อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 1 ปลัดขิกงิ้วดำ
อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 1 ปลัดขิกงิ้วดำ
โดย Kamen Rider V-3
“ป๊อด …ป๊อด เอ้ย ซักจีวรเสร็จแล้ว ขึ้นมาหาข้าหน่อยนะเว้ย …..”
หลวงตาเปลว ตะโกนเรียกลูกศิษย์ก้นกุฎิให้เข้ามาพบ แล้วรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งรับป๊อดมาอุปการะใหม่ๆ
เมื่อสามปีก่อน ที่พ่อของป๊อดได้พามันมาฝากไว้กับท่าน
“ครับ…หลวงตา”
เสียงของป๊อดขานรับ
หลังจากซักและตากจีวรของหลวงตาจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป๊อดก็ขึ้นมาหาหลวงตาตามคำสั่ง
“หลวงตามีอะไรจะสั่งผมหรือครับ” ป๊อดถามขึ้น
“เอ้อ…เอ็งมานี่..มานั่งใกล้ๆข้านี่”
ป๊อดก้าวพ้นบันไดกุฎิ แล้วนั่งลงก่อนที่คลานเข่าเข้าไปนั่งใกล้ๆหลวงตา
หลวงตาเปลวจ้องมองป๊อดด้วยแววตาที่ฉายความเมตตาต่อมัน ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ป๊อดเอ้ย…ปีนี้เอ็งอายุเท่าไหร่แล้ว”
” 15 ครับ”
ป๊อดยกมือพนม แล้วตอบหลวงตา พร้อมกับจ้องมองว่าหลวงตาจพูดอะไรกับมันต่อไป
หลวงตาเปลวยกแก้วชาขึ้นซด แล้วพูดต่อไปว่า
“ข้าคิดมานานแล้ว ว่าจะจัดการอย่างไรกับอนาคตของเอ็งดี
เอ็งอยู่กับข้าจนถึงตอนนี้ก็ 3 ปีแล้ว พ่อเอ็งก็ไม่มีวี่แวว
ที่จะติดต่อกลับมาเลย ข้าก็เลยคิดว่าจะส่งเอ็งไปเรียนหนังสือที่ในเมือง ต่อไปในภายภาคหน้าเอ็งจะได้ไม่ลำบาก
เอ็งจะว่าอย่างไรล่ะ”
ป๊อดตกใจ เมื่อได้ยินหลวงตาพูดออกมาอย่างนั้น ชีวิตของมันมีเพียงหลวงตา หลวงตาเป็นทั้ง พ่อแม่ และครู
และเป็นเพียงคนเดียวที่มันใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
“ผมไม่เรียนครับ หากผมไม่อยู่ใครจะคอยปรนนิบัติหลวงตา ผมจะอยู่รับใช้หลวงตาที่นี่”
“ไอ้ป๊อดเอ้ย…ข้าเองก็ไม่รู้จะอยู่กับเอ็งได้กี่ปี หากวันใดไม่มีข้าแล้ว ถ้าเอ็งไม่มีความรู้ติดตัว เอ็งจะอยู่ได้ยังไง
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เถ้าแก่เจียงเข้ามาที่วัด ข้าก็เลยลองถามเขาดูว่าต้องการเด็กไปทำงานซักคนไหม แลกกับอาหารและที่อยู่
เขาก็ตอบตกลงข้ามาแล้ว ทั้งยังรับปากว่าจะส่งเสียให้เอ็งได้เรียนหนังสือด้วย”
“หลวงตาจะให้ผมไปอยู่กับ เถ้าแก่เจียงเหรอครับ”
ป๊อดพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่สลดลง
“ใช่ เอ็งจะได้ไปอยู่ในเมือง ได้เรียนหนังสือ ได้ประสบการณ์ ในการทำงาน มันเป็นผลดีกับเอ็งนา”
“จะดีเหรอครับ ผมจะไปอยู่ยังไงกับคนที่ไม่รู้จัก”
“เออน่ะ ถือว่าข้าสั่งก็แล้วกัน เย็นวันอาทิตย์นี้ เถ้าแก่เจียงจะเข้ามารับเอ็ง เอ็งเตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน”
หลวงตาพูดตัดบท จนป๊อดได้แต่อ้ำอึ้งแล้วก้มหน้านิ่ง
เช้าวันอาทิตย์หลังจากที่หลวงตาฉันเช้าแล้ว รอจนป๊อดกินข้าวเสร็จก็เรียกป็อดเข้ามาพบในกุฏิ
“เย็นนี้ เถ้าแก่เจียงจะมารับเอ็งไปแล้วนะ เอ็งเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง”
“พร้อมแล้วครับ”
ป๊อดก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เอ้านี่”
หลวงตายื่นซองสีขาวบรรจุ แบงค์ร้อย แบงค์ห้าร้อย รวมกันอยู่จำนวนหนึ่งส่งให้
“เก็บเอาไว้ใช้ในยามที่จำเป็นนะ อย่าไปสุรุ่ยสุร่ายล่ะ”
ป๊อดรับเอามา แล้วยกมือพนมกราบหลวงตา
“แล้วก็เอานี่ไปด้วย”
หลวงตายื่นกล่องไม้สีดำเก่าคร่ำคร่า ส่งให้ป๊อด
“มันเป็นของพ่อเอ็ง เขาฝากข้าไว้ตอนที่เอาเอ็งมาฝากไว้กับข้า แล้วก็หายหัวไปเลย”
“ผมไม่เอา ของๆพ่อ ผมไม่เอา”
ป๊อดปฎิเสธด้วยความน้อยใจ
“ไอ้ป๊อดเอ้ย รับไปเถอะ มันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เอ็งได้รับจากพ่อ เอ็งเชื่อข้าสิ พ่อเอ็งมีความจำเป็นจริงๆ
ถึงได้ฝากเอ็งไว้กับข้า หากเอ็งโตขึ้นกว่านี้ก็จะเข้าใจเอง เอ้าเปิดดูข้างในสิ”
ป๊อดหยิบกล่องไม้ดำขึ้นพลิกดูไปมาอยู่รอบหนึ่ง ก็แง้มฝาเปิดออกดูก็พบว่าภายในกล่องไม้นั้น
มีวัตถุสิ่งหนึ่งรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชาย ทำจากไม้เนื้อแข็งสีดำสนิท โตประมาณลำดินสอ ยาวประมาณนิ้วชี้
โดยรอบสลักอักขระที่อ่านไม่ออกอยู่เต็มไปหมด วางอยู่บนแผ่นหนังชิ้นเล็กๆสีน้ำตาล และกระดาษพับอยู่ 1ชิ้น
ป๊อดปิดฝากล่องไม้ลงแล้ววางลงที่พื้นอย่างไม่สนใจ
“ผมไม่เอา …อะไรก็ไม่รู้”
“พ่อเอ็งมันหมกมุ่นอยู่แต่เรื่อง ไสยศาสตร์ ข้าเตือนมันอยู่บ่อยครั้ง มันก็ไม่เชื่อฟัง ของในกล่องนั่น เขาเรียกว่า
ปลัดขิก พ่อเอ็งเขาฝากให้เก็บไว้ให้เอ็ง รับไปเถอะถือเป็นสิ่งเตือนใจว่าเอ็งก็มีพ่อกับเขาเหมือนกัน”
เย็นวันนั้น เถ้าแก่เจียงก็ขับรถมารับตามกำหนดนัดหมายแล้วขึ้นไปกราบหลวงตาเปลวที่กุฎิ
ป๊อดอดที่จะใจหายไม่ได้ น้ำตาของมันไหลออกเอ่อออกมาอย่างสุดจะกลั้น ในขณะที่กราบลาหลวงตา
หลวงตาเปลวมองป๊อดอย่างเวทนา แล้วหันไปพูดกับเสี่ยเจียงว่า
“โยมเจียง อาตมาขอฝากมันสักคนนะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ หลวงตา บ้านผมใหญ่โตกว้างขวาง แค่เด็กไปอยู่อีกคนเดียว สบายมากครับ”
แล้วเสี่ยเจียงก็กราบลาหลวงตา แล้วพาป๊อดขึ้นรถขับออกไปจากวัดในเย็นวันนั้น
เวลา ผ่านไป 3 เดือน ที่ป๊อดอาศัยอยู่กับเถ้าแก่เจียง ป๊อดทำงานช่วยเถ้าแก่เจียง ตอนกลางวัน ตกเย็นก็ไปเรียน ศึกษาผู้ใหญ่ ประจำจังหวัด
เถ้าแก่เจียงมีเมีย 2 คน เมียหลวงชื่อว่า เนี้ยซิมลั้ง อายุน้อยกว่า เถ้าแก่เจียง 2 ปี เนี้ยซิมลั้ง ดีกับป๊อดมาก มักแบ่งปันของกินดีๆให้อยู่เสมอ
เนี้ยซิมลั้งมีลูกสาวกับเถ้าแก่อยู่ 1 คน อายุ 19 ปี ชื่อ หลิว เรียนมหาลัยปี 1 หลิว เป็นผู้หญิงผิวขาว สวยแบบลูกคนจีน มีบุคลิกเรียบร้อย
เรียนหนังสือเก่ง เป็นที่รักของเถ้าแก่เจียงมาก
ส่วนเมียอีกคนของเถ้าแก่เจียง ยังสาวอยู่ อายุ 35 ปี มีชื่อว่า วิไล เป็นคนไทย วิไลมีลูกสาว 1 คน อายุแก่กว่า ป๊อด 1 ปี
ชื่อ หนิง เรียนอยู่ ม 4 และ เป็นนักกีฬา วอลเลย์บอล ของโรงเรียน หนิงเป็นผู้หญิงที่มีหุ่นสูงเพรียว ได้สัดส่วน ใบหน้าคมเข้มน่ารัก
ทั้งสอง แม่ลูก ไม่ชอบป๊อด เพราะถือว่าป๊อดเป็นพวกของ เนี๊ยซิมลั้ง
วันหนึ่งขณะ ที่ป๊อดทำงานอยู่ หน้าร้าน หนิงก็เดินออกมาหน้าบ้าน แล้วทำกายบริหารเพื่อเตรียมวิ่ง ในตอนเช้า
หนิงใส่กางเกงขาสั้นสีขาว โชว์เรียวขาขาวสวย จนป๊อด อดชำเลืองมองไม่ได้ ยิ่งเวลา หนิงก้มเอามือแตะพื้นไปมา
กางเกงขาสั้น บริเวณบั้นท้าย ก็ร่นเข้าไปรัดส่วนกึ่งกลางของหนิง จนขึ้นเป็นกลีบ จนป๊อดถึงกับหยุดจ้องมองจนลืมตัว
เลือดลมของเด็กวัยหนุ่มวัย 15 ปีฉีดซ่านไปทั่ว ในขณะที่ป๊อดจ้องมองอย่างลืมตัวอยู่นั้น ก็มีเสียงตวาดแว้ด ดังออกมาจากด้านหลัง
“ไอ้เด็ก ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ แกมองอะไร”
ป๊อดตกใจจนสะดุ้งหันกลับไปก็พบ วิไลกำลังทำหน้ายักษ์แล้วเดินตรงเข้ามา
“อย่ามาสะเออะ คิดทะลึ่งกับลูกชั้นนะ เจียมกะลาหัวซะมั่ง มาเกาะคนอื่นกิน ยังไม่รู้จักเจียม”
ป๊อด รีบก้มหน้าเดินหนีไปด้วยความอับอาย และรู้สึกสะดุดใจกับคำว่า ไม่รู้จัดเจียมอย่างที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมา ป๊อดก็มีแต่ภาพ กางเกงสีขาวที่ขึ้นเป็นรูปกลีบของหนิงมารบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา
จนถึงกับใช้ภาพนั้นไปช่วยเหลือตัวเองอยู่บ่อยครั้ง หนิงเป็นหญิงสาวที่สวยและรูปร่างดีจนเด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยเช่นป๊อดเกิดความหลงใหล
เมื่อไหร่ที่สบโอกาส ป๊อดก็จะแอบลอบมองส่วนสัดของหนิง อยู่เสมอ
หนิงเองก็มักใส่แต่กางเกงขาสั้น โชว์เรียวขางามอยู่เสมอเมื่ออยู่ในบ้าน ด้วยความที่เคยชินในการเป็นนักกีฬา วอลเล่ย์บอล
จึงไม่ค่อยระมัดระวัง อิริยาบถนัก และมักเป็นอาหารตาของป๊อดอยู่บ่อยครั้ง
ในวันหนึ่งขณะที่หนิงนั่งทำการบ้านอยู่บนระเบียงที่ยื่นยกสูงออกมาจากตัวบ้าน และอยู่ระดับสายตาพอดี หากอยู่ในตำแหน่งของป๊อด
ที่กำลังทำงานอยู่ลานหน้าบ้าน หนิงทำการบ้านอยู่บนโต๊ะพับเล็กๆแบบญี่ปุ่น นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นบ้านอย่างตั้งใจต่อหนังสือที่อยู่ข้างหน้า
ป๊อดกำลังกวาดลานบ้านอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ตั้งใจ ก็พบกับขากางเกงของหนิงข้างหนึ่งของหนิงที่โป่งพองออกมาจนเห็นกางเกงใน
ป๊อดหยุดยืนตลึงนิ่งกับภาพที่เห็นอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบเดินเข้าไปจนชิดขอบระเบียงเพื่อไม่ให้หนิงมองเห็น ทั้งยังได้เห็นภาพที่ตัวเองต้องการอย่างใกล้ชิด
ที่ตำแหน่งนี้ทำให้ป๊อดมองลอดขากางเกงของหนิง จนเห็นกางเกงในได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเห็นไปถึงกลีบเนื้อขาวนวลเนียนที่ปลิ้นออกมาจากกางเกงใน
รวมไปถึงขนสีดำขลับบางเส้นที่เล็ดลอดออกมา ป๊อดจ้องตะลึงอย่างไม่วางตา จนปวดหนึบบริเวณเป้ากางเกง แท่งเอ็นของป๊อดขยายตัวออกมาอย่างเต็มที่
อารมณ์ของเด็กหนุ่มเตลิดจนระงับไว้ไม่อยู่ ป๊อดหันมองไปทางซ้ายและขวา เห็นไม่มีใคร ก็รูดซิปงัดควยอันแข็งเด่ออกมาแล้วรูดเข้าออกเพื่อระบายความต้องการของตนเอง
ในขณะที่ป๊อดกำลังเพลิดเพลินกับการช่วยตัวเองอยู่นั้น ก็เกิดเสียงดังตุ๊บขึ้นที่บ้องหูของป๊อด และมีแรงกระแทกอย่างรุนแรงมาจากด้านข้าง
จนร่างของป๊อดเซถลาล้มลง
วิไล นั่นเองที่เดินเข้ามาแล้วเห็นภาพบัดสีที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอตรงเข้ามาตบเข้าที่บ้องหูของป๊อดอย่างรุนแรง แล้วถีบเข้าที่สีข้างของป๊อด
จนเขาล้มลงในสภาพที่อุจาดที่สุด
“ไอ้เด็ก จัญไร อย่างนี้ เลี้ยงไว้ไม่ได้แล้ว ลามกจกเปตรที่สุด” วิไลด่าไม่ยั้ง
หนิง ที่อยู่บนระเบียงได้ยินเสียงโหวกเหวกของวิไล ก็ลงมาสบทบจนเมื่อซักถามจนเข้าใจเหตุการณ์ ก็โกรธ ตรงเข้าตบหน้าป๊อด แล้วถุยน้ำลายใส่
“ไอ้เหี้ย หน้าอย่างมึง อย่าได้คิดเป็นอันขาด กูจะฟ้องพ่อกูให้ไล่มึงออกจากบ้าน”
ป๊อด ทั้งเจ็บ ทั้งอาย และกลัว จึงวิ่งหนีออกมาจากที่นั้น แล้วซุกตัวอยู่ในห้องของตัวเอง
แต่สิ่งที่ป๊อดหนักใจที่สุดก็คือ หนิงจะไปฟ้องเถ้าแก่เจียง หากเถ้าแก่เจียงรู้ เขาจะต้องถูกไล่ออกจากบ้าน แล้วหลวงตาก็ต้องรู้
ป๊อดไม่ต้องการให้หลวงตาต้องผิดหวังกับความประพฤติของตัวเอง ป๊อดครุ่นคิดอย่างวิตกกังวล พลางมองหาวิธีแก้ไข
“ทำยังไงดี….ทำยังไงดี…..ทำยังไงดีโว้ย…..”
ป๊อดแหกปากออกมาระบายความเครียดที่เกิดขึ้น แต่จู่ๆ
“ตุ๊บ!”
ป๊อดหันไปมองยังต้นกำเนิดเสียงที่ดังขึ้น ภาพที่เขาเห็นก็คือ กล่องไม้สีดำของพ่อล่วงหล่นลงกองอยู่กับพื้นห้อง
ปลัดขิกสีดำสนิทกลิ้งออกมา พร้อมกับแผ่นกระดาษที่พับอยู่ในกล่อง
ป๊อดเดินเข้าไปหยิบปลัดขิกขึ้นมา พร้อมกับกระดาษแผ่นนั้นพร้อมกับคลี่ออกอ่าน
“เมื่อไหร่ที่ลูกมีเรื่องทุกข์ร้อน เข้าตาจน ลูกจงปลุกปลัดขิกงิ้วดำที่พ่อทิ้งไว้ให้
แล้วเหตุการณ์เลวร้ายจะดีขึ้นเอง
รักลูกมาก
พ่อ”
“ปลุกปลัดขิก ปลุกยังไง….”
ป๊อดพึมพำ แล้วพลิกปลัดขิกในมืออยู่ไปมา แล้วสายตาของป๊อดก็กระทบเข้ากับกล่องดำที่วางอยู่ใกล้ๆจึงเอื้อมไปหยิบกล่องนั้น
มาเปิดดูอีกครั้ง เห็นแผ่นหนังสีน้ำตาลเข้มพับอยู่ที่ก้นกล่องจึงหยิบออกมาคลี่อ่าน
” กันหะ เนหะ”
ทั้งแผ่นหนังมีข้อความอยู่เพียงเท่านี้
ป๊อดตัดสินใจที่จะทดลองดู เขาพนมมือโดยมีปลัดขิกนั้นอยู่ในอุ้งมือ แล้วอ่าน อักขระในแผ่นหนังนั้นทันที
“กันหะ เนหะ”
พอสิ้นคำอ่านรอบที่สาม ปลัดขิกในมือของป๊อดก็เริ่มสั่นไหว ป๊อดตาเบิกกว้างตกใจกับภาพที่มองเห็น
ปลักขิกสีดำสนิทนั้นกำลังหมุนอยู่ในมือของเขาแล้วหายเข้าไปในร่างของเขาในทันที