ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 29

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 29

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 29 “รักร้อนๆจากน้องสาว!!!!…บททดสอบจิตว้าวุ่น!?” 

(“โบ ว์ เคยพูดแบบทีเล่นทีจริงว่ากำลังนิยมชมชอบผู้ชายคนหนึ่ง…บุศตื่นเต้นมากก็ เลยรีบถามกลับว่าจริงๆเหรอ?…เขาเป็นคนนิสัยยังไง?,อยู่ที่ไหน?,ชื่ออะไร ?,ยังเรียนหรือทำงานแล้ว?,อายุเท่าไหร่?…พามาให้รู้จักบ้างสิ”
“…………………………………………”
“ซึ่ง ที่ถามไปทั้งหมดเธอไม่ตอบแต่บอกว่าเขามีอา
ยุมากกว่าและตัวเองเพียงแค่แอบ ชื่นชมในใจเท่านั้นไม่กล้าคิดเป็นอื่น…ฉันอาจจะเซ้าซี้มากเกินไปล่ะ มั้งโบว์จึงไม่ยอมปริปากพูดเรื่องนี้อีก?”
“เคยสังหรณ์ใจมั้ยว่าจะเป็นผม?”
“สาบานนะคะ…ไม่เลยสักนิด!!!”
“…………………………………………”
“ทั้ง ที่น้องของเราเป็นเพื่อนสนิทกันแท้ๆแต่บุศสมควรจะเอะใจได้ตั้งแต่แรกว่าทำไม โบว์ถึงไม่ยอมพาคนที่ตัวเองชอบมาเที่ยวบ้านซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้ห้ามโดย เด็ดขาดหรือจะเข้มงวดอะไรนักหรอกค่ะ”
“เพราะเธอเชื่อฟังบุศมาก”
“แต่ สารภาพออกมาแล้วค่ะคือโบว์กลัวพี่สาวอย่างฉันจะแย่งคนรักไปซึ่งความคิดแบบ เด็กๆนี่แหละที่ทำให้คุณรับประโยชน์เต็มๆ…บุศไม่น่าเซ่อเลย…ก็เธออยู่ โรงเรียนหญิงล้วนแล้วจะไปมีโอกาสพบเจอหนุ่มที่ไหนกันนอกจากพี่ชายของเพื่อน สนิท?…ช่างตลกร้ายเหลือเกินที่เราสองคนเอาแต่คลาดกันไปคลาดกันมา”
…คือ… ช่วยตัดสินให้หน่อยสิว่านี่ผมเก่งกาจขนาดสามารถคั่วทั้งพี่ทั้งน้องได้โดย พวกเธอต่างไม่รู้ว่ากำลังมีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายคนเดียวกันหรือผมโง่ที่ไม่ รู้ว่าพวกเธอเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน?…มันเป็นอย่างไหนแน่!!!?…
“เวลาโบว์หลับนี่อย่างกับเด็กตัวน้อยๆนะคะ?”
“อืม–”
…เพราะ ความอ่อนเพลียจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายหนึ่งหญิงสองจึงทำให้เด็กหญิงบุ ศลาวัลย์นอนหลับใหลอิงแอบข้างกายผม…ไม่ต้องบอกก็รู้จากสีหน้าของเธอว่ามี ความสุขกายสบายใจมากขนาดไหน…
“เมื่อบุศได้รู้ความจริงทุกอย่างแล้วว่า ฉันเป็นผู้ชายจอมเจ้าชู้รวมทั้งทำลายน้องสาวสุดที่รักด้วย…เธอจะทำยัง ไง?…จะเฉดหัวฉันทิ้งเลยก็ได้นะเพราะสิ่งที่ฉันกระทำลงไปน่ะมันก็เลวร้าย ไม่แพ้…ไม่สิ…เลวทรามต่ำช้ายิ่งกว่าแฟนเก่าของเธอไม่รู้กี่เท่าต่อกี่ เท่า”
“เลิก?”
“ใช่”
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ”
…หญิงสาวได้ฟังผมพูดจบก็หัวเราะเสียงดังก่อนลุกไปหยิบเสื้อคลุมสวมใส่…
“คุณ นี่ช่างพูดง่ายซะเหลือเกิน…คิดหรือคะว่าบุศจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆ?…ไม่มี ทางอย่างเด็ดขาดแต่บุศจะยิ่งเหนี่ยวรั้งคุณไว้ให้แน่นหนาขึ้นกว่าเดิมอีก หลายเท่าล่ะสิไม่ว่า!!!”
“ทะ…ทำไม?…ผมไม่มีอะไรคู่ควรกับบุศและไม่มีคุณค่าดีพอสำหรับโบว์เลยนะ!!”
“เอาอะไรมาพูดคะ?…คุณนั่นแหละที่คู่ควรกับพวกเราพี่น้องอย่างที่สุดแล้ว”
“…………………………………………..”
“มัน เป็นเรื่องที่น่ายินดีซะมากกว่าค่ะที่นอกจากบุศแล้วโบว์ก็ยังเป็นของคุณอีก คนหนึ่งเพราะเท่านี้คุณก็ไม่อาจทอดทิ้งเราสองพี่น้องได้มิหนำซ้ำคุณยังต้อง ยกให้บุศยากับบุศลาวัลย์มีความสำคัญเทียบเท่าศกุนตลาและสาวิตรี”
“มัน…มันเป็นไปไม่…”
“ต้อง ได้สิคะเอกคเชนทร์ วิษณุมนตรีเพราะบุศยา สว่างศิลป์คนนี้รู้จักนิสัยของคุณดีว่าไม่มีทางนิ่งดูดายกับเพศตรง ข้าม…ตัวอย่างก็มีให้เห็น…สาวกับเก๋นั่นไง”
“………………………………………….”
“ต่อไปพวกเราจะไม่ยอมน้อยหน้าพี่น้องคู่นั้นอีก…คุณเคยรู้บ้างมั้ยคะว่าศกุนตลากับสาวิตรีน่ะไม่เป็นที่ยอมรับของ?…”
“พอได้แล้ว!!…ยังไงก็ตาม…ที่บุศเรียกผมที่นี่ก็เพื่อล่อให้ตกบ่วงหลุมพราง…ใช้เสน่ห์ล่อหลอกจนผมหลงกลอย่างจังทีเดียวนะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ…บุศเพียงอยากพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเอง…แล้วตลอดเวลาที่อยู่กับเราสองคนบอลก็มีความสุขดีนี่นา”
“พิสูจน์อะไร?”
“ว่าคุณกับโบว์จะมีสัมพันธ์รักกันจริงหรือเปล่า?”
…เพราะ ตัณหาความใคร่มันบดบังตาผมจึงไม่รู้เท่าทันแผนการของบุศยาที่หวังใช้น้องสาว ร่วมสายเลือดผูกมัดและบีบบังคับผมให้แน่นหนามากขึ้นไปอีก…
“พี่บอล”
“โบว์…”
…ลืมตาตื่นเพราะเสียงของผมดังขึ้นน่ะสิ…
“หนูไม่ผิดใช่มั้ยที่รักพี่บอล?…แม้พี่จะมีคนรักอยู่แล้วแต่หนูก็ไม่อาจตัดใจได้…ไม่มีทางทำได้เลยค่ะ”
“…………………………………………..”
“คุณพี่คือคนที่โบว์เคารพรักและเทิดทูนเต็มหัวใจ…ดังนั้นโบว์จึงอยากให้คุณพี่มีความสุขสมหวังกับความรักซะที”
…โบว์โผกอดผมแน่น…แววตาของเธอนั้นช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก…เห็นแบบนี้แล้วผมมิอาจจะใจร้ายใจดำหักหาญไมตรีจิตและความรักได้หรอก…
“ต่อ ไปบ้านหลังนี้คุณก็มีสิทธิ์เข้านอกออกในได้ทุกเมื่อและทุกเวลา…จะมาเมื่อ ไหร่ก็ได้แล้วโบว์ก็ไม่ต้องแอบนัดคุณออกไปข้างนอกให้เสียเวลาอีกนะคะ”
“……………………………………………”
“เรื่องอื่นเอาไว้ตกลงกันทีหลังก็ยังได้…แค่ให้คุณอย่าลืมว่ายังมีบุศกับโบว์อยู่”
“ส่วนเป้าหมายที่แท้จริงคือยังไงก็จะพยายามหาทางบีบบังคับให้ผมเลิกกับกุนและสา…ใช่มั้ย?”
“นี่ตัวคุณพูดออกมาเองนะคะ”
“น่ากลัวมาก”
“ใช่!!!… ฉันคือผู้หญิงที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการและ จากนี้ไปฉันก็จะเริ่มกำจัดบรรดาสาวๆที่คุณเคยมีเยื่อใยด้วยไปให้พ้นทางทั้ง หมด…เพื่อความสุขชั่วชีวิตของเราสองพี่น้อง”
“…………………………………………….”
“อีกอย่างบุศไม่พอใจกับการกระทำของคุณมานานแล้ว…จะบอกเลยก็ได้ว่าที่คุณเคยไปมีความสัมพันธ์กับใครที่ไหนบ้างบุศรู้หมดนะคะ”
“นี่คิดจะทำตัวเป็นแม่ของผมหรือยังไง!!”
“หึๆๆ…ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะที่รัก”)
…เช้าที่ไม่น่าสดใสของวันต่อมาผมก็ยังนึกถึงเรื่องอันไม่เข้าท่าซะอีก…
“นับว่าเราประเมินผู้หญิงคนนี้ต่ำไป”
…ปัญหา ใหญ่เกิดขึ้นมาซะแล้วเมื่อบุศไม่ยอมเลิกรามิหนำซ้ำยังเอาน้องโบว์มาเป็นข้อ ผูกมัดผมด้วย…เธอช่างกล้าทำได้…โธ่เอ๊ย!!…ทำไมผมไม่รู้จักเด็ดขาดให้ มากกว่านี้นะ?…ไหนจะเรื่องของน้องจอยอีกล่ะ?…เรื่องของสาวอีกด้วย… กลุ้มๆๆ…
(แต่ถ้าเราหักหาญน้ำใจตัดสัมพันธ์เอาดื้อๆก็ไม่รู้ว่าบุศจะทำ อะไรวู่วามเพราะความโกรธซึ่งซ้ำร้ายกุนกับสาอาจต้องพลอยเดือดร้อนด้วยก็ได้ แถมสงสารน้องโบว์ที่มีความรักให้เราอย่างบริสุทธิ์ใจอีกต่างหาก)
“อื๋อ?…หมะ…เหม็นอะไรวะเนี่ย?”
(มีคนสัปดนเอาปากกาเมจิคขีดหน้าเรา!!!)
“และมันจะเป็นใครไปไม่ได้อีกแล้วนอกจาก…ยัยผี!!!!”
“จ๋า~~”
“มานี่!!!”
…ราวกับคอยซุ่มแอบอยู่หน้าห้อง…พอผมตะโกนเรียกสาวน้อยก็โผล่หน้าเข้ามาให้เห็นทันควัน…
“ถ้ามันลบไม่ออกจะว่ายังไงหา?…กากบาทเต็มหน้าฉันเชียวนะว้อย!!!”
“คือฝนชอบในสิ่งที่มันเป็นรูปธรรมน่ะ”
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!!”
“อ๋า!!”
…เล่นซนหนักข้อเกินไปแล้ว!!!…ผมเข้ารวบตัวฝนขึ้นช้อนบ่าและเอามือตีก้นเป็นการเอาคืน…
“อ๊าย~~…เจ็บนะ!…ฝนเจ็บน๊ะ!!…ช่วยด้วยเจ้าข้าเอ้ย~~…คนลามกจับก้น!!!”
“ตีว้อยไม่ใช่จับ!!…ในเมื่อแสบนักมันก็ต้องเจอแบบนี้”
“ปล่อย!!!…ไม่งั้นฉันฟ้องพี่จริงๆ”
“ก็เอาซี่!!…ฉันจะได้บอกพี่แคทเหมือนกันว่าเธอน่ะเล่นพิเรนทร์เอาปากกาขีดหน้าฉัน!!!”
…สะใจ จังว่ะ!!…ยัยตัวแสบร้องแหวเสียงดังลั่นพลางเอามือทุบหลังบึกๆแต่ผมไม่สนใจ เพราะโดนแกล้งมามากแล้ว…ขอเอาคืนหน่อยเหอะน่า!!!…
“โอ๊ย!!”
“นี่ๆๆ”
“…………………………………………….”
(อ้าว?…ไหงเงียบเสียงไปหว่า!?)
“…………………………………………….”
“คิ…คิกๆๆ”
“หัวเราะอะไรฟะ?”
“โด่!!…ทำเป็นมีข้ออ้างจะตีที่แท้นายอยากจับก้นฉันก็บอกมาตรงๆเถอะน่า–…ไม่เห็นจะต้องทำเป็นโกรธเลยนิ?…โอ้ย!!!”
…ผมได้ยินก็สะดุ้งโหยงรีบโยนร่างฝนลงบนเตียง…
“ไม่ใช่!!…ฉันไม่เคยมีเจตนาอย่างนั้น”
“คน นะไม่ใช่สิ่งของจะวางเบาๆไม่ได้รึไงยะ?…อย่าๆๆ…วันก่อนพี่แคทวันนี้ก็ ฉันอีก…ยังจะมาปฏิเสธให้วุ่นวายทำไมกัน?…เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า?”
“ออกไปได้แล้ว!!”
“หึ!!…นึกหรือว่าฝนจะปล่อยให้มันจบเพียงเท่านี้?”
…ว่าแล้วยัยเด็กก๋ากั๊นก็โดดแผล่วออกไปจากห้องพลางตะโกนเรียกเพื่อนรัก…
“สา~~…มานี่เร้ว!!…ฝนมีอะไรจะบอกจ้า!!”
“อะไรอีกยะหล่อน?…กลับมาก็เสียงดังเชียว”
(สาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ)
“เมื่อกี้บอลจับตูดฝนด้วยละ!!…สาต้องจัดการให้นะ…บอลน่ะลามกที่สุดเลย”
“เธอไปแกล้งอะไรเขาหรือเปล่า?”
“ไม่–”
“สาอย่าไปเชื่อ”
“ตายแล้ว!!”
“ยัยติงต๊องนี่แอบเอาปากกาขีดหน้าตอนบอลหลับ…เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกก็ไม่รู้?”
“จริงๆนะฝน!!!…เธอนี่มัน–”
“เด่อเอ๊ย!!…ก็คิดอยู่แล้วว่าต้องเข้าข้างแฟน”
“เปล่าเข้าข้าง”
“ฮึ!!”
“ไม่เชื่อเหรอ?”
“ใครเชื่อก็บ้าเต็มทน!!…สาสมควรจะระมัดระวังบอลไว้ให้ดีๆเพราะอีตาบ้านี่ร้ายกาจกว่าที่เห็นภายนอกมากเลยนะจะบอกให้!!!”
“ฉันไปร้ายกาจอะไร?”
“กิ้วๆๆ…ไม่ต้องมาย้อนถามฉัน!!…ตะเองทำเรื่องอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจดีเว้ย~~”
“เฮ่!!…มาเคลียร์ให้รู้เรื่องก่อน”
“ไม่ย่ะ!!…ฝนจะไปหาพี่”
…โยน ระเบิดใส่กลางวงแล้วก็ชิ่งหนีดื้อๆ…เอ๊ะ?…หรือยัยเขี้ยวปิศาจมันเกิด ไปล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับผมเข้าแล้ว?…
“บอล…”
“จะ…จ๊ะ!!”
“ไปทำอะไรไว้?”
“ไม่ได้ทำ”
“ก็ฝนพูดอย่างกับรู้อะไร”
“ยัยนั่นอาจไม่รู้เรื่องแต่แกล้งตีขลุมหลอกเราก็ได้…หือ?”
“?”
“ไม่ใช่เกิดรู้แล้วนะว่าอ้อยกับแม่กวางก็…”
“เป็น…เป็นไปไม่ได้มั้ง!!”
“แล้วถ้าเป็นไปได้ล่ะสา?”
“เธอก็จะต้องโวยวายออกมาบ้างสิ…นิสัยของแม่นั่นน่ะเก็บอาการไม่อยู่หรอก”
“…อือ”
“อย่าคิดมาก…บอลอย่าลืมว่าฝนน่ะเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดไหน?…บางทีอาจแกล้งตีขลุมหลอกเราจริงๆนั่นแหละ”
“ผมไม่อยากอยู่ใกล้แม่สาวสารพัดพิษอย่างฝนจริงๆ…สู้สาไม่ได้เลยสักนิดเดียว”
“แน่ะๆ…ไม่ต้องพูดดีเลยย่ะ!!…อ้อนปะเหลาะจะขอซดหอยแต่เช้าล่ะสิท่า?”
“แล้วได้ป่าวล่า~~”
“ไม่ได้–…จ้ะ!!”
“อ้าว!?”
“ก็วันนี้สาต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลของมหา’ลัย…ขืนปล่อยให้บอลทำตามใจเดี๋ยวมันจะเกิดเรื่องยุ่งน่ะสิ”
“แย่จัง!!…ไหงต้องเป็นวันนี้ด้วยน้อ?”
“พรุ่งนี้พี่กุนกับป้าศรีก็จะมาบ้าน…อดใจรอหน่อยสิ”
“ไม่เห็นเป็น’ไร…บอลร่างกายแข็งแรงฟื้นตัวไวอยู่แล้ว”
“จ้าพ่อคนเก่ง!!…ตาลึกโบ๋เข้าไปเป็นศอกแล้วจะรู้ตัวบ้างมั้ยนี่?”
…ขนาดกลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องผู้หญิงจะตายห่-แม่งยังมีแก่ใจไปทำกรุ้มกริ่มกับสาอีก!!!!…ผมมันเป็นผู้ชายชนิดไหนกันแน่วะเนี่ย?…
(โอ้ จริงด้วย!!…เรารู้มาจากแม่กวางว่าสมัยหนุ่มๆพ่อก็ไม่เบาเหมือนกัน…ย้าย ไปทำงานอยู่ที่ไหนเป็นต้องได้รับจดหมายรักหรือมีสาวๆตามมาข้องแวะเสมอ…เรา จึงสมควรจะขอคำปรึกษาจากผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนะ)
“คุณป้าทราบแล้วนะคะว่าพรุ่งนี้จะมีแขกมาที่บ้าน?”
“จ้ะ…ลุงเค้าบอกป้าแล้ว”
“แต่พวกหนูคงจะช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไร…ป้าก็รู้จักเธอคนนี้ดี”
…แม่กวางพูดถึงใคร?…พรุ่งนี้จะมาบ้านงั้นก็ต้องเกี่ยวกับที่พ่อ,กุนและป้าศรีจะกลับมาด้วยน่ะสิ…
“?”
“…………………………………………”
“พี่–…ขอทางหน่อยครับ”
“…………………………………………”
…อะไรหว่า?…พี่แคทยืนขวางทางไม่ยอมให้ผมผ่านไป…ไม่พูดไม่จาแถมมีสีหน้าโกรธเคืองอีกต่างหาก…
(จ้องเขม็งด้วยวุ้ย!!!)
“เจ๊ๆ”
“…………………………………………”
…หญิง สาวผมยาวทำทีไม่สนใจที่ฝนเรียกแต่กลับเดินเข้ามาหาผมพร้อมสายตาอันน่ากลัว ซึ่งฝ่ายยัยจอมแก่นเห็นว่าแค่ปากพูดคงไม่ได้ผลแน่จึงรีบตรงมาฉุดพี่สาวตัว เองออกไป…
“ยังคิดจะพูดอะไรอีก?”
“ก็เรื่องที่พี่กำลังจะทำนั่นแหละ!”
“ชอบขัดขวางฉันเสียจริงๆ”
“หนูต้องขวางสิ!!”
“เป็นเหมือนกันหมด!!!”
(นี่เราเป็นต้นเหตุอีกแล้วเรอะ?)
“เฮ่–…ใจเย็นซักน่อยอีปี้…บ่ดีใจ้อารมณ์”
“นี่ก็…เย็นจ้าดนักแล้วหนา!!!”
“ตัวน้องฮู้ดีว่าปี้แคทโคดจั๊ดนักแต่จะไปลงตี้คนอื่นเบิ้ลมันบ่ดี”
“คนอื่นก๊า?…ก็ฮั่น…บ่ต้องมาปิดปากฉัน!!”
…อยู่ๆก็เปลี่ยนสำเนียงการพูดเฉยเลยแฮะ…
“เอา จะอี้ดีกว่า…ปล่อยฮื้อเป็นหน้าที่ของฝนจัดการคนเดียวส่วนอีปี้ก่ออกจาก บ้านไปแอ่วเปิดหูเปิดตาฮื้อม่วนอกม่วนใจ๋จะดีกว่า…บ่ต้องเฮียนซะวันหนึ่ง”
“ฮึ!!…ฉันก็บ่มีกะจิตกะใจ๋จะเฮียนอยู่แล้ว…ก่ได้!!…ตัวอยากจะเยียะอะหยังก่เชิญและถึงบ่บอกฉันก่บ่คิดจะอยู่ตี้นี่อยู่แล้ว”
“โธ่~~…ไหนเคยฮับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าสามารถแยกแยะภาระหน้าที่กับอารมณ์ส่วนตัวได้บ่ใจ่ก๋า?”
“แต่คนเฮามันก่มีขีดจำกัดหนา!!!…พี่ในตอนนี้น่ะเกือบจะใกล้ถึงจุดเดือดเพราะความโคดมันสะสมไว้ตั้งแต่เตื้อตี้แล้ว”
“งั้น ปิ๊กเข้าห้องไปนับหนึ่งถึงร้อยถึงพันเลยป่ะและข้าวเจ้าฝนจะยกขึ้นไปฮื้อ เอง…บ่ว่าจะได่ก่จะบ่ปล่อยฮื้ออีปี้ออกงิ้วอาละวาดตอนเวลากิ๋นข้าวได้หรอก หนา!!!…เดี๋ยวเสียเรื่องกันหมด”
“นี่สั่งปี้ก่า?”
“หนูบ่ได้สั่งแต่ขอฮ้อง…เว่ย!!…นิสัยหาเรื่องนะเฮา?”
…ครั้น พี่แคทเหลือบเห็นผมเธอก็เดินขึ้นข้างบนทันที…เมื่อกี้เถียงอะไรกันหนอ?… ผมฟังภาษาเหนือไม่ค่อยจะรู้เรื่องแถมทั้งสองคนก็พูดเร็วอีกต่างหาก…
(แต่พอจับใจความของประโยคสุดท้ายประมาณว่าฝนจะไม่ยอมให้พี่แคทอาละวาดตอนเวลากินข้าวได้?)
……………………………………………………………………………………………..

…หลังทานอาหารเช้าแล้วแม่กวางพาอ้อยไปโรงเรียนส่วนสาไปตรวจร่างกายประจำปีที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย…
“บอล…วันนี้พี่ฝากฝนไว้สักวัน”
“ปะ…ไปไหนครับ?”
“พี่มีนัดสำคัญกับคนรู้จัก…เย็นๆจะกลับ”
…อะไร นี่?…สีหน้าญาติสาวผู้พี่วัย 22 ดูดีขึ้นเยอะทีเดียวจากเมื่อสักครู่ที่โมโหโกรธาฟาดงวงฟาดงาอู้คำเมืองโขมง โฉงเฉงชนิดแข่งเร็วชิงโล่กับฝน…
“สำหรับเรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วง…ฝนจะจัดการให้เธอเอง”
“แต่อยู่บ้านตามลำพังสองคนก็ไม่รู้ว่าจะถูกแกล้งอะไรบ้าง?”
“เธอกลัวเด็กคนนั้นหรือ?”
“แน่ สิครับ…ผมไม่ได้กลัวชนิดหัวหดแต่กลัวฝนจะก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้ซึ่ง พี่ก็รู้ว่าเธอน่ะแสบสันต์เข้ากระดูกมากขนาดไหน?…อ้อ!!…แล้วไหนล่ะครับ ที่บอกว่าข้อมือกับเท้าเจ็บเพราะเล่นบาสเมื่อวาน?…เช้านี้ผมเห็นน้องสาวคน ดีของพี่กระโดดเหย็งๆ”
“แค่วันเดียว…”
“เฮ้อ!!”
“บอลอย่าไปขัดใจเด็กนั่นก็พอแล้ว…ยังไงก็เป็นพี่ชาย…จะดูแลน้องสาวสักคนมันจะหนักหนาสักแค่ไหนกัน?”
“…………………………………………”
“อีกอย่างฉันคิดว่าสามารถไว้ใจเธอได้ดังนั้นก็จงอย่าทำให้ผิดหวัง…ฉันต้องไปล่ะไม่อยากให้ทางนั้นรอนาน”
(มัดมือชกกันนี่นา)
“ผมไม่ทำอะไรบ้าๆกับฝนอยู่แล้วครับ…กลัวพี่แคทชักดาบฟันคอผมขาดกระเด็น”
“ฮะๆๆๆๆๆๆ”
“?”
(พอได้ยินเข้าสาวเจ้าก็หันหน้ากลับมาพลางเปิดปากแค่นหัวเราะเราด้วยน้ำเสียงออกแววประชดประชัน!?)
“ถ้า มันจะเกิดอะไรขึ้นจริงก็ไม่ต้องถึงมือฉันหรอกเพราะฝนนั่นแหละจะสำเร็จโทษเธอ เอง…ด้วยนิสัยอีกด้านหนึ่งอย่างที่ฉันพูดไว้เมื่อวาน”
…แต่ผมไม่เคยเห็นไอ้ที่พี่แคทพูดจึงไม่รู้ว่าจะสมควรกลัวดีหรือเปล่า?…
“ยัยปิศาจน้อยหน้าเป็นเนี่ยน่ะรึ?…จะเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต”
“ทั้งที่จริงแล้วฉันอยาก…ลงมือด้วยตัวเอง…ชิ!!!”
“เมื่อกี้…พูดอะไรครับ?”
“…เปล่า”
“………………………………………”
…………………………………………………………………………………………..

“แฮ่ๆๆ…เราได้อยู่กันตามลำพังสองคนแล้วนะจ๊ะ”
“เออ–”
“ฉะนั้นขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย…โฮ่ๆๆๆ”
…แค่รอยยิ้มก็ไม่น่าไว้วางใจแล้ว!?…ดังนั้นมันจะต้องวางแผนอะไรร้ายๆกับผมอีกแน่นอน…ว่าแต่…
“ฝน…เท้าของเธอเป็นอะไร?”
“ก็เป็นเท้าอ่ะเดะ”
“วะ!!…แม่นี่ช่างกวนส้นติงดีแท้ๆ…ช่วยตอบให้เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าหน่อยจะได้มั้ย?”
“อือ–…เมื่อวานเล่นบาสกับพี่แล้วจังหวะลงมันพลาดน่ะ…ข้อมือก็ด้วยเพราะถูกลูกบาสกระแทก”
“อ้อ–”
“ไม่เหมือนบอลนี่!!”
“ทำไม?”
“ถ้าอยากรู้คำตอบก็ช่วยหยิบเครื่องเกมส์มาให้ทีสิ”
“เรื่องอะไรฉันต้องทำ?”
“รึไม่อยากรู้คำตอบ?”
“เชอะ!!…ที่จริงไม่ต้องมีข้ออ้าง…อยากได้อะไรก็บอกเซ่”
“โอ้!!!…ได้คะแนนเต็ม”
“เอ้า!!…ทีนี้จะตอบได้ยัง?”
“ตอบก็ได้…อะแฮ่ม!!!…ก็คือคนอื่นเค้าเล่นกีฬากันแต่นายกลับเล่นจุ๊กจู๋”
“ฮึ่ย!!…เลิกแดกดันฉันอย่างนี้ซะทีโว้ย!!!”
“ไม่เลิก!!!…ก็นายมีจุ๊กจู๋จริงๆนี่รึจะเถียง?”
“แต่ผู้หญิงเค้าไม่พูดกันหรอกนะ”
“ฝนนี่แหละจะพูด!!!…ฮะๆๆ…พ่อจุ๊กจู๋ดุ้นใหญ่ชะเอิงเอย~~…ฮึ่ยย่ะๆ…นายจุดสองห้อยๆ”
“เฮ้ย!!…หยาบโลนว่ะ”
“เห็นซะบ่อยแล้วๆๆๆ…ฮิๆๆๆ”
“หะ…เห็นตอนไหน?…เธอเคยแอบดูฉันเหรอเนี่ย?…บอกมาเดี๋ยวนี้เลยยัยเด็กทะลึ่ง!!!!”
“ใครเป็นเด็กยะตาบ้า?…ฝนน่ะแตกเนื้อสาวเต็มตัวชนิดที่นายก็จะต้องชอบมากล่ะเอ้อ!!!…ว่าแต่…สนใจม้าๆ?”
…ว่า แล้วก็หมุนตัวให้ผมดูซะรอบหนึ่ง…ก็ยอมรับว่าเธอดูดีกว่าตอนเข้าเรียนใหม่ๆ มากหลายเท่าแต่พวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ…ต่อให้สนมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ หรอกแล้วราวกับเบื้องหลังของฝนมีเงาของพี่แคทครอบงำอยู่…
“อย่า–…เปลี่ยนเรื่อง”
“หืม~~…ตอนไหนน่ะรึ?…อยากรู้งั้นเรอะ?…อยากรู้นักช่ายม้าย?…ง้านจะบอกก็ได้!!!…ฝนเคยเห็นตอน…เอ่อ–…ตอน…”
“อย่ามัวลี…”
“ก็ตอนนายเล่นเสียวกับสาไงจ๊ะ”
“บะ…บ้าที่สุด!!!…เป็นผู้หญิงประสาอะไรฟะเนี่ย?…มันไม่ใช่เรื่องน่าดูนะโว้ย!!!!”
“ถ้านายว่ามันไม่น่าดูแล้วจะทำกับสาทำไมบ่อยๆอ่ะ?…หน้าตาก็มีความสุขด้วยเหลือเกินนิน๊า!!!”
“หนวก…หนวกหู!!!!”
“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด~~…เวลาเขินแล้วน่ารักจัง”
“เฮ่ย!!”
…สาว น้อยวัยโจ๋ลงนั่งข้างๆแล้วเอานิ้วจิ้มที่แก้มพร้อมแนบศีรษะซบไหล่ผม…เขิน จริงๆให้ดิ้นตายที่ยัยบ๊องนี่ทำนิสัยสัปดนแอบดูผมกับสามีอะไรกัน…
“ฝนอยากอยู่อย่างนี้สักพัก…”
“……………………………………..”
…สถานการณ์ มันล่อแหลมนะทำแบบนี้…ฝนสวมเสื้อยืดบางๆกางเกงขาสั้นจู๋…แค่เห็นเรียวขา อ่อนขาวจั๊วะผมก็ใจคอไม่ดีแล้ว…แม่คนนี้กำลังคิดอะไรอยู่นะถึงได้มาอิงแอบ แนบชิดอย่างกับจะฉอเลาะเอาอกเอาใจ…
(“พี่แคท?”
“แกกล้ายุ่งกับน้องสาวของฉัน…ตาย!!!!!!!!!!!!”
“อ๊————า”)
“วะ…ว้าก!!!!”
“อะ…อะไรเรอะ?…ตะโกนซะตกอกตกใจ!!!”
“อ่า–…เมื่อกี้ฉัน…เห็นพี่แคท”
“เป็นไปได้ยังไง?…พี่เค้าออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว”
“…ฉันเผลอหลับ?”
“อื้อ!!…จากนั้นนายคงจะฝันไป”
…สภาพนี้ยังหลับตาลงได้อีกแถมฝันบ้าบออะไรก็ไม่รู้…น่ากลัวฉิบเป๋ง!!!…พี่แคทชักดาบออกจากฝักแล้วเงื้อจะฟันแสกหน้าผม…
“จริงด้วย…เธอไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
“มีสาวสวยมาซบไหล่หน่อยทำเป็นร้องเอะอะ…คิกๆ”
“ไม่ใช่!!”
“ว่าแต่ฝันถึงพี่ฉัน…คิดอะไรอยู่หรือเปล่านั่น?”
“คิดว่าน่าสยองขวัญน่ะสิ”
“ยังไง?”
…เด็ก สาวจอมแก่นเอียงคอถาม…เราสองคนอยู่ใกล้ชิดชนิดหายใจรดกันมันจึงเป็นภาวะ ที่อันตรายไม่ใช่หยอกเลยนะจะบอกให้…โดยเฉพาะกลิ่นหอมจากเส้นผมและเนื้อตัว ของฝนนั้นก็ดูจะช่วยปลุกเร้าความรู้สึกคิดมิชอบให้ทวีมากขึ้นทีละนิดๆ…
“ก็…ในฝันน่ะพี่แคทผมสยายแผ่ออกไปทั่วดูน่ากลัว…ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแววตาดุร้าย…ถือดาบคงโมเคียวตรงเข้ามาจะฆ่าฉัน”
“โอ้โฮ!!…ใกล้เคียงๆ”
“?”
“เพราะถ้าดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและเรืองแสงล่ะเป๊ะเลย”
“คนนะไม่ใช่อุลตร้าแมนที่ตาจะมีสีแดงแถมเรืองแสงได้!!”
“นั่นดิ…”
…ฝนตอบด้วยน้ำเสียงอย่างมีเลศนัยน่าสงสัย…
“เอาน่ะฝันก็คือฝันอย่าไปซีเรียสจริงจังนัก…มาเล่นเกมส์กันดีกว่า”
“เกมส์?”
“ใช่…หรือบอลอยากเล่นอย่างอื่นกับฝน?”
“ทะลึ่ง!!”
“นาย แหละทะลึ่ง!!…รู้นะคิดอะไร?…เตียงก็มีพร้อม…บรรยากาศก็เป็นใจมาก ด้วย…ว้ายๆๆ…เกิดมาเป็นผู้หญิงน่ารักมีเสน่ห์เนี่ยมันน่าลำบากใจจังเลย”
…แม่คนนี้มันเป็นยังไงกัน?…พูดเองเออเองเสร็จสรรพ…
“ยัยผู้หญิงแก่แดด!!!”
“แล้วบอลเป็นพวกใสซื่อเร๊อะ?”
“อึ๊ก!!”
……………………………………………………………………………………………………..

“บอล…ฝนหิวแล้ว~~”
“นึกว่าจะเล่นเกมส์เพลินจนลืมหิวซะอีกแต่รู้สึกในครัวจะไม่มีอะไร”
“ฝนรู้…ฉะนั้นเรามาทำกับข้าวกินกันเถอะ”
“ไม่เห็นจะต้องเสียเวลาทำ…ไปซื้อข้าวหน้าปากซอยนี่ก็สิ้นเรื่อง”
“นายนี่!!…หัดรู้จักประหยัดตังค์ซะบ้าง…เอ–…ขอไปดูในตู้เย็นก่อนนะ”
…ฝนหายไปในครัวครู่หนึ่งก็ออกมาพร้อมสีหน้าที่ยิ้มแย้ม…
“มีกุ้งก้ามกราม…หมูสามชั้น…วุ้นเส้น”
“จะทำอะไรล่ะ?”
“กุ้งอบวุ้นเส้น”
“ทำเป็นด้วย?”
“ง่ายถ้ารู้วิธีซะอย่าง…บอลมาช่วยเป็นลูกมือฝนหน่อย”
“ก็ได้”
…ดีเหมือนกันเพราะแม่สาวเขี้ยวแหลมคนนี้ทำอาหารเก่งอยู่แล้ว(พูดกันตรงๆก็เก่งกว่าแม่กวางซะอีก)…
“อื๋อ!?”
“อะไร?”
“เธอ…ใส่ผ้ากันเปื้อน”
“แปลกตรงไหนเรอะ?”
“ปละ…เปล่า”
“………………………………………….”
…ไอ้ ครั้นจะชมว่าน่ารักมันก็เขินปาก…ฝนมองหน้าผมแล้วหันไปล้างกุ้งก่อนใส่ กะละมังและหยิบเอาวุ้นเส้นมาแช่น้ำ…เอ่อ–…เมื่อกี้ยอมรับว่าตัวผมตะลึง ไปกับความสดใสน่ารักของลูกพี่ลูกน้องวัย 18 ซึ่งเธออยู่ในชุดเสื้อยืดแขนกุดกางเกงขาสั้นรวบมัดผมสวมผ้ากันเปื้อนแล้ว กำลังจัดแจงวัตถุดิบกับเครื่องปรุงด้วยความชำนาญ…
“หุงข้าว…ใส่น้ำไปสักหนึ่งข้อนิ้วนะบอล”
“เคยทำ–”
“คิ!!…ฝนจะคอยดู…ถ้าหุงแฉะล่ะก็จะเล่นให้จั๋งหนับเชียว~~”
“ฉันไม่พลาดหรอกเฟ้ย!!”
…ความ รู้สึกที่อบอุ่นนี่คืออะไรกันนะ?…ทำไมจู่ๆมันก็เกิดขึ้นในใจของผมแล้วยัง ทวีมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยซึ่งจะว่าไปก็เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน…
(“…………………………………..”
“อุ๊ย!!!…บอล”
“ใส่ชุดนักศึกษาและทำกับข้าวเนี่ย…สาช่างน่ารักจังเลย”
“จู่ๆมารู้สึกหื่นอะไรเอาตอนนี้ล่ะ?…อย่าซี่~~…เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า!!”
“ถ้าใครคนนั้นคือกุนหรือแม่กวาง…ผมก็จะชวนให้มาสนุกพร้อมกัน”
“บ้า!!…ยังๆ…ยังจะเลิกกระโปรงอีก…คนหน้าไม่อายนี่!!!”
“…………………………………….”
“ว่าแล้วยังไม่หยุดอีก!!…ใจคอคิดจะทำตรงนี้เหรอห๊ะ?”
“เห็นใจบอลเถอะนะคนดี~~…ควักเจ้าหนูออกมาแล้วเก็บไม่ได้หรอกเห็นมั้ย?…มันแข็งโป๊กเชียว”
“ไม่รู้ไม่ชี้!!!”
“และบอลก็ดึงกางเกงในสาลงไปด้วย…เอ้า!!…ที่นี้ก็ถ่างขาออกสักหน่อยสิจ๊ะสุดที่รักของบอล”
“……………………………………..”
“นะๆ”
“วุ่นวายจริงเลยตาคนนี้!!!…อย่ามัวช้าล่ะกัน”
“เฮ~~”
“อ๊าวววววววววววว…ค่อยๆหน่อยซี่อีตาบ้า!!!”)
…สรุปคือข้าวหมกไก่มื้อนั้นรสสุดห่วยกินไม่ได้เลยเพราะผมและสามัวแต่เล่นชักเย่อกันจนส่วนผสมต่างๆมันเผลอใส่ผิดเพี้ยนไปหมด…
“อะไรของนาย?…ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้”
“อะ…อ๋อ!!…พอดี…ฉันนึกถึงตอนที่สาทำอาหารน่ะ…เดี๋ยวจะหาว่านินทาแต่รสมือของเธอไม่ค่อยเท่าไหร่เลย”
“สากับพี่กุนน่ะฝีมือเข้าครัวพอกันแหละ…ไม่ถึงขั้นอร่อยเหาะแต่กินได้ไม่ท้องเสีย…สู้หนูอ้อยไม่ได้ป้าศรีสอนมาดี”
“อื้อ!!…ถูกของเธอ”
(“พี่บอลคะ!…น้ำเดือดได้ที่หรือยัง?”
“ไม่รู้จ้ะ”
“คอยดูด้วยค่ะ…มัวทำอะไรนะ?”
“โอว!!!”
“อ้อยกำลังอาบน้ำอยู่แท้ๆ…เกิดน้ำมันแห้งไปล่ะเสียเวลาเปล่าๆเลย…ว้าย!!!”
“หึๆๆ…นั่นสิจ๊ะ…เพราะงั้นเราต้องไม่ให้สูญเสียเวลาไปเปล่าๆ”
“อ๋า~~…เอาผ้าเช็ดตัวคืนมา!!!…หนูโป๊หมดแล้วนะ?”
“ไม่ต้องกลัว…พี่จะล่อนจ้อนเป็นเพื่อนอ้อยเอง”
“จะทำอะไรคะ?…ตอนนี้ไม่ได้นะคะ!!”
“น้องรักจะอดใจไหวรื้อ?…พี่ไม่เชื่อละ!!”
“โธ่~~…สงสัยอ้อยต้องอาบน้ำอีกรอบล่ะสิเนี่ย?”)
…แล้ว บ่ายวันนั้นผมก็ใช้กำลังปลุกปล้ำน้องอ้อยจนสำเร็จความใคร่ไปหนึ่งครั้งแถม ต้มยำรวมมิตรสูตรพิเศษก็เสร็จเรียบร้อยเป็นอย่างดี…งานนี้เรียกว่าทั้ง สบายท้องทั้งสบายตัวไปเลย…
“เอ้ว!!!…นายนี่มันแปลกคนจริงๆว่ะ”
“อะ…อะไรเล่า?”
(คน กำลังนึกถึงประสบกามในห้องครัวสนุกๆ…พูดแล้วจะหาว่าคุย…ไม่ว่ากุน,แม่ กวาง,ป้าศรีก็ล้วนแต่โดนเราเล่นเกมส์ถกกระโปรงตอนทำกับข้าวแล้วทั้งนั้น แหละ)
“เมื่อกี้ทีนึง…นั่งยิ้มคนเดียวก็ได้ด้วยแฮะ?”
“ช่างฉันเถอะ…ว่าแต่เธอกำลังทำอะไร?”
“แล่มันหมูออกมาเจียวส่วนเนื้อที่แบ่งไว้นี่จะทอดกระเทียมพริกไทย”
“ไม่กลัวอ้วนหรือไง?”
“ไม่!!…เพราะฝนออกกำลังกายทุกวัน”
…ทำ โน่นทำนี่ตลอดเวลาไม่หยุดนิ่งช่างคล่องแถมเก่งเหลือเกิน…นับว่าคุณอาอร นิภาสอนมาดีจริงๆ…ท่วงท่าจับกระทะร่อนควงตะหลิวคือแม่ครัวมืออาชีพดีๆนี่ เอง…
“ให้ฉันช่วยบ้างเถอะ”
“ก่อนอื่น…หุงข้าวเสร็จแล้วใช่มั้ย?”
“อือ”
“งั้นก็ไปจัดถ้วยจานเตรียมไว้และนั่งรอเฉยๆ”
“อ้าว?”
“เอากากหมูโรยเกลือนิดๆไปเคี้ยวเล่นก่อน”
“…………………………………………….”
(หมายความว่าเรียกเรามาหุงข้าวเท่านั้นเอง)
“เอาละ!!!…ก่อนอื่นก็คลุกเคล้ากุ้งผสมกับพริกไทยครึ่งช้อนชาและซอสปรุงรสหมักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที…ช่วงนี้ก็ทอดหมูรอไว้เล้ย~~”
“ของโปรดเธอนะเนี่ย?…ข้าวหมูทอดกระเทียม”
“พวก เราพี่น้องนะกินง่ายจะตายไป…อาหารที่ชอบทั้งหลายแหล่ก็เป็นของที่ทำได้ ง่ายทั้งนั้น…ข้าวไก่ทอดกระเทียมเอย–…ข้าวกระเพราเนื้อไข่ดาวเอย–”
(พวกเราพี่น้อง?)
“เสร็จแล้ว!!”
…ฝนใช้ตะหลิวเขี่ยหมูในกระทะมาให้พ้นน้ำมันแล้วกดไว้พักหนึ่งก่อนตักใส่จาน…เธอบอกว่าต้องให้หมูสะเด็ดน้ำมันดีๆซะก่อน…
“ไม่ใช่เรื่องลับอะไรตรงไหน…จะกินอาหารทั้งที่มีน้ำมันเยิ้มน่ะมันเลี่ยนนะแถมพาลทำให้อิ่มเร็ว…ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพอีกต่างหาก”
“รอบรู้จัง”
“ทึ่งแล้วใช่ม้า?…ฝนน่ะชอบทำอาหารมากๆเลย…ต้ม,ผัด,แกง,ทอด,ปิ้ง,ย่างก็ทำได้หมด”
“ใครได้เธอไปเป็นแฟนคงจะโชคดีแน่ๆ”
“ทำไมต้องคงจะด้วย?”
“ก็ไม่มีอะไร”
“แต่ฝน…”
“?”
“อยากให้บอลเป็นคนที่โชคดี…”
“เห?”
“ฮ่าๆๆ…ล้อเล่นหรอกย่ะ!!…ทีนี้…ก็เจียวกระเทียมพอเหลืองทิ้งไว้ให้เย็นและตัดวุ้นเส้นเป็นท่อนสั้นๆ
ใส่ ลงในชามผสมน้ำมันหอย,ซีอิ๊วขาว,พริกไทยป่นและน้ำมันกระเทียมเจียวคลุกเคล้า ให้เข้ากันพักไว้ก่อน…ฮืมๆๆๆ…ต่อไป…จัดการรองก้นหม้อด้วยมันหมูสาม ชั้นที่หั่นเตรียมไว้ใส่รากผักชีและขิงให้ทั่วแล้วใส่วุ้นเส้นที่หมัก เครื่องปรุงไว้จัดเรียงกุ้งวางข้างบนให้สวยงาม…สวยมั้ยบอล?”
“…อือ”
“แล้ว ก็ผสมซี้อิ๊วดำและน้ำซุปคนให้เข้ากันราดลงบนวุ้นเส้นให้ทั่ว…สุดท้ายก็นำ ไปอบใช้เวลาสัก 8-10 นาที…เฮ!!…เดี๋ยวก็ได้กินแย้ว~~”
“งั้นเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”
“อื้ม!!”
…ไม่บ่อยเลยที่ผมจะได้ร่วมโต๊ะกับฝนตามลำพังแค่สองคนเพราะต้องมีพี่แคทอยู่ด้วยเสมอ…
“ตอนบ่ายนี้ก็จะมีเราเท่านั้น?”
“กว่าพี่แคทจะกลับคงเลยสี่โมงเย็นไปแล้ว…หมู่นี้ป้ากวางมักเลิกงานสองหรือสามทุ่ม…สากับอ้อยก็อาจจะไล่เลี่ยกับพี่น่ะ”
“ฉันถามเธอหน่อยสิ”
“อะหยัง?”
“ที่เธอกับพี่แคทออกจากบ้านนี้…ไปค้างที่ไหนเหรอ?”
“………………………………………..”
“………………………………………..”
“…กุ้งอบวุ้นเส้นได้แล้ว…ฝนไปตักมาให้”
…คล้ายว่าเด็กสาวจะไม่ค่อยอยากตอบคำถามของผม…มันเป็นความลับที่บอกไม่ได้หรือยังไง?…
“บอลลองชิมดูซิ”
“………………………………………..”
“รสชาติเป็นไง?…พอดีหรือเปล่า?…อร่อยมั้ย?”
“อร่อย…อร่อยมาก!!!”
“จริงเรอะ?…อย่าแกล้งชมนะ”
“ไม่ได้แกล้ง…มันอร่อยมากจริงๆ…เธอนี่เยี่ยมไปเลย”
“ไชโย!!!…ฝนดีใจจัง”
…ยิ้มร่าตาลุกวาวทีเดียว…ยินดีปรีดาขนาดนี้เชียวรึที่มีคนชมว่าฝีมือทำอาหารอร่อย?…
“มันแน่อยู่แล้ว…คนทำก็อยากได้กำลังใจจากคนทานกันทั้งนั้นแหละแต่พี่แคทน่ะไม่ค่อยจะชมฝนหรอก”
“เธอเป็นคนปากหนักไม่ค่อยพูดชมใครก็น่าจะรู้”
“แต่ฝนไม่ใช่คนอื่นไกลนี่นา…น้องสาวทำอาหารอร่อยๆให้กินจะชมกันบ้างก็ไม่มี…พี่แคทนะพี่แคท…เออนี่บอล”
“หือ?”
“ถ้าบอลชอบฝนจะทำให้กินบ่อยๆ…เอามั้ยจ๊ะ?…อยากให้ทำอะไรก็บอกมาได้เลย…ยิ่งอาหารเหนือล่ะของถนัด”
“ก็ ดีสิ!!!…เพราะบางทีฉันก็เซ็งเหมือนกันที่ต้องเอาแต่ไปกินข้าวนอก บ้าน…แม่กวางงานยุ่งมากไม่อยากรบกวน…อ้อยก็ต้องเรียนหนังสือส่วนสาฝีมือ ยังไม่ดีพอแต่…หึๆๆ…บ่นมากไม่ได้เดี๋ยวมีงอน”
“งั้นตกลงตามนี้…เป็นสัญญาของเราแค่สองคน”
“เดี๋ยวพี่แคทก็รู้จนได้แหละ”
“รู้แล้วทำไม?…ไม่มีทางห้ามฝนได้ร้อกถ้าจะทำซะอย่าง!!”
“หัวดื้อนะเธอ”
“นายก็ด้วยนิ…เรื่องความหัวแข็งหัวรั้นน่ะไม่ได้ด้อยไปกว่าฝนสักนิด”
“เออ!!”
“ฮะๆๆๆ”
…เสียง หัวเราะครื้นเครงของพวกเราสองคนพี่น้องในมื้อกลางวันๆนี้นับเป็นความทรงจำ ที่ควรค่าต่อการเก็บรักษาไว้…ไม่ใช่อย่างคนอื่นที่เคยสัมผัสมาแต่เป็นฝน เท่านั้น…พอกินข้าวเสร็จผมกับเธอก็ไปเล่นเกมส์กันต่อในห้อง…
“เอ๋–…ฝนมันจะตกหรือเปล่า?…อากาศถึงได้ร้อนอบอ้าวชอบกล”
“จริงด้วย…เข้าหน้าหนาวแล้วยังจะร้อนอีก…ถ้าเป็นที่ลำปางล่ะก็เย็นสบายสุดๆ”
“พูดถึงลำปาง…เธอกับพี่แคทพูดเหนือคล่องมาก”
“ก็อยู่มาตั้งกี่ปีแล้วล่ะ?…จริงๆถึงไม่ใช่บ้านเกิดแต่ก็ไม่ต่างกัน”
“ที่คุยกันเมื่อเช้าฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง…มีอะไรกัน?”
“ไม่สำคัญหรอก…พี่แคทเค้าแค่หงุดหงิดใครบางคนแต่จะพาลมาลงที่คนอื่นซะงั้น…อืม–…ถ้าบอลอยากอู้คำเมืองเก่งๆฝนสอนให้เอามั้ย?”
“จะดีเร้อ?…ฉันเป็นเด็กเทพมาก่อนนะเฟ้ย!!”
“เทพอะหยัง?”
“ก็ฉันเคยไปเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯตั้งหลายปีไง”
“ชิชะ!!…ทำเป็นอวดว่าได้เข้าเมืองหลวง”
“ว่าแต่เธอแหละ…พูดภาษากลางได้คล่องแน่รื้อ?”
“ฮึ่ย!!…ก็ที่ฝนคุยอยู่กับนายนี่ไม่ใช่ภาษากลางหรือยะ?”
“ฉันว่าไม่ใช่…สำเนียงของเธอน่ะมันออกจะแปร่งๆ”
“ไม่อยากให้ฝนสอนก็ตามใจแต่ถ้าโดนพี่แคทด่าเมื่อไหร่ไม่ต้องมาถามเลยนะ”
“หากรู้ว่าถูกด่าก็ไม่ถามหรอก…เฮ้อ~~…ไปอาบน้ำดีกว่า”
“จะรีบเลิกไปไหน?…เกมส์สนุกจะตายไป”
“หล่อนสนุกคนเดียว…เกมส์บอลก็ยิงฉันพรุน…เกมส์ต่อสู้ก็อัดฉันเละ”
“ก๊ากๆๆ…ก็คนมันเก่งอ่ะ…ช่วยม่ายด้าย”
(หยาด ฝนเอ๊ยหยาดฝน~~…ความอ่อนหวานน่ารักของเธอในช่วงที่เข้าครัวทำอาหารกับร่วม โต๊ะทานข้าวด้วยกันมันสูญหายไปโดยพลันแต่มีความบ๊องและติ๊งต๊องเข้ามาแทนที่ ซะแล้ว)
“อื้อ…ตั้งแต่ปรับปรุงห้องน้ำใหม่…เวลาอาบคนเดียวมันรู้สึกว่ากว้างเกินไปจริงๆด้วยนะ”
…เมื่อก่อนผมไม่ค่อยชินกับการอาบน้ำคนเดียวเพราะมักจะมีสาวน้อยสาวใหญ่อาบด้วยกันเนืองๆแถมจะไม่ค่อยจบเพียงแค่นั้นอีกต่างหาก…
“เย็นพรุ่งนี้กุนกับป้าศรีก็จะกลับมาบ้าน…ทีนี้ละสนุกแน่นอน”
…แต่ ป้าศรีนี่สิ…เมื่อเดือนก่อนเธอแจ้งข่าว(ร้าย)ให้พวกเรารู้ว่ากำลังจะแต่ง งานใหม่กับนายทหารอากาศหนุ่มใหญ่วัย 43 ปีและอ้อยก็ให้ความเห็นชอบ(ซะงั้น)…ดังนั้นที่มาบ้านในครั้งนี้จึงคล้าย เป็นการสั่งลากลายๆ…
“ป้าไม่รักผมแล้วหรือไง?…เสียดายจังที่ต้อง ปล่อยให้ไปเป็นของคนอื่น…ฮ่า–…ถึงจะเสียแม่แต่ก็ได้ลูกสาวมา แทน…ไม่ๆๆ…เสียดายๆๆๆ…ยิ่งคิดยิ่งเสียดายโว้ย!!!”
(ถ้ารู้อย่างงี้ ไม่ปล่อยให้ป้าศรีไปอยู่กรุงเทพฯซะก็ดีแล้วแต่เราไม่ยอมให้จบแค่นี้ แน่…ต้องมีสักวันที่เราจะไปหาเธอและเล่นเกมส์ที่ตัวเองถนัดคือเกมส์หลบผัว แอบจ้ำจี้เมีย)
“ที่บ่นว่าเสียดาย…เสียดายอะไรค่ะ?”
“ว้าก!!”
“ตะโกนเสียงดังลั่นอีกแล้ว…กลบความดีใจหรือพี่ชาย?”
“ดี…ดีใจบ้าอะไร?…เธอ…เธอมาทำอะไรหน้าห้องน้ำ?”
“ก็จะอาบน้ำไง…ไม่น่าถาม”
“ฉันยังอาบอยู่นะ!!!”
“ไม่เห็นเป็นไร”
“หยึย!!!!”
…ตั้งแต่ เปลี่ยนประตูมาเป็นแบบกระจกฝ้าเลื่อนเพราะพี่แคทถีบพัง…เวลาใครเดินผ่านก็ จะเกิดเงาให้เห็นแต่ที่ผมกำลังเห็นในขณะนี้…เสื้อยืดสีดำที่ฝนใส่มันหล่น ลงไปในตะกร้าแล้วจากนั้นก็ตามด้วย…ยะ…ยก…ยกทรง…
“อะ…เอาจริงหรือ…เดี๋ยวๆๆ…ให้ฉันอาบเสร็จก่อน”
“เสียมารยาท!!!”
“………………………………………..”
…กางเกง ขาสั้นสีชมพูก็ถูกถอดออกจากปลายเท้าด้วย…เหลือเพียงชิ้นผ้าสุดท้ายซึ่งใน ที่สุดฝนก็ก้มตัวและย่อเข่าพลางเอานิ้วเกี่ยวรูดมันออกไป…
(เห็นแค่เงาแต่ควยกูมันดันถูกความคิดชั่วปลุกให้ตื่นนอนซะแล้ว…นั่นญาติผู้น้องของมึงนะเว้ย!!!!…ละเว้นไว้บ้าง)
“ไม่เห็นต้องตื่นตกใจอะไรขนาดนั้นที่พี่น้องจะอาบน้ำด้วยกัน”
“แต่ฉันผู้ชายและเธอผู้หญิงนะว้อย!!!…ถ้าใครหรือพี่แคทรู้เข้า…หัวฉันมิหลุดจากบ่าเร๊อะ?”
“โวยวายมากๆ…เดี๋ยวเอากางเกงในยัดปากซะเลยนี่!!”
“อึ๋ย~~”
…ผม ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกครั้งทันทีแถมรุนแรงกว่าเดิมด้วยเมื่อฝนก้าว เท้าเข้ามาในห้องน้ำซึ่งไม่ได้ล็อคกลอน(ใครมันจะไปคาดคิดล่ะ?)ในสภาวะนุ่ง ผ้าเช็ดตัวสั้นเหนือเข่า…
“ก็คิดซะว่าฝนคือสาหรือพี่กุนสิจ๊ะ?
“จะไปคิดได้ยังไง?”
“แล้วคิดอะไรอยู่เอ่ย?”
“อย่ามาใกล้!!”
“โอ๋~~…กลัวฝนเห็นว่าเจ้าจุ๊กจู๋ของนายจะแข็งเป๊กรึ?”
“ยัยบ้า!!!”
“อ้าวๆๆ…นี่จะไม่อยู่รอรับรสรักจากน้องสาวหรือจ๊า?”
“รสรักอะไรของเธอหา?”
“ถ้าอยู่อาบน้ำด้วยกันก็จะได้รู้เอง”
“มะ…ไม่เอา!!!…ฉันเป็นผู้ชายเธอเป็นผู้หญิง…อีกอย่างก็อยู่ในวัยหนุ่มสาวกันทั้งคู่”
“จุ๊ๆๆ…ไม่นึกว่าบอลจะพูดประโยคนี้ออกมาได้…เอ–…ฝนรู้สึกว่าคำพูดกับการแสดงออกมันจะขัดแย้งกันละ”
“!!!!”
“คึๆๆ…เอาผ้าปิดใหญ่เลยเชียว”
“อย่ามองเซ่!!!”
“ไม่เห็นของนายสักหน่อย…แต่เอ๊อะไรตุงๆหรือนั่น?”
“โว้ย~~”
“เกลียด จังเล้ยคนปากไม่ตรงกับใจเนี่ย!!!…หากยอมอาบน้ำด้วยกันก็จะมีเรื่องดีเกิด ขึ้นแท้ๆ…ฝนเจ็บขาอยู่นะ…จะช่วยอาบน้ำให้หน่อยก็ไม่ได้…บอลนี่ช่างใจ ร้ายจัง”
“………………………………………..”
“หนีไปซะแล้ว…ฮ้า!!…ไม่ไหวๆ…ใจเสาะเสียจริงพี่ชายคนดีของฉัน…จะรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าตะเองผ่านการทดสอบแล้วน่ะ?”
…………………………………………………………………………………………………

…ส่วนอีกด้านหนึ่งที่ห้องคาราโอเกะของร้านอาหารใกล้มหาวิทยาลัยทางนอกเมือง…
“พี่คะ”
“…………………………………………”
“อย่างน้อยถ้าจะเต้นก็ถอดเสื้อกาวส์ออกก่อน”
“แบบนี้เท่ดี”
“แล้วไปเอาหมวกทรงแปลกๆมาจากไหนคะ?”
“ของพี่เองแหละ”
“เอาเข้าไป”
“อย่ามัวนั่งแช่แป้งเหมือนคนหมดเรี่ยวแรงซี่!!…มาเสียเหงื่อขยับแข้งขยับขาด้วยกันเถอะแคท”
“หนูเต้นไม่เป็นหรอกค่ะ…ท่าอะไรไม่รู้?”
“โอทส์!!!…เชยจริงจริ๊งน้องสาวฉัน…นี่เขาเรียกว่าท่าเต้น Moonwalk จ้ะ”
“เกิดมีคนไข้ของพี่มาเห็นเข้าคงจะสนุกพิลึก”
“ช่าย~~…สนุกแน่ๆเพราะจะชวนมามันส์ด้วยกัน…เอ๊ะ?”
“?”
“แคทกำลังหงุดหงิดอะไรอยู่เนี่ย?…อ้อ!!…เป็นห่วงน้องฝนสิท่า?”
“ไม่ห่วงหรอกค่ะ”
“ปากแข็งอีกละ!!…ก็น้องสาวสุดรักแสนหวงแหนอยู่บ้านตามลำพังสองต่อสองกับนายจระเข้ผู้กินไม่เลือกนี่นา”
“หากจระเข้ตัวนี้คิดงับเหยื่อโดยไม่ดูตาม้าตาเรือก็จะโดนถลกหนังไปทำกระเป๋าซะเอง”
“ฮุๆๆ”
“ไม่ใช่แคทแต่เป็นฝนต่างหาก”
“ได้ ยินว่าเด็กคนนั้นสนิทกับสาวิตรีแฟนนายเอกคเชนทร์มากเหมือนกับที่น้องก็นับ ถือศกุนตลาเหมือนพี่สาวแท้ๆ…คงจะไม่ทำตัวซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศ?”
“ไม่มีทางอย่างแน่นอนค่ะพี่เซค!!”
“ทุก ยุคทุกสมัย…มิตรภาพของเพื่อนนั้นช่างงดงามยิ่งนักแต่โลกนี้มันไม่มีอะไร ที่แน่นอน…พี่รู้มาว่าน้องฝนน่ะมีสัญญาบางอย่างกับนายนั่นอยู่ไม่ใช่ หรือ?”
“ก็แค่สัญญาในวัยเยาว์อีกอย่างบอลก็จำไม่ได้เพราะสูญเสียความทรงจำไป”
“แต่มีคนพยายามนำประเด็นนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์นะแคท”
“ใครคะ?”
“น้าอรนิภา”
“คุณแม่!?”
“ลองไปถามรายละเอียดเอาเองเถอะจ้ะแต่คิดว่าน่าจะพอเชื่อถือได้เพราะม่อนเป็นคนเล่าให้พี่ฟัง”
“บางทีฝนก็อาจจะรู้แต่ปิดเงียบไม่ยอมบอก…โทรมาพอดี…ว่าไง?”
“…………………………………………….”
“คะแนน…เท่าไหร่?”
“…………………………………………….”
“ผ่าน!!!…จะบ้าหรือไง?”
“อุ๊บ!…สำลัก…แค่กๆๆ…ฮ้า!!…น้องฝนให้เจ้าบ้ากามนั่นสอบผ่าน?…จะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!!!”
“เธอเอาเกณฑ์อะไรมาตัดสิน?…ในความคิดของฉัน…ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันโดนปรับตกตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าสอบซะด้วยซ้ำไป!!!!”
“…………………………………………….”
“หมด เวลาสำหรับการทำบททดสอบจิตว้าวุ่นอะไรนั่น!!…เธออยู่ที่บ้านอย่าเพิ่งหนี ไปไหนเดี๋ยวฉันจะกลับไปขอคำอธิบาย…พี่เซค…น้องขอตัวกลับนะคะ”
“จ๊าคนสวยแต่ดุโหด!…อย่าลืมมาเล่าให้ฟังบ้างเน้อ~~…อึ๋ย!!…ปิดประตูเบาๆ”
“……………………………………………..”
“ว้า ว!!!…บึ่งรถเร็วดุจพายุน่ากลัวจะฉุนไม่เบาเลยเนี่ย?…อุตส่าห์ชวนมาร้อง เพลงให้ใจเย็นๆแต่ดูท่าจะไม่ได้ผล…ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจาก…ไหนดูที่แคทจด ออกมาหน่อยซิ”
-เมื่อบอลรู้ว่าฝนได้รับบาดเจ็บก็จะมีความรู้สึกห่วงใยบ้างหรือไม่?(ทดสอบความห่วงใย)
“……………………………………………..”
-หากฝนร้องขอให้ช่วยทำอะไรก็ตามบอลจะยินดีหรือเปล่า?(ทดสอบความมีน้ำใจ)
“……………………………………………..”
-บอลจะมีอาการอย่างไรเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับฝนแบบแนบชิดถึงตัว?(ทดสอบสติความรู้สึก)
“ฮึ!!… ต่อให้ภายนอกวางตัวเฉยแค่ไหนแต่ภายในก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละน่า!!!… ขนาดเราเป็นผู้หญิงเหมือนกันยังอดใจไว้ไม่ไหวแล้วนายเอกคเชนทร์เป็นผู้วิเศษ มาจากไหน?”
-บอลชอบอาหารที่ฝนทำมากน้อยแค่ไหน?(ทดสอบความพึงพอใจ)
“……………………………………………..”
-บอลยินดีจะให้ฝนทำอาหารให้ทานบ่อยๆหรือเปล่า?(ทดสอบความต้องการ)
“ไม่ น่าจะเดายากนะข้อนี้…ในบรรดาพวกเรา 8 คนน้องฝนจัดว่ามีเสน่ห์ปลายจวักสูงสุดราวสวรรค์บันดาล…ไม่ว่าใครก็ติดใจ ฝีมือของเธอด้วยกันทั้งนั้น…อย่างนายบอลจะยอมสวาปามอาหารฝีมือห่วยๆของสอง พี่น้องแทบทุกมื้อก็ให้มันรู้ไปสิ!!…ฮ่า–…ก็น่าอายเหมือนกันนะที่เรา เป็นพี่คนโตแท้ๆแต่ไม่ค่อยมีหัวทางด้านนี้เลยส่วนน้องแคท…อุ!!… ฮิๆๆๆๆ…คิกๆๆๆๆ…ละไว้ในฐานที่เข้าใจดีกว่า”
-หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นบอลอาจได้เห็นฝนในสภาวะกึ่งเปลือยแล้วเขาจะแสดงออกอย่างไรบ้าง?(ทดสอบความยับยั้งชั่งใจ)
“ต่อ ให้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแต่เจ้านั่นมันยิ่งกว่าโจรโรคจิตบ้ากามก็จะต้องออก แววหื่นกับน้องฝนแน่ๆ…เอ–…ชั่วร้ายซะถึงขนาดนี้ว่าแต่ทำไมถึงให้ ผ่าน?…แคทก็คงคิดอย่างนี้ล่ะนะจึงรีบกลับไปขอคำอธิบาย”
………………………………………………………………………………………………………………….

…พลาด ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงกับตอนหน้าในชื่อว่า “No.3 ของตระกูล!!!…เพื่อนใหม่!?…แจ้งชัด!!!!” โดยจะกล่าวถึงนายบอลซึ่งต้องตกที่นั่งลำบากเมื่อแคทกำลังหัวเสียกับพฤติกรรม ของเขาจนแทบอยากจะตัดญาติขาดมิตรแต่ฝนกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามอันเนื่อง จากความรู้สึกที่เริ่มแปรเปลี่ยนและความต้องการในบางสิ่งของผู้เป็น มารดา?…นอกจากนี้ศกุนตลาสาวคนรักและศรีวิกาคุณป้าผู้มีพระคุณก็จะกลับมา เยือนบ้านนี้อีกครั้งและถึงตรงนี้ก็จงโปรดฟังอีกครั้งหนึ่งว่า “ฝนเริ่มจะมีใจให้นายบอลแล้วอีกทั้งยังเป็นฝ่ายชิงเดินเกมส์รุกก่อน ด้วย!!!!”ดังนั้นงานนี้ไม่ต้องตั้งเนื้อตั้งตัวทันกันละ

Share the Post:

Related Posts

วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่

เรื่องเสียว วันวุ่นวายกับเจ้านายควยใหญ่ วันนี้ละอองฟองถูกเรียกเข้าไปในห้องของหัวหน้าอีกแล้ว เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำอะไร ในเมื่อหน้าที่การงานของเธอนั้นไม่ได้ทำมันออกมาดีเหมือนที่เธอคิด แต่เธอไม่ได้ต้องการออกจากบริษัทแห่งนี้ ละองงฟองพยายามที่จะเข้ามาอ้อนวอนคุณภพ หัวหน้าของเธอ บอกกับเขาว่าเธอจะพยายาม ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ได้ เธอยอมทุก ๆ อย่าง…และใช่ เรื่องเสียวคือเรื่องเสียวที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคุณภพ วันนี้งานเหนื่อยทั้งวัน ละอองฟองยังคงต้องแก้งานมากมายในเวลานี้ ซึ่งมันไม่ได้น้อยเลย แต่เมื่อมันเสร็จแล้ว ก็ยังต้องมาสรุปรวบยอดใหม่ งานทุก

Read More

ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เรื่องเสียว ลองเย็ดกันดูเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มจูบกันแล้วครับ จะบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหหลังจากนี้ไม่รู้ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเราต่างฝ่ายต่างมีความต้องการซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เราเงี่ยน เราอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น เรื่องเสียวกลายเป็นเรื่องราวยอดฮิตสำหรับคนรุ่นนี้แล้ว และผมเองก็ไม่อยากจะอายเพื่อน เพราะต้องยอมรับว่าตัวเองยังซิงอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะเรียนจบมอปลายแล้วแท้ ๆ ดังนั้น ในวันที่ผมไปปดูหนังกับแฟนของผมรุ่นน้องมอห้า เธอก็ชวนให้ผมไปนั่งเล่นที่บ้านของเธอก่อน

Read More