กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 38

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 38

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 38
โดย saradio

ย้อนกลับไปกล่าวถึงทางฝ่ายโจโฉ โดยเท้าความไปก่อนหน้านี้ ที่ผมเคยให้ลิฉุยออกราชโองการแต่งตั้งให้โจโฉไปเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว เพื่อปราบกบฏโพกผ้าเหลือง โดยกำหนดไว้หากทำสำเร็จจะได้รับพระราชทานยศเป็นขุนพลปราบตะวันออก
โจโฉรับราชโองการ ทำตามแต่โดยดี จึงเร่งปราบโจรโพกผ้าเหลืองทางฝั่งตะวันออกให้สำเร็จ แต่ในยามนั้นโจโฉพบว่า โจรผ้าเหลืองที่เกิดในภูมิภาคนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการรวมตัวของราษฎรชาวนาที่ได้รับความแร้งแค้นกดขี่จากเจ้าเมืองฮูโต๋ ตั้งแต่สมัยตั๋งโต๊ะ จนตั๋งโต๊ะสิ้นอำนาจ มาถึงยุคอ้องอุ้นก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงทนไม่ไหว เลยได้รวมตัวกันลุกขึ้นก่อการยึดเมืองฮูโต๋ไว้ และทำการแข็งเมือง บริหารจัดการเอง
ประจวบเหมาะเวลานั้น อ้องอุ้นรบติดพันกับพวกลิฉุย กุยกี จึงไม่อาจส่งกำลังไปช่วยเจ้าเมืองฮูโต๋ปราบกบฏ เจ้าเมืองฮูโต๋จึงถูกกลุ่มกบฏชาวนาโค่นล้ม ถูกจับประหาร และยึดการบริหารจัดการไว้ได้ เมื่อพวกกลุ่มกบฏชาวนายึดเมืองฮูโต๋ได้แล้ว ก็รู้ว่าอีกไม่นานก็อาจถูกส่งคนมาปราบ จึงคิดวิธีรวบรวมคนมาป้องกันเมือง จึงนำอุดมการณ์โจรผ้าเหลืองในอดีตมาปลุกระดม เลยสามารถรวบรวมไพล่พลได้จำนวนมาก
โจโฉเมื่อทราบดังนั้น จึงวิเคราะห์ว่า โจรผ้าเหลืองกลุ่มนี้ ไม่ได้เป็นกลุ่มโจรผ้าเหลืองเก่าที่มีอุดมการณ์หนักแน่นที่คิดจะพลิกแผ่นดิน เหมือนเช่นกลุ่มโจรผ้าเหลืองของเตียวก๊กในอดีต อีกทั้งไม่มีผู้ที่มีบารมีเป็นศูนย์รวมใจที่จะยึดเหนี่ยวพวกมันให้เข้าด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น แต่ละกลุ่มที่เข้ามาร่วมกันก็ล้วนแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ปากท้องของกลุ่มตนทั้งนั้น ส่วนอุดมการณ์นั้นไม่หนักแน่นพอ
จึงคิดใช้วิธีปราบปรามเชิงนโยบายมากกว่าการใช้กำลัง โดยใช้วิธีปล่อยข่าวแทรกซึมไปในหมู่โจรผ้าเหลือง ว่า อันตัวมันนั้นทราบความทุกข์ของราษฎรในที่นี้เป็นอย่างดี แม้ได้รับราชโองการมาปราบโจรแต่ก็มิใคร่อยากทำสงครามซ้ำเติมราษฎร แต่หมายใจต้องการขจัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎรในที่นี้ ให้อยู่ดีกินดีไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ หากผู้ใดกลับใจหมายร่วมเข้าช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน ก็จะยินดีต้อนรับสนับสนุน หากผู้ใดมีความสามารถก็จะพิจารณาให้รับราชการสืบต่อ
โจโฉไม่เพียงปล่อยข่าวออกไป ทั้งยังปฏิบัติให้ได้เห็น จึงมีคำสั่งห้ามไม่ให้ทหารของมันเบียดเบียนประชาชนอย่างเคร่งคัด อีกทั้งเมื่อเดินทัพผ่านแห่งหนตำบลใด พบราษฎรยากไร้ ก็จะปลูกสร้างบ้านให้ นำเสบียงออกมาแจกจ่าย
ประชาชนในแทบถิ่นนั้นจึงเริ่มรักใคร่โจโฉ ผู้ที่ยากไร้แทนที่จะไปเข้าร่วมกับกลุ่มโจรก็มาเข้าร่วมกับโจโฉแทน ทั้งยังมีโจรผ้าเหลืองที่เป็นโดยจำเป็นก็มาขอสวามิภักดิ์ เพราะเห็นความหวังในการดำเนินชีวิตมากกว่าเป็นโจร
ด้วยวิธีการนี้ โจโฉกลับมีทหารเพิ่มขึ้น และใช้โจรปราบโจรด้วยกันเอง โดยให้กลุ่มโจรที่มาสวามิภักดิ์เป็นทัพหน้า เข้าเจรจาเกลี่ยกล่อมกลับกลุ่มโจรผ้าเหลืองต่างๆ หากเข้าร่วมก็จะยินดีต้อนรับ แต่หากไม่ก็ต้องปราบปรามให้เด็ดขาด
จนในที่สุดโจโฉก็บุกมาถึงฮูโต๋ ที่มั่นของกลุ่มกบฏโจรผ้าเหลือง กองทัพของมันมีขนาดใหญ่ขึ้นและได้นำทหารเข้าล้อมไว้ จากนั้นก็แต่งหนังสือไปเจรจาเกลี่ยกล่อมให้ยอมจำนน หัวหน้าโจรผ้าเหลืองที่ปกครองเมืองฮูโต๋ เห็นว่าไม่อาจสู้กองทัพโจโฉได้แล้ว เพราะกลุ่มโจรต่างๆ ที่เคยร่วมมือ ตอนนี้ไม่ถูกปราบก็ไปเข้าด้วยกับโจโฉเสียหมด อีกทั้งชื่อเสียงของโจโฉที่เอาใจใส่ราษฎรก็แพร่กระจายมาถึงฮูโต๋ เป็นดังความหวังใหม่ของคนที่นี่ จึงไม่คิดต่อสู้อีกยอมเปิดประตูเมืองจำนนแต่โดยดี
โจโฉจึงไม่เพียงได้เมืองฮูโต๋ ที่ไม่พังเสียหาย แต่ยังได้ไพล่พลอีกหลายหมื่นมาเข้าร่วมกองทัพ ทำให้โจโฉเริ่มมีชื่อเสียงและมีอิทธิพลทางฝั่งตะวันออก จะเป็นรองก็แค่อ้วนเสี้ยวที่ครองแคว้นขึ้นไปทางเหนือ
เมื่อภาระเสร็จสิ้นแล้ว โจโฉจึงได้แต่งหนังสือถึงเมืองหลวงรายงานความสำเร็จ จึงได้รับพระราชทานยศเป็นขุนพลปราบตะวันออก ดูแลสองหัวเมือง คือกุนจิ๋วกับฮูโต๋
ในช่วงเวลานั้นผมได้ออกจากเตียนอันไปเสเหลียงเพื่อไปรับอาเจิน เมื่อผมไม่อยู่ในเตียนอัน ก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมาชักนำ ลิฉุย กุยกี ออกนอกลู่นอกทาง แทนที่มันจะทำตามที่ผมเคยแนะนำไว้ในการฟื้นฟูอำนาจส่วนกลาง โดยการเชิดชูฮ่องเต้ ใช้บารมีฮ่องเต้กดหัวเจ้าเมืองหัวเมืองต่างๆ เอาไว้ ไม่ให้กล้าคิดการใหญ่ เพราะถึงราชสำนักฮั่นจะเสื่อมโทรมลง แต่ประชาชนยังให้ความสำคัญกับฮ่องเต้และจงรักภักดีอยู่อีกจำนวนมาก หากเชิดชูฮ่องเต้ไว้ หัวเมืองอื่นก็ไม่กล้ายกกำลังมาตีเมืองหลวง เหมือนสมัยตั๋งโต๊ะ
แต่พอผมไม่อยู่ด้วยเท่านั้น ลิฉุยกับกุยกี ก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำ หลงในคำเยินยอปอปั้น นึกว่าพวกมันสองคนมีอำนาจคุมได้ทั้งแผ่นดิน เที่ยวออกราชโองการสั่งหัวเมืองอื่นเป็นว่าเล่น อีกทั้งยังไม่เชิดชูฮ่องเต้ให้มีเกียรติบารมี ดันกระทำการข่มเหง ถึงกับไปแบ่งกันคัดเอานางในมาเป็นนางบำเรอของตน
เมื่อฮ่องเต้ไม่ศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว ราชโองการไหนเลยจะศักดิ์สิทธิ์ หัวเมืองต่างๆ ก็เริ่มจะไม่ทำตามราชโองการ เพราะรู้ว่าราชโองการออกโดยลิฉุยหาได้ออกโดยฮ่องเต้ไม่ พอเมื่อหัวเมืองไม่ทำตามราชโองการ ลิฉุยก็โมโหก็ออกราชโองการอีก คราวนี้สั่งให้โจโฉไปปราบคนที่ขัดราชโองการ
โจโฉเองก็ไม่ใช่คนโง่ ที่ยอมทำตามราชโองการในตอนแรก ก็เพราะคิดว่าอำนาจส่วนกลางกำลังจะฟื้นฟู จึงไม่กล้าขัดราชโองการ แต่ตอนนี้ลิฉุยกับกุยกี มีพฤติกรรมไม่ต่างจากตั๋งโต๊ะ ก็ดูแล้วอำนาจส่วนกลางคงไม่อาจฟื้นฟูขึ้นมาได้อีก ดีไม่ดีราชวงศ์ฮั่นอาจถึงกาลแตกดับก็คราวนี้
โจโฉเลยคิดว่า หากอำนาจส่วนกลางไม่อาจฟื้นฟู ราชวงศ์ฮั่นถึงกาลแตกดับ หัวเมืองอื่นๆ ก็จะตั้งตัวเป็นใหญ่กันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นเรามิสู้ตั้งตัวขึ้นมาเป็นใหญ่เสียเอง แล้วปกครองดูแลบ้านเมืองนี้มิดีกว่าหรือ จึงได้เพิกเฉยต่อราชโองการของลิฉุย
ลิฉุยพอรู้ก็โกรธ คิดจะยกทัพไปตีโจโฉ แต่ตอนนั้นโจโฉกล้าแข็งมีกำลังมาก การยกทัพไปตีไม่แน่ว่าจะได้ชัย ประจวบกับได้ข่าวม้าเท้งเคลื่อนทัพมาจะตีเตียนอัน จึงจำต้องปล่อยวางเรื่องของโจโฉไปก่อน
ส่วนโจโฉนั้น พอคิดการใหญ่ ก็เร่งเสาะหาประกาศรับผู้มีฝีมือมาเข้าร่วม ยามนั้นมีสอง อาหลาน ซุนฮก กับ ซุนฮิว นักปราชญ์ราชบัณฑิตทางภาคเหนือ เคยรับราชการกับอ้วนเสี้ยว แต่มิได้ถูกให้ความสำคัญ ให้ทำงานเพียงตำแหน่งเล็กๆ อีกทั้งยังเห็นว่าอ้วนเสี้ยว ไม่มีความเหมาะสมเป็นผู้นำที่จะฝากตัวได้จึงได้ลาออกมา พอได้ข่าวว่าโจโฉประกาศหาผู้มีความรู้ความสามารถ ก็เห็นว่าโจโฉน่าจะเป็นนายที่ดี จึงพากันไปพบโจโฉ
โจโฉ พอพบกับคนทั้งสอง ก็ต้อนรับเป็นอย่างดี พอได้พูดคุยสนทนาทดสอบวิสัยทัศน์กับคนทั้งสอง โจโฉยิ่งชอบใจใหญ่ พูดว่า ท่านทั้งสองมาเป็นผู้ชุบชีวิตข้าพเจ้าโดยแท้ แล้วตั้งให้ทั้งสองคนเป็นที่ปรึกษา ซุนฮกจึงว่า ความจริงที่เมืองกุนจิ๋วนี้ก็มีปราชญ์ผู้หนึ่งที่มีความรู้ความสามารถ มีชื่อว่า เทียหยก เหตุไฉนท่านจึงไม่เชิญเขามาช่วยงาน โจโฉเคยได้ยินชื่ออยู่ เมื่อได้รับการแนะนำ จึงรีบให้คนไปเชิญตัว
เทียหยกนั้นอยู่ในเมืองกุนจิ๋ว ได้ยินชื่อเสียงโจโฉเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเอาใจใส่ดูแลราษฎรและการปราบโจรผ้าเหลือง เมื่อถูกเชิญ ก็ไม่ปฏิเสธ ยินยอมมาทำงานให้กับโจโฉ ร่วมกันเป็นคณะปรึกษาทั้งสามคน
จากนั้นไม่นาน แฮฮัวตุ้น ก็นำคนผู้หนึ่งมาหาโจโฉ บอกว่า คนผู้นี้ชื่อ เตียนอุน ตอนข้าพเจ้าไปล่าสัตว์เจอมันโดยบังเอิญ เห็นมันกำลังต่อสู้กับเสือด้วยมือเปล่า สังหารเสือตัวนั้นตายกับตา เห็นมันมีกำลังมากฝีมือไม่อ่อนด้อย จึงชวนให้มารับราชการด้วย ตอนนี้จึงนำมาฝากท่าน
โจโฉเห็นเตียนอุน รูปกายสูงใหญ่ ท่วงท่าอาจหาญ ประดุจนักรบเฝ้าประตูสวรรค์ ก็นึกถูกใจ เลยทดสอบให้เตียวอุนใช้กำลังล้มวัว เตียนอุนก็ใช้กำลังจับปล้ำวัวหักคอเสียจนตาย โจโฉยิ่งชอบใจ ตั้งให้เป็นนายทหารองครักษ์ เตียนอุนจึงว่า ขณะอยู่ทัพท่านแฮฮัวตุ้น ได้อาสาไปปราบโจรที่แตกทัพหลงเหลือ ไปเจอคนผู้หนึ่งจับโจรพวกนั้นไปกักขังไว้ ทราบว่ามันผู้นั้นชื่อ เคาทู ข้าพเจ้าจึงได้ไปขอเจรจาให้มันส่งโจรมา มันกลับไม่ยอมจึงได้ต่อสู้กัน สู้กันเป็นวันเป็นคืนยังไม่อาจแพ้ชนะ จนนับถือกันเป็นสหาย หากท่านไม่ว่าประการใด ข้าพเจ้าจะไปเกลี่ยกล่อมมันให้เข้ารับราชการด้วย
โจโฉ ก็ยินดี รีบให้ไปนำตัวมาโดยไว ไม่นาน เตียนอุนก็นำเคาทูมาพบ โจโฉจึงตั้งให้เคาทูเป็นทหารเอก
และต่อมา อิกิ๋ม แม่ทัพฝ่ายโจรผ้าเหลืองที่พ่ายไปแล้วและแอบหนีออกจากฮูโต๋ตอนที่โจรผ้าเหลืองในฮูโต๋ยอมจำนน มันหนีรอดไปได้และซุ่มกบดานอยู่ในป่า ครั้งพอเห็นโจโฉทำนุบำรุงราษฎรอย่างดี ก็เลยคิดนับถือ จึงเปลี่ยนใจไม่เป็นโจรผ้าเหลืองอีก เลยรวบรวมคนที่ยังคิดติดตามมัน เดินทางออกจากป่ามาเข้าด้วยกับโจโฉ โจโฉก็ต้อนรับเป็นอันดีและตั้งให้เป็นแม่ทัพเล็ก คุมกำลังทหารของมันเอง
ขุมกำลังโจโฉในตอนนั้นเลยถือว่ากล้าแข็งมาก ในระแม่ทัพ มี แฮหัวตุ้น แฮฮัวเอี้ยน โจหยิน โจหอง ลิเตียน งักจิ้น และ อิกิ๋ม ทหารเอกมี เตียนอุนและเคาทู ด้านที่ปรึกษามี ซุนฮก ซุนฮิว และเทียหยก จึงทำให้โจโฉเริ่มเป็นที่เกรงกลัวในแถบหัวเมืองใกล้เคียง

Share the Post:

Related Posts

ถูกภารโรงเปิดบริสุทธิ์

เรื่องเสียว ถูกภารโรงเปิดบริสุทธิ์ สวัสดีฉันชื่อแซน เพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นมัธยม 5 วันนี้ฉันจะมาเล่าประสบการณ์สุดจะร้ายกาจและสุดเสียวของตัวเองให้พวกคุณได้ฟังกัน ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์สมัยเริ่มเรียน ม.4 ตอนเย็น วันนั้นนักเรียนเหลือแค่ไม่กี่คน และเผอิญว่าฉันดันปวดท้องปัสสาวะ ฉันก็เลยรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ แต่ว่า ฉันก็แทบจะช็อกเมื่อต้องเดินผ่านห้องน้ำชาย อ่อ ไม่ค่ะ ความพิเศษและความน่าเจ็บใจไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะว่าภาพที่เห็นมันเหมือนไม่ใช่เรื่องบังเอิญและออกจะตั้งใจให้เห็นเสียมากกว่า ขาของฉันแข็งทื่อเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า จะ

Read More

เบาๆ หน่อย หนูเจ็บ

เรื่องเสียว เบาๆ หน่อย หนูเจ็บ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราวๆ ต้นเดือน ธันวาคม ครับ ผมเพิ่งจะได้มีโอกาสบอกเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ให้เพื่อนๆ ฟัง ก่อนอื่นขอแนะนำตัวสักนิดเพื่ออรรถรสในการเล่าเรื่อง ผมชื่อนทีครับ รับราชการอยู่ในหน่วยงานของอำเภอหนึ่ง ณ จังหวัดทางภาคอีสานตอนล่าง ที่ทำงานของผมอยู่ติดกับโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งแบบรั้วชนรั้วเลยล่ะครับ และบังเอิญบ้านพักข้าราชการของผมดันอยู่ติดสนามซ้อมเชียร์ของเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียนซะด้วย ทุกเย็นเมื่อผมทำกิจวัตรประจำวันก็จะเห็นเด็กๆมัธยมสาวๆซ้อมเชียร์กันเสียงดังอยู่เรื่อยช่วงใกล้กีฬาสี แน่นอนว่ารั้วกั้นของสองสถานที่ราชการเป็นกำแพงไม่สูงนักแถมช่องโผล่เอาไว้ อันนี้ไม่ได้บอกว่าตัวเองหล่อหรืออะไรนะครับ

Read More