แฝดอันตราย ตอนที่31
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นฉัตรชัยเตรียมตัวออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อเข้ากรุงเทพ ด้วยความรู้สึกห่วงกังวลเรื่องของแม่กับคุ่หมั้น ครั้งแรก
กะว่าจะเดินทางไปตามลำพัง แต่เมื่อเตรียมตัวเสร้จเรียบร้อยกลับเปลี่ยนใจ สอบถามหวานว่าถ้าทิ้งบ้านไปสักวันจะมีอะไร
ลำบากยุ่งยากมากมั๊ย
“คงไม่เป็นไรหรอกจ๊ะพี่…รอหวานให้อาหาร
พวกสัตว์เลี้ยงก่อน ก็ไปได้จ๊ะ…”
หวานตอบเรียบๆแล้วอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ฉัตรชัยจะพาเข้าไปกรุงเทพด้วย เพราะเป็นครั้งแรกของเธอที่จะได้เหยี่ยบย่างเข้า
ไปในเมืองหลวงของประเทศไทย แม้ว่าจังหวัดที่หวานอยู่จะไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนักก็ตาม แต่สามีของเธอก็ไม่เคย
พาออกไปไหน
หลังจากหวานเสียเวลากับการจัดการเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเธอไม่นานนักก็เรียบร้อย เธอพยายามเลือกชุดที่ดูดีที่
สุดเพื่อสวมใส่ไปกับฉัตรชัยไปหาแม่สามีของเธอเป็นครั้งแรก ฉัตรชัยมองตามร่างน้องสะใภ้แล้วรู้สึกเอน็จอนาจใจ นึก
ตำหนิน้องชายฝาแฝดของตนว่า ทำไมจึงไม่ใส่ใจเรื่องความเป็นอยู่ของเมียและบ้านเสียมั่งเลย แต่ฉัตรชัยก็ไม่ได้พูด
อะไรไปด้วยเกรงว่าจะยิ่งไปตอกย้ำความรู้สึกด้านไม่ดีกับตัวน้องชายเกินไปนัก
หลังจากนั้นอีกร่วมสองชั่วโมงที่รถกระบะเก่าๆของน้องชายพาทั้งสองคนเข้ามาถึงเขตุชานเมืองกรุงเทพ เริ่มมีศูนย์การค้า
ใหญ่โต ตึกรามบ้านช่องที่ล้วนเป็นตึกสูงๆ หวานนั่งมองผ่านกระจกรถด้วยสายตาตื่นเต้น
“พี่จ๊ะ…ถ้าไปถึงบ้านแล้ว เอ้อ….แม่..เอ้อ…จะไม่รังเกียจหวานหรอคะ…” หวานถามฉัตรชัยที่นั่งขับรถมาเงียบๆ อย่างมีสมาธิ
“ไม่หรอกจ๊ะ…แม่พี่ใจดี..หวานไม่ต้องกังวล…” ฉัตรชัยพูดพร้อมมองเสื้อผ้าที่หวานสวมใส่ เพราะคิดว่าหวานกังวลในเรื่องนี้
“เอ่อ…..หวานไม่ได้กังวลเรื่องการแต่งเนื้อตัวของหวานจ๊ะ…ตะ…แต่หวานกลัวเรื่องของพี่กับหวานน่ะจ๊ะ…”
พอหวานพูดขึ้นมาฉัตรชัยก็นึกขึ้นได้ว่า จริงของหวาน เธอคงลำบากใจที่จะแนะนำตัวเองว่าเป็นลูกสะใภ้ของลูกชายคน
ไหนกันแน่..แม้หวานจะเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ได้อ้างสิทธิ์ของความเป็นเมียฉัตรชัยก็ตามที แต่ชายหนุ่มกลับคิดถึงเรื่อง
ความรับผิดชอบที่ตนเองกระทำลงไป
“หวานอย่าลืมสิจ๊ะ….ว่าขณะนี้พี่คือชัดชาย สามีของหวานนะจ๊ะ…”
ฉัตรชัยเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาบ้าง สำหรับแม่นั้นคงไม่กระไรนักด้วยว่าท่านรู้เรื่องการเปลี่ยนตัวสลับตัวของนายชัดชายกับ
เขา แต่กับคนอื่นๆนั้น ไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้เลยโดยเฉพาะคุณหมิวคุ่หมั้นของเขา
“ถ้าเผอิญเจอคนที่รู้จัก…พี่ก็จะแนะนำว่าหวานคือเมียของพี่ พี่เป็นฝาแฝดกับนายฉัตร เข้ามาเยี่ยมคุณแม่…”แม้ฉัตรชัยจะ
บอกหวานไปแบบนั้น แต่ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เจอคนรุ้จักเลยดีกว่า
เวลาผ่านไปอีกชั่วโมงกว่า ๆ ฉัตรชัยก็ขับรถเข้ามาในซอยที่บ้านของตนเองอยู่ ครั้งแรกเขาขับรถผ่านหน้าบ้านไปก่อนรอบ
หนึ่ง เพื่อสังเกตุภายในบ้านที่ดูเงียบสงบกว่าปรกติ จนวนกลับมาอีกครั้ง จึงบอกให้หวานลองเดินไปดูที่หน้าประตุบ้านว่า
ภายในเป็นอย่างไร
“แล้วคนในบ้านจะไม่คิดว่าหวานเป็นสายขโมยหรอจ๊ะพี่….ที่ไปเยี่ยมๆมองๆบ้านน่ะ…” หวานย้อนถามกลับมาขณะที่กำลัง
ก้าวเท้าลงจากรถกระบะ…
“หวานแค่ไปมองดูที่จอดรถก็พอว่ามีรถอยู่กี่คัน…คือพี่ไม่อยากเจอนายชัดเค้าในตอนนี้น่ะ…”
“จ๊ะ…” หวานรับปากจากนั้นก็เดินไปหน้าบ้านของชายหนุ่ม เดินเมียงมองผ่านเข้าไป แล้วเดินกลับมาหาฉัตรชัยที่รถอีกครั้ง
“มีสองคันจ๊ะพี่ สีขาวกับสีดำ..” หวานบอกแล้วทำให้ฉัตรชัยมั่นใจว่านายชัดไม่อยุ่บ้านแน่ๆ คงเอารถสปอร์ตสีแดงของ
ตนเองไปขับเล่น และขณะนี้ก็คงไม่ได้อยู่ในบ้าน..
.
“ดีละ…งั้นหวานไปกดกริ่งที่ประตุรั้วนั้นนะ แล้วถามหาคุณนายแจ่มจรัส บอกกับคนในบ้านว่าหวานมาจากชัยนาท แค่นั้นพอ”
“แล้วถ้าเขาให้หวานเข้าไปหาคุณแม่ละคะ…จะให้หวานบอกว่ายังไง….” หวานมีสีหน้าหวาดหวั่นเมื่อพูดจบ
“ถ้าเจอแม่…หวานบอกว่ามากับพี่…เดี๋ยวคุณแม่คงจัดการเองได้ว่าควรทำอย่างไร…”
หลังจากหวานเดินไปกดกริ่งที่ประตุรั้วบ้าน รอสักพักฉัตรชัยก็เห็นป้าแจ่มเดินมาที่ประตุรั้ว จากนั้นก็พูดคุยกับหวานอยู่
สักพักหวานก็รีบเดินกลับมาที่รถด้วยสีหน้าตื่นๆ ใบหน้าซีดขาว
“พี่จ๊ะ…ไปโรงพยาลกัน…คุณแม่อยู่ที่นั่น…”
หวานพูดจบก็หน้าซีดขาวจนฉัตรชัยหวาดวิตกว่าคงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับมารดาของตนเป็นแน่ หลังจากสอบถามชื่อ
โรงพยาบาลกับหวานแล้ว ฉัตรชัยก็รีบขับรถออกไปทันที
พอมาถึงโรงพยาบาลหลังจากที่ฉัตรชัยสอบถามกับประชาสัมพันธ์จึงได้ทราบว่ามารดาของตนนั้นเพิ่งย้ายออกมาจากห้อง
ไอซียู มาอยู่ที่ตึกผู้ป่วยจึงรีบพาหวานไปหา ขณะที่รอกดเรียกลิฟท์อยู่ที่ชั้นล็อบบี้นั้น พอลิฟท์เปิดออกมาฉัตรชัยถึงกับ
สะดุ้งเมื่อมองเห็นสาวสวยที่ลงมากับลิฟท์นั้นคือคุณหมิวคู่หมั้นของตนนั่นเอง ดีแต่ว่าขณะนั้นคุณหมิวยืนก้มหน้าอยู่เลย
ไม่ทันแลเห็นฉัตรชัยที่จูงมือของหวานรอขึ้นลิฟท์ ฉัตรชัยรีบปรับสีหน้าให้เป็นปรกติทำเหมือนตนเองไม่เคยรู้จักคุณหมิว
มาก่อน พอคุณหมิวเงยหน้าขึ้นมอง ก็ตกตะลึงที่เห็นคุ่หมั้นของตนเองจับจูงมือสาวอีกคนยืนอยุ่หน้าลิฟท์
“คุณพี่…”
เสียงคุณหมิวร้องทัก แต่ฉัตรชัยทำเป็นไม่รุ้เรื่องไม่รู้จัก เดินสวนเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับจูงมือหวานเข้าไปด้วย แต่หวาน
กลับหน้าซีดเผือดมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงสาวสวยสง่างามที่ร้องทักฉัตรชัยเมื่อครู่นี้ จนมือเล็กๆของเธอที่ฉัตรชัยกุม
อยู่สั่นสะท้านพร้อมเย็นเฉียบ ส่วนคุณหมิวถึงกับทะลึงจนหน้าสวยหวานของเธอเหว๋อ ที่คุ่หมั้นหนุ่มทำเหมือนไม่รู้จักเธอ
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ประตุลิฟท์ก็ค่อยๆปิด
ฉัตรชัยถอนหายใจอย่างโล่งอก จนลิฟท์ขึ้นไปถึงชั้นที่มารดาพักอยู่ ฉัตรชัยรีบจุงมือของหวานเดินเข้าไปหาทันที ด้าน
คุณหมิวที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์ชั้นล็อบบี้ เริ่มงุนงงสงสัย กับผู้ชายที่เดินสวนเข้าลิฟท์ไปเมื่อสักครู่นั้น คือฉัตรชัยคู่หมั้นของ
เธออย่างแน่นอน แม้เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่จะดูแปลกหูแปลกตาไปบ้างก็ตามที เธอจึงยืนรอเรียกลิฟท์ลงมาอีกครั้ง ทั้งๆที่
ตั้งใจจะกลับไปบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เพราะตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเธออยุ่รอเฝ้าว่าที่แม่สามีของเธอจนกระทั่ง
คุณหมอนำตัวออกมาจากห้องผ่าตัด แล้วเธอเองเป็นคนจัดการเรื่องห้องพักฟื้นให้กับคุณนายแจ่มจรัสเองทั้งหมด โดย
ที่ไม่รู้ว่าฉัตรชัยคู่หมั้นหายตัวไปไหน แต่พอตอนนี้คุณหมิวกลับเห็นเขาเดินจุงมือหญิงสาวดูชาวบ้านๆเข้ามาหาคุณ
นายแจ่มจรัสอีกครั้ง
ฉัตรชัยกับหวานเข้ามาในห้องพักฟื้นของมารดา เห็นสายน้ำเกลือกับสายอ๊อกซิเย็นระโยงระยางอยุ่ที่ตัวมารดา ส่วนที่
แขนขาก็มีเผือกดามไว้ รอบๆศรีษะพันผ้าขาวไว้แน่นหนา
“แม่….”
ฉัตรชัยเรียกมารดาเสียงดัง แล้วเดินไปเกาะขอบเตียงมารดายืนนิ่งน้ำตาคลอเบ้า แต่นางยังหลับสนิท ลมหายใจระรวย
รินช้าๆ พยาบาลที่ยังยืนอยู่ภายในห้อง รีบเดินเข้ามาหาฉัตรชัยแล้วกระซิบบอกให้เบาเสียงลงหน่อย สักครุ่เธอก็เดิน
ออกไปจากห้อง พร้อมกับที่คุณหมิวเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
“คุณพี่คะ…หายไปไหนทั้งคืน…แล้วผู้หญิงคนนี้ ใครคะ”
เสียงที่เคยหวานไพเราะของคู่หมั้นสาวนั้น ครั้งนี้กลับดูกระด้างซีเรียส เธอมองหน้าฉัตรชัยสลับกับใบหน้าของหวาน
แล้วคิ้วเรียวงามก็ขมวดมุ่น ในขณะที่ฉัตรชัยพยามยามปั้นสีหน้าเสมือนว่าไม่เคยรู้จักคุณหมิวมาก่อน ส่วนหวานนั้นหลบ
ไปยืนอิงแอบด้านหลังของฉัตรชัยด้วยหวาดกลัวจนใบหน้าที่ขาวซีด
ฉัตรชัยพยามคิดอย่างรวดเร็วกับสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ว่าจะบอกความจริงทั้งหมดกับคู่หมั้นเลย
หรือว่าจะค่อยบอกทีหลัง ด้วยว่าสองวันที่ผ่านมานั้นฉัตรชัยไม่แน่ใจว่าน้องชายฝาแฝดของตนกับคุณหมิวพบกันบ้างหรือ
ยัง แต่ในที่สุดฉัตรชัยก็ตัดสินใจที่จะยังไม่ยอมบอกความจริง
“เอ่อ…ขอโทษครับ…คุณคงจำคนผิด ผมชัดชาย….เป็นฝาแฝดกับพี่ฉัตรน่ะครับ”
ฉัตรชัยพูดจบก็ก้มหน้าหลบซ่อนสายตาไม่กล้าสบสายตากับคุณหมิว ทางด้านคุณหมิวพอได้ยินชัดเต็มสองหู เธอก็งุนงง
ด้วยไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุ่หมั้นของเธอนั้นมีคู่แฝด พร้อมกับไม่อยากเชื่อคำพูดของเขา แต่ครั้นพอนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เมื่อวานที่คุ่หมั้นของเธอรุ้เรื่องมารดาประสพอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลนั้น ไม่เห็นมีทีท่ารู้สึกรู้สาแต่อย่างใด จนคุณหมิว
ขัดใจในทีท่าของเขา แต่พอกลับมาวันนี้ ชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นคุ่แฝด กลับมีทีท่าห่วงกังวลในอาการของคุณนาย
แจ่มจรัสต่างกับเมื่อวาน ใจคุณหมิวเลยเริ่มลังเลว่าหรือชายหนุ่มคนนี้จะพูดความจริงที่ว่าเขาเป็นน้องชายฝาแฝดกับ
คุ่หมั้นของเธอ
อีกทั้งสาวชาวบ้านที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังนั้น ดูอาการตื่นกลัวลักษณะบอกชัดเจนว่าคงเป็นภรรยาของเขา ซึ่งไม่มีทาง
เป็นไปได้ที่คุ่หมั้นของเธอจะเลือกสาวชาวบ้านแบบนี้มาเป็นภรรยาทั้งๆที่ตนเองมีคู่หมั้นเป็นสาวสวยเพรียบพร้อมไป
ด้วยคุณสมบัติของกุลสตรี
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ…มะกี้บอกว่าเป็นน้องชายฝาแฝดกับคุณพี่ฉัตรหรอคะ…”