แม่เลี้ยงของผม
เมื่อคุณพ่อเสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุนั้น ผมอายุเพียง 13 ปี แม้จะเติบโตพอที่จะเข้าใจถึงความสูญเสีย แต่เท่าที่จำได้ ผมไม่ได้เสียใจอะไรมากมายนัก ต่างกับคุณแม่ ที่ร้องไห้จนเป็นลมไปหลายครั้ง และแม้วันเวลาจะผ่านไปหลายปี ท่านก็มักจมอยู่ในภวังค์ ราวกับไม่อาจลืมเลือนวันเก่าๆ ของชีวิต อันที่จริงคุณแม่
คนนี้ไม่ได้เป็นแม่ที่แท้จริงของผมหรอกครับเป็นแม่เลี้ยง ของผม แต่ท่านได้เลี้ยงผมมาตั้งแต่ผมอายุ8ขวบ หลังจากคุณแม่ที่แท้จริงของผมได้เสียชีวิตและคุณพ่อได้มาแต่งงานใหม่กับคุณ แม่เลี้ยงนั่นเอง แต่ว่าเราผูกพันกันมากท่านรักผมมาก และผมก็รักท่านมากเหมือนกัน แม้ว่าคุณพ่อจะเสียชีวิตไปแล้วแต่คุณแม่ก็ไม่ยอมทิ้งผมไว้ตามลำพังเหมือนแม่ เลี้ยงทั่วไปยังส่งเสียผมได้เรียนต่อและรักผมเหมือนลูกท่านเหมือนเดิม ตอนคุณพ่อเสียชีวิตคุณแม่อายุเพียง 32 ปีเท่านั้น เมื่อประกอบกับรูปร่างหน้าตาระดับอดีตดาวมหาวิทยาลัย และตำแหน่งทางวิชาการนำหน้าชื่อ ท่านจึงเป็นที่หมายปองของเพื่อนร่วมงานทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้อง แต่คุณแม่กลับบอกกับผมในทุกครั้งที่โอกาสอำนวย ว่าในชีวิตครอบครัวของท่านมีผู้ชายเพียงคุณพ่อและตัวผมเท่านั้น ท่านไม่อยากจะปันใจไปรักใครอีก วันเวลาค่อยผ่านไปพร้อมกับร่างกายและจิตใจของผมที่เติบโตขึ้น เพียงอายุ 16 ปีผมก็สอบเทียบและเอนทรานซ์ติด แต่ได้คณะที่ไม่ชอบ จึงสละสิทธิ์ไป ผมบอกคุณแม่ว่าจะต้องเอนท์คณะที่ท่านสอนให้ได้ เพราะผมสนใจในด้านนั้น และอยากอยู่ใกล้ๆ กับคุณแม่ เมื่อพูดจบท่านก็รั้งผมเข้ามากอดและขยี้ศีรษะของผมด้วยกิริยาที่คุ้นเคย ซึ่งท่านมักจะทำเสมอเมื่อผมพูดอะไรถูกใจ ระหว่างที่จบมัธยมแล้ว และรอเวลาเอนทรานซ์ครั้งใหม่ผมกับคุณแม่ก็สนิทสนมกันยิ่งขึ้น เวลาเกือบทั้งหมดของท่านนอกเหนือจากการสอนนักศึกษาที่คณะ ก็หมดไปกับผม ทั้งการติวข้อสอบ การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยความสูง 180 เซนติเมตรและรูปร่างอย่างนักกีฬาของผม ประกอบกับความสูง 168 เซนต์ของคุณแม่ และใบหน้าที่สวยเข้มอ่อนกว่าวัยของท่าน ทำให้เราดูเหมือนพี่น้องกันมากกว่าแม่ลูก เมื่อไปไหนด้วยกัน และด้วยท่าทีสนิทสนม ผมเชื่อว่าหลายคนที่เห็น จะเข้าใจเอาว่าเราเป็นคู่รักเอาด้วยซ้ำ บ่อยครั้งที่คุณแม่ควงคู่กับผมไปงานเลี้ยง และหลายครั้งที่ผมร่วมดื่มกับเพื่อนพ้องของคุณแม่ กระทั่งต่อมา เมื่อพบว่าผมดื่มเก่งขึ้น บางครั้งคุณแม่ก็ชวนผมดื่มกับท่านที่บ้าน ซึ่งนอกจากแม่บ้านและคนสวน(ที่ปกติพักอยู่บ้านคุณตาคุณยาย)แล้ว ก็มีเพียงเราสองคนแม่ลูกเท่านั้น ในบ้านขนาด 4 ห้องนอนแล้ววันที่ผลเอนทรานซ์(ครั้งที่ 2 ในชีวิตของผม)ประกาศก็มาถึง… เมื่อพบว่าชื่อของผมติดอยู่ในรายชื่อคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกับที่คุณแม่สอน เราแม่ลูกก็กอดกันกลมอย่างไม่สนใจสายตาของใคร คุณแม่โทร.สั่งอาหารร้านโปรด 2-3 อย่าง ให้แพคกล่องเพื่อแวะรับกลับมาฉลองกัน 2 คนที่บ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านท่านก็ไล่ให้ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวมาทานอาหารที่มุมโปรดของ เรา ใบหน้าของคุณแม่ยิ้มแย้มอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาหลายปี เมื่อผมแยกเดินขึ้นมาชั้นบน ก็ได้ยินท่านร้องเพลงโปรดเบาๆ มาจากห้องเตรียมอาหาร เมื่อลงมาอีกครั้ง ผมก็พบว่าชั้นล่างของบ้านมืดสลัว และที่มุมโปรดของเรา มีคุณแม่นั่งรอผมอยู่แล้ว ในแสงเทียนวูบไหว ผมพบใบหน้างดงามของสตรีวัย 36 ยิ้มรับผมอยู่แล้ว เป็นใบหน้าและแววตาสวยซึ้งซึ่งผมไม่ได้พบเห็นมาหลายปี ดวงตาคมโตซึ่งมักเจือเศร้า และบางครั้งเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา ณ เวลานี้ ดูจะเปี่ยมเสน่ห์และชวนให้ลุ่มหลงอย่างบอกไม่ถูก บนโต๊ะนอกจากเทียนแท่งสวยและอาหาร 2-3 ชนิด ยังมีไวน์แดงขวดโตอยู่ด้วย เมื่อเห็นผมมอง คุณแม่ก็ยิ้มเศร้า พลางบอกว่าเป็นไวน์โปรดของคุณพ่อ ก่อนหัวเราะเบาๆ ขึ้น ราวจะสลัดภาพบางภาพออกไปจากความนึกคิด “วันนี้เราจะดื่มให้คุณพ่อกันจ้ะ…ดื่มเพื่อบอกว่าลูกชายของพ่อประสบความ สำเร็จอีกก้าวนึงแล้ว..” คุณแม่ยิ้มให้ผมอีกครั้ง พลางยกแก้วไวน์ของท่านขึ้น ให้กระทบกับแก้วของผมเบาๆ ในแสงเทียน และกลิ่นรสหอมอวลของไวน์ฝรั่งเศส เมื่อประกอบกับเสียงเพลงโปรดของคุณแม่ที่ดังมาจากเครื่องเสียง ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นมาอีกหลายปี และจะด้วยอะไรก็ไม่ทราบได้ ในสายตาของผมขณะนั้น ดูเหมือนคุณแม่จะสาวขึ้น และสวยขึ้นทุกขณะไวน์พร่องขวดไปมากแล้ว เมื่อเพลงในจังหวะที่คุณแม่ชอบดังขึ้น “บางอย่าง” ก็เชิญชวนให้ผมลุกขึ้นและก้าวไปหาท่าน เมื่อมือข้างหนึ่งสัมผัสมือ และมืออีกข้างของผมโอบกระชับอยู่กับกายของท่าน บางขณะ ในเสียงเพลงและจังหวะของความเคลื่อนไหว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มใหญ่ และกำลังลีลาศอยู่กับหญิงคนรัก ยิ่งเมื่อเพลงเปลี่ยนจังหวะเนิบช้าลง และโดยท่วงท่าของการเต้นรำ ทำให้ร่างกายของเราสัมผัสกันแนบชิดยิ่งขึ้น ด้วยอาภรณ์อันหลวมบางที่ผมสวมใส่ ดูเหมือนว่าผมจะสัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อและวิญญาณอันอุ่นร้อนของคุณแม่ ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในชุดผ้าไหมอันเบาบางเช่นเดียวกัน และบางครั้งดูราวกับว่าเราทั้งสองจะไม่ได้ระมัดระวังการกระทบสัมผัสซึ่งกัน และกันเอาเลย เมื่อไวน์ขวดที่ 2 เปิดได้ไม่นาน แก้มของคุณแม่ก็เป็นสีชมพูจัดอยู่ในแสงเทียน ดวงตากลมโตของท่านเริ่มหรี่ปรือจนดูหวานเยิ้มกว่าเวลาปกติ ยิ่งเมื่อท่านพยายามเพ่งมองมาที่ผมตรงๆ ก็ยิ่งงดงามชวนมองอย่างน่าพิศวง “คุณพ่อของลูกจะภาคภูมิใจ…” คุณแม่บอกย้ำกับผมบ่อยครั้ง ทั้งระหว่างเต้นรำและที่โต๊ะที่เราร่วมดื่ม กระทั่งเมื่อไวน์ขวดที่ 2 พร่องไปกว่าครึ่ง คุณแม่ก็ขอตัวไปพัก “ดื่มต่อไปก็ได้จ้ะ ถ้าหนูยังไหวและไม่ง่วง แต่แม่คงต้องไปพักแล้วละจ้ะ…” คุณแม่ลุกขึ้นและเซน้อยๆ ทำให้ผมต้องรีบเข้าไปประคองท่าน “ขอบคุณจ้ะ..หนุ่มน้อยของแม่” ท่านหัวเราะเบาๆ พลางจุ๊บผมที่แก้ม “แหม..คืนนี้หนักไปหน่อย..” ท่านบ่นกับตัวเอง แล้วกอดเอวผมไว้หลวมๆ ทำให้อกอวบเบียดกับสีข้างผมเบาๆ ผมประคองคุณแม่จนมาถึงห้องนอนของท่าน แล้วค่อยๆ ปล่อยท่านเอนลงไปบนที่นอนนุ่มหนา ระหว่างนั้นมือข้างหนึ่งก็สัมผัสกับอกอวบของท่านอย่างไม่ตั้งใจ สัมผัสนั้นคล้ายจะส่งผ่านความร้อนเข้ามาที่ใบหน้าของผม ก่อนที่จะแผ่ซ่านไปทั่วกาย ราวการกระทบกันของประจุไฟฟ้าต่างขั้ว ที่พร้อมจะก่อประกายวูบไหวเร่าร้อน แม้คุณแม่จะเอนนอนลงไปทั้งตัวแล้ว แต่มือของผมก็ยังอ้อยอิ่งอยู่กับอกข้างนั้น ไม่ทราบว่าด้วยความรู้สึกจากเบื้องลึก หรือเพราะอัลกอฮอล์จากไวน์กันแน่ ที่ทำให้ผมยังไล้อุ้งมือไปมาอย่างแผ่วเบาไม่อยากจากมา กระทั่งคุณแม่ที่กำลังหลับตาพริ้ม ใช้มือข้างหนึ่งของท่านมาจับมือข้างนั้นของผมไว้ พลางปรือตาขึ้นมามอง “พอแล้วจ้ะ..คนดีของแม่” พูดจบท่านก็รั้งมือผมไปจูบเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ในแสงสลัวของโคมไฟหัวเตียง เส้นผมอ่อนนุ่มของคุณแม่สยายอยู่บนหมอน ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอเล็กน้อย และอกอวบสะท้อนขึ้นลงตามลมหายใจที่ลึกและแรงขึ้น ภาพที่เห็นราวกับแม่เหล็กเปี่ยมพลังดึงดูด ทั้งรั้งไม่ให้ผมถอยห่าง และกระตุ้นเร้าให้กระทำการบางอย่างให้สมอารมณ์ปรารถนา ไม่ทราบว่านานแค่ไหน ที่ผมตะลึงมองและละล้าละลังอยู่ข้างเตียงขนาดใหญ่ของคุณแม่ ทราบแต่ว่า เมื่อผมตัดสินใจเด็ดขาดที่จะซุกไซ้จมูกลงไปบนเนินอกอวบขาวนั้น ลมหายใจกรุ่นกลิ่นไวน์ของคุณแม่ดูเหมือนจะลึกและสม่ำเสมอในลักษณะที่กำลัง หลับสนิท พร้อมกับการเฟ้นฟอนแผ่วเบา มือของผมก็เลื่อนไปปลดสายผ้าไหมเล็กๆ ที่ผูกรั้งอยู่ที่แผ่นหลังของท่าน ทันทีที่มันคลายปม ก็พบว่ามือของผมลูบไล้อยู่บนความนวลเนียนของแผ่นหลัง ขณะที่ยกทรงชนิดไร้สาย ซึ่งผนึกเป็นเนื้อเดียวกับชุดกลางคืนผ้าไหมเบาบาง ก็เริ่มเลื่อนหลุดต่ำลงมาจากการเฟ้นฟอนคลุกเคล้าด้วยริมฝีปากและจมูก เมื่อสัมผัสกับส่วนยอดของอกอวบที่กำลังเริ่มจะชูชัน ผมก็เริ่มเล็มไล้ด้วยปลายลิ้น สลับกับการดูดและขบเบาๆ เป็นระยะ มือข้างหนึ่งก็เริ่มลูบไล้ลงที่ส่วนล่าง พรางรั้งชายกระโปรงให้สูงขึ้น แทบจะทันทีที่ผมประกบฝ่ามือลงแนบกับเนินเนื้อโหนกนุ่มของคุณแม่ ก็ได้ยินท่านถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางขยับขาให้ถ่างกว้างขึ้น ส่วนแขนทั้งสองของท่าน ก็ตวัดโอบรัดผมและลูบไล้อยู่ไปมา แม้ขณะนั้นผมจะอายุไม่มากนัก แต่ก็เคยผ่านเรื่องรักกับเพื่อนวัยไล่เลี่ยกันมาแล้วไม่ใช่น้อย แต่จะด้วยเหตุใดก็ตามแต่ ผมได้พบขณะที่กำลังจับเนินเนื้อโหนกนูนของคุณแม่อยู่นั้นเอง ว่าเพื่อนหญิงมากหน้าหลายตาเหล่านั้น ไม่มีคนไหนที่จะให้ความรู้สึกดาลใจได้เท่ากับคุณแม่เลย เพียงขยับตัวไม่กี่ครั้ง ผมก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด ก่อนที่จะสอดนิ้วเข้าไปรั้งชั้นในลูกไม้เบาบางสีขาวออกจากลอนสะโพกผายกว้าง คุณแม่ แล้วค่อยรูดไปทางปลายเท้า ดูเหมือนว่าคุณแม่จะขยับตัวให้อยู่เป็นระยะ กระทั่งชั้นในตัวจิ๋วนั้นถูกผมถอดออกไปพ้นตัว และแล้วในแสงสลัวเรืองนั้นเอง เนินเนื้อโหนกนูนและรกเรื้อของคุณแม่ก็ปรากฏแก่ครรลองสายตาของผมอย่างแจ่ม ชัด แม้แสงจะไม่สว่างนัก แต่ผิวขาวผ่องของท่าน และระยะอันใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้ผมแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่ กับภาพที่กำลังประจักษ์ชัดแก่สายตา เพียงขยับให้ขาของท่านแบะถ่างออก ผมก็ซุกหน้าลงเกลือกกลิ้งกับเนินเนื้อนั้นอย่างดาลใจ ริมฝีปากและลิ้นทำหน้าที่ของมันไปพร้อมๆ กับจมูกที่โด่งเป็นสันของผม จากแคมอวบด้านนอกทั้งสองข้าง ผมเริ่มตวัดปลายลิ้นเล็มไล้ลึกลงไปสู่ร่องหลืบที่เริ่มชุ่มชื้น และทันทีที่ปลายลิ้นตวัดเลียไปถึงติ่งเนื้อที่เริ่มชูชัน ดูเหมือนคุณแม่จะสะดุ้งน้อยๆ พร้อมกับเริ่มส่ายร่อนความโหนกนูนรับสัมผัสไปพร้อมๆ กัน เสียงสูดปากเบาๆ ดังขึ้นราวกับท่านกำลังทานอาหารรสจัด มือทั้ง 2 ข้าง ถูกเลื่อนมาจับศีรษะและเส้นผมของผมขยี้ พลางรั้งให้เบียดสีกับเนินเนื้อของท่านแรงขึ้น เสียงหอบหายใจ ดูเหมือนจะยิ่งแรงขึ้น และดังขึ้นทุกที….. ถ้าหูไม่ฝาดดูเหมือนว่าผมจะได้ยินเสียงคุณแม่กระซิบชื่อคุณพ่ออยู่ 2-3 ครั้ง ท่านคงจะหลับสนิท และฝันว่ากำลังทำรักอยู่กับคุณพ่อ อย่างที่เคยทำเมื่อหลายปีก่อน ชั่วขณะนั้น ผมรู้สึกอิจฉาคุณพ่อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และคล้ายกับว่า “บางอย่าง” กำลังกระตุ้นเร้าให้ผม “แทนที่” คุณพ่อเสียให้ครบถ้วน เพื่อว่าคุณแม่จะได้ มีความสุข และหมดความโศกเศร้าที่เคยมี เพียงขยับตัวไม่กี่ครั้ง และด้วยเรี่ยวแรงของนักกีฬา ผมก็สามารถจับข้อมือของคุณแม่ตรึงไว้กับที่นอนได้ ท่านยังหลับตาดิ้นบิดตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยุดชะงัก เมื่อผมกระซิบเรียกท่านเบาๆ ด้วยกิริยาชะงักค้าง คุณแม่เบิกตากว้างมองหน้าผมนิ่ง พลางขยับตัวเหมือนจะตรวจสอบทบ ทวนอะไรบางอย่าง อาการดิ้นรนเมื่อครู่หยุดนิ่งไปไปเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก ผมค่อยๆ ปล่อยข้อมือท่านออก พลางขยับเอวให้ความเป็นชายบดเบียดกับเนินเนื้อของท่าน พร้อมกับก้มลงไปจูบคุณแม่ที่ซอกคอและติ่งหู แม้ว่าสัมผัสนั้นจะทำให้ขุมขนของท่านผุดพรายเป็นตุ่มไต แต่คุณแม่ก็ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งดันใบหน้าของผมออกไป เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่การผลักไสอย่างรุนแรงดังก่อนหน้านั้น และดูจะไม่ได้จริงจังอะไรนัก ใบหน้าของท่านก็เพียงเบือนออกห่าง ไม่ถึงกับจะดิ้นรนหนี “โอว…ตู่จ๋า…หนูจ๋า…นี่แม่นะลูก…” คุณแม่พูดเสียงแหบพร่า แต่ผมไม่ได้ตอบคำของท่าน เอวและสะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงและแรงขึ้น บางช่วงก็ถี่กระชั้น พลางซุกไซ้และเม้มติ่งหูของท่านเบาๆ “…ตู่จ๋า…ทำไมทำกับแม่อย่างนี้….อาห์…” เสียงคุณแม่ระบายลมหายใจออกจากปาก ก่อนจะสะท้านเยือกตามแรงกระแทกกระทั้น “ซี๊ดดด…ตู่จ๋า…โอว..ลูกแม่ นี่แม่ของหนูนะจ้ะ ทำไม… ทำไมต้องทำอย่างนี้….” แม้ว่าน้ำเสียงของคุณแม่จะแผ่วเครือ ฟังเหมือนเจือสะอื้น แต่แขนของท่านทั้ง 2 ข้างก็เริ่มจะตวัดโอบแผ่นหลังของผมเอาไว้ ส่วนล่างก็เริ่มที่จะขยับบดเบียดและแอ่นรับการกระแทกเป็นระยะๆ “อูย..ลูกจ๋า…” เสียงของคุณแม่ขาดเป็นห้วงๆ “แม่…แม่เสียวจังเลยจ้ะ” และเมื่อผมลองขยับรั้งชุดผ้าไหมของท่านจะให้หลุดไปทางศีรษะ คุณแม่ก็ขยับตัวถอดมันออกเสียเอง พอชุดนั้นหลุดออกไปท่านก็เบียดอกอวบเข้ากับแผ่นอกผมอย่างรุนแรงท่อนขากลม กลึงและแข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอของคุณแม่ตวัดขึ้นโอบสะโพก ของผม สลับกับการถีบดันพื้นที่นอนด้วยอาการแอ่นเกร็งเป็นระยะๆ เล็บของท่านจิกข่วนแผ่นหลังของผมเบาๆ สลับกับการลูบไล้ลงไปถึงสะโพกแข็งตึงและก้น ตลอดจนร่องก้นที่รกขนของผมเป้นระยะๆ และแล้ว คุณแม่ก็เลื่อนมือมาประคองใบหน้าของผมไว้ พลางประกบริมฝีปากอวบอิ่มของท่านกับริมฝีปากของผม ลิ้นอ่อนนุ่มและอุ่นชื้นถูกคุณแม่สอดเข้ามาในปากผมพลางตวัดไล้อย่างชำนิ ชำนาญ ต่อเมื่อผมเร่งการเคลื่อนไหวของท่อนเนื้อให้เร็วขึ้นและแรงขึ้น ท่านก็คลายริมฝีปากออก พลางสูดปากอย่างซ่านเสียว สองแขนกอดรัดรั้งร่างของผมบดเบียดกับอกท่านอย่างแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน “โอว….ตู่จ๋า…แม่เสียวจังเลยจ้ะ อาห์…ใจจะขาดแล้ววว ลูกจ๋า…ซี๊ดดดด…” ร่างของคุณแม่แอ่นเกร็งและกอดรัดผมอย่างลืมตัว “ลูกจ๋า…ผัวจ๋า…โอยยย เสียวอะไรอย่างนี้…” คุณแม่กระซิบขณะที่ภายในช่องทางรักบีบรัดท่อนเนื้อของผมแน่นกระทชับ และส่วนลึกตอดตุบๆ เป็นระยะ “อูว์…ซี้ดดด เมียทนไม่ไหวแล้วจ้ะผัวจ๋า….โอวววว ตู่จ๋า…” พร้อมกับอาการแอ่นเกร็งและกอดรัดอย่างแนบแน่นของคุณแม่ ความเสียวซ่านของผมก็ถึงขีดสุด น้ำรักจำนวนมากฉีดพ่นออกมาอย่างรุนแรง และพุ่งตรงเข้าไปสู่ปากมดลูกของคุณแม่ ท่านผวาเยือกกับแรงกระทบของๆ เหลวเหล่านั้น ขณะที่ระบายลมหายใจออกมาอย่างรุนแรง…. ผมซบอยู่กับอกอวบชื้นเหงื่อของคุณแม่ชั่วครู่ ก่อนจะขยับเลื่อนตัวขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากนุ่มหนา ท่านปล่อยให้ผมใช้ลิ้นไล้ควานอยู่ไม่นานนัก แล้วค่อยๆ เบือนหน้าหลบการจูบ พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งเกาะกุมมือของผม ที่กำลังเคล้นคลึงอกของท่านอย่างแผ่วเบา “พอก่อนเถอะจ้ะ…” ท่านกระซิบเสียงสั่น อกอวบสั่นสะท้านเมื่อเริ่มสะอื้น เมื่อจ้องมองใบหน้าของท่านตรงๆ ผมก็เห็นน้ำตาไหลรินเป็นสายเล็กๆ ที่หางตา ขนตาดกหนาเปียกชื้น มีรสเค็มน้อยๆ เมื่อผมจูบเบาๆ ด้วยริมฝีปาก ผมคลอเคลียจมูกและริมฝีปากกับแก้มอิ่มและติ่งหูของท่านไปมา จนคุณแม่สยิวกายน้อยๆ ขุมขนชูชันขึ้นเป็นระลอก “แม่เสียใจหรือครับ…” ผมกระซิบถามท่านเบาๆ พลางใช้ฟันหน้าขบติ่งหูของท่านแรงขึ้น ถึงตอนนี้หัวนมขนาดกำลังดีของคุณแม่ก็เริ่มแข็งเป็นไตขึ้นมาอีก ผมใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงหัวนมที่เคยดูดดื่มมาเมื่อครั้งเป็นทารก พลางขยี้เบาๆ ด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ “..แม่ไม่รักตู่แล้วหรือครับ…” ผมกระซิบถามท่านเสียงแผ่ว “แม่เป็นแม่ของหนูนะจ้ะลูก การมีอะไรกันแบบนี้มันไม่ดี…” คุณแม่ตอบเสียงเครือขณะเบือนหน้าหลบริมฝีปากของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ยอม พยายามรุกไล่จนริมฝีปากประกบกันได้อีกครั้ง เหมือนเช่นเคย เมื่อริมฝีปากประกบกันสนิทคุณแม่ก็เผยอริมฝีปากรับการจูบของผมด้วยดี ลิ้นของเราแม่ลูกไล้เลียกันอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะค่อยๆ เร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนลมหายใจของคุณแม่จะขาดห้วงอยู่เป็นระยะ และบางช่วงก็สูดลมหายใจแรงราวหอบเหนื่อย พร้อมๆ กับมือข้างหนึ่งของผมที่เริ่มลูบโลมไปถึงแผ่นหลังขาวเนียน ลอนตะโพก และลำขาวเรียวงามของคุณแม่ เจ้าท่อนเนื้อซึ่งเพิ่งคลายพิษ ก็กลับผงกหัวชูคอขึ้นมาในซอกหลืบอีกครั้ง ดูเหมือนคุณแม่จะสะดุ้งน้อยๆ กับความเปลี่ยนแปลงนั้น ก่อนที่จะเคลื่อนไหวสอดรับกับผมอย่างไม่ได้แข็งขืนเหมือนครั้งแรก ในครั้งนี้ดูคุณแม่จะลดความเครียดเกร็งและเขินอายลงไปไม่น้อย ปฏิกิริยาตอบสนองดูจะเป็นธรรมชาติ เนิบนาบสลับกับเร่าร้อนอยู่ในที ช่วงหนึ่ง ผมใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของท่านเอาไว้ แล้วจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของท่าน “แม่รักตู่รึเปล่าครับ…” ผมกระซิบถามและสบตา “ถ้าไม่รักจะยอมให้ทำอย่างนี้หรือจ้ะลูกจ๋า….” ท่านตอบเบาๆ แล้วเมินหลบไปด้วยความเอียงอาย ผมบดเบียดท่อนเนื้อให้เสียดสีกับผนังช่องคลอดของคุณแม่แรงขึ้น พลางกระเด้าเข้าออกแรงและเร็วขึ้น “โอววว…ตู่จ๋า….ดีจังเลยจ้ะลูก…” คุณแม่ระบายลมหายใจอย่างแรงแล้วกอดรัดผมจนแทบหายใจไม่ออก “ถ้าคุณแม่ชอบ คุณแม่ต้องให้ผมเย็ดอีกบ่อยๆ นะครับ…” ผมก้มลงไปกระซิบข้างหู ถ้อยคำตรงๆ แบบชาวบ้านๆ ทำเอาคุณแม่ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบรับคำเบาๆ “จ้ะตู่ แล้วแม่จะให้หนูทำบ่อยๆ …” ท่านสูดปากด้วยความเสียวซ่าน แต่ยังไม่กล้าพูดตรงๆ “ตอบสิครับ ว่าคุณแม่จะให้ตู่เย็ดคุณแม่อีก และให้เย็ดบ่อยๆ…” ผมกระซิบยิ้มๆ แวบหนึ่งที่สายตาของเราสบกัน ใบหน้าของคุณแม่ที่ผมเห็นดูเร่าร้อนเหลือเกิน แต่ในความเร่าร้อนนั้น ท่านก็ยังเอียงอายผมอยู่ไม่ใช่น้อย “จ้ะลูก แล้วแม่จะให้หนูยะ..เย็..ด แม่อีกบ่อยๆ..” ท่านตอบผมเสียงแผ่ว ขณะที่ภายในช่องคลอดบีบรัดและตอดตุบๆ อย่างรุนแรง ผมทราบดีว่าคำพูดตรงๆ อย่างนี้ช่วยกระตุ้นอารมณ์ของท่านเพิ่มขึ้นอีกไม่ใช่น้อย “โอ…คุณแม่ครับ รูคุณแม่ฟิตดีเหลือเกิน ข้างในก็ตอดจนผมเสียวแทบขาดใจ…” ผมปล่อยคำพูดที่ฝังใจอยากพูดออกไปอย่างพรั่งพรู และเสียวซ่านจนแทบทะลัก เมื่อท่านกระซิบราวกับละเมอตอบมาว่า “จ้ะ…ลูกจ๋า…ควยของลูกก็ใหญ่เหลือเกิน คับแน่นจนแม่เสียวซ่านไปหมดแล้ว” เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ถูกผมโหมลงไปอย่างลืมตาย เสียงของความฉ่ำเยิ้มดังเฉาะแฉะอยู่เป็นระยะ ด้วยว่าน้ำรักของครั้งที่แล้วยังเปียกเปรอะอยู่ในร่องรูของคุณแม่ “แรงๆ เลยจ้ะตู่จ๋า แรงๆ …เย็ดแม่ให้เต็มแรงเลยจ้ะลูกรัก…อาห์….ซี๊ดดดด!!!!…. ” เสียงคุณแม่กระซิบแหบพร่า และขาดหายไปเป็นห้วงๆ…..