XO ตอนที่ 3 – พร
…………………………………………………….
บรึ้มมม!!! … ตูมมม!!! … โครม!!!! … เสียงระเบิดและเสียงหินผาแตกหักดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสงสีของเวทย์มนตร์สีขาวและดำพุ่งวาบไปมาราวกับห่าฝน แรงอัดของระเบิดแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทางจนต้นไม้ใหญ่น้อยล้มครืนแทบไม่มีเหลือ ป่าไม้ที่มีสีเขียวชะอุ่มกลายเป็นตลบอบอวลไปด้วยฝุ่นควันจากแรงระเบิด แม้แต่ผืนปฐพีก็ยังสั่นสะเทือนตลอดเวลาราวกับว่านี่เป็นวันสิ้นโลก
“นรก!!! ไหนว่าจะส่งมาหาเทพีอะโฟรไดทีคนสวย นี่มันอยู่กลางดงสงครามชัด ๆ เลยเฟ้ย”
แม็กส่งเสียงตะโกนโหวกเหวกด้วยความรู้สึกสุดจะทานทน หลังจากที่เข้าไปขอพรในวิหารแห่งการอำนวยพร เขาก็ได้รับข้อความว่าจะถูกส่งไปพบกับเทพีอะโฟรไดท์ เทพีแห่งความรักที่ได้ชื่อว่าสวยงาม
ที่สุดบนสรวงสวรรค์ เขาจึงแอบคาดหวังว่าจะปรากฎตัวออกไปพบเจอกับความสวยงาม อาจจะเป็นสวนดอกไม้ มีนางฟ้ารายรอบ และมีองค์เทพีรอรับด้วยรอยยิ้มหวาน หากทว่าสิ่งที่คาดหวังกับความจริงกลับไม่ได้ใกล้เคียงกันสักนิด!!!
ตูมมมมม!!!! เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งและคราวนี้แรงระเบิดดูจะห่างจากหลุมที่เขาคุดคู้ร่างแอบซ่อนอยู่เพียงแค่ไม่กี่เมตร หลุมนี้จึงสั่นสะเทือนไหวไปมาอย่างรุนแรง จนเศษดินเศษหินร่วงถล่มโถมทับเข้าใส่
“โว้ยยยย อะไรกัน นี่มันอะไรกัน หยุดได้แล้วโว้ยยยยยยย ทั้งสองคนนั่นแหละ ว้ากกกกก”
แม็กส่งเสียงโวยวายด่าทอแข่งกับเสียงระเบิดที่ยังคงดังสั่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่เขาใช้คำว่าสองคนก็เพราะแวบแรกที่เขาเข้ามา เขาก็เห็นแต่ป่าเขียวครึ้ม และสิ่งที่คล้ายร่างของคนสองร่างลอยอยู่บนฟ้าไกลออกไป ซึ่งดูแล้วคลับคล้ายจะเป็นผู้หญิงทั้งสองคน เพียงแต่ไกลเกินไปจนมองไม่เห็นรายละเอียด
เธอทั้งสองคนคนหนึ่งมีพลังสีขาวห่อหุ้มตัวเหมือนลูกบอลลูกใหญ่ ในขณะที่อีกคนมีพลังสีดำมืดห่อหุ้มตัวเอาไว้ด้วยขนาดที่ไม่แพ้กัน จากนั้นเพียงแค่ไม่กี่วินาที พวกเธอทั้งสองคนก็ทำตัวเหมือนยานรบอวกาศด้วยการยิงพลังแสงเข้าใส่กันราวกับห่าฝน จากนั้นป่าไม้หนาทึบก็ค่อย ๆ โดนลูกหลงจากแรงระเบิดถล่มจนยับเยินเหลือแต่ซาก แต่ยังดีที่เขามองเห็นรอยแยกระหว่างพื้นหินอยู่ จึงกระโดดลงมาหลบเอาชีวิตรอดได้ทันท่วงที
ตูมมมมมมมมม!!!! เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง หากทว่าคราวนี้มันดังยิ่งกว่าครั้งใด และตามมาด้วยแรงอัดของอากาศที่รุนแรงราวกับพายุหมุน แรงระเบิดนั้นหอบหิ้วเอาต้นไม้ใหญ่น้อยปลิวว่อนขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ก็ยังไม่เว้น แม็กที่นั่งหมอบคุดคู้อยู่ในร่องหินจึงได้แต่อ้าปากค้างเหม่อมองเหตุการณ์แทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยังเอาตัวรอดได้ถึงวินาทีนี้
แรงระเบิดซัดถล่มอย่างบ้าคลั่งอยู่ราวสี่ถึงห้านาที จากนั้นก็กลายเป็นความเงียบอันน่ากลัว แม็กเริ่มลุกขึ้นยืนด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ เขาค่อย ๆ โผล่หัวจนพ้นออกจากระนาบของร่องหินอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เมื่อเห็นว่าเวลานี้ผืนป่าได้หายไปแล้ว หลงเหลือไว้ก็แต่เพียงผืนดินรกร้างที่เป็นหลุมบ่อ
พอกวาดสายตามองไป เขาก็พบว่าบรรดาเศษซากต้นไม้และก้อนหินดินทรายที่เคยสถิตย์เป็นป่าไม้กำลังลอยลิ่วอยู่บนท้องฟ้าซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป และดูเหมือนว่าจะยังไม่มีทีท่าจะร่วงหล่นลงมา
“อะไรกันวะเนี่ย … สู้กันยังกะพายุถล่ม … แล้วผู้หญิงสองคนนั้นหายไปไหนแล้ว?”
แม็กกวาดตามองความเวิ้งว้างพร้อมกับส่งเสียงสบถด้วยความหัวเสีย เพราะมองไปก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่าและหลุมบ่อ จึงไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรต่อ
“ท่านนักผจญภัย … ได้โปรดมาหาข้า … ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน …”
ในช่วงเวลาที่กำลังสับสนนั่นเอง เขาก็ได้ยินเสียงแว่วหวานซึ้งตรึงใจเสียงหนึ่ง เสียงนั้นเหมือนจะไม่ใช่เสียงธรรมดาที่ลอยมาทางอากาศ แต่เหมือนจะดังก้องอยู่ในหัวสมองของเขาโดยตรง และที่น่าแปลกก็คือเขากลับรู้สึกได้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากที่ใด
แม็กยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มขยับวิ่งอ้อมหลุมบ่อตรงดิ่งไปยังทิศทางซึ่งเขาได้ยินเสียงระเบิดครั้งสุดท้ายที่ดังที่สุด และเพียงไม่นานนักเขาก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะที่เห็นเบื้องหน้านั้นคือหลุมทรงกลมขนาดใหญ่มหึมาหลุมหนึ่ง ผืนดินราวกับถูกอุกกาบาตสักลูกถล่มลงมา เขามองลงไปแทบจะไม่เห็นก้นหลุม จะให้เดาขนาดก็ออกจะยากเกินไป เขาเพียงประเมินคร่าว ๆ ได้ว่า พื้นที่ขอบหลุมนี้น่าจะมากกว่าสนามฟุตบอลสักสิบสนามรวมกัน
“ท่านนักผจญภัย … ได้โปรด … ข้ารอท่านอยู่เบื้องล่าง”
เสียงหวานสดใสสะกดใจนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่านี่จะน่าสงสัย แต่ว่าเสียงนั้นมีเสน่ห์เกินไปจนเขาไม่อาจตัดใจมองในแง่ร้าย เสียงนั้นทะลุทะลวงเข้าไปสร้างความอบอุ่นอยู่ในใจราวกับว่าเวลานี้เขากำลังอยู่ในอ้อมกอดของแม่ก็มิปาน … เสียงนี้มีเสน่ห์มากเกินไปแล้ว
แม็กยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่ทราบว่าจะลงไปได้อย่างไร แต่หลังจากครุ่นคิดเขาก็หยิบเอาลูกศรออกมาสองดอก ถือไว้มือละดอก แล้วค่อยใช้วิธีเสียบลูกศรยึดเอาไว้ไม่ให้ตัวเองไหลลงไปตามความชัน แล้วค่อย ๆ คืบคลานลงไปอย่างเชื่องช้า
หลังจากคืบคลานอยู่พักใหญ่ เหงื่อไคลก็เริ่มผุดออกมาจนเปียกชุ่ม สองมือเริ่มสั่นสะท้านด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ว่าแรงใจยังเต็มเปี่ยม เขายังคงรู้สึกว่าอยากไปพบเจอกับเจ้าของเส้นเสียงที่น่าหลงไหลนั้นสักครั้งให้ได้
“คิก คิก อะโฟรไดทีเอย ข้าไม่รู้หรอกนะ ว่าเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่ จึงได้ใช้พลังสร้างพันธนาการผูกมัดพวกเราสองคนไว้ด้วยกันเช่นนี้ เจ้าอาจจะแกล้งเงียบต่อไปก็ได้ แต่ข้าจะบอกให้ว่าเมื่อพลังเวทย์ของเจ้าอ่อนลง เมื่อนั้นเจ้าจะต้องโดนข้าซึ่งได้พักจนมีพลังเต็มเปี่ยมจัดการอย่างแน่นอน”
แม็กสะดุ้งโหยงเล็กน้อยเมื่อไต่ลงมาจนได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง แวบแรกนั้นเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่เขาตามหา หากทว่าเพียงเสี้ยววินาทีถัดมาเขากลับรู้สึกได้ถึงความยั่วเย้าที่แอบแฝงอยู่ในเส้นเสียงนั้น
หลังจากได้ยินเสียงนี้ เขาไม่ได้รู้สึกอบอุ่นในใจเช่นเสียงที่ได้ยินในตอนแรก หากทว่าเสียงนี้กลับทำให้เขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ทั้งที่เหนื่อยหอบถึงเพียงนี้ แต่ว่าส่วนที่ซ่อนอยู่ใต้เป้ากางเกงกลับพองตัวแข็งโด่ขึ้นมากระทันหัน และเขารู้สึกได้ว่าเขาอยากจะร่วมรักกับเจ้าของเสียงหัวเราะนี้จนแทบบ้า
“แอสโมดิอุสเอย ในฐานะที่เจ้าเป็นคู่ปรับและสหายเก่าแก่ของข้า ข้าอยากจะบอกเจ้าเสียก่อน ว่าข้าตั้งใจพันธนาการตัวข้าไปพร้อมกับเจ้า เพราะมิฉะนั้นแล้วคงไม่สามารถพันธนาการเจ้าได้ แต่มิต้องเป็นห่วงแต่อย่างใด ก่อนที่พันธนาการของข้าจะเสื่อมสลายลงไป เจ้าจะต้องกลายเป็นทาสของข้าอย่างแน่นอน”
เสียงของผู้หญิงอีกคนดังขึ้น และนั่นก็คือเสียงของผู้หญิงคนแรกที่เขาได้ยิน เสียงนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น อบอวลไปด้วยความรัก เติมเต็มจนหัวใจของเขาพองโตและอยากได้ยินเสียงนั้นตลอดกาล
เสียงของสตรีทั้งสองเงียบลงไปครู่หนึ่งเหมือนกับว่าพวกเธอกำลังใช้ความคิด เวลานี้แม็กจึงเริ่มมีสติมาคิดทบทวน เพราะฟังจากคำสนทนาแล้วผู้หญิงเจ้าของเสียงอบอุ่นด้วยความรักนั้นสมควรจะเป็นอะโฟรไดทีเทพีแห่งความรักที่เขาถูกส่งมาหา ส่วนอีกคนที่เป็นเจ้าของเสียงยั่วเย้ายั่วอารมณ์ราคะนั้นถูกอะโฟรไดทีเรียกว่าแอสโมดิอุส
แอสโมดิอุส … แอสโมดิอุส … แม็กพยายามนึกทบทวนชื่อที่คล้ายกับจะคุ้นหูนี้อยู่หลายรอบในใจ จากนั้นเขาก็เบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นมาได้ แอสโมดิอุสเป็นชื่อของตัวแทนแห่งบาปแห่งความราคะ ซึ่งเป็นหนึ่งในบาปทั้งเจ็ดประการในเทพนิยาย และบาปทั้งเจ็ดนี้ประกอบด้วย ราคะ ตะกละ โลภะ เกียจคร้าน โทสะ ริษยา และ อัตตา
ในตำนานกล่าวว่าเธอมีทั้งร่างบุรุษและร่างสตรี ร่างบุรุษนั้นจะหล่อเหลามีเสน่ห์ดึงดูดจนสตรีหลงไหล ในขณะเดียวกันหากเป็นร่างสตรีก็จะเต็มไปด้วยความงามที่ไม่แพ้อะโฟรไดที เพียงแต่จะเป็นความงามคนละแบบเท่านั้น
แอสโมดิอุสสมควรจะเป็นความงามในลักษณะของวัตถุทางเพศโดยมีเป้าหมายเพื่อยั่วเย้ากระตุ้นราคะจิตซึ่งเป็นอารมณ์ด้านมืด ในขณะที่ความงามของอะโฟรไดทีนั้นจะเป็นความงามบริสุทธ์ที่มุ่งเน้นไปสู่ความรักอันสวยงาม
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันอะโฟรไดที?”
“ข้าหมายความเช่นที่ข้ากล่าว พวกเราในฐานะตัวแทนของความรักและความใคร่ได้ทำการประชันแข่งขันกันมายาวนานเกินไปแล้ว และวันนี้ข้าจะขอให้มันจบลงที่นี่เสียที”
“คิก คิก อย่าพูดขู่ให้เสียเวลาเลย เวลานี้เจ้าไม่สามารถทำอะไรข้าได้ ต่อให้สามารถใช้บ่วงโซ่แห่งทิวากาลเพื่อพันธนาการตัวข้าไว้ได้ แต่ว่าเจ้าก็ถูกพันธนาการเช่นกัน อีกทั้งข้ายังไม่ต้องสูญเสียพลังแม้แต่น้อย ในขณะที่เจ้าจะถูกโซ่บ้านี่สูบพลังตลอดเวลา เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอกนะ”
“ถูกแล้ว ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก … แต่ว่าคนอื่นก็ไม่แน่นัก”
คำพูดของอะโฟรไดทีทำให้แม็กต้องหันหน้ามองลงไปในหลุมเบื้องล่างเพราะรู้สึกว่าเธอน่าจะหมายถึงตัวเขา เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังมองไม่เห็นสิ่งใดที่ก้นหลุมเพราะอยู่ห่างไกลเกินไป
“คนอื่นงั้นหรือ? นี่เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร ที่นี่เป็นมิติพิเศษภายใต้พันธะสัญญาระหว่างเราสอง ที่จะไม่มีใครกล้ำกรายเข้ามาได้นอกจากทำลายทิ้งทั้งมิติ แม้แต่เทพที่สูงส่งที่สุดก็ทำไม่ได้ หรือมารที่ร้ายกาจที่สุดก็ทำไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าใครกันที่สามารถกระทำได้”
“เจ้าพูดถูกแล้วแอสโมดิอุสเอย เพียงแต่เจ้าอาจจะลืมไปว่ามีใครบางคนที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์นี้”
“… ใครบางคนงั้นหรือ? … ไม่จริงน่า!!! นี่เจ้าหมายถึงท่านเทพผู้สร้างงั้นหรือ!!!!”
“คิก คิก ท่านเทพผู้สร้างท่านคงไม่ลดตัวลงมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ข้าเพียงหมายถึงพลังของท่านเทพผู้สร้างต่างหากที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์นี้”
เสียงสนทนาหนึ่งอบอุ่นใจแต่อีกหนึ่งกลับยั่วเย้ากำลังทำให้ความอดทนของแม็กขาดผึง ยิ่งเข้าใกล้ผลกระทบของเสียงก็ยิ่งรุนแรงจนแทบทานรับไว้ไม่อยู่ เสียงหนึ่งทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอยากโผเข้าไปโอบประคองเธอไว้อย่างนิ่มนวลแล้วบอกรักสักพันครั้ง ในขณะที่อีกเสียงกลับกระตุ้นอารมณ์หื่นจนดุ้นเอ็นแข็งแล้วแข็งอีกอยากโผเข้าไปฟอนเฟ้นกระเด้าใส่โดยพลัน
พลังของความรักและความใคร่ที่มากล้นนั้นทำให้แม็กอดใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาชำเลืองมองลงไปที่ก้นหลุมก่อนจะลุกขึ้นแล้วก้าวเท้าวิ่งลงไปเบื้องล่างราวกับกำลังลอยลิ่วไปหาคนรัก แต่เนื่องจากหลุมนั้นสูงชันเกินไป เมื่อวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวเท้าของเขาก็เริ่มสะดุดและล้มกลิ้งลงไปเบื้องล่างราวกับลูกบอลลูกหนึ่ง
เขารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่กลิ้งลงไปกระแทกกอดกับความนุ่มนิ่มของอะไรบางอย่าง เขาส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดออกมาได้ครึ่งคำ แล้วก็ต้องหุบปากลงเพราะได้กลิ่นหอมของเนื้อสาวที่แฝงไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นและยั่วเย้ากระตุ้นราคะ
เขาหลับตาพริ้มซุกใบหน้าลงไปสูดดมความหอมหวานราวกับถูกสะกด จนกระทั่งเมื่อจมูกและใบหน้าของเขาสัมผัสเข้ากับความนุ่มนิ่มเต่งตึงอันสุดยอดหาใดเทียม ความเป็นชายของเขาก็ตื่นตัวเต้นตุบด้วยอารมณ์กลัดมันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“สุดยอด!!! แม่โคนมสองคนนี่มันนางฟ้าชัด ๆ!!!”
แม็กส่งเสียงบ่นพึมพำราวกับว่าวิญญาณของเขากำลังจะหลุดลอยออกจากร่างเมื่อยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้เขาอยู่ในท่านั่งคร่อมอยู่บนร่างของสองสาวที่สวยสะท้านโลก จนเขาไม่ทราบว่าจะสรรหาคำบรรยายอันใดมาเปรียบเปรย
พวกเธอทั้งสองอยู่ในท่านอนตะแคงหันหน้าโอบกอดเข้าหากันโดยมีโซ่สีเงินแลดูบอบบางเส้นหนึ่งรัดพัวพันทั้งคู่เอาไว้อย่างแน่นหนา สองร่างที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อแห่งความงดงามน่าตะลึงจึงบดเบียดเข้าหากันจนเต้าอวบใหญ่สี่ข้างบิดเบี้ยวไปตามแรงกดและแรงรัดรั้งของโซ่สีเงิน
หญิงสาวคนหนึ่งสวมใส่ชุดสีขาว ตลอดเรือนร่างมีแสงสีเงินห่อหุ้มเอาไว้ชั้นหนึ่ง ใบหน้าของเธอสวยหวานละลานตาจนหัวใจเขาแทบหยุดเต้น ผมและดวงตาของเธอมีสีฟ้าสวยงามดั่งสีน้ำทะเล ผิวกายขาวผ่องเปล่งประกายระยิบระยับสวยงาม ทรวงอกอวบอิ่มล้นทะลักดันเนื้อผ้าออกมาเป็นก้อนกลมสวยงาม
ส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นสวมใส่ชุดหนังรัดรูปสีดำสั้นเต่อคล้ายบิกินี่ ตลอดเรือนร่างมีออร่าสีดำมืดห่อหุ้มไว้ทำให้แลดูมีเสน่ห์ลึกลับตรงกันข้ามกับคนแรก ดวงตาและเส้นผมของเธอเป็นสีดำสนิท แต่ผิวกายนั้นขาวเนียนละเอียดไม่แพ้คนแรก แม้แต่สัดส่วนโค้งเว้าก็ล้นทะลักออกมาไม่แพ้กัน
“เจ้าเล่นนอกเกมอะโฟรไดที … นี่เจ้าไม่ยึดถือเกียรติยศแห่งเผ่าเทพของเจ้าแล้วเรอะ”
หญิงสาวชุดหนังสีดำมองดูแม็กด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะส่งเสียงทักท้วงกราดเกรี้ยว และดูเหมือนว่าเธอคนนี้น่าจะเป็นแอสโมดิอุสตัวแทนของบาปแห่งราคะ
“เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้วใครกันล่ะ ที่แอบพามารฝันเข้ามายุ่มย่ามจนข้าแทบย่ำแย่ เจ้าเองไม่ใช่หรือ?”
หญิงสาวชุดขาวไม่สนใจคำด่าทอของแอสโมดิอุส ทั้งยังส่งเสียงเจื้อยแจ้วตำหนิกลับด้วยเรื่องเดียวกันจนอีกฝ่ายร้องเฮอะและโต้แย้งกลับไปกลับมาอีกชุดใหญ่ ดูเหมือนว่าเธอคนนี้สมควรจะเป็นอะโฟรไดทีเทพีแห่งความรัก
ตอนนี้แม็กแทบไม่สนใจว่าพวกเธอจะทะเลาะกันเรื่องอะไร เพราะอารมณ์ของเขากำลังพลุ่งพล่านจนแทบรับไว้ไม่ไหว ในห้วงเวลาหนึ่งก็รู้สึกรักอยากโอบกอดดูแลบอกรักต่ออะโฟรไดที หากทว่าในอีกห้วงอารมณ์ก็อยากจะฉีกกระชากเสื้อผ้าของแอสโมดิอุสแล้วปลุกปล้ำข่มขืนระบายความใคร่เสียให้หายอยาก
ควรรู้ว่านี่เป็นปฏิกิริยาโดยปกติของบุรุษที่พึงมีต่อสตรีที่อยู่บนจุดสูงสุดแห่งความงามทั้งสอง สำหรับอะโฟรไดทีนั้นไม่ว่าใครพบเจอก็จะบังเกิดความรู้สึกรักใคร่ทะนุถนอมไม่กล้าล่วงเกิน ในขณะที่เมื่อพบเจอกับแอสโมดิอุสนั้นจะกลายเป็นอารมณ์ใคร่อันเร่าร้อนราวจนสุดจะทานทน
“ท่านนักผจญภัย ได้โปรดเถิด ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ที่ข้าอนุญาตให้ท่านมาพบเจอตามพันธะสัญญากับผู้สร้างนั้น เนื่องจากข้าต้องการให้ท่านใช้พลังของท่านเพื่อช่วยเหลือข้าจัดการมารร้าย ได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วย”
อะโฟรไดทีหันมากล่าวกับแม็กด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และนี่เป็นอีกครั้งที่หัวใจของเขาต้องเต้นสั่นระรัว ท่าทางของเธอตอนนี้ราวกับสาวน้อยไร้พละกำลังที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากบุรุษเช่นเขา และแน่ล่ะเขารู้สึกว่าตอนนี้ต่อให้เธอขออะไรก็ตาม เขาก็พร้อมที่จะยกให้เธอทั้งนั้น ต่อให้สิ่งนั้นจะเป็นชีวิตของเขาก็ตาม
จากประโยคที่อะโฟรไดทีบอกกล่าว ทำให้ทราบว่านี่คล้ายเป็นเรื่องบังเอิญเรื่องหนึ่ง เทพทุกองค์ต่างมีพันธะสัญญากับเทพผู้สร้างว่าจะพยายามช่วยอำนวยพรให้แก่มนุษย์ที่ถูกส่งไปหา และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อะโฟรไดทีได้รับการเรียกหาจากพันธะสัญญา เพียงแต่เธอไม่เคยคิดตอบรับเพื่อพบเจอกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แสนต่ำต้อยมาก่อน
เพียงแต่ครั้งนี้เธอได้รับคำเรียกหาในช่วงเวลาก่อนเปิดศึกกับคู่แค้นอย่างแอสโมดิอุสในมิติพิเศษที่ไม่มีใครก้าวก่ายได้ เธอจึงลอบตัดสินใจยอมรับคำเรียกหา และหวังว่าจะมีกองหนุนปริศนามาสร้างความแตกตื่นให้กับแอสโมดิอุสสักนิดก็ยังดี
“เฮอะ ก็แค่มนุษย์กระจอกคนหนึ่ง มันจะทำอะไรได้ ถึงแม้ข้าจะขยับไม่ได้ แต่ข้าก็ยังมีพลังแห่งความมืดคุ้มกายอยู่”
แอสโมดิอุสหันมามองดูแม็กด้วยดวงตาเหยียดหยาม จากทีแรกที่รู้สึกตื่นตกใจเวลานี้เธอกลับรู้สึกอยากหัวเราะออกมา เพราะผู้ช่วยของอะโฟรไดทีนั้นอ่อนแอเกินไป และเธอก็ดูไม่ผิด เวลานี้แม็กเป็นเพียงผู้เล่นเลเวลหนึ่งที่อ่อนแอเกินไปจนยากจะทำร้ายเธอได้จริง ๆ
แม็กหันไปมองดูแอสโมดิอุสด้วยความรู้สึกขุ่นข้องใจแวบหนึ่ง แต่เพียงแค่มองเห็นใบหน้าของเธอ แลเห็นเรือนร่างรูปทรงและน้ำเสียงยั่วเย้า อารมณ์ขุ่นข้องก็พาลหดหาย หลงเหลือก็แต่เพียงความกลัดมันอยากเสพรักให้สมอยากสักครั้ง
“เจ้าผิดแล้วแอสโมดิอุส ความแข็งแกร่งมิใช่พละกำลัง หากแต่เป็นความกล้าที่จะปกป้องความรักต่างหาก ท่านจะช่วยเหลือเราใช่หรือไม่ท่านนักผจญภัย”
อารมณ์ของแม็กแปรเปลี่ยนไปอีกครั้งจนสับสน เพราะอะโฟรไดทีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานกระตุ้นความรู้สึกรักใคร่จนอารมณ์หื่นลดทอนลงไปหลายส่วน และแน่นอนว่าเขาย่อมต้องรีบพยักหน้าตอบรับคำขอของเทพธิดาที่สวยหวานสะคราญใจคนนี้ทันที
“ได้ครับ เอ่อ แต่ผมต้องทำยังไง ?”
“บริเวณต้นขาของข้าทั้งสองข้าง มีมีดสั้นเหน็บไว้สองเล่ม ท่านโปรดหยิบมันออกมาเถอะ”
เทพีแสนสวยกล่าวด้วยน้ำเสียงเอียงอายทั้งยังเบือนหน้าหนีราวกับดรุณีน้อยไร้เดียงสา แม็กจึงก้มหน้าลงไปมองท่อนขาขาวอวบที่มีเนื้อผ้าสีขาวห่อหุ้มอยู่แล้วกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบังเกิดความประหม่าที่จะได้แตะผิวกายสาวสวย
“อา”
ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเผยอครางแผ่วเบาเมื่อเขาแปะมือลงไปสัมผัสกับความเนียนลื่นละมุนของขาขาว แม็กพ่นลมหายใจพรืดออกมาด้วยความตื่นเต้นเพราะผิวกายของอะโฟรไดทีนุ่มนิ่มเต่งตึงเกินไปยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยแตะสัมผัส ฝ่ามือของเขาถึงกับสั่นสะท้านไม่กล้าแตะสัมผัสรุนแรงเกินไปเพราะเกรงว่าจะเผลอทำลายความบริสุทธิ์ในอุ้งมือจนเสียหาย
เวลาเดียวกันนั้นอะโฟรไดทีก็บังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แม้จะเป็นถึงเทพีแห่งความรัก หากทว่าด้วยฐานะที่สูงส่งเกินไป จึงทำให้ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามถึงเพียงนี้
ต่อให้เป็นเหล่าเทพบุรุษที่มีระดับใกล้เคียงกัน เมื่อเข้าใกล้ก็จะบังเกิดความรักต่อตัวเธอจนคล้ายคนปัญญาอ่อน เธอจึงรู้สึกรำคาญไม่สนใจใคร และเมื่อเธอบังเกิดท่าทีไม่พอใจ เหล่าบุรุษเพศทั้งหลายก็จะเกิดอาการหงอไม่กล้ารุกล้ำเนื้อตัวของเธอเช่นที่เขาทำในตอนนี้ อารมณ์ของเธอจึงปั่นป่วนขึ้นมาบ้างแล้ว
“อะ … อืมมม … อืออออ”
แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดบุรุษผู้นี้จึงกล้ากระทำเกินเลย ทั้งที่ตกอยู่ใต้มนตร์รักอันแสนบริสุทธิ์ แต่อะโฟรไดทีก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเม้มปากแน่นพยายามตีหน้านิ่ง หากทว่าฝ่ามือหยาบกร้านที่ลูบไล้แผ่วเบาไปตามโคนขาทำให้เธออดไม่ได้ต้องเผลอส่งเสียงครางในลำคอ โดยเฉพาะเมื่อเขาลูบมือมุดลอดชายกระโปรงเข้าไปป้วนเปี้ยนบริเวณใกล้กับง่ามขาซึ่งเป็นสัดส่วนที่อ่อนไหวที่สุด
แม็กกลืนน้ำลายลงคอเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบ เพราะสัมผัสจากฝ่ามือนั้นช่างนุ่มนิ่มเสียจนเขารู้สึกไม่เสียชาติเกิด ซึ่งหากเป็นเวลาปกติ เขาคงตะปบมือลงไปบดบี้กับเนินสวาทอวบอูมที่อยู่ห่างเพียงคืบแล้ว แต่เวลานี้เมื่ออยู่ใต้มนตร์รักอันบริสุทธิ์เขาจึงมีความรู้สึกว่าไม่อยากล่วงเกินเทพีแห่งความรักองค์นี้จนเธอมัวหมอง
แน่นอนว่าหากในที่นี้มีเพียงเทพีแห่งความรักองค์เดียว แม็กคงไม่กล้าแม้แต่จะลูบไล้ขาอ่อนของเธอ หากทว่าที่แตกต่างก็คือในที่แห่งนี้ยังมีแอสโมดิอุสตัวแทนบาปแห่งราคะอยู่อีกหนึ่ง แม็กจึงทั้งตกอยู่ใต้มนตร์แห่งรักและมนตราแห่งความใคร่ไปพร้อมกันอย่างละครึ่ง ไม่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากจนคุมตัวเองไม่อยู่
นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่อะโฟรไดทีคาดไม่ถึง แต่ที่เธอคาดไม่ถึงอีกเรื่องก็คือ เธอเองก็ได้รับผลกระทบจากมนตร์ราคะเช่นกัน เธอจึงเผลอตอบสนองต่อรสสัมผัสและบังเกิดความใคร่โดยไม่อาจสะกดกลั้น
“ฮ้าา … อะ อือออ … ทะ ท่านนักผจญภัย … ได้โปรด อย่าทำเช่นนั้น”
เทพีแห่งความรักสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาขยับมือจนไปแตะสัมผัสเข้ากับสัดส่วนที่อ่อนไหว เธอส่งเสียงละล่ำละลักห้ามเสียงอ่อนเสียงหวาน หากทว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่ทราบว่าเธอต้องการให้เขาหยุดจริงหรือไม่
“ขะ ขอโทษครับ”
เสียงแฝงมนตราแห่งรักทำให้ความหื่นกลัดมันของแม็กลดทอนลง เขาจึงหยุดการรุกคืบแล้วรีบคว้ามือจับเอามีดสั้นที่เหน็บไว้ตรงบริเวณขาอ่อนด้านในทั้งสองเล่มออกมา ซึ่งความจริงมือของเขาควานหามีดทั้งสองเล่มเจอตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากปล่อยความนุ่มนิ่มออกมาเท่านั้น
แอสโมดิอุสขมวดคิ้วมองดูท่าทีเหมือนมีอารมณ์ใคร่ของอะโฟรไดทีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจ ในฐานะคู่แค้นนั้นเธอรู้จักเทพีแห่งความรักดีไม่แพ้กับที่รู้จักตัวเอง อะโฟรไดทีเป็นตัวแทนแห่งรักอันบริสุทธิ์ การที่เธอแสดงอารมณ์ใคร่ซึ่งเป็นอีกด้านของความรักออกมาจึงเป็นเรื่องผิดปกติที่แม้แต่เธอเองก็ยังอธิบายไม่ถูก
“นะ นั่นมันคือมีดลงอักขระเวทย์ตัดวิญญาณของฮาเดส และมีดสั้นลงอักขระสลายพลังของเฮเฟตัส … เจ้า … อะโฟรไดทีนี่เจ้าคิดจะทำอะไร”
เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของมีดสั้นสีเงินซึ่งมีอักขระแตกต่างกันทั้งสองเล่มแล้ว สีหน้าอันแปลกประหลาดใจของแอสโมดิอุสก็กลับกลายเป็นสีหน้าแตกตื่นตกใจ เพราะเล่มหนึ่งนั้นคืออาวุธที่สูญหายตั้งแต่บรรพกาล มันคือสิ่งที่สามารถใช้ตัดแบ่งแยกจิตวิญญาณออกจากกายเนื้อได้ และนั่นเคยเป็นอาวุธคู่มือของฮาเดสเจ้าแห่งนรก
“ได้รับมีดสั้นตัดวิญญาณแห่งฮาเดสระดับแปดดาว – พลังโจมตีหนึ่งหน่วย สามารถใช้ตัดแบ่งแยกวิญญาณออกจากร่างกายได้ เงื่อนไขในการใช้งาน ก็คืออีกฝ่ายจะต้องอยู่ในสภาพที่ไม่มีพลังเวทย์ ปราณ หรือจิตคุ้มกายแม้แต่หน่วยเดียว”
“ได้รับมีดสั้นสลายสิ้นแห่งเฮเฟตัสระดับแปดดาว – พลังโจมตีหนึ่งหน่วย สามารถตัดผ่านและสลายพลังเวทย์ ปราณ และจิตได้อย่างสมบูรณ์”
แม็กยกมีดสีเงินทั้งสองเล่มขึ้นมาสำรวจด้วยความงุนงง เพราะนี่เป็นถึงอาวุธระดับแปดดาว แต่จากคำบรรยายเขากลับพบว่ามันมีพลังโจมตีเพียงแค่หนึ่งหน่วยเหมือนกับจะเป็นเพียงแค่อาวุธกระจอกชิ้นหนึ่ง
แม็กเป็นมือใหม่ในเกมจึงย่อมไม่เข้าใจความพิเศษสุดของอาวุธทั้งสองชิ้น แต่ว่าแอสโมดิอุสเข้าใจดี เธอจึงกำลังแตกตื่นจนหน้าถอดสี เพราะหากว่ามีมีดอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเล่มเดียว มันคงทำอะไรเธอมิได้ แต่ในเมื่อมันมีอยู่สองเล่มในสภาพที่เธอถูกพันธนาการหลบหนีไม่ได้ก็จะกลับกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับมีดตัดวิญญาณนั้น สรรพคุณของมันก็คือสามารถตัดเอาวิญญาณออกจากร่างได้ มันคล้ายกับเคียวยมฑูตเพียงแต่ยอดเยี่ยมกว่าเพราะสามารถจัดการกับคนเป็นได้ เพียงแต่มันมีเงื่อนไขที่จำกัดก็คือหากมีการเร่งพลังปราณ เวทย์ หรือจิตขึ้นป้องกันตัวแม้แต่สักเล็กน้อย ก็จะทำอะไรไม่ได้ทันที ดังนั้นหากมีเพียงมีดเล่มนี้เธอจึงไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดเพราะสามารถสร้างเกราะป้องกันตัวได้ตลอดเวลา
เพียงแต่เมื่อมีมีดสลายพลังของเฮเฟตัสเทพแห่งการประดิษฐ์ขึ้นมาอีกเล่ม พลังป้องกันไม่ว่าจะเป็นเวทย์ ปราณ หรือพลังจิต ก็จะกลายเป็นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ดังนั้นหากเสียบมีดทั้งสองเล่มลงมาพร้อมกัน ต่อให้เธอแข็งแกร่งเพียงใดวิญญาณของเธอคงต้องหลุดออกจากร่างและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน
“อย่างที่ข้าบอกไว้แอสโมดิอุสคู่แค้นของข้า การสู้รบของพวกเรากินเวลามานานเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะจบมันที่นี่ ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าได้ แต่ในฐานะบาปแห่งความใคร่ สุดท้ายเจ้าก็จะกลับฟื้นคืนมาใหม่ ดังนั้นข้าจึงจะแบ่งแยกร่างกายและจิตของเจ้าออกจากกัน จากนั้นจิตของเจ้าก็จะต้องกลายเป็นทาสติดตามตัวข้า ส่วนร่างกายของเจ้าก็จะถูกสะกดพันธนาการไว้ในสถานที่ซึ่งลี้ลับที่สุด”
อะโฟรไดทีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากทว่าใบหน้ายังคงแดงซ่านคล้ายเคลิบเคลิ้ม ความรู้สึกของแม็กจึงรู้สึกว่าภาพที่เห็นนั้นช่างขัดแย้งกันเองอย่างรุนแรงจนหลุดจากมนตร์สะกดแห่งรักไปแวบหนึ่ง
“ท่านนักผจญภัย ได้โปรดรวบมีดสั้นทั้งสองเล่มไว้ด้วยกัน และแทงใส่แอสโมดิอุสด้วยเถิด เพียงแค่นั้นวิญญาณของนางจะหลุดออกจากร่าง จากนั้นข้าจะจัดการเรื่องราวที่เหลือด้วยตัวเอง”
อะโฟรไดทีเอ่ยปากร้องขอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเช่นเคย แม็กจึงพยักหน้าเป็นการตอบรับราวกับโดนมนตร์สะกดทั้งที่ยังไม่เข้าใจนักว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร แต่ก็พอจะคาดเดาภาพใหญ่ ๆ ได้ว่าขอเพียงปักมีดทั้งสองเล่มลงไปพร้อมกัน วิญญาณของสาวสวยชุดดำก็หลุดออกมา จากนั้น … จากนั้นอะไรต่อ?
แม็กชะงักมีดทั้งสองเล่มในมือเมื่อใกล้จะกดลงไปโดนหน้าท้องขาวเนียนของแอสโมดิอุส เพราะเขาเริ่มไม่แน่ใจว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เหตุใดเขาจึงต้องทำให้วิญญาณของเธอหลุดออกมา หรือในอีกแง่มุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการฆ่าให้ตาย เขาจึงทำใจลงมือทำร้ายสาวสวยหุ่นเอ็กซ์แสนยั่วสวาทคนนี้ไม่ลง
“เอ่อ … ผมทำไม่ลงหรอก … สาวสวยน่ารักคนนี้เธอก็ดูไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรนี่นา ทำไมต้องทำกับเธอขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
แม็กหันไปพูดกับอะโฟรไดทีด้วยสีหน้าปลงตก และแววตาผิดหวังบนใบหน้าของเทพีแห่งความรักก็ทำให้หัวใจของเขาตกวูบดั่งที่คาด กระนั้นเขาก็ยังทำใจ ‘ฆ่า’ แอสโมดิอุสไม่ลงอยู่ดี
อะโฟรไดทีอ้าปากค้างด้วยความงุนงง เพราะตั้งแต่เล็กจนโตนั้นยังไม่เคยมีบุรุษคนใดไม่ยอมทำตามที่เธอร้องขอ และนี่เป็นครั้งแรกที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งขัดขืนเสน่ห์แห่งความรักที่ไม่เคยมีใครต้านทาน
แอสโมดิอุสที่หลับตาปี๋เตรียมรับความตายกลับรู้สึกแตกต่างออกไป แรกสุดเมื่อเธอรับรู้ว่าเขาไม่ฆ่าเธอนั้น เธอแอบยิ้มเพราะคิดว่าเขาคงจะหลงเสน่ห์แห่งราคะเหมือนบุรุษทั่วไป หากทว่าเมื่อมองดูดวงตาของเขา เธอก็ทราบว่าเขาไม่ได้อยู่ภายใต้มนตราแห่งราคะ แต่มันเป็นแววตาที่อบอุ่นอย่างแปลกประหลาด
แม้จะมีศักดิ์เป็นบาปแห่งราคะ หากทว่าแอสโมดิอุสก็เป็นเช่นเดียวกันกับอะโฟรไดทีเพียงแต่เป็นเหรียญอีกด้านหนึ่งเท่านั้น บุรุษเพศทุกนายที่เข้าใกล้ล้วนแล้วแต่ต้องมนตราแห่งความใคร่จนแสดงออกแต่ความหื่นกลัดมันซึ่งเป็นด้านอันน่าเกลียดอัปลักษณ์ไม่น่าพิศมัยต่อสตรี แอสโมดิอุสจึงเป็นเพียงสตรีที่สร้างความใคร่ให้แก่ผู้อื่น แต่ไม่เคยเลยที่จะรู้สึกพิศมัยบุรุษคนใดให้เสียเวลา
การกระทำที่เหนือความคาดหมายของบุรุษผู้หนึ่ง รวมถึงผลกระทบจากมนตราแห่งความรักจากอะโฟรไดทีทำให้หัวใจที่เย็นชาและตายด้านของแอสโมดิอุสร้อนวาบและเต้นถี่รัวเป็นครั้งแรกในชีวิต ใบหน้าของเธอจึงปรากฎสีแดงซ่านขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ท่านนักผจญภัยอาจจะไม่เข้าใจ เธอคนนี้คือแอสโมดิอุส หนึ่งในบาปทั้งเจ็ด เธอคือตัวแทนของบาปแห่งราคะและความใคร่ เธอทำให้บุรุษเพศมากมายหลงไหลในกามจนไม่อาจถอนตัวได้”
แม้จะแปลกใจที่เขาไม่ยอมกระทำตาม แต่อะโฟรไดทีก็ยังพยายามอธิบายให้เข้าใจ เพราะคิดว่าเขาคงยังไม่รู้ถึงความร้ายกาจของแอสโมดิอุส ซึ่งเธอคิดถูก เขาไม่ทราบเรื่องนั้นจริง ๆ
“เดี๋ยวนะ … ผมไม่ค่อยเข้าใจ แต่ว่าถ้าไม่มีเธอคนนี้ คนอื่นจะไม่หลงไหลในกามงั้นเหรอ?”
“เอ่อ … เรื่องนั้น …”
คำถามแบบตรงไปตรงมาของแม็กทำให้อะโฟรไดทีอ้ำอึ้งตอบไม่ถูก เนื่องเพราะความจริงก็คือเธอไม่เคยคิดหาเหตุผลของการต่อสู้ฆ่าฟันมาก่อน เธอเพียงทราบว่าแอสโมดิอุสเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์ศัตรูของเผ่าเทพ ทั้งยังเป็นตัวแทนของบาปแห่งราคะซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามกับความรัก และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอตั้งตัวเป็นอริกับแอสโมดิอุส เฉกเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายกระทำกับเธอ
กระนั้นเมื่อได้ลองครุ่นคิดถึงเหตุผลในเชิงลึก อะโฟรไดทีก็ได้คำตอบของคำถามนั้น และคำตอบก็คือไม่ แม้จะไม่มีแอสโมดิอุส แต่เหล่าบุรุษสตรีก็ยังจะเต็มไปด้วยอารมณ์ตัณหาราคะ แอสโมดิอุสมิได้ทำให้เกิดตัณหาอารมณ์ เธอเพียงได้รับพลังและความแข็งแกร่งจากบาปและตัณหาเท่านั้น
ขณะที่อะโฟรไดทีกำลังสับสนอยู่นั้น แอสโมดิอุสก็เกิดความสับสนวุ่นวายใจไม่แพ้กัน หัวใจที่ร้อนวาบขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ความคิดสับสน เวลานี้เธอกำลังเหม่อมองดูใบหน้าของแม็กด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตอย่างน่าแปลกประหลาด เธอรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังพยายามช่วยปกป้องเธออยู่ และเธอแทบจะลืมเลือนความรู้สึกของการโดนปกป้องมานานพอดูแล้ว
“เจ้าชื่ออะไร นักผจญภัย?”
ความรู้สึกภายในที่ผลักเร้าทำให้แอสโมดิอุสเผลอถามชื่อของเขาออกไป ซึ่งสำหรับคนที่เล่นเกมมานาน จะทราบว่านี่นับเป็นเรื่องผิดปกติอย่างหนึ่ง เพราะเผ่าเทพและเผ่ามารต่างก็ยึดถือมนุษย์เป็นเช่นมดปลวกตัวหนึ่ง ดังนั้นมดปลวกตัวนั้นจะชื่ออะไรล้วนแล้วแต่ไม่สลักสำคัญจนต้องใส่ใจ
“ผมชื่อแม็ก”
แม็กเป็นผู้เล่นมือใหม่จึงไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ในฐานะนักรักอันช่ำชองทำให้เขาสังเกตเห็นว่าแอสโมดิอุสดูจะเริ่มให้ความสนใจเขาเข้าแล้ว เขาจึงจับจ้องมองเข้าไปในดวงตาดำขลับสวยงามคู่นั้นจนใบหน้าเธอยิ่งแดงก่ำกว่าเดิม
“แม็ก … ข้าไม่รู้ว่าเจ้าตกลงอะไรกับยัยนั่น แต่ถ้าหากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าสาบานว่าจะตอบแทนเจ้าด้วยอะไรก็ตามที่เจ้าร้องขอ … ข้ายินดีที่จะให้เจ้าเสพสมกับเรือนร่างของข้าจนกว่าเจ้าจะพอใจ แบบนี้ดีหรือไม่?”
แม้จะโดนอารมณ์ของความรักเล่นงาน แต่แอสโมดิอุสก็ยังสมกับที่เป็นบาปแห่งราคะ ทีแรกนั้นเธอตั้งใจจะยื่นข้อเสนอให้ดึงวิญญาณของอะโฟรไดทีออกมา แต่ดูจากนิสัยและท่าทีแล้วน่าจะยากเกินไป และอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับได้ เธอจึงเปลี่ยนเป็นขอให้เขาปลดปล่อยเธอไปแทน ส่วนเรื่องของรางวัลนั้นเธอเพียงพูดออกไปตามสัญชาตญาณตามปกติอย่างที่เคยทำมาตลอด เพียงแต่ที่แตกต่างก็คือ ครั้งนี้เธอคิดจะตบรางวัลให้เขาจริง ๆ ไม่ได้หลอกไปสูบวิญญาณเล่นอย่างเคย
ข้อเสนอแฝงน้ำเสียงยั่วยวนเช่นนี้ย่อมทำให้แม็กหูผึ่งตาโตขึ้นมา อารมณ์หื่นกลัดมันของเขาพุ่งพรวดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะจะมีอะไรที่จะดึงดูดใจหนุ่มนักรักได้เท่าโอกาสร่วมอภิรมย์กับแอสโมดิอุสอีกเล่า
ข้อเสนอนี้สะเทือนไปถึงอะโฟรไดทีด้วย เนื่องจากเธอหลงลืมคิดคำนวณไปว่าแม็กยังไม่ได้ตกลงจะช่วยเหลือเธอตั้งแต่แรก ดังนั้นหากอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้ ก็ไม่แน่ว่าเขาจะหันไปเข้ากับอีกฝ่าย เธอจึงต้องรีบส่งเสียงทักท้วงเพื่อชิงเขามาอยู่ฝ่ายตนเอง เพียงแต่ด้วยฐานะของเทพีแห่งความรักทำให้เธอไม่คิดเสนอร่างกายตัวเองเข้าแลกเหมือนอีกฝ่าย
“เดี๋ยวก่อน ท่านแม็ก ท่านอย่าได้หลงเชื่อคำพูดของนางปีศาจ มันจะหลอกท่านไปเพื่อสูบวิญญาณ ท่านมาเพื่อรับพรจากข้าไม่ใช่หรือ ท่านรีบจัดการกับนางเถอะ แล้วข้าจะให้พรที่สุดแสนวิเศษแก่ท่าน”
เสียงของอะโฟรไดทีปลุกสติของแม็กจนตื่นจากความหื่นกลัดมันส่วนหนึ่ง หากทว่าสายตาที่จับจ้องไปทั่วเรือนร่างงามก็ยังทำให้เทพีแห่งความรักรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาได้อยู่ดี
ข้อเสนอนั้นทำให้แม็กหยุดคิดเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้แอสโมดิอุสรับรู้ข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจ เธอจึงรีบยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าเพื่อดึงเขามาเป็นฝ่ายเธอ
“พรงั้นหรือ … อ้อ ข้านึกออกแล้ว … นั่นคือพันธะสัญญาของเผ่าเทพและท่านเทพผู้สร้างซินะ … เช่นนั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้าสาบานต่อเหล่าทวยเทพแห่งเผ่าปีศาจว่าข้าจะยินยอมพลีกายให้เขาเชยชมและไม่ทำอันตรายอันใดต่อเขาตลอดชีวิต อีกทั้งข้าจะยังให้พรแก่เขาอีกด้วย … จงรับพรแห่งราคะนี้เถิด อย่าได้สนใจพรแห่งความรักที่ไร้ประโยชน์นั่นเลย”
เมื่อสิ้นเสียงของแอสโมดิอุสก็ปรากฎกลุ่มควันสีดำลอยออกจากร่างของเธอ แล้วลอยเข้าหาร่างของแม็ก จากนั้นเสียงของระบบและข้อความก็เด้งขึ้นมาให้รับทราบว่าเขาได้ทักษะใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งหนึ่งทักษะ
“ได้รับพรจิตแห่งราคะ (Sense of Lust) – มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามในระยะรัศมีห้าเมตรจะบังเกิดความรู้สึกใคร่ และจะสามารถมองเห็นระดับของความใคร่ที่เพศตรงข้ามมีต่อตัวเอง”
เมื่อเห็นว่ามีทักษะใหม่ แม็กก็ต้องกระพริบตาด้วยความงุนงง เพราะเวลานี้เขามองเห็นคล้าย ๆ กับแท่งกราฟสีน้ำเงินพร้อมกับตัวเลขอยู่ข้างสองสาว ซึ่งนี่ควรจะเป็นตัวเลขระดับความใคร่ที่พวกเธอแต่ละคนมีต่อตัวเขา เพียงแต่ที่น่าแปลกใจก็คือแอสโมดิอุสมีค่าตัวเลขนี้ที่ห้าเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เทพีแห่งความรักอย่างอะโฟรไดทีกลับแสดงตัวเลขสูงถึงสามสิบสี่เปอร์เซ็นต์
“พรแห่งความรักไม่ได้ไร้ประโยชน์ พรดำมืดของเจ้าต่างหากที่ไร้ประโยชน์ จงรับพรแห่งข้าเถิดท่านนักผจญภัย”
อะโฟรไดทีส่งเสียงโต้แย้งพร้อมกับรีบให้พรเพื่อดึงตัว จึงปรากฎกลุ่มควันสีเงินลอยออกจากร่างของเธอเข้าไปหาแม็ก หากทว่าเธอให้เขาถึงสองอย่าง เพราะอยากให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ไปช่วยอีกฝ่าย
“ได้รับพรจิตแห่งรัก (Sense of Love) – มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามในระยะรัศมีห้าเมตรจะบังเกิดความรู้สึกรัก และจะสามารถมองเห็นระดับของความรักที่เพศตรงข้ามมีต่อตัวเอง”
“ได้รับพรเสียงแห่งรัก (Voice of Love) – มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามจะเคลิบเคลิ้มยอมกระทำตามและบังเกิดความรักเมื่อได้ยินเสียง”
แม็กรับพรด้วยความรู้สึกงง ๆ เขายังไม่ทันอ่านทำความเข้าใจกับพรข้อแรก ก็มีพรข้อสองและสามตามมาแล้ว หากทว่านั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเมื่ออะโฟรไดท์ให้พรมากกว่า แอสโมดิอุสก็ให้พรเพิ่มขึ้น แม็กจึงได้รับพรจากเทพและมารสลับไปมาจนตาลายอ่านสรรพคุณแทบไม่ทัน
“ได้รับพรเสียงแห่งราคะ (Voice of Lust) – มีโอกาสเล็กน้อยที่เพศตรงข้ามจะเคลิบเคลิ้มยอมกระทำตามและบังเกิดความใคร่ เมื่อได้ยินเสียง”
“ได้รับพรสัมผัสแห่งราคะ (Touch of Lust) – เพิ่มระดับของความใคร่สูงกว่าปกติ เมื่อได้สัมผัสเล้าโลม ยิ่งทำให้อีกฝ่ายสุขสม ก็จะยิ่งกระตุ้นระดับของความใคร่ได้ดียิ่งขึ้น”
“ได้รับพรดึงดูด (Suck) – เมื่อทำให้อีกฝ่ายเสร็จสมหวัง จะมีโอกาสดูดเอาไอเท็มที่อีกฝ่ายติดตัวอยู่มาเป็นของตัวเอง หรืออาจเรียนรู้ทักษะหนึ่งอย่างจากอีกฝ่ายโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว”
“ได้รับพรสัมผัสแห่งรัก (Touch of Love) – เพิ่มระดับของความรักสูงกว่าปกติ เมื่อได้ใกล้ชิดและแสดงความรัก ยิ่งทำให้คนรักมีความสุข ก็จะยิ่งกระตุ้นระดับของความรักได้ดียิ่งขึ้น”
“ได้รับพรแบ่งปัน (Portion) – เมื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอิ่มเอมในความรัก จะมีโอกาสได้รับไอเท็มจากอีกฝ่าย หรืออาจเรียนรู้ทักษะหนึ่งอย่างของอีกฝ่าย”
“ได้รับพรพลังแห่งรัก (Power of Love) – เมื่ออยู่ใกล้คนรักในระยะไม่เกิน 50 เมตร ค่าพลังทุกอย่างจะเพิ่มขึ้น 50% และอัตราการฟื้นฟูทุกอย่างเพิ่มขึ้น 100%”
“ได้รับพรร่วมทุกข์ร่วมสุข (Share Pain) – เมื่อเรียกใช้ และอยู่ใกล้คนรักในระยะไม่เกิน 50 เมตร ค่าความเสียหายจะถูกแบ่งเฉลี่ยเท่ากัน”
“ได้รับพรมายาราคะ (Lust Illusion) – เมื่อเรียกใช้ จะสามารถปลอมแปลงเพศ รูปร่างลักษณะ หน้าตา และเสื้อผ้าได้ตามต้องการเป็นเวลาสามสิบนาทีเพื่อยั่วเย้าหลอกล่อเหยื่อ”
“ได้รับ …”
แม็กนั่งอ่านข้อความเกี่ยวกับทักษะใหม่จนตาลาย หากทว่าสองสาวก็ยังคงทุ่มแหลกแบบไม่ยอมแพ้ราวกับว่าเป็นคู่แข่งที่กำลังจะแย่งชายคนรักกันก็มิปาน เขาจึงต้องนั่งอ่านข้อความไปอีกครู่ใหญ่กว่าที่พวกเธอจะสงบลงได้ หากทว่าความสงบนี้อาจจะเป็นเพียงพายุที่กำลังตั้งเค้า เพราะข้อความล่าสุดที่เด้งขึ้นบนหน้าจอระบบของแม็กนั้นบอกว่า
“ทักษะจิตแห่งรักทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งรักทำงาน”
“ทักษะจิตแห่งราคะทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งราคะทำงาน”
“อะโฟรไดที เทพีแห่งความรัก มีระดับค่าความรักที่ 66% และมีระดับค่าความใคร่ที่ 82%”
“แอสโมดิอุส บาปแห่งราคะ มีระดับค่าความรักที่ 85% และมีระดับค่าความใคร่ที่ 61%”
…………………………………………………….
แม็กก้มลงมองดูสองสาวสวยระดับสุดยอดด้วยแววตาเหม่อลอย ในขณะที่พวกเธอทั้งสองกำลังจ้องมองกลับมาด้วยแววตาฉ่ำเยิ้มใบหน้าแดงซ่าน ซึ่งไม่ต้องมีข้อความของระบบบอกก็รู้ทันทีว่าพวกเธอกำลังมีอารมณ์เต็มเปี่ยม
ในสภาพนอนตะแคงกอดกันโดยมีโซ่สีเงินรัดพันรอบร่างนั้น สองสาวแสดงออกด้วยท่าทีที่ต่างกันเล็กน้อยแต่ก็สื่อความหมายเดียวกัน อะโฟรไดทีเมียงมองสบตากับเขาด้วยท่าทีขัดเขินเอียงอาย ในขณะที่แอสโมดิอุสนั้นจับจ้องมองดูเขาอย่างเชื้อเชิญท้าทายตรงไปตรงมา
หนุ่มนักรักอย่างแม็กทราบดีว่าในช่วงเวลาเช่นนี้นั้นไม่จำเป็นต้องมีการพูดกล่าววาจาให้มากความ เพียงแต่ยังอดไม่ได้ให้รู้สึกตื่นเต้นจนสองมือสั่นเทา เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ร่วมรักกับสาวสวยระดับสุดยอดเช่นนี้พร้อมกันทีเดียวถึงสองคน
“อะ อาาา อืมมมม อือออ อาาาาา อืออออ”
สองสาวส่งเสียงครางอืมออกมาอย่างพร้อมเพรียง เมื่อฝ่ามือหยาบกร้านข้างหนึ่งตะปบลูบไล้ไปตามท่อนขาขาวเนียนรีดเร้นเสพรับความนุ่มนิ่มเต่งตึงไปพร้อมกัน
แม็กสูดปากเป่าลมด้วยความพึงพอใจต่อความนุ่มนิ่มของเนื้อสาว จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยเจอใครที่มีผิวเนียนนุ่มเต่งตึงเช่นนี้มาก่อน เมื่อได้เสพสัมผัสพร้อมกันทีเดียวสองคนเขาจึงรู้สึกราวกับว่าได้ขึ้นสรวงสวรรค์ไปแล้วครึ่งตัว
ที่รู้สึกขัดใจอยู่บ้างก็คงเป็นเจ้าโซ่สีเงินที่รัดพันไปทั่วร่างสองสาวจนเกะกะการเล้าโลม เพียงแต่นั่นก็ทำให้เขาได้เห็นสองสาวนอนกอดเบียดหน้าอกเข้าหากันราวกับเป็นฉากเลสเบี้ยนที่น่าเร้าใจฉากหนึ่ง
“โอวววว อาาาาา อือออออ อืมมมมมม”
แม้จะขัดใจแต่มือมารก็ยังสามารถพลิกพริ้วตะปบขยำกระตุ้นเร้าอารมณ์สองสาวได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเขาขยับวูบไปขยำคลึงที่แก้มก้นกลมกลึงของสองสาว พวกเธอก็ตัวกระตุกร่ำร้องครวญครางออกมาเสียงดังกว่าเดิม
ยิ่งบีบขยำก็ยิ่งเมามัน ยิ่งสัมผัสกับเนื้อนวลเต่งก็ยิ่งรู้สึกหื่นกระหายจนปวดหนึบที่เป้ากางเกงอยากระบายออกให้หายอัดอั้นโดยพลัน กระนั้นเขาก็ยังใจเย็นพอที่จะค่อย ๆ เล้าโลมไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็น สองมือที่ขยำแก้มก้นจนหนำใจเริ่มขยับไปแตะสัมผัสกับเนินเนื้อที่อยู่ด้านหน้าอย่างเชื่องช้า
“อะ โอวววววว อาาาาาาาา ฮ้าาาาา อาาาาาาา โอววววว”
สองสาวตัวกระตุกสะดุ้งโหยงราวกับโดนไฟฟ้าช๊อตทันทีเมื่อส่วนอ่อนไหวโดนบดบี้ ร่างกายพวกเธอกระตุกเกร็งสะท้านเป็นระยะขณะที่เขาปาดนิ้วกดแทรกไปตามรอยแยกซึ่งเปียกชุ่มร้อนฉ่า และกิริยานั้นทำให้เขารับทราบว่าพวกเธอพร้อมจะรับศึกหนักแล้วขอเพียงแค่เขาเริ่มกระทำ
ตอนนี้สองสาวคู่แค้นเผ่าเทพและมารดูจะลืมเลือนเรื่องบาดหมางแต่เก่าก่อนไปแล้ว ความรู้สึกวาบหวิวและความชิดใกล้ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ควรเป็น หลังจากกอดรัดบดเบียดทรวงอกอวบบดบี้เข้าหากันเพื่อระบายความเสียว แอสโมดิอุสก็โน้มใบหน้าเข้าหาแล้วบดริมฝีปากจูบกับอะโฟรไดทีอย่างหนักหน่วง
อะโฟรไดทีเองก็มิได้ขัดขืนป้องกันตัวแต่อย่างใด เธอหลับตาพริ้มปล่อยตัวไปตามความต้องการ เธออ้าปากเผยอรับจูบร้อนแรงของอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ทั้งยังขยับยกท่อนขาขึ้นเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้ฝ่ามือของแม็กขยับได้ง่ายกว่าเดิม
สะโพกผึ่งผายของสองสาวเด้งโยกแอ่นเนินเนื้อเข้ารับฝ่ามือเป็นระวิง กลีบสวาทถูกถูไถสอดแยงจนน้ำเยิ้มฉ่ำแฉะ เสียงครวญครางแหว่วหวานสองเสียงและเสียงหอบหายใจอย่างหื่นกระหายของชายหนุ่มดังกังวาลสะท้านก้องอยู่ในหลุมลึก
“ช่วยเอาโซ่นี่ออกก่อนได้มั้ย มันเกะกะทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเลย”
แม็กส่งเสียงบอกต่ออะโฟรไดทีด้วยความขัดใจเนื่องจากเขาอยากบีบขยำทรวงอวบของสองสาวโคนมสักครั้ง หากทว่าเจ้าโซ่สีเงินที่รัดพันอยู่ทำให้ไม่อาจล้วงมือเข้าไปได้อย่างใจคิด
อะโฟรไดทีถอนริมฝีปากออกจากคู่แค้นแล้วหันมามองดูแม็กด้วยแววตาฉ่ำเยิ้มเร่าร้อน เธอพยักหน้าหนึ่งครั้งเหมือนรับทราบก่อนที่เจ้าโซ่สีเงินจะขยับเลื้อยไปมาราวกับงูจนกระทั่งอะโฟรไดทีหลุดออกมาจากโซ่แล้วพลิกตัวกลิ้งลงมานอนหงายบนพื้น
แม็กยิ้มให้เทพีแห่งความรักเมื่อเห็นความแสบสันของเธอ เพราะเธอจัดการเอาโซ่ออกไปดั่งที่เขาบอก เพียงแต่โซ่นั้นหันไปรัดพัวพันรอบกายแอสโมดิอุสอย่างแน่นหนาแทนที่จนบาปแห่งราคะถลึงตามองตาเขียวปั้ด กระนั้นเธอก็ไม่สามารถส่งเสียงด่าทอได้ เพราะโดนโซ่ส่วนหนึ่งปิดปากไว้
“แม็ก … ได้โปรด ข้าต้องการท่าน … ข้าต้องการให้ท่านเป็นคนแรกของข้า … ได้โปรด”
อะโฟรไดทีอ้าแขนออกทำท่าสื่อให้เขาโอบกอด ใบหน้าของเทพีแห่งความรักแดงก่ำเต็มไปด้วยอารมณ์อย่างที่ไม่เคยเป็น และเธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดเธอจึงกลายเป็นเช่นนี้
นี่ยากจะโทษที่เธอจะทำตัวเหลวแหลกไม่สมกับที่เป็นตัวแทนแห่งรักอันบริสุทธิ์ เพราะโดยปกตินั้นเพียงแค่มนตราแห่งราคะของแอสโมดิอุสผู้เดียวก็แทบรับไว้ไม่ไหวแล้ว แต่เมื่อมีแม็กซึ่งได้รับพรแห่งราคะเพิ่มเข้าไปอีกคน มนตราแห่งราคะจึงทรงพลังขึ้นเป็นเท่าตัว และนั่นทำให้เธอต้องพ่ายแพ้
แม็กย่อมไม่ทราบต้นสายปลายเหตุนี้ หรือต่อให้ทราบเขาก็ขี้คร้านจะใส่ใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจในเวลานี้มีเพียงร่างงามสองร่างที่นอนรอคอยให้เขาไปเสพสม และเมื่ออะโฟรไดทีจะแสดงท่าทีชัดเจนเสียขนาดนี้ เขาจะช่วยสนองตอบให้เธอก่อนก็คงไม่เสียหาย
เขาถอดเสื้อยืดที่สวมใส่อยู่ออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโถมร่างลงไปนอนทับเรือนร่างบอบบางของอะโฟรไดที เขาเริ่มด้วยการประกบปากจูบและสอดลิ้นเข้าไปแยงระรัวในโพรงปากอุ่นชื้น
อะโฟรไดทีเผยออ้าปากเปิดรับให้เขาซ่องเสพกับความหอมหวาน สองแขนโอบกอดและกดจิกลงไปบนแผ่นหลังของเขาอย่างเร่าร้อน เพราะจูบของเขากำลังทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิง มันช่างสุดยอดยิ่งกว่ารสจูบของแอสโมดิอุสสักสิบเท่าร้อยเท่า หากทว่าที่ตามมากลับเร่าร้อนยิ่งกว่ารสจูบเสียอีก
“โอววววว ซี้ดดดสสสสสส แม็ก ท่านแม็ก โอววววว ซี้ดดดสสสสส”
เธอแอ่นอกแหงนหน้าเริ่ดจิกมือลงไปบนแผ่นหลังของเขาแรงขึ้น เมื่อเขาปลดปล่อยริมฝีปากของเธอออกแล้วซุกต่ำลงไปถลกแหวกเสื้อผ้าที่คล้ายชุดเดรสของเธอจนหลุดลุ่ย จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปอ้าปากงับดูดเลียทรวงอกอวบอิ่มที่มิเคยผ่านมือเพศตรงข้ามมาก่อน
‘อือฮือ ทั้งขาวทั้งใหญ่ เนื้อก็แน่นเด้ง สวยน่ากินกว่าของหมิวอีก น่าจะสี่สิบนิ้วได้มั้งเนี่ย’
แม็กส่งเสียงร่ำร้องด้วยความกลัดมันอยู่ในใจ เพราะว่าตอนนี้ปากของเขาไม่ว่างจะพูดจา เขาอ้าปากโลมเลียไปทั่วทุกตารางนิ้วบนเนินอกอวบ โดยเฉพาะที่บริเวณปลายยอดซึ่งเป็นเม็ดเต่งสีชมพูอ่อน เขาอ้าปากเสพความหอมหวานของความงามนั้นอย่างตะกละตะกลามราวกับว่าไม่เคยร่วมรักกับหญิงใดมาก่อน เพราะเนื้อสาวของเทพีแห่งความรักองค์นี้ช่างมีเสน่ห์มากเกินไป
อะโฟรไดทีนอนหอบเหนื่อยแหงนหน้าเริ่ด บางขณะที่เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าและนึกขึ้นได้ว่าเธอคือเทพีแห่งความรักสติก็จะหวนกลับคืนมาเล็กน้อย แต่เมื่อต้องเจอกับรสราคะที่ร้อนแรงหนุนเนื่องไม่ขาดสาย สติก็กลายเป็นกระเจิดกระเจิงหายไปทุกครา
“ฮ้าาาา … ท่าน … แม็ก … อะ โอววววว อย่า … โอววววว … โอ้วววววว”
อะโฟรไดทีเบิกตาโพลงสะดุ้งเฮือกได้สติมาแวบหนึ่ง เมื่อเขาขยับลงต่ำกระชากเสื้อผ้าส่วนล่างออกแล้วซุกหน้าลงไปรุกรานตรงสัดส่วนซ่อนเร้น เธอผวาตัวพยายามยื่นมือผลักไสใบหน้าของเขาออก พร้อมทั้งออกแรงหนีบสองขาเข้าหากันเพื่อมิให้เขาเดินหน้าต่อได้
หากนี่เป็นเวลาปกติเธอคงสามารถผลักให้เขากระเด็นออกไปได้โดยง่ายดาย หากทว่าเวลานี้เรี่ยวแรงของเธอแทบไม่มีให้เรียกใช้ อีกทั้งกิริยาต่อต้านก็เต็มไปด้วยความลังเลคล้ายอยากเปิดรับและอยากผลักไส สุดท้ายใบหน้าที่หล่อเหลาไม่แพ้เทพหนุ่มบนสรวงสวรรค์ก็ซุกกดลงไปที่สัดส่วนซ่อนเร้นได้เป็นผลสำเร็จ
“ซี้ดดดดสสสสส โอวววววว … อูววววว … ท่านแม็ก … โอววววว … ท่านแม็ก … โอวววว”
อะโฟรไดทีแหงนหน้าเริ่ดบิดเกร็งไปทั้งตัว รสราคะอันหวานฉ่ำเร่าร้อนแผ่พุ่งแปลบปลาบไปทั่วร่างอย่างสุดจะกลั้นไหว เธอพยายามกัดเม้มริมฝีปากเข้าหากัน หากทว่าเพียงพริบตาเสียงครางก็ทะลักออกมาภายนอกได้อย่างง่ายดาย
แม็กรับฟังเสียงครางแว่วหวานด้วยความรู้สึกสะใจในอารมณ์ เวลานี้เขาบรรจงประกบปากเข้ากับร่องเสียวแล้วแหย่แยงลิ้นเข้าไประรัวเลียที่ติ่งแตดสลับกับแยงดุนเข้าไปในร่องรูสีชมพูอ่อน
ตอนนี้เขาแทบอยากกราบคนสร้างเกมนี้สักร้อยสักพันรอบที่สร้างทุกสิ่งขึ้นมาได้สวยงามยิ่งกว่าความเป็นจริงเสียอีก กลีบสวาทของอะโฟรไดทีช่างสวยงามที่สุดราวกับกลีบสวาทในอุดมคติ มันเป็นสีชมพูอ่อนระเรื่อ ไม่มีกลิ่นอันใดให้ขัดใจเล่น มีแต่เพียงกลิ่นคล้ายดอกไม้อ่อน ๆ และที่สำคัญเขารับรู้ได้ทันทีว่ายังไม่เคยมีใครกล้ำกรายทะลวงผ่านร่องรูนี้มาก่อน
ความเอร็ดอร่อยหอมหวานที่มิเคยได้สัมผัสทำให้แม็กรู้สึกเหมือนคนละเมอ เขาเร่งใช้ปากและลิ้นเล้าโลมเธออย่างสุดฝีมือ ในขณะเดียวกันก็เอื้อมสองมือขึ้นไปด้านบนจัดการจับขยำสองเต้าที่อวบใหญ่ล้นทะลักจนปิดไม่มิด เม็ดสีชมพูของปลายถันโดนนิ้วมือบดบี้อย่างหนักหน่วง ในขณะที่เม็ดสีชมพูด้านล่างก็โดนลิ้นที่เหมือนอสรพิษฉกเลีย
ในที่สุดอารมณ์ราคะของเทพีแห่งรักก็พุ่งทะยานถึงขีดสุดแห่งความหฤหรรษ์ เธอส่งเสียงหวีดร้องแว่วหวานสะท้อนก้องไปมา เรือนร่างงามอวบอิ่มเด้งกระตุกดิ้นพล่านแอ่นร่องเสียวเด้งกระแทกเข้าหาใบหน้าของเขาอย่างร้อนร่าน
“ทักษะจิตแห่งรักทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งรักทำงาน”
“ทักษะจิตแห่งราคะทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งราคะทำงาน”
“อะโฟรไดที เทพีแห่งความรัก มีระดับค่าความรักที่ 81% และมีระดับค่าความใคร่ที่ 92%”
เสียงและข้อความของระบบดังขึ้นมาให้เห็น แต่ว่าแม็กขี้คร้านจะสนใจอ่าน เขาขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วถอดกางเกงปลดปล่อยเอาอุ้นเอ็นยาวใหญ่ออกมากระตุกหงึกที่ด้านนอก เพราะถึงเวลาที่จะใช้งานมันแล้ว
อะโฟรไดทีที่เพิ่งสุขสมไปหมาด ๆ ปรือตามองก่อนจะอ้าปากค้างให้กับความยาวใหญ่น่าเกรงขามของเขา เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เนื่องจากที่เธอเคยเห็นของเทพหนุ่มทั้งหลายนั้นจะมีขนาดเล็กกว่าของเขาเสียเกือบครึ่ง อีกทั้งยังไม่ดำคล้ำน่ากลัวราวกับดอกเห็ดเช่นนี้
“ขอนะ อะโฟรไดที ผมอยากเย็ดนางฟ้ามาตั้งนานแล้ว … อืม ขอเรียกชื่อสั้น ๆ ว่าโฟได้มั้ย?”
หลังจากอวดอาวุธยาวใหญ่ แม็กก็โถมทับลงไปกอดจูบปากกับเทพีแห่งความรักอีกหนึ่งรอบ เขาจัดท่าทางจับสองขาของเธอถ่างออกพร้อมทั้งกระดกสะโพกจัดเอาส่วนปลายที่บานร่าจรดจ่อเข้ากับปากร่อง จากนั้นจึงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูด้วยประโยคที่ฟังดูคล้ายคำขออนุญาต แต่เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำขอ นี่เป็นเพียงแค่คำบอกเล่าให้เธอรับทราบเท่านั้น
เมื่อตระหนักได้ว่าตนเองกำลังจะเสียความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่เก็บไว้มานานแสนนาน เกียรติแห่งเผ่าพันธุ์เทพก็เริ่มต่อสู้กับอารมณ์ความต้องการอยู่ภายใน หากทว่าเขาไม่ปล่อยให้เธอได้คิดตัดสินใจก็เริ่มกระดกเสยเอวออกแรงกดความหยาบใหญ่สอดแทรกเข้าไปในร่องรักสดใหม่เข้าเสียแล้ว
“โอววววว ซี้ดดดสสสสสส แม็ก ท่านแม็ก โอววววว ซี้ดดดสสสสส”
อะโฟรไดทีส่งเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของเธอบิดเกร็ง ริมฝีปากและคิ้วขมวดมุ่น เธอรู้สึกเจ็บราวกับโดนมีดเชือดเฉือนเข้าไปในร่าง หากทว่าที่แปลกประหลาดก็คือความเจ็บปวดนั้นกลับปรากฎขึ้นพร้อมกับความสุขหฤหรรษ์จนจนลุกชูชัน
“อูยสสสส โคตรแน่นเลยโฟร์จ๋า มันตอดอะไรขนาดนี้ แค่ส่วนหัวเข้าไปนิดเดียวก็ตอดจนน้ำจะแตกแล้ว ซี้ดดดสสส ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า ผมทนไม่ไหวแล้ว อยากใส่เข้าไปกระเด้าตอนนี้เลย ซี้ดดดสสส”
แม็กเองก็ทั้งสุขสมและเจ็บปวดรวดร้าวไปพร้อมกัน ทีแรกเขาตั้งจะค่อย ๆ สอดใส่เพื่อให้ร่องรูของเธอปรับตัวและไม่เจ็บปวด แต่ว่าแค่เพียงหลุดเข้าไปได้เล็กน้อย ร่องรูของอะโฟรไดทีก็ตอดรัดเสียจนเขาแทบทนทานไม่ไหวเกือบเผลอปล่อยน้ำแตกล่มปากอ่าวอยู่รอมร่อ
อะโฟรไดทีไม่ตอบคำถามด้วยคำพูด เธอเพียงแอ่นเด้งสะโพกเข้าหายุกยิกด้วยความร้อนร่าน เวลานี้เธอกำลังต้องการเขา ต้องการเขายิ่งกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น
“โอะ … โอววววว … ซี้ดดดสสส … ท่านแม็ก … โอวววว … ท่านแม็ก … ได้โปรด … ได้โปรด”
อะโฟรไดทีส่งเสียงร่ำร้องตะกุกตะกักเมื่อเขาพยายามกระแทกเอวยัดเยียดสอดใส่เข้าไป ใบหน้าสวยหวานของเธอบิดเบี้ยวเหยเกคล้ายเจ็บปวด หากทว่าสะโพกและบั้นเอวกลับแอ่นร่อนเด้งรับจังหวะกดของเขาไม่หยุด
“ซี้ดดดส สุดยอดเลยโฟร์จ๋า มัน … มันตอดอะไรขนาดนี้ … เสียวสุด ๆ”
แม็กเองก็ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่แพ้กัน ดุ้นเอ็นยาวใหญ่ของเขาถูกร่องสวรรค์ของนางฟ้าคนนี้ตอดรัดเสียยิ่งกว่าร่องรักของเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่เคยลิ้มลองเสียอีก กว่าที่เขาจะเดินหน้ากดจนดุ้นเอ็นจมมิดเข้าไปได้มิดด้ามก็เหนื่อยจนเหงื่อแตกท่วมตัว
อะโฟรไดทีดิ้นพล่านทั้งเจ็บปวดทั้งเสียวซ่านหฤหรรษ์ เธอจิกสองมือกดลึกลงไปบนผืนดินข้างกาย น้ำตาแห่งความสุขไหลพรากออกมาพร้อมกับน้ำลายที่เอ่อออกจากมุมปาก เพราะนี่คือความสุขหฤหรรษ์ที่ยากเกินจะทานทน ซึ่งเธอก็ทนรับมันไว้ไม่ไหวจนต้องส่งเสียงหวีดร้องเพราะถึงจุดสุดยอดไปอีกครั้งหนึ่ง
แม็กมองดูอะโฟรไดทีด้วยความสาแก่ใจ แต่ก็ยังใจเย็นรอคอยให้ร่างของเธอหายเกร็งเสียก่อน จากนั้นเขาจึงค่อยเริ่มละเลงมอบความสุขที่แท้จริงให้แก่เทพีแห่งความรักผู้นี้
เขาเริ่มจากการบดเอวควง แล้วเริ่มสาวดุ้นเอ็นออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกระแทกปั้กกลับเข้าไปสุดแรงจนนางฟ้าแสนสวยเด้งผวาร้องครางออกมาเสียงดัง เขาทำซ้ำไปซ้ำมา แต่ค่อยเพิ่มความเร็วและความหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย กระทั่งเมื่อเขาเริ่มเดินเครื่องเต็มที่อะโฟรไดทีก็สำลักอิ่มเอมด้วยความสุขจนน้ำหูน้ำตาไหลพราก
ปั้ก ปั้ก ปั้ก เสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังขึ้นถี่ยิบ กลีบเสียวอ่อนบางสีชมพูอ่อนพลิกปลิ้นเข้าปลิ้นออกอย่างน่าหวาดเสียว สองเต้าอวบใหญ่ล้นมือเด้งสะท้านไปตามแรงกระแทกและแรงตะปบบีบขย้ำจนเป็นรอยจ้ำช้ำสีแดง เขากระทำกับเธออย่างรุนแรงป่าเถื่อนแทบไม่มีคำว่าทะนุถนอม หากทว่าอะโฟรไดทีกลับพบว่าเธอชื่นชอบความรู้สึกเช่นนี้ยิ่ง หรือหากพูดให้ถูกก็คือเธอหลงไหลในรสราคะที่เขามอบให้เข้าเสียแล้ว
“ซี้ดดดสสสส โออวววววว อ๊าาาาาาา อ๊าาาาา ท่านแม็ก โออวววววววว ซี้ดดดดสสสสส ข้าไม่ไหวแล้ว โออวววว ท่านแม็กกกกกก”
ในที่สุดชายหนุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์และเทพีแห่งความรักก็เดินทางไปถึงจุดหมายพร้อมกัน แม็กรีดเร้นพลังใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกระแทกใส่ไม่ยั้ง อะโฟรไดทีเองก็เด้งเอวรับราวกับแม่สาวร้อนรัก จากนั้นเธอก็ส่งเสียงหวีดร้องในขณะที่เขาโถมทับเข้ากอดอย่างแนบแน่น
ร่องรักสวรรค์สร้างบีบตอดรัดไปตามลำลึงค์อย่างแน่นหนา ในขณะเดียวกันก็ออกแรงดูดเอาน้ำกามอุ่นร้อนให้ไหลเข้าไปสู่โพรงปากมดลูก ต่างฝ่ายต่างกอดจูบแนบแน่นเพื่อระบายความสุขเสียวล้นปรี่อยู่เนิ่นนาน
แม็กค่อย ๆ ขยับถอนร่างชุ่มเหงื่อออกมาอย่างเชื่องช้าเมื่ออะโฟรไดทีแขนขาอ่อนเปลี้ยหลับตาพริ้มทำท่าเหมือนจะผลอยหลับไป เขาเองก็มิได้อยากถอนตัวออกจากการตอดรัดที่สุดยอดนั้น หากทว่าเมื่อเหลือบตาไปมองเห็นสาวสวยอีกคนที่นอนรอส่งสายตาคาดหวังมาก็จำต้องยอมทน
เขายืนมองดูสภาพของเทพีแห่งความรักที่นอนถ่างขาอ้าซ่าน้ำรักเต็มร่องด้วยความสะใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งข้างแอสโมดิอุส และเพิ่งนึกได้ว่ามีเจ้าโซ่สีเงินเส้นนี้มัดร่างของเธออยู่ เขาจึงทำท่าจะหันไปขอความช่วยเหลือจากอะโฟรไดที หากทว่ากลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเสียก่อน
“เจ้านายใหม่ของข้า ข้าคือโซ่แห่งทิวากาล ท่านสามารถสั่งการข้าผ่านทางจิตได้”
แม็กรับฟังด้วยความงุนงง แต่ก็ลองออกคำสั่งให้เจ้าโซ่เส้นนั้นคลายตัวออก และมันก็คลายตัวออกปลดปล่อยแอสโมดิอุสออกมาจริง ๆ เขาจึงยิ่งงุนงงว่าเขาเป็นเจ้าของมันตั้งแต่ตอนไหน เมื่อนึกไม่ออกเขาจึงทดลองเปิดหน้าต่างของระบบขึ้นมาอ่านดู ก่อนจะเปิดเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะข้อความในนั้น
“ทักษะจิตแห่งรักทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งรักทำงาน”
“ทักษะจิตแห่งราคะทำงาน”
“ทักษะสัมผัสแห่งราคะทำงาน”
“อะโฟรไดที เทพีแห่งความรัก มีระดับค่าความรักที่ 81% และมีระดับค่าความใคร่ที่ 100%”
“ทักษะทาสราคะทำงานเมื่อค่าความใคร่ถึงระดับ 100% – ท่านได้รับอะโฟรไดทีเป็นทาสราคะ ทุกสิ่งที่เคยเป็นของอะโฟรไดทีจะกลายเป็นของท่านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตวิญญาณ หรือทรัพย์สินต่าง ๆ”
“ทำภารกิจลับ ครอบครองหนึ่งในร้อยแปดสุดยอดสาวงามได้สำเร็จ กรุณาติดต่อรับของรางวัลได้ที่อาคารช่วยเหลือผู้เล่น”
โซ่แห่งทิวากาลเส้นนี้เคยเป็นของอะโฟรไดที ดังนั้นเมื่อเธอกลายเป็นทาสของเขา มันก็เลยกลายมาเป็นของเขาแทน เวลานี้แม็กจึงยิ้มกริ่มได้ใจ เพราะนอกจากเทพีแห่งความรักแล้ว เขากำลังจะจัดการให้แอสโมดิอุสกลายเป็นของเขาอีกคน
………….