กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 12 (พูดคุย กับ ตัวละครสามก๊กนามว่า กาเซี่ยง)
โดย saradio
ในตอนนี้จะยังไม่มีเนื้อเรื่องในนิยายนะครับ เป็นการแนะนำให้รู้จัก ตัวละครสามก๊กที่ชื่อ กาเซี่ยง แบบคราวๆ มีความสามารถยังไง เก่งแบบไหน เพื่อให้คนที่ไม่เคยอ่านสามก๊กได้รู้จัก และจะได้อ่านสนุกขึ้น แต่จะไม่ลงถึงเนื้อหาในเหตุการณ์ที่กาเซี่ยงผ่านหรือต้องอยู่กับใคร สู้รบกับใคร ไม่อย่างนั้นจะเป็นการสปอยนิยายไป
แต่ใครที่เคยอ่าน สามก๊กแล้วที่ชื่นชอบ ตัวละครชื่อกาเซี่ยง ก็จะพอเดาออกได้ว่า กาเซี่ยงจะผ่านเหตุการณ์อะไรบ้างเคยอยู่กับใคร สู้กับใครบ้าง เรื่องในนิยายนี้ก็จะดำเนินเหตุการณ์ไปตามนั้นแหละครับไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่จะเสริมเติมแต่งให้สนุกขึ้น
หลายท่านอาจจะไม่รู้จัก กาเซี่ยงนั้นไม่แปลก หากท่านได้อ่าน สามก๊ก รอบหนึ่ง ก็อาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีตัวละครตัวหนึ่งชื่อกาเซี่ยง เพราะตัวละครในสามก๊กนั้นเยอะแยะมากมาย ที่จะจำได้ ก็ต้องย่อมเป็นตัวละครที่ โด่ดเด่น เช่น โจโฉ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ขงเบ้ง บังทอง ซุนกวน และจิวยี่
แต่หากพอท่านได้อ่านรอบสอง พอจะจำตัวละครและเหตุการณ์ในสามก๊กได้มากขึ้น ท่านก็จะสังเกตเห็น ตัวละครตัวหนึ่งที่เป็นกุนซือชื่อ กาเซี่ยง ปรากฏขึ้นในหลายเหตุการณ์ ผ่านเวลาที่ยาวนานกับเจ้านายหลายคน แต่เชื่อว่าหลายท่านก็ยังเห็นว่าคนๆนี้ ก็ยังไม่มีอะไรโดดเด่นให้เป็นที่จดจำ
แต่พอได้อ่านรอบสามแล้ว ท่านก็จะรู้สึกว่า กาเซี่ยง ผู้นี้ชักไม่ธรรมดา เพราะมันอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญ ในการชิงอำนาจบริหารบ้านเมืองในเมืองหลวงอยู่หลายครั้ง ส่งผลให้บุคคลที่มันช่วยเหลือ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดและดำรงอำนาจอยู่ได้หากทำตามคำแนะนำของมัน
แล้วเมื่อวิเคราะห์เจาะลึกไปถึงตัวคนผู้นี้โดยเฉพาะ ก็จะได้รู้ว่า คนๆนี้มีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์ เป็นคนที่ถูกยกย่องว่า มีความฉลาดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ขงเบ้ง เป็นผู้ที่คิดการณ์วางแผนสิ่งใดได้ไม่มีผิดพลาด และความเก่งของเขาเปรียบเสมือนเอา ตันแผง กับ เตียวเหลียง กุนซือที่ยิ่งใหญ่ในอดีต สองคนมารวมกัน
หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อเขาเก่งขนาดนี้ ทำไมเขาจึงไม่โดดเด่น ในวรรณกรรมสามก๊ก นั่นก็เพราะว่า วรรณกรรมสามก๊ก เขียนขึ้นเพื่อเชิดชูคุณธรรม ความจงรักภัคดีต่อราชวงศ์ฮั่น ตัวบทพระเอก จึงไปตกอยู่กับ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย และขงเบ้ง ที่ถือธงรบกอบกู้ฮั่นกำจัดทรราช คนพวกนี้เลยถูกเขียนเสียจนดูเลิศเลอ เพอร์เฟ็กซ์
แต่กาเซี่ยงนั้นกลับเป็นผู้หนึ่ง ที่มีส่วนร่วมในการโค่นล้มราชวงศ์ฮั่น จึงถูกมองว่าเป็นพวกทรราช เลยไม่ถูกเขียนให้โดดเด่นอะไรนัก แถมยังดูเป็นคนที่พร้อมจะทิ้งเจ้านายเก่า เพื่อแสวงหาลาภยศ ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะกาเซี่ยงในประวัติศาสตร์หรือในวรรณกรรมตอนท้ายนั้น กาเซี่ยงได้แสดงการกระทำหลายอย่างที่บ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญใดๆ
แม้ขณะที่เขากำลังจะเสียชีวิต เขาในตอนนั้นดำรงตำแหน่งที่สูงมากและเป็นบุคคลสำคัญของผู้มีอำนาจ แต่บ้านของเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยเกินฐานะตัวเอง อีกทั้งลูกหลานของกาเซี่ยง แม้รับราชการแต่ก็ถูกสั่งสอนไม่ให้เข้าไปในวังวนของการแก่งแย่งอำนาจใดๆ เมื่อตายแล้วยังได้รับพระราชทานยศเพิ่ม และตั้งฉายาว่า เจ้าพระยาสมถะ ซึ่งบ่งบอกได้ชัดว่า กาเซี่ยงเป็นที่รักของใครหลายคนโดยเฉพาะผู้มีอำนาจและประชาชน และก็ไม่ใช่คนที่ต้องการอำนาจและลาภยศใดๆ เพราะถ้าหากเขาต้องการจริง เขาก็คงปูทางให้ลูกหลานเข้าสู่อำนาจสืบต่อแล้ว แต่นี่กลับไม่ให้ลูกเข้าไปยุ่งเกี่ยว นี่แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการออกจากวงจรของการแก่งแย่งอำนาจนั่นเอง
และสิ่งที่บ่งบอกถึงความดีของกาเซี่ยงได้ดีจริงๆ คือประชาชน กาเซี่ยงมีประชาชนรักและนับถือมาก เมืองใดที่มีกาเซี่ยงไปบริหารจัดการ มักจะเป็นไปด้วยความสงบร่มเย็น ทำให้ประชาชนรักและศรัทธากาเซี่ยงเป็นอันมาก ยกเว้นประชาชนฝ่ายจ๊กก๊กนั่นแหละที่เห็นกาเซี่ยงเป็นทราราช เพราะมีส่วนร่วมในการโค่นล้มราชวงศ์ฮั่น
ผิดกับข้งเบ้ง และสุมาอี้ พวกนี้เป็นพวกกระหายอำนาจ
ขงเบ้งนั้น พอเล่าปี่ตาย ขงเบ้งก็เป็นใหญ่ในเสฉวน และเอาลูกหลานตัวเองเข้านั่งตำแหน่งสำคัญทั้งหมด และตั้งตัวเป็นมหาอุปราช เป็นบิดาบุญธรรมฮ่องเต้เล่าเสี้ยน แถมยังเป็นผู้สำเร็จราชการแทน เรียกว่ากุมอำนาจเบ็ดอย่างเสร็จเด็ดขาด และเมื่อมีอำนาจแล้วก็ยังทะเยอทะยานจะรวบรวมแผ่นดินให้เสร็จสิ้นในยุคสมัยของตัวเอง จะได้สร้างชื่อเสียงเกียรติภูมิให้เกรียงไกร จึงยกทัพโจมตีวุยก๊กไม่หยุด โดยไม่สนว่าประชาชนจะทุกข์ร้อนมากแค่ไหน เรียกว่าทำเพื่อสนองตัณหาตัวเองโดยเฉพาะ แต่อ้างว่าเพื่อกอบกู้ราชวงศ์ฮั่น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้คิดไปว่า หากให้ขงเบ้งสามารถรวบรวมแผ่นดินได้สำเร็จจริง ถึงตอนนั้นจะยกอำนาจคืนให้เล่าเสี้ยนหรือไม่ ผมคิดว่ายังไงก็ไม่คืน เพราะอุสาห์ไปรบรวบรวมแผ่นดินมาแทบตาย พอได้มาแล้วจะทำใจยกให้ไอ้เอ๋อปัญญาอ่อนเอาไปบริหารได้ยังไง ผมว่ายังไงก็ไม่มีทาง แล้วคนที่ได้เป็นฮ่องเต้ต่อไป ก็คือลูกหลานของขงเบ้งแทนที่จะเป็นลูกหลานของเล้าเสี้ยน แต่ขงเบ้งก็ทำไม่สำเร็จเพราะมันเป็นเรื่องใหญ่เกินตัว ที่จะตีวุยก๊กที่แข็งแกร่งมีเพียบพร้อมทั้งบุคลากรและทรัพยากร จนต้องทำให้ขงเบ้งแพ้ภัยตัวเองทำงานเหน็ดเหนื่อยตรากตรำจนตาย
ที่นี้ก็พูดถึงสุมาอี้ สุมาอี้ก็ไม่ต่างจากขงเบ้ง กระหายอำนาจและอยากเป็นใหญ่ แต่สุมาอี้ได้เปรียบขงเบ้ง ตรงที่มันอยู่ในรัฐที่เข้มแข็งกว่า มีทรัพยากรมากกว่า แต่กระนั่นก็ต้องรอนานมาก กว่าจะได้มีอำนาจ เพราะต้องรอให้พวกเก่งๆ และมีอำนาจแก่ตายกันไปก่อน มันถึงก้าวเข้าสู่อำนาจได้ และคนๆหนึ่งที่ขว้างทางสุมาอี้ไว้ ก็คือกาเซี่ยง เพราะกาเซี่ยงคือกุนซือคนสุดท้ายที่อยู่ค้ำบัลลังก์ให้สกุลโจ เรียกได้ว่าตราบใดที่กาเซี่ยงยังมีชีวิตอยู่ สุมาอี้ก็ไม่มีทางได้เข้ามามีอำนาจในราชสำนัก และจะเป็นได้แค่แม่ทัพที่ถูกใช้สอยให้ไปทำการรบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่คนเรามันไม่อยู่ค้ำฟ้า กาเซี่ยงในวัยชรายังไงก็ต้องแก่ตาย สุมาอี้ที่อายุน้อยกว่าก็แค่เฝ้ารอวันนั้น หมอนี่เป็นจอมอดทนแห่งยุคและมุมานะ มันค่อยๆสั่งสมบารมีที่ละเล็กที่ละน้อยไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน จนในที่สุดก็ถึงวันที่เฝ้ารอ เมื่อกาเซี่ยงป่วยตายด้วยโรคชรา สกุลจึงขาดหัวสมองอันสำคัญในการค้ำชูราชบัลลังก์ และสุมาอี้ก็ค่อยๆแผ่อำนาจตัวเองเข้ามาในราชสำนัก และปูทางให้ลูกหลานมันยึดครองแผ่นดินได้ในที่สุด
จากที่เล่ามา ทั้งจากวรรณกรรมและประศาสตร์ ทำให้ผมสนใจ กาเซี่ยง เอามากๆ คิดว่า ไอ้หมอนี่มันแน่จริงๆ จากที่นักวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ชาวจีน ยกย่องว่า กาเซี่ยง มีสติปัญญาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขงเบ้ง คงไม่กล่าวเกินจริง เพราะกาเซี่ยงนั่น เปลี่ยนเจ้านายหลายคน โดยปกติ กุนซือที่เปลี่ยนเจ้านาย หรือเสนอให้เจ้านายไปสวามิภักดิ์คนอื่นมักถูกมองว่าเป็นพวกขี่ขลาดตาขาวรักตัวกลัวตายหรือไม่ก็เห็นแกลาภยศสรรเสริญ พวกนี่จะถูกมองว่าเป็นกุนซือที่ไม่ดีไม่มีจรรยาบัญ เวลาไปเข้าด้วยคนอื่นมักจะไม่ได้รับการยอมรับให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ หรือไม่ก็ถูกจับประหารเสียแต่ตรงนั้น เพราะถือว่าทรยศเจ้านาย
หลายคนที่ทำแบบนี้ แล้วไม่มีจุบจบที่ดี แต่กาเซี่ยงกลับแตกต่างออกไป ไอ้หมอนี่เปลี่ยนเจ้านายกลับเจริญขึ้นเรื่อยๆ และอยู่ยั่งยืนยง ตั้งแต่ยุคต้นสามก๊ก จนถึงยุคปลายเลยที่เดียว ถ้าไม่เก่งจริงก็ทำไม่ได้ และสุดท้ายเขาก็ได้ขึ้นสู่อำนาจสูงสุดของความเป็นกุนซือ
ผมจึงคิดว่า เรื่องราวของกาเซี่ยงนั้น เป็นอะไรที่น่าเอามาเขียนมาก จึงเอามาเป็นตัวเอกในเรื่องนี่ และคิดเอามาเสริมเติมแต่งเข้าไป ซึ่งในนิยายจะมีอาจไม่ตรงตามวรรณกรรมหรือประวัติศาสตร์มากเท่าไหร่ เพราะจะทำในมุมมองของผมเอง ซึ่งจะมีผิดบ้างถูกบ้างก็ขออภัยด้วยนะครับ