ศึกสองนางพญา ตอนที่ 11 ช่วยเหลือขุนทัพ

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 11 ช่วยเหลือขุนทัพ

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 11 ช่วยเหลือขุนทัพ

       ยามบ่าย อากาศร้อนอบอ้าว ชายฉกรรจ์บุคลิกงามสง่า ผู้หนึ่งจูงม้าไปผูกกับเสาไม้ข้างเหลาสุราแห่งหนึ่ง เขียนข้อความ “ขายม้า” ลงบนกระดาษ ติดอยู่บนเสาไม้ ตนเองนั่งกอดเข้าที่หน้าประตูเหลาสุราเฝ้ารอคอย

ชายฉกรรจ์ผู้นี้คำ อู๋ซันกุ้ย เป็นรองแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของหุงเฉิงโฉว ได้รับคำสั่งให้มาขอกำลังหนุนจากเมืองหลวง แต่เนื่องจากไม่มีทรัพย์สินมาติดสินบน ทำให้หุงเฉิงโฉวซึ่งควบคุมกองกำลังทหารอยู่จึงยึดยื้อ ไม่ยอมให้เข้าพบ อู๋ซันกุ้ยได้แต่รอคอยจนกระทั่งข่าวกองทัพแตกพ่าย เมืองที่รักษาไว้ถูกยึด ทำให้อู๋ซันกุ้ยบันดาลโทสะฆ่าคนของเฉาฮั่วฉุนทิ้ง แล้วหลบหนีมา

คนขัดสนเงินทาง ยากที่จะเดิน
ทางไกล อู๋ซันกุ้ยยามอับจนสิ้น หนทาง ได้ แต่ขายม้าแลกเงินทองแล้ว

ขณะนั่งคอยพลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังสิบสน ดรุณีสาวสะคราญโฉมสอง นาง คุ้มกัน เกี้ยงหรูหราคันหนึ่งผ่านมา
เกี้ยวหรูหราปล่อยม่านมิดชิด ใช้ชายฉกรรจ์สี่คนแบกหาม เมื่อมองลอดผ่านเกี้ยวเข้าไป เพียงเห็นภายในเกี้ยวนั่งไว้ด้วยเงาร่างอ้อนแอ้นสาย หนึ่ง

ขบวนเกี้ยวพอผ่านม้าขาวตัวนั้น สตรีในเกี้ยวพลันสั่ง ว่า
“เสียวเชี่ยน หยุดเกี้ยว”
ดรุณีงามหน้าเกี้ยวนางหนึ่งรับคำ สั่งให้เกี้ยวหยุดลง เร่งรุดถึงข้างเกี้ยว สอบถามว่า
“องค์หญิง มีเรื่องใด”
สตรีภายในเกี้ยวกล่าวว่า
“ม้าตัวนั้นงามสง่ายิ่ง เจ้าซื้อให้กับเรา”

ที่แท้สตรีในเกี้ยวเป็นองค์หญิงรองของฉุ งเจินโจวฮ่องเต้นามเจาเหยินกงจู้ ดรุณีที่หน้าเกี้ยวทั้งสองเป็นนางกำนัลคนสนิทนามเฟยจิ นเอ๋อและแนเสี่ยวเชี่ยนเอง
แนเสี่ยวเชี่ยนรับคำ เดินถึงข้างกายอู๋ซัน กุ้ย ร้องเรียกว่า
“นี่ ท่านใช่คิดขายม้าหรือไม่”
“อู๋ซันกุ้ยเงยหน้ากวาดมองนางแวบหนึ่ง กล่าวว่า
“ม้าของเราตัวนี้ไม่ขายให้กับท่าน”
แนเสี่ยวเชียนงงงันวูบ ถามโพล่งว่า
“เพราะเหตุใด”
“ม้าตัวนี้เป็นสหายเรากำนัลให้ ตอนนี้เราอับจนสิ้นหน ทางจึงคิดขายมัน มาตรว่าคิดขายก็ต้องเสาะหานายที่ดีให้”
“มิใช่ข้าพเจ้าต้องการซื้อม้า หากแต่เป็นคนในเกี้ยว ต้องการซื้อม้าท่าน”
“นายหญิงของท่านเป็นใคร เราต้องการพบนางค่อย พิจารณาว่าจะขายม้าให้หรือไม่”

เจาเหยินกงจู้ภายใจเกี้ยวได้ยินคำโต้ตอบ ของทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน พลันกล่าวว่า
“เสียวเชี่ยน เราได้ยินคำโต้ตอบของพวกเจ้าแล้ว คนผู้นี้โง่งมน่ารักยิ่ง นำมันมาพบเราเถอะ”
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวกับอู๋ซันกุ้ยว่า
“ตามข้าพเจ้ามา”

พลางหันกายไปก่อน อู๋ซันกุ้ยเพิ่งผุดลุก ขึ้น พลันได้ยินเสียงร้อง “ฆ่า” ดาบสองเล่มไขว้จู่โจมมาถึง
อู๋ซันกุ้ยใจหายวาบ ยกมือผลักกระแทกสภาวะดาบเบนเบือน สายตายามกวาดมองเห็นองครักษ์ชุดแดงจำนวนหนึ่งถืออาวุธ ครบมือฮือโหมมาถึง ดูจากเครื่องแต่งกายแสดงว่าเป็นองครักษ์พิทักษ์ตึก สังกัดเฉาฮั่วฉุน

อู๋ซันกุ้ยฝืนใจต่อสู้รับการกลุ้มรุมจาก เหล่าองครักษ์ สักครู่ก็ถูกหัวหน้าองครักษ์ถีบจนเซถลาลงกับพื้น ขณะกัดฟันลุกขึ้น หัวหน้าองครักษ์นั้นก็ ชักกระบี่โถมจู่โจมเข้ามา
อู๋ซันกุ้ยอดหยากสิ้นเรี่ยวแรง ได้แต่สลับเท้าถดถอย หัวหน้าองครักษ์กวาดกระบี่ตามติดก็ฟันใส่เท้าอู๋ซันกุ้ย เป็นบาดแผลโลหิตสายหนึ่ง
อู๋ซันกุ้ยรู้สึกปวดแปลบ หัวเข่าอ่อนระทวยไม่ สามารถทรงกายสืบไป ล้มฟุบลงบนพื้น

หัวหน้าองครักษ์นั้นตวัดกระบี่ขึ้น หมายปลิดชีวิตอู๋ซัน กุ้ยกับมือ

ทันใด เงาร่างอ้อนแอ้นสายหนึ่ง ม้วนตีลังกาเข้ามาดุจ นางแอ่นโฉบคลื่น รางไม่ทันตกพื้นก็ยื่นกระบี่ปราดออก เสียงเคร้งเมื่อต้านปะทะ สภาวะดาบของหัวหน้าองครักษ์ไว้พอดี
เงาร่างอ้อนแอ้นสายนั้นตวัดกระบี่ต้านปะทะ หยิบยืมพลังปะทะ หงายร่างตีลังกา ทิ้งตัวลงที่หน้าเกี้ยว ยามนั้นค่อยเห็นชัดตาว่า นางคือ เฟยจินเอ๋อเอง

เฟยจินเอ๋อพอทิ้งตัวลงก็ยกกระบี่ตั้งท่า ขณะเดียวกันแนเสี่ยว เชี่ยนก็ชักกระบี่ออกจากฝัก ดาหน้าเข้าหาองครักษ์ชุดแดงเหล่านั้น
อย่าได้ดูแคลนพวกเนางเป็นสตรี ทั้งยังมีกำลังน้อยกว่า ยามอยู่ในวงล้อมขององครักษ์ชุดแดง ยังโลดลิ่วดุจผีเสื้อล้อบุปผา ร่ายรำกระบี่ดั่งสายฟ้าคะนองฝน คุกคามเหล่าองครักษ์ชุดแดงแตกฮือไปคนทิศคนละทาง

เฟยจินเอ๋อสืบเท้าปราด ย่อตัวกวาดกระบี่ใส่ หัวหน้าองครักษ์รีบหงายหน้าตีลังกาหลบเลียง พอยืนหยัดมั่น ต้องร้องว่า
“พวกเนางเป็นคนขององค์หญิงเจาเหยิน พวกเราไป”
ขาดคำนำเหล่าองครักษ์ชุดแดงล่าถอยจากไป

แนเสี่ยวเชี่ยนกวาดตาไปยังอู๋ซันกุ้ยที่ สลบไสล ขณะ ไม่ทราบจัดการอย่างไร พลันเหลือบเห็นคนผู้หนึ่งแบกฟืนมัดผ่านมา ดังนั้นฉุกใจคิด ตวัดกระบี่จ่อใส่คนผู้นั้น บังคับให้มันทิ้งฟืนแบกอู๋ซันกุ้ยกลับวัง หลวงไป

………………………………………………………………………..

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าใด อู๋ซันกุ้ยค่อยฟื้นสติมา พอลืมตาขึ้น พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มหลังม่านมุ้งแพร สร้างความตื่นตระหนกจน พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง
อู๋ซันกุ้ยก้าวลงจากเตียงพอก้มศีรษะลงค่อย พบว่าตนเองได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อย พลันได้ยินเสียงผลัก ประตู ดรุณีสวมชุดเหลืองกับชุดครามเดินเคียงคู่เข้ามา อู๋ซันกุ้ยโพล่งว่า
“เราจดจำท่านออก ท่านเป็นหญิงรับใช้ที่ ติดต่อขอซื้อม้าจากเรา”
ดรุณีชุดครามยิ้มกล่าวว่า
“มิผิด ข้าพเจ้าเรียกว่าแนเสี่ยวเชี่ยน”
ดรุณีชุดเหลืองกล่าวเสริม
“ข้าพเจ้าเรียกว่าเฟยจินเอ๋อ”
“เราไฉนอยู่ที่นี่”
“ท่านสิ้นสติอยู่กลางถนน เป็นนายหญิงเราช่วยไว้”
“แต่เราล่วงเกินเฉาฮั่วฉุน เกรงว่าจะชักนำเภทภัยแก่ นายเหนือท่าน”
“นายหญิงเรากระทั่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ยังกริ่งเกรงนางอยู่ หลายส่วน นางเมื่อยื่นมือช่วยเหลือท่าน ท่านก็ไม่ต้องกังวลใจแล้ว”
“ไม่ทราบนายหญิงท่านเป็นใคร โปรดนำเราพบพาน อนุญาตเรากล่าวขอบคุณนาสักคำ”
เฟยจินเอ๋อหัวร่อพลางกล่าว
“ท่านต้องการพบนายหญิงเรา เกรงว่าไม่มีศักดิ์ศรี เพียงพอ”
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวเสริมขึ้น
“นี่ ท่านยังไม่ได้บอกว่าชื่ออะไร”
“เราเรียกว่าอู๋ซันกุ้ย”
“ดูท่านมีบุคลิกสูงสง่า ไฉนตกต่ำจนเร่ขายม้ากลาง ถนน”
“กล่าวไปยืดยาวยิ่ง ทุกประการล้วนสืบเนื่อง จากเฉาฮั่วฉุน”
“อย่างนั้นท่านรั้งอยู่ที่นี่เถอะ นายหญิงเราชิงชังเฉา ฮั่วฉุนที่สุด จะล้างแค้นให้กับท่านเอง”
เฟยจินเอ๋อกล่าวเสริมขึ้น
“รอสักครู่พวกเราจะใช้คนยกอาหารมาให้ท่าน รับประทาน นอก จากห้องนี้แล้วท่านอย่าได้วิ่งเพ่นพ่านวุ่นวาย”
กล่าวจบชักชวนกันล่าถอยออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูห้องลง

………………………………………………………………………..

Share the Post:

Related Posts

อีเปรี้ยวต้องโดนรุมเย็ด

อีเปรี้ยวต้องโดนรุมเย็ด

เรื่องเสียว อีเปรี้ยวต้องโดนรุมเย็ด เปรี้ยว เป็นหญิงสาวที่หน้าตาสระสวย เรียกได้ว่าในโรงงานนี้ หากเอาความสวยเพียว ๆ มาวัดกัน เธอไม่น่าจะเป็นที่สองรองใครเลยด้วยซ้ำ หากแต่ความเลวร้ายของเธอนั้นคือการที่ตัวเธอมีสันดานที่ไม่ค่อยจะสมกับหน้าตาสักเท่าไหร่ นั่นคือการที่เธอมั่วผผัวคนอื่นไปเรื่อย ๆ ด้วยตรรกะที่บอกว่า “ผัวใครก็ดูเอาเอง มาหากู กูก็เย็ดหมดนั่นแหละ” เพราะแบบนี้ มันจึงทำให้คนที่ดวงซวย หนึ่งในนั้นคือฝัน เพื่อนของผม

Read More
กลับดึก อยู่ก็ลึก เลยโดนเย็ดในซอยเปลี่ยว

กลับดึก อยู่ก็ลึก เลยโดนเย็ดในซอยเปลี่ยว

เรื่องเสียว กลับดึก อยู่ก็ลึก เลยโดนเย็ดในซอยเปลี่ยว ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าเรื่องเสียวจากประสบการณ์จริงที่ฉันจะเล่าให้ทุกคนได้อ่านนี้ มันไม่ได้มาจากความสมยอมค่ะ มันเกิดจากการโดนข่มขืน จากผู้ชายที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าเขาคนนั้นเป็นใครกันแน่ มันเป็นเรื่องราวที่น่าประหลาด ขนาดฉันเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงยังลืมเรื่องราวในคืนนั้นไม่ได้ ฉันเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านชนบม ไม่ได้หรูหรามาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นสลัม พอที่จะเรียกว่าเกือบจะเจริญประมาณนั้น งานที่นี่เลิกดึก แต่ก็แลกมากับเงินค่าแรงและทิปที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว อีกทั้งมันอยู่ห่างจากบ้านฉันแค่ห้าร้อยเมตรเอง เดินลัดไปที่ซอยดินเล็ก

Read More