณีได้เมื่อใด ข้าจะตอบแทนพวกสูด้วยลาภยศและทรัพย์สินอย่างสมเกียรติ….”
“ขอเดชะอาญามิพ้นเกล้า พวกกระหม่อนทำการนี้หาได้หวังลาภยศใดๆ พวกเราทำการด้วยความจงรักภัคดีเป็นที่ตั้ง และพร้อมเสี่ยงภัยโดยไม่อาลัยแก่ชีวิตเพื่อรักษาบัลลังก์และปกป้องเชื้อพระวงค์ทุกพระองค์ไว้ เนื่องจากเหนือหัวคือราชาผู้ทรงทศพิศราชธรรม ที่หมู่เราเคารพและเทิดทูลเสมอพะย่ะค่ะ…” ชมผากราบทูลเสร็จพระราชาทรงตื้นตันพระราชหฤทัยยิ่งนัก
“คำของสูต้องใจข้ายิ่งนัก มิเสียแรงที่เคยอุปถัมภ์อวยยศให้เบี้ยหวัดผ้าปี มีพวกสูจำนวนไม่น้อยที่สละชืพไปเพื่อให้ข้ากลับมาอยู่ตรงนี้ ข้าจะไม่ทำให้ความตั้งใจของพวกสูเจ้าสูญเปล่า ชมผาขุนทหารของข้า จงแจ้งมาว่านอกจากสูผู้ภัคดีที่ยังมีลมหายใจแล้วยังเหลือผู้ใดอยู่อีกบ้าง…”
ชมผากราบทูลทันที “เหล่าผู้ภัคดีจากแดนเหนือ – ใต้ พร้อมยกกำลังมาประชุมทัพทันที หากพระทรงมีพระราชสาส์นส่งไปถึง ยามนี้ที่พวกเขานิ่งเฉยเพียงเพราะขาดผู้นำ ยามนี้หม่อมฉันส่งข่าวไปทั่วแผ่นดินแล้วว่าพระองค์พ้นจากการจองจำ และกำลังรอผู้กล้ามาร่วมกู้แผ่นดิน…”
“ดี…ดีมาก….เจ้าจงนำตราของเราไปประทับที่ราชสาส์นทุกฉบับ ให้ทุกประเทศราชในอาณัติของข้าจงยกกำลังมาประชุมทัพกันที่แดนศรีโพธิ์ ภายในเวลาสามราตรี เมื่อพร้อมเราจะยกไปยังนคราของเราเพื่อชิงเอาบัลลังก์คืน…” พระราชาตรัสสั่งด้วยพระสุระเสียงทรงอำนาจและเด็ดขาด….
“รับบัญชาพะย่ะค่ะ…” ชมผากราบถวายบังคมลาแล้วรีบออกไปดำเนินตามรับสั่ง
เมื่อชมผาออกจากกระโจมที่ประทับไปแล้ว พระราชาก็สั่งเลิกประชุมขุนนางและให้ทุกคนแยกย้ายออกไปพักผ่อน หมอผีหนุ่มขยับจะเดินตามทุกคนออกไป พระราชาทรงตรัสเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนท่านสิน…..”
หมอผีหนุ่มหันมาคุกเข่าถวายบังคมแล้วเอ่ยว่า “อาญามิพ้นเกล้า..ทรงเรียกหม่อมฉันว่าสินเฉยๆเถอะ หม่อมฉันเป็นเพียงมนุษย์สามัญหาได้มียศฐาอันใด…”
“ฮึ..ฮึ..ฮึ…ช่างสมเป็นผู้กล้าที่น่ายกย่อง อ่อนน้อมถ่อมตนไม่โอ้อวด สูช่วยเราสองพ่อลูกไว้มาก บำเหน็จรางวัลใดก็ไม่อาจตอบแทนได้ อีกไม่กี่ราตรีข้าจะยกทัพใหญ่ไปรบเอานครของข้าคืน คงจะเป็นมหาสงครามที่มีการรบอันดุเดือดนองเลือดเป็นมั่นคง สูจักเป็นกำลังสำคัญของข้าหากการนี้สำเร็จ สูต้องการสิ่งใดเป็นบำเหน็จแล้วไซร้จงเรียกร้องได้ตามประสงค์..” ตรัสจบแล้วพระราชา ทรงแย้มพระสรวลทอดพระเนตรไปยังพระธิดา ซึ่งหลบสายตาท่าทางเอียงอาย
“ขอเดชะ…การศึกยังมิได้เริ่มเลย และจะจบเยี่ยงไรก็ยังมิอาจทราบบทสรุป เรื่องบำเหน็จศึกเอาไว้เอ่ยกันเมื่อมีชัยดีกว่าพะย่ะค่ะ…..” หมอผีหนุ่มกราบทูล
“ฮ่าๆๆๆ….นี่สิ…ยอดนักรบโดยแท้…ลูกหญิงเอ้ย สืบไปภายภาคหน้าถ้าจะหาคู่สยุมพร เจออย่างเจ้าหนุ่มคนนี้จงเลือกเป็นคู่ครองอย่าช้าทีเลยนะ…”
เจ้าหญิงทรงเอียงอาย พลางตรัสอย่างขัดเขิน “เด็ดพ่อ…ตรัสอะไรก็ม่ายรุ้…..”
“เอาละ…เรามีการณ์ใหญ่ต้องตระเตรียมอยู่อีกมากมาย สูเจ้าทั้งสองจงแยกย้ายไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัยเถิด ข้าจะไปปรึกษากับพวกเสนาธิการเรื่องการจัดทัพก่อน …” พระราชาตรัสจบก็เสด็จไปพร้อมทหารองครักษ์
หมอผีหนุ่มลุกขึ้นยืนประสานสายตากับเจ้าหญิงอย่างลึกซึ้งในความหมาย หมอผีหนุ่มเดินไปใกล้ๆ แล้วกระซิบบอก “เราตรากตรำกันมามากเหลือเกิน คืนนี้แยกกันไปพักผ่อนก่อนเถิด…”
“ไม่เอา..วันนี้พี่สินต้องอยู่ที่กระโจมของหญิง…” เจ้าหญิงเดินมาเกาะแขนอ้อนราวเด็กน้อย
หมอผีหนุ่มแกะแขนเด็กสาวออก “อย่าทรงทำอย่างนี้มันไม่เหมาะ หากใครมาเห็นพระเกียรติยศจะมัวหมอง..”
“ช่างมัน..หญิงไม่แค่…นะ..นะ…คืนนี้พักกระโจมของหญิงนะ….” เจ้าหญิงยังอ้อนไม่ยอมฟังเหตุผล
หมอผีหนุ่มถอนหายใจ “เอาอย่างนี้ คืนนี้เราแยกกันพักก่อน พรุ้งนี้หม่อมฉันจะอยู่ถวายการรับใช้ทั้งราตรีเลย…”
“..คืนนี้ไม่ได้หรอ….แต่..อื่อ.อ.อ..เอาก็เอา…แล้วอย่าลืมนะ…” ตรัสจบเจ้าหญิงก็ประกบปากจูบหมอผีหนุ่ม ก่อนกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังกระโจมที่ประทับ หมอผีหนุ่มยิ้มมองตามไปอย่างเอ็นดู….
ไม่ห่างจากที่ตั้งกระโจม หมอผีหนุ่มยืนลำพังเขามองไปบนฟ้าที่มีแสงเดือนส่องสลัวๆ ใจฉุดคิดถึงภพภูมิที่ตนจากมาและเหล่านางผีสาวที่ภัคดีทั้งสามซึ่งเฝ้ารอการกลับไปของเขาอยู่เบื้องนอกนั่น ทั้งเรื่องเด็กสาวเจ้าหญิงที่เขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกด้วยอย่างไร และเรื่องที่ถูกขอร้องให้ช่วยรบเพื่อกู้ราชบัลลังก์ของกษัตริย์สมิงอีก การเดินทางครั้งนี้ช่างพิศวงและถลำลึกเหลือเกิน เขายืนคิดอยู่เพลินๆ ชมผาก็เดินมายืนข้างๆเขาพร้อมส่งมวนยาสูบให้ หมอผีหนุ่มยิ้มรับมาสูบแล้วพ่นควันออกมาโขมง รสชาติยาสูบเผ่าสมิงก็ไม่เลวเหมือนกัน เขาคิดในใจ…
“ขอบน้ำใจสูมากที่ช่วยเหลือหมู่เรา…” ชมผาเอ่ยขึ้น
หมอผีหนุ่มสูบยามวนแล้วพ่นควันต่อ “ไม่เป็นไร ข้ายินดีช่วยเหลือผู้ประกอบกรรมดีแต่ถูกความชั่วระรานเสมอ…”
“ท่าทางในภพของสู คงมีแต่คนยกย่อง…”
“ไม่ถึงขนาดนั้นดอก….”
ชมผาสูบยามวนแล้วพ่นควันคลุ้ง “ น่าเสียดายที่สินธุต้องพลีชืพ เขาไม่สมควรต้องตายอย่างนั้น…”
“แต่ตอนพบศพ ข้าเห็นรอยปรีดาบนใบหน้าของเขา ข้าว่าเขาคงเต็มใจในการเสียสละ…”หมอผีหนุ่มบอกแล้วถอนหายใจ
“ทุกครั้งที่ออกไปสู้รบกับหมู่ราชินี สหาย ญาติๆ คนใกล้ตัวและคุ้นเคยของข้าก็ลดจำนวนลงเรื่อยๆ เมื่อไหร่หนอจะสิ้นสุดยุคเข็ญนี่สักทีหนา…” ชมผาพูดจบก็ถอนหายใจ
หมอผีหนุ่มมองสหายอย่างเห็นใจ “ฮึ..ฮึ…ท่านอย่าเพิ่งท้อ เป้าประสงค์ของท่านก็ใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อรวมกองทัพได้ เราจะยกไปจัดการราชินีโฉดนั่น แล้วสันติธรรมจะกลับมา….”
“ลำพังกองทัพแลทหารของพระนางหาใช่สิ่งที่ต้องกังวลไม่…” ชมผาบอกแล้วอัดยามวนหนักๆ
“แล้วสิ่งใดเล่าที่ท่านเป็นกังวล …” หมอผีหนุ่มถามอย่างสงสัย
ชมผาระบายลมหายใจหนักๆ “ก็ตัวของพระนางนั่นแหล่ะที่ร้ายกาจจนยากสยบลงได้…”
“แล้วนางเป็นใคร มาจากไหนฤา…แล้วมายึดอำนาจได้อย่างไร….”
“อื่อ.อ.อ…เพราะสูคงยังไม่ทราบความเบื้องหลัง ข้าจะเล่าเฉลยแก่สูให้สิ้นเนื้อเรื่อง ปฐมเหตุนี้มันเกิดขึ้นเมื่อองค์ราชาไปเจอพระนางเมื่อครั้งไปรบปราบเผ่าสมิงเถื่อน องค์ราชาต้องพระทัยจึ่งรับพระนางมาเป็นสนม แต่เพราะนางถวายงานรับใช้ได้อย่างดี จึงต้องพระราชหฤทัยจึงได้รับการสถาปนาอภิเสกเป็นพระมเหสี หลังจากนั้นพระนางก็ลอบกุมอำนาจโดยติดต่อคบค้ากับพวกอวิชาให้แทรกซึมเข้ามาอยูในวังด้วยการอวยยศรับราชการในตำแหน่งสำคัญๆ กว่าทุกคนจะทันเฉลียวพระนางก็ยึดนครและจับกุมองค์ราชาจองจำไว้ พวกที่ภัคดีพยายามขัดขวางแตก็ถูกเข่นฆ่าไล่ตีแตกซ่าน เพิ่งมีครั้งนี้เองที่หมู่เราทำได้สำเร็จ เป็นเพราะสูมาช่วยแท้ๆ..”
หมอผีหนุ่มยิ้มแล้วบอกอย่างถ่อมตน “ อย่ายกย่องข้ามากเกินไปเลย มันมาจากความเพียรของท่านต่างหาก…”
“อื่อ.อ.อ..ข้าเห็นควรว่าสูต้องพักผ่อนบ้างแล้ว หมู่เรายังต้องพึ่งความสามารถของสูอีกมาก..” ชมผาบอกหมอผีหนุ่ม
“ท่านเองก็เช่นกัน พักผ่อนบ้างเพราะตรากตรำมาไม่น้อยกว่าข้า…”
ชมผายิ้มอย่างซาบซึ้ง “บนพิภพนี้จะมีใครผู้ใดหนอ ที่เป็นทุกข์แทนผู้อื่นเยี่ยงสู…”
“ก็ท่านไง ชมผา…..” หมอผีหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มจริงใจ
ทั้งสองหัวเราะให้แก่กัน แล้วมองไปบนฟ้าเบื้องบน แสงดาวล้อมเดือนคืนนี้ช่างระยิบระยับสวยงามยิ่งนัก
…………………………………………………………………………………………
ขบวนหามเกี้ยวของวังหลวงมีทหารหลายร้อยนายคุ้มกัน ตัวเกี้ยวคลุมผ้ามิดชิดไม่อาจทราบได้ว่าใครนั่งอยู่ในนั้น แต่ผู้นั่งอยู่ต้องมียศสูงส่งอย่างแน่นอน ขบวนเกี้ยวเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงทางโล่งก็มีชายคนหนึ่งโผล่มาขวางจากข้างทาง เหล่าทหารสั่งหยุดขบวนและชักดาบออกมาเตรียมระวังป้องกันขบวน ชายผู้เข้ามาขวางก็คือหมอผีชาตินั่นเอง มันสะพายฝักดาบพิเศษเป็นที่เสียบดาบไว้ถึงหกเล่มซึ่งมีขนาดใหญ่และรูปร่างต่างๆกัน
หัวหน้าทหารคุ้มกันขบวนเดินมายืนเบื้องหน้าหมอผีชาติแล้วร้องถาม “สูมาขวางขบวนเกี้ยวด้วยประสงค์ใด…”
“ข้าต้องการตัวผู้อยู่บนเกี้ยว….”
นายทหารคุ้มกันตวาดทันที “บังอาจ สูรู้หรือไม่ ว่าผู้อยู่ในเกี้ยวนั้นคือใคร…!!!???…”
“ข้ารู้สิ….และขอให้พวกเจ้าทุกคนจงทิ้งเกี้ยวไว้ที่นี่ จากนั้นจงรีบไสหัวไปให้พ้น…”
นายทหารคุ้มกันกัดฟันกรอด “สูจะโอหังมากเกินไปแล้ว เกี้ยวนี้เป็นเกี้ยวประจำตำแหน่งของนางสนองพระโอษฐ์องค์ราชินีเจ้าชีวิตพยัคฆานครเชียวนะ ท่าทางของสูคงเบื่อชีวิตแล้วกระมัง จึงกล้าลุยเดี่ยวคิดมาปล้นชิง…”
“คำเตือนสุดท้ายจากข้า จงวางเกี้ยวลงไว้ที่นี่ หาไม่ชีวิตของเจ้าทั้งนายและบ่าวจะบรรลัยก์สิ้นที่นี่….”
นายทหารคุ้มกัน โบกมือให้ทหารองครักษ์ทั้งหมดเข้าล้อมหมอผีชาติ “โทษของความโอหังครั้งนี้ของสูคือต้องถูกกุดหัวและเสียบประจานไว้ที่นี่เพื่อมิให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง…”
“อย่านึกว่ามีคนมากแล้วข้าจะกลัวนะ ในสายตาของข้าพวกเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกดอก…” หมอผีชาติประกาศทำเอาทุกคนถึงกับโทสะพุ่งสูงสุด
“อย่าเอามันไว้เลย กุดหัวแล้วสับร่างมันอย่าให้กากินต้องเคืองแค้น….” ทหารคนหนึ่งชักดาบปรี่เข้ามาหาหมอผีชาติทันที
“ใช่..กุดหัวมันเลย…!!!…”
ผ้ากั้นหน้าของเกี้ยวถูกเปิดออก นางสนองพระโอษฐ์ที่นั่งอยู่ข้างในเงยหน้ามอง พอเจอผู้เปิดม่านเข้ามาหา นางถึงเบิกตากว้างอุทานอย่างตกใจ เพราะเป็นหมอผีชาติคนที่นางเข้าใจว่าตายไปแล้ว “หมอผีชาตินี่เจ้า..!!!…..”
“แปลกใจที่เป็นข้าหรือ..หึๆๆ..”
นางสนองพระโอษฐ์ตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมองออกไปรอบๆเกี้ยว ทหารคุ้มกันตายบาดเจ็บล้มตายเกลื่อน เหล่านางข้ารับใช้หายไปสิ้น เหลือเพียงนางคนเดียวลำพังในบริเวณนั้น “จะ..เจ้า…ยังไม่ตายอีกหรือ ………”
“ทำไม !? ผิดหวังหรือที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ คนอย่างหมอผีชาติไม่ตายง่ายๆหรอก นรกยังคุ้มหัวเสมอ…”
“แล้วเจ้าทำแบบนี้ต้องการอะไร!?”
“ข้าคิดถึงเจ้าน่ะสิ…..หึ…หึ..หึ…”
หมอผีชาติพูดจบก็เข้ามานั่งคู่นางในเกี้ยว พลางโอบกอดร่างของนางไว้ นางสนองพระโอษฐ์พยายามสะบัดแต่ก็สู้แรงของหมอผีโฉดไม่ได้
“ปะ..ปล่อยข้านะ…เจ้าจะทำอะไร?…”
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ข้าเพียงแต่อยากมาถามว่า ราชินีของเจ้าอยู่ไหน?”
นางสนองพระโอษฐ์ตอบอย่างหวั่นๆ “เอ่อ.อ.อ.อ…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน..”
“ไม่รู้ได้อย่างไง ก็เจ้าเป็นคนรับใช้ใกล้ชิดนี่..บอกข้ามาเดี๋ยวนี้….”
“คือว่านับตั้งแต่เมื่อคืนวันก่อนที่พระนางเสร็จติดตามเชลยไป ก็เงียบหายไป และเหล่าทหารที่ติดตามไปก็ไม่มีใครกลับมาส่งข่าวเลยสักคน ข้าจึงต้องออกมาตามหานี่ไง….” นางสนองพระโอษฐ์ตอบแต่ไม่กล้าสบตาหมอผีชาติ
“จริงหรือ….” หมอผีชาติเน้นเสียงถาม
นางสนองพระโอษฐ์ตอบเสียงสั่นๆ “จะ..จริง….ข้าจะโกหกเจ้าไปใย….”
หมอผีชาตินิ่งคิดสักครู่ “ หึ…แสดงว่าราชินีของเจ้าอาจกำลังยุ่งกับการจัดการไอ้สิน เลยขาดการติดต่อไป ดี..ระหว่างรอนางกลับมาให้ข้าแก้แค้นนี่…….”
นางสนองพระโอษฐ์มองหมอผีชาติอย่างหวาดๆ “ใยเจ้าจ้องมองข้าเยี่ยงนั้น….”
“ยังจำเรื่องที่ดาดฟ้าและระหว่างเดินทางมาดินแดนพยัคฆาได้ไหม?…”
“ถามทำไม..เรื่องบัดสีพรรค์นั้นข้าจำไม่ได้แล้ว….”
หมอผีชาติยิ้มอย่างน่าเกลียด ส่งสายตาเล้าโลมร่างจนนางรู้สึกอึดอัด มันยื่นมือมาจับเส้นผมสลวยของนางขึ้นไปดมพลางเอ่ยวาจาแทะโลม “จำไม่ได้หรือ..งั้นข้าจะขอทบทวนความทรงจำให้ตรงนี้ก็แล้วกันนะ…”
“อย่านะ…เจ้าอย่ารังแกข้าอีกนะ…” แต่ไม่ทันเอ่ยจบ ร่างสวยสะอางค์ของนางสนองพระโอษฐ์ถูกหมอผีชาติดึงไปกอดจูบไม่เลือก นางพยายามผลักไสป้องกันตัวเท่าที่ทำได้
แต่หมอผีชาติอาศัยพละกำลังที่เหนือกว่าจับรั้งจนร่างนั้นไม่อาจขัดขืน “ยอมดีๆ อย่าต้องให้ข้าใช้กำลัง อยากเจ็บตัวหรือไง ทำเป็นไม่เคยไปได้…”
“ฮึ่ม.ม.ม.ม์…ไอ้…….”
หมอผีชาติจ้องตานางดุๆ พลางเอ่ยสำทับ“ถ้าด่าข้าแม้นแต่เพียงคำเดียวให้ได้ยิน เจ้าได้เจ็บตัวแน่…”
“…….!!!………” นางสนองพระโอษฐ์จำใจต้องนิ่ง ยอมปล่อยให้หมอผีชาติข่มเหงย่ำยีร่างกายของนางได้ตามใจอีกครั้ง
หมอผีชาติซุกไซร้ร่างของนางสนองพระโอษฐ์ สัมผัสกลิ่นหอมจากเรือนร่างและสัดส่วนที่ลงตัวอย่างเพลินใจ
“อื่อ.อ.อ..รูปกายของเจ้านี่..ช่างเย้ายวนข้าเสมอเลยนะ..ฮึ..ฮึ..ฮึ…”
“ชริ..!..” นางสนองพระโอษฐ์ทอดร่างให้หมอผีชาติเคล้าคลึงพลางเหลือบมองอย่างชิงชัง
หมอผีชาติจับร่างอวบๆของนางสนองพระโอษฐ์ให้นอนลงบนพื้นเกี้ยวที่ปูด้วยฟูกหนา มันค่อยๆถอดอาภรณ์ของนางออกทีละชิ้นแม้นไม่เต็มใจแต่นางก็ไม่อาจขัดขืนพลังและอำนาจของมันได้ หมอผีชาติยามนี้คืนฟื้นพลังหมดแล้วทั้งมวล ทั้งพลังเวทย์และพลังหื่น ยิ่งครั้งนี้อดอยากมาหลาทิวาพอเห็นร่องอกขาวสะอาดยวนใจ มันจึงใช้นิ้วมือไล้ไปตามร่องอกขาวคู่นั้นอย่างลืมตัว หน้าอกของนางนั้นกลมเป็นกระเปาะและยังแข็งเป็นไตด้วยความที่ผ่านมือชาย เพียงนับครั้งได้ ความนุ่มหยุ่นมือของหน้าอกคู่นั้นทำให้หมอผีโฉดถึงกับลืมตัว หื่นกระหายใคร่อยากสัมผัสเป็นที่สุด
“อะ…อื่อ..อ.อ..อ.อ….อู้ย.ย.ย.ย.ย์……..บะ…..เบาหน่อยสิ…อูย.ย.ย.ย์..”
“ทำไม….บีบอย่างนี้ไม่ได้แล้วหรอ…..ไม่ชอบแล้วหรอ?…หรือว่ามันห่างไม้ห่างมือไปนาน……”
“ชริ….อู้อ.อ.อ.อ.อ…อื่อ.อ.อ.อ.อ…ข้าเจ็บนะ…เจ้าบีบขยำราวข้าไม่มีเลือดเนื้อ…..”
“เงียบไปเลย…ยามนี้ข้าจะทำอะไรก็ได้….ข้าจะบีบสองเต้าเจ้าให้เละคามือเลย…แล้วหากเจ้ายังพูดมาก…ข้าจะกัดหัวถันให้ขาดเลย..มีหน้าที่นอนให้ข้าเอาอย่างเดียวพอ..อย่าพูดขัด…มันเสียอารมณ์ของข้า…..” หมอผีชาติบอกแล้วซุกหน้าลงกลางร่องอก มันดูดขบอย่างคนอดอยากปากแห้งมานาน
แล้วมันยังส่งมือเข้าไปสัมผัสกับโคก อวบใหญ่ซึ่งปกคลุมด้วยเส้นขนละเอียดนุ่ม มันลูบไล้ควานนิ้วมือเข้าไปอย่างช้าๆ แคมโคกของนางสนองโอษฐ์เปียกเยิ้มด้วยน้ำหล่อลื่นที่เริ่มรินไหลออกมาเป็นมัน หมอผีโฉดใช้นิ้วชี้สะกิดเม็ดเสียวของนางอย่างช้าๆ มันเริ่มแข็งตัวด้วยความกระสันที่เริ่มก่อตัวช้าๆ หมอผีชาติยังเริ่มแยงแหย่เข้าไปในรูสวาทของนาง แม้นจะไม่ค่อยเต็มใจแต่พอเจอลีลาของหมอผีชาติเล้าโลมเข้า นางก็เผลอขมิบช่องสวาทอันเยิ้มไปด้วยน้ำเมือกของนางสู้มือของหมอผีโฉดอย่างลืมตัว
“ตอดสู้นิ้วดีจังเลย…ฮึ..ฮึ…ปล่อยน้ำออกมาเยอะๆ….เวลาโดนท่อนกระดอลงยันต์ของข้าเจ้าจะได้สุขหฤหรรษ์ไปกับข้า ไม่ใช่นอนทื่อเป็นท่อนไม้ เจออย่างนั้นทีไรข้าแทบหมดอารมณ์ทุกที….” หมอผีชาติสาวนิ้วเข้าๆออกๆไปบอกไป
“ชริ…หมดอารมณ์..อื่อ.อ.อ.อ..อู้ออ..อ.อ…ข้าเห็นเจ้ากระแทกจนน้ำแตกทุกที..อื่อ.อ.อ…คนอัปลักษณ์ใจโฉดเยี่ยงเจ้า…ข้า..อ้า..ร์..หาภิรมณ์ยามเสพสังวาสไม่..อ้า..ร์…อ้า..ร์…..” ตอบไปนางกระตุกหงึกๆเพราะเจอจี้ถูกจุดเสียวเข้า
“ไม่มีอารมณ์…เหอะ..เหอะ…เหอะ…แค่แหย่ควานแค่นี้ยังตอดนิ้วบีบนิ้วของข้าแทบขาด ปากแข็งจริงนะ…อย่างนี้ต้องสั่งสอนอบรบให้พูดเพราะกว่านี้สักหน่อย…..” หมอผีชาติชักนิ้วออกจากร่องสวาทแล้วขยับยืนขึ้น
หมอผีชาติถอดเสื้อผ้าของตนออกจนกายคล้ำๆอวบอ้วนเปลือยเปล่า ท่อนกระดอของมันชูโด่ปลายหัวส่ายหงึกๆมีน้ำเยิ้มตรงส่วนรู หัวหยักบานดำคล้ำ รอบๆลำตุ่มขึ้นเต็มจาการฝังมุก นางสนองพระโอษฐ์จ้องแล้วใจหาย นี่นางจะต้องโดนอีกแล้วหรือ แม้นจะเคยมันส์เคยเสียวจนติดใจก็จริง ทว่าเวลาโดนเสร็จแต่ละครั้งนางแทบจะหุบขาไม่ลง หมอผีชาติยิ้มขยับเข้ามาหาและเชยคางนางขึ้น มันจับหน้าของนางไปถูกับท่อนลึงค์ของมันแล้วกระเด้าใส่ใบหน้าหมดจดแรงๆ หมอผีหื่นหลับตาสูดปากอย่างสะใจที่คนใบหน้าหยาบกร้าน รูปร่างท้วมๆอย่างมันสามารถเอาท่อนลึงค์ถูหน้าสวยๆของผู้หญิงที่งดงามอย่างนางได้
“อื่อ.อ.อ.อ.อ…บะ..เบา…พอแล้ว..อ้า..อื่อ.อ.อ.อ.อ….พอ..พอ…พะ…พอก่อน….” นางสนองพระโอษฐ์เจอท่อนลึงค์อุ่นๆถูหน้าไปมาและกระเด้ากระแทกก็เล่นเอาหายใจแทบไม่ทัน นางเอาสองมือดันสะโพกอวบเนื้อของหมอผีชาติพยายามดึงหน้าของตัวเองกลับมา แต่ก็ถูกมือทรงพลังของหมอผีชาติตรึงหัวเอาไว้ และกระเด้าใส่หน้านางอย่างเมามันไม่หยุด
“อื่อ.อ.อ.อ..เป็นไงเล่าแม่นางผู้สูงส่ง เจอควยของคนอัปลักษณ์เยี่ยงข้าถูหน้ากระเด้าหน้าเป็นไงบ้าง ข้าชอบจริงๆที่ทำอย่างนี้ มันสะใจจริงๆ ฮะ..ฮะ…ฮะ….”
“พอแล้ว…พอเถอะ…หมอผีชาติ…จะทำอะไรข้าก็รีบทำเหอะ….อย่ามาทรมานข้าอย่างนี้เลย…อื่อ..อ.อ.อ.อ.อ.อ.อ.อ.อ…บะ..เบา..ก่อน..อ้า..ร์…..”นางสนองพระโอษฐ์พยายามดิ้นเอาหน้าออกจากท่อนลึงค์ที่ถูไถ น้ำใสๆเหนียวๆจากปลายหัวหยักเปื้อนเต็มใบหน้าขาวๆสวยๆ
หมอผีชาติหยุด แล้วมองหน้านางยิ้มๆ “งั้นถ้าข้าหยุด เจ้าต้องใช้ปากมันนะ…”
“หา..ให้ข้าใช้ปากอีกแล้วหรือ…..”
“จะทำให้ข้าไหม…ไม่งั้นข้าก็จะกระเด้าใส่หน้าเจ้าให้เละเลย……”
นางสนองพระโอษฐ์เม้มปากจ้องตามันอย่างขุ่นแค้น “เจ้านี่ช่างโฉดชั่วยิ่งนัก บังคับขืนใจเยี่ยงโจรปล้นสวาทชั้นต่ำ…”
“ฮึ..ฮึ…ฮึ…ด่าไปเถอะ ข้าไม่สะทบสะท้านหรอก แล้วเวลาใช้ปากกับข้าอย่าลูกไม้นะ ใช้ดีๆถ้ากัดละก้อ…คงรู้นะว่าจะโดนอะไร ให้บทนี้มันจบสวยๆอย่างนองเลือดเลย….”
“ชริ…ข้าอยากฆ่าเจ้ายิ่งนัก…”
หมอผีชาติระเบิดหัวเราะอย่างสะใจ “ฮะ..ฮะ…ฮะ…คิดฆ่าข้าหรอ…ฮะ..ฮะ…ข้ากำลังจะทำให้เจ้ามีความสุขถึงสวรรค์กลับคิดจะฆ่ากัน…เอาเถอะ..เจ้าก็ได้แต่คิดแหละ เพราะเจ้าทำได้แค่ถ่างขาให้ข้ายามที่อยากเท่านั้น..ฮะ..ฮะ..ฮะ….”
นางสนองพระโอษฐ์มองท่อนกระดอของหมอผีชาติที่โด่เด่อยู่ตรงหน้า นางจ้องอยู่ครู่แล้วกลั้นใจเอื้อมมือไปจับแล้วรูดช้าๆ ลำลึงค์ยาวใหญ่แข็งตัวเต็มที่ หัวถอกสีคล้ำกระดกหงึกๆอย่างเงี่ยนง่าน นางเหลือบตามองด้วยอารมณ์บอกไม่ถูก หัวเงี่ยงบานใหญ่พองเปร่งอวดขนาดสู้มือนางเต็มที่ และรับรู้ถึงความร้อนผะผ่าวจากลำลึงค์แม้นรอบๆจะเต็มไปด้วยตุ่มไต นางจับเต็มๆมือแล้วคุกเข่าลงไป ริมฝีปากอวบอิ่มเผยออ้าอมหัวถอกอย่างข่มใจ หมอผีชาติหลับตาพริ้มอ้าปากเมื่อความอุ่นจากอุ้งปากแผ่ซ่านขึ้นมาช้าๆตามลำลึงค์ที่ค่อยๆหายเข้าไปในอุ้งปากนางทีละน้อยๆ
” อู้ย.ย.ย.ย..ย.ย์… … ซี๊ด.ส..ส.ส.ส.ส์…. … ซี๊ด.ส.ส..ส.ส์…. อย่างนั้นแหละ ดูดแรงๆ….อ้า..ร์…สมเป็นนางสนองพระโอษฐ์..อู้ว.ว.ว..ว.ว์…ดูดีจริงๆ…อ้า..ร์…อมเข้าไปลึกๆ….อ้า…ร์…อย่างนั้น….อื่อ.อ.อ.อ..อ…..”
นางสนองพระโอษฐ์หลับตาพริ้มขณะอ้าปากของนางอมท่อนกระดอที่ใหญ่คับปากเข้าไปช้าๆ ริมฝีปากอวบอิ่มของนางเบลอบานออกแล้วหุบเข้าอย่างน่าดูขณะที่หัวเงี่ยงบานใหญ่ผ่านเข้า มันเข้าออกเป็นจังหวะพร้อมๆกระพุงแก้มที่ยุบพองตามจังหวะการดูด หมอผีโฉดก้มลงมองดูหน้าสวยของนางซึ่งเหลือบตาปรือขึ้นมามองสบตา โดยที่ท่อนกระดอยาวใหญ่ยังคาอยู่ในปากของนาง หมอผีชาติยืนตัวเกร็งไปด้วยความเสียวสะท้าน รู้สึกสาสมใจยิ่งนักยามที่ปากสวยได้รูปของนางก็ต้องอ้าออกและหุบเข้าช้าๆตามจังหวะที่มันกระเด้าใส่เป็นบางจังหวะ นางสนองพระโอษฐ์เองต้องจำใจปล่อยให้มันทำเกร็งริมฝีปากของนางรับจนปลิ้นเข้าออกตามลำกระดอที่ชักเข้าออกอย่างสนุกของหมอผีชาติ นอกจากกระเด้าปากเล่นแล้วหมอผีหื่นยังเอื้อมมือลงไปบีบบี้หัวนมของนางอย่างเพลิดเพลิน หน้าอกของนางอวบใหญ่แต่ไม่คล้อย ยังแข็งเป็นไตบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของเรือนร่างเจ้าของว่ามีการดูแลเป็นอย่างดี
“อ้า..ร์..อื่ม.ม.ม.ม.ม์…ดะ…ดี…อมได้เก่งนี่…อื่อ.อ.อ.อ…น่านๆๆๆ….เอาริมฝีปากรูดมุกของข้าด้วย…อู้ว.ว.ว.ว.ว์…ดี…ดี…ข้าชอบ…อู้ว.ว.ว.ว.ว์….เอาให้แตกคาปากไปเลยก็ได้…โอ้ว.ว.ว.ว.ว.ว์…..”
” พอหรือยัง…แผล่บ…แผล่บ….หมอผีหื่น…ข้าอมจนปวดกรามไปหมดแล้ว…แผล่บ..แผล่บ….” นางสนองพระโอษฐ์ถอนอุ้งปากออกจากท่อนกระดอ พลางถามหมอผีชาติ
ไม่มีคำตอบนอกจากมือของมันที่กดศรีสะของนางให้ทำต่อ นางจึงก้มเข้าหาแล้วเลียไล้ไปตามกระดอที่เปียกเยิ้มไปด้วยน้ำลายของนางต่อ นางเลียไล่ลงมาข้างล่างจน ถึงลูกกระโปกสองใบที่ยุบๆพองๆ แล้วเริ่มเม้มริมฝีปากส่งลิ้นเลียไปตามผิวอันขรุขระด้านหนาจนหมอผีชาติหลับตาอ้าปากเพราะเสียววูบ
” ทำเก่งที่สุดเลย ปากของเจ้านี่ยอดเยี่ยมที่สุดเลย…. อู้ย.ย.ย.ย.ย.ย.ย์… ดูดลูกกระโปกอย่างนั้น… ซี๊ด..ด…ด…ด์…สุดยอด…..”
หมอผีโฉดร้องลั่นด้วยความเสียวซ่านเพราะนางสนองพระโอษฐ์เริ่มอ้าปากอวบอิ่มของนาง อ้าอมลูกกระโปกของมันพลางดูดดุนไปมา เจ้าหมอผีหื่นบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน เพราะนางยังใช้ลิ้นของเลียรอบๆไข่ทั้งสองใบจนเปียกน้ำลายเยิ้ม ลำลึงค์ยาวใหญ่กระดกหงึกหงักอย่างลำพองใจ ขณะที่นางสนองพระโอษฐ์ฉกลิ้นแลบเลียตามลำที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นปูดโปนและตุ่มมุกนับไม่ถ้วน อีกสองมือก็ประคองที่พวงสวรรค์บีบนวดไปมา นางกระทำอย่างจำใจเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ และคิดเสียว่าทำบุญทำทานไป เพราะนางก็โดนหมอผีชาติทำมาหลายครั้งแล้ว จะโดนอีกสักครั้งคงไม่เป็นไร ซึ่งครั้งนี้ก็อยากจะขอให้เป็นครั้งสุดท้ายเสียที
” พะ..พอ…ข้าจะไม่อยากแตกในปากของเจ้าแล้ว ขอข้าใส่ในช่องสังวาสของเจ้าเถอะ…”
” จะเอาทำอย่างไรก็จงเร่งๆกระทำเถิด สมใจเจ้าแล้วก็จงรีบปล่อยข้าไปสักที….”
“นั่นขึ้นอยู่กับว่า เจ้าทำให้ข้าพอใจแค่ไหน….”
“ชริ….”
หมอผีหื่นเลื่อนกายเข้าแทรกตรงกลางหว่างขาของนาง มันจ้องมองเนินอวบใหญ่ที่ขณะนี้เต็มไปด้วยน้ำสวาทเอ่อปากรูเยิ้ม เจ้าหมอผีโฉดก้มหน้าลงไปดู โคกนั่นพลางใช้นิ้วเขี่ยร่องรูแคมอย่างช้าๆ แคมหีสีชมพูเรื่อๆของนางยังสนิทชิดกัน มีแต่น้ำเมือกสวาทไหลเยิ้ม ส่งกลิ่นคาวเล็กน้อยแต่มันทำให้มันเกิดอารมณ์เงี่ยนง่านมากยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่มันจะรีบสอดใส่อย่างทันใดมันกลับกระตุ้นอารมณ์ของคู่สวาทให้มีอารมณ์ร่วมไปด้วยการบีบบี้สองเต้านมขาวอวบกลมที่พุ่งชูชันเม็ดหัวนมสีชมพู มันแข็งตัวสู้มือหมอผีหื่นที่บีบเคล้นอย่างสนุกจนปลิ้นตามรูปรอยมือของมัน แลต่ำลงมาคือหน้าท้องขาวเนียนละเอียดเป็นลอน ปราศจากไขมันส่วนเกิน สะดือได้รูปผสานเอวที่คอดกิ่วรับกับสะโพกผายกว้าง ที่ยามนี้เริ่มบิดไปมาอย่างเร่าร้อนเมื่อถูกหมอผีชาติกระตุ้นไฟราคะ
” … อูย… พอเถอะ.. ข้าเจ็บระบมไปหมดแล้ว… ซี๊ด..ด…ด์..เจ้าทำรุนแรงเหลือเกิน..รีบๆทำๆให้เสร็จๆไปเถอะ….ข้า..อ้า..ร์..จะทนไม่ไหวแล้ว.ว.ว.ว์..รีบๆ..อื่อ.อ.อ.อ…. เอาๆดีกว่า… ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว… ซี๊ด..ด…ด..ด์… ”
” เสี้ยนอยากจนออกอาการ แล้วยังจะปากแข็งว่ารักษาภาพอีกนะ ไม่ต้องห่วง เจ้าโดนแน่ โดนชนิดจำจนตายเลย ฮึ..ฮึ….”
หมอผีชาติพูดพลางจับลำลึงค์ของตนที่เบ่งพองใหญ่ผงาด โดยเฉพาะตรงเงี่ยงของมันบานร่าผงกหัวไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง หัวถอกสีคล้ำตรงปลายมีน้ำเงี่ยนไหลเยิ้ม มันเต้นตุบๆอย่างดีใจ เพราะอีกสักครู่มันจะได้เข้าไปอยู่ในรูสวาทอันร้อนผะผ่าวที่เห็นอยู่ตรงข้างหน้านี้แล้ว มันจับนางสนองพระโอษฐ์อ้าขาออกกว้างให้พร้อมที่จะรองรับท่อนเอ็นของมัน โคกแคมสีชมพูของนางแบะอ้าออกน้ำเมือกเยิ้มปริ่มรูล่อตา หมอผีชาติจ้องมองเนินพิศวงของนางอย่างกระหาย เพราะที่เห็นมันช่างน่าสอดใส่อะไรเช่นนี้ โคกอวบขาวแคมทั้งสองข้างแบะ ออกน้อยๆ ทำให้เห็นเนื้อในสีชมพูเรื่อๆเป็นมันเยิ้ม ขมุบขมิบไปมาน่าชมดู หมอผีชาติอดมาหลายเพลาแล้วมาเจอของดีๆที่ห่างหาย มันก็จับท่อนลำลึงค์ของตัวเองเข้าประกบตรงปากรูแล้วเอาส่วนปลายถูไถไปมาตามร่องสวาทแล้วแฉลบขึ้น ไ