XO ตอนที่ 11 – แม่หมอพยากรณ์

XO ตอนที่ 11 – แม่หมอพยากรณ์

XO ตอนที่ 11 – แม่หมอพยากรณ์

         …………………………………….  “… เฮ้ย!!!”

ทันทีที่ละอองแสงของการวาร์ปย้ายสถานที่มารวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างมนุษย์ และการมองเห็นของเขากลับคืนมา แม็กก็ต้องเบิกตากว้างส่งเสียงร้องด้วยความแตกตื่น เพราะที่เบื้องหน้าคล้ายกับมีประกายสายฟ้าแลบแปลบพุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถทำสิ่งได้นอกจากเบิ่งตามองดู

สิ่งที่เหมือนสายฟ้านั้นผ่านวูบเฉียดใบหูทั้งสองข้างจนได้ยินเสียงแหวกอากาศ ทั้งยังพุ่งเฉียดศีรษะส่วนบนจนเฉือนปลายผมไปเล็กน้อย แม็กสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แฝงมากับสายฟ้า และรู้สึกเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าช๊อตใส่เบา ๆ จนใบหูชาดิก จากนั้นก็เป็นเสียงเหมือนอะไรบางอย่างปักเข้าไปในเนื้อไม้ … เขาคิดว่ามันคล้ายกับเสียงลูกธนู

ฉึก ฉึก ฉึก!!! เสียงที่เหมือนกันสามเสียงดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน จากมุมนี้แม็กมองเห็นแท่งไม้มีขนนกติดปลายคล้ายกับส่วนปลายของลูกธนู
กำลังสั่นไหวอยู่สามดอก สองดอกแรกขนาบเฉียดกับใบหูทั้งสองข้างเพียงเล็กน้อย ส่วนอีกดอกนั้นปักอยู่เหนือศีรษะเพียงไม่กี่เซนติเมตร หรือก็คือมีลูกธนูสามดอกปักล้อมรอบศีรษะของเขาทั้งด้านบนและด้านข้างนั่นเอง

แม็กกลืนน้ำลายลงคอดังอึก แล้วค่อย ๆ ย่อเข่าทรุดตัวลงช้า ๆ ลอดผ่านลูกธนูที่ปักอยู่กับต้นไม้ใหญ่ออกมายืนนิ่งเหม่อลอย นั่นเป็นลูกธนูจริงอย่างที่คิด เพียงแต่มันมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกระแสไฟฟ้าไหลเวียนไปทั่วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และเขาก็ยังมองเห็นควันของการเผาไหม้ลอยออกมาจากรูที่ปลายศรเสียบค้างอยู่

เสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้นสลับกับเสียงชี่ชี่ของการเผาไหม้ ต้นไม้ใหญ่เขียวชะอุ่มสูงสี่เมตรเมื่อครู่เริ่มมีควันโชยออกไปตามส่วนต่าง ๆ ใบไม้เริ่มแห้งเหี่ยวหลุดร่วงลงมาจากขั้ว แม้แต่กิ่งก้านบางส่วนก็แห้งกรอบหักร่วงลงมาเหมือนโดนความร้อนแผดเผาจากภายใน ซึ่งเดาได้ว่าน่าจะมาจากลูกธนูทั้งสามดอก

คิก คิก คิก … เสียงหัวเราะของหญิงสาวที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้แม็กต้องหันขวับไปมอง และที่ตรงนั้นมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยเรือนร่างงดงามกำลังยืนถือคันธนูสีเงินวาวอยู่ในมือเล็งตรงมาทางเขา จึงพอจะเดาได้ไม่ยากว่าเธอคนนี้เป็นคนยิงลูกธนูทั้งสามดอกใส่เขานั่นเอง … นี่กระมังที่มาของฉายาเซเฟียธนูสายฟ้า

“เซเฟีย …”

แม็กเรียกชื่อเธอพลางพยายามยิ้มให้ และมองสำรวจความงามของเธอไปพร้อมกัน เซเฟียยังอยู่ในชุดนักรบคล้ายกับครั้งแรกที่เขาเคยเจอ ผมเผ้าสีดำขลับถูกมัดรวบไว้เป็นทรงหางม้าให้ความรู้สึกคล่องตัว เธอสวมใส่เกราะสีเงินเว้าแหว่งอวดผิวขาวและขับเน้นทรวดทรงองค์เอว จนเดาไม่ออกว่าเธอแค่อยากเน้นความคล่องตัว หรือว่าเธอต้องการยั่วยวนผู้ชายให้อกแตกตายกันแน่

ท่อนบนเป็นเกราะปิดส่วนหน้าอก แต่เปิดให้เห็นร่องนมที่เบียดชิด หน้าท้องเรียบเนียนโดนปล่อยเปิดโล่ง มองไปชุดเกราะก็แลดูคล้ายกับยกทรงชิ้นหนึ่ง ส่วนด้านล่างก็ใกล้เคียงกัน แม้จะเป็นเกราะโลหะ แต่มันก็เล็กกระชับดูคล้ายกับกางเกงขาสั้นตัวหนึ่ง จึงเปิดเผยให้เห็นท่อนขาเรียวยาวที่มีมัดกล้ามเนื้อกระชับสวยน่ามอง

“สวัสดีเทพธนู”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงขบขนและยิ้มที่มุมปากคล้ายจะเยาะเย้ย แล้วลดคันธนูชี้ลงพื้น แต่ยังคงพาดลูกศรสามดอกไว้ในท่าพร้อมยิง คล้ายกับจะบอกว่าเธอพร้อมจะยิงสวนเข้าใส่ได้ตลอดเวลา แม็กจึงยกมือขึ้นเกาศีรษะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ

“… หือ … รู้ข่าวด้วยเหรอเนี่ย?”

“ทำไมจะไม่รู้ล่ะนั่นเป็นข่าวครึกโครมทีเดียว สตรองหมัดป่นภูผาคนดังประจำเมืองโดนยิงใส่จุดยุทธศาสตร์ซะขนาดนั้น คิก คิก”

เซเฟียพูดพลางส่งเสียงหัวเราะสดใส ท่าทางของเธอคล้ายกับจะสาแก่ใจอยู่บ้าง แม็กจึงเริ่มสงสัยว่าทำไมเธอถึงแสดงท่าทีเช่นนั้น และเขาก็เพิ่งได้รับรู้ว่า NPC ในเกมนั้นตามข่าวสารของเกมไม่แพ้ผู้เล่นแบบเขาด้วยเหมือนกัน

“รู้จักกับไอ้บ้ากล้ามนั่นด้วยเหรอ?”

“ก็ไม่เชิงรู้จักหรอกนะ หมอนี่มันมีเคยลงมือก่อเหตุฉุดทหารหญิงในสังกัดไปข่มขืนจนเกือบสำเร็จ โชคดีที่ทหารหญิงคนนั้นหนีเอาตัวรอดได้ แต่น่าเสียดายที่มีแต่เจ้าทุกข์ ไม่มีพยานหลักฐานเอาผิด อีกฝ่ายก็มีชื่อเสียงพอตัว จะจับมาสอบสวนโดยไม่มีพยานหลักฐานก็ยาก พอได้เห็นหมอนั่นโดนอัดซะเละก็เลยอดหัวเราะสะใจไม่ได้”

เธอพูดพลางผ่อนสายเอ็นธนูลง บรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายขึ้นอีกเล็กน้อย ตอนนี้แม็กจึงเริ่มได้คิดว่า เกมนี้มีระบบช่วยเหลือผู้เล่นเกี่ยวกับเรื่องการลวนลามทางเพศหรือการลอบทำร้าย แต่ว่ากฎเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับพวก NPC ในเกม

มองในแง่หนึ่งก็คือผู้เล่นสามารถทำอะไร NPC ก็ได้ และ NPC ก็สามารถทำอะไรผู้เล่นได้ตามใจเช่นกัน เพียงแต่ NPC ทหารรักษาเมืองจะมีระดับค่อนข้างสูงและมีเยอะ ผู้เล่นจึงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ส่วน NPC ทั้งที่เป็นทหารและชาวบ้านเองก็จะถูกควบคุมด้วยกฎหมายของเมืองอีกทอดหนึ่ง พวกเขาจึงไม่ลงไม้ลงมือต่อผู้เล่นหรือชาวเมืองหากไม่จำเป็น

“ก็เลยเรียกผมมาหาเพื่อขอบคุณซินะ”

แม็กมองดูใบหน้าสวยเฉี่ยวของเซเฟียหัวเราะสดใสแล้วก็อดไม่ได้ต้องพูดหยอกล้อเล่น แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้รอยยิ้มสดใสของเธอก็เลือนหายไปกลายเป็นใบหน้าที่เย็นชาหยิ่งทะนงเช่นก่อนหน้าทันที

“เปล่า ที่เรียกมา เพราะอยากว่ารู้เจ้าทำได้ยังไง?”

“ไม่ได้ทำอะไรหรอก มันก็แค่เรื่องบังเอิญน่ะ ไอ้บ้ากล้ามนั่นมันซวยของมันเอง”

“ข้าไม่ได้พูดถึงสตรอง ตอนนั้นถ้าคนสายตาดีหน่อยก็น่าจะมองออกว่าเป็นเรื่องดวงล้วน ๆ เจ้ายืนบนหลังคา พยายามจะยิงธนู แต่ยิงไม่ออก เพราะเจ้าไม่รู้จักวิธีใช้ธนูระดับสูงนั่้น รอจนหลังคาพัง เจ้าถึงค่อยเผลอปล่อยลูกธนูออกไปแบบมั่วซั่วแล้วโดนเจ้าหนุ่มดวงกุดนั่น”

“อ้าว ก็รู้นี่นา เอ๊ะ เดี๋ยว ๆ ทำไมบอกว่าไม่รู้จักวิธีใช้ ก็คราวก่อนยังยิงธนูโดนขาใครบางอยู่เลย”

“คันธนูนั่นสามารถแปรพลังเวทย์เป็นพลังลูกศร ครั้งแรกเจ้ายังไม่มีพลังเวทย์จึงยิงได้ตามปกติ แต่เมื่อเจ้ามีพลังเวทย์มันก็จะพยายามดูดพลังเวทย์ไป แต่เจ้ายังควบคุมไม่ได้จึงยิงไม่ออก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องสอนเจ้า ที่ข้าเรียกมาวันนี้ก็เพราะคาใจที่เจ้าสามารถยิงธนูโดนข้าได้ ทั้งที่ข้าเคลื่อนไหวไปมาในที่กำบังตลอดเวลา แต่พอคิดอีกทีข้าคิดว่าคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเหมือนตอนยิงใส่เจ้าหนุ่มบ้ากล้ามคนนั้น ดังนั้นเจ้าไม่ต้องตอบแล้ว กลับออกไปได้เลย”

เซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงห่างเหินเย็นชาแล้วหันหลังออกปากไล่ให้เขากลับหน้าตาเฉย แม็กจึงได้แต่ยืนอึ้งทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่ แต่มีหรือที่เสือผู้หญิงอย่างเขาจะมาเสียเหลี่ยมให้กับผู้หญิงในเกม แม็กรีบใช้สมองที่ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในเรื่องผู้หญิงเพื่อประเมินสถานการณ์ และหาทางออกได้ภายในเวลาแค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

“… เฮ้อ … ว่าแล้วเชียว สุดท้ายก็ไม่รักษาสัญญาซินะ … ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย เฮ้อ ๆ ช่างเหอะ เรามันโง่เองที่คิดว่าทหารจะรักษาสัญญา ไปดีกว่า …”

แม็กปั้นสีหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายผิดหวัง แล้วหันหลังเดินไปคนละทางกับเซเฟีย โดยที่เขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเดินไปไหน และจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ เพราะเขากำลังรอคอยว่าปลาจะฮุบเหยื่อหรือไม่

ฟุ่บ!!! เสียงแหวกอากาศของลูกธนูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ลูกธนูแฝงประกายสายฟ้าทั้งสามดอกพุ่งมาจากทางด้านหลัง แล้วเฉียดผ่านใบหูและศีรษะของเขาไปปักใส่ต้นไม้ใหญ่อีกต้นที่อยู่ด้านหน้า และเพียงแค่พริบตาเท่านั้น ต้นไม้ใหญ่ก็เริ่มเหี่ยวแห้งมีควันลอยฟุ้งเหมือนโดนเผาไหม้จากภายในออกมา

“เจ้ากล้าว่าใครไม่มีเกียรติ?”

เซเฟียส่งเสียงเกรี้ยวกราดมาจากด้านหลัง แต่แม็กที่ยืนหันหลังให้กำลังยืนยิ้มกริ่ม เพราะทราบว่าปลาฮุบเหยื่อแล้ว เหลือก็แต่ค่อย ๆ ต้อน ค่อย ๆ เลี้ยงให้ปลาตัวใหญ่หมดทางหนี

“ก็ใครล่ะที่ไม่รักษาสัญญา? คนไม่รักษาสัญญาถือว่ามีเกียรติเหรอ?”

แม็กพูดพลางยักไหล่ แล้วก้าวเท้าเดินต่อไป โดยเสี่ยงเดิมพันว่าเซเฟียจะโกรธจนยิงใส่เขาให้จบเรื่องจบราวหรือไม่ และผลลัพธ์ก็คือเขาได้ยินเสียงทอดถอนใจดังมาจากด้านหลัง ตามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงของเซเฟีย

“เจ้า … เฮ้อ … ช่างเถอะ … ตามข้ามา ข้าจะทำตามสัญญา …”

เซเฟียพูดเสียงอ่อนลงแล้วเดินไปอีกทาง แม็กจึงหยุดเดินแล้วหันมามองก่อนจะเดินตามเซเฟียไปต้อย ๆ เขาทราบดีว่าตอนนี้ปลาติดเบ็ดแล้ว ตอนนี้เขาถือไพ่เหนือกว่าอย่างที่คาด ผู้หญิงที่ยึดมั่นกับเกียรติยศศักดิ์ศรีของอัศวิน ก็ต้องโดนเกียรติยศเล่นงานกลับ

เสียงสวบ ๆ ดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่เธอเดินนำแม็กย่ำเท้าเข้าไปในป่า ฝ่าพงหญ้าสูงหนาทึบ และตอนนี้แม็กจึงค่อยได้มีเวลาสำรวจรอบข้าง ก่อนจะพบว่าเขาอยู่ในป่าดิบชื้นแห่งหนึ่ง รอบด้านนอกจากพงหญ้าสูงถึงเอวแล้ว ยังเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ขนาดหลายคนโอบจนเงยหน้าขึ้นไปแทบไม่เห็นท้องฟ้า

แม็กพบว่าเขาไม่สามารถเปิดหน้าจอระบบขึ้นมาได้ จึงไม่สามารถดูตำแหน่งแผนที่ได้ว่าเขาอยู่ที่ใด เขาจึงได้แต่เดินย่ำไปพลางรับฟังเสียงแมลงที่ดังก้องไปพลางด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นต่ออันตรายอยู่บ้าง เนื่องจากเขาอาศัยอยู่ในยุคแห่งความศิวิไลซ์ เติบโตมาในป่าคอนกรีต จึงไม่คุ้นชินกับป่าที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีคนรุกล้ำเช่นนี้ กระนั้นเมื่อนึกไปว่านี่เป็นเพียงแค่เกม เขาจึงค่อยคลายความหวาดหวั่นลงไปได้บ้าง

“ที่นี่เป็นป่าในมิติพิเศษ ไม่น่าจะมีใครคนอื่นอีก มีแต่พวกชนเผ่าพื้นเมือง สัตว์ป่า กับสัตว์อสูรทั้งหลาย”

เซเฟียพูดพลางเดินนำขึ้นไปบนโขดหินที่มีตะไคร่เกาะเป็นสีเขียวครึ้ม จากนั้นเสียงโครมครืนของน้ำตกก็ดังก้องจนแม็กต้องรีบกระโดดไปตามโขดหินเพื่อมองหาแหล่งต้นเสียง กระทั่งเมื่อได้เห็นน้ำตกที่ใหญ่โตสวยงาม เขาก็เบิกตากว้างมองดูความงดงามอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติด้วยความตื่นตะลึง … มันสวยงามยิ่งกว่าภาพน้ำตกที่เขาเคยเห็นในหน้าจอทีวีจนเทียบไม่ติดเลยแม้แต่นิดเดียว

“…”

แม็กพูดอะไรไม่ออก เขาถูกน้ำตกแห่งนี้ดึงดูดความสนใจไปจนหมด ในยุคสมัยของเขานั้นน้ำตกธรรมชาติจริง ๆ ไม่มีให้เห็นแล้ว จะมีก็แต่น้ำตกเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่นั่นกลับไม่ได้น่ามองเหมือนกับน้ำตกแห่งนี้เลย น้ำตกแห่งนี้มีความยาวไล่ขึ้นไปบนภูเขาจนสุดลูกหูลูกตาราวกับจะไต่ขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ เขาแทบไม่อาจนับได้ว่ามีกี่ชั้นและกินพื้นที่มากมายเพียงใด แต่แค่เพียงชั้นน้ำตกที่เขายืนอยู่ก็กว้างไม่น้อยกว่าสี่ร้อยเมตร และสูงขึ้นไปจนต้องแหงนคอมองจนสุด

ความใหญ่โตโอ่อ่าก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าน้ำตกในเกมแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต เขามองเห็นพืชพันธุ์ที่เติบโตยึดเหนี่ยวอยู่กับโขดหิน เขามองเห็นปลาตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่ในน้ำใสเบื้องล่าง … นี่คือธรรมชาติที่เขาไม่เคยพบเจอในโลกภายนอก แต่กลับได้มาพบเจอในโลกของเกมออนไลน์ และความยิ่งใหญ่ของมันกำลังทำให้เขาลืมเลือนแทบทุกสิ่ง

ไม่ทราบว่าเขายืนดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่เนิ่นนานเพียงใด แต่เมื่อรู้ตัวอีกครั้งเซเฟียก็หายไปแล้ว แม็กจึงหันรีหันขวางไปมา ก่อนจะมองเห็นเธอกำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟและกระโจมที่พักซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และที่ด้านข้างนั้นมีคนนุ่งห่มใบไม้เหมือนพวกทาร์ซานทั้งสูงวัยและยังอ่อนเยาว์อยู่อีกหกคน

ผู้ชายสามคนในนั้นเปลือยท่อนบนอวดร่างกายแข็งแรงกำยำ ส่วนผู้หญิงอีกสามคนก็แต่งตัวด้วยใบไม้คล้ายกับชุดว่ายน้ำทูพีซ ทั้งหกคนมีหน้าตาธรรมดาไม่แย่ไม่โดดเด่น ทุกคนต่างสะพายคันธนูและหอกที่ทำจากไม้ … มองไปคล้ายกับทาร์ซาน หรือคนป่าอยู่บ้าง เพียงแต่เป็นคนป่าที่รูปร่างกระชับมีพลังเหมือนนายแบบนางแบบจากฝั่งลาตินอเมริกา

“ทำอะไร?”

แม็กเดินเข้าไปถามเซเฟียด้วยคำถามที่ดูเหมือนจะโง่เง่าไปสักหน่อย แต่ตอนนี้สมองของเขาเหมือนจะช๊อคไปชั่วขณะจากความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทั้งยังงุนงงไม่แน่ใจว่าคนป่าพวกนี้มีความเป็นมายังไง

“ปิ้งปลา …”

เซเฟียตอบเสียงราบเรียบ แล้วก้มหน้าลงไปปิ้งปลาของเธอต่อไป แม็กจึงยิ่งรู้สึกกระดากกับคำถามของตัวเอง แต่ก็ยังเดินไปนั่งข้างกองไฟฝั่งตรงข้ามเซเฟียมองดูนักรบสาวแสนสวยคนนี้ปิ้งปลาต่อไป โดยที่เหล่าคนป่าทั้งหกกำลังมองมาด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

“คนพวกนี้เป็นชนเผ่ากีร่า ไม่มีอันตรายอะไร พวกเขามีอยู่ประมาณสี่ร้อยคน … พวกเขาอาศัยที่นี่ ส่วนใหญ๋ไม่รู้จักภาษาของทวีปกลาง ที่พอจะคุยรู้เรื่องมีแต่ระดับลูกหลานหัวหน้าเผ่า … ทักทายพวกเขาหน่อยซิ ยกมือขวาขึ้นแตะกันแค่นั้นแหละ”

เธอพูดอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม็กฟังแล้วก็ลุกขึ้นยืนยื่นมือขวาออกไปด้วยท่าทางลังเล จากนั้นชนเผ่ากีร่าทั้งหกก็เริ่มยิ้มเป็นมิตรกว่าเดิม พวกเขาเดินเรียงแถวเข้ามายกมือแตะทักทาย เพียงแต่ว่าหญิงสาวหุ่นนางแบบอายุราวสิบห้าสิบหกคนสุดท้ายนั้นไม่แตะมือเฉย ๆ เธอผวาเข้าโอบกอดแม็กและอ้าปากงับต้นคอของเขาเบา ๆ ฝากรอยฟันเล็ก ๆ เอาไว้หนึ่งรอย แล้วจึงค่อยถอนตัวออกไปยืนมองดูเขาเหมือนรอคอยคำตอบบางอย่าง

“… เอ่อ … อะไร?”

“นั่นเป็นการแสดงเจตนาขอเป็นคู่นอน ถ้านายตกลงก็แค่กอดแล้วงับคอเบา ๆ กลับ แค่นั้นจะพาเธอไปมีอะไรด้วยที่ไหนก็ได้แล้ว … ไม่ต้องห่วงนะ ที่นี่ไม่มีระบบครอบครัว นายสามารถหาความสุขได้เต็มที่แล้วก็จากไปได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร”

เซเฟียหันมามองดูด้วยสายตาเย็นชากว่าเดิม ท่าทางของเธอเหมือนกำลังหงุดหงิดไม่พอใจอะไรบางอย่าง แม็กรับฟังแล้วก็ยิ้มแห้ง ๆ ทำตัวไม่ถูก แม่สาวคนป่าหุ่นนางแบบคนนี้ก็ดูไม่เลวอยู่หรอก แต่ยังไม่เข้าเกณฑ์ของเขา และที่สำคัญเขาคิดว่าเซเฟียนั้นน่าสนใจกว่า ดังนั้นเขาจึงยังไม่คิดจะตอบรับข้อเสนอนี้

“แล้วถ้าจะปฏิเสธล่ะ?”

“… แน่ใจเหรอว่าอยากปฏิเสธ … ดูดอกไม้สีแดงที่ปักไว้ตรงข้างหูซิ นั่นหมายความว่าเด็กคนนั้นเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง”

“มองผมเป็นคนยังไง คนนะไม่ใช่สัตว์ ยังไงก็ต้องถูกใจกันก่อน ถ้าไม่ถูกใจกันใครจะอยากมีอะไรด้วย?”

แม็กยักไหล่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดมาก เพราะเขากำลังมองดูเซเฟียที่เป็นปลาตัวใหญ่กว่า เซเฟียจึงแสดงท่าทีแปลกใจออกมาแวบหนึ่ง

“… งั้นก็ยกมือขึ้นแตะมือกับเธอ เพื่อแสดงว่าขอรับเพียงแค่ความเป็นมิตรสหาย”

แม็กฟังแล้วรีบยกมือขึ้นอย่างที่เซเฟียบอกไว้ ผู้หญิงคนนั้นชะงักทำหน้ามุ่ยไปเล็กน้อยเหมือนคาดไม่ถึงว่าจะโดนปฏิเสธ แต่เธอก็ยกมือขึ้นสัมผัสกับมือของแม็ก แล้วเดินกระทืบเท้าจากไปพร้อมกับพวกก่อนหน้า ทิ้งให้แม็กอยู่กับเซเฟียเพียงลำพังสองต่อสอง

“ที่นั่น … ที่ดินแดนของนักผจญภัย … ที่นั่นไม่มีน้ำตกหรือไง? เจ้าจึงได้ทำหน้าตาเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน”

“… ก็มีอยู่นะ แต่มันสวยสู้ที่นี่ไม่ได้ … จะพูดยังไงดีล่ะ … น้ำตกที่นี่น่ะดูมีพลังชีวิตมากกว่าเยอะ … มองน้ำตกที่นี่แล้ว รู้สึกว่าให้นั่งเฉย ๆ ดูมันทั้งวันก็ยังได้”

แม๊กนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขานึกถึงโลกของตัวเอง โลกที่เต็มไปด้วยความเจริญทางด้านวัตถุ โลกที่เป็นเส้นขนานกับคำว่าธรรมชาติ และตอนนี้เองที่เขาสังเกตเห็นว่าแววตาของเซเฟียที่มองดูเขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นเป็นแววตาแปลกประหลาดใจและชื่นชมอยู่ในที

“… ที่นี่เรียกว่าน้ำตกแห่งสรวงสวรรค์ … เป็นมิติพิเศษที่ยังไม่มีใครเข้ามาสำรวจ … ข้าได้บัตรผ่านจากภารกิจเสี่ยงตายอย่างหนึ่ง และมักจะแวะเวียนมาพักผ่อนฝึกฝีมือเป็นระยะ … วางใจเถอะ อยู่แถวนี้มีแต่สัตว์กินพืช ไม่มีอันตรายอะไร แต่ถ้ายิ่งขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”

“งั้นแสดงว่าชั้นบนขึ้นไป วิวน่าจะสวยกว่านี้อีกน่ะซิ?”

แม็กหันไปถามด้วยแววตาวิบวับเหมือนเจอของเล่นถูกใจ เซเฟียจึงหันมามองและยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น และรอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูงดงามขึ้นมาจนเขาตื่นตะลึงไปชั่วขณะ

จากแววตาที่บริสุทธ์เมื่อเห็นความสวยงามก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาแฝงความหื่นกระหาย โดยเฉพาะเมื่อแม็กมองลงไปยังร่องนมที่เบียดเสียดอยู่ในชุดเกราะ เขาก็เริ่มเกิดอารมณ์อยากครอบครองแม่สาวนักธนูที่เหมือนแม่เสือสาวดุร้ายคนนี้ขึ้นมาทันที

“เฮอะ ผู้ชายอย่างพวกเจ้าคงมีแต่เรื่องต่ำช้าลามกในหัวได้ตลอดเวลา แม้แต่เช้าตรู่ก็ยังไม่เว้น … เอาเถอะ ข้ารักษาสัญญา เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้เต็มที่ รับรองว่าข้าจะไม่ขัดขืนสักนิด แต่ว่าจำกัดเวลาไว้เพียงแค่ตอนอยู่ในมิตินี้เท่านั้น”

เมื่อเขาเปิดเผยอารมณ์ด้านมืดออกมา รอยยิ้มสวยงามน่าประทับใจของเซเฟียก็เลือนหายไปอีกครั้ง ใบหน้าของเธอกลับกลายเป็นกระด้างเย็นชาเช่นเดิม แม้ว่าเธอจะไม่ปิดป้องเนื้อตัวไม่ให้โดนลวนลามด้วยสายตา

ท่าทีเย็นชานั้นกลับเป็นเสียยิ่งกว่าเกราะเหล็กที่ทำให้แม็กรู้สึกว่าการลวนลามด้วยสายตานั้นจืดชืดไร้รสชาติ เพราะแม้เขาจะหื่นกาม แต่เขาก็ไม่นิยมลวนลามผู้หญิงที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม ดังนั้นเขาจึงเริ่มมองซ้ายมองขวาหาเรื่องมาสนทนากับนักรบสาวคนนี้เสียก่อน

“… เอ๊ะ … ตอนนี้เป็นตอนเช้า? แต่จำได้ว่าก่อนมาที่นี่มันเป็นตอนบ่ายนี่นา?”

แม็กหันมองไปมาแล้วก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ มองจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และสภาพอากาศแล้ว เขารู้สึกว่านี่น่าจะเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ เพียงแต่เขาจดจำได้แม่นยำว่าก่อนหน้าที่จะถูกส่งมาที่นี่มันเป็นเวลาประมาณบ่ายสอง

“นั่นเพราะที่นี่เป็นมิติพิเศษ ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ตำแหน่งใดในโลก แต่ว่าช่วงเวลาของมันไม่ตรงกันกับที่พวกเราอยู่ และเวลาในนี้จะไปเร็วกว่าที่โน่น เมื่อเวลาที่นี่ผ่านไปเจ็ดวันเจ็ดคืน ที่เมืองของพวกเราจะเพิ่งผ่านไปเพียงคืนเดียว ด้วยเหตุนี้ บางครั้งข้าก็จะมาฝึกฝีมือที่นี่เมื่อรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอฝึกฝนไม่เพียงพอ แต่ข้อเสียก็คือต้องรอให้ครบเจ็ดวันเจ็ดคืนก่อน จึงจะโดนส่งกลับไปที่เดิม”

“มิติพิเศษเวลาเดินเร็วกว่าปกติงั้นเหรอ? เจ็ดวันเจ็ดคืน? … เดี๋ยว ๆ … แต่ว่า … สมัครสอบทหาร … ใช่ต้องสมัครสอบทหาร แล้วแบบนี้จะกลับออกไปยังไง? มันต้องรีบสมัครภายในวันนี้นี่นา … แล้ววันนี้ที่ข้างนอก … กับในนี้ … เอ๊ะ เริ่มงงเรื่องเวลา”

“เจ้าจะสมัครเป็นทหาร?”

“ใช่ … อ๊ะ จริงซิ เหมือนจะสมัครกับเซเฟียก็ได้ใช่มั้ย? แต่พรุ่งนี้ก็ต้องไปทดสอบ”

“แน่นอน ข้าเป็นหัวหน้าการทดสอบ เจ้าสามารถสมัครกับข้าได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลา ส่วนการทดสอบจะเริ่มพรุ่งนี้ที่โลกข้างนอก เจ้าเพียงรออีกเจ็ดวันเจ็ดคืนในนี้ ก็จะถูกส่งกลับไปในเวลาเช้าที่จะเริ่มการทดสอบ… เพียงแต่เจ้าต้องตอบมาก่อน ว่าทำไมเจ้าจึงอยากเป็นทหารหลวง ข้าคิดว่าเจ้าน่ะห่างไกลกับคำว่าทหารหลวงที่เต็มไปด้วยระเบียบวินัยมากนัก”

“อืมม … ก็ … ต้องมีเหตผลด้วยเหรอ ก็แค่อยากลองสอบดู”

แม็กอ้ำอึ้งไปช่วงหนึ่ง เพราะเขาคิดว่าไม่ควรพูดเรื่องการไปหาหลักฐานช่วยเหลือหมิวออกมา ดังนั้นจึงไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงออกมา

“เอาเถอะ เจ้าก็คงเป็นเหมือนนักผจญภัยส่วนใหญ่กระมัง พวกเจ้าไม่ได้อยากเป็นทหารหลวง เพราะไม่สามารถอดทนทำหน้าที่ได้ พวกเจ้าเพียงแค่อยากเข้าทดสอบเพื่อวัดระดับของตัวเอง เพื่อชื่อเสียงซินะ”

เซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่นั่นเป็นความจริง เหล่านักผจญภัย หรือผู้เล่นนั้นส่วนหนึ่งนั้นมักจะเข้าสอบทหารหลวงเป็นประจำ เพียงแต่มีส่วนน้อยมากที่สอบได้แล้วจะเข้าไปประจำการจริง ๆ เพราะทหารหลวงไม่ได้มีหน้าที่หวือหวามากนักในช่วงไร้ไฟสงคราม ส่วนใหญ่จึงเพียงสอบเพื่อวัดระดับตนเอง ว่าจะสามารถผ่านไปถึงทหารระดับใดได้

แน่นอนว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างก็เล็งที่จะให้ได้ทหารหลวงระดับหนึ่งอย่างเช่นที่เซเฟียเป็น และนั่นคือระดับทหารที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ที่สุด แต่ส่วนใหญ่นั้นผู้เล่นมักจะทำได้เพียงระดับห้าเป็นอย่างสูงเท่านั้น และระดับห้าก็มีหน้าที่หลักในช่วงสงบคือการยืนยามรอบพระราชวัง เหล่าผู้เล่นที่ทดสอบผ่านจึงไม่มีใครคนใจอยากทำงานอันแสนน่าเบื่อนี้

“ชื่อเสียงเหรอ? เรื่องไร้สาระน่า ผมไม่สนเรื่องนั้นหรอก เอาเป็นว่าผมอยากเป็นทหารเพราะอยากช่วยเพื่อนคนนึงต่างหาก”

แม็กส่งเสียงดังเฮอะ แล้วเผลอเผยความคิดส่วนหนึ่งออกมา เพราะทนไม่ได้กับคำสบประมาท

“… ท่าทางเจ้าจะไม่ได้โกหก … เอาเถอะ ข้าไม่คิดสนใจว่าเจ้าจะช่วยสหายอย่างไร แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ข้ายินยอมให้เจ้าสมัครเข้ารับการทดสอบได้ … เพราะยังไงอย่างเจ้าก็คงไม่ผ่านการทดสอบ”

ไม่ทราบว่าเพราะคำว่าสหายหรือไม่ แววตาเย็นชาของเซเฟียจึงอ่อนลงเล็กน้อย เธอตอบรับคำขอเข้ารับการทดสอบ แล้วก้มหน้าลงไปหยิบกิ่งไม้เขี่ยถ่านไม้ที่โดนเผาจนเป็นสีแดงในกองไฟ

“ดูถูกกันมากไปหรือเปล่า?”

“ข้าพูดตามความเป็นจริง … เจ้าเพิ่งเข้ามาในนี้ไม่นาน ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้ ผู้เล่นที่จะผ่านการทดสอบทหารระดับห้าได้อย่างน้อยก็ต้องเลเวลสองร้อยขึ้นไป และมีประสบการณ์การต่อสู้ไม่น้อย แล้วตอนนี้เจ้าเลเวลเท่าไหร่ล่ะ?”

“… เอ่อ … ก็เพิ่งเลเวลหนึ่ง … แต่ต้องนับกันที่ฝีมือซิ ไม่ใช่เลเวล”

แม็กตอบด้วยท่าทางกระดาก แต่นั่นคือความจริง ตั้งแต่เข้าเกมมาเขายังไม่เคยออกไปล่าสัตว์อสูรเก็บเลเวลเลยสักครั้ง ส่วนเซเฟียที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองดูแม็กด้วยสายตาแปลกประหลาดระคนสมเพช

“เจ้าไม่เคยออกล่าสัตว์อสูรเลยใช่มั้ย?”

“ก็ใช่”

“เจ้าใช้ดาบเป็นหรือเปล่า?”

“ไม่เป็น”

“เจ้าเคยต่อสู้ด้วยมือเปล่ากับใครมั้ย?”

“ไม่เคย”

“เจ้าเคยใช้ชีวิตในป่า ล่าสัตว์ป่าประทังชีวิตในฐานะผู้ล่าบ้างมั้ย?”

“ไม่เคย”

“เจ้าไม่เคยทำสิ่งพวกนี้เลย เจ้าเพียงแค่มีฝีมือยิงธนูแบบงู ๆ ปลา ๆ แล้วเจ้าคิดจะเป็นทหารเพื่อปกป้องผู้อื่นงั้นหรือ เจ้าจะปกป้องใครได้ … ข้าคิดว่าเจ้าอย่าไปเข้ารับการทดสอบให้ได้รับความอับอายเลยดีกว่า”

เซเฟียส่ายศีรษะไปมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเวทนา ซึ่งมองกันในแง่หนึ่งแล้วเธอก็พูดถูก ปกติแล้วผู้เล่นเลเวลหนึ่งไร้ประสบการณ์สู้รบไม่มีทางผ่านการทดสอบ และยิ่งไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมทดสอบด้วยซ้ำ

“ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้หรอกน่า”

แม็กแสดงสีหน้าดื้อรั้นไม่ยอมรับทั้งที่เขาเองก็เริ่มหวั่น ๆ ไม่มีความมั่นใจสักนิดว่าตัวเขาเองมีดีพอที่จะผ่านการทดสอบ และดูเหมือนเซเฟียจะพอจับความรู้สึกไม่มั่นใจนั้นได้ เธอจึงยิ้มและส่ายศีรษะไปมาอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังลานโล่งกว้างใกล้ ๆ

“ถ้าอยากลองงั้นก็ลองดู มาสู้กันด้วยมือเปล่า ถ้าพวกไร้ฝีมืออย่างเจ้าสามารถโจมตีโดนข้าแม้แต่ครั้งเดียว ข้าจะยอมรับให้เจ้าเข้ารับการทดสอบ … ถ้าหากว่าเจ้ารู้ว่าควรลงมือโจมตียังไงล่ะก็นะ”

แม้จะไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่โดนสาวสวยมาท้าทายต่อหน้าต่อตาแบบนี้ แม็กจึงลุกพรวดเดินตามไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดขัดใจ จากนั้นเขาจึงค่อยพบว่าเซเฟียพูดถูกต้อง เขาได้แต่ยืนประจันหน้ากับเธอ แต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มลงมือโจมตีอย่างไร เพราะเขาไม่เคยต่อสู้กับใครมาก่อน โดยเฉพาะกับสาวสวยน่ารักอย่างเซเฟีย

“ว่าไงล่ะ เจ้าไม่เคยต่อสู้กับใครใช่หรือไม่ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องลงมือโจมตียังไง … หรือเจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้หญิง ก็เลยไม่กล้าลงมือ งั้นข้าลงมือเองก็ได้”

เซเฟียพูดตอกย้ำอีกครั้งจนแม็กปั้นหน้าไม่ถูก และเขาก็โต้แย้งกลับไปไม่ได้ จะลงมือก็ไม่ทราบว่าจะลงมือยังไงดี สุดท้ายเซเฟียก็ถอนหายใจแล้วพุ่งเข้ามาหาราวกับสายลมวูบหนึ่ง

แม็กมองเห็นการเคลื่อนไหวขณะที่เธอพุ่งเข้ามา เขามองเห็นเธอก้าวขาขวามาด้านหน้า มองเห็นเธอพุ่งหมัดซ้ายตรงดิ่งมายังใบหน้าของเขา เขามองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมด เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขากลับไม่สามารถเคลื่อนไหวหลบหนีได้เหมือนกับที่เคยหลบหมัดของสตรอง

แรงอัดอากาศกระแทกเข้าใส่หน้าเขาแผ่วเบาโดยที่ยังคงลืมตามองค้างเช่นนั้น กำปั้นที่แลดูอ่อนแอของเซเฟียหยุดอยู่ที่ปลายจมูกจนได้กลิ่นหอมอ่อนจางของกายสาว ผลของการโจมตีปรากฎออกมาแล้ว เขาไม่สามารถกระดิกตัวหลบได้แม้แต่นิดเดียว

“… เข้าใจแล้วหรือยัง? … การโจมตีของนายบ้ากล้ามคนนั้นมีแต่เรี่ยวแรง ไม่มีความเร็ว ไม่มีชั้นเชิง และไม่มีความแม่นยำ เจ้าอาจจะอ่านทางได้ดี จึงสามารถหลบหมัดแบบนั้นได้ แต่หากเจอกับของจริงแบบนี้เข้าไป ยังไงก็ไม่รอด”

เซเฟียคลายกำปั้นออกใช้นิ้วแตะที่ปลายจมูกของแม็กราวกับกำลังกลั่นแกล้งเด็กชายตัวน้อยไร้พิษสง แม็กจึงทั้งขุ่นแค้นทั้งจนปัญญา ไม่ทราบว่าจะกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมาด้วยวิธีใด

“ถ้ายังไม่ยอมรับ ก็ลองโจมตีเข้ามาเลย ซัดให้เต็มที่”

เธอมองเห็นความดื้อรั้นไม่ยอมรับในสายตาของแม็ก เธอจึงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วกวักมือเรียกท้าทายให้เขาพุ่งเข้าไปโจมตี ตอนนี้แม็กจึงสูดลมหายใจเข้าไปรอบหนึ่ง เขากำหมัดแล้วก้าวเท้าไปข้างหน้าต่อยหมัดเล็งไปที่หน้าท้องของเธอโดยใช้พลังเพียงเล็กน้อย

ตุ้บ!!! เสียงกระแทกแผ่วเบาดังขึ้น หมัดของแม็กโดนแขนอ้อนแอ้นของเซเฟียกระแทกจากด้านข้างจนแฉลบออกไม่โดนเป้าหมาย จากนั้นเธอก็สะบัดฝ่ามือกระแทกใส่ใบหน้าเสียดังพลั่กจนแม็กหน้าหงายเซถอยไปด้านหลังสามก้าว

“โจมตีอ่อนปวกเปียกแบบนั้นจะโดนได้ยังไง? เป็นผู้ชายเสียเปล่า น่าขายหน้าจริง ๆ”

เซเฟียยังคงยืนนิ่งที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งยังพูดเย้ยหยันใส่จนเขาเริ่มโกรธขึ้นมาจริง ๆ แม็กจึงสูดลมหายใจอีกเฮือกหนึ่ง แล้วก้าวเท้าเข้าไปเหวี่ยงกำปั้นใส่แม่นักรบสาวด้วยความแรงกว่าเดิม

เสียงตุ้บ ๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมัดที่เหวี่ยงอย่างสะเปะสะปะไร้ชั้นเชิงของแม็ก โดนเซเฟียใช้มือฟาดตบจนแฉลบไปรอบข้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าไม่มีหมัดใดเลยที่จะเฉียดโดนร่างกายของเธอ แต่กลับเป็นแม็กเสียอีก ที่โดนเธอใช้ฝ่ามือสวนฟาดกลับใส่เสียหลายครั้งจนหน้าตาเริ่มปรากฎรอยแดงช้ำขึ้นมา

ฉาด!!! เสียงฝ่ามือสุดท้ายตบใส่จนแม็กหน้าหันเซถลาล้มลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ เขานั่งหอบเหนื่อยส่งเสียงโอดโอยเพราะแสบร้อนไปทั่วทั้งใบหน้า ในขณะที่เซเฟียยังคงยืนนิ่งไม่ขยับขาแม้สักครึ่งก้าว

“เจ้าโจมตีแบบลังเล ไม่ใส่กำลัง ไม่มีความเร็ว ไม่มีการหลอกล่อ ไม่ต้องการทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ไม่มีจิตสังหาร การโจมตีของเจ้ามันไร้พิษสงโดยสิ้นเชิง แล้วยังจะต้องการสอบคัดเลือกทหารอีกเหรอ เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว เจ้ามันเป็นแค่คนอ่อนแอที่ไม่เคยสู้รบจริงแม้สักครั้งเดียว”

เซเฟียกล่าวตอกย้ำก้มลงมองเขาด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลน แต่คนที่เพิ่งโดนซัดจนน่วมกลับโต้เถียงไม่ออกสักคำ เขาได้แต่เงยหน้ามองดูเธอด้วยความรู้สึกละอายเจ็บปวด และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มรู้สึกอยากฝึกฝนการต่อสู้ขึ้นมาอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ใบหน้าที่แสดงออกว่าเหยียดหยามเย็นชานั้นกลับมีความตื่นตระหนกซ่อนอยู่ การโจมตีอันลังเลปวกเปียกไร้สาระเหล่านั้นไม่คู่ควรให้พูดถึง แต่เซเฟียกำลังแปลกใจที่ผู้เล่นเลเวลหนึ่งอย่างแม็กสามารถขยับใบหน้าผ่อนรับแรงโจมตีได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งฝ่ามือสุดท้ายที่เธอออกแรงตั้งใจให้เขาสลบเหมือดกลางอากาศ ก็ยังทำได้แค่ผลักให้เขาเซถอยไปด้านหลังเท่านั้น

หากแม็กเป็นผู้เล่นเลเวลหนึ่งที่มีพลังชีวิตต่ำต้อยจริง ๆ เขาคงจะสลบเหมือดไปตั้งแต่ฝ่ามือแรกแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เป็นผู้เล่นเลเวลหนึ่งธรรมดา แต่เป็นผู้เล่นที่มีค่าพลังติดข้อจำกัดของคลาสหนึ่ง หรือก็คือมีค่าพลังทุกอย่างหนึ่งร้อยหน่วย และมีค่าพลังชีวิตอีกหนึ่งหมื่นหน่วย ซึ่งค่าพลังระดับนี้ เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับผู้เล่นเลเวลสองถึงสามร้อยได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการโจมตีของเซเฟียจึงไม่ได้ผลอย่างที่เธอคาดคำนวณไว้

“ไม่เคยสู้รบแล้วไง? อ่อนแอแล้วยังไง? … เซเฟีย คุณสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่ผมบอกตลอดเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนในนี้ใช่มั้ย ถ้างั้นตั้งแต่วินาทีนี้ไป คุณต้องทำตามคำสั่งของผมทุกอย่าง”

ยิ่งเห็นแม็กลุกพรวดขึ้นมายืนได้โดยไม่มีท่าทีบอบช้ำ เซเฟียก็ยิ่งแตกตื่นงุนงง กระทั่งเมื่อได้ยินเขายกอ้างคำสัญญาของเธอออกมาด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว เซเฟียก็แบะปากแสดงสีหน้ารังเกียจชิงชัง ในที่สุดเขาก็เผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา เขาก็เป็นแค่ผู้ชายมักมากในกามทั่วไปที่มีแต่จะบีบบังคับให้เธอตกเป็นของเขาเหมือนพวกราชวงศ์ และนี่เป็นผู้ชายในแบบที่เธอรังเกียจที่สุด

“เฮอะ … ข้ารักษาสัญญา เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำเลย ข้ารับรองว่าจะไม่ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่อย่าหวังว่าข้าจะตอบสนองเชียวล่ะ เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำไป ข้าจะอยู่เฉย ๆ ของข้าเท่านั้น”

น้ำเสียงของเซเฟียเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เธอรักษาสัญญา ไม่ปัดป้องถอยหนี เพราะนี่คือเกียรติยศแห่งนักรบ เธอเพียงแค่เสียใจอยู่บ้างที่รู้สึกเหมือนมองเห็นอะไรบางอย่างอันแสนคุ้นเคยในตัวเขาจนเกิดความคาดหวัง และเรียกเขามาหาในที่แห่งนี้

“พูดอะไร? ถ้าอยู่เฉย ๆ จะสอนผมได้ยังไง? ตอนนี้ผมขอสั่งให้คุณช่วยสอนผมให้ต่อสู้เป็นภายในเจ็ดวันนี้ คุณเป็นระดับครูฝึกไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้น่าจะทำได้มั้ง”

แม็กกำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเขาจึงพูดโพล่งด้วยน้ำเสียงอันดังอยู่บ้าง และหากให้พูดกันตรง ๆ แล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้มีความคิดที่จะขออะไรเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเขากำลังคลั่งแค้น แต่ไม่ได้แค้นเซเฟียหรือคนอื่นใด เขาเพียงแค้นตัวเอง แค้นที่ตัวเองอ่อนแอ ไม่มีฝีมือทางด้านการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

“… สอนการต่อสู้งั้นเหรอ? … เจ้าไม่ได้อยากได้ … ไม่อยากทำลามกนั่นหรอกเหรอ?”

เซเฟียยืนอึ้งไปชั่วขณะ เธอเบิกตาค้างมองดูเขาเหมือนกับไม่เชื่อหูตัวเอง และเมื่อได้คิดไตร่ตรอง เธอกลับต้องเป็นฝ่ายรู้สึกละอายใจที่มองเขาผิดเพี้ยนไป กระนั้นที่สะท้านสะเทือนใจเธอที่สุดนั้นก็คือ ยิ่งเธอได้สัมผัสรู้จักเขามากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าแม็กนั้นมีส่วนคล้ายคลึงกับผู้ชายอีกคนที่ประทับอยู่ในใจส่วนลึกของเธอ

…………………………………………………

“เจ้าอ่อนแอเกินไป ไร้ประสบการณ์เกินไป ถ้าหากมัวฝึกพื้นฐานกันก็คงไม่ทันเวลา เอาเป็นว่าเราจะใช้หลักสูตรเร่งรัด แต่ต้องค้นหาความชำนาญ และพรสวรรค์ของเจ้าออกมาเสียก่อน … เจ้าโชคดีแล้วที่มาที่นี่ แม่หมอพยากรณ์ของเผ่ากีร่าอาจจะสามารถช่วยอ่านความสามารถของเจ้า และแนะนำการฝึกฝนได้”

“แม่หมอพยากรณ์นั้นเหรอ?”

เซเฟียนำพาแม็กเดินเข้าไปในบริเวณที่มีชนเผ่ากีร่าอาศัยอยู่ พวกเขาสองคนเดินอ้อนผ่านกระโจมที่สร้างจากกิ่งไม้ใบหญ้าตรงเข้าไปยังกระโจมหลังใหญ่หลังหนึ่ง และตอนนี้แม็กก็ได้เห็นแล้วว่าชนเผ่าทั้งหลายนั้นส่วนใหญ่มีรูปร่างน่ามองเหมือนนายแบบนางแบบจากทวีปลาตินจริง ๆ

แม็กกับเซเฟียเป็นจุดเด่นพอสมควร ชนเผ่าทั้งที่อ่อนเยาว์และสูงวัยต่างจ้องมองดูกันด้วยความสนใจ หากทว่าสายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเป็นมิตรเหมือนชาวป่าชาวเขาที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมไม่ทันคน

“แม่หมอพยากรณ์เป็นผู้อาวุโสของชนเผ่า เป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่า ท่านมีพลังในการมองดูผู้คน ท่านสามารถเฟ้นหาสิ่งที่ผู้คนไม่รู้เกี่ยวกับตัวเอง เพื่อแนะนำชี้ทางได้ … เข้าไปเถอะ ท่านคงรู้แล้วว่าเรามาหาเพราะอะไร”

เซเฟียอธิบายซ้ำด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบ แม็กจึงนึกเห็นภาพของยายแก่ที่มองเห็นอนาคตในภาพยนต์อะไรสักเรื่องที่ตัวเอกมีพลังเหนือคนในมิติจำลอง

“รู้ได้ยังไง? แล้วจะให้เข้าไปคนเดียวงั้นเหรอ?”

“ใช่ แม่หมอพยากรณ์ต้องการบอกกล่าวกับเจ้าตัวเท่านั้น เข้าไปเถอะ ข้าจะคอยด้านนอก”

แม็กถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะไม่ทราบว่าทำไมเซเฟียจึงมั่นใจว่าแม่หมอจะรู้ว่าเขาจะมาหา และมาหาด้วยเรื่องอะไร แล้วเขาจะสื่อสารกับแม่หมอพยากรณ์คนนั้นได้หรือไม่ แต่เซเฟียก็พูดตัดบทแล้วหันหลังเดินฉับ ๆ จากไปโดยไม่แยแสสนใจอีก แม็กจึงได้แต่เดินอ้อมชาวเผ่าซึ่งกำลังร้องรำทำเพลงด้วยท่วงทำนองแปลกประหลาด แล้วมุดเข้าไปในกระโจมหลังใหญ่

“เอ่อ … สวัสดีครับ … ผมมากับเซเฟีย”

แม็กส่งเสียงทักด้วยความลังเลไม่แน่ใจเมื่อมองเห็นร่างของใครคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำตัวใหญ่นั่งอยู่บนพื้นกลางกระโจม ผ้าคลุมปิดบังทั้งตัวและใบหน้าจนเขามองไม่เห็นใบหน้าของแม่หมอคนนั้นจึงคาดเดาอายุไม่ได้

ภายในกระโจมมีกลิ่นสมุนไพรอ่อนจางโชยอยู่ เขาได้ยินเสียงร้องเพลงจากชนเผ่าที่อยู่ด้านนอกกระโจมเป็นระยะ พื้นที่ส่วนใหญ่ในนี้เป็นพื้นที่โล่งไม่มีข้าวของอะไร มีก็แต่แม่หมอ กับลูกแก้วที่ดูคล้ายกับหัวกระโหลกวางอยู่ด้านหน้าของแม่หมอที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอลึกลับ แม่หมอไม่ตอบและไม่หันมามอง แต่แม็กกลับรู้สึกว่าเขาควรจะไปนั่งที่ด้านตรงข้ามของแม่หมอ

“… ข้ามองเห็นสายลมที่พัดผ่านทุ่งกว้าง … เจ้าเป็นดั่งสายลมที่ชื่นชอบอิสระเสรีไร้ซึ่งสิ่งผูกมัด”

แม่หมอก้มหน้านิ่งไปอีกระยะหนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนเป็นเสียงของเด็กสาวรุ่นอายุสิบห้าสิบหก แม็กจึงเกิดอาการงุนงงไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้วแม่หมอคนนี้จะอายุเท่าไหร่กันแน่ เพราะเซเฟียใช้คำบรรยายว่าผู้อาวุโสซึ่งขัดกับเสียงที่เขาได้ยิน … ว่าแต่ที่แม่หมอพูดคืออะไร? จะบอกว่าเขาคือสายลมอย่างงั้นหรือ?

“… เจ้าไม่ใช่คนหูเบา เชื่อคนง่าย เจ้าจะเชื่อเมื่อได้พิสูจน์ด้วยตนเอง นับว่าเป็นอุปนิสัยที่ดี … อิสระเสรี แต่ไม่เลื่อนลอย … นั่นล่ะคือตัวเจ้า”

“… ตัวผมงั้นเหรอ?”

แม็กถามด้วยความไม่แน่ใจ แต่เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่แม่หมอพูดก็ดูจะไม่ผิดพลาดจากความจริงนัก เขาเป็นพวกชอบความเป็นอิสระเสรีอย่างที่สุด และเขาไม่ค่อยเชื่ออะไรง่าย ๆ นัก … และตอนนี้เขากำลังตั้งข้อสงสัยต่อแม่หมอ ว่าเธอรู้นิสัยของเขาได้อย่างไร หรือว่าในเกมนี้สามารถอ่านนิสัยของผู้เล่นได้ด้วย?

“จงสงสัย แต่อย่าต่อต้าน … ข้าเพียงมองเห็นตัวตนบางส่วนของเจ้า ตัวตนที่เจ้าอาจจะมองไม่เห็น หรือไม่เคยสัมผัสถึง … จงสงสัย แต่จงรับฟังด้วยความตั้งใจ …”

แม่หมอพูดทั้งที่ยังคงก้มหน้านิ่งเช่นเดิม จากนั้นเธอก็นิ่งเงียบเหมือนตั้งใจจะให้แม็กได้ย่อยสลายความคิด และเกิดความสงสัย เวลานี้แม็กจึงเป็นฝ่ายตื่นเต้นอยากรู้ว่าแม่หมอจะพูดอะไรออกมาอีก

“เจ้ามิใช่พวกชื่นชอบการฆ่าฟัน … แต่เจ้าไม่ชอบความพ่ายแพ้ … เจ้าคุ้นเคยกับชัยชนะ … เจ้ามิใช่คนซื่อสัตว์โง่งมไม่ทันคน … เจ้าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมาย … เจ้ามิได้ถูกย้อมด้วยสีดำอันโฉดชั่ว แต่ก็มิใช่สีขาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา เจ้าเป็นมนุษย์สีเทาที่มากด้วยเล่ห์กล แต่ไม่ทำร้ายผู้ใดหากไม่จำเป็น … ข้ามองเห็นความเป็นนักล่าในตัวเจ้า … เจ้าเป็นบุตรหลานของหมาป่าสีเทาหนึ่งในสี่สัตว์เทพที่เผ่าของเราเคารพบูชา … เจ้าเป็นนักล่า เจ้าเป็นหมาป่าสีเทา …”

“… นักล่า? หมาป่าสีเทา?”

“สิงห์โต เป็นตัวแทนแห่งความแข็งแกร่ง และความเป็นจ้าวป่า แสวงหาซึ่งพลังอำนาจ … กวาง เป็นตัวแทนแห่งความรักสงบ ไม่เบียดเบียน แต่อ่อนแอ … เหยี่ยว เป็นตัวแทนแห่งการวางเฉยไม่สนใจสิ่งใดนอกจากตนเอง … หมาป่าเป็นตัวแทนแห่งนักล่าที่รักอิสระเสรีและมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม …”

แม็กรับฟังน้ำเสียงที่นุ่มเสนาะหูชวนฟังด้วยความรู้สึกเหมือนโดนมนตร์ขลังสะกด เขาพยายามไม่เชื่อในสิ่งที่แม่หมอพูดจา แต่ก็ไม่อาจหาอะไรมาหักล้างกับการทำนายทายทักของแม่หมอพยากรณ์ได้ กระนั้นการโดนเปรียบเทียบว่าเป็นนักล่าหรือหมาป่าก็ดูไม่ค่อยจะลื่นหูสักเท่าใดนัก

“จงสงสัย และจงครุ่นคิด … วันพรุ่งนี้จะมีพิธีเบิกเนตรไพรีของเผ่าเรา … เจ้าต้องเข้าร่วม … แล้วเจ้าจะได้เรียนรู้สิ่งที่คู่ควรกับเจ้า … เจ้าจะได้เรียนรู้สิ่งที่เจ้าลืมเลือน สิ่งที่พวกเราเรียกว่าความเป็นนักล่า”

“พิธีอะไร?”

แม็กถามกลับด้วยความงุนงงกว่าเดิม ไม่เข้าใจว่านั่นคือพิธีอะไร และจะให้เขาเข้าร่วมเพื่ออะไร แล้วทำไมเขาจึงต้องเข้าร่วม

“… จงไปถามไถ่เรื่องนี้กับผู้คนที่ด้านนอกเถอะ … เราไม่มีเรื่องต้องพูดคุยกันแล้ว ลาก่อน … เอ๊ะ … นั่นคืออะไร … พรสวรรค์สีดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของเจ้าคืออะไร? … จงยื่นมือออกมา … จงยื่นมือออกมา …”

แม่หมอพยากรณ์ไม่ตอบคำถามซ้ำยังพูดส่งแขกบอกว่าการสนทนาจบลงแล้ว แต่พูดยังไม่ทันไร ร่างใต้ชุดคลุมของแม่หมอที่เหมือนจะรู้ซึ่งทุกสรรพสิ่งก็สั่นสะท้านระริก เธอเหมือนเพิ่งเห็นอะไรที่น่าแตกตื่นบางอย่าง แล้วแม่หมอก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับยื่นฝ่ามือสีแทนแต่นุ่มนิ่มเกลี้ยงเกลาเหมือนมือเด็กสาวออกมาคว้าจับมือของแม็กเอาไว้

แม็กสะดุ้งเล็กน้อยไม่เข้าใจว่าแม่หมอมองเห็นอะไร เขามีอะไรที่ซ่อนอยู่? แต่ตอนนี้เขากำลังสนใจกับความนุ่มนิ่มของฝ่ามือแม่หมอมากกว่า เพราะนั่นเหมือนกับมือของเด็กสาวรุ่นแบบเดียวกับเสียงของเธอ

“มีอะไรแม่หมอ?”

“… สิ่งนั้นคืออะไร … มันซุกซ่อน หลบหนี … นาฬิกาทรายงั้นหรือ? … ไม่แน่นัก … เจ้าต้องเปิดใจ เปิดให้ข้าค้นหา อย่าปกปิด จงอย่าปกปิด”

“ปกปิดอะไร? … อื้อหือ แม่หมอทำไมสวยอึ๋มขนาดนี้”

เขาถามด้วยความงุนงงผสมกับความรำคาญ เพราะมือนุ่มนิ่มข้างนั้นกำลังลูบคลำไปตามมือและแขนของเขาคล้ายกับจะลวนลาม แต่ในจังหวะนั้นเองที่ดวงตาของเขาต้องเปิดกว้างเหม่อมองดูแม่หมอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เพราะว่าการขยับตัวด้วยความตื่นตระหนกของแม่หมอทำให้ผ้าคลุมสีดำหลุดลุ่ยลงไปกองบนพื้น เปิดเผยให้เห็นใบหน้าและร่างกายของแม่หมอที่มองอย่างไรก็ไม่ต่างกับเด็กสาวแสนสวยวัยสิบห้าสิบหกเลยแม้แต่นิดเดียว

ที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือเด็กสาวหน้าตาสะอาดหมดจดสดใสสวยน่ารักไม่แพ้ใคร ผิวของเธอเป็นสีแทนเหมือนกับชนเผ่าทุกคน เธอแต่งกายด้วยใบไม้รัดพันตรงส่วนสำคัญเช่นเดียวกับคนอื่น แต่ใบหน้าของเธอสวยงามน่ามองดูในระดับใกล้เคียงกับแองจี้ เพียงแต่แอบแฝงเสน่ห์ที่แลดูลึกลับอยู่บ้าง ส่วนด้านร่างกายของเธอนั้นดูจะเติบใหญ่เกินใบหน้าไปเยอะ

หากหน้าตาของเธอบ่งบอกอายุประมาณสิบห้าสิบหก หน้าอกอวบอิ่มแน่นเด้งไซส์สามสิบหกคัพดีของเธอก็คงระดับเดียวกับสาวมหาลัยวัยยี่สิบต้น ๆ แม้แต่สะโพกและเรียวขาก็เต็มไปด้วยความหนั่นแน่นเต่งตึงยั่วอารมณ์หื่นจนของเขาเริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันทีที่ได้เห็น ส่วนตำหนิที่น่าเสียดายเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ดวงตาสีดำขลับทั้งคู่ของเธอเหม่อลอยไร้ประกาย … ราวกับว่าเธอตาบอด

“มันกำลังจะเลือนหายไป ข้าต้องสัมผัสให้มากกว่านี้ มันพยายามหลบซ่อนข้า ดังนั้นข้าจะนำพาเจ้าไปหามัน เจ้าจงหลับตาลง และถอดเสื้อผ้าออกเพื่อให้ข้าสัมผัสจิตวิญญาณของเจ้าเดี๋ยวนี้”

แม่หมอวัยสาวยังคงส่งเสียงด้วยความแตกตื่น จากการสังเกตของเขา ดวงตาของเธอมืดบอดจริง ๆ เพราะไม่มีการกลอกตาหรือกระพริบตามองตาม และดูเหมือนว่าแม่หมอกำลังสนใจอะไรบางอย่างจนลืมตัวไปเสียแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ส่วนเธอเป็นผู้หญิง

‘พูดอะไรหว่า สัมผัสอะไร หรือว่าเธอกำลังจะยั่วเรา?’

แม็กคิดในใจด้วยความงุนงง แล้วความคิดประสาเพลย์บอยก็แวบผ่านเข้ามาในหัวสมอง เขาแปลความหมายของแม่หมอหุ่นสะเด็ดน่าฟัดไปในทางชู้สาวตามความเคยชิน เขาจึงเริ่มถอดเสื้อของตัวเองออก แต่ยังคงลืมตามองดูแม่หมอไว้แทบไม่กระพริบ

แม้ดวงตาของแม่หมอจะยังเหม่อลอยมองไม่เห็น แต่เหมือนเธอจะรับรู้สัมผัสได้ว่าเขากำลังถอดเสื้อ เธอจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าที่ดูคล้ายชุดว่ายน้ำซึ่งทำจากใบไม้ออกจนร่างเปลือยเปล่า หน้าอกคัพใหญ่เด้งผึงออกมาอวดปลายถันสีน้ำตาลอ่อนให้เขามองสำรวจ … นี่เธอไม่รู้ว่าเขาลืมตาอยู่ หรือว่าเธอจงใจยั่ว?

แม็กไม่ทราบและไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไง เขาเพียงรีบถอดกางเกงออกจนล่อนจ้อนด้วยตั้งใจอวดความเป็นชายขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานออกมา และทันทีที่เขาล่อนจ้อน แม่หมอหุ่นอึ๋มก็โผเข้ามากอดรัดรอบเอวของเขาเอาไว้จนแน่น เธอบดเบียดหน้าอกไซส์ใหญ่เข้าใส่บริเวณลิ้นปี่ของเขา พร้อมกับซบแนบหน้าลงบนแผงหน้าอกทำท่าเหมือนจะฟังเสียงหัวใจของเขาเต้น

แม็กยืนดื่มดำความนุ่มนิ่มและเสพดมกลิ่นกายที่หอมเหมือนกลิ่นสมุนไพร เขาโอบกอดเธอตอบและก้มหน้าลงไปสูดดมความหอมจากเส้นผมสีดำเหมือนแพรไหม

“ทำไมกัน … ทำไมถึงยังมองไม่เห็น … เจ้าต้องเปิดใจให้มากกว่านี้ จงเปิดใจและสัมผัสข้าให้มากขึ้น ข้าจะได้อ่านเจ้าได้”

“… สัมผัสให้มากขึ้นเหรอ ได้เลย … จัดให้”

แม่หมอยังคงพูดเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ เขารู้สึกเหมือนแม่หมอไม่ได้พูดเรื่องชู้สาว แต่จนใจที่เวลานี้หัวสมองส่วนล่างกำลังสั่งการหัวสมองส่วนบน เขาจึงพาลคิดไปว่าแม่หมอกำลังเปิดทางอยากให้เขาสัมผัสเธอมากขึ้น เขาจึงเริ่มลงมือเล้าโลมโดยพลัน

แม็กผลักแม่หมอลงไปนอนบนพื้นซึ่งมีผ้าปูไว้ผืนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงไปนอนกอดทับแล้วประกบปากจูบอย่างรวดเร็ว แม่หมอหุ่นอึ๋มแสดงท่าทีตื่นตกใจ เธอพยายามเม้มปากส่งเสียงอู้อี้ไม่เปิดรับการรุกราน ทั้งยังพยายามใช้สองมือผลักไสร่างของเขาออก แต่ว่าหนุ่มนักรักอย่างเขาผ่านงานมาขนาดไหนแล้วถึงจะยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้

“อุ๊บบบ … ไม่ … อื้อออ … ไม่ใช่ …”

เขาอ้าปากงับริมฝีปากของแม่หมอแล้วเลียแผ่วเบา ขณะเดียวกันก็คว้ามือตะปบขยำลงไปบนสองเต้าอวบแล้วขยำขยี้จนแม่หมอเผลออ้าปากร้องคราง และเวลานั้นเองที่เขาได้ทำการแทรกเบียดลิ้นเข้าไปตวัดพัวพันกระตุ้นอารมณ์รักให้แม่หมอคนสวยได้สำเร็จ

“อื้ออออออ”

เพียงจูบเดียวแม่หมอก็หยุดนิ่งไปโดยสิ้นเชิง แม็กสัมผัสได้ทันทีว่าแม่หมอเป็นพวกอ่อนประสบการณ์และน่าจะยังเป็นของใหม่สดซิงไม่เคยผ่านงานมาก่อน ตอนนี้เขาจึงค่อย ๆ ละเลียดฉกลิ้นระรัวเสพความหอมหวานในโพรงปากของเธออย่างแผ่วเบาทะนุถนอม ไปพร้อมกับใช้มือบีบขยำทรวงอกอวบอิ่ม

เสียงร้องเพลงและเสียงกลองของชาวชนเผ่าที่ด้านนอกยังคงดังแว่วเข้ามา เสียงนั้นสอดประสานกับเสียงหอบครางหนักหน่วงของผู้เป็นแม่หมอของชนเผ่าได้เป็นอย่างดี และนั่นยิ่งทำให้บรรยากาศภายในกระโจมยิ่งตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า

แม่หมอผู้หยั่งรู้ดินฟ้าของชาวเผ่าได้แต่นอนระทดระทวยปล่อยให้เขาเสพความหอมหวานของเรือนกาย เธอย่อมไม่ได้หมายความให้เขาทำเรื่องแบบนี้ เธอเพียงต้องการสัมผัสหยั่งถึงบางสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน และยิ่งเธอสัมผัสกับอีกฝ่ายมากเพียงใด สัมผัสการอ่านของเธอก็จะยิ่งเฉียบคมได้ลึกมากขึ้น ดังนั้นเธอจึงเอ่ยปากให้เขาสัมผัสเธอให้มากขึ้น และนั่นไม่ได้หมายความว่าให้เขาร่วมรักกับเธอ

“ฮ้าาาาา”

อย่างไรก็ตามเรื่องราวได้มาถึงขั้นนี้แล้ว สาวไร้เดียงสาอย่างเธอย่อมไม่อาจต้านทานขัดขืน เพียงโดนเขาจูบปากลูบไล้สติก็เลือนหายวับ ยิ่งโดนเขาอ้าปากงับดูดเลียที่ทรวงอกอารมณ์ของเธอก็ยิ่งส่งเสียงร้องครางดิ้นพล่านกระเจิดกระเจิงด้วยความร้อนแรง

แม็กเห็นว่าอีกฝ่ายโดนกระตุ้นเพียงพอแล้วจึงคิดเร่งเกมให้เร็วขึ้น เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีใครเข้ามาขัดจังหวะหรือไม่ เขาขบเม้มใส่ปลายถันสีน้ำตาลอ่อนของแม่หมอจนเธอสะดุ้งโหยงกอดเขาแน่น ก่อนจะไถลร่างขึ้นมาบดจูบปากพร้อมกับใช้มือจับสองขาของเธอถ่างอ้าออก

“อื๊ออออออ”

แม่หมอเบิกโพลงดวงตาที่มืดบอดทันทีที่ความสาวโดนรุกล้ำ เธอแทบจะหวีดร้อง แต่ว่าปากโดนปิดเอาไว้จนสนิทจึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้นอกจากเสียงครางในลำคอ

แม็กพยายามกลั้นใจค่อย ๆ แทรกแก่นกายเข้าไปสัมผัสกับเนื้อในของแม่หมอ เขาไม่อยากเร่งรีบเกินไปจนเธอเจ็บปวด แต่แรงตอดรัดหนุบหนับกำลังทำให้เขาแทบยั้งใจไม่อยู่ อยากกระแทกให้ของเธอฉีกขาดยับเยินไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ฮ้าาาาา … อะ … อะ … อูววว … ซี้ดดสสส … อูววววว”

สาวสวยหลับตาปี๋ส่งเสียงครางกระเส่าขณะที่เขาเริ่มเดินหน้า ความเจ็บปวดที่โดนชำแรกเยื่อพรหมจรรย์ทำเอาเธอต้องหลับตาปี๋แทบร้องกรี๊ดออกมา กระนั้นนี่เป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถหลบหนีได้เธอจึงต้องกัดฟันอดทน และเธอก็ต้องอ้าปากเหวออีกครั้งเมื่อเจ้าสิ่งนั้นหลุดพรวดฝ่าด่านแรกเข้าไปได้สำเร็จ

แม็กกัดฟันกรอดค่อย ๆ ขยับแทรกเข้าไปในความฟิตแน่นของเด็กสาว เขาจับสองขาของเธอถ่างอ้าออกอีกแล้วกระแทกเอวใส่เต็มแรงจนเธอเด้งผวา แต่ผลลัพธ์ก็คือของเขามุดเข้าไปได้สุดลำแล้ว

เวลานี้ที่เหล่าชนเผ่าที่ด้านนอกกระโจมกำลังเล่นเพลงจังหวะรวดเร็ว แม็กก็เริ่มเคลื่อนไหวสะโพกกระแทกบั้นเอวใส่แม่หมอด้วยจังหวะรวดเร็วรุนแรงไม่แพ้กัน

แม่หมอวัยสาวโดนไฟราคะกระตุ้นจนต้องเด้งร่อนสะโพกและกอดจูบกับเขาเป็นพัลวัน ยิ่งเขาเร่งกระแทกกระหน่ำ เธอก็ยิ่งเสียวซ่านสะท้านใจ เวลานี้เธอกำลังต้องการให้เขาสัมผัสเธอให้ลึก และให้รุนแรงกว่าเดิม

แม็กเหมือนจะรู้ใจแม่หมอ เขาเร่งกระแทกกระทั้นพลางสูดปากซี้ดซ้าดสะใจ สองมือเร่งบีบบี้เคล้นคลึงเต้านม และบีบขยำไปทั่วร่างสาวสะคราญเพื่อปลุกปั่นความกระสัน ให้กับเด็กสาวให้มากที่สุด และเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาแม่หมอก็โดนส่งไปถึงฝั่งฝัน เธอคล้ายหลุดออกมาจากโพรงถ้ำอันมืดมิด ล่องลอยอยู่บนที่ที่มีแต่ความสว่างขาวโพลนไปหมด

“ฮ้าาาาา … ซี้ดดดสสสสส โอยยยย อื้ยยยยย โอยยยย ซี้ดดดสสสส … โอวววววว”

ร่างอวบอัดเต่งแน่นของเด็กสาวแม่หมอพยากรณ์เด้งกระตุกเกร็งสะท้านอย่างรุนแรง เธอแหงนหน้าเริ่ดสะบัดไปมา พลางส่งเสียงหวีดร่ำร้องครวญครางอย่างหฤหรรษ์ ขณะที่ร่องหลืบกระตุกตอดตุบดูดแท่งเนื้อที่หยั่งรากลึกอยู่ในร่างอย่างหิวโหย

แม็กเองก็มิอาจจะทนทานต่อแรงดูดตอดของร่องสาวได้อีกต่อไป เขาแอ่นเอวกระแทกใส่แม่หมอแบบเน้น ๆ สุดแรงอีกเพียงไม่ถึงสิบครั้งก็ฉีดกระฉูดน้ำกามเข้าไปจนเต็มร่องรักของแม่หมอ จากนั้นทั้งคู่ก็นอนหอบหายใจกอดเกี่ยวกันราวกับคู่รักคู่หนึ่ง

นั่นควรเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและหฤหรรษ์แสนหวาน หากทว่าหลังจากได้ปลดปล่อยความใคร่ออกไป แม็กกลับค่อยพบว่าทุกอย่างดับมืดลงอย่างกระทันหัน แม่หมอนมโตเลือนหายไป เขากลายเป็นอยู่ตัวคนเดียว แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังร่วงหล่นจากที่สูง หากทว่ามองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืด เขากำลังดำดิ่งลงไปในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด … ไม่มีที่สิ้นสุด

…………………………………………………………..

Share the Post:

Related Posts

หนูโดนคุณตาเลียหี

เรื่องเสียว หนูโดนคุณตาเลียหี บ้านนกเป็นหมู่บ้านจัดสรรค่ะ ข้างบ้านก็มีคุณตาใจดีคนนึงเมียแกก็เสียไปนานแล้ว คุณตาแกเป็นคนมีฐานะคนนึงเลยมีคนใช้สองคน มีหมาตัวหนึ่ง นกชอบไปเล่นที่บ้านคุณตาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะบางทีก็ไปอ่านหนังสือในห้องสมุดของคุณตา ไปเล่นกับหมา วันนึงนกก็เกิดเรื่องเสียวจนได้ เพราะนกไปอ่านหนังสือเล่นที่ห้องสมุดของคุณตาซึ่งคุณตาเองก็กำลังนอนกลางวันอยู่ คุณตาขอให้นกอ่านหนังสือให้ฟังค่ะ เพราะตาของแกก็ไม่ค่อยดีคุณตาให้นกเลือกหยิบหนังสืออะไรก็ได้ นกเองก็ดันไปหยิบหนังสือนิยายรัก แปลนะคะเป็นแนวรักโรแมนติก อ่านไปสักพักก็เจอฉากที่พระเอกปล้ำนางเอกค่ะ นกอ่านเสียงสั่นเลยเพราะเค้าเขียนว่าพระเอกผลักนางเอกลงบนเตียง แล้วก็เริ่มละเลงลิ้นตรงปุ่มสวาทของนางเอกอย่างหื่นกระหาย นกอ่านเสียงสั่นเลยค่ะ เค้าเขียนว่าเลียตรงปุ่มของนางเอกอย่างหื่นกระหายนกเองก็คิดภาพแล้วก็อยากช่วยตัวเองเลยค่ะ

Read More

เปิดประสบการณ์เสียวใหม่ เจอควยใหญ่แบบคูณสอง

เรื่องเสียว เปิดประสบการณ์เสียวใหม่ เจอควยใหญ่แบบคูณสอง ถ้าฉันเป็นวัยรุ่นสักตอน 20-30 ปีก่อน ฉันอาจจะโดนคนทั้งเมืองสาปแช่งไปแล้วเพราะว่าฉันคือผู้หญิงที่ไม่ใช่กุลสตรีอะไร เพราะว่าชอบท่องราตรี ชอบเรื่องเสียว และเสาะแสวงหาประสบการณ์เสียวให้ตัวเองแบบไม่มีวันหยุดเลยทีเดียว จนเพื่อน ๆ ที่รู้ว่าฉันนั้นขาดเรื่องเสียวเสียวไปสักวัน มันอาจจะขาดใจตายเลยก็ได้ แน่นอนว่ามันอาจจะดูแรง แต่วันไหนฉันไม่โดนเย็ดหี มันเหมือนกินข้าวไม่อร่อยเลยจริง ๆ นะ และเพราะแบบนั้น

Read More