เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 15
“อ้าว ษายังไม่อาบน้ำอีกเหรอ…พี่ต้องออกแล้วนะ”
อรนุชถามอย่างแปลกใจ ขณะที่เธอแต่งตัวพร้อมจะออกจากบ้าน แต่ว่าน้องสาวยังอยู่ในชุดนอนตัวยาวสีขาวบริสุทธิ์
อรอุษาหัวเราะว่า
“สงสัยพี่นุชคงซ้อมจนเหนื่อย เลยลืมไปว่าษาบอกพี่นุชแล้วว่าวันนี้ไม่มีตารางสอน”
เด็กสาวร่างบางทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะยกมือเคาะศีรษะตัวเองเบาๆ
“จริงอ้ะ…ว้า…พี่ลืมสนิทเลย…สงสัยจะจริงอย่างที่ษาพูด…พี่แต๋วน่ะใช้งานพี่จนบักโกรกเลย..ษารู้ไหม”
อรนุชบ่นพึมพำ เพราะถึงแม้จะจบคอสเดินไปแล้ว แต่กรองกนกก็ฉวยโอกาสทำเป็นบอกว่าเด็กสาวนั้นเข้ามาเสียบแทนรุจิราที่ถอนตัวไป ทำให้เวลาซ้อมเหลือน้อย ต้องเร่งซ้อมในเรื่องอื่นๆ อีก ดังนั้นแทบทุกวันกว่าจะเลิกซ้อมก็ตั้งทุ่มหรือทุ่มครึ่ง ทำให้ช่วงที่ผ่านมาอรอุษาต้องกลับบ้านกับฐิติพรรณทุกวัน
อรอุษาหัวเราะคิกๆ ขำศัพท์ของพี่สาวคนกลาง
“อะไรคะ..บักโกรก”
อรนุชเองก็ฉิวพี่แต๋วจนอดหัวเราะออกมาไม่ได้เหมือนกัน ก่อนจะชวนว่า
“ว่าแต่ษาไม่ไปมหาวิทยาลัยกับพี่เหรอ…
อยู่บ้านอุดอู้จะตาย…ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดก็ได้นี่นา”
เด็กสาวผู้อ่อนวัยกว่ายิ้มน่ารัก สั่นศีรษะ
“ใครว่าคะ…ษานัดเพื่อนวันนี้จะไปกินข้าวเที่ยงและดูหนังกัน”
อรนุชผงกศีรษะร้อง ฮื่อ แล้วกำชับกำชา
“ให้ลุงมากขับไปรับส่งนะ…พี่ขอยื่นคำขาด…คราวที่แล้วแอบหนีขึ้นรถเมล์ไปเอง…พี่งี้หัวใจจะวายให้ได้พอป้าเอียดโทรไปบอก”
ป้าเอียดคือแม่บ้านที่อยู่กับพวกเธอมานาน เลี้ยงอรชามาตั้งแต่แบเบาะ รักพี่น้องทั้งสามคนราวกับลูกในไส้ของเธอเอง
อรอุษาหน้าม่อย บ่นอุบอิบ
“ษาอายเพื่อนๆ จะตาย โตป่านนี้ทางบ้านยังไม่ยอมให้ไปไหนมาไหนเอง..”
“แหม..ก็เราน่ะขึ้นรถเมล์มากี่ครั้งกันจ๊ะ สาวน้อย…จะให้ขึ้นแท๊กซี่รึ…เดี๋ยวนี้แท๊กซี่ก็ไว้ใจได้ที่ไหนกัน…เอาไว้เราโตกว่านี้…เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พี่จะสอนขับรถให้…ถึงตอนนั้นก็ตามใจจะปร๋อไปไหนมาไหนก็ได้…”
พี่สาวพูดพลางกางมือโบกไปโบกมาเหมือนนกบิน อรอุษาเห็นแล้วก็หัวเราะคิกคิกอย่างตลกกับท่าทางของพี่สาว
อรนุชหัวเราะไปด้วย ก่อนจะเดินออกไป จากนั้นอรอุษาได้เสียงแจ๋วๆ ของพี่สาวดังแว่วๆ กับลุงมากคนขับรถของเธอดังว่า
“ลุงมาก..เฝ้ายายษาให้ดีนะ…อย่าให้หนีไปเอง…แล้วอย่าใจอ่อนนะคะ…ให้เที่ยวได้ถึงสี่โมงเย็นต้องกลับบ้าน”
น้องเล็กคนสุดท้องย่นจมูกให้พี่สาว แต่ใบหน้านั้นพราวไปด้วยรอยยิ้ม ตื้นต้นไปกับความรักและความห่วงใยที่พี่สาวทั้งสองมอบให้กับเธอ
อรชาพลิกตัวกระสับกระส่ายบนที่นอนในโรงแรมหรูที่เธอพักนั้น รู้สึกใจหายแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เฝ้าพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำไม่ได้ หญิงสาวเอื้อมมือไปพลิกนาฬิกาปลุกเรือนเล็กที่หัวเตียงที่บ่งบอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว
อากาศในห้องที่ปรับอุณหภูมิเอาไว้สบายๆ นั้น ในตอนนี้กลับไม่สามารถช่วยระงับบรรเทาความรุ่มร้อนที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจของหญิงสาวแสนสวยให้ลดลงได้เลย
อรชาพลิกตัวไปมาอย่างหงุดหงิดใจ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนในที่สุดเมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปจนเกือบเลขสิบสอง เธอก็ยอมแพ้ลุกขึ้นนั่ง
หญิงสาวเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป แสงไฟในยามราตรีที่ส่องสว่างที่เธอเคยมองได้เพลินๆ ในค่ำคืนนี้ไฟที่เคยมีสีสรรสดใสกับแลดูเศร้าประหนึ่งว่ากำลังกระพริบเป็นสัญญาณแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียของอันเป็นที่รัก
อรชายกมือลูบไปที่ใบหน้าตัวเอง ครุ่นคิดอย่างอ่อนล้าในใจ
นี่เราเป็นอะไรไป? ลองอาบน้ำเย็นๆ แล้วกัน…น่าจะดีขึ้น
แต่เปล่าเลย เมื่อจากออกมาจากห้องน้ำหลังจากแช่ตัวอยู่ในสายน้ำเย็นฉ่ำที่ราดรดมาจากฝักบัวอยู่นาน ความรู้สึกว้าวุ่นใจนั้นยังคงจับในความรู้สึก จนทำให้วงหน้างามนั้นค่อนข้างหมองคล้ำ ดวงตากลมสวยที่เคยมีแต่ประกายหวานสดใสเต็มไปด้วยแววตาแห่งความกังวลอย่างเร้นลับ จนหญิงสาวถึงกับตกใจเมื่อมองเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนออกมาจากกระจกเงาในห้องพัก
อรชาแน่ใจว่าความกังวลเร้นลับนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากงาน…ใช่…การปรากฏตัวของคุณลุงมนูนั้นมีอิทธิพลคุกคามต่อจิตใจของเธอไม่น้อย…ต่อแผนการดำเนินงานเข้าควบซื้อกิจการของเครือปาล์มบีช
แต่งานที่มีปัญหาต้องสะสาง เธอมั่นใจแม้ว่าจะยุ่งยาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ แต่สิ่งเหล่านั้นเธอก็เคยผ่านมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่จะมีน้ำหนักเพียงพอจนทำให้เธอรู้สึกกลัดกลุ้มประหนึ่งว่าจะสูญเสียของรักไปอย่างเช่นเธอรู้สึกเหมือนตอนนี้
ของรักของเธอ?
ความคิดที่วาบขึ้นมาในมโนสำนึกนั้นมาพร้อมๆ กับใบหน้าของน้องสาวสุดที่รักทั้งสองของเธอ อรชาใจหายวูบ
หรือจะเกิดเรื่องอะไร…ยายนุชกับยายษา?
ความเสียวสะท้านที่วาบขึ้นจับหัวใจ ร่างบางงามของหญิงสาวถึงกับสั่นไหวออกมาอย่างหวาดหวั่น มือเรียวงามที่เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์นั้นสั่นระริก
อรชาแทบร้องไห้ออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อได้ยินแจ๋วๆ ของน้องสาวคนรองดังขึ้นมา
“พี่อร…มีอะไรหรือคะ…ทำไมโทรมาตอนนี้ล่ะ”
ริมฝีปากงามราวกับกลีบกุหลาบนั้นยังสั่นระริก เมื่อกรอกเสียงถามลงไปว่า
“นุช..ที่บ้านเรียบร้อยดีใช่ไหม…ษาล่ะ…ไม่ได้เป็นอะไรไปใช่ไหม”
เสียงหัวเราะใสดังมาจากเมืองไทย
“ค่ะ…ทุกคนสบายดี…นุชอยู่ที่มหาลัย…ษาตอนนี้คงสนุกกับเพื่อนอยู่…เห็นว่านัดไปทานข้าวดูหนังกัน..และพี่อรไม่ต้องห่วงนะคะ…นุชเช็คดูแล้ว…ษาไปกับลุงมากค่ะ…”
อรชาผ่อนลมหายใจยาวๆ ประนบมือไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลสองคนที่เธอรักยิ่ง…รักยิ่งกว่าสิ่งใด…รักยิ่งกว่า…เธอรักตัวเอง
คงไม่มีอะไร…เธอคงเหนื่อยมากไปกับทริปมาซานฟรานนี้ จิตใจที่เคยมั่นคงเลยอ่อนไหวไปบ้าง
คิดดังนั้นหญิงสาวก็พยายามปลอบใจตัวเอง กล่าวเสียงที่มั่นคงขึ้น
“นุช..พี่เป็นห่วง…ดูแลตัวเองดีๆ นะ…ฝากน้องด้วย…”
อรนุชรับรู้ถึงน้ำเสียงแปลกๆ ของพี่สาวคนโต ก็พยายามทำเสียงให้เข้มแข็ง
“พี่อรคะ…นุชสบายดีค่ะ…ทางนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย…ษาเองก็อยู่ในสายตานุชแทบทุกวัน…พี่อรไม่ต้องกังวลใจนะคะ”
หยุดไปเล็กน้อย เด็กสาวก็ทำเสียงร่าเริงเพื่อเป็นการปลอบใจพี่สาว
“อ้อ..ตอนนี้นุช..ถูกพี่แต๋วต้อนจนมุม จนต้องยอมประกวด..มิสยูนิเวอร์ซิตี้ให้กับมหาลัยนะคะ”
ข่าวคราวของน้องสองคนกลาง ทำให้อรชายิ้มออกมาได้ นึกถึงตอนนี้น้องสาวต้องไปเดินประกวดแล้วขำในใจขึ้นมา…กระโดกกระเดกอย่างอย่างยายนุช…นี่นะ…
“อ้าว…ไหนทีแรกนุชยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมไงจ๊ะ…ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้”
“เรื่องมันยาวค่ะ…พี่อรกลับมาแล้วนุชจะเล่าให้ฟังอีกที…ตอนนี้นุชก็เลยหัวหมุนติ้วๆๆๆ..ไปกับการติวเข้มของพี่แต๋วจนมึนไปหมด”
เสียงหัวเราะอย่างสดใสร่าเริงตบท้ายมานั้นประดุจเสียงทิพย์ที่ปลอบประโลมใจของอรชาให้เย็นลงได้ หญิงสาวแสนสวยจึงค่อยสบายใจขึ้นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้น…ก็แค่นี้นะ…แล้วพี่จะรีบทำธุระทางนี้ให้เสร็จ..จะพยายามกลับไปให้เร็วที่สุด”
“ค่ะ…พี่อร”
อรชายิ้มให้กับเสียงใสๆ นั้นก่อนจะปิดสัญญาณโทรศัพท์ในมือ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
หญิงสาวทรุดตัวลงพนมมือไหว้กับหมอนหัวเตียง
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลจงดลบันดาลให้น้องสาวทั้งสองของข้าพเจ้าให้แคล้วคลาดจากสิ่งอันเป็นอันตรายทั้งปวงด้วยเทอญ…
จากนั้นอรชาพยายามข่มตาให้หลับ และในไม่ช้าหญิงสาวแสนสวยก็เข้าสู่ภวังค์แห่งนิทรารมย์
……………………