The New World : จอมคนโลกใหม่ 1
โดย punyang
“บางครั้งมีหนึ่งความรู้สึกวูบเข้ามาในหัวว่า แท้จริงแล้วที่นี่ อาจจะไม่ใช่โลกของเรา”
กลางสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ ชายหนุ่มผู้หมดอาลัยตายอยาก นั่งเหม่อมองผืนน้ำอันกว้างใหญ่อย่างเลื่อนลอย หากจะมองหาใครที่โชคร้ายที่สุดในค่ำคืนนี้คงหนีไม่พ้นเขา
นายเกล้ากำเนิด ชายหนุ่มที่หวังเพียงมีชีวิตธรรมดา ๆ ไปวันๆ แต่บ่อยครั้งนักที่อะไรๆก็ไม่ได้อย่างหวัง ด้วยความเป็นคนมีมานะอดทน ทำงานตั้งแต่เล็ก ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี อยากจะมีหน้าที่การงานที่ดี ช่วงแรกเหมือนดวงจะเข้าข้าง เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะพนักงานบริษัท เกือบจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้า แต่เพราะเป็นคนไม่มีเส้นสาย จึงได้แต่ปลอบใจตัวเองไปว่า สักวันต้องเป็นของเรา
แต่น่าเสียดายที่วันนั้น ไม่มีโอกาสมาถึง ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ และด้วยพิษเศรษฐกิจที่ซ้ำเติมให้รายได้หดหาย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บริษัทที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ขาดทุนหนัก สั่งปิดตัวลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
เขาถอดถอนใจเก็บของกลับบ้านกลางวันแสกๆ แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็ซ้ำรอยเข้าไปอีก เมื่อแฟนสาวที่คบหาดูใจกันมาเกือบ 2 ปี นอนระรื่นให้กับชายอื่นเชยชม
เขาจำได้ ว่ามันคือ อัพไลน์ ที่เพิ่งมาชวนเธอทำธุรกิจเครือข่ายไม่กี่อาทิตย์ก่อน ภาพเรือนร่างอันอ้อนแอ่นของแฟนสาว ถูกร่างกายอันกำยำของชายหนุ่มแนบอยู่คาตา
เธอสะดุ้งตกใจหน้าถอดสี เรียกชื่อ พี่เกล้าๆ หวังจะอธิบายบางสิ่ง
แต่มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว แหล่งน้ำสุดท้ายได้เฮือดแห้งไปหมดแล้ว เขาแทบจะเดินออกมาตัวเปล่า ในตัวมีเพียง เศษเหรียญไม่กี่สิบบาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กลางสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่
“บางครั้งมีหนึ่งความรู้สึกวูบเข้ามาในหัวว่า แท้จริงแล้วที่นี่ อาจจะไม่ใช่โลกของเรา”
ทั้งความฝัน ความทรงจำต่างๆ แล่นเข้ามาเต็มหัว แท้จริงแล้วผมว่าผมไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรเท่าไหร่ แต่ทำไมเรื่องร้ายๆ ถึงได้ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน บางครั้งผมคงเหนื่อย เหนื่อยเกินไปที่จะมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้
สิ้นเสียงความคิด ลมวูบขึ้นพุ่งเข้าปะทะหน้า เขารู้สึกตัวเองกำลังร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็ว
มีคนกระโดดสะพาน มีคนกระโดดสะพาน !!!!!
เสียงคนสองข้างแม่น้ำตะโกนโหวกเหวก เวลาแค่เสี้ยววินาที แต่แท้จริงมันช่างยาวนาน ผมตัดพ้อกับโลกทั้งใบ ถ้ามีโอกาสเกิดมาในโลกใบใหม่ ผมจะไม่ยอมเป็นคนขี้แพ้แบบนี้อีกแล้ว
ตู้มมมม เสียงร่างเนื้อกระทบน้ำอย่างจัง ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ผมค่อยๆลืมตาขึ้น มองดูสิ่งรอบกาย มันช่างสงบนิ่ง เยือกเย็นจนน่ากลัว แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น พอกันทีชาตินี้ ผมปล่อยตัวเองจมลงกึ้งบึ่ง ลมหายใจเริ่มติดขัด นี้ผมกำลังจะตายแล้วใช่ไหม
ช่วงแรกผมกระเสือกกระสน ทุรนทุราย แต่ชั่ววูบก่อนสิ้นสติ ผมสังเกตเห็นแสงวูบสีเขียวมรกต เป็นประกายอยู่ใต้ธารน้ำ ลำแสงสีเขียวอ่อนๆ ส่องประกายแวววาวมาทั้งผม มันน่าแปลกว่า ทั้งที่กำลังจะขาดอากาศตายแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกปลอดโปร่ง หัวมันโล่งไปทั้งหัว ผมค่อยหลับตาลงอย่างเนิบช้า
มันช่างอบอุ่น อบอุ่นเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าความตายจะสบายเช่นนี้ ผมน่าจะเลือกที่จะตายมาตั้งนานแล้ว
ร่างกายชายหนุ่มจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ลึกลงเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ว่าก้นบึ่งของธารน้ำสายนี้ลึกแค่ไหน หรือแท้จริงแล้วที่นี่มันไร้ที่สิ้นสุด
……..
ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน เสียงสายน้ำกระทบโสตประสาท ปลุกผมขึ้นจากภวังค์อันแสนยาวนาน นี่ผมตายไปแล้วใช่ไหม ผมค่อยๆถามตัวเอง ก่อนจะค่อยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
ผมค่อยมองไปรอบๆกาย ผมกำลังนั่งแช่อยู่กลางธารน้ำตื้น รอบข้างเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของแมกไม้ ที่นี่ไม่เห็นเหมือนนรก และ คงไม่ใช่สวรรค์
สายน้ำเย็นเยือกไหลผ่านร่างกาย ความรู้สึกล้วนเป้นของจริง ผมคงเป็นคนที่อับโชคมากๆ ขนาดจะฆ่าตัวตายยมบาลยังไม่ยอมรับ แล้วที่นี่มันที่ไหนกันละเนี่ย ผมค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น มองสำรวจไปรอบข้างอีกครั้ง
สองข้างทางมันเป็นป่าโปร่งๆ ลำธารไหลผ่ากลาง ดูสงบและร่มเย็น ผมค่อยๆลำดับความทรงจำดูว่า ผมกระโดดลงมาจากสะพานกลางเมืองใหญ่ แต่เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้
สำรวจดูของติดตัว ผมพบตัวเองมีเพียงเศษเหรียญ ไม่กี่สิบบาท นาฬิกา 1 เรือน และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โชคดีเหมือนเกินที่มันเป็นโทรศัพท์กันน้ำ ผมหยิบมันขึ้นมาเดินค้นหาสัญญาอยู่พักใหญ่
ให้ตายเหอ ให้จมน้ำตายไปเลยซะยังดีกว่าต้องมาหลงอยู่กลางป่าแบบนี้ โทรศัพท์ก็ไร้สัญญาณ มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า
ในช่วงที่ใกล้จะสิ้นหวัง จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียง วี๊ดร้องของหญิงสาวดังขึ้น
กรี๊ดดด นายท่าน ปล่อยเราเถอะ เสียงเธอร้องโหยหวนช่างดูน่าเวทนา ผมค่อยๆคืบคลานเข้าไปมองหาต้นตอของเสียง
ภาพที่เห็นเบื้องหน้ามันช่างแปลกตา ซุ้มกระโจมวางเรียงราย เหมือนเป็นคาราวานใหญ่ ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูแปลกต่าง คล้ายกับที่เคยในหนังจีนกำลังภายในเก่าๆ ต้นตอของเสียงร้องเป็นหญิงสาวที่แต่งกายธรรมดาๆ กำลังถูกชายแก่หน้าตามากด้วยราคะ ล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้านวคลึงอย่างมูมมาม
เสียงตบฉาดใหญ่ ทำเสียงสะอื้นเงียบหายไป
ชายแก่ร่างท้วม จับเธอโกงก้น ถกผ้าขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือกระทำชำเราเธออย่างรุนแรง
เธอกัดฟัน เหมือนอยากจะร้อง แต่ก็เอามือปิดปากไว้ไม่กล้าส่งเสียง ใบหน้าเธอยังดูเยาว์วัยนัก
ผมทั้งอึ้งและตกใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่เขากำลังถ่ายหนังกันอยู่หรือเปล่า ผมมองไปรอบๆ มันไม่เห็นเข้าเค้าจะเป็นกองถ่ายตรงไหนเลย
และที่แปลกมากๆ คือ นอกจากชายแก่คนนี้แล้ว ลักษณะคนอื่นๆ กลับนิ่งเฉยๆ นั่งก้มหน้าก้มตากันอย่างหวั่นเกรง กองคาราวานนี้นับคนได้อยู่ประมาณ 30 คนเศษ บนรถม้าขนของมาเต็มคันรถ และที่สำคัญ ผมไล่สายตามองแถบทุกคน ทั้งขบวนคาราวานนี้มีแต่ผู้หญิง ดูลักษณะแล้วมีทั้ง หญิงวัยกลางคน วัยสาวและสาวแรกรุ่น
น่าแปลกที่ทุกคน นั่งมองนิ่งๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ ความรู้สึกผมลุกโช ผมอยากจะเข้าไปช่วยเธอจับใจ แต่ขาทั้งสองข้างที่สั้นเทาด้วยความกลัว กลับก้าวไม่ออก
ผมเฝ้ามาตาแก่นั้นควบสาวน้อยคนนั้น อย่างเจ็บปวด จริงๆผมน่าจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง แต่ก็ไม่เลย สุดท้ายแล้วผมก็ไอ้ขี้แพ้ตามเคย
ชายแก่ร่างท้วม อัดกระแทกก้นงอนๆของหญิงสาวดัง ป๊าบๆ สนั่นไปลั่นป่า ก่อนที่จะค่อยๆ ชะลอลงและถอดดุ้นเอ็นเหี่ยวออกจากร่างเธอ
หญิงสาวน้ำตาไหล สะอื้นไห้เบาๆ ก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้น จับเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อยดั่งเดิม เธอรีบลุกขึ้นเดินไปร่วมกับสาวรุ่นคนอื่นๆ
หญิงสาวคนอื่นๆ โอบกอดปลอบขวัญเธออย่างอ่อนโยน เธอสะอื้นไห้กลางอกของสาวใหญ่คนหนึ่ง
เป็นภาพที่ผมโคตรสะเทือนใจ ผมมันไร้ค่า ไร้ค่าจริง
….
แม้จะรู้สึกทุกข์ระทมใจแค่ไหน ผมก็อดเลี่ยงไม่ได้ที่จะตามขบวน คาราวานนี้ไป เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นทางเดียวที่จะออกจากป่านี้ได้
น่าแปลกว่า เพราะคาราวานนี้ ดูแล้วมีการแบ่งการปกครองเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือคนคุ้มกันคาราวาน คนจัดการเสบียงหุ้งหาอาหาร และกลุ่มสุดท้ายเป็นสาวแรกรุ่นทั้งหมด ถูกจองจำไม่ต่างจากทาส
หญิงสาวคนที่ถูกข่มขืนคนนั้นก็คือทาสคนหนึ่ง ผมแอบมองเธอเป็นระยะ ดูคร่าวๆเธอน่าจะอายุราวๆ 19-24 ปี เธอดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ตรงที่มีผิวขาวสะอาดสะอ้าน ผมดำขลับถึงกลางหลัง แม้เสื้อผ้าจะปกคลุมเรือนร่างไว้ แต่ผมประมาณด้วยสายตาคร่าวๆได้ว่าเธอเป็นคนที่รูปร่างดีถึงดีมาก อกเป็นอก เอวเป็นเอว ถึงจะมองเห็นหน้าไม่ชัดจากระยะนี้ ก็พาจะเดาออกมาเธอเป็นคนสวย
ตลอดระยะเวลา 3 วัน นอกจากเธอแล้ว ชายแก่คนนั้นยังเฝ้าวนเวียนดึงเด็กสาวออกมาเสพสมทีละคน ๆ แต่ทุกครั้งล้วนทำด้วยท่าสิ้นคิด คือให้หญิงสาวโก้งก้น และกระเด้าท่าหมาอย่างเดียว และดูเหมือนน้ำอดน้ำทนของมันจะมีอยู่เพียงแค่ 3-4 นาทีเท่านั้น
…
ครั้งหนึ่งผมรู้สึกหิวมาก และแอบเห็นขนมปังวางอยู่รถคันหลังสุดของคาราวาน ผมอาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอ แอบย่องไปหยิบขนมปังมาก้อน ถึงแม้จะรอดสายตาของคนคุ้มกันคาราวาน แต่กลับไม่รอดสายตาของทาสสาวคนนั้น
เธอเพ่งมองผมด้วยความตระหนกตกใจ ผมทำท่าจุ๊ปากขอให้เธอเงียบไว้ เธอเอามือทั้งสองข้างปิดปากเธอแน่น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ผมค่อยๆปลีกตัวหนีออกมา เธอเฝ้ามองแผ่นหลังผมที่วิ่งจากมา ผมหันกลับไปมองแววตาละห้อยของเธอ ผมพอจะเดาออกว่าเธอคงกำลังวิงวอนผมให้ช่วยอะไรเธอสักอย่าง
แต่น่าเสียดาย ที่ผมมันก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง
…
ย่ามสายของวันที่ 4 ผมเริ่มสังเกตเห็นเมือง ผมจึงรีบปรี่ตัวออกจากคาราวานเพื่อนมุ่งหน้าเข้าเมือง ถึงตอนนี้ใจผมล่วงไปลงอยู่ตาตุ่ม สภาพบ้านเมืองของที่นี่มันสร้างความตื่นตะลึงให้ผมไม่น้อย สภาพตึกรางบ้านช่องที่ทำด้วยไม้เป็นหลัก ถนนเป็นดินผู้คนยังสัญจรด้วยเกวียนและสัตว์เป็นพาหะนะ นี่มันยุคสมัยไหนวะเนี่ย ผมรีบปรี่เข้าไปหาป้าคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนมา
ป้า ป้า ที่นี่ที่ไหนเนี่ย แล้วนี้มันปี พ.ศ. เท่าไหร่
ป้ามองผมกลับอย่างงุนงง ก่อนจะถามผมกลับว่า นายน้อยพูดถึงเรื่องอะไร บ่าวไม่เข้าใจ เธอมองผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะรีบเดินปรี่ไปจากผมอย่างรวดเร็ว
ผมยังพกความสงสัยไปเต็มกระบุง ก่อนจะค่อยๆย่างก้าวเข้าเมืองไปทีละก้าว
มันน่าแปลก น่าแปลกมากๆ ตลอดสองข้างทางที่ย่างก้าวเข้ามา ผมแทบไม่พบผู้ชายเลยสักคนเดียว หมู่บ้านแห่งนี้มีแต่ผู้หญิง ผู้หญิง แล้วก็ผู้หญิง ซึ่งทุกคนเมื่อเห็นผมเธอแทบจะแหวกทางให้ เดินโน้มกายผ่าน ราวกับว่าผมเป็นเทพเจ้ามาจากไหน
ผมเดินเข้ามาจนเกือบสุดทาง ก็พอสาวนางหนึ่งปรี้เข้ามาด้วยท่าทางอ่อนน้อม
นายท่าน เพิ่งมาถึงหรอค่ะ เชิญด้านในได้เลยนะคะ งานขายเพิ่งจะเริ่มขึ้น
งานขาย ผมทวนคำบอกเล่าอย่างสงสัย
ขายอะไรครับ ผมถามกลับ
ก็ขายทาสไงค่ะ เชิญด้านในเลยค่ะ เด่วจะไม่ทัน
….
ภายในมันโอ่งโถง ผู้คนรายล้วนอยู่รอบเวทีสูงที่ยกขึ้น ผมเริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะในนี้ มีผู้ชายอยู่หลายสิบคนเห็นจะได้ แต่ละคนดูภูมิฐาน มีทั้งหนุ่มรุ่นๆ ยันตาแก่ผมขาว ผมถูกจัดนั่งด้านหลังสุด
ผมใช้เวลาช่วงนี้ ขบคิด เหตุผลอะไรที่ผมมาอยู่ที่นี่ ไม่มีวิทยาศาสตร์ข้อไหนที่ร่ำเรียนมาตอบคำถามนี้ได้ ในระหว่างนั้นเองก็มีชายร่างใหญ่เดินขึ้นเวที ลากหญิงสาวออกมาทีละคน
ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก นี่มันยุคแห่งการค้าทาสชัดๆ หญิงสาวแรกรุ่นคนแล้วคนเล่า ถูกลากขึ้นบนเวที มีตั้งแต่เด็กสาวในวัย 11-25 ผลัดกันขึ้นมา ชายร่างใหญ่จะประกาศราคาเริ่มต้นสำหรับเด็กสาวในวัย 14 ราคา 5 เบล
ผมสังเกตเห็นแววตาที่น่ารังเกียจของบุรุษทุกผู้ในที่นี้ ล้วนแล้วแต่มองเด็กสาวด้วยแววตาที่อยากจะกลืนกิน
6 เบล 7 เบล 10 เบล
ราคาของเด็กสาวถูกประมูลขึ้นให้สูงขึ้นตามลำดับ
หญิงสาวคนแล้วคนเล่าถูกเคาะขาย และส่งให้กับชายผู้ให้ราคาสูงสุด สิ่งที่ทำเอาผมตกใจไปมากกว่านั้น นั่นคือบางคนเมื่อประมูลได้มา ก็จับเด็กสาวขึ้นนอนคว่ำลงกับโต๊ะ ชัดดุ้นเอ็นขนาดใหญ่ยาวขึ้นแทงพรวดเข้าไปในร่องตีบตันของเด็กสาว
อื้ออ กรี๊ดดดด อื้ออ นายท่าน พอก่อน หนูเจ็บ อื้อออ เด็กสาวร้องไห้อย่างทุรนทุราย แต่กลับกลายเป็นความสะใจของบุรุษรอบข้าง บางคนถึงกับเกิดอารมณ์และจับทาสสาวที่ติดตามมาด้วยขึ้นมากระทำชำเราในแบบเดียวกัน
นี่มันนรกของหญิงสาวชัดๆ
ผมตัดสินใจจะลุกหนีไปจากนรกแห่งนี้ แต่แล้วเรื่องไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อสินค้าชิ้นถัดมา ไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นหญิงสาวผิวขาวสะอาดตาที่ผมพบอยู่กลางป่า
มินตรา สาวชาวเมืองไซเรีย ที่มีผิวผ่องดุจขนนก ชายร่างใหญ่บนเวทีเริ่มพิสูจน์ด้วยการกระชาก เสื้อผ้าเธอออก
เห้ยยย สะอึกจนแทบก้าวขาไม่ออก ผิวพรรณของเธอช่างผุดผ่อง ขาวเนียนต่างจากทาสคนอื่นๆ หน้าอกเธออวบอูมได้รูป ดูๆแล้วหากเทียบกับไซค์ปัจจุบัน คงไม่ต่ำกว่า 36 เธอรีบเอามือปกปิดส่วนสำคัญของร่างกายและทรุดตัวนั่งลง แต่ก็มิอาจปกปิดเรือนร่างอันงดงามของเธอไว้ได้
เริ่มต้นที่ 30 เบล สิ้นเสียงชายร่างใหญ่
เสียงต่อราคาดังไม่ขาดสาย 35 40 45 50
ราคาเธอถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สายตาทุกคู่ดูหื่นกระหายกับทาสสาวคนนี้
หน้าตาเธอดูอิดโรย ใบหน้าดูเศร้าหมองไร้ชีวิตชีวา ชายร่างใหญ่กระทำซ้ำร้ายเข้าไปอีก ด้วยการจิกหัวกระชากเธอลุกขึ้น เธอพยายามดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด เมื่อมือทั้งสองข้างหลุดออกจากเนินอกของเธอ เผยให้เห็นเนินอกขาวอวบ ปลายหัวนมชูชันไปดูเม็ดทับทิมสีชมพูอ่อน
ใบหน้าสวยหวาน ผสมกับเรือนร่างอันงดงามของเธอ ไม่แปลกใจเลยทำไมชายแก่ที่กลางป่าถึงได้ติดอกติดใจ ข่มขืนเธอบ่อยกว่าใครเพื่อน ผมคิดแล้วยังปวดใจ ที่เห็นทุกครั้งแต่กลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้เธอถูกย่ำยีครั้งแล้วครั้งเล่า
85 90 95 100
ราคาเธอพุ่งสูงขึ้นชนิดที่ทะลุเพดาน เสียงสู้ราคาประปรายลงไป คนสุดท้ายที่ให้ราคาเธอ 100 ผมจำได้ว่ามันซื้อเด็กสาวไปแล้วถึง 4 คน แต่ละคนเมื่อมันได้ไปก็ลงมือขย่มจนร้อนลั่น
โชคชะตาผมว่าโหดร้ายแล้ว ยังไม่สู้ของเธอ หากปล่อยให้มันได้ตัวเธอไป
ผมไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เงินเบล ที่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
ผมยกมือตะโกนสุดเสียง
200 เบล !!!!!!!!!
ทุกสายตาผมหันมามองผมเป็นจุดเดียว เสียงร้องฮือฮาดังขึ้นไม่ขาดสาย นี่คงเป็นราคาทาสหญิงที่แพงที่สุดเป็นสถิติของที่นี่กระมั่ง
…………
คุณต้องไม่เชื่อผมแน่ๆ สิ้นสุดการประมูลตัวทาสสาว ผมถูกพาไปจ่ายตังที่หลังเวที ผมบอกว่าผมไม่มีเงินเบล
ผมควักเหรียญสิบ ขึ้นมา 2 เหรียญ และยื่นให้กับหญิงร่างใหญ่เมื่อครู่ หญิงร่างใหญ่ส่งต่อให้กับคนที่ดูท่าทางจะเป็นเหมือนเถ้าแก่
เถ้าแก่คนนั้น เพ่งเหรียญสิบด้วยตาพองโด ก่อนจะเอ่ยว่า น่าจะเป็นเหรียญที่ใช้ในวัง ชายแก่คนนั้นมีท่าทีที่นอบน้อมกับผมขึ้นมาทันทีก่อนจะ ส่งเชือกซึ่งผูกเธอไว้ส่งให้ผม ก่อนจะพูดสั้นๆว่า มันเป็นของท่านแล้ว
นี่ต้องเป็นเรื่องที่บ้าที่สุดในโลก นี่ผมซื้อตัวหญิงสาวมาในราคาเพียง 20 บาท
ผมขอเสื้อคลุมตัวใหญ่ ให้กับเธอและรีบพาเธอออกไปจากนรกขุมนี้
….
ผมไม่รู้ว่าเธอจำผมได้หรือเปล่า แต่ตลอดเวลา แววตาของเธอดูหวาดกลัว หวาดระแวงผมทุกฝีก้าว ผมพาเธอมายังสถานทีที่คล้ายที่พัก เพราะมันใกล้ค่ำแล้ว อีกเช่นเคยผมควักเหรียญบาทขึ้นมาหนึ่งเหรียญ และถามเถ้าแก่ว่า เท่านี้พักได้กี่คืน เถ้าแก่แสดงพฤติกรรม ซึ่งไม่ต่างจากที่โรงขายทาสนั่น ก่อนจะบอกผมว่า นายท่านจ่ายขนาดนี้อยู่เป็นเดือนก็ยังได้
ผมมีเรื่องมากมายที่อยากถามเธอ แต่ดูท่าทางแล้วเธอคงไม่พร้อมจะพูดคุยกับผม ผมถามชื่อเธอดูอีกครั้ง
เธอชื่ออะไร ผมถาม
เธอเงยหน้าอันเศร้าหมองสบตาผมวูบขึ้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า มินตรา ค่ะ
เธอก้มหน้าก้มตา ไม่สบตาผม ผมทั้งสงสาร ทั้งหงุดหงิด แต่คิดๆดูแล้ว เธอเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา คงต้องให้เวลาเธอสักพัก ห้องที่นี่เป็นห้องเดี่ยว มีเตียงเพียงเตียงเดียว มีพนังกั้นสำหรับอาบน้ำ
ผมค่อยๆพยุงร่างกายอันอ่อนล้า คงต้องอาบน้ำสักที ในขณะที่ผมกำลังถอดเสื้อออก จู่ๆ เธอก็ร้องไห้สะอื้นขึ้นอีกครั้ง
นายท่าน อย่ารุนแรงกับบ่าวนะค่ะ บ่าวขอร้อง เธอก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย
“เห้ยยย จะบ้าหรอ” ผมสบถออกมา
ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอสักหน่อย ผมบอกกับเธอ
เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองผมอีกครั้ง แววตาช่างดูเศร้าหมอง ดวงตาใสๆคลอไปด้วยน้ำตา
ผมเป็นโรคแพ้น้ำตาผู้หญิงสะด้วย ผมรีบเดินไปที่อาบน้ำทันทีเพื่อไม่ให้เธอเข้าใจผิด โลกนี้มันอะไรกันนักหนา ที่นี่มีแต่ผู้ชายชั่วๆหรือยังไง
ผมว่าผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อออกมา ก็พบว่าเธอยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ผมเลยแกล้งวางมาดเข้ม สบถออกมาว่า จะนั่งอีกนานไหม “ฉันซื้อตัวเธอมาตั้ง 200 เบล” นะ
เธอสะดุ้งเฮือกอย่างร้อนรน เธอจะค่อยลุกขึ้นนั่งคุกเข่า ก้มโค้งต่อหน้าผม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า
“ขออภัยค่ะ นายท่าน เธอเอาศรีษะจรดพื้นไม่เงยขึ้น”
ผมยังไม่เข้าในธรรมเนียมของที่นี่เท่าไหร่ แต่เดาว่าธรรมเนียมของที่นี่ ผู้หญิงคงถูกกดขี่อย่างมาก เพราะเธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผม ผมเอ่ยเบาๆว่า
“ขอน้ำทานหน่อยละกัน” เธอสะดุ้งเฮือกก่อนจะ รีบกุลีกุจอรินน้ำให้ผมอย่างร้อนรน
เธอวางน้ำลงบนโต๊ะผมอย่างนุ่มนวล ก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าอยู่เช่นเดิม
ผมรู้สึกอึดอัดยังไงชอบกล สุดท้ายทนไม่ไหวเลยบอกว่า เลิกคุกเข่าสักทีได้ไหม ขึ้นมานั่งด้วยกันนี่สิ
เธอสะดุ้งเฮือก อีกคราก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนว่า บ่าวปรนนิบัตรนายท่านได้หลายอย่าง อย่าทำอะไรบ่าวเลยนะค่ะ
โอ้ยยย พอแล้วผมน้อมตัวลงไป ฉุดเธอขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
อย่าค่ะนายท่าน เธอส่งเสียงห้ามเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนต่อสู้อะไรผม สุดท้ายผมดึงเธอขึ้นมานั่งจนได้
เธอยังคงก้มหน้าไม่สบตา ผมเลยบอกกับเธอไปว่า เลิกเรียกตัวเองว่าบ่าวสักที
ต่อไปนี้ฉันสั่งให้เธอเรียกแทนตัวเองว่า มินตรา เข้าใจไหม
ค่ะ บ่าวรับทราบ ค่ะ เธอยังขานคำเดิมๆ
ผมแสร้งขึ้นเสียงแข็งว่า เอ๊ะบอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่า มินตรา !!
ค่ะ บ่า.. มินตรา ทราบแล้วค่ะ
….
ผมเริ่มจับทางได้ การจะคุยกับผู้หญิงในยุคนี้ ห้ามคุยแบบปกติ ต้องพูดกับเธอในเชิงออกคำสั่ง เธอจะทำตามอย่างว่าง่ายผมเริ่มด้วยการสั่งให้เธอไปอาบน้ำ ผมรู้สึกทันทีว่าเธอทำหน้าฉงนสงสัย ก่อนจะเอ่ยกับผมว่า
แต่ปกติ มินตรา ถูกสอนมาว่า ห้ามอาบน้ำในอ่างของเจ้านาย นิค่ะ
ผมเลยบอกว่า งั้นผมสั่งให้เธอไปอาบน้ำใน อ่างของฉันเดี๋ยวนี้
…
ผู้หญิงอ่ะ ครับ ไม่ว่าจะยุคไหน โลกไหน ย่อมหนีไม่พ้นความรักสวยรักงาม สะอาดสะอ้าน หลังจากเธออาบน้ำเสร็จเห็นได้ชัดเลยว่า ใบหน้าเธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นอักโข
แววตาเธอเริ่มสดใสขึ้น เมื่อขจัดคราบสกปรกออก ผมเพิ่งสังเกตเห็น ว่าเธอช่างสวยสะพรั่งอะไรขนาดนี้ ใบหน้าเรียวรูปไข่ ตากลมโต จมูกเรียวสวย ปากจิ้มลิ้ม นี่มันหน้าเกาหลีชัดๆ ผมเห็นเธอแบบนี้แล้วอดนึกไกลไปถึงเรือนร่างอันอวบอันเมื่อตอนกลางวันไม่ได้ หน้าอกอูมหัวนมชมพู แค่นึกท่อนเอ็นมันก็ลุกซู่แล้วครับ
ผมรีบขจัดภาพชั่วๆนั้นออกไปจากหัว เมื่อนึกถึงภาพของเธอตอนที่จับข่มขืนกลางป่า และอีกหลายๆครั้งๆในระหว่างเดินทาง คิดๆไปแล้วก็อิจฉาตาแก่นั้น ที่ได้เสพความสาวความสดจากร่องสวาทของเธอ
แต่ผมปฎิญาณกับเธอว่า ผมจะไม่ทำกับเธอแบบนั้น แน่นอน
…
ตอนแรกผมจะให้เธอนอนบนเตียง และผมไปนอนด้านล่าง แต่เธอไม่ยอมครับ หัวเดนตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม เธอบอกว่าทาสไม่ควรนอนสูงกว่านาย ผมพยายามบอกเธอว่าเธอไม่ใช่ทาสสำหรับผมนะ
เธอดูอึ้งๆ ครับ แต่สุดท้ายก็บอกว่า มินตรา ไม่ทำตัวแบบนั้นหรอกค่ะ นายท่านอนุญาตให้มินตรานอนข้างล่างนะ
สุดท้ายผมต้องยอมครับ เธอดึงดันแบบนั้นตลอดคืน
…
เช้ามา ผมขอให้เธอสอนผมถึงเรื่องต่างๆของที่นี่ เธอบอกว่าผมเป็นคนประหลาด
เธอบอกว่า ผู้หญิงทุกคนมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป หน้าเกิดมาใบหน้าสะสวย ก็จะถูกขายให้กับ นายท่านสู่บ้านต่างๆ ถ้าไม่สวยแต่แข็งแรงก็จะถูกส่งไปฝึกและเป็นทหาร แต่ถ้าไม่สวยและร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็จะเป็นข้ารับใช้งานบ้าน งานเรือน
ผมถามเธอว่า แบบนี้เกิดมาสวยก็ไม่ดีน่ะสิ เธอหัวเราะให้ผมเห็นเป็นครั้งแรก ก่อนจะบอกว่า ก็มีส่วนดีอยู่บ้างค่ะ
ถ้าสามารถท้องและให้กำเนิดบุตรชายได้ ก็จะได้ยกฐานะขึ้นสูงกว่าหญิงทั่วๆไป
ถึงตรงนี้ ผมเลยมีโอกาสถามว่า แล้วผู้ชายไปไหนกันซะหมดล่ะ คำถามนี้ทำเอาเธออึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก
เธอถามว่า นี่นายท่านแกล้งถามมินตราหรือไม่รู้จริง ค่ะเนี่ย
ผมบอกว่าผมไม่รู้จริงๆ
เธอบอกผมว่าโดยธรรมชาติ ผู้ชายจะเกิดยากมากค่ะ บ่าวสาวสัก 1000 คน มีโอกาสจะให้กำเนิดบุตรชายแค่ 1 คนก็นับว่ามากแล้ว
!!!!!! โลกนี้มันอะไรว่ะเนี่ย ผู้ชายเกิดยากขนาดนั้นเลยหรอ มิน่าทำไมที่นี่ถึงให้เกียรติผู้ชายนัก
เธอสบถเบาๆว่า นายท่านประหลาดคนจัง เธอจะหัวเราะคิกคัก อย่างน่าเอ็นดู
…
จริงอย่างเธอว่าครับ เธอพาผมเดินไปในตลาด 100 ทั้ง 100 แทบไม่มีผู้ชายเลย ผมเสียอีกเป็นฝ่ายถูกมอง ด้วยความเคารพยำเกรง มีบ้างที่หญิงสาวชายตามอง
มีบ้างที่เห็นผู้ชาย ก็มักเป็นพวกเสเพล วางกล้ามนักเลงโต ที่ผมเห็นๆ ก็เป็นชายวัยหนุ่มคนหนึ่ง เดินเตร่ๆไปตามถนน เมื่อพอใจสาวคนไหนก็จะมุ่งหน้าเข้าไปฉุดกระชากหล่อนเข้ามา ก่อนจะลงมือถกเสื้อผ้าขึ้น จับโก้งก้น และเริ่มกระเด้าซอยถี่ๆ
ผมเห็นแล้วยังตกใจ นี่แม่งเล่นลงมือข่มขืนต่อหน้าต่อตา กลางวันแสกๆ ผู้หญิงอื่นเดินผ่านไปผ่านมาชายตามองบ้างเหมือนเป็นเรื่องปกติ
มินตราเองก็มองด้วยใบหน้าเขินอาย
ผมหันไปถามเธอว่า ทำแบบนี้ได้ด้วยหรอ ผมถาม
ได้สิค่ะ อย่างที่มินตราบอกไง เราไม่ค่อยมีผู้ชาย แต่การให้กำเนิดประชากรเป็นเรื่องสำคัญ ผู้หญิงบางคนก็ต้องการมีบุตรชายและยกฐานะตัวเองสูงขึ้น ถ้ากับชายพี่เขาพอใจ พวกเขาไม่ขัดขืนกันหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอค่ะ มินตรา พูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ผมยังอึ้งกับธรรมเนียมของโลกใหม่ ไม่หาย นี่หมายความว่าผมเดินไปที่ไหน เจอคนถูกใจผมก็สามารถจับซั่มได้เลยน่ะหรอ ผมแกล้งยิงคำถามใส่ มินตรา ว่า ในเมื่อที่นี่ผู้ชายจะทำอะไรกับผู้หญิงก็ได้ ตลอดเวลา
ทำไมมินตราถึงไม่ให้ฉันทำกับเธอมั่งล่ะ ผมแกล้งถาม
เธอก้มศรีษะลงต่ำ ใบหน้าแดงระรื่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า
มินตรา เคยห้ามนายท่านหรอค่ะ มินตรา แค่ขอว่า นายท่านอย่างรุนแรง กับมินตรา ต่างหาก
เธอพูดด้วยสีหน้าแดงฉาน เธอแทบไม่สบตาผมด้วยซ้ำ คำตอบของเธอทำเอาผมอึ้งไปพักใหญ่
นี่ผมเข้าใจผมมาตลอดหรือนี่ ผมค่อยๆไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ผมเริ่มจะหลงรักโลกแห่งนี้แล้วล่ะ
….
ผมเดินใจลอยกลับที่พักอย่างเงียบงัน โดยมีมินตราเดินต้อยๆตามด้านหลัง
เท่าที่ผมสังเกต มินตรา ดูต่างจากหญิงสาวชาวบ้านในระแวกนี้อย่างชัดเจน เธอดูสูงโปร่งกว่า สง่ากว่า แถมผิวพรรณยังนวลเนียนกว่าเป็นไหนๆ
มินตรา มีเนิกอกที่อวบอิ่ม เควคอดกิ่ว สะโพกผายกำลังงาม ถ้าอยู่ในยุคที่มาจากมา นี่มันหุ่นนางแบบชัดๆ ไม่แปลกใจที่ใครๆอยากได้เธอ ในระดับทาสนับว่าผมซื้อเธอมาในราคาที่สูงเอามากๆ
น้ำร้อนพร้อมแล้วนะค่ะ นายท่าน เป็นสิ่งที่ผมแก้เธอไม่ได้ครับ เรายังมีระยะห่างระหว่างนาย บ่าว ต่อกัน จนผมเริ่มรู้สึกว่า แบบนี้ก็โอเคแล้ว ผมอยู่ในแปลกที่แปลกถิ่น จะนำอะไรที่ทันสมัยมาใช้คงจะไม่เหมาะ ผมปล่อยเธอในเรียกผมแบบนั้นต่อไปแบบไม่อย่างขัดใจ
มินตราเดินมาพร้อมผ้าผืนใหญ่ เธอคุกเข่าลงข้างกายผมพร้อมยื่นให้อย่างนอบน้อม
ผมเริ่มสะกิดใจนึกถึงคำพูดของเธอที่ตลาดวันนี้ขึ้นมา ผมทำอะไรกับเธอก็ได้จริงๆนะหรอ สายตาผมเริ่มมองทะลุไปถึงเนินอกอวบอึ๋มของหญิงสาว ในหัวมีภาพของเธอยามอยู่ในป่าแวบเข้ามา
ภาพของชายแก่ที่บีบเค้นหน้าอกเธออย่างและกระเด้าเธอย่างตะกละตะกาม ถ้าเลือกได้ ผมน่าจะช่วยเธอตั้งแต่ตอนนั้น แต่ผมกลับนิ่งเฉย ถึงเธอไม่เคยเอ่ยถึง แต่ผมเดาว่าอย่างน้อยก็น่าจะรู้สึกมีตราบาปติดตัว
มินตรา ช่วยอาบน้ำให้เราหน่อยได้ไหม ผมแกล้งเอ่ยขึ้นเบาๆ
มินตรา มองหน้าผมแวบนึงก่อนจะก้มหน้าก้มตาอย่างเขินอายก่อนจะบอกว่า
ทำไมจะไม่ได้ล่ะค่ะ มินตราต้องทำตามที่นายท่านสั่งอยู่แล้ว เธอรีบกุลีกุจอ ลุกขึ้น ถอดเสื้อผ้าให้ผม ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดืยวเดินเป้าตุงไปที่อ่างอาบน้ำครับ
ไม่ต้องปิดบังอีกแล้ว บอกตรงๆ ว่าตอนนี้เงี่ยนเอามากๆ
…
ผมไม่เคยถูกปรนิบัติ แบบนี้มาก่อนเลยครับ นิ้วมือเรียวยาวลูบไล้ เปลือกผลไม้สักชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอมไปตามแผ่นหลังผม เธอลูบไล้อย่างนิ่มนวลทำเอาผมมีอารมณ์มากครับ นี่มันสปาดีๆนี่เอง จังหวะที่เธอลูบมาถึงแผ่นอกผม ผมอดใจไม่อยู่ที่จะคว้าหมับกุมหลังมือเธอไว้
อุ้ยย มินตราขอโทษค่ะ นายท่านเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เธอร้องขึ้นอย่างกริ่นเกรง
ผมทั้งขบขัน ทั้งเอ็นดู เธอดูจะทะนุทนอมผมราวกับเป็นทารก
แค่เธอลูบไล้ไปตามร่างกาย ผมจะไปเจ็บได้อย่างไร ผมเอ่ยถาม
มินตรา ขอโทษค่ะ เธอขอโทษผมอีกครั้ง
ไม่ต้องขอโทษแล้ว มานี่เลย มาอาบด้วยกันสิ ผมเริ่มแผนชั่วที่อยู่ในใจออกมา
ไม่ได้ค่ะ เป็นบ่าวจะอาบน้ำกับเจ้านายได้ยังไง เธอเอ่ยแย้ง
ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ถ้าเจ้านายสั่ง เธอจะขัดขืนหรอ ผมเริ่มแสดงอำนาจ
มินตรามีท่าทีอ่อนลงอย่างชัดเจน เธอก้มหน้ารับคำก่อนจะเอ่ยเสียงเอ่อยๆ ว่า ค่ะ
โอ้ยไม่ไหวแล้วครับ ไม่ว่าเธอจะอยู่ในฐานะไหน แต่กิริยา นอบน้อม ถ่อมตน มันดูน่ารักน่าชัง อย่างที่ผมหักห้ามใจไม่อยู่
เธอลุกขึ้น ขอตัวไปถอดชุดเพื่อมาลงอ่างกับผม แต่วินาทีนั้นผมหักห้ามใจไม่อยู่อีกแล้วครับ
ผมฉุดดึงมินตราลงอ่างมาทั้งชุดแบบนั้นเลย
ว้ายยย นายท่าน มินตราเปียกหมดแล้ว
หญิงสาว วัยสะพรั่งผิวขาวราวกับหยวกกล้วย ผมยาวเปียกปอน ขับเน้นรูปหน้าของเธอที่ดูเรียวสวย เสื้อผ้าของทาสสาวมันยิ่งบางอยู่แล้ว เมื่อโดนน้ำมันกลับแนบเนื้อเผยสัดส่วนของหญิงสาววัยเจริญพันธ์ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
มินตราเป็นคนหุ่นดีมากๆครับ ผมเห็นแล้ว แทบไม่เชื่อสายตา เพราะตลอดชาตินี้ผมคงหาผู้หญิงสวยขนาดนี้เป็นเมียไม่ได้แน่ๆ
มินตราทำท่าจะตะกายออกจากอ่าง ผมอาศัยจังหวะนั้น โอบรั้งเธอเข้าไว้ ผมโอบกอดเธอจากด้านหลัง ชนิดที่แผ่นหลังเธอแนบกับอก จังหวะนี้เองครับ เจ้าหนูผมที่อดอยากมานาน เสียดสีเต็มเข้ากับสะโพกของหญิงสาว
มินตราออกอาการสะดุ้งเฮีอกหนึ่ง เธอบ่นอุบเบาๆว่า นายท่านจะเริ่มรังแกมินตราแล้วใช่ไหม
เธอใช้ถ้อยคำได้อย่างน่ารักน่าชัง เหมือนจะรู้ว่าผมต้องการอะไรจากเธอ ผมแกล้งกลบเกลื่อนไปว่า
เปล่าสะหน่อย เราแค่จะอาบน้ำให้มินตราบ้างแค่นั้นเอง
…
มือผมเริ่มอยู่ไม่สุขแล้วครับ ผมเริ่มล้วงมือเป็นระวิง ในโลกนี้ผมยังไม่เห็นการใส่เสื้อใน กางเกงใน ในหมู่ผู้หญิง หรือจริงๆแล้วในโลกนี้อาจจะยังไม่รู้จักการใส่ชั้นในเลยก็ว่าได้ นั่นเป็นเหตุผมว่าทำไมผมล้วงเข้าไปใต้เสื้อ ผมถึงได้คว้าหมับเข้ากับก้อนเนื้อกลมกลึงได้อย่างจัง
อูยยย นมใหญ่มากครับ ผมโอบได้ไม่เต็มมือด้วยซ้ำ กะเอาขนาดไซร้มาตราน่าจะอยู่ประมาณ 35-36 มันแข็งเด้งสู้มือจริงๆ
นายท่าน อื้อออ มินตรา เริ่มเรียกผมเสียงอ่อย เธอหันคล้อยหลังมาด้วยสายตาเว้าวอน ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังต้องการอะไร แต่ตอนนี้ผมเริ่ม ล้วงต่ำลงไปที่หว่างขาเธอแล้วครับ
โหยยยย ขนเยอะมาก แค่สัมผัสก็รู้เลยว่าขนหมอยเธอเยอะมาก ผมควานหากลีบสวรรค์ของเธอ ทันทีที่ผมสัมผัสเข้ากับกลีบสวาทของเธอ มินตราถึงกับ เกร็งกระตุกไปทั้งร่าง
เธอหอบหายใจยกใหญ่ ผมยิ่งเห็นยิ่งชอบใจ เกี่ยวนิ้วเป็นขอ ขยี้ติ่งเสียวเธอย่างเมามัน
โอ้ยยย นายท่านน นายท่านทำอะไรมินตราค่ะ มินตราทนไม่ไหวแล้วนะ อื้อออ
เธอทั้งบิดตัว ครางเสียงหลง มือหนึ่งผมเขี่ยร่องเสียวเธอ อีกมือหนึ่งผมคลึงหน้าอกเธอไว้ หัวนมสีชมพูตัดกับสีผิวชูชันสู้มือไม่หยุด ผมบรรจงดูไซร้ซอกคอขาวผ่องของเธอ
โอยยย นายท่านเป็นคนประหลาดจัง มินตราไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย นายท่านทำอะไรมินตราเนี่ย
โฮ้ยยย อื้ออ มินตราดิ้นทุรนทุราย ขาเธอกระตุกเป็นจังหวาะไม่หยุด นับสิบครั้ง ก่อนที่จู่ๆเธอจะหายใจอ่อนระทวย สีหน้าเธออ่อนสิ้นเรียวแรง ซบลงที่หัวไหล่ผม
ทาสสาวสัมผัสถึงจุดสุดยอดเป็นครั้งแรกในชีวิต ผมยังคงชอบใจกับเนินอกอวบอูมของเธอ ผมดูดหัวนมมินตราอย่างมูมมาม ในขณะที่เจ้าตัวยังใจลอยไม่ได้สติ
…
นายท่าน นายท่าน อย่ากัดสิค่ะ มินตราเจ็บนะ เธอเริ่มรู้สึกตัวอีกแล้ว
ผมบอกตรงๆ ผมแทบคลั่งกับเรือนร่างแบบนี้ ก่อนที่ผมจะมาโลกนี้ชีวิตเซ็กผมมันช่างจืดชืด ผมมีเมืยที่ทำเป็นเฉยชากับเรื่องเซ็ก แต่กลับแอบไปมีชู้กับคนข้างบ้าน และอีกอย่างเมียผมที่โลกนั้นเทียบไม่ได้กับมินตราด้วยซ้ำ
ผมถอดริมฝีปากออกจากหัวนมของเธอ ก่อนจะเข้าประกบริมฝีปากกับหญิงสาว
มินตรานิ่งอึ้งชนิดที่ทำตัวตัวไม่ถูก ริมฝีปากเธอช่างอ่อนนุ่ม ผมค่อยๆถอดริมฝีปากออกมา มินตราเบี่ยงหน้าหลบสายตา
เป็นอะไรครับ ไม่ชอบที่ผมทำแบบนี้หรอ ผมเอ่ยถามเธอเบาๆ พร้อมกับเชยคางเธอขึ้นมาสบสายตา
มินตรายังคงหลบสายตา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆว่า เปล่าค่ะ นายท่านอ่อนโยนกับมินตรามากๆ
มินตราไม่เคยถูกทำแบบนี้มาก่อน เลยทำตัวไม่ถูก เธอเอ่ยอย่างกังวลใจ
โถ่ ผมโอบศรีษะเธอเข้าซบอก ก่อนจะปลอบคำหวานกับเธอว่า แบบนี้แหละดีแล้ว มินตราทำแบบนี้แหละดีแล้ว ผมชอบที่เธอเป็นแบบนี้
เธอดูอึ้ง เงียบงันจนทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เธอจะรู้สึกได้ว่า มีดุ้นแข็งๆบางอย่างจิ้มอยู่ที่บริเวณหน้าขาเธอ
มินตราเธอกลับมามีสติอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นแบบอายๆว่า นายท่านคงจะอึดอัดแย่เลย มินตราพร้อมแล้วค่ะ
สิ้นเสียงเธอจู่ๆ มินตราก็ลุกขึ้นหันหลังให้ผม เธอเริ่มโก้งก้นงอลๆของเธอมาทางผม เผยให้เห็นกลีบสีแดงอ่อนๆ ตัดกับผิวขาวๆของเธอ อวบอูมเป็นโคกใหญ่ แม้เธอจะเป็นคนที่ขนที่ค่อนข้างดก แต่กลับตรงกลีบมันดันเนียนสวยไม่มีขนขึ้นรกรุงรัง
นับเป็นค่านิยมกันเอากันที่สิ้นคิดมากๆ ผมเพิ่งคลายความสงสัยว่าทำไม ผมเห็นผู้ชายในโลกนี้แต่ละคนที่เอาผู้หญิงในท่าหมาตลอด ผมเดาว่าในโลกนี้คงคิดกันว่า เวลาผู้ชายกับผู้หญิงจะเอากัน มีท่านี้ท่าเดียว
มินตรา ให้ท่าอย่างเชื้อเชิญ แต่ไม่ครับ ผมจะไม่เป็นเหมือนคนอื่นในโลกนี้ ผมบรรจงเอาหน้าซุกลงที่แคมอวบอูมของเธอย่างรวดเร็ว
ว้ายยยย นายท่าน ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ มันสกปรก อย่างทำแบบนี้ อื้อออ อื้ออ
จากเสียงห้ามไม่นาน กลายเป้นเสียงครางสนั่นไม่หยุด ผมทั้งดูดทั้งซดร่องหีของเธอเสียงดังจ็วบ จ๊วบไม่ขาดสาย
โฮ้ยยยย มินตราเริ่มเข่าทรุดอีกครั้ง ผมเลียแคมหีเธอไม่นาน จู่ๆ น้ำเหนียวๆมากมายก็ไหลพรูออกมาตามร่องหีเธอจนมันฉ่ำไปทั้งโคก
มินตราแทบจะสิ้นสติอีกครั้ง ผมคิดว่าผมคงเล่นสนุกกับเธอจนพอแล้ว
ผมโอบอุ้มร่างไร้สติของมินตรากลับมาที่ ผืนที่นอน ทาสสาวโฉมสะคราญ นอนเปลือยกายผมยาวสยายหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผมค่อยๆขยับร่างกายคร่อมร่างกายเธอ ผมจับเธอแยกขาออกแล้วค่อยๆแทรกตัวลงไประหว่างกลาง
ให้ดุ้นเอ็นน้อยๆของผมได้ทำความรู้จักกับร่องสวาทของหญิงสาวเป็นครั้งแรก
นายท่าน เธอเรียกหาผมอย่างอ่อนหวาน น้ำเสียงเธอรินระทวย เมื่อถูกดุ้นของผมถูไถไปมาเบาๆบริเวณเนินสวาท
หญิงไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อะไร แต่ก็ไม่เคยถูกจับให้เล่นบทรักในท่าพิสดารเช่นนี้ หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีจังหวะ เธอเขินอายมากๆ ที่มานอนแหกขาให้นายท่านเชยชมอย่างนี้
นายท่านลูบไล้ไปตามเรือนร่างเธออย่าง ถนุถนอม เธอไม่เคยสัมผัสความอ่อนโยนจากบุรุษแบบนี้มาก่อน
โอ้ยยยยยย เธอครางลั่นออกมาคำใหญ่ เมื่อดุ้นใหญ่ๆแทรกตัวผ่านเข้ามา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอตื่นเต้นกับบทสวาทขนาดนี้ นายท่านขยับแรงกระแทกอย่างแผ่วเบา และคอยถามเธอตลอดว่าเจ็บหรือเปล่า
เธอส่ายหน้าอย่าง ขัดใจ ทั้งที่ข้างในมันแน่นไหมดแล้ว เธอแสบบริเวณร่องไปหมด แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยบอกกับนายท่าน นายท่านดูจะชอบหน้าอกเธอมาก เขาดูดและเลียมันอย่างมูมาม โอ้ยยยย เราเป็นของนายท่านทั้งกายและใจหมดแล้ว
…
อูวววว ผมไม่เคยเอาผู้หญิงที่ไหนมันขนาดนี้มาก่อน เธอทั้งแน่นทั้งนุ่มไปทั้งตัว หน้าอกคู่งามเด้งไปมาไม่มีทิศทางตามแรงกระแทกของผม อากัปกริยา อันใสซื่อแม้จะไม่บริสุทธิ์ แต่ก็ทำเอาผมหลงหักปักหัวปำ
มินตราจ๋า ผมร้องเรียกหาเธอไม่ขาดปาก เธอนอนหลับตาพริ้ม กัดฟันส่องเสียวครางออกมาอย่างขะเขิน
ผมเริ่มสปีดกระเด้าร่องสวาทเธอหนักหน่วงขึ้น จนเธอเริ่มร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวด อาการทรมานของหญิงสาวมันทำเอาผมแทบคลั่ง ผมประกบปากเธออีกครั้ง พยายามให้สอดแลกลิ้นกับผมเพื่อเผยปากออก ผมได้ยินเสียงครางในลำคอเบาๆเล็ดลอดออกมา
มินตราจ๋า ถ้าเสียวก็ร้องออกมาดังๆเลยนะ ผมสั่งเธอพร้อมกับเร่งกระแทกสุดแรง
โฮ้ยยยยย จริตของหญิงสาวยังมีมากโข เธอพยายามกลั้นใจไม่แสดงความเสียวซ่านออกมามากนัก จนผมรู้สึกได้ว่าร่องเธอมันขยิบอย่างรุนแรง มินตราจิกแขนผมแน่น เธอนอนหอบหายใจอย่างไม่ตอบสนองผมถึงได้รู้ว่าเธอแตกนำผมไปก่อน
…
เธอไม่รับรู้เลยว่าเธอสติลอยไปนานเท่าไหร่ เมื่อรู้สึกตัวกลับมาอีกที เธอพบนายท่านนอน กก เธอไว้ในท่าเธอ นายท่านลูบไล้ใบหน้าเธออย่างอ่อนโยน เธอเขินอายจนต้องหลบสายตา
กลับมาก็ดีแล้ว เราจะทำต่อแล้วนะ นายท่านไม่ได้รอเธอเพื่อขออนุญาต เขารอเพื่อจะให้เธอมีสติแล้วเสียวขึ้นอีกครั้ง
โฮ้ยยยย นายท่าน มินตราแสบไปหมดแล้ว โอ้ยยย จะฆ่ากันหรือไง
มินตราน่ารักนิ ผมขอเอาทุกวันเลยได้ไหม ผมเอ่ยถามเธอตรงๆ
เธออายม้วนไม่กล้าสบตา ก่อนจะเอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า มินตราขัดได้หรอ
โอ้ยยยย น่ารักอะไรขนาดนี้ ผมจับเอวเธอไว้เป็นมั่นเหมาะ ก่อนจะเร่งออกแรงขย่มจนเตียงลั่นสนั่นห้อง
อูยยยยย เสียวโว้ยย อะไรจะเอามันขนาดนี้ ผมครางอย่างเสียสติ
หญิงสาว นอนหัวสั่นหัวคลอนมองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม เธอลูบไล้ใบหน้าผมอย่างอ่อนหวาน ผมกระเด้าจนหนเอกเธอเด้งไปมาไร้ทิศทาง สุดท้ายผมทนต่อไปไม่ไหวแล้วครับ
ผมฉีดน้ำอุ่นๆ ใส่เธอจนหมดแม็ก ดุ้นผมมันกดแช่คาไว้ในร่องเธออยู่อย่างนั้น ผมนอนกอดเธอไม่ให้ห่าง มินตราก็คลอเคลียอยู่ข้างกายผมไม่เลิก
บ่าวสาวใช้กับนายท่านร่วมเตียงเคียงหมอนกันไม่ต่างจากผัวเมีย ผมแทบลืมไปแล้วว่าผมกำลังจะฆ่าตัวตาย
บางทีที่นั่นจะไม่ใช่โลกของผม แต่กับที่นี่มันอาจต่างออกไป นี่อาจจะกลายเป็นโลกใบใหม่สำหรับผม
..