แฝดอันตราย ตอนที่50
แต่จากประสพการณ์ที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างโชกโชนของนายพลเดช ทำให้เขาปักใจเชื่อว่า ฉัตรชัยคนที่อยู่กับ
แอนนี่บุตรสาวของตนเองนั้นหาใช่นายฉัตรชัยตัวจริงแต่อย่างใด เพราะจากพฤติกรรมที่เขาแสดงออกมาด้วยการเดินเข้า
มาติดบ่วงกามของแอนนี่อย่างง่ายๆนั้น หาใช่วิสัยของนายฉัตรชัยตัวจริง
เพราะทั้งที่ก่อนหน้านั้น นายพลเดชเคยให้ลูกสาวตนเองอ่อยให้ท่าให้ทางมานานเกือบปียังไม่เคยสำเร็จ เพราะวิสัยแท้จริง
ของนายฉัตรชัยนั้นหาใช่คนที่มีตัณหาราคะแต่อย่างใด อีกทั้งล่วงรุ้ดีว่ามล.ลาวัลย์คุ่หมั้นสาวของนายฉัตรชัยนั้นทั้งสาวทั้ง
สวยทั้งมีชาติตระกูลดีเพียงใด จึงค่อนข้างมั่นใจว่านายฉัตร
ชัยคงไม่กล้าทิ้งคุ่หมั้นมายอมจดทะเบียนสมรสกับลุกสาวตนเอง
ง่ายๆ แบบนี้แน่
แต่ในระหว่างที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด นายพลเดชจึงสั่งให้แอนนี่และเทวัญคอยจับตาจับผิดสังเกตุอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่ง
ให้เทวัญกำชับไปยังลูกสมุนพยายามหาตัวคุณหมิวและฝาแฝดอีกคนที่อยู่กับเธอให้พบ และถ้าได้จังหวะให้จับตัวมากักขัง
ไว้ในเซฟเฮ้าส์ก่อน จากนั้นก็เร่งเรื่องการจัดส่งไม้พยูงกับยาบ้าล็อตใหญ่ให้เร็ววันขึ้น ด้วยความระแวงกลัวว่าแผนการณ์ที่
วางไว้จะโดนขัดขวางไปเสียก่อน
หลังจากที่บรรดาลูกสมุนของเทวัญได้รับคำสั่งของเจ้านาย ต่างก็ตระเวนขับรถตามหาในย่านรังสิตและสถานที่ใกล้เคียง
กันอย่างเร่งรีบ แต่ก็คราดกันกับฉัตรชัยและคุณหมิวหลังจากที่รอจนกว่าสองชั่วโมงผ่านไป จึงกลับไปที่ร้านปะยางและนำรถ
ที่ได้รับการแก้ไขเสร้จแล้ว ขับออกมาจากที่นั้นแล้วตรงกลับมาที่บ้านของตนเองทันที
หลังจากกลับมาเปลี่ยนรถที่บ้านจากรถกระบะของน้องชายเป็นรถเบ็นซ์ของตนเองได้แล้ว พบว่าที่บ้านเงียบเชียบไร้วี่แวว
ของหวานและป้าแจ่ม จึงสันนิษฐานว่าทั้งสองคนคงอยู่กับมารดาตนเองที่โรงพยาบาล ฉัตรชัยจึงขับรถออกไปส่งคุณหมิว
ที่บ้านของเธอก่อน
ทางด้านสมุนของเทวัญหลังจากตระเวณตามหาย่านรังสิตและใกล้เคียงไม่พบวี่แววของฉัตรชัยและคุณหมิว จึงแบ่งกำลัง
ออกไปดักซุ่มโป่งที่บ้านของฉัตรชัยและคุณหมิวเพื่อดักรอ ในขณะที่ฉัตรชัยขับรถออกมาพ้นปากซอยบ้านนั้นเพียงคล้อย
หลัง กำลังส่วนหนึ่งของสมุนนายเทวัญก็เลี้ยวรถเข้าไปในซอยบ้านของฉัตรชัยเช่นเดียวกัน แต่กำลังอีกส่วนหนึ่งไปดักรอ
ที่บ้านของคุณหมิวเรียบร้อยแล้ว โดยที่ฉัตรชัยและคุณหมิวไม่มีโอกาศรับรู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้สักนิด
ขณะที่ขับรถมาตามทางถึงทางแยกสามแพร่งนั้นคุณหมิวได้บอกกับฉัตรชัยสามีตนเองให้จอดส่งเธอที่แยกนี้ดีกว่า เพราะถ้า
ไปส่งที่บ้านต้องย้อนมาอีกไกลกว่าจะถึงโรงพยาบาล ซึ่งเป็นคนละเส้นทาง ด้วยรู้ดีว่าใจของสามีนั้นเป็นห่วงอยากพบหน้า
มารดาเต็มทน เฉกเช่นเดียวกับตนที่อยากพบบิดามารดาเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอกที่รัก..พี่ขับไปส่งคุณหมิวก่อนค่อยย้อนมาก็ได้ครับ…”
ฉัตรชัยพยายามทัดทานเมียสาว แต่คุณหมิวกลับส่ายหน้ายืนกรานว่าเธออยากแวะไปพบเพื่อนๆที่ทำงานก่อน เพราะลา
พักร้อนมาหลายวันแล้ว เกรงว่าจะมีงานด่วนรอให้สะสาง ซึ่งล้วนเป็นข้ออ้างทั้งสิ้น ด้วยเธอเกรงใจฉัตรชัยว่าจะลำบากขับ
รถย้อนไปย้อนมา เมื่อเมียสาวยืนยันเช่นนั้น ฉัตรชัยจึงจำต้องจอดรถให้คุณหมิวลงก่อนถึงสามแยกข้างหน้า จากนั้นตนเอง
ก็ขับรถเลี้ยวซ้ายไปหามารดาที่โรงพยาบาล แล้วนัดกันไว้ว่าตอนเย็นๆจะไปรับเธอที่บ้าน
หลังจากที่คุณหมิวแยกทางกับฉัตรชัยแล้ว เธอก็เรียกรถรับจ้างให้ไปส่งที่บ้านทันที ด้วยความคิดถึงบิดามารดาเต็มที่ จนรถ
รับจ้างมาจอดที่หน้าประตูรั้วอัลลอยด์บานใหญ่ คุณหมิวจ่ายค่าโดยสารแล้วรีบลงจากรถ หลังจากที่รถรับจ้างขับออกไปนั้น
ก็มีรถตู้สีเทาติดฟิลม์หนาทึบขับเข้ามาจอดขวางหน้าประตูรั้ว แล้วชายฉกรรจ์สองคนทีเปิดประตูด้านข้างของรถวิ่งตรงมา
หาคุณหมิวพร้อมฉุดกระชากร่างเพรียวสูงของเธอขึ้นรถได้ก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วทันที โดยไม่มีใครสามารถรับรู้จุดหมาย
ปลายทางของรถตู้คันนั้น
เมื่อคุณหมิวโดนฉุดกระชากลากตัวขึ้นมาอยู่บนรถตู้ฟิลม์หนาทึบนั้น เธอตกใจจนหวีดร้อง แต่ก็โดนมือหยาบใหญ่เหม็นหืน
จากกลิ่นบุหรี่ ยกมาปิดปากเธอแน่นพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกคนช่วยกันล็อคแขนของเธอไว้ แล้วอีกคนที่อยู่บนรถรีบหาผ้ามา
มัดปากเธอไว้แน่น จากนั้นก็เอาถุงผ้ามาสวมหัวเธอไว้
“นั่งไปดีๆ..อย่าคิดหนี …”..
เสียงห้าวๆออกคำสั่งกับคุณหมิว จนเธอตกใจกลัวลนลานนั่งเงียบไปตลอดทางพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างขวัญกระเจิง
รถตู้ขับวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ช่วงแรกๆคงอยุ่ในเมื่อง เพราะคุณหมิวรับรู้จากการที่รถขับๆติดๆหยุดๆ แต่ระยะหลังๆรถวิ่งไป
ได้เรื่อยๆ จนคุณหมิวแน่ใจว่าคงกำลังออกนอกเมือง นานมากจนเธอเริ่มรุ้สึกเมื่อ่ย สักพักรถจึงจอดลง จากนั้นคุณหมิวก็ถูก
จูงลงมากจากรถ มันเปิดถุงคลุมศรีษะเธอออก
คุณหมิวจึงเห็นว่าชายฉกรรจ์หน้าตาเหี้ยมๆนั้นมีด้วยกันสี่คน สองคนเดินกระหนาบประกบจับมือเธอเดินเข้าไปในตึกเก่าๆ
สูงสามชั้น รอบๆบริเวณมีรั้วกำแพงคอนกรีตเก่าๆสูงๆ สูงกว่าบ้านโดยทั่วไป จากนั้นคนที่เดินตามหลังก็โทรศัพท์เสียงพุด
แว่วๆ ที่คุณหมิวพอจับใจความได้คือการบอกให้เจ้านายของพวกมันรับรู้ว่าพวกมันจับตัวคุณหมิวได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่
สามารถรับรุ้ได้ว่าพวกมันจับตัวเธอมาด้วยเหตุผลใด
จนกระทั่งชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนพาคุณหมิวเข้ามาในตึกเก่าๆนั้นแล้ว ก็จับเธอไปขังไว้ในห้องเล็กๆที่ชั้นบนสุดของตัวตึก รอบๆ
ห้องมีหน้าต่างบานเล็กๆเพียงบานเดียว แต่ติดเหล็กดัดไว้แน่นหนา ภายในห้องมีเตียงเหล็กเก่าๆกับฟูกบางๆสกปรกๆอยุ่
เพียงแค่นั้น
“ทำตัวดีๆ ..อย่าคิดหนี..แล้วจะไม่ต้องเจ็บตัว..เข้าใจมั๊ย…” เจ้าสมุนโจรหน้าเหี้ยมคนหนึ่งทีมีรอยสักเต็มแขนทั้งสองข้าง
ร้องสั่งคุณหมิวเสียงดัง จากนั้นมันก็แก้ผ้าผูกปากเธอออก
“พวกแกต้องการอะไร…รุ้มั๊ยว่าชั้นเป็นใคร…”
ทันทีที่ปากคุณหมิวเป็นอิสระ เธอรีบร้องถามพร้อมขู่ให้พวกมันเกรงกลัวด้วยเธอคิดว่าบิดาของตนเองเป็นถึงวุฒิสมาชิก
ย่อมต้องมีบารมีจนทำให้พวกโจรกระจอกที่หวังจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่เกรงกลัวได้บ้าง
“พวกกูรุ้หมดแหละว่าพ่อมึงเป็นใคร มึงเป็นใคร ไม่ต้องมาขู่พวกกูหรอกโว๊ย ฮาๆๆๆๆ ”
ไอ้คนหน้าเหี้ยมที่มีรอยสักเต็มสองแขน ดูเหมือนเป็นหัวหน้าของอีกสามคนพูดขึ้นพร้อมพากันหัวเราะเยาะเย้ย เหมือน
เป็นเรื่องขำขันสำหรับพวกมัน..
“แล้วพวกแกจับชั้นมาเรื่องอะไร จะเอาค่าไถ่ใช่มัย…”
คุณหมิวกัดฟันข่มความกลัวสอบถามออกไป เพื่ออย่างน้อยเธอจะได้รู้บ้างว่าที่เธอถูกจับตัวมานั้นด้วยสาเหตุใด ด้วยเกรงว่า
พวกชายฉกรรจ์กลุ่มนี้จะเป็นพวกนักข่มขืนหื่นกาม แต่ถ้ามันจับเธอมาเรียกค่าไถ่ อย่างน้อยเธอก็ยังคงปลอดภัยจนกว่าพวก
มันจะได้รับเงินค่าไถ่ตัวของเธอจากบิดา
“อย่าเสือกถามมากนัก ตอนเย็นๆก็จะรู้เองแหละว่าเจ้านายพวกกุจับมึงมาเพราะเรื่องใด…นั่นห้องน้ำอยุ่ทางนั้น ถ้าอยากทำ
ธุระก็เชิญ…อ่อ..มีโทรศัพท์ติดตัวมาหรือเปล่า ถ้ามีก็ส่งมาดีๆ ไม่งั้นจะให้ไอ้ดาวค้นตัว”
พอมันพูดจบก็แบมือยื่นมาตรงหน้าคุณหมิว แต่คุณหมิวส่ายหน้า เพราะโทรศัพท์ของเธอล่วงหล่นกับพื้นตอนที่โดนฉุดตัวมา
จากหน้าบ้านแล้ว แต่มันกลับไม่เชื่อ สั่งสมุนที่ชื่อดาวให้ค้นตามตัวคุณหมิว
เลยเป็นโอกาสให้ไอ้ดาวฉวยโอกาศล่วงเกินลูบคลำตามสะโพกอวบผายของคุณหมิวเพื่อค้นหาโทรศัพท์ คุณหมิวต้องกัด
ฟันอดกลั้นความหวาดกลัวและขยะแขยงกับมือหยาบๆใหญ่ๆ ที่ลูบคล้ำไล้ไปตามโค้งสะโพกช้า ๆ พอไม่เจอสิ่งใด พวกมัน
ก็พากันออกไปจากห้องแล้วล็อคกุญแจที่ด้านนอก ทิ้งให้คุณหมิวยืนเก้กังอยู่ตามลำพัง ยิ่งคิดถึงอนาคตที่ยังไม่รุ้ว่าเหล่าโจร
กลุ่มนี้ต้องการสิ่งใดในตัวเธอ คุณหมิวก็ยิ่งหวาดกลัวจนน้ำตาไหลอาบแก้ม สวดมนต์ภาวนาขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง
ตัวเธอให้ปลอดภัย