แก้วกานดา ตอนที่ 5 – รอยยิ้ม
แก้วกานดา ตอนที่ 5 – รอยยิ้ม
“เฮ้อ เมื่อยจัง ถ้าได้ไปนวดตัวสักหน่อยคงจะดี เดี๋ยวต้องไปประชุมกับลูกค้าอีก คืนนี้คงดึกแน่เลย … ไว้ไปเที่ยวทะเลสักคืนน่าจะดี”
ผกายแก้ว สั่งปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วหลับตาพริ้มเอนหลังพิงลงบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ ตำแหน่งการงานที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เธอภูมิใจ หากทว่าในเวลาเดียวกันมันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว การทำงานในวันนี้จึงทำให้เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจนรู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง
เธอนอนนิ่งเช่นนั้นอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะขยับลุกขึ้นเก็บข้าวของเตรียมออกไปประชุมและรับประทานอาหารเย็นกับลูกค้า เสื้อสูทสีดำถูกสวมทับลงบนร่างงาม เธอเดินไปที่หน้า
กระจกเงาจัดแจงแต่งผมเผ้าจนดูสวยสง่า เธอทาลิปสติกมันบนริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะปั้นรอยยิ้มขึ้นมาประดับบนใบหน้าแล้วออกจากห้องทำงานส่วนตัวไป
แก้วตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเช่นเคย เธอยิ้มแย้มทักทายทุกคนอย่างมีมิตรไมตรี ทั้งยังแอบยั่วเย้าบริหารเสน่ห์จนผู้ชายบางคนเคลิบเคลิ้มหลงใหล กิริยาทุกย่างก้าวของเธองดงามโดดเด่นราวกับนางพญาหงส์ สิ่งเหล่านี้คือตัวเธอ คือสิ่งที่เธอเป็น
เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เมื่อแก้วโดยสารลิฟต์ลงไปถึงชั้นจอดรถใต้ดิน บรรยากาศที่นั่นจึงค่อนข้างเงียบเหงาอยู่บ้าง เธอแทบไม่เห็นใครเลยสักคนเดียว ยกเว้นก็แต่เพียงยามหนุ่มหน้าละอ่อนที่เธอชอบหว่านเสน่ห์กลั่นแกล้งเขาเล่น และเขายังไม่ทันหันมามองดูเธอ
แก้วพยายามเดินโดยไม่ให้รองเท้าส้นสูงส่งเสียงดังนัก เธอเดินย่องไปด้านหลังของยามหนุ่มหน้าละอ่อน ในขณะที่เขายังคงก้มหน้าก้มตาใช้ดินสอขีด ๆ เขียน ๆ อะไรบางอย่างลงบนกระดาษวาดรูปสีขาวแผ่นใหญ่ด้วยความตั้งอกตั้งใจ
แรกสุดนั้นสาวสวยเพียงอยากจะเข้าไปแกล้งให้ยามหนุ่มตกใจเล่น หากทว่าเมื่อเข้าไปใกล้พอจนมองเห็นสิ่งที่เขากำลังวาด แก้วก็ต้องเป็นฝ่ายชะงักตกใจเสียเอง
ภาพที่เขากำลังใช้ดินสอวาดอยู่นั้นเป็นรูปของแก้วเอง ใบหน้านั้นคือแก้วโดยไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะโครงหน้า ทรงผม หรือท่วงท่า และเครื่องแต่งกาย ทุกสิ่งที่อยู่บนรูปนั้นล้วนแล้วแต่บรรยายตัวเธอออกมาได้อย่างสวยงาม
แน่นอนว่าภาพเหมือนแบบนี้ไม่ได้วาดง่ายนัก แต่ก็ไม่ใช่จะยากเกินไปจนวาดไม่ได้ นักวาดรูปมืออาชีพส่วนใหญ่ก็คงวาดได้ กระนั้นสิ่งที่ทำให้แก้วรู้สึกทึ่งก็คือรายละเอียดข้างในนั้น
แก้วยกมือขึ้นแตะต่างหูของตนเองพลางจับจ้องมองดูต่างหูในรูป ทุกอย่างดูเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน แม้แต่กิ๊ปติดผม เข็มกลัดบนเสื้อสูท ลวดลายบนกระโปรง และรองเท้า ทุกสิ่งอย่างราวกับถอดแบบมาจากรูปถ่าย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้วาดรูปนี้โดยอาศัยรูปถ่ายเป็นต้นแบบ หากทว่าอาศัยภาพจากความทรงจำของเขาเอง
สาวสวยยืนนิ่งมองดูเขาวาดด้วยความสนใจ และไม่นานนักยามหนุ่มหน้าละอ่อนก็ยกมือขึ้นยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาเป่าลมลงไปที่ภาพวาดเล็กน้อยเพื่อไล่เศษผงอะไรออกไป จากนั้นก็มองดูด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพลิกกระดาษย้อนกลับไปอีกหน้าหนึ่ง
ยามหนุ่มมองดูรูปนั้นด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่แก้วนั้นกำลังมองดูด้วยความรู้สึกขัดเขิน เพราะว่านั่นคือรูปของตัวเธอซึ่งกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ในรถ เธอมองเห็นร่องนมที่เจตนายั่วชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน และนี่สมควรจะเป็นภาพจากมุมมองของยามหนุ่มในช่วงเวลาเช้า
ขณะที่แก้วหน้าแดงด้วยความเขิน ยามหนุ่มก็พลิกรูปย้อนกลับไปทีละรูปราวกับจะระลึกชื่นชมผลงานของตนเอง และนั่นทำให้แก้วเพิ่งได้รับทราบว่ายามหนุ่มคนนี้แอบวาดรูปของเธอมาเนิ่นนานแล้ว และในสมุดวาดรูปเล่มนี้ก็มีแต่เพียงรูปของเธอคนเดียวเท่านั้น
เธอมองเห็นรูปเธอเดินเฉิดฉายด้วยชุดเสื้อสายเดี่ยวที่สวมใส่เมื่อวาน จากนั้นก็ย้อนกลับไปทีละวัน ทุกรูปราวกับบันทึกประจำวันของตัวเธอ รูปเหล่านี้บันทึกการแต่งการของเธออย่างละเอียดจนเธอแทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะสังเกตตัวเธอมากถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อยามหนุ่มพลิกสมุดวาดรูปไปได้ระยะหนึ่ง ใบหน้าของแก้วก็แดงซ่านขึ้นมา เพราะรูปในตอนนี้ยังคงเป็นรูปวาดของเธออยู่ หากทว่ากิริยาอาการนั้นกลับไม่ใช่ มันเป็นรูปที่ยามหนุ่มคิดฝันจินตนาการขึ้นมาเอง
แก้วมองเห็นรูปตัวเธอนั่งคุกเข่าอ้าปากงับแก่นกายของยามหนุ่มเข้าไปเต็มปาก เธอมองเห็นรูปตัวเธอเองกำลังยืนโก้งโค้งเกาะประตูรถยนต์และมียามหนุ่มยืนประกบร่วมรักจากทางด้านหลัง เธอมองเห็นตัวเองนั่งถ่างขาอยู่บนเก้าอี้นั่งของรถยนต์และมีเขาก้มหน้าก้มตาลงไปโลมเลียที่ตรงกลางหว่างขา ก่อนจะปิดท้ายด้วยรูปเธอเปลือยกายบนเตียงนอนและมีเขาร่วมรักจนเหงื่อท่วมตัว
สาวสวยรู้สึกอับอาย โกรธเคือง และวาบหวิวแปลก ๆ หากทว่าไม่ทราบว่าสมควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรดี เธอไม่ทราบว่าสมควรต่อว่ายามหนุ่มคนนี้หรือไม่ ทั้งยังลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะทำเงียบ ๆ เหมือนไม่ได้พบเห็นภาพวาดของเขาดีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอกำลังลังเลนั้น ยามหนุ่มก็ปิดสมุดวาดรูปแล้วลุกขึ้นยืนหันหน้ามาทางแก้ว เขาถึงกับชะงักไปวูบหนึ่งเมื่อมองเห็นว่าแก้วยืนอยู่ด้านหลัง ส่วนแก้วเองนั้นก็ไม่ทราบว่าสมควรมีปฏิกิริยาตอบเขาเช่นไรดี
ยามหนุ่มอ้าปากค้างราวกับไม่อยากเชื่อ เขามองแก้วแล้วก้มลงมองดูสมุดวาดรูปในมือ เหมือนกำลังคิดสงสัยว่าแก้วเห็นสิ่งที่เขาวาดลงไปในสมุดวาดรูปเล่มนี้หรือเปล่า
“ฉันเห็นหมดแล้ว ส่งมานี่เลย”
อารมณ์ของแก้วเปลี่ยนเป็นรู้สึกขบขันเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของยามหนุ่ม หากทว่าเธอเลือกที่จะตีสีหน้าเย็นชาเหมือนคาดโทษ แล้วยื่นมือออกไปขอสมุดวาดรูปเล่มนั้น
ยามหนุ่มหน้าซีดอย่างรวดเร็ว แววตาของเขาสับสนลนลานอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้เขาทราบแล้วว่าแก้วจะต้องได้ดูรูปที่เขาวาดแล้ว และนั่นทำให้เขาตื่นตระหนก เพราะว่าสิ่งที่เขากระทำนั้นอาจทำให้เขาโดนไล่ออกได้ โทษฐานมีจิตเจตนาไม่บริสุทธิ์ หากทว่าเขาก็ไม่ทราบว่าสมควรทำอย่างไร นอกจากยื่นสมุดวาดรูปให้แก้วแต่โดยดี
“ขอโทษครับคุณ”
เขากล่าวไม่เต็มเสียงแล้วยืนตรงรอรับคำพิพากษา ส่วนแก้วนั้นรับสมุดวาดรูปไปแล้วยืนลังเลแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพลิกสมุดวาดรูปเปิดดูรูปเหล่านั้นคร่าว ๆ รอบหนึ่ง
“มีอะไรแก้ตัวหรือเปล่า ถึงเอาแต่วาดรูปลามกแบบนี้ออกมา ถ้าไม่มีชั้นจะแจ้งเรื่องนี้ขึ้นไป ให้เขาไล่นายออก”
แก้วรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเขา แต่ก็ยังพยายามตีหน้าเย็นชาเหมือนจะเอาเรื่อง เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเป็นการข่มขู่ หากทว่าความจริงแล้วเธอไม่ได้คิดจริงจังถึงเพียงนั้น เธอเป็นสาวยุคใหม่ที่เข้าใจความคิดผู้ชาย จะมีสักกี่คนที่ไม่คิดลามกกับผู้หญิงสวย สิ่งที่ยามหนุ่มทำก็แค่แปรจากความคิดจินตนาการมาเป็นรูปวาดเท่านั้น
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้วาดแต่รูปลามก ผมพิสูจน์ได้ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับคุณ เอ่อ สมุดเล่มนี้แค่ส่วนเดียวที่ผมวาด ผมมีวาดรูปคุณอีกตั้งหลายเล่มนะครับ ผมรับรองว่าคุณจะต้องชอบแน่ ๆ”
ยามหนุ่มรีบกล่าวแก้ตัวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักตื่นเต้น สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าการโดนไล่ออกนั้นถือเป็นอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างร้ายแรงมากเกินรับไหว
แก้วชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของยามหนุ่ม เธอไม่ได้คาดคิดว่าคำแก้ตัวของเขาคือการบอกว่ายังมีรูปวาดของเธออีกหลายเล่ม อีกทั้งยังพูดคล้ายอวดโอ่ว่าเธอจะต้องชอบรูปของเขาอีก
“งั้นก็เอาออกมาให้ดู ถ้าหากรูปที่นายวาดมีรูปลามกอีกแค่รูปเดียว ชั้นจะยื่นเรื่องไล่นายออก แต่ถ้ารูปของนายทำให้ฉันรู้สึกทึ่งได้จริง ๆ … ฉันจะยอมเป็นนางแบบให้นายวาดรูปเปลือยก็ได้ … ไม่ซิ จะให้ชั้นไปมีเซ็กกับนายแบบที่นายวาดเอาไว้จนหมดทุกท่าเลยก็ยังได้”
สาวสวยกล่าวเสียงเข้มท้าทาย เธอเห็นฝีมือวาดรูปของเขาแล้ว และเธอยอมรับว่าเขาวาดได้ไม่เลวเลย เพียงแต่ก็ยังไม่ถือว่าดีเยี่ยม ดังนั้นเธอจึงกล้าพูดข้อเสนอที่ดูเกินเลยเพียงเพื่อข่มให้ยามหนุ่มรู้จักประมาณตัว หรือต่อให้เขาวาดได้ดีจริง ๆ หากเธอไม่ยอมรับเสียอย่าง เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่พูดออกไป
ยามหนุ่มกระพริบตาปริบ ๆ ไปครู่ใหญ่ แล้วทำหน้าเหวอเหมือนไม่อยากเชื่อว่าแก้วจะให้คำสัญญาอะไรแบบนั้น เขามองเธอด้วยแววตาต่างออกไป คล้ายจะถามว่าเธอแน่ใจแล้วหรือเปล่า และไม่มีเค้าหน้าหรืออารมณ์ส่วนไหนเลยที่ทำให้รู้สึกว่าเขาจะโดนไล่ออก ดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจในรูปวาดของตัวเองมาก
“ไม่เชื่อเหรอ ชั้นพูดแล้วไม่คืนคำหรอกนะ แต่นายต้องทำให้ฉันยอมรับ ไม่งั้นไล่ออกสถานเดียว เอาล่ะ มีอะไรก็เอาออกมาได้แล้ว”
แก้วรู้สึกเหมือนโดยสายตาคู่นั้นท้าทาย และเธอชอบความท้าทาย แต่เธอชอบที่จะเป็นผู้ชนะเท่านั้น
“ได้ครับคุณ คือรูปในสมุดเล่มนี้ ผมมีเวลาวาดไม่มาก แค่ฝึกวาดเล่น ๆ ตอนทำงาน เดี๋ยวผมหยิบรูปที่ผมตั้งใจวาดมาให้นะครับคุณ”
ยามหนุ่มพูดด้วยท่าทีเหมือนโล่งใจกว่าเดิม เขามองสบตากับแก้วด้วยความรู้สึกเหมือนมั่นใจเต็มเปี่ยม และแววตาแบบนี้หากไม่ใช่คนโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็ต้องเป็นคนที่มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งคนหนึ่ง
แก้วพยายามตีหน้านิ่งระงับความสงสัยเอาไว้ เธอไม่ทราบว่ายามหนุ่มมีอะไรดีมานำเสนอ แต่ก็ยืนนิ่งมองดูเขาก้มตัวลงไปหยิบสมุดวาดรูปเล่มใหญ่ออกมาจากกระเป๋าซึ่งวางอยู่ข้างโต๊ะ
เขาหยิบสมุดวาดรูปเล่มนั้นมาวางไว้บนโต๊ะโดยไม่ได้เปิดขึ้นมา เขาเพียงวางไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าว คล้ายกับจะเชิญชวนท้าทายให้แก้วเข้ามาชมดูผลงานที่เขามั่นใจด้วยตนเอง
แก้วยืนนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปแล้วเปิดสมุดวาดรูปด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก กระนั้นเมื่อได้มองดูรูปวาดใบแรกแก้วก็ชะงักไปวูบหนึ่ง เธอเหม่อมองดูรูปวาดนั้น แล้วยกมือขึ้นมาแตะแก้มนวลเนียนของตนเอง ท่าทีนั้นราวกับกำลังตื่นตะลึง
รูประบายสีใบแรกนี้เป็นรูปวาดใบหน้าของแก้วเอง หากทว่ามันเป็นรูปที่ดูเหมือนมีชีวิตอย่างน่าประหลาด ทุกจุดบนรูปนั้นสะท้อนความเป็นเธอออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา เธอรู้สึกคล้ายกับว่าตนเองกำลังมองดูกระจกเงาอยู่ก็มิปาน
แก้วขยับมือจากปรางแก้มของตนเอง แล้วขยับลงไปแตะสัมผัสที่แก้มของรูปวาดเหมือนเกิดความสงสัยว่านั่นคือผิวของเธอหรือเปล่า จากนั้นก็ขยับนิ้วเลื่อนดูรูปถัดไปอย่างเงียบงัน
รูปที่สองนี้เป็นรูปสีเช่นกัน มันคือรูปรถยนต์ของเธอและมีเธอใส่แว่นตาสีดำนั่งขับอยู่ภายใน อารมณ์ของรูปใบนี้สื่อถึงผู้หญิงยุคใหม่ออกมาราวกับมีชีวิต
แก้วคล้ายโดนรูปวาดเหล่านี้สะกดเอาไว้ เธอใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งนาทีในการดูรูปแต่ละใบ รูปเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีตัวเธอเป็นนางแบบ หากทว่าอยู่ในกิริยาและอารมณ์ที่แตกต่าง ยกเว้นก็แต่เพียงรูปสุดท้ายที่แก้วใช้เวลามองดูเนิ่นนานแล้วนิ่งเงียบมากกว่าห้านาที
“รูปนี้ …”
สาวสวยเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา รูปสุดท้ายนี้เป็นรูปตัวเธออย่างไม่ต้องสงสัย หากทว่าแววตาและอารมณ์ในรูปนั้นกลับไม่คุ้นเคย เธอรู้สึกเหมือนไม่รู้จักคนในรูป ทั้งที่มันคือรูปเหมือนของตัวเธอเอง
แก้วกำลังมองดูรูปวาดตัวเธอนั่งแช่เท้าอยู่ในน้ำ ตัวเธอในรูปนั้นกำลังพักผ่อนยิ้มแย้มผ่อนคลายมีความสุข แต่มีบางอย่างที่เธอคล้ายเข้าใจ และคล้ายไม่เข้าใจ อะไรบางอย่างในนั้นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“รูปนี้ … เป็นรูปที่ผมจินตนาการขึ้นมาเองครับ ผมยังไม่เคยเห็นยิ้มจริง ๆ ของคุณ ผมก็เลยต้องจินตนาการขึ้นมา”
ยามหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจ สายตาของเขามองดูแก้วเหมือนจะยืนยันนี่คือผลงานที่เขาภาคภูมิใจ หากทว่าแก้วไม่รู้สึกเห็นด้วยนัก เธอจึงขมวดคิ้วมองเขาด้วยท่าทีเหมือนไม่พอใจขึ้นมา
“นายพูดอะไร ชั้นก็ยิ้มบ่อยออก ทำไมนายถึงบอกว่าไม่เคยเห็นชั้นยิ้มล่ะ รูปวาดในเล่มแรกของนายก็มีนี่นา”
ยามหนุ่มขี้อายที่เธอเคยชินกำลังมองกลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่แสดงท่าทีเขินอายและมองสบตากับเธอด้วยความเชื่อมั่น เขามองดูเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาจนเธอนิ่งอึ้งไป
“ใช่ครับ ผมเห็นรอยยิ้มของคุณบ่อย แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ฝืนปั้นแต่งขึ้นมา ปากของคุณยิ้ม แต่ว่าตาของคุณไม่ได้ยิ้ม หน้าของคุณไม่ได้ยิ้ม หัวใจของคุณไม่ได้ยิ้ม คุณไม่ได้ยิ้มมาจากใจ เพราะข้างในของคุณไม่ได้มีความสุข”
แก้วมองเขาคล้ายโกรธเคืองไม่พอใจ หัวไหล่กลมมนของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย หากทว่าแววตาของเธอกำลังสับสนไม่มั่นใจ เธอรู้สึกเหมือนคำพูดของยามหนุ่มมีเหตุผล หากทว่าเธอไม่อยากยอมรับ เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เขาและเธอยืนนิ่งไม่พูดอะไรอีกครู่ใหญ่ แก้วหลับตาลงแวบหนึ่ง เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เลือกที่จะหยิบเอาสมุดวาดรูปทั้งสองเล่มขึ้นมาแล้วหันหลังเดินไปขึ้นรถโดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งสิ้น
ยามหนุ่มเองก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงยืนมองดูจนรถคันหรูของแก้ววิ่งหายลับตาไป จากนั้นก็ขยับมานั่งประจำที่ แล้วหยิบสมุดวาดรูปเล่มอื่นขึ้นมาเปิดวางบนโต๊ะ เขาก้มหน้าลงมองดูรูปวาดของแก้วอีกรูปหนึ่ง ในรูปนั้นแก้วกำลังโดนรายล้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงทั้งสามคน เธอโดนเจ้าของใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหมือนสัตว์ป่าทั้งสามฉีกกระชากเสื้อผ้าจนขาดวิ่นเปล่าเปลือย และสัตว์ป่าทั้งสามนั้นก็กำลังจะลงมือขย้ำกลืนกินแก้ว
………………………………
นายสิงห์ เจ้าของร้านนวดและสปายืนถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเปลือยเปล่า เขามองดูเรือนร่างสวยงามของสาวสวยผมสั้นด้วยสายตาของสัตว์ป่า สาวสวยคนนี้ก็คือดาริกาน้องสาวคนเล็กของแก้ว และเวลานี้ดาริกากำลังนอนดิ้นพราดใช้มือขยำขยี้เต้านม และเขี่ยแยงนิ้วเข้าไปในร่องสวรรค์เพื่อผ่อนคลายอารมณ์จากยาสวาทราคาแพงที่ชื่อว่าดรีม
ดรีมเป็นยาปลุกอารมณ์ราคาแพงระยับ มันมีผลทำให้ผู้โดนรู้สึกร่านสวาทจนอย่างรุนแรง ความรู้สึกและปฏิกิริยาตอบรับของผู้โดนจะยังเหมือนมีสติ หากทว่าจะไม่สามารถควบคุมสติได้ เธอจะรู้สึกเหมือนฝันไป ไม่สามารถนึกคิดจดจำอะไรได้ เมื่อเธอตื่นเธอจะจำเรื่องราวไม่ได้ในรายละเอียด แต่จะจดจำได้ถึงความรู้สึกสุขล้ำที่ได้รับมา ผู้ที่โดนจะเหมือนดำดิ่งลงไปในฝันแสนหวานวูบหนึ่ง
ร่างเปลือยเปล่ากำยำของสิงห์ขยับเข้าไปใกล้ดาริกาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน คู่ขาของน้องสาวคนนี้สวยเกินกว่าที่เขาจะยั้งอารมณ์ได้อยู่ เรือนร่างของเธอสวยสะพรั่งขาวโพลนยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยได้มองสำรวจภายใน และยิ่งได้เห็นเธอคนนี้กำลังช่วยตัวเองอย่างเร่าร้อน อารมณ์ของเขาก็ยิ่งเดือดพล่าน
ภายในห้องไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงหอบหายใจของสิงห์ และเสียงครางกระเส่าของดาริกา สิงห์เดินเข้าไปจับสองจาของดาริกาแยกออกจากกัน เขากลืนน้ำลายดังอึกเมื่อได้มองสำรวจเนินสวรรค์อันสวยงาม และเขาทราบได้ทันทีว่าทอมแสนสวยคนนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี อีกทั้งเนินเนื้อของเธอนั้นยังโหนกนูนน่าขยี้เป็นอย่างยิ่ง
“อูว ขาว สวย โหนกนูนอะไรขนาดนี้วะเนี่ย นมก็ใหญ่ยังกะส้มโอ โคตรเสียดายเลยที่เป็นทอม นี่มันนางฟ้าชัด ๆ”
สิงห์ส่งเสียงพึมพำราวกับละเมอ ยิ่งเขามองเรือนร่างของดาริกาก็ยิ่งรู้สึกใจสั่นสะท้าน เขาจับจ้องมองดูดาริกาแทบไม่กระพริบตา นิ้วเล็ก ของเธอที่แหย่แยงอยู่ในร่องรูทำให้เขามองเห็นเนื้อสีชมพูที่อยู่ภายใน ร่องรักของสาวสวยคนนี้เปียกชื้นชุ่มฉ่ำราวกับเขื่อนทำนบแตก พลังของยาสวาทนี้ช่างรุนแรงสมราคา
นายสิงห์รู้สึกเหมือนอยากจะขยับขึ้นไปโถมทับแล้วเสพสมให้หายอยากไปเสียเลย หากทว่าเขายังคงพยายามทำใจเย็นเอาไว้ก่อน เพราะว่าอีกฝ่ายนั้นดูเหมือนจะยังซิง และหากว่าเขาจะเร่งรีบใช้ดุ้นเอ็นยาวใหญ่เสียบใส่เข้าไป เกรงว่ากลีบสวาทของเธอจะฉีกขาดยับเยิน และเกิดเรื่องในภายหลังขึ้นเสียก่อน
อาวุธของสิงห์นั้นจัดว่าใหญ่กว่ามาตรฐานฝรั่งเล็กน้อย หากทว่าที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือมีมุกฝังอยู่ภายในหลายเม็ด ผิวของมันจึงตะปุ่มตะป่ำครูดคราดกับโพรงสวาทได้เสียวสยิวกว่าปกติหลายเท่า
ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียรอบปากรอบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงไป เขาผลักไสมือของสาวสวยที่กำลังแหย่รูตัวเองระรัวออกไป จากนั้นจึงค่อยยื่นมือขึ้นไปขยำเต้านมทั้งสองข้าง พร้อมกับซุกหน้าลงไปอ้าปากเลียฉกตรงจุดยุทธศาสตร์ที่แสนหอมหวานทันที
เพียงแค่นั้นร่างงามของดาริกาก็กระตุกเฮือกส่งเสียงครางสะท้าน ร่างกายของเธอรับทราบโดยสัญชาติญาณว่ามีใครกำลังช่วยเล้าโลม มือทั้งสองข้างที่ช่วยตัวเองอย่างบ้าคลั่งขยับขึ้นไปดึงทิ้งผมของตนเองเพื่อระบายอารมณ์กระสัน แล้วปล่อยให้เขาเสพสมเล้าโลมระบายอารมณ์ให้เธอ
สิงห์ยิ้มกริ่มให้กับปฏิกิริยาของสาวสวย เขาเกร็งลิ้นแล้วตวัดเลียไปตามร่องโดยไม่หยุดยั้ง และบางครั้งก็เกร็งลิ้นแหย่สอดเข้าไปในร่องรู ในขณะที่มือทั้งสองข้างนั้นก็จัดการขยำขยี้มอบความเสียวซ่านลงบนเต้านมขนาดเบ้อเร่อล้นมืออย่างเมามัน
ดาริกาตัวกระตุกเฮือกไม่หยุด สะโพกของเธอเด้งขึ้นเด้งลงตามจังหวะลีลาลิ้นอันเร่าร้อนของเขา ร่างของเธอร้อนผ่าวไปทั้งร่าง อารมณ์ของเธอเปรียบได้ดั่งกองเพลิงที่มีแต่เชื้อไฟสุมเอาไว้
สาวสวยส่งเสียงหวีดร้องออกมาลั่นห้องเมื่อลิ้นของเขาส่งเธอขึ้นสวรรค์ ร่างงามนั้นดิ้นพราดประหนึ่งว่าจะขาดใจตาย ความสุขหฤหรรษ์โถมสาดใส่จนแทบรับไว้ไม่ไหว หากทว่าหลังจากอาการกระตุกเกร็งเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาที ร่างงามก็เริ่มกลับสู่สภาวะกระหายเซ็กขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว และนี่คือผลจากยาที่ชื่อว่าดรีม
สิงห์เข้าใจประสิทธิภาพของยาตัวนี้ดี เขาจึงยังคงก้มหน้าก้มตาโลมเลียกระตุ้นตรงกลีบสวาทที่ปิดสนิทต่อไปก่อน ไม่เช่นนั้นหากเขาเร่งร้อนระบายความใคร่จนหมดแรง แต่ยายังไม่หมดฤทธิ์คงย่ำแย่มากแล้ว
เขาบรรจงปล่อยลีลาละเลงความเสียวซ่านให้ดาริกาอย่างสุดฝีมือจนสะโพกของเธอลอยขึ้นแทบไม่ติดเบาะ ปากของเขาทั้งเลียและกระหน่ำดูดอย่างต่อเนื่อง ทั้งแยงเข้าแยงออกและดูดน้ำรักที่หลั่งไหลออกมา
“อือ … ซี้ด … อือ … อูย … ซี้ด …”
ดาริกสูดปากครางเหมือนคนละเมอ เธอไม่มีสติคิดอะไรทั้งสิ้น เวลานี้เธอเป็นแค่ตุ๊กตาเอาไว้บำบัดความใคร่ ร่างขาวโพลนแอ่นกระตุกเกร็งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้เธอสุขล้นราวกับล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์
ดาริกาเพิ่งเสร็จสมคามือของหญิงวัยกลางคนไปหนึ่งรอบ เธอโดนสิงห์ส่งขึ้นสวรรค์ด้วยลิ้นไปอีกหนึ่งรอบ จากนั้นร่างงามก็ส่งเสียงหวีดร้องกระตุกเฮือกรอบแล้วรอบเล่าอีกหลายครั้งจนเบาะนอนเปียกชุ่มด้วยน้ำรักที่คัดหลั่งออกมา
“หึ หึ เสร็จไปหกครั้งเลยเหรอแม่ทอมคนสวย ดิ้นพราดเชียวนะ … ตอนนี้น่าจะได้แล้ว ขอเสียวบ้างล่ะนะคนสวย”
สิงห์ผละใบหน้าออกมาจากกลีบสวรรค์แล้วหัวเราะเสียงหื่น เขาก้มลงมองดูดาริกา แล้วขยับร่างขึ้นไปนั่งคร่อมร่างของเธอบนเตียงนอน จากนั้นมือและปากของเขาก็ก้มลงไปจูบฟอนเฟ้น และดูดกินขยำขยี้ใส่ทรวงเต้าขนาดใหญ่ล้นมือของดาริการาวกับสัตว์ป่าที่หิวโหย
หัวนมสีชมพูอ่อนที่แข็งชูชันโดยขยี้ฟอนเฟ้นอย่างหื่นกระหาย ปลายนิ้วของเขาบดคลึงสะกิดเขี่ยหนักหน่วง สลับกับอ้าปากงับดูดเลียจนดาริกาผวาเฮือกเสียวแปลบปลาบบริเวณเต้าเต่งตูม
เสียงครวญครางและอาการบิดไหวของดาริกาทำให้ชายหนุ่มยิ่งหิวโหย เขาบีบขยี้ใส่ทรวงเต้าของเธอสุดแรงพร้อมกับอ้าปากงับฝากรอยฟันเอาไว้ ในขณะที่ด้านล่างนั้นดุ้นเอ็นที่แข็งเป็นลำกำลังบดป้วนเปี้ยนอยู่ตรงหน้าขาของดาริกา
สิงห์ดูดดื่มลิ้มรสทรวงเต้าจนอิ่มหนำ ก่อนจะขยับขึ้นนอนแนบทับร่างงามแล้วก้มหน้าบดจูบใส่ริมฝีปากจิ้มลิ้ม ในขณะที่ด้านล่างนั้นเขาล้วงมือลงไปจับท่อนเอ็นไปจ่อที่ปากร่องแล้วเขี่ยปาดไปมาเตรียมทะลวงพรหมจรรย์ของสาวทอมผมสั้นแสนสวย
อานุภาพของยาปลุกสวาททำให้ร่างกายของดาริกาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เขานำท่อนเอ็นไปจ่อเอาไว้ สองขาของเธอก็ถ่างอ้าเปิดรับ จากนั้นร่างงามก็กระตุกสะดุ้งเฮือกเมื่อร่องสวาทโดนท่อนเอ็นอวบอ้วนกดแทรกเข้าไป
ความจริงแล้วดาริกาสมควรรู้สึกเจ็บ หากทว่ายาปลุกสวาททำให้ร่างกายและอารมณ์อยู่ในสภาพพร้อมรบ ใบหน้าสวยจึงไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ทรมานออกมา แต่ก็ยังคงบิดเบี้ยวเหยเกยด้วยความสุขเสียวที่พรั่งพรูทะลักล้นเข้าไปในร่างทีละน้อย
สิงห์ไม่เร่งร้อนเกินไป เขาจูบแลกลิ้นกับสาวสวย และใช้สองมือเคล้นขยี้เต้าอวบขนาดล้นมือไปพลาง ในขณะที่ด้านล่างนั้นค่อย ๆ เดินหน้าบุกทะลวงเข้าไปอย่างเชื่องช้า และความฟิตแน่นที่ตอดรัดไปตามลำลึงค์กำลังทำให้สิงห์เกือบควบคุมตัวเองไม่อยู่
“อูย โคตรฟิตเลยสาวทอมคนสวย อูย ตอดอะไรจะขนาดนี้”
สิงห์ส่งเสียงครางสะใจขณะพยายามเดินหน้าถอยหลังบุกทะลวงไปทีละน้อย และเมื่อท่อนเอ็นขนาดอวบอ้วนของเขามุดหายเข้าไปในร่องสวรรค์จนสุดลำ ดาริกาก็ส่งเสียงหวีดร้องกระตุกเฮือกเสร็จสมไปอีกรอบ
ชายหนุ่มเองก็ส่งเสียงครางกระเส่าสะใจ แรงตอดรัดของร่องหลืบสาวพรหมจรรย์นั้นช่างหอมหวานเลิศรส เขากดแช่บั้นเอวเอาไว้เช่นนั้นครู่ใหญ่เพื่อซึมซับความเสียว จากนั้นจึงค่อย ๆ เริ่มขยับถอนออกมาแล้วกดกลับเข้าไปใหม่อย่างเชื่องช้า
ร่างกายของดาริกาค่อย ๆ ปรับตัวทีละน้อย น้ำรักของเธอเอ่อล้นออกมาช่วยหล่อลื่น ร่องหลืบภายในขยายตัวรับความอวบอ้วนของสิงห์ การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มจึงเริ่มคล่องขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มได้ยินเสียงกระแทกเอวดังถี่ยิบ
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางสิงห์ก็เริ่มเร่งเครื่องเต็มที่ เขาโยกเอวกระแทกใส่ดาริกาอย่างต่อเนื่องดุดัน ทุกจังหวะเข้าสุดออกสุดจนกระแทกไปถึงปากมดลูก
ปากและจมูกของจูบเสพความหอมหวานของพวงแก้มและลำคอขาวอย่างกระหายหิว เต้าคู่งามโดนบีบเคล้นขยี้จนจ้ำแดง วินาทีนั้นความสุกซาบซ่านหฤหรรษ์ได้แล่นพล่านไปทั่วร่างของชายหนุ่มจนหน้าท้องเกร็งวาบ เขาส่งเสียงร้องคำรามราวกับสัตว์ป่า ก่อนโหมกระแทกสุดแรงอีกหลายครั้งในโค้งสุดท้าย
“โอย สุดยอด ซี้ดดดสสสส”
สิงห์ร้องครางเสียงดังพร้อมกับปลดปล่อยน้ำกามอันร้อนระอุทะลักหลั่งเข้าไปในร่องสวาทของดาริกา สำหรับชายหนุ่มแล้วนี่คือชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง เขาเพิ่งบุกทะลวงรุกล้ำเข้าไปย่ำยีพรหมจรรย์ของสาวสวยราวกับนางฟ้าได้สำเร็จ
ชายหนุ่มกดแช่ลำลึงค์ปลดปล่อยน้ำกามอยู่เช่นนั้น เขาก้มหน้าลงไปจูบไซร้โลมเลียผิวกายของดาริกาโดยไม่รู้สึกเบื่อ รสชาติอันหอมหวานของนวลเนื้อปลุกอารมณ์ของเขาได้ดียิ่ง ท่อนเอ็นของเขาที่เพิ่งได้ระบายไปหนึ่งยกไม่ห่อเหี่ยวลงไปเลยแม้แต่น้อย มันยังคงแข็งแกร่งเป็นลำราวกับยังมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ
สิงห์เงยหน้ามองดูนาฬิกาบนฝาผนังเล็กน้อยเพื่อคำนวณเวลา เขายิ้มกริ่มเมื่อทราบว่ายังมีเวลาอีกเยอะ เพราะอีกห้องหนึ่งนั้นเขาได้สั่งให้แอบใส่ยานอนหลับให้เบลล์ กว่าที่สองสาวจะตื่นขึ้นมาก็คงประมาณเที่ยงคืนเป็นอย่างเร็วที่สุด และนั่นหมายความว่าเขายังมีเวลาละเล่นกับสาวทอมแสนสวยคนนี้ได้อีกนาน
ชายหนุ่มขยับถอนท่อนเอ็นออกแล้วปรับท่าทางใหม่ เขาจับลากร่างของดาริกาจนสะโพกอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นก็จับสองขาขาวเพรียวของเธอขึ้นพาดบนหัวไหล่ และเริ่มเสพกามอันเสียวซาบซ่านกับดาริกาอีกครั้ง
สิงห์กดทะลวงดุ้นเอ็นฝังมุกเข้าไปในเรือนร่างงามสะพรั่งอีกครั้งด้วยความเอร็ดอร่อย โพรงสวาทอ่อนนุ่มตอดรัดหนุบหนับสร้างความสุขเสียวให้แก่เขาในทันทีเมื่อโดนกระตุ้นเร้า
ร่างงามที่นอนสลบไสลบนเตียงนอนนั้นกระตุกสะเทือนเด้งไปเด้งมาตามแรงกระแทกอันหนักหน่วง แรงกระแทกทำให้กลีบสวาทพลิกปลิ้นยับยู่ นวลเนื้อบนหน้าท้องขาวเนียนเต้นสะท้านระริก เต้าเนื้อเต่งโดนขยำขยี้เคล้นคลึงอย่างเมามันราวกับจะฉีกทึ้งมันให้หลุดขาดออกมาคามือ เวลานี้เขาคือสัตว์ป่าที่กำลังกัดกินเหยื่ออันหอมหวาน
ร่างของดาริกากระตุกเฮือกถึงจุดสุดยอดไปอีกรอบหนึ่ง หากทว่าสิงห์ยังคงหลับหูหลับตาตะบี้ตะบันต่อไปไม่หยุดยั้ง เขาอัดกระแทกใส่ร่างอ่อนปวกเปียกของดาริกาอย่างต่อเนื่องอีกราวสิบนาที ก่อนจะทานทนต่อความเสียวซ่านไม่ไหวต้องระเบิดน้ำกามเข้าใส่ร่างของสาวสวยเป็นครั้งที่สองของวัน
สิงห์ฟุบหน้าลงไปกอดแนบกับทรวงอกอวบแล้วหอบหายใจ ร่างของเขาชุ่มฉ่ำไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร่างกายของเขารู้สึกได้ถึงความเหน็ดเหนื่อย หากทว่าอารมณ์กลัดมันของเขากลับยังคงเต็มเปี่ยมจนเขาแปลกใจ เรือนร่างของสาวสวยคนนี้ราวกับยาปลุกสวาทชั้นดีที่เขาเสพได้ไม่รู้เบื่อ
ชายหนุ่มนอนพักเหนื่อยและเคล้นคลึงสองเต้าของสาวสวยไปพลาง ความจริงแล้วแผนในคราวแรกของเขาคือการกระทำเบา ๆ ให้พอหายงุ่นง่าน เพื่อที่อีกฝ่ายจะไม่สงสัย กระนั้นเขากลับคุมอารมณ์ไม่อยู่กระทำรุนแรงราวกับขาดสติ และหากว่าอีกฝ่ายไม่รู้ตัวว่าโดนทะลวงพรหมจรรย์ก็คงแปลกเกินไปแล้ว
สิงห์พยายามครุ่นคิดหาทางออกด้วยความเคร่งเครียดอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเขานึกถึงแผนการป้ายความผิดบางอย่างขึ้นมาได้ ริมฝีปากของเขาจึงเริ่มยิ้มกริ่มขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อคิดได้ เขาก็เริ่มขยับบั้นเอวกระแทกใส่อีกครั้ง เขาส่งเสียงสูดปากคำรามราวกับสัตว์ป่าที่ไม่รู้จักอิ่มหนำ เขาจับร่างของดาริกาพลิกไปพลิกมาละเล่นจนครบทุกท่วงท่าเท่าที่จะนึกออก หากทว่ายิ่งเสพกามกับสาวงาม เพลิงราคะของชายหนุ่มก็ยิ่งลุกโชน เสียงครางกระเส่าสุขสมของชายหื่นและสาวสวยที่ไร้สติจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานโดยไม่ทราบว่าจะจบลงเมื่อไร
………………………………
สาวสวยเกินกระโผลกกระเผลกอย่างเชื่องช้าไปยืนนิ่งที่หน้าประตูห้อง ใบหน้าสวยนั้นแฝงเร้นความเจ็บปวดทุกคราที่ขยับเดิน เธอรู้สึกเจ็บแสบตรงกลางหว่างขาจนแทบทานทนไม่ไหว และนี่คือความรู้สึกเจ็บปวดที่ตามมาหลังจากความสุขหฤหรรษ์สุดยอด ที่เธอรู้สึกว่ามันคุ้มค่า
เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อมองเห็นแสงไฟลอดมาจากใต้ประตูห้อง เธอไม่แน่ใจนักว่าพี่น้องคนไหนที่อยู่ในห้อง หรืออาจจะทั้งสองคน เธอจึงพยายามสูดลมเข้าปอดแล้วข่มใจให้นิ่งทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงค่อยหยิบลูกกุญแจมาเปิดประตูห้องเข้าไปให้เงียบที่สุด
สาวสวยในชุดเครื่องแบบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อไม่เห็นใครในห้องรับแขก เธอค่อย ๆ ปิดประตูอย่างระมัดระวัง ก่อนจะค่อย ๆ ย่องไปทีละก้าวเพื่อให้เงียบที่สุด และเพื่อให้รู้สึกเจ็บแสบน้อยที่สุด ดังนั้นการเดินนี้จึงเชื่องช้าราวกับเต่าเดินทาง
เธอรู้สึกโล่งใจกว่าเดิมเมื่อเธอสามารถเดินมาถึงหน้าประตูห้องตัวเองโดยที่ยังไม่มีใครเห็น หากทว่าเมื่อเธอเปิดประตูห้องตนเอง เสียงประตูเปิดที่ดังมาจากด้านหลังก็ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยงตกใจ
“อ้าว กานต์ ทำไมกลับมาเงียบ ๆ ล่ะ”
ผกาแก้วพี่ใหญ่สุดส่งเสียงถามโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเดินออกมานอกห้องในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูพันร่างกายเอาไว้แค่ผืนเดียว ร่างกายของเธอมีหยดน้ำเกาะอยู่เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และคนที่เธอเพิ่งเอ่ยถามก็คือกานต์น้องสาวคนกลางนั่นเอง
“เอ่อ กานต์นึกว่าพี่แก้วหลับอยู่ เลยไม่ได้รบกวน”
กานต์พยายามปั้นสีหน้าควบคุมอารมณ์ตอบกลับไป หากทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดโกหกพี่สาว ใบหน้าของเธอจึงขาวซีดกว่าปกติเล็กน้อย และแน่นอนว่าเธอกำลังรู้สึกผิด เธอกำลังรู้สึกผิดที่ทำตัวเหมือนเด็กสาวใจแตกร่อนหาผู้ชายไม่ยอมเรียนหนังสือ
“แล้วกินข้าวกินอะไรมาหรือยังล่ะ ในตู้เย็นมีอาหารแช่แข็งอยู่นะ ให้พี่ทำให้หรือเปล่า”
“ไม่เป็นอะไรค่ะพี่แก้ว กานต์ไม่ค่อยหิว”
“อืม เหรอ … เอ๊ะ ทำไมกานต์หน้าซีด ไม่สบายหรือเปล่า’
“เปล่าค่ะ … เอ่อ ก็นิดหน่อย รู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบาย”
“ไหวหรือเปล่า พี่พาไปหาหมอดีไหม”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ นอนพักสักคืนน่าจะหายดี”
เมื่อโดนทักกานต์ก็ยิ่งรู้สึกประหม่าตกใจ เธอรู้สึกอยากวิ่งหนีเข้าห้องตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะเกรงว่าจะโดนจับได้ หากทว่าในสภาพแบบนี้เธอคงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วนัก หากเคลื่อนไหวให้พี่สาวเห็นอาจจะยิ่งน่าสงสัยกว่าเดิม
โชคยังดีที่แก้วไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก แก้วจึงไม่ได้ถามอะไรต่ออีก เธอแค่เพียงเดินไปนั่งบนโซฟาด้วยท่าทีเหม่อลอยเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ในขณะที่กานต์นั้นกำลังลังเล เธออยากรีบเข้าห้อง แต่ว่าเธอหากเธอก้าวเดินด้วยท่าทางแปลก ๆ ก็ไม่แน่ว่าจะสะกิดความสนใจของพี่สาวได้เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรอคอยไปก่อน
“นี่กานต์ … พี่ขอถามอะไรหน่อยซิ”
“คะ?”
“เห็นมั้ยพี่กำลังทำอะไร”
แก้วถามพร้อมกับเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม กานต์จึงยืนกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง เธอไม่เข้าใจว่าพี่สาวของเธอกำลังถามเรื่องอะไร
“เอ่อ … พี่กำลังเดิน?”
“ไม่ใช่ ดูที่ปากพี่ซิ”
“ที่ปากเหรอคะ … พี่กำลังยิ้ม?”
“ใช่ยิ้ม พี่ยิ้มสวยหรือเปล่า?”
“สวยซิคะ พี่แก้วน่ะสวยระดับนางงามอยู่แล้ว”
“เหรอ แล้วพี่ดูยิ้มฝืน ๆ หรือแกล้งยิ้มแบบไม่มีความสุขอะไรหรือเปล่า”
“เอ ก็ไม่นะคะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่แก้ว”
“ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่ถามไปเรื่อยเปื่อย”
แก้วไม่ยอมตอบคำถามของกานต์ เธอหมุนตัวแล้วเดินย้อนกลับไปนั่งที่โซฟาตรงห้องรับแขกแล้วทำหน้าครุ่นคิด กานต์เหมือนจะจับอะไรได้ เธอจึงพยายามคิดเกี่ยวกับรอยยิ้มแล้วบอกสิ่งที่เธอคิดออกมา
“ถ้าถามหนูนะ … หนูบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่หนูรู้สึกว่า … รอยยิ้มของพี่แก้วเปลี่ยนไปจากตอนสมัยเรียนนิดหน่อย แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปตรงไหน หนูอธิบายไม่ถูก”
คำตอบของกานต์ทำให้แก้วเลิกคิ้วหันมามองดูกานต์ แต่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แก้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามอีกคำถามหนึ่ง
“คือ พี่มีอีกคำถาม … เพื่อนที่ทำงานของพี่นะ เขามีเรื่องมาปรึกษาพี่เรื่องผู้ชาย แต่พี่ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไงดี”
“เรื่องผู้ชายเหรอคะ?”
กานต์กระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความแปลกใจ คำถามของพี่แก้วในครั้งนี้ดูจะผิดไปกว่าปกติ เพียงแต่กานต์ยังไม่แน่ใจว่าผิดปกติตรงไหน
“จ้ะ ไม่ใช่เรื่องของพี่นะ เรื่องของเพื่อนพี่เอง พอดีมีผู้ชายคนหนึ่งคอยแอบมอง … เอ่อ คอยวาดรูปของเพื่อนพี่ วาดไว้เป็นเล่ม ๆ เลยเป็นร้อยรูปคงจะได้ แล้วเพื่อนของพี่ก็บังเอิญไปเห็นเข้า … เขาเลยมาถามว่าพี่ผู้ชายคนนั้นคิดยังไงกับเขา เขาเป็นโรคจิตหรือเปล่า”
แก้วพยายามมองไปทิศทางอื่นแล้วเอ่ยถามลอย ๆ เหมือนไม่ใส่ใจต่อคำตอบ หากทว่าความจริงแล้วเธอกำลังเกรงว่าน้องกานต์จะจับผิดอะไรจากเธอได้
“วาดรูปเหรอคะ แล้วเหมือนหรือเปล่าล่ะ รูปแนวไหนคะ”
“เหมือนตัวจริงเลยล่ะ แถมยังลงรายละเอียดยิบ เสื้อผ้า เครื่องตกแต่งทุกอย่างตรงหมด แถมยังวาดแบบรายวันเหมือนไดอารี่ด้วยนะ”
กานต์ฟังแล้วนิ่งไป เธอพยายามคิดตาม แล้วนึกภาพว่าหากบอลทำแบบนั้นเธอจะรู้สึกยังไง และคำตอบก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นวูบวาบในใจ เธอจึงตอบออกไปจากมุมมองส่วนตัวนี้
“ไม่หรอกค่ะ … หนูว่านะ ถ้าเขาเอาใจใส่รายละเอียดขนาดนั้น ผู้ชายคนนั้นจะต้องแอบรักเพื่อนพี่แน่นอนเลย แล้วก็คงจะหลงรักเอามาก ๆ มาก ๆ เลยล่ะ”
“อืม เหรอ … แต่ว่าเขาวาดรูปลามกด้วยนะ วาดรูปเปลือย แต่หน้าเหมือน แถมยังวาดรูปน่าเกลียดแบบผู้หญิงผู้ชายมีอะไรกันด้วย”
แก้วพยายามบังคับสายตาไม่ให้มองไปทางกานต์แล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม กานต์จึงนิ่งครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่าหากพี่กานต์ถามเธอเมื่อวาน เธออาจจะตอบว่าผู้ชายคนนี้โรคจิตน่ากลัว หากทว่าเธอในวันนี้กลับมีมุมมองที่แตกต่าง เธอไม่ได้รู้สึกอีกแล้วว่าเซ็กเป็นเรื่องน่าเกลียดน่ากลัว เธอทราบดีว่ามันสุขสุดยอดน่าโหยหาถึงเพียงไหน ดังนั้นมุมของเธอจึงไม่เหมือนเดิม
“ไม่รู้ซิคะ แต่หนูว่านะ ผู้ชายก็ลามกกันทุกคนล่ะ ถ้าเขาลามกไปทั่ว ก็อาจจะไม่ดี ดูเจ้าชู้เกินไป แต่ถ้าเขาคิดลามกอยู่กับคนเดียวหนูคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงจะหลงรักผู้หญิงคนนั้นจนหัวปักหัวปำ แนวรักแท้เลยล่ะ”
คำตอบของกานต์นั้นแฝงความคาดหวังของเธอด้วยส่วนหนึ่ง เธอเผลอฝากหัวใจไว้ให้กับบอลแล้ว ดังนั้นเวลานี้เธอจึงทำได้แค่คาดหวัง เธอคาดหวังว่าบอลจะตอบรับน้ำใจของเธอเป็นการตอบแทน
“เอ๊ะ!!”
อยู่ดี ๆ กานต์ก็ส่งเสียงประหลาดพิกลออกมา แก้วจึงเงยหน้ามองดูกานต์ด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“หนูนึกออกแล้วค่ะ ที่พี่ถามเรื่องรอยยิ้ม ตอนแรกนึกไม่ออก แต่ตอนนี้นึกออกแล้ว ตอนเรียนพี่ยิ้มกว้างแล้วก็สดใสกว่านี้ แต่ช่วงนี้พี่แค่ยิ้มน้อย ๆ เหมือนฝืนหรือเก็บเอาไว้ ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ลองหันไปดูกระจกซิคะ”
แก้วชะงักไปกับคำพูดของกานต์วูบหนึ่ง เธอยังไม่เข้าใจนักว่าอะไรเป็นอะไร เธอจึงหันหน้าไปทางซ้ายมองดูเงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่หน้าห้องน้ำ และสิ่งที่แก้วมองเห็นก็คือรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเธอเอง มันคือรอยยิ้มหวานสดใสที่เธอลืมเลือนไปแล้ว รอยยิ้มนี้ราวกับถอดออกมาจากรูปวาดที่เขาคนนั้นวาดให้ก็มิปาน