คืนเหงา
พายุฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทะเลยามค่ำคืนในเวลานี้ช่างดูน่ากลัวเหลือเกินต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ริมหาดคล้ายจะหักลงเมื่อลมพัดอย่างแรง
แขมอุ้มร่างบางๆ ของญาณาเข้ามาในบ้านพักริมหาดของเขาอย่างลำบากไม่ใช่ว่าตัวของเธอจะหนัก แต่กลับเป็นเพราะมือทั้งสองข้างดูเหมือนจะไม่พอใช้งานเลยกว่าจะไขกุญแจบ้านแล้วอุ้มเธอมาถึงห้องรับแขกได้ ก็ผ่านอุปสรรคหลายๆ ด่านมากทีเดียว
เขาวางร่างของเธอลงบนโซฟาตัวยาวใหญ่กลางห้อง ก่อนที่จะเดินไปเปิดไฟฟ้าให้ภายในห้องได้สว่างขึ้น ได้เห็นใบหน้าใสๆ ที่เวลานี้ปิดเปลือกตาสนิท เสื้อผ้าของเธอเปียก แขมถอนหายใจหนักๆ ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง เตรียมที่นอนใหม่ให้เธอพร้อมกับเสื้อผ้าของเขา ก่อนที่จะย้ายร่างที่หลับใหลไปที่ห้องนอนของเขาเอง…
“ญาณา ไหวไหม เปลี่ยนเสื้อก่อน เดี๋ยวไม่สบายนะ”
แขมพยายามปลุกเธอญาณาปรือตาขึ้นก่อนพยักหน้ารับช้าๆ คว้าเสื้อของเขาไป แขมขยับแว่นสายตากรอบหนากระชับใบหน้าก่อนหันหลังให้เธอ มองเหม่อไปที่ภาพนอกหน้าต่าง ทะเลที่แสนสวยงาม เวลานี้ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“เสร็จแล้วแขม” เสียงของเธอแผ่วเบา แต่ในความเงียบภายในห้องนั้นก็ทำให้เขาได้ยินเสียงของเธอชัดเจน และเขาก็หันกลับมาอีกครั้ง เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา กับกางเกงขาสั้น เห็นเธอเดินเซๆ แขมก็อดไม่ได้ที่จะรีบเข้าไปพยุงเธอให้เดินให้ถึงเตียงนอนของเขา ที่คืนนี้แขมตัดสินใจยกให้ญาณาใช้ตลอดทั้งคืน หรือาจจะตลอดไป….
“ทานยาก่อนญาณา อย่าเพิ่งหลับ” แขมประคองเธอให้กินยาลดไข้ เวลานี้เธออยู่ในอ้อมแขนของเขา และแขมก็สัมผัสถึงละอองพิษไข้ที่เตรียมรุมทำร้ายคนอ่อนแออย่างเธอในเวลานี้
“ทีนี้ก็นอนได้แล้วนะ”
เขาเห็นรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของเธอ แต่ไม่มีคำพูดอะไรออกมา แขมระบายลมหายใจเบาๆ เสยผมยุ่งๆ ก่อนทังตัวลงนั่งที่ข้างเตียง ที่มีร่างบอกบางของญาณานอนหลับอยู่
แขมอดไม่ได้ที่จะเกลี่ยเส้นผมยาวหยักเป็นริ้วคลื่น
ของญาณาไม่ได้ ผมเปียกชื้น แต่ก็ยังนุ่มลื่นมือเหมือนเคย…
ในนาทีต่อมาแขมรีบดึงมือของตัวเองออกมาจากเรือนผมน่าสัมผัสนั่น แล้วลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อสมองส่วนหนึ่ง สั่งและย้ำฐานะที่เขาเป็นอยู่กับเธอในปัจจุบันนั้นแค่ไหน
แขมมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของตัวเองอีกห้องหนึ่ง บ้านของแขมมีห้องนอนอยู่หลายห้อง แต่ถูกปิดตายเสียมากกว่าที่จะเปิดไว้รอผู้มาเยือน แขมอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวมานานหลายปี จนหัวใจคนหนุ่มอายุ 22 อย่างเขาเริ่มชินชากับความโดดเดี่ยวและอ้างว้างนานๆ จะมีเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาหาสักครั้ง เหมือนกับครั้งนี้ที่แขมพบกับญาณาที่ร้านกึ่งผับของเขา แขมจำได้ว่าเวลานั้น เขาไม่แน่ใจและไม่เชื่อสายตาของตัวเองที่มองมาทางผู้หญิงผมยาวสยายหยักเป็นลอน ดวงตากลมโตแอบซ่อนความหม่นเศร้า เธอนั่งจิบเบียร์ในมุมมืดมุมหนึ่งของร้าน ความจริงคืนนี้แขมไม่คิดจะไปที่ร้านของเขาหรอก ถ้าหากกัปตันคนรู้ใจประจำครัวเกิดต้องไปเฝ้าภรรยาที่กำลังเจ็บท้องจะคลอดอยู่ละก็… แขมแทบจะไม่เข้ามาที่ร้านเลย
แขมมีกิจการหลายอย่างที่หาดเงียบสงบแห่งนี้ แต่ส่วนใหญ่ แขมมักหมดเวลาไปวันหนึ่งๆ กับการร้อยลุกปัดทำสร้อยข้อมือไปฝากเพื่อนขายอีกทีแม้เงินที่ได้มา จะมามากเท่าที่ได้จากบังกะโลกว่า 10 หลังของเขา หรือร้านอาหารใหญ่กลางตัวเมือง แต่เขาก็มีความสุขดี นานๆพอถึงเวลา แขมถึงจะตรวจบัญชีสักครั้ง และในบ้านหลังเล็กของเขา ก็ไร้แขกมาเยือนนานแล้ว ครั้งหนึ่งญาณาก็เคยมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ของเธอ เขาไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับเตรียมที่พักอย่างดีไว้ให้ ทั้งๆที่ในใจตัวเองก็เจ็บ เวลาที่เห็นญาณาอยู่กับคนของ…ผู้ชายที่เป็นเจ้าของหัวใจของเธอ
แล้วเวลานี้เธอกลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมรอยน้ำตา แขมยังจำได้ดีว่าเขาเข้าไปทักเธอในร้านของเขานั้น ดวงตาเธอแห้งผากไม่มีน้ำตา แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอกำลังร้องไห้ คล้ายๆกับว่าเขาได้ยินเสียงสะอื้น ทั้งๆที่ในขณะนั้น วงดนตรีมือหนักเล่นเพลงแนวอัลเธอร์ตลอดคืน
“ไม่คิดว่าญาณา จะมาถึงที่นี้ได้ มากับใครล่ะ เจฟเหรอ”
แขมถามญาณาแล้วยิ้ม เขรู้ว่าตัวเองต้องฝืนขนาดไหนที่จะถามถึงคนของเธอด้วยและเจฟเองก็เป็นเพื่อนกับเขา เขามาที่หลังผู้ชายคนนั้น แขมรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ก็ไม่เคยลบภาพของญาณาออกไปจากหัวใจได้เสียที
“ทำไมแขมคิดว่าญาณาต้องมากับเจฟ” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม แต่ดูขมขื่น เธอดื่มเบียร์ราวกับน้ำเปล่า จนแขมเองยังตกใจและอดที่จะปรามไม่ได้
“จริงๆญาณาไม่รู้จะไปไหน นั่งรถทัวร์มาเรื่อยๆ มาถึงก็ลงที่นี้ เดินมาตรงนี้เลย”
“งั้นญาณาก็ยังไม่มีที่พักซินะ” แขมถามแล้วเลื่อนแก้วเบียร์ออกมาจากบริเวณโต๊ะ
เธอไม่ตอบ แต่พยักหน้าหงึกหงัก แขมเดินออกมาสั่งพนักงานในร้านให้ค่อยปิดร้านตอนเลิกใจจริง แขมตั้งใจจะรอให้ร้านปิดเสียก่อนแล้วค่อยพาญาณาไปพักที่บ้านของเขา แต่ลมแรงอย่างที่คนอยู่ใกล้ชิดทะเลอย่างเขารู้ว่า กำลังมีพายุใหญ่เข้ามา…
แขมเดินกลับมาที่โต๊ะญาณาอีกครั้ง เธอก็ฟุบหลับไปแล้ว พนักงานรุ่นน้องที่สนิทกับแขมด้วยต่างก็แววเล่นอย่างสนุกปากเมื่อแขมช้อนร่างของญาณาแล้วเดินออกจากร้านไป ก็แขมไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลย ไม่ว่าจะมีใครมาเสนอตัวให้เขายังไง แขมก็ไม่อยากยุ่งด้วย มีเพียงคนเดียวคนนี้ที่แขมยอมทำให้ทุกอย่าง ทั้งๆที่ตัวเองต้องทนเจ็บตลอดทางที่แขมขับรถมาที่บ้าน ญาณาจะเพ้อเป็นระยะๆ จนแขมคิดว่าไม่ต้องถามญาณาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเจฟ แขมก็พอจะเข้าใจถึงความหลายใจของเพื่อนลูกครึ่งคนนี้ดี
“แขม…แขม…”
แขมสะดุ้ง เขานั่งอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่าง เสียงเรียกแผ่วๆ ของญาณาทำให้เขารีบลุกขึ้นเดินไปหาทันที ญาณานั่งทรุดอยู่ที่บันได้
“ลงมาทำไม เดี๋ยวก็เดินตกบันไดหรอก” แขมอยากต่อว่าคนช่างดื้อเยอะๆ แต่ก็ติดอยู่ที่เธอกำลังไม่สบายเท่านั้น
“ญาณาฝันร้าย…” น้ำเสียงแผ่วเบาของเธอ คล้ายเสียสะอื้นไห้ แขมโอบกอดร่างที่สั่นน้อยๆ นั่นไว้อก ลูบเส้นผมของเธอเบาๆ อย่างปลอบโยน ให้เธอนั่งพักที่ขั้นบันได
“ไม่เป็นไรแล้ว แขมอยู่นี้ คงจะไข้ขึ้นนะ เดี๋ยวแขมไปส่งเข้านอนแล้วกัน”
“ญาณาไม่อยากหลับแล้ว” เธองอแงอย่างกับเด็กเกเรจนแขมชักนึกอย่างลงโทษให้เข็ดหลาบสักที
“ญาณากลัวฝันร้าย…” ดวงตาของเธอเริ่มจะปิด แต่ปากของเธอยังขยับส่งเสียงแผ่วๆ ที่แขมเองอยากแนบหูลงใกล้ๆ ริมฝีปากบางๆ ของเธอ อยากได้ยินชัดๆว่าเธอพูดอะไร
“แขมจะอยู่เป็นเพื่อน” แขมไม่รอฟังว่าเธอจะเถียงว่าจะนอนหรือไม่…พาเธอกลับไปที่นอนของเธอ…ที่เตียงของเขา
“บางทีญาณาเองก็ไม่รู้ตัวเองกำลังทำอะไร เสียใจแค่ไหนกับที่เจฟไม่ใยดีกับญาณาแล้ว รู้เพียงแต่ ไม่อยากอยู่ตรงนั้น…ไม่อยากเจอคนๆนั้น…แขมเข้าใจไหม”
“เข้าใจซิ”
ชายหนุ่มรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองเขา นาทีต่อมาเธอก็ยื่นหน้าประกบริมฝีปากกับเขา ตัวเธอเย็นจนน่าสงสาร เขารั้งเธอมากอดเพื่อมอบไออุ่น ทรวงอกที่ไร้ชุดชั้นในเบียดแนบชิดแผงอกแม้จะมีเสื้อผ้าของทั้งคู่สวมอยู่
“จะดีเหรอ” เขาถาม มีมารและเทวดาส่งเสียงโต้เถียงกันอยู่ในหัว
“ญาณาหวาว แขมช่วยให้ญาณาอุ่นได้ไหม” เธอกระซิบแล้วขมเม้มติ่งหูของเขา
มันเป็นจุดอ่อนไหวที่เขารู้ว่าเธอไม่ลืมเลือน กี่ครั้งกี่หนที่เขาแพ้พ่ายความปรารถนาในใจก็เพราะเธอรู้จุดอ่อนของเขา
มืออ่อนนุ่มถอดเสื้อยืดของเขาออกอย่างง่ายดาย นัยตาฉ่ำหวานจ้องมองเขาก่อนจะประกบปากแลกเรียวลิ้นกัน เขานั่งอยู่ที่ขั้นบันไดปล่อยให้เธอขยับตัวขึ้นนั่งคร่อมตักของเขา มือใหญ่สอดไปใต้ชุดนอน ลูบไล้แผ่นหลังเรียบลื่น เธอแอ่นหน้าอกเข้าหา ถอนจูบแล้วถอดเสื้อของตัวเองออกทางศีรษะ ผมยาวลงมาเคลียหน้าอกใหญ่ เธอประคองท้ายทอยของเขาไว้แล้วส่งหัวนมตัวเองให้เขาดูดกิน เสียงดูดหัวนมดังจนหญิงสาวต้องครางออกมาเพราะความเสียวซ่าน สะโพกกลมที่บดเบียดตักอุ่นขยับไปมาอย่างไม่อาจอยู่นิ่งได้
มือใหญ่เลื่อนมาบีบเคล้นหน้าอก มันใหญ่จนล้นมือ
“แขมคะ ญาณาเยิ้มแล้ว ช่วยญาณาที” เธออ้อนวอน และไม่ต้องพูดซ้ำ เขาก็ดันตัวเธอขึ้นเพื่อถอดกางเกงของตัวเองออก เขาพลิกตัวเธอให้ยืนชิดราวบันได ขาข้างหนึ่งยกขึ้นที่บันไดอีกขั้น แล้วเขาก็จับท่อนเอ็นที่แข็งราวกับไม้ถูไถแก้มก้น
“เถอะคะ อยากเสียว ช่วยทำให้ญาณาหายเหงาที”
แขมจับท่อนเนื้อแทรกเข้าไปจากด้านหลัง หยัดสะโพกทีเดียวก็เข้าไปจนสุด ทรวงอกใหญ่แข็งเป็นไตถูกมือข้างหนึ่งบีบเคล้น ส่วนมืออีกข้างก็รัดรวบเอวเธอไว้ เธอโน้มตัวไปข้างหน้า ยึดราวบันไดเป็นที่พึ่ง
“ซี๊ดดดด อ่าห์ กระแทกแรงๆเลยค่ะ ญาณาจะได้หายเหงา”
ชายหนุ่มกระแทกลำกล้องของตัวเองไม่ยั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานเสียงครวญครางยิ่งได้อารมณ์ ไม่นานร่างหญิงสาวก็เกร็งตอดรัดท่อนเอ็นของเขาตุบๆ แต่ลำเอ็นของเขาก็ยังแข็งแกร่งอยู่ แม้มันจะโดนบีบรัดแน่นจนเขาก็ต้องครางซี๊ดบรรเทาความเสียว
“มาโยกให้ผมหน่อยซิ” เขากระซิบบอก แล้วถอดลำออกชั่วคราว คราวนี้เขาลงไปนั่งที่ขั้นบันได เธอตามมาคร่อม เสาหินของเขา แม้เธอจะเปียกเยิ้มแต่ลำเอ็นใหญ่นั้นก็ยังเข้าไปอยากยากเย็น จนเขาต้องยกสะโพกสวนเข้าไปให้มันกระแทกถึงใจ
“อ๊ากกกกก”
ปากสวยถึงกับซู๊ดปากด้วยความซ่านเสียว เธอจับราวระเบียงแล้วโยกตัวขึ้นลง ลำเอ็นแท่นร้อนทั้งแน่น ทั้งลึก ทั้งเสียวกระสัน แถมลิ้นของเขายังละเลงที่หน้าอกของเธออีก เสียงคนสองคนครางระงมกันลั่นห้อง ตามมาด้วยเสียงเนื้อกระทบเนินเนื้อ ปั๊บๆๆๆ ไม่กี่นาทีต่อมา ฝนห่าใหญ่ก็ถล่มลงภายในพร้อมเสียงคำรามราวฟ้าผ่า ร่างของคนอยู่บนกระตุกอีกครั้ง ช่องรักบีบรัดจนเขาเองก็ครางออกมาเหมือนกัน
ทั้งสองสบตากัน เหงื่อที่เปียกชุ่มทำให้ แขมยกมือขึ้นปัดไรผมออกจากใบหน้า เธอยกสะโพกถอนออกอย่างช้าๆ น้ำรักของทั้งสอผสมกันไหลเยิ้มเปรอะหว่างขา แขนลุกขึ้นยืน อุ้มร่างเปลือยเปล่ากลับขึ้นมาบนห้องนอน แล้ววางเธอลงบนเตียง เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วเดินกลับมาเช็ดใบหน้าของเธอเบา
“ขอบคุณนะ”
แขมได้ยินเสียงเธอพึมพำ แล้วดวงตาก็ค่อยปิดลง แขมไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มบางๆ แล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้ลุกนกตัวน้อยที่บินระเห็จมาถึงที่ที่เขาอยู่ตรงนี้…ไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย
“แขมอยู่คนเดียวได้ไง…ญาณาอยู่ไม่ได้เลยน่ะ แขมบอกหน่อยซิ”
คำถามของญาณาทำเอาแขมถึงกับเงียบอึ้ง นั้นซิ…เขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าอยู่ได้ยังไง ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็เหมือนกับดกหก แต่ถ้าบอกว่าชินชาก็ดูว่าเขาไร้หัวใจไปหน่อย
“ว่าไงล่ะ”
“ไม่รู้ซิ” แขมตอบตรงๆ หัวเราะเบาๆ ดวงตาที่เกือบปิดสนิทนั้นปรือขึ้นมาทันที
“ไม่จริง” เธอคาดคั้น แขมได้แต่หัวเราะเก้อๆ
“แขมไม่เหงาเหรอ”
“เหงาซิ” แขมตอบพลางลุกขึ้นจากเตียงเดินมาชงกาแฟ ดื่มแก้หนาว…ฝนข้างนอกยังรุนแรงอยู่เลย
“ความเหงานี้ร้ายกาจนะ น่ากลัวเหมือนทะเลตอนมีพายุ” ญาณาขยับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงของแขม “แขมอยู่ได้ยังไง”
“อยู่อย่างมีความเหงาเป็นเพื่อนไง” แขมหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเธอทำหน้างงๆ
“ความเหงามาทักทายในทุกๆ เช้าและก่อนปิดเปลือกตานอน ทำตัวให้ชินก็อยู่ได้”
“แต่ญาณาคงอยู่ไม่ได้แน่” เธอเงียบไปพักหนึ่งจนแขมนึกว่าเธอหลับแล้ว “ญาณาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเพื่อน แต่ก็ทนอยู่กับคนที่ไว้ใจไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
“แต่ตอนนี้ญาณามีแขมนะ” เขายิ้มเมื่อเห็นเธอยิ้มได้อีกครั้ง ญาณาเอนตัวพิงไหล่ของแขม
“พรุ่งนี้ฟ้าคงสวยมากแน่ ถ้าฝนหยุดตกนะ แขมจะพาญาณาเที่ยวให้รอบให้ทั่วเลย มีที่เที่ยวเยอะแยะ ญาณาจะได้ไม่เหงาไง…” แขมหันกลับมาถามคนที่อิงไหล่อยู่เมื่อไม่มีเสียงตอนรับใดๆ ออกมา…แล้วเขาก้ยิ้ม
ญาณาหลับแล้ว แขมประคองเธอให้นอนอย่างสบายๆ บนเตียง ใจจริงอยากให้เธอพิงไหล่เขาจนกว่าแดดแรกจะมาเยือน แต่ก็กลัวว่าญาณาเองจะต้องตื่นมาปวดคอแน่ๆ
“หลับฝันดีนะ”
แขมก้มลงจูบที่หน้าผากของญาณาแผ่วเบา ราวกับกลัวเธอจะตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ของญาณาจะเป็นอย่างไร หรือตัวเขาเองจะเป็นอย่างไร แขมก็ขอเพียงอย่างเดียว คือรอยยิ้มสดใสของเธอ ที่จะทำให้คืนวัยของเขางดงาม…เพียงเท่านี้เอง…
……………………………..จบ……………………………………