ก้อย ภาค 2 ตอนที่ 8
เช้าวันนี้ผมรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องขับรถมาทำงานคนเดียวทั้งๆ ที่เมื่อก่อนหน้านี้ผมก็ขับรถมาทำงานคนเดียวเป็นประจำ ผมมาถึงที่ทำงานแต่เช้าเพราะว่าไม่มีใครทำอาหารเช้าให้ทานเลยต้องมาพึงร้านอาหารในตึกที่ผมทำงาน ผมแวะเข้าไปนั่งกินกาแฟที่ร้านเดิม ถึงแม้ว่าพนักงานส่วนใหญ่จะรู้จักผมแต่มันก็ไม่ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ลิซเองก็คงกำลังรู้สึกแบบนี้มั้ง อยู่ๆ ผมก็คิดขึ้นในใจ เพื่อไม่ให้ผมรู้สึกเหงามากกว่านี้ผมเลยถือแก้วกาแฟแล้วขึ้นมาที่ออฟฟิต หงส์มานั่งทำงานอยู่ก่อนแล้ว ผมได้แค่ยิ้มเจือนๆ ให้เธอ แล้วผลักประตูเข้าไปในห้อง เวลาช่วงเช้าช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน พอเที่ยงผมคิดว่าจะชวนหงส์กินข้าว แต่ก็พบว่ารุชพาหงส์นกและบอลไปกินข้าวด้วยกัน ผมเลยไม่อยากเข้าไปแทรก แล้วผมก็เลยต้องไปกินข้าว
คนเดียว ผมเข้าไปทานอาหารในร้านประจำสั่งอาหารอย่างที่เคยสั่งกินเป็นประจำ ทำไมอยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าชีวิตผมจืดชืดไปนะ ในขณะที่ผมนั่งเหม่ออยู่นั้นพี่ผึ้งก็เข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ขอพี่นั่งด้วยซิ” พี่ผึ้ง
“เชิญครับ” ผมตอบด้วยสีหน้าเหมือนคนไร้อารมณ์
“เป็นอะไรเรา ทำหน้าเหมือนแฟนทิ้ง” พี่ผึ้ง
“คนโดนแฟนทิ้งเค้าเป็นแบบนี้กันหรอครับ”
“ใช่ซิ บีทำหน้าเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อนเลยนะตอนที่เราโดนมิ้นทิ้งอะ หรือว่าแฟนๆ ทิ้งไปหมดแล้ว ดีสมเจ้าชู้ดีนัก” พี่ผึ้ง
“ไม่ใช่แฟนครับ แต่ก็หาใครแทนไม่ได้”
“มีด้วยหรอ ไม่ใช่แฟนแต่หาใครแทนไม่ได้” พี่ผึ้ง
“ไม่รู้ซิครับพี่ อยู่ๆ ปากผมมันก็พูดออกมาเอง ผมเองยังไม่เข้าใจเลย”
“เป็นเอามากนะเรา อืมนี่พี่จะมาปรึกษาอะไรหน่อย” พี่ผึ้ง
“พี่ผึ้งมีเรื่องอะไรหรอครับ เรื่องให้ผมช่วยเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้แล้วนะครับ เพราะพี่มีแฟนแล้ว”
“บ้า ไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อย อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้วซิถึงได้ทะลึงกับพี่ได้ คือแฟนพี่เค้าขอแต่งงานบีคิดว่าพี่ควรแต่งเลยดีไหม” พี่ผี้ง
“พี่ผึ้งจะแต่งงานหรอครับ อืม อะไรนะพี่จะแต่งงานแล้วหรอ” ผมเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงตกใจ
“เสียงดังไปได้เดี๋ยวมีคนที่บริษัทฯ มาได้ยินพอดี” พี่ผึ้ง
“อืมให้แฟนพี่เค้ารอก่อนได้ไหมครับ”
“ให้แฟนพี่เค้ารออะไรหรอบี” พี่ผึ้ง
“รอให้ผมกอดพี่ผึ้งจนเบื่อก่อน แล้วค่อยแต่งผมจะได้ไม่เสียดายพี่ผึ้ง”
“แหม สรุปว่าเสียดายแค่จะได้ไม่กอดพี่แค่เนี้ยนะ อยากมาปากดีเลยเมื่อกี้ยังพูดอยู่หยกๆ ว่าช่วยพี่เรื่องนั้นไม่ได้แล้ว” พี่ผึ้ง
“จริงหรอครับพี่ผึ้ง แล้วพี่คิดว่าไงหละครับ”
“อืมพี่ก็บอกไม่ถูกนะ อยากดูใจกันต่ออีก แต่ก็อายุมากกันขึ้นไปเรื่อยๆ” พี่ผึ้ง
“ใช่ครับพี่ ผู้ชายอายุมากไม่เท่าไหร่ผู้หญิงอายุมากนี่เหี่ยวด้วย รอนานๆ เดี๋ยวใช้การไม่ได้นะครับ”
“บ้า ทะลึง อะไรเหี่ยวยะ ฉันบำรุงทุกวันออกจะเต่งตึง ไม่เชื่อลองพิสูจน์ไหม” พี่ผึ้ง
“เอาซิครับบ่ายนี้ผมว่างเราไปพิสูจน์กัน”
“นี่ วกมาเรื่องนี้อีกแล้ว ฉันไม่ให้เธอแอ้มแล้วหละยะ เดี๋ยวแฟนรู้โกรธตายเลย ตกลงว่าไงบีพี่ควรแต่งเลยงั้นหรอ เรานี่มัวแต่พูดเล่นแกล้งพี่นะ” พี่ผึ้ง
“ก็ดีนี่ครับพี่ เวลามันก็มีแต่ผ่านไป ถ้าพี่แน่ใจแล้วว่าพี่อยากจะเจอหน้าผู้ชายคนนี้ทุกครั้งที่พี่ตื่นนอนในตอนเช้า”
“พี่ก็รับได้นะถ้าจะเป็นแบบนั้น” พี่ผึ้ง
“งั้นพี่ก็พร้อมแล้วหละครับ”
“บีว่างั้นหรอ” พี่ผึ้ง
“ยินดีด้วยนะครับพี่ผึ้ง อีกหน่อยผมคงต้องอยู่ห่างๆ พี่ ไม่งั้นผมคงรู้สึกเหมือนมีใครเอามีดมาแทงที่หัวใจของผม”
“พอๆ เมื่อกี้ก็เพิ่งซึ้ง มาตอนนี้ทำลิเกอีกและ” พี่ผึ้ง
“ดีจังนะครับ ใครก็คิดจะแต่งงาน พี่คมพี่นุ่นก็แต่งงานกัน พี่ผึ้งก็กำลังจะแต่ง”
“แล้วเราหละ เมื่อไหร่จะแต่ง” พี่ผึ้ง
“ผมอยากแต่งงานนะครับ แต่ว่าแฟนผมยังไม่พร้อมซักคน แม้แต่คนที่น่าจะพร้อมที่สุดก็ยังไม่อยากผูกมัดกับผม” ผมนึกถึงก้อย
“เอาน่าเรื่องจะอยู่ร่วมกัน มันก็ต้องใช้เวลาคิดบ้าง แล้วยิ่งต้องอยู่ร่วมกันหลายๆ คนแบบของบีนี่ไม่ใช่แค่ต้องคิดเรื่องตัวเองจะรับได้ไหมนะ ต้องคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงญาติพี่น้องอีก ไหนๆ ก็รักแล้วรอหน่อยแล้วกันรอให้เค้าพร้อมจะได้ไม่ต้องมีปัญหากันที่หลัง” พี่ผึ้ง
“ขอบคุณนะครับพี่ผึ้ง สรุปพี่ผึ้งมาปรึกษาผมหรือผมปรึกษาพี่กันแน่ครับเนี่ย”
“นั่นซิ แต่พี่ก็ตัดสินใจเรื่องของพี่ได้แล้ว เอาไว้พี่จะมาแจกการ์ดนะ” พี่ผึ้ง
“ครับ”
“กินข้าวกันดีกว่านั่งคุยกันจนข้าวเย็นหมดแล้ว” พี่ผึ้ง
ดีจังพี่ผึ้งกำลังจะแต่งงานอีกคนแล้ว เฮอแล้วเมื่อไหร่ผมจะได้แต่งงานกับเค้าบ้างนะจะได้เลิกชีวิตเจ้าชู้แบบนี้ซะที วันนี้ช่วงบ่ายก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไร ผมก็ได้แต่มาเปิดมูลลี่แอบดูหงส์ว่าทำอะไรอยู่ บ้างครั้งผมเห็นนายรุชมายืนคุยผมก็แกล้งเปิดประตูออกมาเพื่อให้นายรุชกับไปนั่งที่โต๊ะ ผมเริ่มเรียกคุณรุชว่านายรุชด้วยความหึงหวงหงส์
วันนี้หงส์ก็ไม่กลับไปพร้อมกับผมเหมือนเมื่อวาน ผมเองก็ไม่มีอารมณ์จะไปไหนเลยตรงกับห้องผมเห็นรถเจนจอดอยู่ สงสัยสองคนคนนั้นคงกลับมากันแล้ว ผมขึ้นมาที่ห้องเจอเจนอยู่ในห้องคนเดียว
“กลับมานานแล้วหรอ”
“ค่ะ” เจน
“แล้วแนนหละ หายไปไหนไม่มาด้วยกันหรอ”
“แนนไปซื้อกับข้าวค่ะ เห็นบอกว่าอยากทานบนห้อง” เจน
“งั้นหรอ”
“พี่บีเหนื่อยไหมค่ะ” เจน
“ไม่เหนื่อยหรอก มานั่งนี่ซิ” ผมเรียกเจนให้มานั่งข้างๆ ผมที่โซฟา
“พี่บี คือวันเสาร์นี้เจนจะต้องกลับไปเรียนแล้วนะค่ะ” เจน
“จะกลับไปแล้วหรอเร็วจังเลยนะ เจนเพิ่งมาอยู่กับพี่แค่ไม่กี่วันเอง” ผมโอบตัวเจนมากอด
“เจนอยากอยู่ต่อนะค่ะ แต่มหาลัยเจนเปิดแล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่เจนก็โทรมาตามแล้วด้วย” เจน
“งั้นหรอ พี่ไม่อยากให้เจนไปเลย”
“เจนไปแค่สองปีเอง หลังจากนั้นเจนก็จะมาอยู่กับพี่บีแล้ว” เจน
“แล้วพ่อแม่เจนจะไม่ว่าเอาหรอเรื่องเจนจะมาอยู่กับพี่”
“ไม่ว่าหรอกค่ะ เจนเองก็ไม่ได้สืบทอดกิจการด้วย คุณพ่อคุณแม่เค้าไม่ค่อยกะเกณฑ์อะไรกับเจนเหมือนกับพี่แจนหรอกค่ะ อีกอย่างพวกท่านคงไม่กลับมาประเทศไทยแล้ว เจนบอกว่ามาอยู่คนเดียวก็ได้” เจน
“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องบอกนะว่ามาอยู่กับพี่ ทำแบบนั้นไม่ดีนะ ถ้าท่านมารู้ที่หลังท่านจะเสียใจนะ”
“แล้วถ้าบอกแล้วคุณพ่อคุณแม่เจนไม่ยอมหละค่ะ” เจน
“พี่จะพยายามพูดให้ท่านรู้ว่าพี่รักเจนมากแค่ไหนนะ พี่คิดว่าท่านคงเข้าใจ”
“อย่าเพิ่งคิดเลยค่ะพี่บีอีกตั้งสองปี เอาไว้เจนกลับมาก่อนแล้วเราค่อยว่ากันค่ะ” เจน
“เอาแบบนั้นก็ได้ มาพี่ขอหอมหน่อยซิ เดี๋ยวจะไม่ได้หอมอีกตั้งสองปีแหนะ”
ผมหอมแก้มเจนซ้ายทีขวาทีไม่หยุดเหมือนไม่รู้สึกเบื่อเลย แนนกลับมาจากซื้อกับข้าวเข้ามาเห็นพอดี แนนทำท่าจะเดินหนีให้ผมได้อยู่กับเจนสองคนแต่ผมเรียกเธอไว้
“มานั่งนี่ซิ” ผมเรียกให้แนนมานั่งข้างๆ
แนนเดินมาพร้อมกับทำหน้างงๆ พอนั่งลงผมก็โอบเอวเธอไว้
“เป็นไงบ้างเรา พี่ไม่เคยได้ถามเราเรื่องเรียนเลยนะ เป็นไงบ้าง มีแววจะจบหรือยัง”
“แหม ก็ต้องจบซิไม่ใช่แค่มีแวว” แนน
“แล้วเราอ่านหนังสือบ้างไหมพี่ไม่เคยเห็นเราถือหนังสืออ่านเลย แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะเรียนจบหละเนี่ย”
“ก็ตอนอ่านพี่บีไม่เห็นเองนี่” แนน
“ขยันๆ เรียนกันนะ ทั้งเจนและแนน เรียนจบแล้วเราจะได้เริ่มใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ ซะที”
แนนและเจนเงียบไม่พูดอะไรแต่พวกเธอซบมาที่ไหล่ผมคนละข้าง เรานั่งกันแบบนั้นอยู่นาน จนผมรู้สึกว่าแนนกับเจนน่าจะหิวข้าวกันเลยผมเลยหอมแก้มเจนทีนึงและแนนทีนึงก่อนจะลุกขึ้นแล้วบอกพวกเธอว่าให้ทานข้าวกัน
หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็นั่งดูหนังกันซักพักก่อนที่สองสาวจะเริ่มอ้อนผมให้เข้าห้องนอน ผมก็ใจอ่อน เราสามคนเข้าห้องกันแต่หัวค่ำแต่กว่าจะได้หลับได้นอนเล่นเอาตีหนึ่ง
ชีวิตผมก็ผ่านไปแบบเซ็งๆ จนถึงวันเสาร์ที่เจนจะต้องกลับไปเรียนแล้ว ผมกับแนนไปส่งเจนกันสองคนเพราะก้อยไม่ว่างแต่ก็โทรมาคุยกับเจนก่อนที่เราจะไปส่งเจนที่สนามบินอยู่นาน ระหว่างทางไปสนามบินไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แนนเองที่ปรกติจะช่างคุยก็เอาแต่เงียบ ผมเองพอเห็นว่าเจนตาแดงๆ ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรกลัวเธอจะร้องไห้ ครั้งที่แล้วเธอไม่กล้าบอกลาผม ครั้งนี้ต้องบอกลาเธอคงกำลังลำบากใจเรื่องนี้มาก ถึงที่จอดรถผมช่วยเจนลากกระเป๋า แนนจูงมือเจนเดินนำไปก่อน
พี่แจนไม่ได้มาส่งด้วยเพราะเจนไม่ได้บอกว่าจะกลับไปเรียนวันนี้ เจนคิดว่ากลับไปแล้วค่อยโทรมาบอก แต่มันก็ดีถ้าพี่แจนมาผมคงไม่สามารถรำลากับเจนแบบคนเป็นแฟนกันแน่ๆ
พวกเราพาเจนไปเช็คตั๋วและฝากกระเป๋าขึ้นเครื่อง แนนมองดูเจนด้วยสายตาเป็นห่วง จนถึงตอนนี้เราสามคนก็แต่จะไม่ได้พูดอะไรกันเลย เจนฝากกระเป๋าเสร็จเธอเดินกลับมาหาผมกับแนน ผมเลยหาเรื่องให้เราได้มีโอกาสคุยกันแบบไม่เครียด
“ยังมีเวลา หาอะไรทานก่อนไหม กว่าเครื่องบินจะเสริฟอาหารอีกตั้งหลายชั่วโมงนะ”
“ค่ะ” เจนพยักหน้า
เราสามคนไปนั่งทานอาหารที่ร้านในสนามบิน ร้านนี้ส่วนใหญ่มีแต่อาหารฝรั่งซึ่งแนนไม่ค่อยชอบกิน แต่เธอก็ไม่บ่นอะไรออกมา
“อ้าวๆ จิ้มแบบนั้นเดี๋ยวมันก็หกหมดไม่ได้กินกันพอดี” ผมบอกแนนที่กำลังเอาซ่อมจิ้มเส้นสปาเก็ตตี้จนมันเกือบจะหกออกจากจาน
“ทำแบบนี้ซิแนน” เจนสอนให้แนนใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้
“หัดๆ ไว้นะ พี่ว่าจะส่งเราไปเยื่ยมเจนที่โน้น เวลาไปหาเจนจะได้กินอาหารเค้าเป็น”
“จริงๆ หรอพี่บี” แนนทำหน้าตื่นเต้น
“จริงซิ ไปเยี่ยมเจนแทนพี่”
“แล้วพี่บีไม่ไปเองหละ” แนน
“พี่ก็อยากไปแต่ไปตอนนี้พ่อแม่เจนคงตกใจ เอาไว้เราคงได้มีโอกาสไปหาเจนพร้อมกันหมดพี่ก้อยด้วย”
“ดีจัง ไม่งั้นแนนคงคิดถึงเจนแย่เลย ต้องไปตั้งสองปี” แนน
“ไม่นานหรอกแนนแป๊บๆ เอง แต่ถ้าแนนไปเยี่ยมก็ดีนะ เจนจะได้พาแนนเที่ยว” เจน
“แต่ก่อนอื่นคงต้องหัดกินอาหารฝรั่งให้เป็นก่อน ไม่งั้นได้ไปอดตาย”
แนนมองค้อนผม เจนหัวเราะแนนเบาๆ เราเลยเริ่มพูดคุยกันเหมือนปรกติจนถึงเวลาที่เจนจะต้องไปขึ้นเครื่อง ผมเองนึกถึงวันที่ผมมาส่งเจนครั้งที่แล้วได้ดี ถึงแม้ตอนที่เรากอดกันก่อนที่เจนจะไป ผมจะไม่รู้ว่านั้นอาจจะเป็นกอดครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้กอดกับเธอ แนนทำหน้าละห้อยที่รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีเธอก็จะไม่ได้เจอเจนอีกนานเป็นปี ซึ่งผมเองก็รู้สึกเศร้าไม่ต่างกับแนน เสียงประกาศเรียกให้ผู้โดยสารไปขึ้นเครื่อง แนนผวาเข้าไปกอดกับเจนแน่น ก่อนจะปล่อยแล้วหันหลังไปเกาะรั่วปล่อยให้ผมได้รำลากับเจนบ้าง
ผมกอดเธอไว้แน่นหอมไปที่แก้มนุ่มๆ ของเธอ เจนเอียงอายกับสาตาคนที่จ้องมองแต่เธอก็รู้ว่าคงอีกนานกว่าที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดผมแบบนี้และได้เอียงแก้มให้ผมหอมอีก
“เรียนจบแล้วกลับมานะพี่จะรอ”
“ค่ะ เจนจะรีบเรียนให้จบแล้วกลับมาหาพี่บีนะค่ะ” เจนน้ำตาคลอ
“พี่จะรอนะ วันที่เจนกลับมาวันที่เราได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง และวันนั้นจะเป็นวันที่พี่จะเริ่มชีวิตครอบครัวของพวกเราอย่างจริงๆ จังๆ ซักที”
“ค่ะ” เจนก้มหน้าซบอกผมแล้วร้องไห้ซะอื้น
“ไม่ร้องไห้นะเดี๋ยวหน้าเปื้อนหมด”
“พี่บีเจนจะคิดถึงพี่นะค่ะ” เจน
“พี่เองคงคิดถึงเจนทุกวันจนกว่าจะได้เจอหน้าเจนอีกเหมือนกันนะ”
“เจนรักพี่นะค่ะ” เจน
“พี่ก็รักเจนนะ คิดถึงก็โทรมาบ้างนะ พี่เองก็จะโทรหาเจนเหมือนกัน”
“ค่ะ” เจน
ประกาศเรียกครั้งสุดท้ายเพื่อให้ผู้โดยสารไปขึ้นเครื่อง ผมกับเจนจ้องตาแล้ว แล้วเราก็ยื่นหน้าเข้าหากันปากเราสองคนประกบแนบชิด ตอนนี้เราไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง เราอยากแค่อยากเก็บความทรงจำดีๆ ต่อกันจนกว่าเราสองคนจะได้พบกันอีก เราสองคนพยายามซึมซับเอาความรู้สึกที่มีต่อกันไว้ให้มากที่สุดแต่สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้เจนไป เราแยกจากกัน เจนโบกมือลาแนนเธอพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้แนนไม่ต้องเป็นห่วงแต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ร้องไห้ออกมา เจนเดินเข้าไปยังส่วนผู้โดยสารขาเข้า แนนเดินมายืนชิดตัวผม ผมกอดเธอไว้
“เจนกลับไปเรียนอีกคนแล้วนะต่อไปเราก็กลับมาอยู่กันแค่สองคนเหมือนเดิมนะ” ผมลูบหัวแนน แต่เธอกลับไม่ขัดขืนเหมือนปรกติ
“แล้วพี่หงส์หละค่ะ” แนน
“พี่หงส์เค้าก็มีชีวิตของเค้านะ คนเราต่างมีทางเดินของตนเอง ถึงแม้บ้างครั้งเราอาจจะได้มาเดินในทางเดียวกัน แต่ซักวันเราก็จะต้องแยกทางกันไป”
“หมายความว่ายังไงค่ะ แบบนี้อีกหน่อยแนนก็อาจจะไม่ได้อยู่กับพี่บีเหมือนกันหรอ” แนน
“นั่นคงขึ้นอยู่กับว่าแนนอยากเลือกทางเดินเดียวกับพี่หรือเปล่า ถ้าแนนอยากแนนก็จะได้เดินร่วมกับพี่ตลอดไป”
“ค่ะ” แนน
เจนลับตาไปแล้วเหลือแค่ผมกับแนนที่ยืนมองทางเข้าผู้โดยสารขาออกกันสองคน เรายืนเหม่อมองกันอยู่นานจะคนรอบข้างที่มาส่งเพื่อนหรือญาติต่างพากันกลับไปหมดแล้ว
“ไปเถอะ เรากลับบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ พี่บีค่ะพี่บีจะหาแฟนเพิ่มก็ได้นะค่ะ เอาแบบทำงานบ้านเก่งๆ ก็ได้ เพราะแนนทำไม่ค่อยเป็น” แนน
“แฟนนะไม่ใช่คนใช้ แล้วพี่จะหาแม่บ้านทำไมพี่มีแนนแล้วนี่”
“แต่แนนทำกับข้าวไม่เป็นนะค่ะ” แนน
“ไม่เป็นไรหรอก พี่จะซื้อมาม่ามาเยอะ แค่มาม่าต้มเป็นใช่มะ”
“ค่ะ” แนนอมยิ้ม
ผมกับแนนกลับมาที่ห้องโดยที่เราสองคนไม่ได้พูดเรื่องเจนเลยจนกระทั้งมาเจอตุ๊กตาของเจนที่แนนหยิบออกมาจากในรถเจน แนนเอามันมากอดแล้วร้องไห้ ทำเอาผมต้องกอดและปลอบเธอ แต่ผมก็อดร้องไห้ตามเธอไม่ได้
วันรุ่งขึ้นแนนพยายามทำอาหารเช้าให้ผมทาน แต่มันก็เหมือนเดิมคือรสชาติไม่ได้เรื่อง แต่ผมก็กินโดยไม่บ่นอะไร เพราะรู้ว่าแนนคงอยากทำตัวเป็นแม่บ้านให้ผม แต่แนนเองพอได้ชิมอาหารฝีมือตัวเองก็รู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง
“แหยะ พี่บีอย่ากินเลยค่ะ ไม่อร่อยเลย” แนน
“ไม่นี่ก็กินได้นะ”
“พี่บีอย่าฝืนเลยเราลงไปหาอะไรกินที่ตลาดกันก็ได้ค่ะ เดี๋ยวแนนเอาของพวกนี้ทิ้งเอง” แนน
“ทิ้งทำไม แนนทำให้พี่กิน พี่ก็ต้องกินซิ”
“ก็ได้ค่ะแต่ว่าเดี๋ยวต้องไปตลาดกันนะ” แนนยิ้ม
“เอาซิอยากกินขนมหรอ”
“ค่ะ” แนน
ผมกินอาหารที่แนนทำจนหมดจากนั้นเราก็ไปตลาดกัน แนนบอกว่าที่หลังซื้อกับข้าวที่ตลาดเอาดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาทำ เธอจะเป็นคนลงมาซื้อให้เอง ผมก็ไม่ว่าอะไร แนนคงไม่อยากให้ผมฝืนกินอาหารฝีมือเธอไปมากกว่านี้ ผมมาคิดๆ ดู ที่แนนร้องไห้วันที่เจนกลับไปเรียนต่ออาจจะไม่ใช่เพราะว่าแนนรักเจนมากอย่างที่ผมคิด แต่แนนกำลังรู้สึกว่าตัวเองจะต้องกลับมาเหงาอีกครั้งมากกว่า ซึ่งผมดูจากอาการแนนก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ หลังจากนี้เธอต้องอยู่ห้องคนเดียวบ่อยๆ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่มีหงส์มาอยู่ด้วย แล้วพอมีเจนแนนก็ยิ่งหายเหงาใหญ่ แต่ตอนนี้ทั้งสองคนก็ไม่อยู่แล้ว
“นี่ตัวเล็กกินข้าวเสร็จเราไปเที่ยวห้างกันไหม”
“ไม่เอาอะ ไม่อยากไป” แนน
“ทำไหมหละ เดี๋ยวพาไปกินไอติมด้วยนะ”
“อืม ไปด้วยก็ได้” แนนตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยอยากไปซักเท่าไหร่
ผมพาแนนไปเดินเล่นที่ห้างที่จอดรถชั้นใต้ดินมีร้านขายสัตว์เลี้ยงอยู่ ผมเห็นแนนรีบวิ่งไปเกาะที่กระจก ผมเดินตามเธอไป
“ดูอะไรหรอ”
“พี่บีดูซิ น่ารักจัง” แนนชี้ลูกหมาที่นอนอยู่ในกรง
“อืม แนนอยากเลี้ยงหรอ”
“ก็อยากนะ แต่ว่าคอนโดพี่บีคงเลี้ยงไม่ได้” แนน
“นั่นซิ เอาไว้พี่ซื้อบ้านเราค่อยหาหมาซักตัวไปเลี้ยงดีไหม”
“ดีๆ แนนจะได้ไม่ต้องเหงาเวลาอยู่คนเดียว” แนน
เป็นอย่างที่ผมคิดที่แนนเงียบๆ ไปนี่คงเพราะเธอรู้ว่าจะต้องเหงาอยู่ห้องคนเดียว เราสองคนเดินดูของไปทั่วห้าง ผมเองก็ไม่รู้จะหาอะไรมาทำให้แนนหายเหงาดี จนเราเดินไปเจอร้านขายของเล่นร้านนึง มีเด็กกำลังเล่นเครื่อง wii อยู่ แนนดูสนใจมากที่เวลาเล่นเราต้องทำท่าทางไปด้วย ผมให้แนนลองไปเล่นดู ส่วนผมก็ยืนคุยกับเจ้าของร้าน ผมเห็นแนนเล่นไปหัวเราะไป ผมคิดอยากจะซื้อให้เธอ แต่ว่าถ้าบอกตรงๆ เธอคงไม่เอา ผมเลยบอกเจ้าของร้านว่าผมซื้อแต่ช่วยจัดใส่ถุงที่ดูไม่รู้ว่าเป็นเครื่องเกมแล้วเดี๋ยวผมจะกลับมาเอา แนนเล่นเสร็จก็เดินมาหาผม
“เป็นไงสนุกไหม”
“สนุกดีค่ะพี่บี ตลกดี ถ้าพี่ก้อย เจน พี่หงส์เล่นด้วยคงสนุกกว่านี้” แนน
“อยากได้ไหมหละ”
“ไม่เอาหรอกค่ะเปลืองเงินพี่บีเปล่าๆ” แนนทำหน้าหงอยๆ เธอคงอยากได้แต่ไม่อยากใช้เงินผม
“ไม่เอางั้นเราไปซุปเปอร์มาเก็ตกันดีกว่า จะได้ซื้อกับข้าวตุนไว้จะได้ไม่ต้องลงไปตลาดทุกวัน”
“ค่ะ” แนน
เราสองคนเดินออกจากร้านผม มองหน้าเจ้าของร้านอีกรอบให้รู้ว่าผมซื้อแน่ๆ แนนแอบเหลียวหลังมองร้านอีกรอบก่อนจะเดินตามผมไปซุปเปอร์มาเก็ต เราซื้อของกันเสร็จผมก็ให้เงินแนนเพื่อให้เธอเข้าคิวรอจ่ายเงิน ส่วนผมจะรีบไปเอาเครื่อง wii ที่ร้าน
“พี่บีจะไปไหนค่ะ” แนน
“อ้อพี่ว่าจะกลับไปซื้อเครื่อง dvd เมื่อกี่พี่เห็นรุ่นใหม่น่าสนใจพี่ว่าจะซื้อกลับไปไว้ดูหนังที่ห้อง”
“งั้นหรอค่ะ” แนน
“รอพี่แป๊บเดียวเอง พี่กลับมาแนนคงยังไม่ได้จ่ายเงินหรอมั้ง อีกตั้งหลายคิว”
“ค่ะพี่บีไปเถอะ เดี๋ยวแนนรอจ่ายเงินเอง” แนน
“จ้ะเดี๋ยวพี่มานะ”
ผมรีบวิ่งกลับไปที่ร้านเกมเพื่อไปรับเครื่อง wii เจ้าของร้านหาถุงสีดำใบใหญ่ใส่เครื่อง wii ให้ผม แนนคงไม่รู้แน่ๆ ว่าข้างในเป็นอะไร ผมจ่ายเงินเสร็จผมก็รีบกลับไปหาแนน แนนถึงคิวจ่ายเงินพอดี
“พี่บีซื้อร้านไหนทำไมเค้าใส่ถุงแบบนี้มาหละ” แนนสงสัยว่าทำไมถุงเครื่อง DVD มันแปลกๆ
“อ้อถุงร้านเค้าหมดหนะ ที่จริงเค้าจะให้พี่ถือกล่องมาแล้ว แต่พี่ขอถุงแบบอื่นก็ได้ เค้าเลยใส่ถุงนี้มาให้”
แนนไม่เอ๊ะใจว่าในถุงคืออะไร เธอเชื่อว่ามันคือเครื่องเล่น DVD
“พี่บี แล้วที่ห้องไม่เห็นมีหนังอะไรเลย พี่บีจะซื้อเครื่องมาทำไมหละ” แนน
“อ้อ อืมม เดี๋ยวเราไปเลือกหนังกันไง คืนนี้จะได้ดูด้วยกัน”
“ค่ะ” แนน
ผมก็เลยให้แนนไปรอที่ร้านขาย DVD ส่วนผมรีบเอาของไปเก็บที่รถก่อน เก็บของเสร็จผมก็กลับมาหาแนนที่ร้าน DVD
“เป็นไงได้หนังบ้างหรือยัง”
“ไม่รู้ค่ะ แนนไม่ค่อยรู้ว่าหนังเรื่องอะไรน่าดูบ้าง” แนน
ผมเลยต้องเลิกหนังไป 4 เรื่อง จากนั้นเราก็ทานข้าวเที่ยงกันและผมก็พาแนนไปกินไอติมก่อนจะกลับห้อง กลับมาถึงห้องเราก็ช่วยกันเก็บข้าวของ หลังจากนั้นผมก็แกล้งใช้ให้แนนแกะถุงเอาเครื่อง DVD ออกมาให้ผมหน่อย
แนนหยิบถุงมาเปิดดู พอเธอเห็นของข้างในเธอก็วิ่งกระโดดมากอดผมจนผมล้มลงไปที่โซฟา
“พี่บีซื้อให้แนนหรอค่ะ” แนน
“อืม จะได้มีอะไรทำเวลาเหงาๆ ไง”
“ขอบคุณค่ะ แต่แนนว่ามันเปลืองนะค่ะ” แนน
“ไม่เอาหรอ งั้นพี่เอาไปคืนร้านเค้าก็ได้”
“เอาค่ะ แต่ที่หลังบอกแนนก่อนนะ เวลาจะซื้ออะไรให้แนน แนนไม่อยากรบกวนพี่บี” แนน
“ไม่เป็นไรหรอถือว่าแทนลูกหมาแล้วกันนะ”
แนนหอมแก้มผมก่อนจะรีบกลับไปแกะเครื่องเกมออกจากกล่อง บ่ายนั้นผมนั่งทำงานไปแอบดูแนนที่เล่นอยู่คนเดียว ดูๆ แล้วก็น่าสงสารเล่นคนเดียวคงไม่สนุกเท่ากับมีคนเล่นด้วย แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอหายเหงาได้บ้าง
แนนเล่นคนเดียวไปซักพักก็เข้ามาตื้อให้ผมไปเล่นด้วย ผมไม่ได้อยากเล่นเท่าไหร่แต่ทนเธอตื้อไม่ไหว ก็เลยไปเล่นด้วย เราเล่นเกมฟันดาบใครตีคู่ต่อสู้ตกเวทีได้ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ แนนเล่นสู้ผมไม่ได้ แรกๆ เธอก็พยายามสู้แต่พอเห็นว่าเล่นยังไงก็สู้ผมไม่ได้เธอก็เริ่มโกง พอจวนตัวเธอก็แกล้งเข้ามากระแทกแขนผม กระแทกตัวผมให้ผมกดพลาด
“โกงนี่น่า”
“เปล่าซะหน่อย ก็มันต้องออกท่าทางอะ” แนนหัวเราะ
“เดี๋ยวเหอะ โกงแล้วยังมาหัวเราะ”
ผมปล่อยให้แนนแกล้ง เพราะถึงเธอจะแกล้งผมก็ยังชนะเธอได้อยู่ดี จนเธอเริ่มงัดไม้ตายออกมาใช้ เธอเริ่มเอาก้นมากระแทกผมเอาหน้าอกมาชนแขนผมแทน มันได้ผลผมเสียสมาธิไปทันที ในที่สุดแนนก็เริ่มกลับมาชนะบ้าง เราเล่นกันจนจบเกมแนนเป็นฝ่ายชนะผม เธอดีใจกระโดดมากอดผม ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มมีอารมณ์กับเธอแล้ว
ผมจับสะโพกแนนแน่น แนนคงรู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เธอกำลังจะโดนอะไร แนนเงยหน้ามองผมทำตาหวาน
“ขอบคุณนะค่ะ” แนน
“แค่ขอบคุณไม่พอนะ พี่อยากได้อยากอื่นตอบแทนด้วย”
“พี่บีไม่เบื่อบ้างหรอค่ะ แนนกลัวพี่จะเบื่อแนน” แนน
“ไม่มีวันเบื่อหรอก”
เราสองคนประกบปากจูบกัน ผมปลดกระดุมกางเกงขาสั้นแนนออกเม็ดนึงเพื่อให้ล้วงมือเข้าไปขย้ำก้นเธอได้สะดวก แนนผว่ากอดผมแน่น ตอนที่ผมขย้ำก้นทั้งสองข้างเธออย่างมันมือ ผมขย้ำก้นแนนไปซักพัก กางเกงขาสั้นเธอก็หลุดออกจากเอวหลนไปอยู่บนพื้น แนนยกเท้าสะบัดมันออกไปจากตัวเธอ ผมจับขาแบบสองข้างยกขึ้นมาเกี่ยวเอวผมไว้ จากนั้นผมก็อุ้มเธอไปวางที่โต๊ะทำงานผม
ผมเริ่มให้มือสองข้างลูบไล้ไปทั่วตัวแนน แนนสะดุ้งเสียวเป็นจังหวะ เธอเริ่มครางในลำคอเบา เรายังคงให้ลิ้นพันกันอย่างดูดดื่ม ผมเริ่มขย้ำแลเค้นในส่วนนุ่มๆ ของแนน ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก สะโพก แก้มก้น หรือ ตรงเนินนุ่มของเธอจนแนนทนไม่ไหวเธอผละปากจากผม แล้วเริ่มร้องครางเสียวออกมา
พอปากผมว่าง ผมก็เริ่มใช้มันดูดเลียไปตามลำคอของแนนจนทั่ว แนนเอียงคอให้ผมจูบและดูดจนทั่วลำคอเธอ พอผมได้ดูดกินกลิ่นสาวของแนนจนเต็มอิ่มแล้ว ผมก็ถลกเสื้อยืนเธอขึ้นแนนช่วยถอดมันออกแล้วโยนไปด้านข้าง ตอนนี้หน้าอกแนนมันอันแน่นใต้บราสีฟ้าตัวจิ๋ว ผมเห็นหัวนมแนนนูนดันบราออกน่าดูดมาก ผมก้มลงไปแล้วงับไปที่บราของแนนตรงต่ำแหน่งที่หัวนมเธอดันออกมา แนนร้องซีดแอ่นอกใส่หน้าผมไปมา ผมเอามือข้างขวาลอดเข้าไปด้านใต้ส่วนล่างของแนนแล้วลากนิ้วมาตามร่องก้นและร่องสาวของแนน แนนเสียวจนต้องยกก้นตามมือผม
ผมปรนเปรอความสุขให้กับแนนทั้งด้านบนด้านล่างจนเป้ากางเกงในเธอเปียกแฉะไปหมด แนนแกะบราออกแล้วแล้วจับหน้าผมกดกับหน้าอกเธอ ผมดูดมันเข้าปากสุดแรง แนนร้องซีดลั่น เอวก็เริ่มกระเด้าใส่นิ้วผม ผมเริ่มใช้นิ้วแหวกเข้าไปในกางเกงนในแนน มันเปียกลื่นไปด้วยน้ำเหียวๆ ผมเอานิ้วกวาดน้ำเหนียวๆ ของแนนแล้วเอาไปทาที่รู้ก้นเธอ แนนซูดปากเสียวทุกครั้งที่นิ้วผมสัมผัสกับรูก้นเล็กๆ ของเธอ ผมรู้สึกได้ว่ารูก้นแนนมันขมิบเข้าออกไม่หยุด ผมทาน้ำรักแนนไปทั่วทางเข้าประตูหลัง แล้วเริ่มดันนิ้วเข้าไปหนึ่งข้อ แนนผวามากอดผมแน่น
แนนเอาหน้ามาซบไหล่ผมแล้วเริ่มครางตามจังหวะที่ผมใช้นิ้วแหย่รูก้นเธอ เสียงเสียวของแนนทำเอาผมเองเสียวตามเธอไปด้วย ผมดันนิ้วเข้าไปอีกข้อ แนนยกก้นขึ้นลงรับนิ้วผม
“โอ้ววววว พี่บี โอ้วววววว แนนไม่ไหวแล้ว ช่วยแนนทีค่ะ” แนน
แนนอยากให้ผมทำเธอให้ขึ้นสวรรค์แล้ว แต่ผมสนุกกับการเล้าโลมเธออยู่เลย ผมดึงนิ้วออกแนนซูดปากลั่นด้วยความเสียว จากนั้นแนนก็รีบถอดกางเกงในออกเธอปล่อยให้มันห้อยอยู่ที่ข้อเท้าด้านซ้าย แนนรีบยกเอวขึ้นลงเหมือนกำลังบอกให้ผมสอดใส่เธอซะที แต่ผมยังสนุกกับเรื่อนร่างเธออยู่ผมก้มลงมาที่ร่องสาวแนนแล้วลากลิ้นเลียไปทั่ว แนนต้องเอามือยันโต๊ะแล้วแอ่นเอวเด้งไปมาจนก้นไม่ติดโต๊ะ
ผมเอามือจับแคมแนนแยกออกแล้วแหย่ลิ้นเข้าไปกระดกรัวๆ ทำเอาแนนเกร็งตัวร้องโอ้ยยยยยยย น้ำรักแนนไหลทะลักออกมาเต็มหน้าผม แนนเกร็งตัวแอ่นร่องจ่อปากผม ผมก็ดูดกินน้ำรักที่ไหลออกมาจนหมด แนนหมดแรงนอนลงเอาหัวผิงข้างฝา แนนนั่งกึงนอนหมดสภาพบนโต๊ะทำงานผม ผมยังคงดูดเลียไปทั่วส่วนล่างของแนนช้าๆ เนิบๆ เพื่อค่อยๆ กระตุ้นให้เธอมีอารมณ์รอบสอง
ซักพักแนนก็เริ่มมีอารมณ์อีกรอบ ผมเลียไปทั่วรูก้นรูสาวแนนจนน้ำลายผมเยิ้มไปทั่ว พอแนนเริ่มอยากอีกครั้งเธอก็โก้งโค้งบนโต๊ะหันหน้ามาทางผม เธอรีบแก้กางเกงผมออกแล้วจับเอาเอ็นผมที่กำลังแข็งเป็นท่อนออกมารูดจนหัวมันบานเป็นเห็นจากนั้นเธอก็ผมมันเอาปากไปจนมิดหัว แนนดูดและเอาลิ้นดุนมันแรงมาก ผมเสียวจนแทบยืนไม่อยู่ แนนดูดหัวบานซะผมเผลอตัวกระเด้าเอวใส่ปากเธอ ผมจับหัวเธอไว้แล้วเริ่มซอยเอวเอาเอ็นถูกับปากนุ่มๆ ของแนน ผมเสียวจนต้องซูดปาก แนนเองก็ครางออกมาแต่ไม่ค่อยดังเพราะมีเอ็นผมอันแน่นอยู่ในปากเธอ
ผมซอยปากแนนอยู่ซักพักจนทนไม่ไหว ผมดึงเอ็นออกจากปากเธอ แนนรับกลับด้านหันก้นมาทางผม ผมจับเอวแนนไว้ให้นิ้วแหวกลีบสาวออกแล้วดันหัวบานขนาดใหญ่เข้าไปในรูน้อยๆ ของแนน กลีบแนนอ้าวกว้างรับเอ็นผม มันแน่นจนผมกลัวว่าร่องแนนจะฉีก ผมกดเอ็นเอาไปสุดลำ แนนร้องโอ๊ะออกมา
ผมเริ่มสาวเอวเริ่มจากช้าจนเร็ว เสียงไข่ผมกระแทกก้นแนนดัง ตับ ตับ ตับ แนนครางเสียวลั่นสะบัดหัวไปมา ผมเองก็เสียวแต่ยิ่งกระแทกก็ยิ่งมันส์ ผมกระแทกแรงขึ้นเรื่อยๆ แนนต้องอาปากค้างหลายครั้งตอนที่หัวบานผมกระทุ้งเข้าที่มดลูกเธอข้างซ้ายทีขวาที เราทั้งคู่ทั้งเจ็บทั้งเสียวแต่มันก็ไม่สามารถที่จะหยุดอารมณ์ของเราที่กำลังเตลิด
“โอ้วววว โอ้ยยยยยย ลึกๆ ค่ะพี่บี โอ้ววววว ลึกๆ ค่ะ” แนน
ผมได้ยินแนนขอให้กระแทกลึกๆ ผมก็ยิ่งกระแทกเอ็นจนมิดด้ามทุกครั้ง จนแนนลิ้นห้อยออกมาเธอหน้าแดงสายตาเหมือนคนกำลังเคลิมฝัน ร่องสาวแนนกระตุกไม่หยุด ผมเห็นลิ้นแนนดูน่าเลียดีผมเลยโน้นตัวแนบแผ่นหลังแนนแล้วใช้แค่เอวกระแทก แนนหันมาเลียปากผม ผมเองก็แลบลิ้นเลียลิ้นเธอ เราใช้ลิ้นกันไปมาจนน้ำลายเราทั้งคู่เลอะไปทั่วแก้มแนน
ผมจับเอวแนนไว้แล้วดึงตัวเธอขึ้นแนนเอาแขนมาเกาะแขนผม ผมยกตัวเธอขึ้นจากโต๊ะทำงาน แนนรีบเอาขาหนีบเอวผมไว้ จากนั้นผมก็เริ่มโหย่งตัวเธอเพื่อกระแทกเอ็นในท่า ลิงอุ้มแตง รีเวิรส แนนร้องลั่น ท่านี้ถึงจะกระแทกเอวได้ไม่ถี่นักแต่ว่าการกระแทกแต่ละครั้งมันแทบจะเหมือนเบื้องล่างเราแนบสนิดเป็นร่างเดียวกัน ผมเล่นท่านี้อยู่นานทำเอาแนน สติเตลิดเธอร้องเรียกผมว่า ผัวขา ผัวขา ทุกครั้งที่ผมอัดเอ็นเข้าไปจนสุดลำ
พอผมเริ่มเมื่อยผมก็พาเธอไปที่โซฟาแล้ววางเธอลงผมกดตัวเธอไว้จับให้ขาเธอชิดกันจากนั้นผมก็เริ่มกระเด้าเอวจนร่างเราทั้งคู่เด้งอยู่บนโซฟา แนนครางเสียวเหมือนจะขาดใจ จนในที่สุดเธอก็ร้องโอ้ยยยย ขึ้นสวรรค์ไปอีกครั้ง ผมรีบถึงเอ็นออกมาดังผัวะ จากนั้นก็กดมันเข้าไปที่ประตูหลังของแนน
“โอ้ยยยยยยย ฉีกแล้วพี่บี โอ้ววววววว แนนเสียวว” แนน
ผมเริ่มกระเด้าเอวใส่รู้ก้นแนนแรงๆ เร็ว แนนซูดปากไม่หยุด บ้างครั้งเธอก็หันหน้ามาแลบลิ้นให้ผมเอาลิ้นพันกับเธอนอกปาก ผมเร่งกระเด้าเอ็นกับรูก้นฟิตๆ ของแนนได้ไม่นานผมก็ทนไม่ไหว ผมอันมันเข้าไปจนสุดแล้วปล่อยให้กันกระตุกปล่อยน้ำกามอัดใส่รูก้นแนน แนนร้อง อา อา อา ตามจังหงะการฉีดน้ำกามของเอ็นผม
เราสองคนนอนคลอเคลียกนบนโซฟาต่อ
“น้องช้ำหมดแล้ว ทำน้องแบบนี้เดี๋ยวน้องก็หลวมก่อนได้เข้าหอซิค่ะ” แนน
ที่พูดแนนทำเอาผมรู้สึกดีใจมากที่เธอคิดจะแต่งงานกับผม ทั้งๆ ที่ก้อยกับเจนเองบอกว่าจะอยู่กับผมแต่พวกเธอก็ยังไม่รับปากเรื่องแต่งงาน
“ไม่ช้ำหรอก เดี๋ยวถ้าหลวมจะพาไปทำรีแพรดีไหม”
“คนบ้า ใครจะกล้าให้คนอื่นมาดูตรงนั้นหละค่ะ” แนน
ผมกับแนนออดอ้อนกันซักพักก็เริ่มรอบสอง แต่ครั้งนี้เราทำกันเน้นๆ เนิบๆ จนเสร็จ จากนั้นเราก็ไปอาบน้ำด้วยกัน เสร็จแล้วเราก็ออกมาทำกับข้าวเย็นกินกันสองคน แนนดูสดชื่นขึ้น ผมค่อยหายห่วงหน่อย แต่พรุ่งนี้ผมก็ต้องปล่อยให้เธออยู่คอนโดคนเดียวอีกแล้ว
“พี่บี พรุ่งนี้แนนจะชวนพี่ก้อยมาเล่นเกมด้วยนะ” แนน
“เอาซิ แต่พี่ก้อยเค้าจะเหนื่อยหรือเปล่า พี่ไม่รู้นะ”
“ไม่เหนื่อยหรอก กับข้าวก็ไม่ต้องทำ แค่มาเล่นเป็นเพื่อนแนน แล้วยังได้เจอพี่บีอีก พี่ก้อยต้องอยากมาแน่ๆ” แนน
“ก็ลองชวนซิ พี่จะได้ไปรับพี่ก้อยตอนเย็น”
“ค่ะ งั้นแนนต้องซ้อมไว้ก่อนเดี๋ยวแพ้พี่ก้อย” แนน
แนนไปเปิดเครื่อง wii เล่นผมเลยนั่งดูข่าวจากในคอมไม่อยากไปแย่งทีวีกับแนน คืนนั้นแนนเล่นจนเหนื่อย พอเข้าห้องนอนเธอก็หลับปุ๋ย ผมเลยไม่ได้ทำอะไรเธออีกเพราะสงสาร
เช้าวันรุ่งขึ้นแนนก็เบี้ยวไม่ยอมไปมหาลัยอ้างว่าปวดเมื่อย ผมเลยต้องปล่อยให้เธออยู่ที่ห้อง ไม่รู้เพราะเห่อเกมหรือว่ากลัวที่ต้องขับรถไปเองกันแน่
ระหว่างที่ผมขับรถมาทำงานผมก็แอบนึกขำท่าทางของแนนตอนเล่นเกม และก็อดอมยิ้มไม่ได้ที่แนนพูดเรื่องเข้าหอ ไม่ใช่แค่แนนที่รู้สึกดีขึ้นแฮะ ตัวผมเองก็ไม่รู้สึกหายเหงาแล้วเหมือนกัน
วันนี้ผมเลยไม่ได้แอบดูหงส์เหมือนอาทิตย์ที่แล้ว แล้วผมก็ไม่ได้แกล้งออกมาไล่รุชเวลามายืนคุยกับหงส์ แนนโทรมาหาผมบอกว่าก้อยยอมมาค้างด้วยวันนี้ให้ผมไปรับ ผมเลยโทรไปหาก้อยเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเหนื่อยแต่ขัดแนนไม่ได้
“ไม่เหนื่อยหรอ รู้หรือเปล่าว่าตัวเล็กชวนไปทำอะไร”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะพี่บี ก้อยรู้แล้วหละค่ะแนนบอกแล้วว่าจะชวนเล่นเกม wii หรืออะไรนี่แหละ” ก้อย
“แหมปล่อยให้เด็กนำเล่นอีกแล้วนะเรา”
“ไม่หรอกค่ะ ก้อยรู้สึกว่าแนนเค้าเหงาๆ ก็เลยอยากไปเจอ” ก้อย
“นั่นซินะ เจนก็กลับไปเรียนแล้ว หงส์เองก็คงไม่ไปค้างกับเราอ“นั่นซินะ เจนก็กลับไปเรียนแล้ว หงส์เองก็คงไม่ไปค้างกับเราอีกแล้ว” “พี่บีเสียใจหรอค่ะที่หงส์ไม่ไปอยู่ด้วยแล้ว” ก้อย “เออ เปล่านะ ทำไมพี่ต้องเสียใจด้วยหละ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะก้อยเข้าใจ พี่บีอย่าฝืนความรู้สึกเลย” ก้อย “พี่ก็ไม่ได้ฝืนอะไรนี่” “เอาเถอะค่ะ เอาไว้ก้อยไปหาคืนนี้ก้อยจะช่วยปลอบใจที่โดนสาวทิ้งนะค่ะ” ก้อย “สาวทิ้งอะไรก้อย เดี๋ยวเถอะคืนนี้จะไม่ยอมให้นอนเลย” “ให้จริงเถอะค่ะ ก้อยจะรอนะค่ะเย็นนี้เจอกัน” ก้อย “ครับเย็นนี้พี่ไปรับเวลาเดิมนะ บาย” “บายค่ะ” ก้อย ผมวางสายจากก้อยไม่นาน หงส์ก็โทรมาบอกว่าพี่คมเรียกให้ผมขึ้นไปหา ผมก็รีบขึ้นไปหาแกทันที “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ทำไมเรียกผมแต่เช้า” “มีซิวะ แกดูนี่ซิ” พี่ผมยืนเอกสารมาให้ผมดู “นี่มัน แผนงานของบริษัทคู่แข่งเรานี่ครับ พี่ได้มายังไง” “ได้มายังไงไม่สำคัญแต่แกดูซิ ตรงแผนผังผู้บริหาร” พี่คม “โหนี่คุณวิบูลย์คุมหมดเลยนี่ครับ แทบจะไม่ต้องขออนุมัติใครเลยถ้าจะใช้เงินทำอะไร” “ใช่ แบบนี้ถ้ามันคิดจะใช้บริษัทคู่แข่งมาแก้แค้นเราเรื่องที่เราทำให้มันชวดเงินร้อยล้านไป มันก็ทำได้โดยไม่มีใครขัดขวาง” พี่คม “ก็จริงครับพี่แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับที่มันจะล้างแค้นเรา บริษัทเราเองก็มั่นคงไม่แพ้บริษัทนั้นเหมือนกัน” “เออมันก็จริงๆ นี่พี่ไพศาลฝากมาบอกว่าให้แกศึกษาเรื่องหุ้นของบริษัทฯ ด้วยนะ ไหนๆ เค้าก็ติดตั้งเครื่องให้แกแล้วใช้ประโยชน์หน่อย” พี่คม “โหพี่ผมเอาไว้เปิดหนังโป๊ดูไม่ได้เอาไว้ดูหุ้น” ผมแกล้งแหย่พี่คม “ไอ้บ้า เรียกกูไปดูบ้างซิ” พี่คม “พี่ผมล้อเล่น” “กูก็ล้อเล่น กูจะดูทำไมเมียกูเด็ดกว่าเยอะ” พี่คม “เหอๆ เดี๋ยวผมออกไปบอกพี่นุ่นให้นะ” “ไอ้บ้าหาเรื่องให้กูโดนด่า” พี่คม “ว่าแต่พี่สองคนแต่งงานกันแล้ว ทำงานด้วยกันแบบนี้มันจะดีหรอครับ” “เออ พี่นุ่นกำลังจะย้ายไปเป็นผู้จัดการแผนกอื่นแล้ว” พี่คม “พี่ก็มีเลขาใหม่ซิ แบบนี้ผมก็ต้องมาหาบ่อยๆ” “พอเลยมึง เด็กกูห้ามยุ่ง” พี่คม “โหพี่งกจัง” “พี่มึงยังห้ามกูยุ่งกับเด็กมึงเลย” พี่คม “โหจำได้อีก” “เออ ไม่มีอะไรแล้วมีเรื่องบอกแค่นี้แหละ อย่าลืมหละศึกษาเรื่องหุ้นไว้หน่อย อ้อไม่แน่แกอาจจะต้องรับพนักงานที่เก่งเรื่องหุ้นมาทำฝ่ายแกซักคนสองคนด้วยนะ” พี่คม “พี่ นี่ผมทำงานสองฝ่ายแล้วนะ จะเพิ่มเป็นสามฝ่ายเลยหรอ โหแบบนี้เงินเดือนแค่นี้คงไม่พอยาไส้นะเนี่ย” “หน่อย มึงกูรู้นะว่าเงินเดือนมึงตอนนี้เท่าไหร่ เลี้ยงเด็กนักศึกษาได้เป็นโหลเลยมั้ง ทำเป็นไม่พอยาไส้ ได้เงินเยอะก็ต้องทำให้คุ้มโว้ย” พี่คม “โหพี่ รู้สึกผมจะคุ้มอยู่คนเดียวเลยนะ” “เอออย่าบนเลยเดี๋ยวก็ได้เพิ่มอีกทำๆ ไปเหอะมึงเมียเยอะต้องใช้เงินเยอะ” พี่คม “นั่นซินะพี่ เหอๆ งั้นผมไปดีกว่าก่อนจะได้งานเพิ่มอีก” “เออไปได้แล้วไป” ผมยังไม่รู้สึกว่าคุณวิบูลย์จะทำอะไรบริษัทฯ ผมได้อย่างที่พี่คมกลัว แต่ผมก็คงต้องเริ่มศึกษาเรื่องเล่นหุ้นกับเขาซะแล้ว ผมควรเริ่มยังไงดีนะ ผมคิดว่าน่าที่จะลองไปดูสถานที่ที่เค้าเล่นหุ้นกันจริงๆ ว่าเป็นยังไง ช่วงบ่ายผมเลยไปลองไปที่ตลาดหลักทรัพย์ดู และเพื่อให้ดูดีผมเลยใส่สูทเข้าไป พอดีมีการจัดสัมมนาเรื่องการซื้อขายหุ้นอยู่พอดีแต่คนที่จะเข้าไปฟังได้ต้องเป็นคนที่มีบัตรเชิญเท่านั้น ผมอยากจะเข้าไปแต่ก็มีบัตรไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ผมได้แต่เดินไปเดินมาที่หน้าทางเข้า คิดว่าเดี๋ยวพอเริ่มสัมมนาแล้วคนเฝ้าคงไม่อยู่ผมจะได้ถือโอกาสเข้าไป แต่พองานเริ่มคนเฝ้าหน้าทางเข้าก็ยังไม่ไปไหนเหมือนจะกำลังรอใครอยู่ ผมกำลังคิดว่าจะลองไปขอเข้าไปข้างในดู เท่าที่เห็นคนน่าจะมากันไม่มากนักยังไงก็คงมีที่ว่างให้ผมนั่งฟังได้ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้เดินเข้าไปถามคนเฝ้า ก็มีเด็กสาวในชุดนักศึกษาคนนึงวิ่งมาหาผม “ขอโทษนะค่ะที่ให้รอ เชิญค่ะ” นักศึกษาสาว “เออคือ” “สัมมนาเริ่มแล้วค่ะ เชิญค่ะ” นักศึกษาสาว ผมเดินตามเธอเข้าไป เธอคงคิดว่าผมเป็นคนอื่นแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรผมเองก็อยากจะเข้าไปอยู่แล้ว “นี่นะค่ะลำดับการขึ้นพูด เดี๋ยวจูนจะเป็นคนมาบอกพี่เองนะค่ะพอถึงตอนที่พี่ต้องขึ้นไปพูด” จูน “เออ คือ” เด็กสาวไม่ฟังผมเธอเดินไปหาแขกท่านอื่น ผมคิดในใจว่าซวยแล้วทำไงดีหละเนี่ย น้องจูนคิดว่าผมเป็นคนที่จะมาพูดในงานสัมมนานี้ทำให้เธอพาผมเข้ามา ผมก็แค่อยากมาฟัง ถ้าต้องขึ้นไปพูดผมจะพูดอะไรหละเนี่ย ผมนั่งฟังสัมมนาไปก็กังวลไปกลัวว่าถึงเลาผมต้องขึ้นไปพูดผมจะบอกจูนยังไงดี เธอคงโกรธผมแน่ๆ ที่ทำให้เธอเข้าใจผิด และแล้วเวลานั้นก็มาถึง จูนมาหาผมและบอกว่าผมต้องพูดเป็นคนต่อไป “อะไรนะค่ะพี่ไม่ใช่พี่ไม่ใช่คนที่จะมาขึ้นพูดหรอค่ะ” จูน “พี่ขอโทษจริงๆ นะพี่แค่อยากเข้ามานั่งฟังแต่พี่ไม่มีบัตรเชิญ พอน้องจูนเรียกให้พี่ตามเข้ามาพี่เลยปล่อยเลยตามเลย” “พี่ต้องรับผิดชอบนะค่ะ พี่ต้องขึ้นไปพูด ไม่งั้นหนูตกวิชานี้แน่ๆ” จูน จูนบอกว่าการสัมมนานี้เป็นวิชานึงที่เธอเรียนถ้ามันล้มเธอจะพลอยตกไปด้วย ผมเลยยืนยันกับเธอว่าผมจะขึ้นไปพูดและไม่ทำให้เธอต้องตกวิชานี้แน่ๆ แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรดี ผมควรทำยังไงดี ถึงผมจะกล้าขึ้นไปพูดแต่เดี๋ยวผมพูดคนละเรื่องกับเรื่องการซื้อขายหุ้น และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องขึ้นไปพูด ผมพยายามเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะคิดเรื่องที่จะพูดให้ได้มากที่สุด ผมเดินไปจนถึงข้างเวที ผมรู้สึกว่ามือผมเหงื่อออกท่วม ผมค่อยก้าวไปทีละก้าวช้า เพื่อยื้อเวลาในการคิดเรื่องพูด แต่แล้วผมก็ก้าวมาถึงบันไดข้างเวที แล้วก็มีเสียงที่ผมรู้จักดังขึ้น “อ้าวพี่บีก็มางานนี้หรอครับ เดี๋ยวผมมาคุยนะถึงคิวผมพูดพอดี รถติดมากเลยนึกว่าไม่ทันซะแล้ว” ตวง ตวงแย่งขึ้นไปบนเวที ผมได้แต่ยืนงงมองดูตวงขึ้นไปแล้วก็เริ่มพูด พอผมรู้สึกตัวก็รีบเดินกลับไปนั่งที่เดิม น้องจูนเดินมาทางผมแล้วยิ้มให้ ผมเองก็โล่งใจที่ไม่ต้องขึ้นไปพูด เพราะไม่รู้ว่าผมจะพูดอะไรออกมาบ้างจะทำงานเค้าล้มหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตวงพูดจบก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังที่จัดไว้ ตวงมองมาทางผมแล้วโบกมือให้ ผมนั่งฟังสัมมนาต่ออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจนผมรู้สึกง่วง ผมปิดปากหาวแล้วก็เห็นมือขาวๆ คู่นึงส่งแก้วกาแฟมาให้ ผมเงยหน้ามองเป็นน้องจูนนั้นเอง ผมรับแก้วกาแฟจากเธอมือผมสัมผัสกับมือเธอ มันเหมือนมีไฟฟ้าสถิต ทำให้เราทั้งคู่ต้องรีบดึงมือออกห่างกัน จูนยืนข้างๆ ผมระหว่างนั้นเธอก็ชวนผมคุยไปด้วย เธอนั่งไม่ได้เพราะว่าเธอต้องคอยดูแลแขกและมีอาจารย์คอยดูอยู่ แต่เธอก็แกล้งทำเป็นยืนดูแขกและแอบคุยกับผมไป “นึกว่าจูนจะต้องตกวิชานี้ซะแล้วนะค่ะ” จูน “พี่ขอโทษจริงๆ นะพี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกจูนจริงๆ” “ไม่เป็นไรค่ะ พี่เองก็แสดงให้จูนเห็นแล้วว่าพี่รับผิดชอบที่ทำให้จูนเข้าใจผิด นี่ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงไม่กล้าที่จะขึ้นไปพูดหรอกนะค่ะ” จูน “ก็มันเป็นทางเดียวนี่ครับที่จะไม่ทำให้งานล้ม” “ใครบอกหละค่ะ จริงๆ จูนก็แค่บอกว่าคนที่จะขึ้นพูดยังไม่มาขอให้คนอื่นขึ้นพูดแทนก่อนแค่นี้ก็จบ” จูน “อ้าวแล้วทำไมน้องจูนไม่บอกพี่หละครับตอนที่อาสาขึ้นไปพูด” “จูนเห็นพี่น่ารักดีค่ะ แล้วเห็นพี่อยากจะรับผิดชอบ จูนก็เลยแกล้งพี่เล่นหนะค่ะ” จูน “โหแกล้งแรงนะครับพี่เกือบจะเป็นลมแล้วรู้หรือเปล่าตอนที่พี่กำลังจะก้าวขึ้นเวที ถ้าตวงไม่มาซะก่อนพี่คงได้ขายหน้าคนทั้งที่สัมมนานี้แน่ๆ” จูนหัวเราะเบาๆ เธอดูน่ารักดีเหมือนกัน ผมชักจะเริ่มนิสัยไม่ดีอีกแล้วซิ ผมเริ่มสังเกตหุ่นจูน ถึงเธอจะผอมๆ บางแต่ตรงนั้นอูมมากจนเห็นเป็นลูกดันออกมาที่ด้านหน้ากระโปรงของเธอ มันคงจะนิ่มมากถ้าได้ซุกหน้าเข้าไป “พี่รู้จักพี่ตวงด้วยหรอค่ะ” จูน “ครับก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน” “แล้วพี่สนใจเรื่องหุ้นหรอค่ะ” จูน “พี่โดนเจ้านายให้มาศึกษาหนะ ไม่รู้ว่าจะศึกษายังไงก็เลยขับรถมาที่นี่เลย” จูนหัวเราะอีกแล้ว ผมนึกในใจอย่าทำแอ๊บนักซิน้องเดี๋ยวพี่ก็อดใจไม่ไหวพาไปปล้ำซะหรอก “จูนเรียนมาด้านนี้และก็พอจะเล่นหุ้นเป็นนะค่ะ คุณพ่อเปิดพอร์ทให้ จูนสอนให้พี่ก็ได้นะ” จูน “จริงหรอครับดีเลย” เหอๆ ดีเลยเดี๋ยวพี่จะตอบแทนให้สาสมกันโคกอูมๆ น่าฟัดของน้องเอง ผมเริ่มจีบจูนไปเรื่อยๆ จนจบงานสัมมนะจูนแอบให้เบอร์ผม ผมเลยให้นามบัตรเธอ จูนตกใจพอเห็นนามบัตรผมเธอไม่คิดว่าผมจะมีต่ำแหน่งใหญ่ในบริษัทฯ ชื่อดังทั้งๆที่ผมยังดูหนุ่มอยู่ ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับตวงเพราะดูเหมือนตวงจะเป็นคนมีชื่อเสียงทางการซื้อขายหุ้นมีนักข่าวรอสัมภาษณ์กันหลายคน “พี่ขับรถมาใช่ไหมค่ะ” จูน “อ้อครับ ทำไมหรอ” “จูนขอติดรถไปด้วยนะค่ะ รอจูนแป๊บนะค่ะ จบตอนที่ 8 ตอนนี้ไม่มีอะไรมากแค่คิดว่าเจนน่าสงสาร แทบไม่มีบทเลย พูดก็ไม่ทันคนอื่น เลยขอส่งเธอกลับไปเรียนต่อซะคราวนี้เจอกับเจนอีกทีคือจบจริงๆ แล้วนะ ช่วงนี้ยังคิดเนื้อเรื่องต่อไม่ค่อยออก ดันคิดตอนที่ข้ามไปออกซะนี่ แย่จริงๆ ยังไงรอกันหน่อยนะครับจะพยายามเข็นมาลงต่อเนื่อง ปล ผมแต่งก้อยแบบ remake and director cut ไว้ 1 ตอน อยู่ใน Blog ใครอ่านแล้วเมนท์หน่อย จริงๆ ว่างๆ ก็นั่งแก้ไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ลงต่อรอดูคนอ่านก่อน เรื่องคล้ายเดิมแต่รายละเอียดไม่เหมือนเดิมแน่นอน และไม่มีเสียว 55 ขออีกเรื่องครับ Blog ผมถ้าแค่เข้าไปอ่านไม่ต้องสมัครก็ได้ครับ แต่ใครสมัครก็จะมีข้อความเชียร์ให้ร่วมงานนะ ทำใจหน่อย ขอบคุณเพื่อนที่คอยให้กำลังใจและติดตามผลงานมาตลอดครับ