คนทะเลเมื่อมีคาวบ้านเกิดจริง ๆ ของผมอยู่ทาง”ปักษ์ใต้” หมู่บ้านที่ผมอยู่นั้นติดทะเล แต่ไม่ใช่มีหาดทรายเหมือนบางแสนหรือพัทยา หรือว่าเหมือนกับหาดชายทะเลโดยทั่วไป ที่อื่นบริเวณอ่าวไทยเขามีโขดหิน เกาะแก่งและหาดทราย ตรงกันข้ามกับบ้านผม!! ชายทะเลบ้านผมกลับมีต้นไม้และพันธุ์พืชที่เรียกกันว่าป่าชายเลน!ก็เป็นที่รู้กันแล้วว่า พวกที่อยู่ชายทะเลต้องมีอาชีพเกี่ยวกับการจับปลา แถวหมู่บ้านผมก็มีอาชีพหยั่งที่ว่าแทบทุกครัวเรือน!!เนื่องจากป่าชายเลนอันเป็นที่ทำกินหรือการประกอบอาชีพของพวกเราในตอนแรก ๆ เท่าที่ผมจำความได้ ชาวบ้านตัดไม้โกงกาง (ซึ่งเป็นถ่านไม้ที่ดีที่สุด) นำเอามาเผาถ่าน..ทั้งขาย ทั้งใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงหาอาหาร ฯลฯ และต่อมาเมื่อทางราชการได้ออกกฎหมายห้ามตัดไม้ป่าชายเลน!! ไม้โกงกางจึงเป็นไม้หวงห้ามตั้งแต่นั้นมาเมื่องทางราชการประกาศห้ามตัดไม้โกงกางที่นำมาเผาถ่านเป็นอาชีพของชาวบ้าน จึงได้เริ่มมีอาชีพใหม่คือการเที่ยวจับกุ้ง,หอย,ปู,ปลา ซึ่งตอนนั้นยังหาได้ง่ายแถบบริเวณป่าชายเลน แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป พวกสัตว์น้ำต่าง ๆ ที่พอหาได้ใกล้ ๆ บ้านคือริมป่าชายเลน ก็เริ่มอันตรธานหายไปอยู่ห่างออกไป..พวกชาวบ้านจึงต้องอาศัยพาหนะอื่นแทนกระดานแผ่นเดียวคือ ต้องใช้เรือ!!..ตอนนั้นผมยังไม่หนุ่มฉกรรจ์เหมือนตอนนี้!!อาศัยว่าผมเกิดมาหน้าตาดีกว่าเพื่อน ๆ อีกหลายคน แม้ฐานะความเป็นอยู่ทางบ้านค่อนข้างยากจน แต่ผมก็ยังมีคนที่ทำให้เกิดเรื่องราวดั่งที่ผมจะเล่าต่อ ๆ ไป”พี่วดี” เป็นลูกสาวคนกลางของลุงผู้ใหญ่ พี่วดีอายุประมาณ 24-25 ไม่ทราบว่าทำไมถึงยังไม่ยอมแต่งงานซะที ทั้ง ๆ ที่พี่สมภพพี่ชายของแก และพี่วรรณีน้องสาวแกก็แต่งงานมีลูกมีเต้ากันไปแล้วตั้ง 2-3 ปี แต่พี่วดีก็ช่วยลุงผู้ใหญ่กับป้าบุญมีค้าขายอยู่กับบ้าน ตั้งแต่ทางราชการยังไม่ประกาศห้ามตัดไม้โกงกางพี่วดีทั้งขาว,สวยและขยันทำงานทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้ผมจึงเห็นมีพวกข้าราชการที่อำเภอบ้าง พวกชาวเรือที่แวะขายกุ้ง,หอย,ปู,ปลา และพวกหนุ่ม ๆ ที่มานั่งดูดโอเลี้ยง,กินกาแฟ, ผมเห็นนั่งกิน นั่งจีบพี่วดีตั้งครึ่งค่อนวัน แต่พี่วดียังไม่เห็นจะคิดแต่งงานกับผู้ชายคนใด!!ครับ!! ผมเองก้อเป็นผู้ชาย!! เพิ่งย่างวัยรุ่นมาได้เพียงปีกว่า ๆ พูดง่าย ๆ ว่าเพิ่งจะทำบัตรประชาชน ผมก็ยังเคยคิดสับสนฝันอะไรต่อมิอะไรประเภทลม ๆ แล้ง ๆ กับพี่วดีอยู่บ่อย ๆ อย่างน้อยมันก็เป็นความรู้สึกของลูกผู้ชาย เมื่อผมกลับจากทะเลมากับพ่อและแวะเอากุ้ง,หอย,ปู,ปลามาขายพี่วดีตอนเช้า ๆ แม้พี่วดียังไม่ได้หวีผมเผ้า ล้างหน้าทาแป้งเพราะต้องรีบต้มน้ำชงกาแฟบริการพวกลูกค้าขาประจำ และหยิบขายพวกของชำหรือถ้าว่างก็ออกมาตรงชานหน้าบ้านช่วยป้าบุญมีชั่งหอย,ปู,ปลาให้แก่พวกที่จอดเรือนมาแวะขาย วันไหนพี่วดีนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืดแต่งตัวแบบสบาย ๆ ก็มีของแถมให้เป็นอาหารตาแก่พวกหนุ่ม ๆ ที่มานั่งกินน้ำชา,กาแฟ ยิ่งตอนที่พี่วดีแกก้ม ๆ เงย ๆ หยิบของขายให้แก่ลูกค้า..บางครั้ง!!แกก็เผลอทำนมโผล่,ทำนมหกอยู่บ่อย ๆ แฮ่ะ ๆ แล้วนมแกทั้งอวบ ทั้งขาวย่อยซะเมื่อไหร่!!แค่เพียงแว๊บ ๆ ที่นมแกโผล่โชว์ความขาวตรงคอเสื้อยืดกว้าง ๆ ตอนที่แกก้ม ๆ เงย ๆแม่เจ้าประคุณเอ๋ย!! ผมนี้อยากจะเกิดเป็นเสื้อชั้นใน..ใส่นมพี่วดี..ฮ้า!! บางทีผมได้เห็นเป็นบุญตาเพียงครั้งเดียว..ผมก็เก็บไปเสียวฝันไปตั้งหลายวัน!!สำหรับผม!!ชอบไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่บ้านหรือที่ร้านพี่วดีตอนสาย ๆ เพราะตอนนั้นพวกหนุ่มทั้งหลายพากันกลับบ้านทำงานซ่อมแซมแห อวน เครื่องมือหากินไปตามเรื่อง..และอีกอย่างที่ผมคอยสังเกตอยู่ตลอดมาคือ พี่วดีจะอาบน้ำ,ล้างหน้าในช่วงเวลานั้น ผมชอบนั่งแอบมองพี่วดีขณะที่นุ่งผ้าเช็ดตัวตอนออกมาจากห้องน้ำ มันช่างเป็นภาพสวยงามสำหรับความรู้สึกของผมซะจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงปมผ้าเช็ดตัวที่ขมวดเอาไว้หลวม ๆ ในบางครั้ง ความขาวอวบอูมเปล่งปลั่งตรงร่องเนินเต้าที่เบียดชิดกันราวจะล้นทะลักออกมา..กึ๋ยส์!!แล้วยิ่งตรงชายผ้าเช็ดตัวด้านล่าง!!แฮ่ะ ๆ สองขาอวบขาวอล่างฉ่างที่เปลือยเปล่าเลยหัวเข่ากลมมนไปร่วมคืบ..อื้อหึ๋ย!!จะดูกี่เดือน กี่ปีก็ไม่จืดจริง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงสะโพกผายงอนแน่นหนั่น เวลาพี่วดีหันหลังเดินเข้าห้องแกไปนั้น..แฮ่ะ ๆ ตรงเป้ากางเกงของผมมักจะตุงชูชันขึ้นมาทุกที!!ผมก็ฝัน ผมก็คิดของผมหยั่งงี้!!ก็ตามประสาของผู้ชายที่กำลังย่างเข้าสู่วัยเริ่มรู้จัก”ความหงี่” จะไม่ให้ผมฝัน,ให้ผมจินตนาการกับเรือนร่างของพี่วดีได้อย่างไร? ระยะหลังผมเริ่มมีความรู้สึกนึกคิด และมีความรู้สึกใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยที่ผมคิดของผมไปว่า..จะทำยังไงดีน่ะ!!ถึงจะได้เห็นเรือนร่างของพี่วดีในสภาพที่ปราศจากเสื้อผ้าจะได้เป็นบุญตาก็พอใจ!!และแล้ว!!ผมก็เริ่มมีความคิด “โปร่งใส”(ว่าเข้าไปนั้น!!) ไอ้สิ่งที่ผมเฝ้าคิดเฝ้าหวังมาเนิ่นนาน มันก็เข้ามาอยู่ในสมองและวาดร่างโครงการในเวลาต่อมาผมพอจะทราบมาบ้างแล้วว่า พี่ดีจะอาบน้ำ กินข้าวกินปลาก่อน 2 ทุ่มกว่า ๆ แทบทุกคืน แม้ผมจะเสี่ยงต่อลูกปืนของลุงผู้ใหญ่ แต่ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อหัวใจและความรู้สึกของผมมันเกิด”ความอยาก”ขึ้นมาคือ..ผมอยากเห็นพี่วดีตอนอาบน้ำ,ตอนแก้ผ้า อยากจะรู้นักว่า ไอ้สิ่งที่วับ ๆ แวม ๆ อยู่ในร่มผ้ามันจะตรงกับที่ผมเคยคิดตลอดเวลาหรือเปล่า?เย็นวันนั้นผมแกล้งทำเป็นซึม ๆ เหงา ๆ เหมือนคนไม่ค่อยสบาย..พ่อผมก็ดีใจหายไม่พูดอะไรสักคำ พอคว้าผ้าห่ม ห่อยาตั้งและอุปกรณ์จิปาถะที่ต้องนอนเฝ้า”ซั้ง”ในตอนกลางคืน..และเมื่อแม่เดินเข้าไปหยิบปืนลูกซอง 5 นัดเพื่อนคู่ใจของพ่อมายื่นส่งให้ พ่อก็เดินลงเรือ ติดเครื่องลับหายไปทุ่มกว่า ๆ ผมออกจากบ้านโดยบอกแม่ว่าจะไปซื้อยาที่บ้านลุงผู้ใหญ่..มันเป็นตอนหัวค่ำของคืนข้างแรมที่มืดสนิท..ผมไม่อยากเอาไฟฉายที่ติดตัวฉายไปข้างหน้า เพราะถ้าหากมีเรื่องมีราวอะไรขึ้นมาและชาวบ้านเขารู้ว่าผมไปแอบดูพี่วดีแก้ผ้าอาบน้ำเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ผมเดินลัดเลาะผ่านดงโกงกางที่แต่ละต้นสูงชันเป็นรูปร่างของไม้สงวนใหม่ ๆ และเหมือนกับว่า เทวดา,ฟ้า,ดิน ท่านจะเป็นใจ!! เมื่ออีกประมาณร้อยเมตรกว่า ๆผมก็จะถึงพงหน้าห้องน้ำบ้านลุงผู้ใหญ่!!ตอนนั้นก็คงทุ่มกว่า ๆ ประสาททุกส่วนของผมลุกซ่า เมื่อผมเห็นแสงสว่างจากไฟฟ้าภายในห้องน้ำถูกเปิดให้สว่างขึ้นมาพร้อมกับที่ฝนหลงฤดูก็เทซ่า ๆ เหมือนจะรู้เจตนาของผมในตอนนั้น ว่าผมกำลังคืบคลานเสาะหารูร่องเพื่อแอบมองคนที่อยู่ในห้องน้ำ!!และผมก็ได้พบกับมุมมองที่สวยงามตรงฝาสังกะสีด้านหลังห้องน้ำเข้าให้พอดี!!มันเป็นรอยผุที่คนภายในห้องน้ำมิอาจทราบได้ มันสูงจากพื้นดินในสภาพที่ผมนั่งดูได้อย่างสบาย ๆ และไม่คิดมาก่อนว่าจะฟลุ้คอย่างง่าย ๆ สมเจตนา!!แม้เนื้อตัวของผมจะเปียกปอนกับสายฝนที่ยังคงตกซ่า ๆ แต่ตรงกันข้าม!!ผมกลับรู้สึกร้อนฉ่ากับภาพที่ผมเห็น ภาพที่ปรากฏต่อสายตาซึ่งห่างจากที่ผมนั่งไปไม่ถึงวาอย่างแน่นอน!!..กึ๋ยยส์!!ผมเริ่มมีความรู้สึกรุ่มร้อนเรื่อย ๆ ขึ้นมา พี่วดีในชุดผ้านุ่งกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวลายสีขาวสลับฟ้า..กำลังยืนแปรงฟันโดยหันส่วนสะโพกแน่นหนั่นผายงอนที่กำลังกระเพื่อม เนื่องจากอยู่ในขณะยืนแปรงฟัน!!และเพียงแค่ตัวอย่างหรือไตเติ้ลที่ผมเฝ้าคอยเวลานี้มาตลอดนั้น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผมงัดเอาถ่อที่หัวกำลังเริ่มจะบานออกมาจัดการรูดเข้า รูดออกตั้งแต่เมื่อไหร่? เพียงแค่ผมรูดกระตุกถี่ ๆ อีกครึ่งนาทีต่อมา ผมก็มิอาจอดกลั้นความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองที่เห็นชัด ๆ อยู่ตรงหน้า มันกระฉูดออกมาเพราะทานต่อภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าต่อไปอีกไม่ไหว!!ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของพี่วดีที่ปรากฏต่อสายตาของผมเวลานั้น แม้เจ้าถ่อหัวบานของผมจะกระฉูดไปเพียงชั่วครู่ก็ยังรีบชูชันร้อนผ่าวขึ้นมากึ๋ยส์ส์!! อื้อ..หือย์!!นี่..นี่น่ะหรือคือเรือนร่างของพี่วดี..ผู้หญิงรุ่นพี่ที่ผมแอบหลง แอบเอาไปสร้างจินตนาการสำเร็จความใคร่ ตั้งแต่ปลายเส้นผมที่กำลังโดนชะโลมฟอกด้วยยาสระผมผสมยานวดยี่ห้อดัง..ไปถึงปลายเท้าส่วนล่างมันปรากฎความขาวโพลนอล่างฉ่างให้ผมเห็นอย่างเต็มตา..สองเต้าอวบขาวเนียนที่ผมเคยเห็นวับ ๆแวม ๆ ใต้ร่มผ้า มันกำลังอวดความขาวเปล่งปลั่งชูชันต่อสายตา ช่างเป็นสองเต้าที่ในชีวิตผมไม่เคยเห็นมาเลยจริง ๆ ปลายติ่งสีชมพูอ่อน ๆ ขนาดของนิ้วก้อยที่ประดับอยู่ตรงปลายสองเต้าที่งอนช้อย ผมคะเนว่าอย่างน้อย 35 นิ้วโดยประมาณและดีกรีหรือลิมิตของความงุ่นง่านยิ่งกลับเพิ่มองศาขึ้นไป ต่ำจากหน้าท้องแบนราบขาวผ่องปราศจากไขมัน ตรงด้านหน้าบริเวณโคนขาอวบของพี่วดีตรงนั้น!!หึ๋ยส์!!พี่วดีเคยทำบุญแต่ชาติปางก่อนด้วยอะไรกัน เพราะหอยกาบหรือหลังเต่าทะเลตัวย่อม ๆ ที่ผมเคยเห็นเคยจับมานั้น มันสู้ความอวบอูม โหนกนูนของส่วนสำคัญตรงโคนขาของพี่วดีโดยมิมีราคาต่อรอง!!หากจะเรียกว่า”กระดอง”ก็คงเป็นกระดองที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะความอวบอูมกว้างใหญ่ ซึ่งปกคลุมด้วยเส้นไหมสีดำละเอียดอ่อนกำลังดี มันล้นนูนพูนปรี่จนล้นเลยหน้าขา ตรงรอยแยกที่ปรากฏสีชมพูอ่อน ๆ เรื่อร่ามันยังคงปิดแง้มสนิท คงจะยังไม่โดนพวกงูทะเลหรือพวกอสรพิษเข้าชอนไช!!อูยส์!!เมื่อตะกี้ก็กระฉูดไปอีกทีนึงแล้ว!!ทำไมนะไอ้ถ่อหัวบาน ทูนหัวทูนแก้วยังกลับลุกชูชัน แข็งปั๋งขึ้นมาใหม่ ก้อ!!ก้อพี่วดีน่ะซิ!! พอยกขาฟอกสบู่เสร็จอย่างดิบดี ยังแถมเอานิ้วกลาง นิ้วชี้ ยัดเข้าไปตรงนั้นจนผมนี้แทบทนไม่ไหว!! แถมยังมีกะจิตจะใจแหวกอ้า แล้วตักน้ำราดซ่า ๆ พร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลงอยู่ไปมา..มันเป็นภาพกระทำที่ผมเห็นชัดถนัดตา โดยคิดไม่ถึงเหมือนกันว่า..ผู้หญิงหยั่งพี่วดีจะกลายเป็นคนที่อยู่ในลักษณะของอารมณ์ที่ผมเห็นในตอนนี้ได้อย่างไร?!ผมหลบฉากเดินตากฝนกลับบ้านด้วยอาการของคนเข่าอ่อน โดยไม่กล้าเรียกแม่ให้เปิดประตูขึ้นไปนอนบนบ้าน ด้วยความอ่อนเพลียก็เลยคลานขึ้นไปนอนบนแคร่ใต้ถุนบ้าน อุทิศเลือดเป็นอาหารให้ยุงซะหนึ่งคืน!!ตอนเช้าอีก 2-3 วันต่อมา!! เมื่อพ่อนำเรือเข้าไปจอดเทียบท่าเพื่อขายปลาที่บ้านลุงผู้ใหญ่..ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างในเช้าวันนั้นของผมไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง?ผมรู้สึกว่า ตัวเองไม่กล้ามองสบตาพี่วดีในขณะที่โกยปลาส่งให้พี่วดีคอยชั่งอยู่ตรงท่า หากเป็นวันอื่น ๆ ผมคิดว่าตอนพี่วดีก้มลงมารับเข่งปลาที่ผมยกยื่นสูงขึ้นไปให้ ผมก็สามารถจะมองเห็นสองเต้าของพี่วดีได้อย่างเต็มตา เพราะเสื้อยืดสี้นำเงินหลวม ๆ ที่พี่วดีใส่อยู่ในเช้าวันนั้น..ผมทราบดีว่า เพียงแต่เหลือบตาขึ้นไปมองสูงขึ้นไปเมื่อพี่วดีเอื้อมมือก้มลงมารับเข่งใส่ปลา..สองเต้าขาวเต่งที่ผมเคยเห็นหมดแล้วอย่างเต็มตา มันจะต้องล้นทะลักออกมานอกเสื้อชั้นใน!!พี่วดีชวนผมคุยอยู่ตลอดเวลาระหว่างที่อยู่ในช่วงกำลัง”ขึ้นปลา” แต่มีประโยคหนึ่งที่ผมได้ยินแล้วทำให้ทุกส่วนของร่างกายตื่นเพริดขึ้นมา หลังจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาตลอด!!”พรุ่งนี้บ่าย ๆ เทพว่างมั้ย? พี่อยากชวนเทพให้ช่วยขับเรือไปเป็นเพื่อนพี่สักหน่อย..พ่อแกติดเรื่องประชุมที่อำเภอเลยวานให้พี่ไปดูแทน ก็ซั้งที่พ่อบอกว่าจะขายนั่นแหละ ตอนแรกว่าจะไปดูคนเดียว แต่พี่เห็นว่ามรสุมกำลังเริ่มพัดเข้ามาแถวหน้าอ่าวบ้านเรา ก็ชักกลัว ๆ ตกลงนะ เทพไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยก็แล้วกัน!!”มีหรือที่ผมจะปฏิเสธคำชวนของพี่วดี..แต่ที่ตื่นเต้นมากกว่านี้เมื่อพี่วดีบอกว่า”เอ้อ เทพ!! พี่ว่านาน ๆ พี่จะออกไปดูซั้งสักที เอายังงี้มั้ย? เราหาอะไรไปกินสนุก ๆ แบบไปเที่ยวปิกนิก ชีวิตพวกบ้านเราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน เอาเป็นว่าเราอยู่ใกล้ทะเล เราก็ไปปิกนิกกันกลางทะเลแถว ๆ นี้แกละ!!”ผมก็ได้แต่ยิ้มรับพยักหน้า แล้วเดินตามพี่วดีขึ้นไปเพื่อรับ”ตั๋วขายปลา”ขณะความรู้สึกต่าง ๆ หลาย ๆ อย่างมันตื่นเต้นยังไงบอกไม่ถูก เพราะไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่า พี่วดีจะให้โอกาสกับลูกชาวประมงหาเช้ากินค่ำหยั่งผม!!วันรุ่งขึ้น!!ผมกำลังเย็บอวนอยู่กับพ่อใต้ถุนบ้าน ตอนนั้นก็ประมาณเที่ยงวันกว่า ๆ เสียงเครื่องยนต์ยี่ห้อ”เมอร์คิวรี่”ซึ่งติดท้ายเรือเร็วที่มีอยู่ลำเดียวในละแวกนี้ มันเป็นเรือเร็วขนาด 20 ฟุตของลุงผู้ใหญ่พ่อของพี่วดีและไม่มีเรือลำใดแถวนี้จะไล่กวดเรือเร็วลำนี้ได้ทัน หากแข่งกันจริง ๆ !!พี่วดีจริง ๆ ด้วย!! แกดับเครื่องจอดเรือเร็วลำสวยกับสะพานท่าน้ำหน้าบ้านผม พี่วดีโยนเชือกผูกเรือให้ผมรับ แล้วกระโดดตามขึ้นมา พี่วดีอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีเหลืองสลับฟ้าผูกชายเสื้อเอาไว้ตรงขอบกางเกงในลักษณะทะมัดทะแมง หมวกแก๊ปหรือหมวกแบบจ๊อกกี้สีแดงครอบผมยาวเคลียไหล่เอาไว้ ผมอดจะทึ่งในการแต่งตัวของพี่วดีไม่ได้ เพราะพี่วดีไม่เคยล้าสมัยสำหรับเสื้อผ้าที่สวมใส่และการแต่งตัว!!พี่วดีบอกพ่อกับแม่ผมว่าจะพาผมไปเป็นเพื่อนเพื่อดูซั้ง ผมยอมรับว่า ผมประทับใจพี่วดีหลาย ๆ ที่ไม่เป็นคนถือเนื้อถือตัวเหมือนกับลูกสาวสารวัตรกำนันที่เลยปากอ่าวผ่านหัวแหลมออกไปแค่ไปเรียนเสริมสวยที่กรุงเทพ ฯกลับมาอยู่บ้านไม่เท่าไหร่ พวกชาวประมงหยั่งพวกผมเธอไม่ชายตามอง หยิ่งยโสจองหอง ฯลฯ อย่างไร้เทียมทาน!!ผมลงเรือมากับพี่วดีในชุดขาก๊วยธรรมดา ใส่เสื้อยืดสีแสบตาราคาถูก ๆ ..ผมแก้เชือกผูกเรือ ในขณะที่พี่วดีติดเครื่องเบนหัวเรือมุ่งออกปากอ่าว..ฟองคลื่นสีขาวที่วิ่งมากระทบหัวเรือที่ติดท้ายด้วยเครื่องยนต์ขนาด 220 แรงม้าเป็นฝอยเล็ก ๆ สาดกระเซ็นขึ้นมาไปทั่วแคมเรือ!!”เทพขับเรือแทนพี่หน่อยซิ นาน ๆ ได้ใช้มันทีรู้สึกว่าบังคับยากจัง นี่ขนาดว่ามันยังไม่ถึงสองร้อย..โอ้ย!! เมื่อยแขนบังคับพวงมาลัยหลบเคลื่อนยากจัง!!”พี่วดีถอดหมวกหลบออกไปข้างหลังทางท้ายเรือ ใบหน้าแดงปลั่งเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เพราะอากาศและแสงแดดตอนนั้นกำลังร้อนจ้า..”ซั้ง”ของลุงผู้ใหญ่เลยลึกออกไปจากซั้งของพ่อผมประมาณ 3-4 ไมล์ทะเล มันเป็นซั้งขนาดใหญ่ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาเกือบปี ซั้งทั่วไปไม่ได้ออกมาอยู่ลึกแบบนี้ เพราะชาวบ้านหยั่งพวกผมซึ่งไม่ได้ร่ำรวยหรือมั่งมี ก็อาศัยซั้งเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ฝั่งเป็นอาชีพเลี้ยงตัวประทังชีวิตกันเรื่อยมาผมดึงคันเร่งความเร็วของเรือลดต่ำลงมาเมื่อมองเห็นแนวซั้งแถวที่ 5 พี่วดียกกล้องส่องทางไกลขึ้นทาบสายตามองไปรอบ พร้อมกับให้ผมวนออกทางแนวซั้งที่ 3 ไปอีกรอบ และทำสัญญาณให้ผมเบาเครื่องเรือให้อยู่ระดับ 20-25..เลยแนวซั้งที่ 3 ออกไปประมาณครึ่งไมล์กว่า ๆ เป็นกระต๊อบเฝ้าซั้งที่ถูกปลูกอยู่กลางทะเล มองไกล ๆ ก็โดดเด่นว้าเหว่ สำหรับคนที่ไม่ใช่ลูกทะเลจริง ๆเมื่อพี่วดีบอกให้ผมนำเรือเข้าไปเทียบที่กระต๊อบเฝ้าซั้งหลังจากเสร็จสิ้นการวนกลับไปดูแนวซั้งที่ 3 อีกรอบ พี่วดีเป็นคนโยนกระสอบ และยางกันกระแทกข้างแคมเรือ พร้อมกับเดินปาดเหงื่อกลับมานั่งข้าง ๆ ผมซึ่งยังคงยืนประคองเรือให้จอดเทียบกระไดขึ้นกระต๊อบเฝ้าซั้ง..ผมกลับหันไปมองชายฝั่งแถวหมู่บ้านพวกเราซึ่งไกลลิบ ๆ เข้าไป เมื่อผมดับเครื่องเรือ และผูกเชือกรั้งข้างเรือทั้งหัวท้าย พี่วดีตบมือดัง ๆ และยิ้มให้”น้องชายพี่เก่งจัง!! ไป..ขึ้นไปพักบนกระต๊อบหลบไอแดดดีกว่า เดี๋ยว!! ให้พี่ขึ้นไปก่อน..เทพหยิบของกินพวกนั้นส่งตามขึ้นไป พี่จะคอยรับนะ”..พี่วดีเหยียบแคมเรือที่โคลงเคลงไปมา พร้อมกับก้าวขาขึ้นเหยียบบันไดที่ทอดยาวสูงเลยระดับน้ำทะเลขึ้นไปประมาณ 3 เมตร ภาพเด็ด ๆ และตื่นเต้นจนนึกไม่ถึง!! เมื่อพี่วดีเอี้ยวตัวมารับถุงของกิน 2-3 ถุงที่ผมส่งขึ้นไปให้ พร้อมกับพี่วดีร้อง”ว้าย!!” เมื่อคลื่นลูกหนึ่งโถมเข้ามาอย่างแรงหอบพี่วดีจากกระไดตกลงทะเล ผมรีบวางถุงข้าวของอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะแรงของคลื่นที่โถมประดังมากระทบแคมเรือ แต่มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับลูกทะเลหยั่งผมและพี่วดี!!”เร็ว ๆ เร็วส่งมือมาซิ!!”เสียงตะโกนของพี่วดีขณะที่ยื่นมือให้ผมจับดึงขึ้นไปบนเรือ..เนื้อตัวเปียกน้ำทะเลมะลอกมะแลก พี่วดีไอแค๊ก ๆ ทุบไหล่ผมเข้าให้ดังตุ๊บ ขณะบ่นอุบอิบ!!”ดูซิ!! ไอ้เด็กบ้า!! พี่บอกว่า..ส่งมา ๆ ยังแกล้งพี่ให้ตกน้ำตกท่าเปียกปอนจนได้..ไปเลย..ไปนำหน้าขึ้นไปก่อน!!” พี่วดีพูดยิ้ม ๆ งอน ๆ เก๋น่ารักไปอีกแบบแต่ที่ผมรู้สึกเสียวแปล๊บไปถึงกล่องดวงใจ เมื่อทั้งผมและพี่วดีหอบข้าวของขึ้นมานั่งหลบแดด หนีคลื่นอยู่บนกระต๊อบเฝ้าซั้งเรียบร้อยแล้วนี้ซี!!เนื้อตัวที่เปียกปอนของพี่วดีที่นั่งกอดเข่ามองผมอยู่น่ะซี!! ผมไม่ทราบว่าจะกลับไปเล่าให้พวกพ้องน้องพี่ว่ายังไง? สายตาของพี่วดีมองดูผมแปลก ๆ ออกไปคงอาจจะเพราะการอ่อนโลกและความอ่อนวัย ผมจึงได้รับรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ จากพี่วดีโดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน!! ผมเหลือบตาไปมองช่วงขาอ่อนซึ่งยังเปียกปอนด้วยน้ำทะเลที่พี่วดีนั่งชันเข่ามองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้วนั้น บวกกับความอึดอัดมราไใาได้เอ่ยพูดจาอะไรกันเกือบ 2-3 นาทีทั้งตัวผมเอง และพี่วดีต่างคนต่างก็ไม่ทราบว่า ความรู้สึกช่วงเวลานี้เป็นยังไง?”พี่วดีหนาวมั้ย?!” ผมไม่รู้จะเริ่มต้นระบายความอึดอัดออกมายังไง?”ถ้าพี่บอกว่าหนาว เพราะเทพก็เห็นแล้วว่าพี่เปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำยังงี้..เสื้อผ้าจะเปลี่ยนก็ไม่มี เทพจะให้พี่ทำยังไง?!””พี่วดีเอาเสื้อของผมใส่ก่อนได้มั้ย?รังเกียจหรือเปล่า?”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำให้ผมพูดโง่ ๆ ออกไปยังงั้น พี่วดีไม่ได้ตอบผมว่ายังไง แต่หันหน้ากลับไปทางด้านฝากระต๊อบ ผมมองภาพการกระทำของพี่วดีแทนคำตอบที่ลุกขึ้นยืนแล้วแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกโชกถอดโยนกองลงไป ตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงผมยาวประบ่าที่เปียกโชกที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าผมในตอนนั้น ก็เหลือแค่กางเกงยีนส์ขาสั้นและเสื้อชั้นในตัวจิ๋วที่ห่อหุ้มสองเต้าอวบอั๋นเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้นจริง ๆ!!”ไหนล่ะเสื้อของเทพที่บอกว่าจะถอดให้พี่” พี่วดีถามผมโดยไม่หันกลับมา”เอ้อ..เอ้อ..ผมว่า พี่วดีครับ เรากลับบ้านกันดีกว่า”ผมก็พูดบ้า ๆ ไม่ได้ความไปอีกที”บ้าซี!! ถ้างั้นเทพหลอกให้พี่ถอดเสื้อออกทำไม? อยากดูพี่โป๊ใช่มั้ย? เรานี่บทบาทเหลือร้ายจริง ๆ ดูภายนอกเซ่อ ๆ ซ่า ๆ แต่ร้ายยิ่งกว่างูทะเล!!””คือ..เอ้อ..เอ้อ..แต่ว่า” ผมมัวแต่เซ่อซ่าเหมือนคนที่ตกอยู่ในห้วงความฝันเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน ผมก้อเลยต้องกลายเป็นคนลิ้นไก่สั้นโดยมิได้เจตนา!!”เร็ว ๆ ..ส่งมา..แอบหลอกดูพี่โป๊ตั้งนานหลายนาทีแล้วนะ คิดรึว่าพี่ไม่รู้ทัน”เมื่อถึงตอนเริ่มแรกของเหตุการณ์ที่ผมประสบมาด้วยตัวเองในตอนบ่ายท่ามกลางกลิ่นอายของทะเล เรื่องราวที่ผมคิดว่าจะพลิกกลับหักเหเหมือนที่ตัวเองเฝ้าคิดตั้งแต่ต้น..และใฝ่สูงซะจนน่าอาย!!ผมยื่นเสื้อของตัวเองส่งไปให้พี่วดีด้วยกิริยาท่าทีที่สั่นจริง ๆ แต่ผมต้องพบกับภาพชีวิตที่มีเลือดเนื้อจริง ๆ เมื่อพี่วดีหันกลับมายืนนิ่งจ้องหน้าผมด้วยแววตา!สองเต้าขาวโพลนที่เบียดกันอยู่เกือบจะล้นออกมานอกเสื้อชั้นใน พี่วดียืนห่างกับผมในตอนนั้นเพียงแค่รู้สึกถึงลมหายใจที่ยืนใช้ความคิดแตกต่างกันออกไปต่าง ๆ นานาแม้จะอยู่ในสภาพสองต่อสองตอนนั้นผมยังนึกว่า ผมฝันไป..แต่ผมจะฝันไปได้ยังไง..เมื่อเสียงพูดที่แปลก ๆ ออกไปจากปากของพี่วดี ซึ่งผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ยินคำนี้มาก่อนเลย!!”ตกตะลึง..ตกใจหรือเปล่าเทพ!? ที่เทพมาเห็น ได้เห็นพี่ในสภาพที่เทพไม่เคยมีโอกาสได้เห็นของผู้หญิงคนไหนมาก่อนใช่มั้ย?!!””ครับ!!ไม่..ไม่..ไม่เคยเห็นครับ!!””เอ้อ..ว่าแต่สำหรับเทพอย่างเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร..รับปากพี่ได้มั้ย?ว่าเทพจะปกปิดเรื่องนี้ตลอดไป ตกลงน่ะ..มาซิ!!ตรงไหน..ยังไงดี..พี่อยากรู้เหมือนกัน”ผมไม่ทราบว่าจะลงนรกหรือไต่สวรรค์!! แต่ผมรู้สึกผิดปกติกับบริเวณหน้าขาที่ผงาดชูชันเมื่อกางเกงขาก๊วยโดนพี่วดีเป็นคนจับรูดกองลงไปผมไม่เคยอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อนต่อหน้าผู้หญิงคนไหนมาก่อน ไม่ทราบว่าผมรวบรวมเอาความกล้าพูดกับพี่วดีว่ายังไง? เมื่อพี่วดีประคองกอดผมพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ผมกับพี่วดีก็โน้มตัวลงนอนกอดก่ายในตอนต่อมา..บนกระต๊อบแคบ ๆ กลางทะเลสำหรับใช้เป็นที่พักนอน”เฝ้าซั้ง”ซึ่งปราศจากเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ มีเสียงคลื่น เสียงลมทะเลและเสียงกระซิบกระเส่าง่าย ๆ เหมือนเด็กยังไร้เดียงสา!!ไม่ทราบว่าผมเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือธรรมชาติสั่งสอนผมมาให้ผมหัดเริ่มต้นโลมเลียซุกไซ้ และระดมจูบลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของพี่วดี และอาการหอบหายใจถี่ ๆ เมื่อโดนผมปลดตะขอเสื้อชั้นในหลุดลุ่ยออกไป ปล่อยให้สองเต้าขาวผ่องถูกผมทั้งดูด,ทั้งอม,เลียซุกไซ้อย่างลืมตัว!!พี่วดีสะบัดหน้า ส่ายหัว..พร้อมกับแอ่นสองเต้าให้ผมจูบไปทั่วอย่างเต็มใจ!!คงเหลือแต่กางเกงยีนส์เปียกน้ำที่ปกปิดร่างงามเพียงเท่านั้น กว่าผมจะรูดมันหลุดหายออกไปพร้อมกับกางเกงชั้นในตัวจิ๋วออกไปทางปลายเท้า ความโหนกนูน กว้างใหญ่ที่เอ่อล้นตรงบริเวณโคนขาอวบขาวที่ปรากฎอย่างเต็มตาเป็นคราที่สอง!! ผมคิดถึงกระดองเต่าทะเลตัวย่อม ๆ ที่มันติดอวนมาเป็นประจำ จากสัณฐานที่เลยล้ำอวบอูมล้นหน้าขา ปรากฏรอยแยกที่ฉ่ำเยิ้มเป็นสีชมพูอ่อน บริเวณโดยรอบประดับด้วยพงหญ้าสีดำเปียกน้ำเป็นเงางามดุจเส้นไหม!!ผมนั่งยอง ๆ ใช้มือแหวกแหวะ สำรวจรูร่องที่กำลังฉ่ำเยิ้มของพี่วดี..ปลายนิ้วชี้งอขึ้นเหมือนเบ็ดตกปลา ผมหย่อนเบ็ดสำเร็จรูปลงไปในรูร่องลองเงี่ยงเบ็ด..พี่วดีซี๊ดปากเหมือนกินของเผ็ดแอ่นสะโพกขึ้นลงอยู่ไปมาความฉ่ำเยิ้มบริเวณรูร่องตรงเนินนูนของพี่วดีทะลักล้นปรี่ออกมา เมื่อเงี่ยงเบ็ดที่หย่อนขึ้นลงเร็ว ๆ ช้า ๆ ไปเกี่ยวตรงปุ่มตาปลาเข้าพอดี!!”อุ้ย..ซี๊ดส์ ตรงนั้น..อย่า..อย่าทำพี่..เร็ว ๆ หน่อยซี!! ช่วยพี่ โอว!! โอย ทำไม..เสียว..เสียวยังงี้”ตอนนั้นผมหน้ามืด หูอื้อ เมื่อพี่วดีผงกหัวขึ้นมาหน้าแดงก่ำ พร้อมกับดึงมือให้ผมทาบทับลงไป คงจะไม่มีการพูดจาร่ำไร!! หลังจากที่ผมทาบทับลงไป เริ่มร่ายเพลงถ่อที่พ่อให้มา พยายามจะตำลงไปที่ปากหอยกาบหรือกระดองเต่าที่ฉ่ำเยิ้มแตกอ้า..ในสภาพที่ทั้งผมและพี่วดีต่างก็ไม่เคยกับเรื่องหยั่งงี้มาก่อน บรรยากาศตอนนั้นก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ เสียงคลื่นลมที่ขับกล่อมพร้อมใจ..แต่..ประทานโทษ!!ไม่ทราบว่าทำไม? ผมจึงไม่ปักปลายถ่อลงไปได้สักที!!”เร็ว ๆ เข้าซี!!ซี๊ดส์!!พี่..พี่จะทนไม่ไหว..อยู่แล้ว”ผมกัดฟันกรอด ๆ เหงื่อโชกท่วมใบหน้าเมื่อพี่วดียกเข่าสูงแล้วแบะถ่างอ้า ยันข้อศอกผงกหัวเอื้อมมือจับถ่อของผมช่วยประคองต่ำลงมา..พร้อมกับที่ผมต่ำลงไปสุด ๆ ตรงปากหอยที่ฉ่ำเยิ้มแดงร่า..เสียงดังกึ้ก..ฉึ๊ก!!และผมมีอาการเหมือนจะปวดท้องฉี่ก็ตามมาในขณะที่พี่วดีอ้าปาก หลับตา มือเท้าแขนขาเกร็งไปทั้งตัว!!ท่ามกลางสายลม เสียงคลื่น เสียงหอบหายใจและเสียงอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างที่ผมกับพี่วดีใช้เวลาสร้างเสียงเหล่านี้ขึ้นมา สะโพกผายงอนของพี่วดีที่ยกขึ้นรับอาการกระแทก อาการหอบหายใจถี่ ๆ อาการหนึบแน่นภายใจของพี่วดี มันตอดรัดลำถ่อของผมที่ชักขึ้นลงแต่ละทีแทบแหลกลาญ!!เสียงกระซิบพริ้วแผ่วแว่วหวานของ”สองเรา”เมื่อเรา”เอา”กันสองยกรวดผ่านไป..ร่างเปล่าเปลือยเปียกโชกที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดเหงื่อและเมือกไคลของเพลงพิศวาสที่ต่างวัย..กำลังจะเริ่ม”ครั้งใหม่”เมื่อตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า!!