XO ตอนที่ 30 – ก้าวหน้า

XO ตอนที่ 30 – ก้าวหน้า

XO ตอนที่ 30 – ก้าวหน้า

             ……………………………   ‘สำเร็จภารกิจ รักษาพ่อแม่ของลิลลี่ ได้รับค่าชื่อเสียง 2,000 หน่วย’
‘ได้รับ ลิลลี่ หนึ่งในห้าสาวงามประจำเมืองเลอองนิสต์เป็นทาสรัก’
‘กรุณาติดต่ออาคารของระบบเพื่อรับของรางวัลค่ะ’
‘ได้รับร้านเสื้อผ้าลิลลี่บิวตี้เป็นทรัพย์สินจากทาส กรุณาเปิดหน้าจอระบบส่วนอสังหาริมทรัพย์เพื่ออ่านและจัดการรายละเอียดของร้าน’

ข้อความของระบบในคราวนี้มีของแปลกใหม่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะในส่วนของกรรมสิทธิ์ของร้านค้า หากทว่าแม็กยังไม่ว่างจะเปิดดูรายละเอียด เพราะต้องรีบหาผ้ามาคลุมร่างเปลือยเปล่าของลิลลี่เสียก่อน เนื่องจากตอนนี้สตรองและสองลูกสมุนบีหนึ่งบีสองก็ยืนถลึงตามองสาวสวยร้านขายเสื้อจนอิ่มเอมเปรมปรีย์ไปตาม ๆ กัน

ตอนนี้ลิลลี่ที่สวยติดอันดับหนึ่งในห้าของเมืองเลอองนิสต์นอนสติหลุดลอยหลับตาพริ้มถ่างขาอ้าซ่า อวดเรือนกายขาวโพลนที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเม็ดเหงื่อ ทรวงอกอวบอิ่มเด้งสะท้านขึ้นลงตามจังหวะการหอบกระเส่า เสน่ห์แห่งเรือนกายที่หนุ่ม ๆ
ใฝ่ฝันอยากครอบครองยั่วเย้าจนสามเกรียนบ้าพลังตื่นตัวแข็งโด่ไปตาม ๆ กัน

“จุ๊ ๆ ลิลลี่สวยเด็ดจริง ๆ หุ่นอวบกว่าที่คิดนะเนี่ย ลูกพี่โคตรเทพ ได้ฟาดน้องลิลลี่คนสวยตัวท๊อปติดอันดับหนึ่งในห้าของเมือง ต่อเลยก็ได้นะครับลูกพี่ไม่ต้องเกรงใจพวกผม พวกผมจะยืนดูเงียบ ๆ”

สตรองสูดปากด้วยความเสียดายเมื่อแม็กหยิบเอาผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่มากนักมาห่มผ้าคลุมกายให้ลิลลี่ ไอ้บ้ากล้ามหันมายกนิ้วโป้งให้ แล้วมองดูแม็กด้วยดวงตาวิบวับชื่นชมจริงจัง นั่นคล้ายกับสายตาของเด็กผู้ชายที่มองดูซุปเปอร์ฮีโร่ในดวงใจก็มิปาน

แม็กพยายามมองดูเพื่ออ่านความคิด แต่เขาพบว่าเขาไม่ค่อยแน่ใจนัก เขายังไม่เข้าใจว่าสตรองคิดยังไงถึงได้มาเรียกหาเขาเป็นลูกพี่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็คงไม่เหมาะหากจะให้พวกนี้เห็นของดีของลิลลี่มากเกินไป

“อะแฮ่ม พอแล้ว ให้ลิลลี่ได้พักหน่อย นี่มันครั้งแรกของเธอ ว่าแต่พวกแกมาที่นี่ทำอะไร?”

“พวกผมก็มาจีบน้องลิลลี่ตามปกตินั่นล่ะครับลูกพี่ นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นฉากเด็ด ของแท้มันต้องแบบนี้นี่เอง จัดกันกลางร้านแบบนี้เลย”

“มาจีบ?”

“ใช่คร้าบลูกพี่ พวกผมตามจีบน้องเค้ามาสองปีแล้ว แต่น้องเค้ายังไม่เล่นด้วยสักที ลูกพี่เพิ่งเข้ามาเล่นเกมแวบเดียวก็จับกินซะแล้ว เลื่อมใส ๆ”

“หือ เดี๋ยวนะ แล้วพวกแกรู้ได้ไง ว่าเพิ่งเข้ามาเล่น?”

“ก็รู้จากเกตนั่นล่ะครับลูกพี่ ทีแรกที่ผมโดนยิงจนต้องเข้าโรงพยาบาล ผมก็เตรียมแก้แค้นนึกว่าลูกพี่เลเวลสูงกว่า แต่พอเกตบอกว่าลูกพี่เพิ่งเข้ามาเล่นเกม ผมก็เลยอึ้งไม่นึกว่าจะแพ้คนเพิ่งหัดเล่น พอเห็นลูกพี่ไปประมูลสาวหักหน้าไอ้เจ้าชายกวนทีนนั่นแบบออกสื่อ ผมก็เลยประทับใจ รีบมาสมัครเป็นแฟนคลับลูกพี่ทันทีเลย แล้วตอนนี้ก็ไม่ผิดหวังได้เห็นเต็มตาเลย ฮ่า ฮ่า”

สตรองพูดจาเขื่องโขราวกับภาคภูมิต่อตำแหน่งลูกน้องอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ขยับไปถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่เก่าซอมซ่อราวกับเป็นเจ้าของสถานที่ ส่วนบีหนึ่งและบีสองนั้นขยับไปยืนด้านหลังทำท่าเหมือนองครักษ์คุ้มครอง

แม็กขมวดคิ้วไม่เข้าใจ อาจบางทีเขาไม่ค่อยถนัดในการอ่านใจผู้ชายเท่ากับผู้หญิง แต่เขากลับรู้สึกว่าที่สตรองพูดนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหก เพียงแต่หากที่พูดออกมาเป็นความจริงทั้งหมด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าวิธีคิดของสตรองน่าจะมีปัญหาอยู่บ้างไม่น้อย

“เรื่องแค่นั้น แล้วก็มาเรียกเป็นลูกพี่เลยงั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่เรื่องแค่นั้นซิลูกพี่ นี่มันสุดยอดไปเลยนา ทีแรกผมจะแอบดักกระทืบลูกพี่เสียหน่อย แต่พอผมแอบสืบประวัติลูกพี่มาแล้ว ในโลกจริงลูกพี่ฟาดสาว ๆ ตัวท๊อปมาแล้วเป็นร้อย แถมยังรวยโคตร ๆ อีกต่างหาก ล่าสุดก็เพิ่งจัดหมิวที่ผมตามจีบอยู่ไปอีกคน ผู้ชายหื่นตัวพ่อฟันไม่ยั้งแบบนี้แหละเหมาะเป็นลูกพี่พวกเราสามเกรียนมาก”

“… เอ่อ … ถ้าพวกแกหวังจะมามีส่วนแบ่ง ขอบอกไว้ก่อนนะอย่าหวัง”

แม็กฟังแล้วก็อึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะแปลความไปอีกแบบ เขาคิดว่ามีความเป็นไปได้ ที่ไอ้บ้ากล้ามสามคนนี้จะมาเกาะติดเขาเพื่อหวังจะเคลมสาวในฮาเร็ม ซึ่งนั่นไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด

“โอย เรื่องนั้นถ้าลูกพี่ให้ผมก็เอาแหละ แต่ว่าพวกผมอยากได้สุดยอดหื่นตัวพ่อมาช่วยสอนวิชาเปิดโลกทัศน์ให้พวกเรามากกว่า”

“… สอนวิชา? … เอ่อ … อ้าว … ลิลลี่ฟื้นแล้วเหรอ ไปแต่งตัวใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนไป”

แม็กขมวดคิ้วไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่จังหวะนั้นลิลลี่ดูจะเริ่มได้สติคืนมา เธอยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองพวกสามเกรียนด้วยท่าทีขัดเขิน แม็กจึงเดินเข้าไปช่วยใช้ผ้าขนหนูห่อร่างเปลือยของเธอให้กระชับ แล้วประคองพาเธอมานั่งบนตักในขณะที่เขานั่งบนโซฟาด้านตรงข้ามสตรอง

ลิลลี่หน้าแดงก่ำกว่าเดิมเมื่อโดนจัดแจงให้นั่งบนตักของเขา แต่ก็ไม่ได้ประท้วงขัดขืนอะไร นอกจากพยายามใช้มือจับรั้งดึงชายผ้าขนหนูทั้งบนและล่างไม่ให้เปิดเผยเรือนร่างเนื้อตัวออกมามากเกินไปนัก กระนั้นผ้าขนหนูสีขาวนั้นก็ผืนไม่ใหญ่มากนัก พอดึงด้านล่างก็เปิดด้านบนจนเห็นร่องนม พอดึงไปด้านบนก็เปิดด้านล่างจนจุดสำคุญอยู่รำไร

“พวกแกมาตอแยลิลลี่กี่ครั้งแล้วเนี่ย?”

แม็กโอบแขนกอดรัดหน้าท้องของลิลลี่พร้อมกับวางคางลงบนหัวไหล่กลมกลึง ที่เขาตัดสินใจทำแบบนี้เพราะอยากลองทดสอบอะไรบางอย่างกับพวกเกรียนบ้ากล้ามทั้งสาม จะอย่างไรนี่ก็เป็นเกมที่ให้การคุ้มครองต่อผู้เล่นและ NPC เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเมือง แต่หากเป็นในชีวิตจริง เขาคงไม่กล้าทำเรื่องเสี่ยงแบบนี้

“เอ่อ … ก็หลายครั้งอยู่ครับลูกพี่ … แต่ไม่ใช่แค่พวกผมหรอก คนเยอะแยะแหละ ทั้งผู้เล่น ทั้ง NPC แวะมาจีบลิลลี่กันเพียบ แต่ว่าหลัง ๆ เธอไม่ค่อยได้เฝ้าร้าน มีแต่ป้าแก่ ๆ ก็เลยเงียบลงสักหน่อย พวกผมเองก็นาน ๆ จะแวะมาทีนึงเผื่อโชคดี แล้วลูกพี่มาจีบลิลลี่กี่ครั้งแล้วครับ พวกเราไม่เห็นเคยเจอลูกพี่เลย”

สตรองตอบพลางกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก สามเกรียนบ้ากล้ามนั้นถลึงตามองเรือนร่างของลิลลี่แบบแทบไม่กระพริบตา ซึ่งหากในแง่มุมหนึ่งแล้ว อาจจะดูเหมือนไร้มารยาท หากทว่าในอีกแง่มุมหนึ่งนั้น คนพวกนี้ดูจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา และไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมากนัก ซึ่งนั่นทำให้แม็กรู้สึกไว้ใจพวกนี้ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

“เพิ่งมาครั้งแรกน่ะ จะซื้อเสื้อผ้าอะไรนิดหน่อย”

แม็กตอบด้วยท่าทีครุ่นคิดถึงอุปนิสัยของคนพวกนี้ และดูเหมือนว่าจะยังโชคดีที่พวกสตรองไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรในร้านเสื้อผ้า ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะปิดปากคนพวกนี้เรื่องชุดหนังสีดำที่เขาซื้อจากลิลลี่ได้

“โห ครั้งแรก ก็ได้ฟันลิลลี่สาวชาวบ้านตัวท๊อปหนึ่งในห้าของเมืองเลย สุดติ่งกระดิ่งแมวจริง ๆ ลูกพี่ทำได้ไงเนี่ย สอนพวกผมบ้างซิ”

สตรองส่งเสียงโห่ร้องชื่นชมยินดี เช่นเดียวกับลูกสมุนบีหนึ่งบีสอง ที่ยิ่งมองดูเขาเหมือนพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าเดิมเสียอีก ตอนนี้แม็กจึงยิ่งเริ่มไว้ใจขึ้นอีกส่วนหนึ่ง เพราะในแววตานั้นไม่มีเค้าของความอิจฉาในทางร้ายให้เขาเห็น

หลังจากการสนทนานั้น แม็กพบว่าพวกสตรองเพียงหวังติดสอยห้อยตามเพื่อเรียนรู้วิชาจีบสาว รวมทั้งสาบานว่าจะไม่รุกเข้าใส่ผู้หญิงด้วยท่าทางคุกคามแบบที่ผ่านมาอีก แม็กจึงยังปล่อยให้อยู่ในสถานะลูกพี่ลูกน้องแบบนี้ไปก่อน เพราะเขาเองก็ไม่ได้มีอะไรจะเสียหายมากมาย และอาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากสามเกลอบ้าพลังได้ในอนาคต

แม็กสนทนากับสตรองอีกระยะหนึ่ง ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของลิลลี่ เธอเริ่มขยับสะโพกยุกยิกบดเบียดกับเป้ากางเกงที่ยังแข็งโด่ของเขา ในขณะที่มือนุ่มนิ่มนั้นกำลังลูบไล้ไปตามท่อนขาของเขา และนั่นก็ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าลิลลี่มีอารมณ์ขึ้นมาอึกครั้งแล้ว

สามเกรียนบ้ากล้ามก็ดูจะสังเกตเห็นท่าทางของลิลลี่ได้ จึงพากันถลึงตามองดูยิ่งกว่าเดิม ท่าทีของพวกนั้นทำให้แม็กแอบยิ้มขบขัน แต่ในขณะเดียวกันให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นลูกพี่ที่เอ็นดูลูกน้องอยู่

แม็กสนทนากับพวกสตรองต่อไป พร้อมกับอ้าปากงับไซร้ที่ซอกคอขาวผ่องจนลิลลี่สะท้านส่งเสียงคราง ในขณะที่มือข้างหนึ่งนั้นวางแหมะลงบนท่อนขาขาวแล้วลูบไล้ล่วงลึกมุดเข้าไปในชายผ้าขนหนู แล้วลากออกในลักษณะหวาดเสียวเหมือนจะโดนจุดสำคัญ

ลิลลี่โดนกระตุ้นจนอารมณ์ปั่นป่วน แต่ก็ยังไม่กล้าออกปากให้ช่วย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกสตรอง เธอเพียงแค่ขยับสะโพกบดใส่ความแกร่งกร้าวมากกว่าเดิม พร้อมกับจิกมือลงไปบนท่อนขาแข็งแรงของเขา

พวกสตรองรับชมฉากวาบหวิวจนปวดหนึบที่เป้ากางเกง ท่าทีเสนอสนองแต่เอียงอายของสาวชาวบ้านแสนสวยที่ตามจีบมานานนั้นกระตุ้นเร้าจนอารมณ์หื่นพุ่งพรวด พวกเขาได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ว่าลีลาเล้าโลมของลูกพี่นั้นร้ายกาจถึงเพียงไหน

“ใครสักคนไปแขวนป้ายปิดร้านหน่อยซิ เผื่อจะมีใครหลุดเข้ามากวนอีก”

แม็กยิ้มพลางออกคำสั่ง ซึ่งแฝดคนหนึ่งที่ไม่แน่ใจว่าเป็นบีหนึ่งหรือบีสองก็รีบทำตาม ป้ายเขียนคำว่าปิดร้านโดนเอาไปแขวนไว้ที่หน้าร้าน จากนั้นก็รีบวิ่งกลับมายืนประจำที่เดิมด้วยความคาดหวัง เพราะว่าแม็กไม่ได้ออกปากขับไล่ พวกสตรองจึงแปลความได้ว่าวันนี้พวกตนอาจจะได้เห็นหนังสดแบบชิดขอบจอ หรือดีไม่ดีก็อาจจะได้ลิ้มลองสาวชาวบ้านตัวท๊อปของเมืองเลอองนิสต์ก็เป็นได้

“กฎข้อหนึ่ง ห้ามทำรุ่มร่าม คนนี้ห้ามแตะ กฎข้อสอง ห้ามเปิดผ้าม่านออก ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไปซะ”

แม็กทำสีหน้าจริงจังกับสามเกรียนบ้าพลัง แล้วอุ้มลิลลี่ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อ ซึ่งห้องลองเสื้อที่ว่านี้มีเพียงผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มกั้นไว้เพียงหนึ่งชั้น แต่ก็มิดชิดจนมองไม่เห็นด้านใน

พวกสตรองย่อมผิดหวังอยู่บ้าง แต่ได้แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว พวกมันทั้งสามจึงรีบวิ่งแจ้นไปยืนใกล้กับผ้าม่านห้องลองเสื้อ แล้วเงี่ยหูฟังเสียงวาบหวิวจากด้านใน

เสียงแรกที่พวกมันได้ยินคือเสียงจ๊วบจ๊วบเหมือนดูดปาก จากนั้นก็เป็นเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของลิลลี่ เสียงนั้นเร้าอารมณ์จนพวกมันต้องบีบขยำเป้ากางเกงของตัวเอง

ในช่วงแรกนั้นลิลลี่ดูจะพยายามเก็บเสียงครางเอาไว้ แต่เมื่อพวกสตรองเริ่มได้ยินเสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังปั้กปั้กปั้กถี่ยิบ สาวชาวบ้านตัวท๊อปก็เริ่มหลุดส่งเสียงครางออกมาให้ได้ยิน พวกมันจึงเริ่มรูดกางเกงลงแล้วรูดถอกถี่ยิบ และพวกมันย่อมต้องกำลังจินตนาการว่าเป็นคนจัดการกับลิลลี่อย่างเร่าร้อน

เสียงหวีดเสร็จสมของลิลลี่ดังขึ้น พร้อมกับเสียงครางยาวหนักหน่วงของพวกสตรอง ขณะที่เธอเสร็จสม พวกมันทั้งสามก็ปลดปล่อยความใคร่ออกมาอย่างมากมาย จนเปรอะเลอะผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มเป็นทางยาว

สามหนุ่ม และหนึ่งสาวงามเสร็จสมไปแล้ว แต่ว่าเสียงเนื้อกระแทกเนื้อยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดลง พวกสตรองยืนฟังอีกครู่เดียวก็ตื่นตัวขึ้นมาอีกรอบ จึงพากันรูดถอกสาวมือเสร็จสมกันไปอีกคนละยกสองยก

แม็กจัดการจนลิลลี่เสร็จไปสี่ยก แล้วจึงค่อยเดินอุ้มลิลลี่ที่มีเพียงผ้าขนหนูห่อหุ้มตัวออกมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง ตอนนี้พวกสตรองก็ยิ่งมองเขาด้วยความเลื่อมใสกว่าเดิม และนั่นทำให้แม็กพอใจไม่น้อย เพราะสามเกรียนเชื่อฟังคำสั่งเขาเป็นอย่างดี หากเมื่อครู่พวกนี้ขัดคำสั่ง หรือมีเล่ห์เหลี่ยมอะไร เขาก็จะหาข้ออ้างตัดความสัมพันธ์ทันที

หลังจากนั่งพักเหนื่อยครู่หนึ่ง แม็กก็ถามอะไรบางอย่างเกี่ยวกับระบบเกม และเพิ่มชื่อพวกสตรองเป็นเพื่อนสำหรับการติดต่อในภายหลัง จากนั้นจึงออกปากไล่สตรองออกไปก่อน เพราะมีเรื่องที่ต้องสนทนากับลิลลี่เป็นการส่วนตัว

“ลิลลี่รับนี่ไว้”

“คะ?”

ลิลลี่ซึ่งมีผ้าขนหนูผืนใหญ่คลุมกายอยู่เพียงผืนเดียวถามด้วยความสงสัย เธอเอียงศีรษะทำท่างุนงงเล็กน้อยเมื่อแม็กยื่นเหรียญทองให้เธอกำใหญ่ ซึ่งนั่นนับเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย

“เอาไปปรับปรุงร้านให้ดูดีหน่อย แล้วก็เป็นทุนหมุนเวียนด้วย จะได้ขายดีกว่าเดิม อีกหน่อยพ่อกับแม่หายแล้วจะได้ค้าขายได้เต็มที่ ดูสภาพร้านแล้วน่าจะขาดแคลนเงินพอดูใช่มั้ยล่ะ?”

“ไม่ดีหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้ จะให้เอาเงินจากเทพธนูได้ยังไงคะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็ลิลลี่เป็นผู้หญิงของผมแล้วนี่นา”

แม็กพูดพลางหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ ลิลลี่จึงหน้าแดงด้วยความขัดเขิน

“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุด ที่เทพธนูรับข้าเป็นสตรีของท่าน”

“เป็นเกียรติอะไรกัน ผมแค่อยากทำให้ลิลลี่มีความสุข”

เขาเอ่ยคำหวานตามความเคยชิน ก่อนจะจัดการกระตุกปมผ้าขนหนูจนร่วงหล่นลงไปบนพื้นไม้เก่า ลิลลี่ส่งเสียงร้องอุ๊ยเล็กน้อย และรีบยกมือขึ้นปิดบังร่างกาย แต่ว่าเธอไม่ได้ขัดเขินมากนัก เพราะเวลานี้เธออยู่เพียงลำพังกับเทพธนูที่เธอหลงรัก

เพียงพริบตาเดียวร่างงามก็โดนจับหมุนมานั่งคร่อมหันหน้าเข้าหากัน เขากอดและจูบปากอย่างหนักหน่วง ทั้งยังบีบขยี้เคล้นคลึงไปตามเนื้อตัวจนร่างงามสั่นสะท้าน

“อืมมมม อืออออออ อืออออออ อูวววววว”

“รับไปเถอะ เงินนี่ใช้เพื่อฟื้นฟูร้าน พอได้กำไรแล้วค่อยคืนให้ผมอีกที เข้าใจนะ … ลิลลี่ลองขยับเองบ้างนะ”

ลิลลี่บิดกายสะท้านไหวอยู่ในอ้อมกอด เธอปฏิบัติตามคำสั่งขยับโยกสะโพกยุกยิก ก่อนจะกลืนกินของเขาเข้ามาในร่าง จากนั้นร่างงามก็กระตุกเฮือกเมื่อสะโพกขยับยกขึ้นลงตามสัญชาตญาณ เธอส่งเสียงหอบครางหนักหน่วงรับความกราดเกรี้ยวร้อนแรง มันคือความสุขหฤหรรษ์ที่เธอไม่เคยคิดฝัน

สาวชาวบ้านแสนสวยส่งเสียงหวีดร้องลั่นเมื่อเสร็จสม โซฟาไม้เก่าผุส่งเสียงประท้วงดังเอี๊ยดเอี๊ยดอย่างต่อเนื่อง หากทว่าสาวสวยยังคงไม่มีวี่แววว่าจะผ่อนเรี่ยวแรงกำลังลง ร่างอ้อนแอ้นบอบบางยังคงโยกขึ้นลงเสพสมกับความวาบหวามอย่างไม่หยุดยั้ง และกว่าที่เขาจะฉีดกระฉูดระบายความใคร่ออกมา ลิลลี่ก็สุขล้นจนตาปรือเหม่อลอยหมดเรี่ยวแรงสลบไสลไปอีกรอบเสียแล้ว

……………………………

‘ร่างไร้ชีวิตของ สการ์เล็ต เผ่าเทพ คลาส 5 เลเวล 512’
‘ร่างไร้ชีวิตของ รูบี้ เผ่าเทพ คลาส 5 เลเวล 504’
‘ร่างไร้ชีวิตของ อะเมธิส เผ่าเทพ คลาส 5 เลเวล 514’
‘ร่างไร้ชีวิตของ แซฟไฟร์ เผ่าเทพ คลาส 5 เลเวล 509’
‘ร่างไร้ชีวิตของ เพิร์ล เผ่าเทพ คลาส 5 เลเวล 513’

แม็กจัดวางร่างไร้ชีวิตของเผ่านางฟ้าทั้งห้าที่ยึดมาจากเนวาน่าลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ ทรวงอกอวบอิ่มเด้งสะท้านขึ้นลงตามจังหวะการหายใจราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่ หากทว่านั่นเป็นเพียงผลของทักษะลมหายใจนิรันดรที่เขามอบให้ ไม่ว่าพวกเธอจะดูเหมือนผู้หญิงธรรมดาเพียงใด แต่ว่าความจริงก็คือนี่เป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น

เขาจัดแขนขาพวกเธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็นของโรงแรมสุดหรูออกมาดื่มแก้กระหาย ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจัดการลิลลี่จนเธอสลบเหมือด เขาจึงอุ้มเธอไปนอนบนเตียง แล้วมาเช่าโรงแรมหรูหราราคาแพงเพื่อใช้เป็นที่พักในค่ำคืนนี้ ซึ่งการที่เขาเลือกโรงแรมหรู นอกจากจะเพราะความเคยชินจากชีวิตจริงและเรื่องการปกปิดความลับแล้ว ยังเป็นเพราะเขาต้องการสภาพฟื้นฟูพลังอันสูงลิ่วด้วยอีกทางหนึ่ง

แม็กจัดการปลุกศพเทพสาวทั้งห้าขึ้นมา แล้วสั่งการให้พวกเธอเปลี่ยนไปใส่ชุดหนังที่ซื้อมาจากร้านของลิลลี่ จากนั้นก็นั่งมองดูเทพสาวทั้งห้าถอดชุดวาบหวิวคล้ายชุดชั้นในออก แล้วสวมใส่ชุดหนังสีดำรัดรูปปิดเรือนร่างมิดชิดด้วยความเพลิดเพลินใจ

ภายหลังการสวมใส่นั้น พวกเธอดูเหมือนสายลับสาวสวยในภาพยนตร์ทั่วไป และเมื่อสวมใส่หมวกคลุมปิดบังเส้นผมรวมถึงใบหน้า ก็ทำให้ดูแทบไม่ออกแล้วว่านี่คือศพของเผ่าเทพ ยกเว้นก็แต่เพียงดวงตาที่ยังเป็นสีฟ้าอยู่

“เอาไว้ค่อยหาแว่นมาใส่ก็แล้วกัน … แล้วก็ต้องหาอาวุธให้ด้วย … อืม ถนัดใช้ดาบใหญ่กันหมดเลยเหรอเนี่ย อ้อ มีธนูด้วย”

แม็กพูดพึมพำพลางกดเปิดดูค่าสถานะของศพทั้งห้าอย่างละเอียด และเขาก็ได้พบว่าเทพสาวทั้งห้านั้นมีค่าพลังที่ค่อนข้างสมดุลย์ ค่าสถานะทางร่างกายแต่ละอย่างนั้นอยู่ที่ประมาณ 200 – 300 หน่วย ในขณะที่พวกทักษะนั้นพวกเธอก็มีคลับคล้ายกัน คือมีเวทย์แสงที่เน้นฟื้นฟู และเพิ่มสถานะเป็นหลัก รวมไปถึงมีการใช้อาวุธดาบใหญ่สองมือ ดาบมือเดียว โล่ป้องกัน คฑาเวทย์ และธนูที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วย

“อาวุธไว้ว่าง ๆ ค่อยซื้อ … เอาล่ะ คราวนี้มาลองของกันหน่อยดีกว่า”

เขาพูดพลางหยิบการ์ดสี่ใบออกมาวางบนเตียงที่ว่างอยู่ สองใบแรกคือเสื้อผ้าชุดหนัง ในขณะที่อีกสองใบนั้นก็เป็นร่างซากศพไร้ชีวิตของหญิงสาวเช่นเดียวกับเทพสาวทั้งห้า แต่ที่แตกต่างก็คือความงามที่สูงล้ำกว่าหลายขั้น

แสงสีขาวสว่างวาบเมื่อการ์ดถูกเรียกใช้ และเปลี่ยนไปเป็นร่างของสตรีสองนาง หญิงสาวคนแรกสวมใส่ชุดสีขาว ตลอดเรือนร่างมีแสงสีเงินห่อหุ้มเอาไว้ชั้นหนึ่ง ใบหน้าของเธอสวยหวานละลานตาจนหัวใจผู้คนแทบหยุดเต้น ผมและดวงตาของเธอมีสีฟ้าสวยงามดั่งสีน้ำทะเล ผิวกายขาวผ่องเปล่งประกายระยิบระยับสวยงาม ทรวงอกอวบอิ่มล้นทะลักดันเนื้อผ้าออกมาเป็นก้อนกลมดิก

ส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นสวมใส่ชุดหนังรัดรูปสีดำสั้นเต่อคล้ายบิกินี่ ตลอดเรือนร่างมีออร่าสีดำมืดห่อหุ้มไว้ทำให้แลดูมีเสน่ห์ลึกลับซึ่งตรงกันข้ามกับคนแรก ดวงตาและเส้นผมของเธอเป็นสีดำสนิท แต่ผิวกายนั้นขาวเนียนละเอียดไม่แพ้คนแรก แม้แต่สัดส่วนโค้งเว้าก็ล้นทะลักออกมาไม่แพ้กัน

‘ร่างไร้ชีวิตของ อะโฟรไดที เผ่าเทพ คลาส 9 เลเวล 945’
‘ร่างไร้ชีวิตของ แอสโมดิอุส เผ่าปีศาจ คลาส 9 เลเวล 947’

ศพทั้งสองนี้ก็คือศพของเทพมารโฟร์มด ซึ่งเขาได้รับมาในช่วงแรกที่เข้าเล่นเกมนั่นเอง ตอนนั้นเขาใช้มีดตัดวิญญาณแยกส่วนจิตวิญญาณออกมา เพื่อที่พวกเธอจะได้ถือกำเนิดใหม่กลายเป็นอีกคน ส่วนร่างที่ไร้วิญญาณนั้นก็ถูกใช้ลมหายใจนิรันดรเก็บรักษาเอาไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยเสื่อมสลาย ตอนนี้เขาจึงมีทั้งจิตวิญญาณสองดวงที่ยังไม่ถือกำเนิด และซากร่างที่ไร้วิญญาณสองร่างอยู่

แม็กก้มลงมองสองร่างนี้ด้วยความหลงไหล เพราะไม่ว่าจะมองดูยามไหน อะโฟรไดที และแอสโมดิอุส ก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันล้นเหลือ ตอนนี้พวกเธอคล้ายกับแค่นอนหลับไหลไปชั่วคราวเท่านั้น

เขามองด้วยความชื่นชม ก่อนจะขยับมือลงไปลูบไล้เนื้อตัวของสองเทพมารด้วยความหลงไหล ในขณะที่ร่างไร้ชีวิตนั้นแสดงอาการกระตุกสะท้านตอบสนองจนอารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน และแทบทานทนเก็บงำอารมณ์ใคร่เอาไว้ไม่อยู่

“เวรล่ะ ตอบสนองยังกับมีชีวิตแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เรื่องหรอก พอ ๆ เดี๋ยวทนไม่ไหว เผลอมีอะไรกับศพล่ะแย่เลย กลายเป็นไอ้โรคจิตแน่ ๆ”

แม็กสูดลมหายใจแล้วส่งเสียงห้ามปรามเตือนตนเอง จากนั้นจึงหันใช้ทักษะของผู้บงการศพ สร้างพันธะสัญญากับสองศพเทพมาร จากนั้นก็เริ่มทำการปลุกพวกเธอให้ฟื้นขึ้นมาในสภาพของอันเดทในบงการ

‘การบงการศพของอะโฟรไดทีไม่สมบูรณ์ ความสามารถของศพถูกจำกัดที่ระดับคลาสห้า และไม่สามารถใช้ทักษะประจำตัวได้ เนื่องจากค่าความฉลาดและเลเวลของผู้บงการยังต่ำเกินไป’
‘การบงการศพของแอสโมดิอุสไม่สมบูรณ์ ความสามารถของศพถูกจำกัดที่ระดับคลาสห้า และไม่สามารถใช้ทักษะประจำตัวได้ เนื่องจากค่าความฉลาดและเลเวลของผู้บงการยังต่ำเกินไป’

ค่าพลังเวทย์มนตร์ของแม็กซึ่งเกือบเต็มโดนสูบเกลี้ยงในคราวเดียว จากนั้นเทพมารแสนสวยก็ลุกขึ้นมายืนตามคำสั่งราวกับมีชีวิต หากทว่าการปลุกขึ้นมาบงการกลับไม่สมบูรณ์ ความสามารถของพวกเธอโดนจำกัดไว้ที่ระดับคลาสห้า แต่ก็มีค่าพลังเฉลี่ยที่ 350 – 400 ในแต่ละค่าสมรรถภาพ ซึ่งนับว่าสูงกว่าห้าเทพสาวอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากจะไม่สามารถปลุกความสามารถสุดแกร่งในระดับฟ้าถล่มดินทลายได้แล้ว แม็กยังพบว่าการรักษาสภาพบงการของพวกเธอทั้งสองยังสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงกว่าห้าเทพสาวเป็นเท่าตัว เพราะทั้งที่เขาอยู่ในโรงแรมหรูที่เพิ่มค่าพลังเวทย์สูงสุด และเพิ่มการฟื้นฟูมากกว่าปกติสามเท่า ค่าพลังเวทย์ที่มีอยู่หนึ่งหมื่นหน่วยก็ยังลดฮวบ ๆ จนเกือบหมดตลอดเวลา

นี่แปลความได้ว่าในสถานการณ์ปกตินั้น เขาจะไม่สามารถใช้งานพวกเธอทั้งเจ็ดได้พร้อมกัน ซึ่งนับว่าผิดแผนของเขาไม่น้อย และเขาอาจจะต้องใช้งานศพของห้าเทพสาวไปก่อน เพราะกินพลังเวทย์น้อยกว่ามากแบบครึ่งต่อครึ่ง

“อืม คงต้องคิดเรื่องเก็บเลเวลจริงจังบ้างล่ะมั้ง อย่างน้อยถ้าขึ้นคลาส 1 ได้ น่าจะดีกว่านี้”

แม็กบ่นพึมพำด้วยความเสียดายอีกครั้ง แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะนั่นเป็นข้อจำกัดของเขาเอง เขาจึงหันไปสำรวจไอเท็มประเภทต่าง ๆ อย่างละเอียด ก่อนจะพบว่าการ์ดสัตว์เลี้ยงเฟิ่งหวงนั้นอยู่ในสภาวะนอนพักผ่อน เนื่องจากมีค่าความเหน็ดเหนื่อยมากกว่า 50%

เขาเดาว่าความเหน็ดเหนื่อยนั่นคงเป็นเพราะการวิวัฒนาการ รวมไปถึงการหักโหมมีอะไรกับเขาไปหลายยก ราชินีวิหคเพลิงเฟิ่งหวงจึงต้องนอนพักนานพอดู

“เราเองก็ต้องพักบ้างนะ”

แม็กปลดเวทย์บงการศพ และเก็บศพทั้งเจ็ดเข้ากระเป๋ามิติในรูปแบบการ์ด ก่อนจะขยับไปบนเตียงนอนเพราะรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าเช่นกัน เพียงแต่แทนที่เขาจะนอนหงายลงไปบนเตียงตามปกติ เขากลับเลือกที่นั่งขัดสมาธิ แล้วหยิบเอาการ์ดจุติใหม่ของอะโฟรไดทีและแอสโมดิอุสออกมาถือ ก่อนจะทำการโคจรพลังปราณจักรวาล

ที่เขาทำเช่นนี้ เพราะรู้สึกได้ว่าการนั่งหลับพร้อมกับการโคจรพลังนั้นทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าการนอนหลับธรรมดาเสียอีก อีกทั้งประโยชน์ที่ได้อีกอย่างก็คือ เขาสามารถประจุพลังให้กับการ์ดจุติใหม่ได้ด้วยอีกทางหนึ่ง

ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาวะเคลิบเคลิ้มและดำดิ่งลงไปฝึกปรือฝีมือกับสุดยอดสาวงามนามไดโอนีในโลกแห่งความฝัน

………………………….

“ถือว่าโง่มากที่เคลื่อนไหวหลบแบบนั้น”

ไดโอนีผู้สืบเชื้อสายเผ่าไททันลำดับที่สิบสามกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฝ่ามือที่แลดูอ้อนแอ้นบอบบางนั้นเลอะไปด้วยเลือดสีแดงฉานเนื่องจากเพิ่งทะลวงทะลุร่างของแม็กไป แต่ว่าเพียงพริบตาเดียว รอยเลือดเหล่านั้นก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีก่อน ซึ่งความจริงมันก็ไม่เคยมีอยู่จริง เพราะนี่เป็นเพียงโลกแห่งความฝัน

“… ก็ไม่รู้นี่นาว่าจะต้องหลบแบบไหนน่ะ อยู่ในนี้พลังปราณก็ใช้ไม่ได้ ยังไงก็สอนกระบวนท่าหน่อยซิ”

แม็กพูดด้วยท่าทีอับจนปัญญา รูโหว่ขนาดใหญ่ตรงหน้าท้องของเขาเลือนหายไปแล้ว แม้แต่รอยเลือดก็เลือนหายไป หลงเหลือไว้แต่เพียงความเจ็บปวดและร้อนผ่าววูบหนึ่งตรงตำแหน่งนั้น

เมื่อเขาเข้ามาในความฝัน ไดโอนีก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากความ เธอแค่มองทักทายด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะเริ่มลงมือฆ่าเขาและฆ่าเขาโดยไม่มีท่าทีจะเบื่อหน่าย ซึ่งเขาได้ตายไปแล้วไม่ต่ำกว่าห้าสิบครั้ง แต่จำนวนที่แท้จริงคือเท่าไหร่นั้นเขาไม่ได้นับอย่างจริงจังนัก

แรกทีเดียวเขายังพอจะหลบหลีกได้บ้าง เพราะมีพลังปราณช่วยเสริมพลัง แต่ว่าไดโอนีโบกมือวูบเดียว เขาก็กลายเป็นไม่สามารถโคจรพลังปราณในโลกแห่งความฝันนี้ได้ และนั่นก็ทำให้เขาได้แต่ใช้กำลังกายตามปกติเข้ารับมือ ซึ่งผลก็คืออย่างที่เห็นกัน เขาตายจนนับครั้งไม่ถ้วน

“เจ้ายังอ่อนด้อยเกินกว่าจะใช้ของสูงอย่างพลังปราณ ส่วนกระบวนท่านั้นลืมไปได้เลย เพราะมันรังแต่จะเป็นตัวถ่วงในภายหลัง”

“ถ่วงยังไงล่ะ เห็นพูดกันแต่แบบนี้ ไร้กระบวนท่าบ้างล่ะ ไม่ยึดติดกับกระบวนท่าบ้างล่ะ แต่เกือบทุกคนก็มีกระบวนท่ากันหมดเลย ถ้ามันเป็นตัวถ่วง แล้วทุกคนจะเรียนรู้ท่วงท่าไปทำไม?”

แม็กพยายามถกเถียง ซึ่งความจริงเขาได้รับฟังคำสอนนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เพียงแต่จะอย่างไรเขาก็ยังไม่เข้าใจถ่องแท้นักว่าทำไมไดโอนีจึงไม่ยอมสอนกระบวนท่าให้เขาเสียที

“ฮึ งั้นเจ้าตอบมาซิ ว่าท่วงท่าคืออะไร? แล้วมันช่วยอะไรตอนฆ่าฟันกัน”

“เอ่อ … ก็จะได้เคลื่อนได้คล่องตัวกว่าเดิม เร็วกว่าเดิม หรือไม่ก็โจมตีได้แรงกว่าเดิมมั้ง แบบท่าเท้าพายุหมุน หรือหมัดตรงอะไรงี้มั้ง”

“สำหรับพวกระดับต่ำ ท่วงท่าคือรูปแบบการเคลื่อนไหวที่สามารถถ่ายเทพลังทำลายได้ดี แต่สำหรับการต่อสู้ระดับเทพมาร ท่วงท่าเปรียบเสมือนกรอบจำกัดการเคลื่อนไหวที่คอยถ่วงพลังทำลาย”

“แล้วมันถ่วงยังไงล่ะ อธิบายให้ละเอียดหน่อยซิ”

“ไร้สมองจริง ๆ … เอาเถอะ อธิบายก็อธิบาย … จุดสำคัญของกระบวนท่าของพวกมนุษย์ คือการหยิบยืมน้ำหนัก อาศัยแรงโน้มถ่วงของดวงดาวเพื่อส่งต่อพลังทำลาย”

“… เนี่ยนะคือการอธิบาย? ยืมน้ำหนักแล้วยังไง? ยกตัวอย่างหน่อยซิ”

“ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง สำหรับมนุษย์คนหนึ่งหากเขาใช้พลังกล้ามเนื้อแขนต่อยออกธรรมดา โดยไม่ใช้พลังพิเศษหรือกระบวนท่า หากเทียบกับการกระโดดเหยียบแล้ว เจ้าคิดว่าแบบไหนแรงกว่ากัน”

“ก็ต้องกระโดดเหยียบซิ น้ำหนักตัวอย่างต่ำก็ห้าสิบหกสิบกิโล ยังไงก็แรงกว่าต่อยธรรมดา”

“ถูกต้อง หากมนุษย์ทั่วไปเหวี่ยงแขนโจมตีโดยไร้กระบวนท่า อย่างดีก็คงสร้างความเสียหายได้ไม่มากนัก และนั่นทำให้มนุษย์พยายามคิดค้นบัญญัติกระบวนท่าขึ้นมา วัตถุประสงค์ก็คือการบิดตัว ถ่ายเทน้ำหนักและพลังให้พุ่งออกไปตามต้องการ นี่เรียกว่าการหยิบยืมน้ำหนัก อาศัยแรงโน้มถ่วงของดวงดาว ”

“อืม ก็ฟังดูดีนี่นา แล้วมันเป็นตัวถ่วงตรงไหน?”

“ที่บอกว่าเป็นตัวถ่วงก็คือ มนุษย์เช่นพวกเจ้า บัญญัติกระบวนท่า โดยตั้งสมมุติฐาน ว่าเป็นการต่อสู้ในสภาวะการใช้ชีวิตปกติ เช่น บนดิน บนต้นไม้”

“… ไม่ค่อยเข้าใจอ่ะ”

“โง่งมจริง ๆ เอาเถอะ ข้ายกตัวอย่าง สมมุติว่ามีมนุษย์ผู้หนึ่ง ที่เชี่ยวชาญหมัดตรง สามารถกระทืบเท้า บิดตัว เหวี่ยงหมัดถ่ายเทน้ำหนักต่อยออกทำลายภูผาได้ในหมัดเดียว แต่วันหนึ่งเขาคนนั้นต้องลงไปสู้กับปลาดุร้ายในน้ำทะเลจะเป็นอย่างไร?”

“อ่า … ก็ต่อยไม่ได้น่ะซิ ในน้ำจะถ่ายเทน้ำหนักยังไง เขาไม่ได้ฝึกไว้ต่อสู้ในน้ำนี่นา”

“นึกได้ก็ดีแล้ว และสิ่งนั้นก็คือสิ่งที่ข้าเรียกว่าตัวถ่วง”

“งั้นก็แค่ไม่ต้องลงไปสู้ในน้ำก็สิ้นเรื่องนี่นา”

“หากมนุษย์ทั่วไปคิดเช่นนั้นก็คงไม่แปลก แต่สำหรับเทพมาร หรือเผ่าไททันอย่างเรานั้น พวกเราจะต้องต่อสู้ได้ในทุกสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น ใต้น้ำทะเลลึกที่มีแรงดันสูง บนปากปล่องภูเขาไฟที่มีแต่ความร้อน หรือแม้แต่ในอวกาศที่ไร้แรงโน้มถ่วงโดยสิ้นเชิง ”

ไดโอนีอธิบายพลางแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่าย จากนั้นเธอก็โบกมือวูบหนึ่ง และนั่นทำให้แม็กรู้สึกร่างเบาหวิวไร้น้ำหนักลอยละล่องอย่างไร้การควบคุมจนเขาส่งเสียงร้องเหวอ

“คราวนี้ก็ลองบอกข้าซิ ว่าในสภาพเช่นนี้ เจ้าจะใช้กระบวนท่าชั้นต่ำอะไรพวกนั้นอย่างไร”

ไดโอนีอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นแม็กโบกไม้โบกมือวุ่นวายขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งหมุนติ้วไปมา ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปใกล้แล้วยื่นนิ้วมือจิ้มใส่แผ่นหลังส่งจนร่างของเขาลอยหมุนติ้วเร็วกว่าเดิมไปยังความเวิ้งว้างว่างเปล่า

หากนี่ไม่ใช่ความฝัน แม็กคงจะอาเจียนออกมาแล้ว เพราะร่างของเขากำลังหมุนติ้วโดยไม่ทราบว่าจะหยุดลงได้อย่างไร แต่ยังดีที่ไดโอนียังใจดี เธอพุ่งตัวด้วยความเร็วเข้ามาหยุดการหมุนคว้างของเขาเสียก่อน

ถึงตอนนี้แม็กจึงได้คิดแล้ว หากเขาเลือกมองจากมุมของมนุษย์ธรรมดาที่มีพละกำลังจำกัด กระบวนท่านั้นมีความสำคัญจริง ๆ เพราะสามารถถ่ายเทน้ำหนักสร้างพลังโจมตีได้โดยอาศัยแรงโน้มถ่วง

แต่หากเขาเปลี่ยนไปเลือกมองจากมุมของสิ่งมีชีวิตระดับสูงที่มีเรี่ยวแรงกำลังมหาศาลแล้ว แรงโน้มถ่วงหรือน้ำหนักตัวเพียงแค่น้อยนิดนั้น ย่อมไม่นับเป็นอะไรได้ อีกทั้งยังทำให้ติดขัดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก กลายเป็นตัวถ่วงเสียด้วยซ้ำ และนี่คือสิ่งที่ไดโอนีต้องการบอกเขา

“เข้าใจแล้วหรือไม่? ในการฆ่าฟันนั้น พวกชั้นต่ำมักจะไม่มีกระบวนท่า สู้โดยไร้หัวคิด ส่วนพวกชั้นกลางจะเชี่ยวชาญกระบวนท่า พวกชั้นสูงใช้กระบวนท่าได้ดั่งใจคิด ในขณะที่ระดับเทพมารนั้นกระบวนท่าจะกลายเป็นตัวถ่วง … กล่าวถึงที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญคือการถ่ายเทพลัง เทพมารบางตนไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ก็สามารถถ่ายเทพลังทำลายได้ แบบนี้จึงเรียกว่าระดับสูง”

“… เข้าใจแล้ว”

แม็กตอบเสียงอ่อนลง ไดโอนีจึงโบกมืออีกวูบหนึ่ง จากนั้นแม็กก็ต้องส่งเสียงร้องเหวออีกครั้ง เพราะแรงโน้มถ่วงที่กลับคืนมาอย่างกะทันหันนั้น ทำให้เขาอยู่ในท่าหัวทิ่มพื้นขาชี้ฟ้า และร่วงหล่นไปเบื้องล่างในสภาพน่าหวาดเสียว แต่ยังดีที่เขาฝึกฝนมาพอสมควร จึงสามารถยกมือขึ้นรองรับน้ำหนัก แล้วกลิ้งลงกระแทกพื้นโดยไม่รุนแรงนัก

ไดโอนียืนยิ้มขบขันที่มุมปากแวบหนึ่ง โดยไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา เธอคล้ายจะพึงพอใจไม่น้อยที่ได้ลงมือกลั่นแกล้งเขาเช่นนี้

“เข้าใจได้ก็ดีแล้ว จงมาฝึกซ้อมกันต่อได้แล้ว ท่านโครนอสกำลังรอคอยเจ้าอยู่ ตอนนี้เจ้าจะได้ฝึกในสภาพแวดล้อมปกติ แต่ต่อไปเจ้าจะต้องฝึกฝนในสภาพแวดล้อมหลาย ๆ แบบ”

“เดี๋ยว ๆ ขอเวลาคิดอะไรแว้บนึง … ประเด็นสำคัญคือการถ่ายเทพลังทำลายซินะ”

แม็กรีบส่งเสียงร้องเหวอและยกมือห้ามไดโอนี ซึ่งเวลาเพียงแค่พอให้กระพริบตานี้ ปลายเล็บของเธอได้จ่อประชิดที่ลำคอของเขาเรียบร้อยแล้ว

ยังดีที่ไดโอนียอมหยุดมือเอาไว้ และถอนมือออกไปยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น แม็กจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วยืนนิ่งเงียบทำท่าขบคิดอย่างหนัก จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายนาทีเขาจึงค่อยหันมามองดูไดโอนีพร้อมกับถามคำถามบางอย่าง

“ถ้าบอกว่าการใช้กระบวนท่า อาศัยน้ำหนักจากแรงโน้มถ่วง ถือเป็นตัวถ่วง แล้วเราควรจะอาศัยพลังงานอะไรล่ะ เวทย์มนตร์ ปราณ หรือพลังจิตพวกนี้เหรอ?”

“พลังพิเศษทั้งสามสายนี้เป็นส่วนหนึ่งของพลังธรรมชาติ เวทย์มนตร์หยิบยืมพลังรอบข้างมาใช้ ปราณซึมซับพลังเข้ามากักเก็บในร่าง ยกเว้นแต่เพียงพลังจิตที่มีหลักการแตกต่างออกไป สำหรับพลังพวกนี้ถือว่าเป็นขั้นสูงมีข้อจำกัดน้อยลง แต่หากเจ้าจะมัวอาศัยเพียงพลังพวกนี้อย่างเดียว ก็ถือว่ามีกรอบจำกัดเหมือนกัน”

“มีกรอบยังไงล่ะ ก็เวทย์มนตร์น่ะมีได้ทุกที่ไม่ใช่เหรอ? ”

“เจ้าช่างไม่มีหัวคิดเอาเสียเลย คงต้องยกตัวอย่างอีกซินะ … ยกตัวอย่างเช่น หากเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทย์ธาตุน้ำ สามารถบังคับสายน้ำเคลื่อนไหวได้ประหนึ่งยกแขนขา แต่ว่าเจ้าต้องไปอยู่บนปล่องภูเขาไฟซึ่งร้อนระอุและไม่มีน้ำ แบบนี้เรียกว่ามีกรอบหรือไม่?”

“… แล้วมันจะมีเหรอ พลังที่มีอยู่ในทุกที่น่ะ? พลังงานอะไรล่ะที่จะไม่เป็นตัวถ่วง แล้วมีในทุกที่?”

ไดโอนีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม แต่แววตาที่มองดูนั้นคล้ายจะฉายแววพึงพอใจอยู่บ้างกับคำถามนี้

“สิ่งนั้นเจ้าต้องตระหนักถึง และเรียนรู้ด้วยตัวเอง หากให้ผู้อื่นสอน ก็รังแต่จะเป็นกรอบยึดเหนี่ยวตัวเจ้าเอาไว้ บางสิ่งดูเหมือนไกลสุดขอบฟ้า แท้จริงแล้วกลับอยู่เพียงปลายจมูก พลังมีหลากหลายรูปแบบ มีระดับตำ่ที่ข้อจำกัดมากมาย และระดับสูงที่มีข้อจำกัดน้อยกว่า ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งนำมาใช้ได้ยาก เจ้าลองคิดดูเองเถอะ”

“อืมมม … แรงดึงดูด … ความร้อน … พลังไฟฟ้า … พลังแม่เหล็ก … พลัง … เอ๊ะ!!!”

แม็กพยายามครุ่นคิดนึกถึงพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจนัก จนกระทั่งเมื่อเขาตั้งสมาธิและสัมผัสถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมา เขาก็ลืมตาโพลงเหมือนค้นพบอะไรบางอย่าง ก่อนจะหยุดนิ่งราวกับรูปปั้นเพื่อเรียบเรียงความคิดที่เพิ่งตระหนักได้

ไดโอนีคล้ายจะรับรู้ได้ถึงสภาวะที่ไม่ควรรบกวน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอไม่ลงมือฆ่าฟัน เธอค่อย ๆ ขยับร่างถอยห่างจนเลือนหายไปในความมืด ปล่อยให้แม็กได้ทบทวนความคิดเพียงลำพัง เธอทราบดีว่าหลังจากนี้ เขาจะเริ่มก้าวเท้าข้ามผ่านกรอบกำแพงชั้นหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงก้าวเดินเล็ก ๆ หากทว่ามุมมองของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นอีกรูปแบบที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีก

……………………….

ค่าสถานะท้ายตอน

ข้อมูลพื้นฐานของตัวละคร
ชื่อ : Guyver เผ่าพันธ์ : Titan(ไททัน) ระดับ : 1 คลาส: 0
ทรัพย์สิน: 48,700 เหรียญทอง – 10 เหรียญเงิน – 1,000 เหรียญทองแดง
ชื่อเสียง: 130,412 หน่วย (ลำดับที่ 98,089 / 1,472,746,120)
พลังชีวิต : 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังเวทย์ : 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังจิต: 10,000 / 10,000 (class limited)
พลังปราณ: 4,100,000 / 4,100,000
ความแข็งแกร่ง : 100 (class limited)
ความคล่องแคล่ว : 100 (class limited)
ความอดทน : 100 (class limited)
ความฉลาด : 100 (class limited)
ความแม่นยำ : 100 (class limited)
ความโชคดี : 100 (class limited)
อาชีพ : Angelus (นักบวช คลาส 6), Death Bosom (ผู้บงการศพ คลาส 6)
ตำแหน่ง: ตำแหน่งที่ปรึกษาระดับสูงประจำวิหารอำนวยพร, ราชาแห่งเผ่าพันธุ์วิหคเพลิง

ทาส
– Angie – เผ่าพันธุ์มนุษย์ อาชีพ นักบวชคลาส 3, แม่ครัว คลาส 2, ช่างเสื้อผ้า คลาส 1
– คาร่า – ชนเผ่ากีร่า ลูกครึ่งมนุษย์และเทพ นักพยากรณ์คลาส 6, นักล่า คลาส 4, ชาวประมง คลาส 2
– มีอา – ชนเผ่ากีร่า ลูกครึ่งมนุษย์และเทพ นักล่าคลาส 2, เกษตรกร คลาส 3, ชาวประมง คลาส 2
– เตียวเสี้ยน – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 5, นักกวีคลาส 4
– เทียนซู – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, แม่ครัวคลาส 4
– เทียนหยาง – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, เกษตรกรคลาส 4
– เทียนซาง – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, หมอยาคลาส 4
– เทียนหวิง – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, แม่ค้าคลาส 4
– เทียนเซิง – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, ช่างทำอาวุธคลาส 4
– เทียนซิ่ง – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, ชาวประมงคลาส 4
– เทียนอวี้ – เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, หมอพิษคลาส 4
– ลิลลี่ – เผ่าพันธุ์มนุษย์ แม่ครัว คลาส 2, ช่างเสื้อผ้า คลาส 3

สัตว์เลี้ยง
– เฟิ่งหวง – ราชินีวิหคเพลิง คลาส 7 เลเวล 1

……………………………….

Share the Post:

Related Posts

ช่างหนุ่มควยใหญ่ เย็ดเสียวสะท้านใจเมียเถ้าแก่

เรื่องเสียว ช่างหนุ่มควยใหญ่ เย็ดเสียวสะท้านใจเมียเถ้าแก่ อีกแล้วเหรอ นี่เขาจงใจหรือเปล่า ? กมลไม่รู้เลย ว่าสิ่งที่โสภณทำนั้นมันหมายความว่ายังไง แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว เรื่องเสียวผุดพรายขึ้นมาเต็มหหัวสมองของเธอเพียงได้มองเขาจากมุมนี้ เธอเป็นเมียของคุณสุวิทย์ เถ้าแก่อู่ซ่อมรถยนต์ขนาดกลาง ที่มีพนักงานราว 6 คน เธอเองทำหน้าที่เป็นเสมียน คอยจัดการเรื่องการเงิน สามีของเธอนั้นอนุมัติให้เธอดูแลเรื่องบัญชีและเงินทองอย่างไม่เข้ามายุ่มย่าม เพราะว่าเขามีส่วนแบ่งให้เธอมากกพอขนาดที่ว่าจะสบายไปทั้งชาติ นี่คือสิ่งที่เธอทำ

Read More

หนูโดนคุณตาเลียหี

เรื่องเสียว หนูโดนคุณตาเลียหี บ้านนกเป็นหมู่บ้านจัดสรรค่ะ ข้างบ้านก็มีคุณตาใจดีคนนึงเมียแกก็เสียไปนานแล้ว คุณตาแกเป็นคนมีฐานะคนนึงเลยมีคนใช้สองคน มีหมาตัวหนึ่ง นกชอบไปเล่นที่บ้านคุณตาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะบางทีก็ไปอ่านหนังสือในห้องสมุดของคุณตา ไปเล่นกับหมา วันนึงนกก็เกิดเรื่องเสียวจนได้ เพราะนกไปอ่านหนังสือเล่นที่ห้องสมุดของคุณตาซึ่งคุณตาเองก็กำลังนอนกลางวันอยู่ คุณตาขอให้นกอ่านหนังสือให้ฟังค่ะ เพราะตาของแกก็ไม่ค่อยดีคุณตาให้นกเลือกหยิบหนังสืออะไรก็ได้ นกเองก็ดันไปหยิบหนังสือนิยายรัก แปลนะคะเป็นแนวรักโรแมนติก อ่านไปสักพักก็เจอฉากที่พระเอกปล้ำนางเอกค่ะ นกอ่านเสียงสั่นเลยเพราะเค้าเขียนว่าพระเอกผลักนางเอกลงบนเตียง แล้วก็เริ่มละเลงลิ้นตรงปุ่มสวาทของนางเอกอย่างหื่นกระหาย นกอ่านเสียงสั่นเลยค่ะ เค้าเขียนว่าเลียตรงปุ่มของนางเอกอย่างหื่นกระหายนกเองก็คิดภาพแล้วก็อยากช่วยตัวเองเลยค่ะ

Read More