ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 80

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 80

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 80 “ดอกไม้แห่งรักเบ่งบานที่เวียงละกอน!?” 

“แต้เนอะ…จากปิดเทอมกลางภาคจนถึงบะเดี่ยวนี้ก็ได้เวลาพอดีแต่เรื่องเฮียนของลูกจะว่าจะได?”
“หนูอู้กับอาจารย์เรียบร้อยแล้วค่ะ…บ่มีปัญหา”
“งั้นจะปิ๊กมาเมื่อใดและอยู่กี่วันฮือ?”
“เจ้าวันศุกร์นี้ค่ะแล้วก็จะอยู่สักสามวัน”
“อืม–…ปิ๊กวันจันทร์ละก่ะ?…ดีแล้วๆ…พวกหนูมาอยู่ฮื้อพ่อกับแม่หายกึ้ดเติงพ่อง”
“แต่
หนู…จะมาคนเดียวหนา”
“อ้าว!?…แล้วน้องเฮา…”
“ฝนต้องอยู่เฮียนค่ะ”
“บ่เอาอ่ะ!!!”
“!?”
“ลูกฝนบ่มาต้วยจะไปม่วนอะหยัง!?…หงึ!!…จะอี้แม่จะจวนใครเล่นต้วยหนา?”
“คุณแม่อู้แต้ๆหน่อยสิคะ!…จะมัวแต่เล่นม่วนได้จะได?”
“ฮื่อ~~”
“…………………………………………..”
“จะ…จ่วยบ่ได้สินะ…ลูกแคท”
“คะ?”
“แม่บ่ว่าอะหยังตี้ลูกจะปิ๊กมาฮ่วมงานบุญ 100 วันของอาจารย์แต่ขอฮื้อปาไผก่ได้มาเป็นเพื่อน”
“ฝนบ่ได้หรอกค่ะเพราะจั้นเฮียนของเธอมีกำหนดจะไปดูงานตี้ไร่องุ่นกับฟาร์มนกกระจอกเทศพอดี”
“บ่ฮู้ละ!!…แม่บ่อยากฮื้อแคทขับรถทางไกลตั๋วคนเดียวฉะนั้นจวนเพื่อนหรือไผสักคนตี้ว่างซะนะ”
“แคทบ่กึ้ดว่าจะมีไผสักคนนะคะ…อย่างพี่เซคต้องทำงานส่วนน้องม่อนก็เฮียนหนังสือ…บ่มีไผว่างมาต้วยแน่เลยค่ะ”
“บ่ใจ่แล้ว–…ก็ยังมีอยู่บ่ใจ่ก่า?”
“เอ๋?”
“คนที่ใกล้ตัวแคทนอกจากฝนน่ะ”
“คะ…คุณแม่หมายถึง…”
………………………………………………………………………………………………………………………

“ผมจะไปได้ยังไงในเมื่อขาก็ยังเข้าเฝือกอยู่?…นั่งในรถสามสี่ชั่วโมงคงไม่ไหวหรอกนะ”
“น่านะตัวเองถือว่าช่วยไปแทนเค้าหน่อยล่ะกัน–…ให้เจ๊ขับรถไปคนเดียวเค้ากับแม่เป็นห่วง”
“ไม่ต้องรบกวนใครก็ได้…พี่ไปคนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“เจ๊ขับรถเก่งหนูรู้แต่มีคนไปเป็นเพื่อนมันย่อมดีกว่าค่ะ…อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนคุยกันได้นิ?”
“……………………………………………”
“แล้วเวลาเรียนของตัวเองก็พอนี่ใช่มะ?”
“อืม–…ถ้าไปลากับอาจารย์ก็จะไม่นับว่าขาดเรียน”
“งั้นตกลงบอลไปกับพี่แคทนะ!!”
“…อา”
“ฟังน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ…ไม่อยากไปพี่ก็จะไม่ว่าไม่บังคับ”
“ผมจะไป…กะอีแค่ขาหักไม่ถึงตายสักนิด!!”
“ฉันจะคอยดูว่าทนได้ถึงครึ่งชั่วโมงหรือเปล่า?”
“เชอะ!!…อย่าสบประมาทกันนักเลยครับ”
“เอาอีกแล้วๆๆ…ยังไงกันนะคู่นี้!…จะไปรอดมั้ยเนี่ย?”
…แต่เอาเข้าจริงนั่งงอขาในรถนานๆคงไม่สะดวกแน่ยิ่งเฉพาะกำลังเดี้ยงอยู่ด้วย!?…หนอย~~…มาสบประมาทกันซะได้ว่าผมจะทนไม่ถึงครึ่งชั่วโมง…เออ!!…เดี๋ยวได้รู้กันแน่พี่สาวจอมหยิ่ง…
(และเราเองก็อยากจะไปเที่ยวบ้านของอาสนกับอานิภาตั้งนานแล้ว…ครั้งสุดท้ายที่ไปลำปาง…เอ่อ–…ชักจำไม่ได้แฮะว่าอายุเท่าไหร่)
“อาจจะฉุกละหุกนิดหน่อยเพราะพรุ่งนี้ก็ต้องไปแล้วแต่เค้าจะช่วยจัดของลงกระเป๋าให้เอง”
“งานทำบุญ 100 วันเหรอ?”
“อื้อ!!…เป็นอาจารย์ที่สอนเจ๊สมัยม.ต้นน่ะ…เสียเมื่อกลางเดือนตุลาปีที่แล้ว…เค้ายังไปวันเผาเลย”
“อ๋อ~~”
“แต่ตัวเองไม่ต้องไปหรอก…อยู่ที่บ้านก็พอ”
“แน่อยู่แล้ว…ขาฉันเดี้ยงอย่างนี้จะออกไปให้คนเขามองด้วยความสมเพชงั้นเรอะ?”
“แหม~~…ตัวเองก็พูดเกินไป”
“…พี่โทรบอกคุณแม่แล้ว”
“คงดีใจสุดๆที่บอลจะไปด้วย”
“เสียดายที่น้องไปไม่ได้ต่างหาก”
“เฮ้อ!!…ทำไมกำหนดดูงานจะต้องมาตรงกันด้วยน๊า?…เลื่อนออกไปสักวันสองวันก็ได้”
“งั้นไม่ไปดูงานสิ”
“อ๋า!?…ไม่ๆๆ…ฝนอยากไปมานานแล้วนะคะจะบอกให้!!!…อยากเห็นนกกระจอกเทศตัวเป็นๆ”
“เดี๋ยวมาช่วยพี่จัดของด้วย”
“ค่า~~”
“เออ!…แล้วน้องฝันล่ะจะว่ายังไง?”
“ให้เธอกลับโยนกประจิมไปก่อนน่าจะดี”
“นี่น้อง…จะอยู่คนเดียวหรือ?”
“เปล่า…ฝนกะว่าจะไปค้างที่บ้านพี่เซคจ้ะ”
(พี่แคทนิ่งไม่ตอบแสดงว่าเธอคงวางใจ…มันแปลกแต่ก็จริงน่ะนะที่พี่น้องคู่นี้แทบจะไม่ค่อยอยู่ห่างกันเลยตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว!?)
…………………………………………………………………………………………………………………………

…เจ็ดโมงครึ่งหลังจากไปส่งฝนที่คณะแล้วพี่แคทก็ขับรถพาผมกับน้องฝันมุ่งหน้าขึ้นสู่ภาคเหนือแต่ก่อนหน้านั้นต้องแวะรับอีกคนซึ่งนั่นคือพี่ม่อนโดยเธอจะกลับไปที่โยนกจัตุรัส…
“แถวๆนี้เหรอครับ?”
“…อืม”
“พี่ม่อนมาทำอะไรกัน?”
“ไม่รู้เหมือนกัน…พี่เซคบอกแต่ว่าให้ช่วยพาเธอไปส่งที่โยนกบูรพาด้วย”
“ฝัน…เจ้าเปลี่ยนไปนั่งเบาะหน้า”
“ว้าย!!”
“!!!”
(มะ…มาตั้งแต่เมื่อไหร่?…แล้วที่สำคัญประตูรถยังไม่ทันจะเปิดแต่สาวเจ้ากลับเข้ามานั่งแป้นแล้นตรงหว่างกลางเรากับน้องฝันเรียบร้อย!!!!)
“ตกใจอะไรกัน?”
“ใครไม่ตกใจก็บ้าแล้วครับ!!!!”
“กลับโยนกบูรพากะทันหันแสดงว่ามีธุระด่วนเหรอจ๊ะ?”
“ก็…มิใด้เร่งด่วนอะไรดอกเจ้าค่ะ”
“พี่แคท…นี่…นี่ไม่ตกใจบ้างเลยรึ?”
“ยิ่งกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว”
…รู้ดีว่าพี่หรือฝนน่ะสนิทชิดเชื้อกับคนประหลาดอย่างพี่ม่อนแต่ผมไม่ใช่นะ!!…น้องฝันเปลี่ยนไปนั่งเบาะหน้าโดยปล่อยให้ผมนั่งกับพี่ม่อนด้วยความรู้สึกหวาดระแวง…ให้ตายสิตั้งแต่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาผมก็เห็นเธอกระทำแต่เรื่องที่ไม่ปกติทั้งนั้นเลย!!!…
“ขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“…ไม่เป็นไรแล้วครับ”
“แต่เจ้าคงจะนั่งมิค่อยสะดวก…ยกขาขึ้นมา”
“ครับ?”
“เอาขาสองข้างพาดบนตักเรา…เจ้าจะได้นั่งเหยียดขาตรงได้”
“ผม…ไม่รบกวนพี่ม่อนหรอกครับ”
“อย่าขัดคำสั่งเรา!!”
(น่ากลัวเว้ย!!!)
“มาเบียดเบียนแย่งที่นั่งคนเจ็บก็สมควรจะช่วยอะไรบ้างมิใช่หรือ?”
…พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยแต่ผมก็ต้องทำตามที่ญาติสาวผู้พี่สั่ง(แล้วอย่าบ่นว่าหนักเชียวนะ!?)ฝ่ายพี่แคทเหลือบตาดูผ่านทางกระจกมองหลังทว่าไม่ได้พูดอะไรเพราะคงจะค้านพี่ม่อนไม่ได้เช่นกัน…
(เห็นเงียบๆแบบนี้ละน่าหวั่นใจที่สุดเพราะตามสถิติมันมักจะมีอะไรตามมาทุกครั้ง!?)
“……………………………………………”
(อืม–…พี่ม่อนนี่ยิ่งมองก็ยิ่งสวยจริงๆแฮะนับว่ารับเอามาจากป้าเอ็มในวัยสาวอย่างเต็มที่ซึ่งไม่ว่าจะพี่เซคหรืออ๋อมก็ยังไม่เทียบเท่า)
“……………………………………………”
(วา~~…ต่อให้หลับตาอยู่เจ้าหล่อนก็ยังดูหมดจดงดงามไร้ที่ติ…พูดตรงๆไม่อ้อมค้อม…ถ้ามายืนคู่กับพี่แคทแล้วให้ผู้ชายตัดสินว่าคนไหนจะสวยกว่ากันนั้นจะกลายเป็นความหนักใจอย่างที่สุด!!!!)
“?”
(หยึย~~…หันมามองเราแล้ว!!…ระ…รึว่าจะรู้ตัว?)
“อ้า!…ข้างในนี่ร้อนนะครับ?”
“พี่ว่ามันเย็นออก?”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ…ฝันว่ามิเห็นจะร้อนตรงไหนเลย”
“งะ…งั้นหรือ?…ผมหมายถึง…ข้างในขาที่เข้าเฝือกมันรู้สึกร้อนน่ะครับ”
(กลบเกลื่อนไม่ค่อยแนบเนียนแต่ดูพี่ม่อนจะไม่สงสัยนะเพราะเธอยังนั่งเงียบ…งั้นก็มาชำเลืองดูกันต่อ)
“……………………………………………”
(สาวเจ้าผิวขาวหมดจดวัย 21 สูงไล่เลี่ยอ๋อมแต่รูปร่างเพรียวบางกว่ามือไม้ดูอ้อนแอ้นไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงไว้ทรงผมบ๊อบที่ปลายด้านหลังยาวไม่เท่ากันคือฝั่งซ้ายจะสั้นกว่าฝั่งขวาประมาณสอง-สามนิ้วซึ่งนับว่าแปลกจากพี่น้องคนอื่น)
“อื้ม!!…อะแฮ่มๆ”
“คอแห้งหรือเจ้าคะ?”
“ขอ…น้ำสักแก้วสิ”
“เจ้าค่ะ”
(ค่อยยังชั่วหน่อย…มองสาวสวยมากไปมั้งคอเลยแห้ง?…อือ–…พอลองสังเกตทรวดทรงองค์เอวสองสามรอบ…หุ่นนางแบบดีๆนี่เองแม่เจ้าประคุณเอ๋ยและยิ่งนุ่งกระโปรงสั้นด้วยแล้ว!!!…เรียวขาอ่อนปลีน่องขาวๆของพี่ม่อนจึงเป็นอาวุธทำลายล้างที่มีอานุภาพร้ายแรงมากสำหรับผู้ชายทุกคน)
“น้องม่อนกินข้าวเช้ามาหรือยังจ๊ะ?”
“ยังเจ้าค่ะ”
“พอถึงทางแยกเลี้ยวขวาไปทองแสนขันจะมีร้านอาหารอร่อยอยู่…เดี๋ยวเราไปกินที่นั่นล่ะกัน”
(โอ้!!…รู้ใจดีมากเราเองก็นึกหิวพอดีเลยเพราะเมื่อเช้าดื่มกาแฟมาแค่แก้วเดียว)
“ที่นี่เหรอครับ?…อึ๊บ!!…ไม้ค้ำๆ”
(ลำบากวุ้ย!!!…ปกติใช้ไม้ค้ำก็ยักแย่ยักยันพอทนนี่นั่งในรถด้วย…พี่แคทคงจะทนดูความทุเรศของเราไม่ได้เลยมาช่วยพยุง)
“…โอบไหล่พี่สิ”
“ขอบคุณครับ…หืม~~…หอมจัง!!”
“เดี๋ยวก็ปล่อยทิ้งซะตรงนี้หรอก!!”
“โธ่~~…ชมนิดชมหน่อยก็ไม่ได้!”
“มันใช่เวลาหรือ?”
“พี่ม่อนก็ไม่ช่วยกันมั่งเล้ย!!!…รถจอดปุ๊บก็ลุกเดินลิ่วตัวปลิวไปคนเดียว”
“แค่ให้พาดขาบนตักก็นับว่าโชคดีมากแล้ว…อย่าหวังอะไรให้มากเลยและทีหลังห้ามไปมองเธอชนิดไม่วางตาอย่างนั้นอีก…มันเสียมารยาทนะรู้ไหม?”
“พี่แคทรู้!?”
“หากน้องม่อนไม่พอใจขึ้นมาเธอจะโดนสะกดจิตเอาง่ายๆ…เบาะๆก็ประสาทหลอนชั่วคราวแต่ถ้าหนักก็อาจกลายเป็นบ้า”
“เอ่อ–…พี่แคทก็อย่าพูดนะครับ”
“…สายไปแล้ว”
“ฮึย!!!”
“ขนาดพี่ยังรู้แล้วทำไมเจ้าตัวจะไม่รู้ล่ะแต่คงเพราะเห็นบอลยังเจ็บอยู่ถึงไม่เอาเรื่อง!?…ต่อไปก็ให้ระวังหน่อย”
“คร้าบ~~”
“น้องม่อนกับน้องฝันจะกินอะไร?”
“ข้าวกระเพราเนื้อเจ้าค่ะ”
“ฝันขอ…ข้าวผัดพริกแกงไก่…เอาเผ็ดปานกลางเจ้าค่ะ”
“บอลล่ะ?”
“เอาเหมือนพี่ก็ได้ครับ”
“อืม–”
“เอ๊ะนั่น?”
“?”
“บอลไม่ใช่เหรอ?”
“เธอคือ…”
“จำไม่ได้เหรอจ๊ะ?…ฉันชื่อโสเพื่อนของบุศไง”
“อ๋อ~~…ใช่ๆๆ…โสระยานั่นเอง!!”
(แต่ว่าเพื่อนร่วมชั้นปีเดียวกับบุศมาทำอะไรแถวนี้?)
…………………………………………………………………………………………………………………………………..

…สาเหตุที่โสระยาเพื่อนสนิทที่สุดของบุศมาอยู่ที่นี่คือเธอเพิ่งนั่งรถกลับจากจังหวัดแพร่บ้านเกิด…ได้ยินหญิงสาวเล่าว่ากลับไปร่วมงานแต่งงานของญาติผู้พี่แล้วร้านอาหารนี้ก็เคยแวะมากินหลายครั้ง…
“โสดีใจจริงๆค่ะที่วันนี้มีโอกาสได้พบคุณหนูศรมุกดาและได้รับเกียรติให้ร่วมโต๊ะด้วย”
“…………………………………………..”
“เพราะพี่น้องเจ็ดคนโสก็ได้พบหรือเห็นหน้าทั้งหมดแล้วโดยเฉพาะพี่แคทกับบอลที่เจอกันบ่อยๆ”
“เจ้านี่ช่างพูดช่างจาดีนะแลยังทักเราถูกด้วย…เคยเห็นเรามาก่อนอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เคยหรอกค่ะ…โสได้ยินจากคนอื่นอีกทีแล้วพอเห็นก็เลยรู้ทันทีว่าลักษณะนี้ใช่คุณหนูแน่ๆ”
“เจ้าคือเพื่อนสนิทของบุศยา?”
“ค่ะ…แต่…”
“?”
“พวกเราก็ใช่ว่าจะชอบหรือเห็นด้วยกันไปซะทุกเรื่องอย่างเช่น…ที่เกี่ยวกับบอล”
“ผมเหรอ?”
“บุศมีความทะเยอทะยานมากเกินไป…เธอต้องการจะสมหวังในทุกๆสิ่งจนบางครั้งไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น”
(โสระยาคงจะหมายถึงตำแหน่งนายหญิงคนต่อไปของวิษณุมนตรี)
“แต่ไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะได้ในสิ่งตัวเองหวังตลอดไป”
“พี่แคทพูดถูกที่สุดค่ะ”
“รวมถึงตัวเธอด้วยหรือเปล่า?”
“โสเหรอคะ?”
“……………………………………………..”
(ฮืม!!…ไม่ถามตรงเกินไปหน่อยเรอะพี่?)
“แน่นอนค่ะ!!!…โสจะไม่ปฏิเสธถ้าโอกาสมันมาเคาะถึงหน้าประตู”
“!?”
“ได้ยินชัดไหมเล่า?…เจ้าหนุ่มเสน่ห์แรง”
“พะ…พี่ม่อนอย่าเพิ่งเข้าใจผิด!!…ผมกับโสไม่ได้…”
“ฮะๆๆๆ…โสไม่ทรยศเพื่อนหรอกค่ะและเมื่อกี้เป็นแค่การยกตัวอย่างเฉยๆ”
“แต่ออกมาจากใจเลยใช่มั้ย?”
“พี่แคทและคุณหนูศรมุกดาคะ…โสจะไม่เข้าไปร่วมแก่งแย่งเพื่อช่วงชิงหัวใจของบอลหรือแสดงอะไรออกมากจนเกินงามแต่ถ้า…”
“ถ้า…”
“บอลทอดไมตรีมาให้ก็เป็นอีกเรื่อง”
(สีหน้าของพี่แคทเปลี่ยนไปทันทีและเราไม่อยากนึกเลยว่าถ้าฝนมาได้ยินเข้าแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ?)
“อือ–…ถึงเวลาที่โสต้องไปแล้ว…บอลจ๊ะ”
“ครับ?”
“เธอน่ะเป็นที่กล่าวขานในหมู่ผู้หญิงมาตั้งแต่ปีหนึ่ง…ที่คณะของโสก็ด้วย…คนที่อยากคุยกับเธอมีอยู่แทบทุกชั้นปีเลยนะจะบอกให้”
(ขะ…ขนาดนั้นเลยรึ!?)
“แม้ตอนนี้จะต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดินเพราะขาเข้าเฝือกแต่บอลก็ยังดูดีอยู่…คงจะ…ติดอันดับหนึ่งในสิบหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัยแน่ๆส่วนคุณศรมุกดา…”
“?”
“ดีแล้วล่ะค่ะที่ไม่ได้เรียนที่เดียวกันเพราะผู้หญิงเกือบทั้งมหาวิทยาลัยจะพากันเกลียดคุณเหมือนพี่แคท”
“………………………………………….”
“หึ!…ผู้หญิงคนนี้ปากกล้าดีนะเจ้าคะท่านพี่สุรีย์พรรณ…น้องอยากจะเห็นร่างกายทุกส่วนของเธอถูกพันธนาการขยับมิได้ดังใจสักครั้งหนึ่ง…ภาพนั้นคงจะน่าดูเป็นแน่”
(ที่…ที่แท้ก็อาฆาตเขาอยู่นี่หว่า!?)
“พี่ว่าคงเอาคืนที่น้องม่อนว่าเธอเป็นคนช่างพูดนั่นแหละ”
“นับว่าบุศยามีเพื่อนที่มิเลวเลยเทียว”
“ไปกันเถอะจ้ะ…เดี๋ยวจะสายเกิน”
“น้องขอเวลาสักครู่เจ้าค่ะ”
“?”
“เอกคเชนทร์…เรามีบางอย่างจะพูดกับเจ้าเพียงลำพัง…ตามมา”
“เอ่อ…”
“ไม้ค้ำนั่นจงใช้ให้เป็นประโยชน์”
(โธ่เว้ย!!…ถ้าร่างกายยังปกติอยู่จะไม่บ่นไม่ว่าเลยสักคำ)
……………………………………………………………………………………………………………………….

“คุยอะไรกับน้องม่อน?”
“อ้าว!?…ยอมเปิดปากพูดกับผมแล้วเหรอ?”
“ทำไมพี่จะไม่พูดหึ?”
“ก็ผมนึกว่าพี่แคทงอนอยู่ซะอีก”
“อย่าใช้คำนั้นกับฉันได้ไหมแล้วตกลงจะพูดหรือไม่พูด?”
“ผมว่าพี่ดูหงุดหงิดมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ร้านอาหารนะครับ?”
“…………………………………………”
“แล้วจนป่านนี้ก็ยังไม่หายโกรธผมด้วย”
“รู้ดีจังนะ?”
“แหม~~…พอส่งพี่ม่อนกับน้องฝันที่โยนกจัตุรัสแล้วพี่ก็บังคับให้ผมมานั่งเบาะหน้า…อย่างนี้จะให้เรียกว่าอะไร?”
“ไหนคุยนักหนาว่านั่งรถได้ไม่มีปัญหาไง?…ถ้านั่งเหยียดขาที่เบาะหลังก็จะสบายไปสักหน่อย”
“พี่แคท”
“อะไร?”
“เพราะโสพูดแบบนั้นพี่เลยหึงผมใช่ม๊า?”
“อยากสลบเหมือดไปจนถึงลำปางสินะ?…หา?”
“เอ้ย!!!…ไม่ๆๆ”
“พี่จะนับหนึ่งถึงสาม…เล่ามาให้ฟังเดี๋ยวนี้”
“แล้ว…พี่หึงผมจริงป่ะ?”
“หนึ่ง!!…สอง!!!”
“หวา~~…เล่าแล้วครับๆ”
…แก้มสองข้างของญาติสาวผู้พี่แดงอย่างนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าโกรธจริงๆหรือกำลังอายอยู่กันแน่แต่ท่าทางจะเป็นไปตามที่พี่ม่อนพูด…ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วซึ่งผมจะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้…
(“พี่ม่อน…เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไร?”
“ยังจะต้องให้เราพูดซ้ำอีกกระนั้นรึ?”
“คือ…ผม…ผมไม่เชื่อ…คุณสันต์น่ะเหรอครับ?”
“สำหรับท่านพี่สุรีย์พรรณแล้วนายตำรวจผู้อาภัพคนนั้น…จะให้เอ่ยออกมากันตรงๆก็คือ…เขาเป็นเพียงตัวแทนของใครบางคนเท่านั้น…ใช่…มันผิดจากความคิดของคนส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง”
“ใครบางคนที่ว่า…ใช่พี่เอ้หรือเปล่า?”
“…ท่านพี่สุริยาวรรณน่ะหรือ?…อึ๊!…พรืด~~…”
(พี่ม่อนป้องปากหัวเราะเบาๆ!?…คำถามของเรามันน่าขำตรงไหน?)
“…ความสัมพันธ์ของ…เขากับท่านพี่สุรีย์พรรณนั้นแตกต่างจากกรณีของเจ้า”
“แตกต่างยังไงครับ?”
“เจ้ายังมิสมควรรู้ในเวลานี้ดอกแลหาใช่ประเด็นที่เรากำลังจะสนทนากับเจ้าด้วย”
“………………………………………….”
“เอกคเชนทร์…เจ้าจงเอาหัวใจของท่านพี่สุรีย์พรรณมาซะเถิดเพราะนางมิอาจจะเป็นของชายอื่นได้อีกแล้วนอกจากเจ้า”
“!!!!!”)
“น้องม่อนพูด…จริงหรือ?”
“ครับ…พี่คิดว่ายังไง?”
“จะไปรู้เรอะ?”
“!?”
(เราถามดีๆไม่เห็นต้องเสียงดังเลย…ฮึ้ย!?…หน้าสาวเจ้าแดงก่ำถึงขนาดนั้น…มี…มีเงื่อนงำแน่นอน!!!)
“…ไหนบอกจะไม่พูด?…ม่อนคุง~~”
“เมื่อกี้พี่ว่าไงนะครับ?”
(ม่อนคุง!?)
“ไม่ว่าไง!!”
“ใช่หรือ?”
“อย่าสงสัยมากนัก!!”
“………………………………………..”
“………………………………………..”
“อืม–”
“นี่!…จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของเธออีกห๊ะ?”
“เอ๊า~~…แล้วมาทุบขาผมทำไม?”
“พี่จะเปลี่ยนเกียร์แต่มือมันพลาด”
…โถแม่คุณคนสวยเห็นผมเป็นเด็กอนุบาลหรือไง?…เกียร์ห่างจากขาผมเป็นไหนๆแล้วก็ “ยกทุบ” กับ “เอื้อมจับ” น่ะมันคนละเรื่องเดียวกันเลยจ้ะ!!!…
(สรุปคือจงใจทุบเราแก้เขินชัดๆเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี)
“พี่แคทจ๋า~~”
“………………………………………..?”
“หันมาสบตาพูดกับผมหน่อยซี่!!”
“…อะไร~~…ขับรถอยู่นะ?”
“ตอนนี้หัวใจพี่ยังว่างอยู่ใช่มั้ย?”
“………………………………………..”
“จริงเปล่าครับ?”
“ถามอะไรไม่เข้าท่า!!”
“โอเคๆ…งั้นผมจะถามอย่างอื่นล่ะกัน”
“?”
“พี่ม่อนไม่ยอมตอบว่าพี่แคทมองคุณสันต์เป็นตัวแทนของใคร?”
“…ไม่…พูดรึ?”
“ครับ…ผมถามกี่ครั้งเธอก็ไม่บอกเอาแต่ยืนกอดอกมองภูเขาไกลลิบๆอย่างเดียวเลย”
“……………………………………….”
(พี่แคทเงียบไปนานซึ่งผมก็ไม่กล้าซักต่อ…อือ–…บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันใดแฮะ!?…ชวนคุยเรื่องอื่นที่มันสนุกกว่านี้ดีกว่ามั้งนะ?)
“…พี่ผิดต่อเขา”
“ครับ?”
“คุณสันต์เป็นผู้ชายที่ดีมากแต่พี่กลับไม่อาจตอบแทนความรักที่เขามอบให้…แม้จะพยายามสักเท่าไหร่พี่ก็ทำไม่ได้”
(ที่แท้พี่แคทก็ไม่ได้รักคุณสันต์อย่างที่เคยว่าไว้งั้นคำพูดของพี่ม่อนก็เป็นความจริงน่ะสิ!?)
“ภายนอกคนอื่นอาจเห็นว่าพวกเราคบหาเป็นแฟนกันแต่ความจริง…มันไม่ใช่หรอกนะ”
“เอ๊ะ?…แต่พี่เคยบอกว่าพี่กับคุณสันต์…มี…อะไรกันแล้ว”
“…มันไม่เกี่ยวกับว่าจะรักกันหรือไม่ก็เหมือนกรณีของเธอไม่ใช่หรือ?”
(แต่เราว่าพี่แคทไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นแน่อีกอย่างเท่าที่ฟังๆดูแล้วมันยังมีอะไรขัดแย้งกันอยู่อีก…อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น)
“พี่แคทบอกว่าผิดต่อคุณสันต์”
“ทำไม?”
“นอกจากเศร้าโศกต่อการจากไปแล้วพี่ก็ยัง…ระ…หรือว่า…นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่พี่ไม่ยอมคบหาใครเลยตลอดห้าปีเพราะไม่ใช่ว่าเข็ดต่อความรักและไม่ใช่กลัวการสูญเสียแต่เป็นเหตุผลที่ว่าพี่รู้สึกผิดต่อคุณสันต์…หมายความว่าหัวใจของพี่มีใครอื่นอยู่ก่อนแล้วใช่มั้ยครับ?”
“หุบปาก!!!…อย่าสู่รู้ทำตัวฉลาดนักเลย”
“ผม…ผมจะไม่มีสิทธิ์รู้บ้างเหรอ?”
“ไม่!!…เธอไม่มีวันเข้าใจ…ไม่มีวัน!!!”
“…………………………………………”
“…ขอโทษ…พี่พูดแรงไปหน่อย”
(ไม่…เราไม่โกรธพี่แคทเลยสักนิดแต่ตรงกันข้ามกลับเห็นใจเธอมากกว่า)
“น้องม่อนยังบอกอะไรเธออีก…พูดมาให้หมด”
“ทีตัวเองไม่ให้รู้…”
“หนึ่ง!!…สอง!!!…”
“เอ้ย!!…เอาอีกละ?”
“พูดมา–”
“เอาใจยากจัง~~…ก็…ไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ…นอกจาก…”
(“จากการที่เจ้ารอดชีวิตครั้งนี้ก็คงจะสัมผัสได้นะว่าเนื้อแท้แล้วท่านพี่สุรีย์พรรณเป็นคนเช่นไร?”
“ผมรู้ดีทีเดียวครับและการทำเป็นเคืองพี่แคทต่อหน้าคนอื่นก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง”
“ใช่แล้ว…แบบนั้นล่ะ…ท่านพี่สุรีย์พรรณน่ะใจดีกว่าเราหรือท่านพี่มากมายนักเช่นนั้นเจ้าจงดูแลนางให้ดีๆเถิด”)
“จะดูแลพี่รึ?…หึ!…ตัวเองน่ะเอาให้รอดก่อนเถอะ”
“พอล่ะๆ…วกมาเรื่องนี้ทีไรก็ทะเลาะกันทุกที”
“ว่าแต่น้องม่อน…อุตส่าห์ขอร้องแล้วเชียวนะว่าไม่ให้พูด…เจอกันอีกทีจะจับตีก้นซะเลย!!”
“โห~~…งั้นตอนจะตีช่วยบอกผมด้วยนะครับ”
(เพราะสาวสวยขนาดนั้นถูกตีก้นคงเป็นภาพที่น่าดูชมมากๆ)
“ทะลึ่ง!!”
“เอ๋!?…ทะลึ่งตรงไหนครับ?”
“ห้ามถามและก็นั่งเงียบๆ…วันนี้เธอกวนประสาทฉันมากเกินไปแล้วนะ!!!”
…ไม่พูดเปล่าแต่กำหมัดซ้ายขึ้นมาขู่ซะด้วย!?…เฮ้อ~~…ผมชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าพี่แคทนี่ใจดีกว่าพี่ม่อนหรือพี่เซคแน่หรือเปล่าเพราะหมู่นี้เอะอะก็จะต่อยท่าเดียวเลย?…
“หิวหรือยัง?”
“……………………………………………..”
“พี่ถามว่าหิวมั้ยทำไมไม่ตอบ?”
“ก็พี่สั่งให้ผมห้ามถามและก็นั่งเงียบๆไม่ใช่เรอะ?”
“…สงสัยวันนี้ฉันคงได้ต่อยหน้าคนกวนประสาท”
“หิวคร้าบ~~…หิวมาก!!…หิวจนอยากจะหอมแก้มใครสักคนข้างๆแล้วเนี่ย?”
“เดี๋ยวเหอะ!!”
“หึๆๆ…พี่ต่อยผมไม่ลงหรอกน่า–”
“ทำไมพี่จะต่อยคนทะลึ่งอย่างเธอไม่ลงยะ?”
“เพราะพี่แคทใจดีที่สุดไงล่ะ”
“…เจ้าคน…บ้า!”
(อา–…เอ่ยคำว่าบ้าด้วยเสียงที่แผ่วเบา…ค่อยยังชั่วที่เจ้าหล่อนยิ้มออกมาได้บ้าง…บรรยากาศอย่างนี้แหละที่เราชอบ)
“เอ่อ–…เราถึงไหนแล้วครับ?”
“แถวตำบลป่าเซ่าอำเภอเมืองอุตรดิตถ์…อีกสองกิโลจะมีร้านอาหารอร่อยๆอยู่ทางซ้ายมือ…พี่จะพาบอลไปกิน”
“จะอร่อยสักขนาดไหนหนอ?”
“ก็ขนาดที่ว่าต้องแวะทุกครั้งที่เดินทางผ่าน”
“โอ้!!…ชื่อร้านอะไรครับ?”
“ลมโชย…อาหารจานร้อน”
(อื้อหือ?…ฟังชื่อแล้วพยาธิในท้องเริ่มมีการเคลื่อนไหวขึ้นมาโดยพลัน!!!)
……………………………………………………………………………………………………………………………………

“คิดจะลงไหมคะพ่อรูปหล่อ?…มัวแต่มองกันอยู่ได้”
“วันนี้พี่สวยจัง”
“ประสาท…แล้ววันอื่นไม่สวยหรือไงหึ?”
“เปล่า~~”
“ถ้าเธอจีบสาวแล้วช่วยให้ท้องอิ่มได้พี่จะไม่ว่าเลย…ยังอีก!…ข้าวจะกินมั้ย?…พี่ไม่แวะจอดที่ไหนแล้วนะ”
“อย่าเร่งนักสิจ๊ะคนสวย…อึ๊บ~~…อุ๊บ!!”
“กดน้ำหนักไปที่ขาข้างนั้นทำไมล่ะ?…แน่ะ!!…จับอะไรของเธอ?”
“เผอิญ…มือมันไปโดนครับ”
(แค่ลูบบั้นท้ายเบาๆยังจะรู้ตัวอีก)
“งั้นหมัดพี่ก็จะเผลอไปโดนคางเธอเหมือนกัน”
“อู๊ย…”
“เป็นคนมือไวไม่ดีหรอกนะรู้ไหม?…ผู้ชายไร้เสน่ห์”
“นี่!…ผมไร้เสน่ห์ตรงไหนกันเหรอช่วยบอกหน่อยสิครับ?”
“เชิญคิดเอาเอง”
…ได้ยินพี่แคทพูดหลายครั้งจนผมเริ่มไม่มั่นใจตัวเองแล้ว…ไม่อยากจะบอกว่าหลงตัวเองหรอกนะแต่ถ้าผมไร้เสน่ห์จริงก็ไม่น่ามีผู้หญิงมาติดพันหลายคนแบบนี้นี่นา?…ไม่เข้าใจจริงๆ…
“อ้าวหนูแคท!?…เชิญจ้าๆ”
“เขารู้จักพี่ด้วย?”
“ก็บอกแล้วว่ามาบ่อย”
“คนนี้คือ…”
“ผมคือแฟนของแคทครับ”
“หา?”
“อ๋อ!!…เป็นแฟนหนูแคทนี่เอง…นั่งเลยๆๆ…เอาแก้วเปล่ามาสองใบเร็ว!!!”
“เธอพูดอะไรออกไปน่ะ?”
“แหม~~…แล้วทีพี่ว่าผมเป็นผู้ชายไร้เสน่ห์ล่ะ?”
“เหมือนกันซะที่ไหน~~…ห๊ะ!”
“อ๊าว!!!”
“มีอะไรกันหรือจ๊ะ?”
“เปล่าค่ะไม่มีอะไร…ใช่ไหมคะแฟนสุดหล่อของแคท?”
“ชะ…ใช่ครับ!!…มด…คงมีมดตัวใหญ่กัดผม…อู๊ว~~”
“ฮิๆๆ…หนุ่มๆสาวๆก็แบบนี้แหละ…หนูแคทเอาชุดสำรับอย่างทุกทีไหม?”
“ค่ะ”
“พี่แคทหยิกซะแรงเลย~~…โห!…เนื้อผมเขียวช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย?”
“สม!!”
…ญาติสาวผู้พี่สะบัดผมหันหน้าไปอีกทางแต่รู้สึกว่าเธอกำลังเหล่ตาดูอยู่…นี่เพราะเชื่อพี่ม่อนหรอกนะผมถึงทำตามที่หล่อนแนะนำ…
(“ท่านพี่สุรีย์พรรณนิยมชมชอบบุคคลที่ปากตรงกับใจ…เอกคเชนทร์เอย–…หากเจ้ารู้สึกเช่นไรก็จงบอกนางออกไปเช่นนั้น”
“งั้นถ้าอย่างผมจะชมพี่แคทว่าสวยล่ะครับ?”
“นั่นเป็นความจริงอย่างมิต้องสงสัย…เจ้าจงลองดูเถิด…บางทีนางอาจจะชอบก็ได้…หึๆ”)
“ฮึ!!…แต่รอยยิ้มสุดท้ายนั่นน่าสงสัยมากกว่าเป็นสิบเท่า”
“ยังนั่งยิ้มกลัดมันอะไรอยู่คนเดียวยะ?”
“ผมเปล่านะครับ!!…กลัดมันอะไรกัน?”
“ก็เมื่อกี้ยังแอบจับตูดพี่เลย”
“ไม่…ไม่ใช่แอบจับ…นั่นแค่ลูบเฉยๆ”
“อีกสักผัวะดีมั้ย?”
“หวา!!…เอ้อ!!!…พี่…พี่แคทจ๋า~~…ใจเย็นๆก่อน…เขายกสำรับมาแล้ว”
“ดีสิก็ที่นี่เขามีน้ำพริกด้วยนะ…ถ้าโดนชกปากสักทีคงจะกินอร่อยขึ้นเยอะ”
“อึ๋ย~~”
…ไม่เห็นพี่แคทจะชอบเลยสักนิด!?…โธ่เอ๊ย!!…ถ้าวันไหนพี่ม่อนโดนตีก้นนะผมจะขอไปนั่งดูใกล้ๆชนิดติดขอบเลยเชียวคอยดูเหอะแม่ตัวดี!!!…
(หืม?…มีเบอร์ที่ไม่ได้รับ 1 สาย…คุณตะวันอัสดง)
“โทรกลับมาตอนไหนหว่า?”
“?”
(“อ่า–…ผมขอพูดสายคุณตะวันอัสดงครับ”
“…โปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ”
(คงจะเป็นแฟนคุณตะวันอัสดงล่ะมั้งแต่ผู้หญิงคนนี้น้ำเสียงหวานจับใจไพเราะเสนาะหูชะมัดเลย!?)
“……………………………………….”
“ขออภัยเจ้าค่ะ…เพลานี้คุณตะวันอัสดงออกไปธุระข้างนอก…มิทราบว่าคุณเป็นใครแลจะฝากข้อความไว้หรือเปล่าเจ้าคะ?”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ…ไม่เป็นไร”)
“…ใคร?”
“เพื่อนน่ะครับ…โอ๊ะ!?…เป็นผู้ชายนะครับไม่ใช่ผู้หญิงแน่นอน”
“เพื่อนก็เพื่อนสิ…จะบอกพี่ว่าเป็นชายหรือหญิงทำไมมิทราบ?”
“ผมกลัวพี่แคทจะหึง…โอ๊ย!!!”
“ฝันไปเถอะย่ะ!!”
“มีอะไรเหรอคะ?”
“มะ…มด…มดมันกัดผมอีกแล้วครับ!!…อูย~~”
“ไปนั่งตรงข้ามดีกว่าเพราะไม่รู้จะโดนแต๊ะอั๋งอะไรอีกมั่ง”
“ซีดส~~…มือหนักไม่เปลี่ยน”
…แม่มดสาวพราวเสน่ห์นั่งท้าวแก้มเอียงศีรษะแสดงสีหน้าเฉยเมยไม่รู้ไม่ชี้แต่พอลูกจ้างร้านหันกลับไปหลังเอาสำรับอาหารมาเสริฟ์ก็แผลงฤทธิ์ทันทีด้วยการขยิบตาขวาพลางแลบลิ้นให้ผม…ทั้งเจ็บตัวทั้งเจ็บใจ(?)แต่ก็โกรธไม่ลงเลย…
“รู้งี้ไม่น่าแค่จับก้น!!”
“เหรอ~~…น่าเสียดายนะ?”
(ต้องเอาคืนให้ได้เชียวคอยดูเหอะ!!!)
………………………………………………………………………………………………………………………..

“จงอย่าสนเท่ห์อีกเลยเอกคเชนทร์…ดอกไม้แห่งรักจักเบ่งบานที่เวียงละกอนอย่างแน่แท้”
“………………………………………….”
“แต่…ที่เรานั่งรถมาก็ให้รู้สึกว่ามิได้มีเพียงสี่คน…เรามั่นใจว่ายังมีผู้อื่นอยู่ในรถของท่านพี่สุรีย์พรรณด้วย…จะคิดมากไปเองหรือเปล่านะ?”
“เหตุใดมาถึงที่นี่แล้วจึงมิเข้าไปในบ้านสักหน่อยเล่า?”
“!?”
“คิก!”
“ท่าน!!!”
“หายากเหลือเกินที่น้องนางศรมุกดาจักมิรู้สึกตนว่ามีใครเข้ามาอยู่ใกล้ๆ…ต้องมีเรื่องครุ่นคิดอยู่เป็นแน่เทียว…ใช่ไหมจ๊ะ?”
“ปะ…ปกติท่าน…มิค่อยจะ…”
“นานๆทีจ้ะ…ว่าแต่ที่น้องนางศรมุกดาเอ่ยเมื่อสักครู่…พี่ชักสนใจใคร่รู้ซะแล้ว”
“…น้องหมายความถึงท่านพี่สุรีย์พรรณกับเอกคเชนทร์เจ้าค่ะ”
“อือ–…น่าเสียดายมิใช่หรือ?”
“?”
“แลเดิมทีทางผู้ใหญ่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะให้เอกคเชนทร์กับน้องนางศรมุกดาเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน”
“เราทั้งสองคงมิใช่เนื้อคู่กันเจ้าค่ะแลน้องก็มิอยากเข้าไปสอดแทรกให้ท่านพี่สุรีย์พรรณลำบากใจ”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณเองก็ยึดติดกับญาติผู้น้องคนนี้มากเกินไป…สัญญาแต่วัยเยาว์กลับกลายมาเป็นเชือกผูกมัดมิให้ตนเองปันใจต่อชายอื่นได้อีก…ผู้หมวดสันต์ช่างเป็นบุคคลที่น่าเห็นใจยิ่งนัก”
“สัญญาแต่วัยเยาว์…จริงสินะ”
“?”
(“บอลนี่บ้าชะมัด!!!”
“ทำไมหรือเจ้าคะ?”
“ก็วันนี้เขาขอพี่แต่งงานน่ะสิ”
“สมแล้วที่ท่านพี่สั่งห้ามมิให้พวกเราไปเล่นกับเขา…ท่านพี่สุรีย์พรรณได้ตอบไปว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“ก็…”
“………………………………………….”
“…ตัดรำคาญพี่ก็เลยตอบตกลง”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณ…สัญญานั่นมิสมควรจะยึดถือจริงจังนะเจ้าคะ”
“………………………………………….”
“เพราะเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่…”
“พี่รู้ว่าม่อนจะบอกอะไรแต่ไม่เห็นจะต้องคิดมากเลยนี่”
“น้องเตือนเพราะเป็นห่วง…”
“ถ้าถึงตอนนั้นต่างคนต่างมีคนที่ชอบสัญญาในวันนี้ก็ยกเลิกกันไป…จริงไหมล่ะ?”)
“แววตาของท่านพี่สุรีย์พรรณในวันนั้นมีความกังวลแลความเศร้าแอบแฝงอยู่ด้วย”
“เช่นนั้นหรือ?”
“เอกคเชนทร์เป็นบุรุษที่ใช้มิได้…นอกจากท่านพี่สุรีย์พรรณแล้วเขาก็ยังมีสัญญากับน้องนางหยาดฝน,ศรบุษราคัม,น้องนางศรโกเมนที่ยังอ่อนวัยก็หายกเว้นไม่อีกทั้งยังใจเร็วด่วนได้…”
“หมายถึงคุณศกุนตลากับคุณสาวิตรี…อืม–…น่าฆ่าให้ตายไปเสียจริงๆนะจ๊ะ…น้องนางศรมุกดาเห็นด้วยไหม?”
“หากมิใช่ผู้ชายที่อยู่ในใจท่านพี่สุรีย์พรรณมาตั้งแต่วัยเยาว์แล้วไซร้…น้องนี่แหละจะเป็นผู้ลงมือสังหารเขาด้วยตนเอง!!!”
“อา–…แต่จะว่าไปพี่ก็เสียดายเอกคเชนทร์เช่นกันนะ…หากได้มาอยู่ข้างกายสักคืนคงจะดีมิใช่น้อย”
“เป็นสตรีมิสมควรเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกมาเจ้าค่ะ!!”
“ฮุๆ…น้องนางศรมุกดายังเข้มงวดเหมือนเดิมเลย”
“น้องมีอะไรจะถามท่านพี่…หืม?”
“ได้เวลาเข้าบ้านกันแล้วขอรับ…ท่านแม่กำลังรออยู่”
“…ท่านพี่สุริยาวรรณ!?”
“ไปกันเถิด…ท่านแม่เตรียมของว่างด้วยตนเองเชียว”
“เอกคเชนทร์รึ?…ให้คิดอีกกี่ทีก็น่าเสียดายแต่น้องนางหยาดฝนนั้นก็หวงมิใช่เบาเทียว”
“รู้สึกเขาจะโทรศัพท์มาเมื่อครู่ใหญ่นี้”
“ฮะๆ…คงจะสงสัยล่ะกระมัง?…มิแน่ว่าอาจรู้ความจริงแล้วก็เป็นได้…อืม–…เขาต้องแปลกใจแน่เลยว่าหญิงสาวที่ไหนกำลังสนทนาด้วย”
“มิ…มิทราบว่ามีอะไรกันหรือเจ้าคะ?…น้องมิเข้าใจ”
“นั่นสิขอรับ…หึๆ”
“ถ้าน้องนางศรมุกดาอยากทราบเช่นนั้นเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่าจ้ะ…พี่จะเล่าให้ฟังอย่างมิปิดบัง”
………………………………………………………………………………………………………………………………….

“เกือบถูกป้าศรมุกดาเห็นแล้ว!!!”
“เป็นไปไม่ได้แน่นอนเพราะสัมผัสที่หกของนางยังไม่สูงพอจะมองเห็นผู้มีกายละเอียดเช่นพวกเรา”
“แต่มองมาทางหนูด้วยนะพี่!?”
(“?”
“อ้า!…ข้างในนี่ร้อนนะครับ?”
“พี่ว่ามันเย็นออก?”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ…ฝันว่ามิเห็นจะร้อนตรงไหนเลย”
“งะ…งั้นหรือ?…ผมหมายถึง…ข้างในขาที่เข้าเฝือกมันรู้สึกร้อนน่ะครับ”)
“หนูก็นั่งอยู่บนตักแท้ๆยังจะมองหญิงอื่นไม่วางตา…คอยดูนะคอยดู!!…หนูจะฟ้องแม่ฝน”
“…ไม่เกรงใจคุณแม่ด้วย…ขาเจ็บแล้วยังไม่สำนึกทั้งที่อุตส่าห์ช่วย”
“สรุปคือป้าศรมุกดาไม่ได้สนว่าถูกมองแต่รู้สึกถึงพวกเรา?”
“ใช่…แค่รู้สึกว่ามีอะไรแต่มองไม่เห็นต่อให้ใช้พลังจิตแทนตาเนื้อก็ตาม”
“น่ากลัวจริงๆเลยเป็นมนุษย์แต่กลับมีสัมผัสที่หกไม่ธรรมดาขนาดรับรู้ถึงการมีอยู่ของเราทั้งสองได้…พี่รีย์”
“?”
“อชินีสุราลัยยังไม่หายโกรธน้องหรือคะ?”
“ทำไม?”
“ก็น้องชวนไปท่องเที่ยวเมืองเขลางค์นครด้วยกันแต่นางกลับปฏิเสธแล้วยังดุน้องอีกแน่ะ”
“ไม่ใช่เลย…นางคงเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไป”
“อยากจะอยู่ใกล้ๆแม่เท่านั้น…ฮื่อ…แต่โอกาสอย่างนี้หาได้ง่ายๆเมื่อไหร่กันคะ?”
“ที่จริงน้องก็ไม่จำเป็นต้องมาเหมือนกัน”
“อ้าว?”
“เพราะครั้งนี้เกี่ยวกับคุณพ่อกับคุณแม่ของพี่ไม่ใช่คุณแม่ของน้อง”
“ไม่รู้ล่ะ!!!…หนูไม่อยากอยู่ทะเลาะกับอชินีสุราลัยและที่เขลางค์นครก็มีใครบางคนที่หนูต้องการพบด้วย”
“…หมายถึง…คุณยาย?…น้องกับคุณแม่หยาดฝนรับเอานิสัยมาจากท่านมากทีเดียว”
“ฮิๆๆ…อยากเจอเร็วๆจัง”
“ดอกไม้แห่งความรักความห่วงหาอาทรที่ค่อยๆผลิช่อออกกลีบในหัวใจของคุณพ่อคุณแม่ทีละเล็กละน้อยมานานหลายปีและมันจะไปเบ่งบานเต็มที่ ณ ยังเมืองเขลางค์นคร”
“พี่รีย์ดูมีความสุขมากนะจ๊ะ?”
“ก็คงเหมือนคุณแม่เวลานี้…ภายนอกอาจจะดูมึนตึงเย็นชาแต่ภายในจิตใจนั้นทั้งรักทั้งห่วงคุณพ่อยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด”
“ใช่…เหมือนพี่ที่สุด…อยากจะพบพ่อใจแทบขาดแต่ก็…”
“ริน!!”
“ค่าๆ”
“บางครั้งรู้อะไรแล้วไม่พูดออกมาซะจะดีกว่า”
“ฮี่ๆๆ…เออพี่รีย์!!…ไว้กลับไปนะหนูจะเล่าให้อชินีสุราลัยฟังอย่างละเอียดทุกเม็ดจนนางต้องร้องให้ออกมาด้วยความเสียดายเชียว!!!”
“ไม่เอาน่า–…เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกหรอก”
“ก็ชวนแล้วอยากไม่มาเองนี่ช่วยไม่ได้!!!…ฮ่าๆๆๆ…ลมเย็น…ลมเย็นๆๆๆ”
“อย่าเสียงดังนักจะได้ไหม?…ทำตัวเป็นเด็กน้อยไปได้”
“เอ๋!?…ตอนนี้เราก็เป็นเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“เฮ้อ~~”
………………………………………………………………………………………………………………………….

“พ่อ?”
“เมื่อกี้แก…เห็นเด็กมั้ย?”
“ตรงไหนครับ?”
“บนหลังคารถเก๋งคันสีขาวที่วิ่งผ่านไปเมื่อกี้น่ะ”
“หา!!!…เด็กอยู่บนหลังคารถที่กำลังวิ่งอยู่เนี่ยนะครับ?”
“เออ!!…เด็กสองคนไง”
“ผมว่าพ่อตาฝาดแล้วล่ะอีกอย่างพ่อแม่ที่ปล่อยให้เด็กขึ้นไปอยู่บนหลังคารถตอนที่วิ่งอยู่นี่แย่และน่าด่าสุดๆเลยครับจะบอกให้!!!!”
“ตกลงว่าแกไม่เห็น?”
“ผมไม่เห็นอะไรเลยสักนิด…พ่อต้องตาฝาดไปแน่ๆ”
“ไอ้หนู!!…พ่อบวชเรียนมาเกือบสิบพรรษานั่งสมาธิวิปัสสนาและก็รักษาศีลห้าเคร่งครัดมาจนถึงทุกวันนี้…แกคิดว่าพ่อจะเป็นคนแก่ตาฝ้าฟางขนาดแยกแยะอะไรไม่ออกเชียวหรือ?”
“แต่…”
“เอ้าๆๆ…เอาเป็นว่าพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อแต่พ่อขอยืนยันว่าเมื่อกี้เห็นเด็กผู้หญิงสองคนนั่งอยู่บนหลังคารถคันนั้นจริงๆแม้จะแค่ชั่วขณะหนึ่งก็เถอะ”
“…………………………………………….”
……………………………………………………………………………………………………………………………..

…ตัวอย่างในตอนหน้า…ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 81 “ลาก่อน!?”

“ก่อนจะเข้าบ้าน…มีอยู่ที่หนึ่งที่พี่อยากพาบอลไป…ช่วยไปด้วยกันหน่อยนะ”
“แม่คิดว่าน่าจะถึงเร็วกว่านี้แต่ที่ช้าไปเกือบสองชั่วโมงนี่…มีอะไรกันเหรอ?”
“วันนี้อานิภาเข้าเวรกลางคืน…มะ…หมายความว่า…ผมจะได้อยู่กับพี่แคทแค่สองคนรึ?”
“ถ้าตัวเองกล้านอกใจเค้าล่ะก็…เจอดีแน่!!!”
“ศรเพทายมันบอกว่าพวกตากับยายน่ะสมควรอยู่อย่างสงบและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ซะที”
“หลานสาวคนโตของแกชักจะเอาใหญ่ขึ้นทุกวัน…เดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่เห็นแก่หัวหงอกหัวดำแล้ว!!!”
“หาตัวช่วยที่มันดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือยังไงหือน้องรักของพี่?”
“หากท่านยังพูดมิรู้เรื่องอีกเช่นนั้นจะมาหาว่าฉันใจร้ายมิได้!!”
“นีย์…เธอรู้ไหมว่าการพรากลูกพรากพ่อนี่มันบาปกรรมแค่ไหน?…ยังไงวันนี้ผมก็จะพบลูกเอ้ให้ได้!!!!”
…………………………………………………………………………………………………………

Share the Post:

Related Posts

วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่

เรื่องเสียว วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่ วันนี้ละอองฟองถูกเรียกเข้าไปในห้องของหัวหน้าอีกแล้ว เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำอะไร ในเมื่อหน้าที่การงานของเธอนั้นไม่ได้ทำมันออกมาดีเหมือนที่เธอคิด แต่เธอไม่ได้ต้องการออกจากบริษัทแห่งนี้ ละองงฟองพยายามที่จะเข้ามาอ้อนวอนคุณภพ หัวหน้าของเธอ บอกกับเขาว่าเธอจะพยายาม ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ได้ เธอยอมทุก ๆ อย่าง…และใช่ เรื่องเสียวคือเรื่องเสียวที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคุณภพ วันนี้งานเหนื่อยทั้งวัน ละอองฟองยังคงต้องแก้งานมากมายในเวลานี้ ซึ่งมันไม่ได้น้อยเลย แต่เมื่อมันเสร็จแล้ว ก็ยังต้องมาสรุปรวบยอดใหม่ งานทุก

Read More

ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เรื่องเสียว ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มจูบกันแล้วครับ จะบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหหลังจากนี้ไม่รู้ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเราต่างฝ่ายต่างมีความต้องการซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เราเงี่ยน เราอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น เรื่องเสียวกลายเป็นเรื่องราวยอดฮิตสำหรับคนรุ่นนี้แล้ว และผมเองก็ไม่อยากจะอายเพื่อน เพราะต้องยอมรับว่าตัวเองยังซิงอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะเรียนจบมอปลายแล้วแท้ ๆ ดังนั้น ในวันที่ผมไปปดูหนังกับแฟนของผมรุ่นน้องมอห้า เธอก็ชวนให้ผมไปนั่งเล่นที่บ้านของเธอก่อน

Read More