XO ตอนที่ 2 – เข้าเกม

XO ตอนที่ 2 – เข้าเกม

XO ตอนที่ 2 – เข้าเกม

        “ยืนยันใช้ชื่อผู้เล่นว่า กายเวอร์ครับ”

แม็กส่งเสียงยืนยันชื่อตัวละครที่เขาเลือกไว้ด้วยความเร่งรีบ เพราะทนรับไม่ได้กับความอัดอั้นที่ไม่ได้ระบายออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าเล่นเกมออนไลน์อันดับหนึ่งที่ชื่อว่า XO เพียงเพราะมีนัดหมายสานต่อความเสียวกับนักศึกษาสาวดาวเด่นประจำมหาลัยในเกม

เวลานี้ชายหนุ่มยืนอยู่ในห้องสีขาวเล็ก ๆ ที่มีกระจกล้อมรอบทุกด้าน ทุกอย่างแทบจะเหมือนจริงจนแยกไม่ออก ยกเว้นก็แต่เพียงตัวอักษรสีเขียวเล็ก ๆ ที่ปรากฎให้เห็นอยู่ในดวงตา

“ยืนยันชื่อกายเวอร์ ระบบได้ปรับเปลี่ยนใบหน้าเล็กน้อยตามที่ท่านขอมาแล้ว ระบบจะส่งผู้เล่นกายเวอร์ไปยังวิหารเริ่มต้นในสิบวินาที … ขอให้โชคดี … สิบ … เก้า … แปด …”

เมื่อเขายืนยัน เสียงของระบบก็ดังขึ้น และเตรียมส่งเขาเข้าไปในเกมทันที ซึ่งครั้งนี้เขาตัดสินใจปรับเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ใครเห็นแล้วจำได้ ดวงตา
แหลมขึ้นนิดหน่อย ปรับรูปคาง และจมูกเล็กน้อยจนเทียบกับคนเดิมได้ยาก หากทว่ายังคงเต็มไปด้วยความหล่อเหลาดึงดูดใจสตรีเช่นเดิม

ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ : Guyver เผ่าพันธ์ : มนุษย์ ระดับ : 1
ทรัพย์สิน: 0 เหรียญทอง, 0 เหรียญเงิน, 0 เหรียญทองแดง
พลังชีวิต : 300 พลังเวทย์ : 280
ความแข็งแกร่ง : 1
ความคล่องแคล่ว : 1
ความอดทน : 1
ความฉลาด : 1
ความแม่นยำ : 1
ความโชคดี : 1
อาชีพ : ยังไม่มี

หลังจากที่แสงสีขาวหายวับไป เขาก็ปรากฎตัวขึ้นในอาคารสีขาวขนาดใหญ่โตกว้างขวางยิ่งกว่าอาคารใดที่เขาเคยพบเจอ ข้างในนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา หากทว่าไม่มีเสาไว้ค้ำยันน้ำหนักแม้แต่ต้นเดียว ด้านบนก็สูงลิบจนมองไม่เห็นเพดาน และนี่เองคือความอลังการของเกมออนไลน์ที่ครองใจคนเป็นอันดับหนึ่งในเวลานี้

“ยินดีต้อนรับคุณ Guyver เข้าสู่วิหารแห่งการเริ่มต้น กรุณาติดต่อกับเจ้าหน้าที่แนะนำผู้ฝึกหัดที่บริเวณกลางห้องโถงใหญ่”

เสียงประกาศของระบบดังขึ้นพร้อมกับข้อความสีเขียวทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าต้องทำอะไรต่อ เขากวาดสายตาชมความงามของอาคารใหญ่โตนี้แวบหนึ่ง ก่อนจะเพ่งสายตามองไปยังบริเวณที่มีหุ่นฟางวางเรียงรายเป็นพื้นที่กว้างนับพันตัว และในบริเวณนั้นก็มีคนราวสิบกว่าคนกำลังใช้อาวุธฟาดฟันเข้าใส่เจ้าหุ่นฟางราวกับโกรธแค้นกันมาแต่ปางก่อน

แม็กยืนมองสำรวจคร่าว ๆ ก่อนจะเล็งเป้าไปยังกลุ่มคนที่สวมใส่เกราะนักรบสีเงินแวววาวปิดคลุมเกือบทั้งร่าง ในกลุ่มนั้นมีผู้ชายอยู่ราวหกคน และมีหญิงสาวที่โดดเด่นดึงดูดสายตาหนึ่งคน หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ คนนั้นไม่ได้สวมใส่เกราะปิดคลุมทั้งร่างแบบคนอื่น แต่สวมใส่ชุดเกราะนักรบเซ็กซี่สีเงินที่เปิดเผยสัดส่วนเนื้อตัวจนแม็กตาลุกวาว เพราะมองแล้วชุดเกราะที่ว่านั่นดูจะใกล้เคียงกับคำว่าชุดบิกินี่อยู่บ้าง

หลังจากลอบมองจากระยะไกลพักใหญ่ แม็กก็เริ่มเดินเข้าไปหากลุ่มคนสวมใส่ชุดเกราะ เพราะเขาสังเกตเห็นว่ามีคนเดินไปคุยกับกับเธอ แล้วก็กลายเป็นแสงสีขาวหายวับไป เธอคนนั้นจึงสมควรจะเป็นเจ้าหน้าที่แนะนำ

“ยินดีต้อนรับค่ะท่านนักผจญภัยฝึกหัด ข้าชื่อเซเฟียมีหน้าที่แนะนำข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ฝึกหัด แต่หากท่านไม่ต้องการคำแนะนำท่านสามารถไปจากที่นี่ได้ทันที ท่านต้องการคำแนะนำหรือไม่?”

แม็กยืนรับฟังเสียงหวานสดใสแต่แฝงความเย่อหยิ่งของนักรบสาวด้วยความลังเลเล็กน้อย เพราะทีแรกนั้นเขาตั้งใจจะรีบทำอะไรให้เสร็จแล้วไปเจอกับหมิวตามที่ได้นัดหมายกันไว้ให้เร็วที่สุด จะได้ระบายอารมณ์ค้างคาให้หมดไป

กระนั้นเมื่อเจอเข้ากับนักรบสาวสวยคนนี้เขาก็บังเกิดความสนใจขึ้นมา เพราะแม้ว่าเธอจะไม่สวยหวานเท่าหมิว แต่ก็จัดได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีสัดส่วนกระชับแน่นน่าลิ้มลอง ดังนั้นหากจะจากไปโดยไม่ได้เชื่อมสัมพันธไมตรีก่อนสักเล็กน้อย คงจะน่าเสียดายเกินไป โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นตัวเธอในระยะใกล้กว่าเดิม

เธอคนนี้ผูกผ้าคาดศีรษะและมัดผมเอาไว้ สะพายคันธนูสีเงินวาวไว้ด้านหลัง เกราะสีเงินที่สวมใส่เป็นเกราะเฉพาะส่วนแบบเน้นความคล่องตัวและเน้นอวดเรือนร่าง คือมีส่วนปิดคลุมหน้าอกและหน้าท้องส่วนบน แต่เปิดเผยพอให้เห็นเต้าส่วนบนและหน้าท้องขาวเนียนส่วนล่าง ในขณะที่ท่อนล่างก็เป็นเพียงเกราะที่ดูคล้ายกางเกงขาสั้น จึงเปิดพอให้เห็นท่อนขาขาวที่มีมัดกล้ามเนื้อกระชับสวยกำลังดี

เขาชวนเธอคุยแต่เธอดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรนัก เพราะเธอจะคุยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเกมเป็นหลักเหมือนกับแค่ทำตามหน้าที่ ตั้งแต่ข้อมูลเบื้องต้นในการเล่นเกม รวมไปถึงคำแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวัน แม็กยังไม่ยอมแพ้พยายามสานสัมพันธ์ต่อ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ ดูเหมือนว่าความหล่อเหลาเจ้าคารมจะใช้กับเธอคนนี้ไม่ได้ แม็กจึงพยายามสังเกตว่าเธอชอบอะไร

จากการสังเกต เธอมักจะมองดูพวกคนที่โจมตีหุ่นฟางด้วยความสนใจ เธอหัวเราะน้อย ๆ เมื่อพวกนั้นแสดงท่าทางน่าขำเวลาโจมตี แต่จะเปลี่ยนเป็นมองดูด้วยแววตาชื่นชมทันทีเมื่อใครก็ตามสามารถโจมตีหุ่นฟางได้ด้วยดี

“ขอบคุณค่ะที่รับฟังจนจบ ท่านสามารถรับภารกิจเริ่มต้นได้ โดยมีของรางวัลให้เป็นอุปกรณ์ดำรงชีพเบื้องต้นสำหรับนักผจญภัยฝึกหัด ท่านต้องการรับภารกิจหรือไม่คะ?”

“ภารกิจคืออะไร?”

“ภารกิจนี้คือ ท่านจะต้องทำการซ้อมมือฝึกการโจมตีกับหุ่นฟางจนกว่าจะได้ทักษะการโจมตีด้วยอาวุธ หรือมือเปล่าอย่างใดก็ได้อย่างน้อยหนึ่งระดับค่ะ … แต่นี่มิใช่ภารกิจบังคับ ท่านสามารถยกเลิกและออกจากวิหารแห่งการเริ่มต้นได้ตลอดเวลาที่ท่านต้องการ”

เมื่อพูดจบเซเฟียก็หันไปมองดูคนที่กำลังโจมตีใส่หุ่นฟางต่อทำท่าเหมือนไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย และนั่นทำให้แม็กรู้สึกเสียหน้าจนต้องตัดสินใจแสดงอะไรสักอย่างให้เธอดูเพื่อเรียกความสนใจคืนมา เขาจึงพยักหน้ายอมรับภารกิจ แล้วเดินดิ่งไปเลือกอาวุธ

“ลองดูก็ได้”

แม็กเดินไปหยุดนิ่งที่หน้าแคร่วางอาวุธไม่ทราบว่าจะเลือกอันไหนดี ถึงแม้อาวุธจะมีมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น มีด ดาบ ค้อน โล่ แส้ หรือแม้แต่ปืน แต่ปัญหาก็คือเขาไม่เคยฝึกใช้พวกมันมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว จึงไม่สามารถนำมาใช้แสดงความเก่งกาจได้

หลังจากเดินรื้ออาวุธขึ้นมาหยิบดูเล่นอยู่หลายรอบ ชายหนุ่มก็ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นคันธนูไม้เก่าใกล้พังแหล่มิพังแหล่ เขารีบวิ่งไปหยิบขึ้นมาปัดฝุ่น แล้วลองขึ้นสายธนูดีดดังผึงจนฝุ่นฟุ้งกระจายอีกรอบ จากนั้นก็หยิบเอาซองใส่ลูกธนูขึ้นมาแขวนไว้ที่ข้างเอว ตอนนี้เขาจึงเพิ่งนึกได้ว่าอย่างน้อยเขาก็เคยฝึกยิงธนูมาหลายปีในวัยเด็ก อีกทั้งยังเก่งขนาดเคยเข้าแข้งระดับจังหวัดด้วย เพียงแต่เขาไม่ได้ฝึกต่อ เพราะครอบครัวมองว่านี่เป็นกิจกรรมไร้สาระ

แม็กยิ้มน้อย ๆ ให้เซเฟียเมื่อเขาก้าวเดินไปหยุดอยู่หน้าหุ่นฟาง เธอชำเลืองมองมาน้อย ๆ คล้ายกับจะเย้ยหยันไม่เชื่อว่าเขาจะมีฝีมือให้แสดงออกมา ชายหนุ่มจึงหันไปง้างธนูเตรียมเล็งใส่หุ่นฟางที่อยู่ห่างออกไปราวยี่สิบเมตร เขายืนนิ่งเงียบลำตัวตรง ดวงตาเพิ่งมองไปที่เป้าหมาย ก่อนจะปลดปล่อยยิงลูกธนูพุ่งเป็นเส้นโค้งตรงดิ่งไปยังเจ้าหุ่นฟางเคราะห์ร้าย

สวบ!!! … ปลายลูกศรคมกริบปักตรึงเข้าไปในหุ่นฟางอย่างแม่นยำ หากทว่ามันกลับปักลึกลงไปในส่วนบริเวณลำคอ แทนที่จะเป็นกลางหน้าผากอย่างที่เล็งไว้ในตอนแรก แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเข้าเป้าสวยงาม แม็กจึงแกล้งเก๊กท่ายืนยิ้มแสร้งทำเหมือนว่าเขาตั้งใจเล็งไปที่คอตั้งแต่แรก

การเรียกร้องความสนใจครั้งนี้ได้ผลไม่น้อย เพราะแม็กหันไปก็เห็นเซเฟียหันมามองด้วยสายตาสนอกสนใจ เขาจึงคีบลูกศรขึ้นมาอีกหนึ่งดอก แล้วพยายามเล็งเป้าหมายอีกครั้ง และคราวนี้เขาไม่ลืมที่จะเล็งสูงกว่าเดิมเผื่อแรงนิดหน่อยเพื่อให้โดนที่หัวของหุ่นฟาง

สวบ!!! … อาจด้วยความไม่ชินมือจึงใส่แรงไม่เท่ากัน การเล็งเป้าสูงขึ้นในครั้งนี้กลับยังคงพลาดจากเป้าหมาย เพียงแต่ยังดีที่มันทำให้ลูกศรปักฉึกลงไปที่บริเวณลำคอของหุ่นฟางตัวเดิมใกล้กับลูกศรดอกแรก

แม็กเบิ่งตาด้วยความเหรอหราแวบหนึ่ง แต่เขาก็ยังคงเก๊กท่านิ่งเอาไว้ ทำท่าเหมือนกับตั้งใจยิงให้โดนส่วนลำคอตั้งแต่แรก ในขณะที่ในใจกำลังร่ำร้องด่าทอความผิดพลาดของตัวเองเสียยกใหญ่

สวบ!!! สวบ!!! สวบ!!! แต่แล้วขณะที่กำลังยืนเก๊กท่าอยู่นั้น กลับมีลูกศรสามดอกพุ่งเข้าเสียบตรงบริเวณลำคอของหุ่นฟางตัวนั้นในคราวเดียว แม็กจึงอ้าปากค้างแล้วหันไปมองดูเซเฟียซึ่งกำลังยืนถือคันธนูอันว่างเปล่า และเดาได้ไม่ยากว่าเธอเป็นคนยิงลูกธนูทั้งสามดอกนี้

ที่เขาแตกตื่นตกใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่าเซเฟียเธอยืนห่างจากหุ่นฟางไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเมตร แต่กลับสามารถยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังยิงพร้อมกันคราวเดียวมากถึงสามดอก ยังดีที่พอมีสตินึได้ว่านี่คือในเกม ดังนั้นหากเธอจะเก่งเวอร์ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่เช่นนั้นหากมีใครก็ตามสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ในโลกจริง คงจะกลายเป็นเรื่องดังระเบิด

หลังจากแสดงฝีมือที่น่าตื่นตาตื่นใจ เซเฟียก็แสดงสีหน้ายิ้มเยาะน้อย ๆ เหมือนจะสื่อความหมายว่าอย่ามาคิดอวดฝีมือกระจอกให้เธอเห็น แค่ยิงเข้าเป้าทีละดอกในระยะแค่นั้นมันเรื่องง่าย ๆ พวกนักรบผู้ชายที่ยืนล้อมรอบสาวสวยก็พากันส่งเสียงหัวเราะโห่ฮาให้กับความไม่เจียมตัว จนแม็กรู้สึกโกรธขึ้นมา

แม็กหันไปมองด้วยท่าทางไม่ยินยอม นิสัยอย่างหนึ่งที่แก้ไม่ได้ของเขาก็คือการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะกับสาวสวยนั้นเขาจะยิ่งไม่ยินยอมพร้อมใจ เขาจึงต้องครุ่นคิดและหาทางทำอะไรบางอย่าง บางอย่างที่พรสวรรค์ของเขาสามารถช่วยได้

“เป้านิ่งมันน่าเบื่อไป ขอซ้อมกับเป้าเคลื่อนที่หน่อย มีมั้ย?”

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปถามเซเฟีย เธอแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเยาะคล้ายกับขบขันต่อความดื้อด้านไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา

“ที่นี่ไม่มีหรอกเป้าเคลื่อนที่ แต่เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้าจะเป็นเป้าเคลื่อนที่ให้เจ้าเอง ยิงมาได้เต็มที่เลย ไม่ต้องกลัวข้าบาดเจ็บหรอก ฝีมือแค่นี้ยังไงก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่แล้ว”

“เดี๋ยวก่อน ใครจะไปยิงลง คนทั้งคนนะ ไม่ใช่เป้าธนู”

แม็กส่งเสียงทักท้วงด้วยความแตกตื่น เพราะนึกไม่ถึงว่าเธอจะยื่นข้อเสนอเช่นนี้ออกมา ต่อให้เขาคิดว่าเธอน่าจะเก่งกว่าคนทั่วไป แต่จะให้ยิงธนูใส่คนทั้งคน เขาก็ยังไม่กล้าอยู่ดี

“เจ้าอวดเก่งเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าจะยิงโดนข้าหรือไง? เอาเถอะ เจ้าแอบมองหน้าอกของข้าอยู่ ข้ารู้ว่าผู้ชายแบบพวกเจ้าคิดอะไร เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เจ้าเหลือธนูอีกหกดอก ข้าจะวิ่งหลบอยู่หลังหุ่นฟาง หากลูกธนูของเจ้าสัมผัสทำร้ายข้าได้แม้แต่นิดเดียว ข้าจะให้เจ้าทำอะไรกับข้าก็ได้จนกว่าเจ้าจะพอใจก็แล้วกัน ตกลงมั้ย”

เมื่อเห็นว่าแม็กไม่ตกลง เซเฟียก็เดินออกมาจากกลุ่มนักรบหนุ่มที่รายล้อม เธอเข้าไปใกล้เขาแล้วยืนแอ่นอกแอ่นนมยั่วเหมือนแม่เสือสาว จากนั้นก็กระซิบยื่นข้อเสนอแสนเร้าใจให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว และแน่นอนว่าเขาย่อมต้องยอมรับข้อเสนอที่น่าสนใจนี้ เพราะหากไม่กล้ารับและถอยหนี ต่อไปคงไม่กล้ามายืนสู้หน้าเธอคนนี้อีกแล้ว

“ได้ แต่อย่าหลบเฉพาะด้านหลังหุ่นฟางล่ะ แบบนั้นยิงให้ตายก็ไม่โดน”

“แน่นอน แต่ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเปลี่ยนคันธนูใหม่เสียก่อน ธนูไม้เก่าผุเช่นนี้ ต่อให้ยิงในระยะประชิด ข้าก็ขยับหลบได้สบายมาก”

กล่าวจบเซเฟียก็หยิบเอาคันธนูไม้สีดำคันใหญ่ออกมายื่นส่งให้จนแม็กงุนงงว่าเธอหยิบฉวยออกมาจากที่ไหน แต่พอนึกได้ว่านี่คือในเกม และเธอคงจะหยิบออกมาจากกระเป๋ามิติ จึงค่อยคลายความสงสัยลง

‘ได้รับคันธนูมนตรา ระดับหกดาวหนึ่งชิ้น – คุณสมบัติ สามารถประจุเวทย์มนตร์เข้าไปในลูกธนูที่ยิงออกไปได้’

แม็กอ่านข้อความของระบบ แล้วจับคันธนูสีดำพลิกไปมาด้วยความสนอกสนใจ เขาเคยเล่นคันธนูมาไม่น้อย แต่กลับรู้สึกคันธนูนี้ดูจะเป็นคันธนูที่ดีที่สุดที่เขาเคยแตะต้อง และจากที่เขาเคยฟังเพื่อนสนทนากัน เขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าอาวุธระดับห้าดาวขึ้นไปนั้น ถือว่าเป็นอาวุธมีราคาไม่น้อย ส่วนระดับหกดาวขึ้นไปก็ยิ่งจะแพงมากเป็นสิบเป็นร้อยเท่า

เหล่านักรบชายดูจะแสดงท่าทางแตกตื่น และหันไปส่งเสียงทักท้วงเซเฟีย เหมือนจะไม่เห็นด้วยกับการที่ยื่นคันธนูชิ้นนี้ให้แม็ก แต่เซเฟียกลับไม่สนใจคำโต้แย้ง แม็กไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องแสดงท่าทางทักท้วงถึงเพียงนั้น

“เอาล่ะ เริ่มได้เลย ข้ารับรองว่าจะไม่ขยับออกไปไกลว่าระยะยี่สิบก้าว และจะไม่หยุดหลบด้านหลังของหุ่นฟางด้วย”

เซเฟียกล่าวจบก็ขยับวูบเข้าไปในแถวของหุ่นฟาง แต่หุ่นฟางแต่ละตัวนั้นอยู่ห่างกันประมาณสามเมตร จึงไม่ได้เป็นเครื่องกีดขวางมากนัก เธอเริ่มด้วยการเดินอย่างเชื่องช้าสลับไปมาด้วยท่าทีสบายอารมณ์ไม่แสดงท่าทีกลัวเกรงความคมกริบของลูกธนูแม้แต่น้อย

หากนี่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง แม็กคงไม่กล้าแม้แต่จะง้างคันธนู เพราะหากเกิดการผิดพลาด เขาอาจต้องติดคุกคดีฆ่าคนตาย แต่ว่านี่เป็นเพียงแค่ในเกม และอีกฝ่ายก็เป็นคนท้าทายด้วยซ้ำ เขาจึงตั้งท่าง้างคนธนูเล็งตามร่างเพรียวที่ขยับวูบไปด้านโน้นทีด้านนี้ที แต่ไม่ว่าจะไปทางใดก็จะไม่ขยับออกไปไกลกว่าระยะยี่สิบก้าวอย่างที่เธอลั่นวาจาไว้

แม้จะขยับวูบไปมาตลอดเวลา แต่ดวงตาสวยกลับจับจ้องมองดูลูกศรอยู่ตลอดเวลา แม็กจึงมีความรู้สึกเหมือนกับว่าต่อให้เธอยืนนิ่ง ๆ แล้วให้เขายิง เธอก็ยังจะสามารถมองตามทันและขยับตัวหลบได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแต่นั่นยังเป็นเพียงความรู้สึก เขาจึงตั้งสมาธิขยับปลายศรตามการเคลื่อนไหวอย่างแน่วแน่

ฟุ่บ!!! ลูกธนูพุ่งวาบออกจากคันธนูอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าการยิงด้วยคันธนูไม้เก่าผุหลายเท่าตัว มันพุ่งอย่างแม่นยำตรงไปดักหน้าบริเวณที่เซเฟียกำลังจะขยับตัวเข้าไป แต่วิถีลูกศรจะพุ่งลงต่ำสักหน่อย เพราะเขาเล็งไปที่บริเวณขาเผื่อผิดพลาดจะได้ไม่บาดเจ็บมากนกั

ดวงตานักรบสาวทอประกายตระหนกตื่นเต้นสงสัยเล็กน้อย เหมือนคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ แต่เธอก็มีความไวเหลือเชื่อ ขณะที่ลูกศรกำลังจะปักลงไปบนท่อนขาขาวเพรียว เธอก็เร่งความเร็วขยับหลบจนลูกธนูพุ่งเฉียดวูบผ่านไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

นักรบชายทั้งหกคนที่ยืนมุงดูอยู่พากันส่งเสียงด้วยความโล่งใจเมื่อนักรบสาวเสน่ห์แรงยังอยู่รอดปลอดภัย ด้านนักรบสาวก็หันมามองดูแม็กด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเหมือนกับจะเริ่มสนใจและยอมรับในความสามารถ แต่ที่ไม่ดีก็คือ เมื่อเธอยอมรับความสามารถ ร่างเพรียวบอบบางก็ยิ่งขยับวูบสลับไปมาในช่องว่างระหว่างหุ่นฟางเร็วขึ้นราวกับนักวิ่งร้อยเมตร อีกทั้งยังสลับทิศทางซิกแซกไปมา บ้างซ้ายบ้างขวา บ้างหนาบ้างหลัง จนคาดเดาทิศทางได้ยากยิ่ง

เธอมองดูแม็กด้วยรอยยิ้มยั่วเย้าท้าทายอีกครั้ง เพราะมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความเร็วขนาดนี้เขาย่อมไม่มีทางกะเป้าหมายเล็งให้โดนเธอได้ หรือต่อให้เขาทำได้ เธอก็ยังว่องไวพอที่จะมองดูและคาดเดาวิถีลูกศร จากนั้นค่อยหลบหลีกก็ยังได้

ความมั่นใจในฝีมือที่ฝึกฝนมาอย่างดีนั้นไม่ผิด เพราะเธอมีดีพอที่จะมั่นใจในตัวเอง หากทว่าท่ามกลางความมั่นใจนั้นเธอกลับต้องแปลกใจเมื่อหันไปเห็นริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มบาง ๆ เคลือบแฝงอยู่ ราวกับว่าเขากำลังสนุก

ด้วยลางสังหรณ์ถึงอันตราย ทำให้เซเฟียพุ่งวูบหลบไปซ่อนหลังหุ่นฟางแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบพุ่งตัววูบไปด้านหลังหุ่นฟางอีกตัว แล้วหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางพุ่งย้อนกลับไปยังทิศทางที่เธอเพิ่งพุ่งเข้ามา หากทว่าเพียงแค่ยื่นเท้าออกไปได้ก้าวเดียว ลูกธนูก็พุ่งเข้ามากระแทกเข้ากับเกราะขาบริเวณใต้หัวเข่าซึ่งเป็นโลหะแข็งเสียงดังแกร๊ง

“ว้ายย!!!”

เซเฟียส่งเสียงอุทานด้วยความแตกตื่นและเจ็บปวดที่ข้อเท้าก่อนจะเซถลาล้มกลิ้งลงไปบนพื้นอย่างหมดท่า เพราะต่อให้สวมใส่เกราะป้องกันไม่ให้ทิ่มแทงเข้าไปในเลือดเนื้อได้ แต่แรงกระแทกทำร้ายก็ยังเพียงพอที่จะทำให้บังเกิดความเจ็บปวดจนต้องกัดฟันส่งเสียงร้องโอดโอยออกมา

เหล่านักรบชายทั้งหกที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ต่างก็แสดงท่าทีตื่นตกใจ แล้วรีบวิ่งเฮโลกันเข้าไปดูอาการของเซเฟีย แต่เมื่อพบว่าไม่ได้มีอะไรร้ายแรงทุกคนก็เริ่มมองไปทางแม็กด้วยสายตาเหลือเชื่อ

ควรทราบว่าการใช้ธนูเล็งเป้าเคลื่อนไหวนั้นมิใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเผื่อเวลาของทั้งลูกศรและเป้าหมายให้ประจวบเหมาะพอดีกัน โดยเฉพาะเมื่อเซเฟียทำการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายลมทั้งยังเคลื่อนไหวแบบสุ่มไปหลายทิศทางด้วยแล้ว การเล็งเป้าหมายย่อมเป็นเรื่องยากลำบากยิ่ง

ที่สำคัญก็คือเซเฟียยังมีข้อได้เปรียบที่เธอมีความเร็วพอให้หลบลูกธนูได้ ดังนั้นนักรบหนุ่มทั้งหกคนจึงสำนึกตัวว่าต่อให้พวกเขายิงเองพร้อมกันทั้งหกคน ก็ยังไม่แน่ว่าจะยิงโดน แต่ว่านักผจญภัยฝึกหัดคนนี้กลับสามารถทำได้

ความแม่นยำในการเล็งยิงไปยังเป้าหมายนั้นก็เรื่องหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่พอจะฝึกหัดกันได้ แต่ที่ทุกคนไม่เข้าใจก็คือ นักผจญภัยฝึกหัดเหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าเซเฟียจะพุ่งตัวไปทิศทางใด ทั้งยังเหมือนจะรู้จังหวะเวลาล่วงหน้าอย่างแม่นยำในระดับเสี้ยววินาทีว่าเธอจะเริ่มก้าวเท้าเมื่อไหร่ จึงสามารถปลดปล่อยธนูออกมาในจังหวะที่เซเฟียเริ่มก้าวเท้าออกมาพ้นจากหุ่นฟาง ซึ่งในจังหวะนั้นเองที่เธอโดนหุ่นฟางบังจนไม่อาจมองเห็นวิถีการยิง ทำให้กว่าจะรู้ตัวก็โดนลูกศรปักเข้าที่เข่าเข้าเสียแล้ว

“ง่ายกว่าที่คิดอีกแฮะ นี่ขนาดไม่ได้จับธนูมาหลายปีนะเนี่ย”

เมื่อทำให้เหล่านักรบที่เคยส่งสายตาดูแคลนบังเกิดความแตกตื่นได้ แม็กก็ยืนแบกคันธนูเต๊ะท่าอย่างสบายอารมณ์ พร้อมทั้งก้มลงมองสบตากับเซเฟียเพื่อทวงถามสัญญาลับที่ตกลงกันไว้เพียงสองคน

เธอแสดงท่าทีฮึดฮัดเหมือนไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นเดินผละจากนักรบชายทั้งหกเข้ามาใกล้แม็ก เธอยืนจ้องตาเขาอยู่ครู่ใหญ่ ในขณะที่เขากวาดสายตามองหน้าและนมของเธอสลับไปมาด้วยความหื่นกระหาย

“เอาเถอะ ข้ารักษาสัญญา เจ้าจะเอาข้าไปต้มยำทำแกงอะไรก็แล้วแต่ แต่ข้ายังติดภาระกิจอยู่จนกว่าจะค่ำคืน จงรับบัตรนี้ไป และหากต้องการพบข้าก็จงเรียกใช้มัน มันจะนำเจ้าไปหาข้า มันคือบัตรสายใยสัมพันธ์”

เซเฟียทำเป็นไม่เห็นสายตาหื่นกระหายของเขา เธอเพียงสูดลมหายใจเข้าออกหลายเฮือก ก่อนจะยื่นเอาบัตรสีทองและบอกวิธีใช้ให้ จากนั้นค่อยเดินจากไปโดยไม่หันมามองดูอีก

แม็กมองดูการ์ดสีทองในมือแล้วยิ้มกริ่ม เขายังไม่รู้หรอกว่าการ์ดใบนี้มันทำอะไรได้บ้าง แต่หากเซเฟียไม่ได้โกหก เขาจะต้องสามารถใช้การ์ดใบนี้ไปหาเธอได้ ถึงแม้ว่าเธอจะบ่ายเบี่ยงไปเป็นเวลาอื่น แต่ก็ถือได้ว่ายังรักษาสัญญา ซึ่งก็ดีเพราะว่าตอนนี้เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขามีนัดกับหมิวสุดสวยอยู่ที่ด้านหน้าอาคารเริ่มต้น

“เฮ้ เดี๋ยว แล้วธนูสีดำนี่ล่ะ ไม่เอาแล้วเหรอ?”

“ข้าไม่ชอบอาวุธสีดำ เจ้าเอาไปเถอะ ถือเสียว่าเป็นรางวัล”

พอทำท่าจะวิ่งออกไปเพื่อทำเวลา เขาก็หยุดชะงักทีหนึ่งเพราะในมือยังถือคันธนูรัตติกาลสีดำเอาไว้ แต่เมื่อหันไปถาม เซเฟียกลับส่งเสียงตอบโดยไม่หันมามองว่าเธอไม่ต้องการ อีกทั้งเขายังได้รับข้อความบอกว่าทำภารกิจสำเร็จ และได้รับของรางวัลอีกชุดหนึ่งด้วย

“ได้รับทักษะการจู่โจมด้วยธนูระดับ 10 – เพิ่มค่าความเสียหายจากการโจมตีด้วยธนู 10%”
“ทำภารกิจของนักผจญภัยฝึกหัดสำเร็จ”
“ได้รับเสื้อระดับหนึ่งดาวของผู้ฝึกหัด 1 ชิ้น”
“ได้รับกางเกงระดับหนึ่งดาวของผู้ฝึกหัด 1 ชิ้น”
“ได้รับรองเท้าระดับหนึ่งดาวของผู้ฝึกหัด 1 ชิ้น”
“ได้รับมีดสั้นระดับหนึ่งดาวของผู้ฝึกหัด 1 ชิ้น”
“ได้รับกล่องอาหารระดับพื้นฐาน 10 หน่วย”
“ได้รับใบวาร์ป 2 ใบ”
“ได้รับกล่องสุ่มไอเท็มระดับสี่ดาว 1 กล่อง”
“ได้รับเหรียญเงิน 10 เหรียญ”
“ได้รับเหรียญทองแดง 1,000 เหรียญ”

แม็กก้มหน้าลงอ่านข้อความของระบบ แล้วหยิบฉวยเอาคันธนูระดับหกดาวเก็บเข้าไปในช่องเก็บของ จากนั้นก็ลองหยิบเอาเสื้อผ้าของผู้ฝึกหัดขึ้นมาขมวดคิ้วดู แต่เมื่อมองเทียบกับเสื้อยืดกางเกงเนื้อบางที่สวมใส่อยู่ก็ถือว่ายังดี เขาจึงจัดการสวมใส่เสื้อผ้า รองเท้า และเหน็บมีดสั้นไว้ในซองข้างเอว ก่อนจะรีบร้องขอให้วาร์ปออกไปด้านนอกโดยด่วน เนื่องจากเผลอเสียเวลากับเหตุการณ์ในวิหารแห่งการเริ่มต้นมากเกินไปสักหน่อย

……………………………………………………………..

“แม็กมาช้าจัง … ตอนอยู่ในวิหารเริ่มต้น ยังติดต่อเข้าไปไม่ได้ซะด้วยซิ”

หมิวยืนส่งเสียงบ่นอยู่ด้านหน้าวิหารแห่งการเริ่มต้น เธอชะเง้อมองเข้าไปด้านใน สลับกับก้มลงมองดูเวลาในหน้าจอของระบบรอบแล้วรอบเล่า หากทว่าคนที่รอคอยก็ยังไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็นหน้า ทั้งที่เขาควรจะเข้าเกมมาแล้วไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง

เธอเดินเข้าไปขออนุญาตทหารยามเพื่อเข้าไปด้านใน แต่ไม่ว่าจะร้องขออย่างไรก็ไม่ได้รับอนุญาต เธอจึงได้แต่ยืนคอยด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะต้องทนยืนให้ทหารยามทั้งสี่คนแอบกวาดตามองสำรวจเรือนร่างเนื้อตัวของเธอราวกับตายอดตายอยากไม่เคยลิ้มลองเนื้อสาวมาก่อน

วันนี้หมิวสวมใส่ชุดจอมเวทย์ห้าดาวสีแดงตัวเก่งที่ทำจากหนังของซาลามานเดอร์ไฟ ที่เธอเลือกชุดนี้ไม่ใช่เพราะคุณสมบัติที่เหมาะสมกับนักเวทย์สายอัคคีของเธอ และไม่ใช่เพราะมันเป็นชุดระดับสูงที่สุดเท่าที่เธอมี แต่เธอเลือกชุดนี้เพราะเห็นว่าเป็นชุดที่สวยและเปิดสัดส่วนวับแวมเสริมความงามให้เธอได้ดีที่สุดในเวลานี้ หรือให้พูดง่าย ๆ ก็คือ เธออยากจะแต่งสวยไว้อวดผู้ชายคนแรกของเธอนั่นเอง

แม้จะได้ชื่อว่าชุดหนังสัตว์ แต่หากมองจากภายนอกมันก็ไม่ได้แตกต่างอันใดกับผ้าไหมเนื้อบางพริ้วสีแดงผืนหนึ่ง แผ่นหลังและหัวไหล่ขาวเนียนเปิดโล่งมีเพียงแค่เส้นสีแดงสองเส้นที่รัดไขว้อยู่ด้านหลัง ส่วนหน้าท้องก็เปิดโล่งขึ้นไปเหนือสะดือ ในขณะที่ด้านบนนั้นเปิดเว้าเห็นร่องอกลึกล้ำและลึกลงไปจนเนื้อเต้าราวหนึ่งในสี่ผุดโผล่ออกมาล่อตาชายหื่น ซึ่งหากจะเรียกว่านี่คือชุดชั้นในยั่วสวาทก็คงไม่ผิดสักเท่าไรนัก

ส่วนด้านล่างนั้นเป็นกระโปรงสีแดงสดยาวถึงเข่า หากทว่าผ่าข้างแหวกสูงจนถึงโคนขา จึงสามารถมองเห็นความขาวของท่อนขาได้ และเมื่อเธอขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย กางเกงในลายลูกไม้สีแดงสดที่อยู่ด้านในก็จะโผล่แพลมออกมาทักทายสายตาคนนอกทันที

มาตรฐานการแต่งกายเช่นนี้ หากสวมใส่ที่โลกภายนอก คนอาจจะมองว่าเป็นพวกผู้หญิงขายบริการหรือพวกหากินกลางคืน แต่ว่าภายในเกมนี้ การแต่งกายเช่นนี้ถือเป็นแค่ระดับมาตรฐานทั่วไปที่มีให้เห็นดื่นดาษ เพราะนี่เป็นแค่ในเกมที่ทุกคนอยากปลดปล่อยตัวตนออกมาให้เต็มที่ ไม่ต้องมีกรอบระเบียบมาควบคุมให้มากมาย เพียงแต่ว่าหมิวเป็นคนสวย ทั้งรูปร่างและหน้าตาของเธอจึงดึงดูดสายตาให้คนหันมาสนใจได้กว่าหญิงสาวคนอื่นที่แต่งตัววับแวมมากกว่า

“บ้าจัง เริ่มเปียกอีกแล้ว”

หมิวส่งเสียงบ่นพึมพำกับตัวเองเพราะร่างกายของเธอกำลังร้อนขึ้นทีละน้อย ตัวเธอเองนั้นมีอารมณ์มากพอดูอยู่แล้ว เพราะเพิ่งได้สัมผัสกับรสรักร้อนแรงของแม็กไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนในโลกของความเป็นจริง แม้จะแค่เพียงครั้งเดียวเนื่องจากโอกาสไม่เอื้ออำนวยก็เกินพอที่จะทำให้เธอหลงไหลติดใจอยากสัมผัสมันใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ยังดีที่เมื่ออยู่ในพื้นที่เมืองและใกล้เคียงนั้นผู้เล่นทุกคนจะได้รับความคุ้มครองจากระบบ เธอจึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีชายหื่นแถวนี้ฉุดลากเธอไปข่มขืนปู้ยี่ปู้ยำเข้าเสียก่อน กระนั้นการโดนมองด้วยสายตาหื่นกระหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังโดนผู้ชายเข้ามาตื๊อหวังมีอะไรกับเธอบ่อยเข้าก็ทำให้อารมณ์สาวของเธอยิ่งพุ่งพล่านกว่าเดิม

เวลานี้เธอเองเพียงหวังว่าแม็กจะรีบโผล่หน้าออกมาเสียที เธอและเขาจะได้เกี่ยวก้อยกันไปเข้าโรงแรมแล้วสานต่อความเสียวให้อิ่มหนำสำราญ เธอวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะอยู่กับเขาในโรงแรมตลอดแบบไม่ต้องไปไหน และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะมอบอะไรดี ๆ ให้เธอจนแทบสำลักตายเหมือนตอนโดนเปิดซิงอย่างแน่นอน

บี๊บ บี๊บ บี๊บ … หมิวชะงักความฝันแสนหวานชั่วครู่ ก่อนจะเปิดหน้าต่างของระบบขึ้นมาเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย มีโทรศัพท์เข้ามาจากเพื่อนสาวที่เป็นสายข่าวคนหนึ่ง เธอเอียงคอเล็กน้อยด้วยนึกไม่ออกว่าเพื่อนสาวคนนี้จะโทรมาหาเธอทำไมในเวลานี้ เพราะเพิ่งแยกจากกันไม่นาน แต่ก็ยังกดรับและเริ่มบทสนทนา

“สวัสดีจ้ะ เกตโทรมาทำไมจ๊ะ บอกแล้วไงว่าวันนี้หมิวไม่ว่าง มีนัดกับหนุ่ม ๆ เกตุไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ตามสบายเลยจ้ะ”

“ยายหมิว อย่าเพิ่งพูดอะไร แกต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้เลยนะ รีบวาร์ปไปเมืองอื่นก่อน แล้วรีบออฟไลน์ออกจากเกม ตอนนี้พวกทหารในเมืองเริ่มต้นกำลังตามหาแกกันให้ขวั่กเลย แถมยังมีค่าหัวด้วยอีกต่างหาก นี่ตอนนี้ก็กำลังมาติดต่อหาข่าวในสำนักงานข่าวของชั้น เห็นว่าแกไปขโมยของอะไรสักอย่างจากห้องของเจ้าชายวิลเลี่ยมไปนี่แหละ”

“หา!!! อะไรนะ ทหารเนี่ยนะมาตามจับชั้น แกเข้าใจผิดหรือเปล่ายะ ชั้นไม่เคยขโมยของอะไรใครเลยนะ แล้วนี่ชั้นก็เพิ่งเข้าเกมมาด้วย”

“ไม่ผิดหรอก รูปวาดที่พวกทหารให้ชั้นมาหาข่าวนี่มันรูปแกชัด ๆ ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้ แกไม่ต้องคุยแล้วรีบวาร์ปหนีไปเมืองอื่น แล้วออฟไลน์ไว้ก่อน ชั้นจะคอยสืบข่าวแล้วส่งเมลไปบอกแกที่ข้างนอกเอง รีบทำตามชั้นเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นถ้าโดนจับได้ล่ะก็ชั้นไม่รู้ด้วยนะ รีบไปเดี๋ยวนี้เลย!!!”

เพื่อนสาวพูดจบก็รีบตัดบทวางสายโทรศัพท์ทันที หมิวจึงยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมทหารถึงออกมาตามล่าตัวเธอ ทำไมเจ้าชายจึงบอกว่าเธอขโมยของมา เพราะคืนงานเลี้ยงเมื่อสามวันก่อนที่เธอโดนเจ้าชายลากขึ้นเตียงนั้นเธอก็แค่ปลีกตัวออกมาก่อน เพราะทนกับความอ่อนด้อยในเชิงกามของเจ้าชายไม่ไหว แต่เธอก็ไม่ได้หยิบเอาข้าวของอะไรออกมาสักอย่าง

“เอ๊ะ หรือว่า เจ้าชายไร้น้ำยานั่นจะหาเรื่องใส่ความ จะได้จับเราไปเป็นนางบำเรอ!!!”

หมิวพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะส่งเสียงอุทานออกมาเพราะคิดอย่างไรก็ได้ข้อสรุปเพียงอย่างเดียว เจ้าชายอาจจะเสียหน้าที่เธอหนีออกมา และอยากหาเรื่องจับเธอกลับไปเป็นนางบำเรอ จึงกล่าวใส่ความ จะได้มีข้ออ้างที่ชอบธรรมในการควบคุมตัวเธอไว้ตามต้องการ

นึกถึงตรงนี้หมิวก็หันขวับมองไปยังทางปราสาทสีขาวหลังใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเมืองด้วยสายตาคับข้องใจ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะต้องแก้ต่างอย่างไรเพื่อให้หลุดจากสถานการณ์เช่นนี้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคู่หมั้นคู่หมายของเจ้าหญิงแห่งเมืองนี้ และหากรอให้โดนทหารจับตัวไปก่อน เธอก็คงหมดโอกาสแก้ตัวอย่างแน่นอน

“โธ่ เอาไงดีล่ะ แม็กก็ไม่ยอมมาซักที … อืมม … ขอโทษนะแม็ก เดี๋ยวหมิวขอทำตามที่เพื่อนแนะนำก่อน แล้วหมิวจะชดเชยให้นะคะ”

หมิวบ่นพึมพำกับตัวเองขณะหันหน้ามองไปทางประตูของวิหารเริ่มต้น กระนั้นก็ยังมองไม่เห็นแม้แต่เงาของคู่รัก เธอจึงได้แต่ทอดถอนใจ กวาดสายตาไปมาแล้วรีบวิ่งย่ำเท้าไปบนพื้นถนนจนทรวงอกกระเพื่อมยั่วน้ำลายคน เธอตรงดิ่งไปยังสถานที่ซึ่งเรียกว่าอาคารเคลื่อนย้าย ซึ่งจะสามารถส่งเธอไปยังเมืองอื่นเพื่อหลบภัยได้

…………………………………………….

“ว้าวว นี่น่ะเหรอเมืองในเกมเจ๋งโคตร … ว้าว ผู้หญิงชุดแดงคนนั้นหุ่นดีจังแฮะ หุ่นเอ็กซ์ไม่แพ้หมิวเลย เสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้า เห็นแต่ขากับก้น”

แม็กเดินออกมามองดูสภาพของเมืองด้วยดวงตาวิบวับตื่นเต้น วิหารแห่งการเริ่มต้นนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างสูงของเมือง เมื่อก้าวเท้าออกมาจึงเห็นเป็นวิวทิวทัศน์ของบ้านเมืองซึ่งอุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมัน อาคารทุกหลังมีเสาสูงใหญ่ค้ำยันไว้ ทั้งยังยกเพดานขึ้นสูงลิบ

เขาแอบส่งสายตามองดูสะโพกงามงอนที่ห่างไกลออกไปทีละน้อยด้วยความเสียดาย เพราะลางสังหรณ์ของเขากำลังบอกว่าสาวชุดแดงเจ้าของสะโพกและขาสวยนั้นน่าจะอุดมไปด้วยความงามไม่แพ้หมิวสักเท่าใดนัก

แม็กรอคอยจนสาวชุดแดงเลี้ยวหายไปกับมุมตึก ก่อนจะกวาดสายตาชมดูความงามของสถาปัตยกรรมอาคารยุคโบราณด้วยความสนใจอีกพัก ใหญ่ จากนั้นเขาก็เริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจหาหมิว

“แล้วหมิวหายไปไหนหว่า เห็นบอกว่าจะมารอที่หน้าทางออกนี่นา … เอาไงดี จะโทรคุยก็ไม่ได้ ส่งข้อความก็ไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน”

เขาบ่นพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างอับจนปัญญา ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรต่อ เพราะที่เข้าเกมมานั้นก็แค่ตั้งใจจะระบายความใคร่กับหมิวเท่านั้น ตอนนี้จึงกลายเป็นมืดแปดด้านไม่ทราบควรทำอย่างไร

แม็กตัดสินใจลองเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ไม่ห่างจากวิหารแห่งการเริ่มต้น เผื่อว่าหมิวอาจจะมาสาย แต่รอแล้วรออีกนานนับชั่วโมงจนท้องฟ้าเริ่มมืดหมิวก็ยังไม่โผล่ออกมา อีกทั้งยังมีทหารกลุ่มใหญ่แห่กันออกมาตั้งด่านตรวจตราส่งเสียงล้งเล้งกวนใจน่ารำคาญอีกต่างหาก

พอรอนานเข้าท้องก็เริ่มร้องเพราะหิว ตอนนี้แม็กจึงค่อยรู้ว่าในเกมก็มีการทำให้หิวอยู่ด้วย เขาหันซ้ายหันขวาด้วยความงุนงงว่าจะทำอย่างไรดี แต่นึกได้ว่าเพิ่งได้กล่องอาหารมาเป็นรางวัล จึงหยิบกล่องข้าวจากในช่องเก็บของขึ้นมากินด้วยความหิวโหยสองกล่องรวด จากนั้นก็ทำการฆ่าเวลาด้วยการค้นสำรวจไอเท็ม

“หือ กล่องสุ่มไอเท็มระดับสี่ดาวเหรอ … อ๋อ ก็น่าจะเหมือนซื้อหวยอะไรแนวนั้นซินะ เห็นในนิยายพวกพระเอกเปิดกล่องทีไรได้ของเทพทุกที แบบนี้ต้องลองสักหน่อยแล้ว”

แม็กจับพลิกกล่องสีขาวในมือไปมาด้วยความสนอกสนใจครู่ใหญ่ ก่อนจะเปิดฝากล่องออกด้วยความลุ้นระทึกและคาดหวังว่าจะได้ไอเท็มเทพ ๆ แบบที่ในนิยายชอบได้กัน

“ได้รับยันต์ตัวตายตัวแทนระดับห้าดาวหนึ่งชิ้น – หากพกติดตัวไว้ และได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต ยันต์จะช่วยปกป้องไม่ให้เข้าสู่สถานะตายและป้องกันการโจมตีทุกประเภทเป็นเวลา 0.5 วินาที แต่จะเหลือค่าพลังชีวิตเพียงหนึ่งหน่วยหลังการใช้งาน และไม่ได้ช่วยทำการรักษาอาการบาดเจ็บอันใด”

ข้อความของระบบทำให้แม็กอึ้งไปพักใหญ่ ทีแรกเขารู้สึกว่าชื่อไอเท็มดูน่าสนใจ อีกทั้งยังเป็นไอเท็มระดับห้าดาว แต่เมื่ออ่านสรรพคุณก็ต้องขมวดคิ้วสงสัยว่ามันเป็นของดีหรือของห่วยแตก เพราะมองไปก็เหมือนจะดีที่ช่วยไม่ให้ตายได้ แต่เงื่อนไขมันก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก ยกตัวอย่างเช่นหากสู้กับคนอื่น แล้วโดนฟันรัว ๆ พอยันต์ทำงานก็จะรอดได้แค่ 0.5 วินาที จากนั้นหากโดนสะกิดต่อสักหน่อยก็ต้องตายแน่นอน

“เวรกรรม สรุปว่าได้ของกากใช่มั้ย?”

แม็กส่งเสียงบ่นด้วยความเซ็งในชีวิต เพราะแอบเผลอคาดหวังไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ยังได้ของไร้สาระอยู่ดี และที่สำคัญรอแล้วรอเล่าสาวสวยก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น อารมณ์หื่นกลัดมันที่คุโชนในตอนแรกจึงเริ่มดับลงและกลายเป็นอารมณ์เซ็งและเบื่อหน่ายแทน

คิดถึงตอนนี้เขาก็เดินไปถามผู้เล่นคนอื่น ว่าจะสามารถออกจากเกมได้อย่างไร เพราะจะได้ออกไปโทรศัพท์หาหมิวที่โลกข้างนอกด้วย อีกทั้งยังไม่ทราบว่าจะอยู่ในเกมไปเพื่ออะไร

เมื่อได้ข้อมูลว่าสามารถออกจากเกมได้ที่อาคารช่วยเหลือนักเดินทางและทราบตำแหน่ง แม็กก็เปิดแผนที่ในหน้าจอระบบแล้วเดินไปตามทางด้วยความเบื่อหน่าย เพราะโดนทหารดักตรวจอย่างละเอียดทุกแยกของท้องถนน แต่ยังดีที่ทหารพวกนั้นจะพุ่งเป้าที่ผู้หญิงมากกว่า ผู้ชายอย่างเขาจึงไม่โดนตรวจตรามากนัก กระนั้นก็ยังต้องเสียเวลาเข้าแถวรอคอยให้น่ารำคาญใจอยู่ดี

‘เอ๊ะ ในรูปนั่นมันหมิวไม่ใช่เหรอ? ตกลงทหารพวกนี้มาไล่จับหมิว?’

ขณะที่กำลังหงุดหงิดอยู่นั้น เขาก็เดินผ่านป้ายกระดานข่าวสารมีรูปวาดของผู้หญิงหน้าตาคล้ายกับหมิวแปะติดอยู่ และเมื่อลองเข้าไปอ่านก็พบว่ามันคือป้ายประกาศจับ มีการบ่งบอกความผิดว่าขโมยของจากในวังออกมา อีกทั้งยังมีการระบุเงินรางวัลนำจับเป็นจำนวนหนึ่งพันเหรียญทองอยู่ด้วย

แม็กขยี้ตาแล้วยืนมองดูป้ายประกาศจับอีกครั้ง แต่จะมองอย่างไรก็คล้ายหมิวเสีย 99% และเมื่อนึกไปว่าหมิวไม่ยอมปรากฎตัวออกมาหาเขาโดยไม่บอกกล่าว เขาจึงคาดเดาว่าเธอคงจะโดนประกาศจับจริง ไม่เช่นนั้นคงไม่หายไปเฉย ๆ แบบนี้

กระนั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าหมิวจะเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย เท่าที่คบหากันเธออาจจะออดอ้อนอยากให้เขาซื้อข้าวของให้บ้างตามจริตหญิง แต่เรื่องการลักทรัพย์นั้นเขายังไม่เชื่อว่าจะเป็นเธอ แต่เมื่อลองคำนวณเงินรางวัลนำจับดูก็พบว่านั่นไม่น้อยเลย

เงินในเกมนี้สามารถนำไปแลกเป็นเงินจริงได้ และเงินจริงก็สามารถนำมาแลกเป็นเงินในเกมได้เช่นกัน ส่วนค่าของเงินนั้นมีสามระดับ ตั้งแต่เหรียญทองแดง เหรียญเงิน และสูงสุดคือเหรียญทอง

อัตราการแลกเปลี่ยนโดยประมาณนั้นหนึ่งพันเหรียญทองแดงจะเทียบเท่ากับหนึ่งเหรียญเงิน ในขณะที่หนึ่งพันเหรียญเงินจะเทียบเท่ากับหนึ่งเหรียญทอง ส่วนอัตราการแลกเปลี่ยนซื้อขายกับเงินจริงนั้น เขาจำได้ว่าเงินประมาณหนึ่งร้อยบาทจะสามารแลกซื้อเหรียญทองได้หนึ่งเหรียญ หรือแปลความได้ว่าตอนนี้หมิวมีค่าหัวถึงหนึ่งแสนบาท และนั่นถือได้ว่าไม่น้อยเลยสำหรับจำนวนเงินที่จะได้จากเกม

“ค่าหัวหนึ่งแสนบาทงั้นเหรอ หมิวไปทำอะไรมาหว่า?”

แม็กส่งเสียงพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเรื่องราวมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร เขาทราบเพียงว่าผู้เล่นเกือบทุกคนดูจะกระเหี้ยนกระหือรือสนใจอยากได้เงินรางวัลนำจับนี้กันทั้งนั้น เขาจึงเริ่มเป็นห่วงหมิวขึ้นมา แต่ที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้างก็คงเป็นการที่ทหารยังคงตรวจเข้มไม่หยุด เพราะนั่นหมายความว่าหมิวยังไม่ถูกจับ และเธออาจจะออฟไลน์หนีไปนอกเกมแล้วก็ได้

ขณะครุ่นคิดเขาก็หยุดหันมองไปยังอาคารสีขาวสูงใหญ่โอ่โถงด้วยความสนใจ เขาไม่ทราบว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกได้ว่ามันดูเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังเหมือนกับเป็นสถานที่ศักด์สิทธิ์เปี่ยมด้วยศรัทธา

“หือ … วิหารเทพอำนวยพร เหรอ? คืออะไร?”

เขามองป้ายชื่อสถานที่ด้วยความสนใจ และความรู้สึกแรกของเขาก็คือมันดูเหมือนจะคล้ายกับวัดหรือโบสถ์อะไรทำนองนั้น ซึ่งเมื่อก้าวเดินเข้าไปเขาก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเอง เพราะด้านในของอาคารที่สูงใหญ่โอ่โถงแห่งนี้นั้นมีผู้คนแต่งตัวคล้ายนักบวชหลากรูปแบบอยู่ราวสิบกว่าชีวิต

นักบวชเหล่านั้นนั่งคุกเข่าพนมมือเหมือนกำลังสวดมนตร์หรือขอพรจากหินกลมเกลี้ยงสีขาวขนาดเท่ารถสิบล้อซึ่งลอยเหนือพื้นบริเวณกึ่งกลางวิหาร ในขณะที่เขาเองได้แต่เงยหน้ามองดูงานศิลปะอันงดงามวิจิตรบนฝาผนังและเพดานครึ่งทรงกลมด้วยความตื่นตาตื่นใจ

แม้ว่าปกติเขาจะไม่ได้สนใจเรื่องการบูชาเทพเทวดามาก่อน แต่เมื่ออยู่ภายในวิหารแห่งนี้เขากลับรู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เหนือคาดเดารายล้อมอยู่รอบกาย อะไรบางอย่างกำลังเติมเต็มเข้ามาจนอิ่มเอมปิติ และความรู้สึกนั้นเองที่ทำให้เขาเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหินทรงกลมลอยได้ และยกมือทำท่าแสดงความเคารพเฉกเช่นเดียวกันกับที่นักบวชคนอื่นกำลังกระทำกันอยู่

“ทำภารกิจแสดงความศรัทธาแด่ทวยเทพสำเร็จ – ท่านได้แสดงความศรัทธาจากใจจริงโดยปราศจากสิ่งเคลือบแฝง ท่านจะถูกสุ่มโอกาสเพื่อพบเจอและขอพรจากเทพระดับสูง”

แม็กรับฟังเสียงของข้อความด้วยความสงสัยอยู่บ้าง เพราะเขาเพียงแค่แสดงความเคารพเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นการทำภารกิจโดยไม่ตั้งตัว ซึ่งความจริงแล้วภารกิจนี้นับเป็นภารกิจพื้นฐานที่ผู้เล่นส่วนใหญ่รับทราบกันอยู่แล้ว เพราะนี่เป็นภารกิจที่ง่ายและทำได้เพียงครั้งเดียว แต่จะเป็นโอกาสที่จะถูกส่งไปเจอกับเผ่าพันธุ์เทพโดยมีของรางวัลคือพรหนึ่งข้อ หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือได้ทักษะหนึ่งอย่างนั่นเอง

สิ่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือ เมื่อพวกเขามาทำการแสดงศรัทธาที่นี่โดยหวังผลตอบแทน ซึ่งถือว่ามีจิตเคลือบแฝง สิ่งที่พวกเขาได้จึงเป็นรางวัลระดับต่ำ หรือก็คือการส่งไปพบกับเทพระดับต่ำที่ไม่มีพลังอำนาจมากนัก แต่สำหรับแม็กที่มาโดยบังเอิญและแสดงศรัทธาโดยบังเอิญนั้นทางระบบกลับถือเป็นการไม่เสแสร้งจึงได้รางวัลระดับสูงไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

กระนั้นคำว่าสุ่มก็ใช่ว่าจะได้เสมอ เพราะเผ่าเทพนั้นรักเกียรติของตัวเองยิ่ง เพียงแต่นี่เป็นคล้ายกับพันธะสัญญาอย่างหนึ่งกับเผ่ามนุษย์ เทพบางองค์จึงยอมกระทำตาม แต่บางองค์ก็ไม่สนใจ ยิ่งเป็นเทพระดับสูงก็ยิ่งไม่คิดสนใจ ยกตัวอย่างเช่น เคยมีคนสุ่มได้พบกับเทพซุส แต่ว่าเทพซุสไม่อนุญาต ทางระบบจึงต้องไล่สุ่มหาเทพองค์อื่นต่อไป แต่ว่าเทพระดับองค์อื่นก็ไม่ยินยอมเช่นกัน ระบบจึงต้องสุ่มต่อไปจนกว่าจะเจอเทพที่ยินยอม

แม็กย่อมไม่ทราบเรื่องราวเบื้องหลังเหล่านี้ เขาเพียงทราบว่าเขาบังเอิญได้รับภารกิจที่น่าสนใจ เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเทพในเกมจะเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังแอบคาดหวังว่าจะได้เจอกับเทพสาวสวยเสน่ห์แรงสักคน เผื่อว่าเขาจะสามารถหว่านเสน่ห์จนได้มีประสบการณ์กับนางฟ้านางสวรรค์บ้างสักครั้งในชีวิต

เขารอคอยอยู่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงของระบบอีกครั้ง และคราวนี้เขาก็ต้องเป่าปากด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่งยวด เพราะเขาพอจะมีความรู้เรื่องเทพกรีกอยู่บ้าง และหากเขาจำไม่ผิด เทพที่เขากำลังจะถูกส่งไปหานั้นจัดได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์เทพที่สวยงามที่สุดบนสรวงสวรรค์

“การสุ่มเสร็จสิ้น … ท่านจะถูกส่งไปพบกับเทพีแห่งความรัก ความงาม สุขารมณ์ และการก่อกำเนิด … เทพีอะโฟรไดทีอนุญาตให้ท่านเข้าพบได้ …”

…………………………………………………………….

Share the Post:

Related Posts

ครูคะ ไหนบอกจะหางานพิเศษให้หนูทำไง?

เรื่องเสียว ครูคะ ไหนบอกจะหางานพิเศษให้หนูทำไง? บางครั้งคนเราก็ไม่มีทางเลือกให้ชีวิตมากนัก เรื่องที่เกิดกับหนูก็เหมือนกัน เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เวลาคิดถึงก็เสียวขึ้นมาทุกที แม้ว่าอีกใจหนึ่งจะรู้สึกผิดที่แอบไปมีเพศสัมพันธ์กับครู ถึงจะเกิดจากความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ไปฟังกันดีกว่าค่ะ บอกไว้ก่อนเลยว่าเรื่องนี้เสียวมากๆ อย่าเผลอชักว่าวเสร็จก่อนจะอ่านจบนะคะ หนูชื่อพลอยค่ะ เรียนอยู่ ม.5 แล้ว กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่หนูไม่ได้มีครอบครัวที่รวยอะไรมากมายค่ะ ทุกครั้งที่ปิดเทอมจะออกไปหางานทำตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง

Read More

เป็นชู้กับผัวป้า

เรื่องเสียว เป็นชู้กับผัวป้า สวัสดีค่ะ ชื่อเปรี้ยวนะคะ เปรี้ยวเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ต้นๆ กำลังแตกเนื้อสาว เปรี้ยวเป็นคนนมใหญ่มาก เวลาไปไหนผู้ชายส่วนใหญ่ชอบหยุดมองนม มองอยู่นานสองนานจนเมียเขาต้องดึงมือออกไป เปรี้ยวอาศัยอยู่กับป้า ในบ้านมีอยู่กัน 3 มีเปรี้ยว ป้า และผัวป้า ส่วนลูกสาวของป้าส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เล็กๆ ป้าเพิ่งจะอายุ

Read More