Oh! My Angel นางฟ้าอลเวง C.1 ภาค1
Episode I : The Missing Shoe
Chapter I: “แรกพบบนดาดฟ้า”
By DRACULolitA
กลางดึกคืนหนึ่ง ท้องฟ้าดูเงียบสงบเหมือนเช่นทุกคืน แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่ามีอะไรเกิดขี้นท่ามกลางความสงบเงียบนั้น …
[เปรี้ยง!] สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าปรากฏร่างเด็กหญิงอายุประมาณ 12-15 ปี 3 คน กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจตนหนึ่ง เสียงเวทมนตร์ของทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด
“เมื่อไหร่พวกซีเนียร์จะมาซักทีนะพี่…แค่เรา 3 คน จัดการมันไม่ไหวหรอก…ว๊าย!” เด็กสาวคนหนึ่งกล่าวพลางหลบลำแสงที่เจ้าปีศาจปล่อยใส่ได้อย่างฉิวเฉียด
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ขืนปล่อยมันหนีลงโลกมนุษย์ล่ะเรื่องใหญ่แน่” พอพูดจบเด็กสาวคนโตก็สะบัดข้อมือ ร่ายมนตร์แล้วสาดใส่ปีศาจสวนไปทันที
คาถาของเธอพุ่งเฉียดไหล่ขวาของเจ้าปีศาจ มันออกอาการเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด พอเจ้าปีศาจถอยหลังไปตั้งหลักก็เจอกับเด็กสาวอีกคนที่รออยู่พอดี
“คิดจะหนีเหรอ” เธอเตรียมร่ายคาถาใส่เจ้าปีศาจร้ายทันที
{โอม…ผืนดิน…ผืนฟ้า…} ยังไม่ทันได้ร่ายมนตร์เสร็จเจ้าปีศาจก็พุ่งตัวกระแทกเธอกระเด็นออกไป
ด้านข้างแล้วลอยหนีไป
“ปัดโถ่!…ยัยเบล บอกแล้วไงว่าต้องท่องให้เร็วกว่านี้” เด็กสาวอีกสองคนรีบตามไปทันที
“ก็…คาถามันยากนี่นา คำศัพท์อะไรก็ไม่รู้ จำยากชะมัดเลย” เด็กสาวที่ถูกกระแทกพอตั้งหลักได้ก็รีบไล่ตามจนทันอีก 2 คน
“ทีหลังไม่ต้องตามมาแล้วนะ…วุ่นวายจริงๆ” เด็กสาวคนโตกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
“เอาน่า…พี่บิว อย่าเพิ่งโมโห โบว่าเราหาทางจัดการเจ้าปีศาจกันก่อนเหอะ” เด็กสาวคนกลางเห็นท่าไม่ค่อยดีรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“งั้น…พี่ขอข้อมูลของเจ้าปีศาจตัวนี้หน่อยสิ โบ”
นางฟ้า 3 องค์กำลังต้านทานปีศาจร้ายไม่ให้หนีจากนรกเพื่อเข้าไปทำอันตรายมนุษย์โลก… เห็นได้ชัดว่ากำลังของพวกเธอไม่สามารถจัดการมันได้
“เจ้าปีศาจตัวนี้นะคะ…เกิดจากตัณหาของมนุษย์ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน …” โบ นางฟ้าคนรองรีบอ่านข้อมูลที่จดมา
“เออ…อันนั้นน่ะพี่รู้แล้ว…แล้วตัณหาที่ว่าน่ะ…อะไรล่ะ” บิว นางฟ้าคนโตรีบตัดบทอธิบายยืดยาวของน้องสาว
“เอ่อ…คือ ”
“คืออะไรเล่า…เร็วๆสิ อ้ำอึ้งอยู่ได้”
“คือ…ความอยากสมสู่กับเด็กค่ะ” สิ้นเสียงตอบจากน้องสาว บิวรีบหยุดไล่ตามหันมามองโบจนแทบจะชนกันเอง
“จะบ้าเหรอ…จะให้พวกเราสู้กับเจ้าปีศาจพรรค์นี้น่ะนะ…”
“ก็แล้วจะปล่อยให้มันลงไปโลกมนุษย์เหรอพี่บิว”
“พี่ๆอย่ามัวคุยกันอยู่เลย…เจ้าปีศาจมันหายไปแล้ว” เบล น้องสาวคนเล็กเตือนสติทั้งคู่
ทั้ง 3 หันไปรอบๆก็พบว่าตนเองเหาะเข้ามาในกลุ่มเมฆหนาทืบจนแทบจะมองร่างของกันและกันไม่เห็น เสียงเหาะของเจ้าปีศาจก็เงียบหายไปด้วย มันคงจะซ่อนตัวอยู่แถวนี้แน่นอน ที่จริงแล้วเจ้าปีศาจร้ายแกล้งทำเป็นบาดเจ็บแล้วหนีเข้ามาในบริเวณนี้เพื่อล่อนางฟ้าทั้ง 3 ให้เข้ามาติดกับ ความกล้าเปลี่ยนมาเป็นความกลัวจนสามพี่น้องไม่กล้าขยับ ได้แต่มองไปรอบๆเพื่อหาเจ้าปีศาจร้ายให้พบให้เร็วที่สุด
ท่ามกลางความเงียบสงัด ลำแสงจากเจ้าปีศาจพ่งออกมาจากกลุ่มเมฆตรงไปโดนกลางหลังนางฟ้าบิว
“โอ้ย!” นางฟ้าตัวน้อยเสียหลักจนเกือบร่วงแต่ยังคงควบคุมสติทรงตัวอยู่ได้
“อยู่ตรงนั้นเหรอเจ้าปีศาจร้าย” นางฟ้าโบจับทิศทางที่ลำแสงพุ่งออกมาได้ ท่องคาถาซัดสวนกลับไปทันที แต่ทว่ามันได้หลบไปทางอื่นแล้ว เงาลางๆของมันผ่านช่องว่างของกลุ่มเมฆ พุ่งตรงไปทางนางฟ้าเบล
“เบล…ระวัง!” นางฟ้าโบเตือนน้อง ยังไม่ทันที่นางฟ้าเบลจะตั้งตัวได้ทัน เจ้าปีศาจร้ายร่ายคาถาโดนกลางหน้าผากนางฟ้าเบลอย่างจัง เธอหมดสติร่วงลงไปบนพื้นโลกทันที
“เบล!” เสียงพี่ๆตะโกนเรียกนางฟ้าเบลค่อยๆจางลงไปในความรู้สึกของเธอ…
ที่โลกมนุษย์ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่มแล้ว ที่ดาดฟ้าของตึกแถวแห่งหนึ่ง เบิร์ด…เด็กหนุ่มวัย 15 กำลังซ้อมวิดพื้นอยู่ เบิร์ดเป็นนักเรียนชั้น ม.3 ของโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่งแถวบ้านของบ้านเขา หน้าตาไม่ถึงกับหล่อ ไม่ถึงกับขี้เหร่ ผลการเรียนก็ไม่โดดเด่น จัดว่าเป็นเพียงเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง ระหว่างที่เขากำลังวิดพื้นอยู่นั้นเอง นางฟ้าเบลก็หล่นลงมาทับลงกลางหลังของเขาพอดี [พลั่ก!]
“โอ๊ย!” เบิร์ดร้องลั่น แม้น้ำหนักตัวของนางฟ้าเบลจะไม่มาก แต่ตกลงมาจากท้องฟ้าที่สูงขึ้นไปกว่าพันเมตรทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับจุก
“อะไรกันเนี่…” เบิร์ดตั้งตัวได้พยายามพลิกตัวขึ้นมามองสิ่งที่หล่นทับตนอยู่ พอได้เห็นนางฟ้าเบลเด็กหนุ่มถึงกับตะลึงจนลืมที่จะพูดต่อ รีบลุกขึ้นโดยประคองนางฟ้าเบลเอาไว้
“น้องๆ…เป็นอะไรรึเปล่า” นางฟ้าตัวน้อยยังคงหลับสนิทเพราะพิษคาถา
“ตายห่า…เด็กที่ไหนวะเนี่ยะ แล้วมาตกใส่หลังเราได้ไง” เบิร์ดแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก็เห็นแต่ดวงดาวเหมือนเช่นทุกคืน
เด็กหนุ่มรวบรวมสติมองร่างของเด็กสาวที่เขาประคองอยู่ ผิวของเธอขาว ผมเธอยาวเกือบถึงกลางหลังสีดำสนิทตัดกับชุดสีขาวของเธอ แก้มป่องนิดๆคางมนหน้าตาโดยรวมน่ารักมากทีเดียว อายุคงราวๆ 12 ขวบ เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวทั้งชุด เสื้อที่ดูคล้ายชุดชั้นในเด็กสีขาวแต่มีส่วนต่อของแขนที่ทำจากผ้าโปร่งๆมองทะลุไปถึงแขนได้ กระโปรงสีขาวมีระบายลูกไม้เป็นแนวตามขวาง 3 แนว แนวละ 2 ชั้น
ที่สำคัญคือมันสั้นจนขณะที่เบิร์ดประคองเธออยู่ เขาก็สามารถมองเห็นส่วนปลายของกางเกงในได้อย่างไม่ยากเย็น ถุงเท้าสีขาวยาวคลุมขึ้นไปถึงใต้หัวเข่า มีแถบผ้าสีขาวคาดที่ขาซ้ายอีก 1 ชิ้น รองเท้าสานสีขาวมีขนนกประดับโดยรอบ แต่มีเพียงรองเท้าข้างซ้ายข้างเดียวที่ยังอยู่ เธอแขวนกระเป๋าสะพายทำจากขนสัตว์สีขาวด้วยอีก 1 ใบ เบิร์ดเป็นลูกคนเดียวของบ้าน เขาไม่เคยได้ใกล้ชิดกับเด็กผู้หญิงในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อเจอเข้ากับตัวเองอย่างนี้มือที่ประคองนางฟ้าเบลไว้ถึงกับสั่นจนแทบทำอะไรไม่ถูก
“ตายรึยังหว่า” เบิร์ดเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา หากเธอตายแล้วมีใครมาพบเข้าแบบนี้ เขาคงโดนข้อหาฆ่าคนตายแน่นอน
“นี่…น้อง อย่าเพิ่งตายนะ” เด็กหนุ่มเขย่าร่างที่หมดสติเบาๆ นางฟ้าเบลก็ยังไม่ตื่น
“นี่…ตื่นๆ จะเช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” เบิร์ดเริ่มสรรหาวิธีปลุกแปลกๆมาใช้ เธอยังคงไม่ได้สติอยู่ดี เด็กหนุ่มจ้องหน้านางฟ้าเบลที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก
“ไม่ตื่นเหรอ…” เบิร์ดเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใคร
“ไม่ตื่นโดนหอมนะ” เบิร์ดใจแทบระเบิดเมื่อพูดคำนี้ออกมา คราวนี้เขาภาวนาว่าคราวอย่าให้เธอตื่นเลย นางฟ้าเบลยังคงหลับไม่ได้สติอยู่
“โดนหอมแก้มเลยนะ” เบิร์ดยังให้โอกาสเธอตื่นอีกครั้งเผื่อว่าเธอแกล้งหลับอยู่
“จะหอมแล้วนะ” ร่างกายเธอยังคงนิ่งสนิท ใจเบิร์ดเต้นถี่ขึ้นแรงขึ้น เด็กสาวหน้าตาดีอย่างนี้หากได้หอมซักทีคงเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน
“อยากโดนหอมใช่มั๊ย…ได้!” เบิร์ดพูดทั้งๆที่รู้ว่าเธอยังไม่ฟื้นชัวร์
เบิร์ดก้มหน้าลงริมฝีปากค่อยกดประทับลงบนแก้มป่องๆของนางฟ้าเบลอย่างช้าๆ กลิ่นแก้มหอมๆของนางฟ้าเบลทำเอาเบิร์ดแทบจะลอยขึ้นสวรรค์ สัมผัสของแก้มนิ่มๆที่ถ่ายทอดมายังริมฝีปากของเขาเกือบทำให้เบิร์ดลืมความเป็นตัวตน เสียงลมหายใจของนางฟ้าเบลช่วยให้เบิร์ดโล่งใจขึ้นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
หลังจากก้มๆเงยๆกับพวงแก้มของนางฟ้าเบลจนหนำใจแล้ว เบิร์ดก็เริ่มได้ใจมากขึ้น เขาเริ่มมองไปที่เรือนร่างของนางฟ้าเบล ในละแวกนี้ก็มีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางฟ้าเบลที่เบิร์ดแอบชอบอยู่เหมือนกัน แต่เบิร์ดก็ไม่เคยได้แอ้มเธอเลยซักที เมื่อโอกาสเป็นใจเช่นนี้ความอยากรู้อยากเห็นตามประสาวัยรุ่นของเบิร์ดก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที
“นี่น้อง…จะไม่ตื่นจริงๆเหรอ” เบิร์ดเริ่มคิดแผนการณ์อุบาทว์
“ไม่ตื่นเดี๋ยวโดนจับแก้ผ้านะ” ไม่พูดเปล่าๆ มือของเบิร์ดไปรออยู่ชายกระโปรงนางฟ้าเบลแล้ว…..
ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน นางฟ้า 3 องค์ต่อสู้กับปีศาจร้ายที่หมายจะเข้าไปป่วนโลกมนุษย์ นางฟ้าเบลพลาดท่าเสียทีโดนทำร้ายจนตกลงมายังโลกมนุษย์
“พี่โบ…พี่บิว” นางฟ้าเบลได้แต่เพ้อถึงพี่ๆของเธอ
“ไม่นะพี่โบ…พี่บิว ระวัง!” ในฝันของเธอพี่ๆทั้ง 2 ถูกทำร้ายจนสาหัส
“อย่า!” นางฟ้าเบลตกใจตื่นคว้าร่างของคนที่พยุงเธออยู่เข้าไปกอดไว้อย่างแนบแน่น แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่ากลับเป็นเบิร์ด เสียงร้อง
“อย่า”ของเธอทำเขาแทบช็อคเพราะเบิร์ดเพิ่งจะถลกกระโปรงของนางฟ้าเบลขึ้นไปอยู่เหนือเอวจนเห็นกางเกงในของเธอทั้งตัวพอดี นางฟ้าเบลร้องไห้สะอึกสะอื้นตื่นกลัวอย่างหนัก
เบิร์ดถึงกับหน้าถอดสี < หรือว่าเราจะเล่นแรงไปหน่อยหว่า > เด็กหนุ่มได้แต่พึมพำในใจ < ตายแน่ตู…ทำไงดีวะทีเนี่ยะ > เบิร์ดรวบรวมสติค่อยๆเอามือลูบหัวเธอเหมือนปลอบเด็ก
“เอ่อ…ไม่ต้องร้องไห้นะน้อง” เสียงปลอบของเบิร์ดทำเอานางฟ้าเบลหยุดร้องเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เธอรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่เธอกอดอยู่ทันที แทนที่จะเป็นพี่ๆของเธอแต่กลับเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำที่นั่งอ้าปากค้างไม่ยอมพูดยอมจาแทน
“พี่ไม่ใช่พี่ของเบลนี่นา” พอได้ยินเสียงเธอพูดเป็นครั้งแรกก็เหมือนเป็นเสียงเรียกสติเบิร์ดให้กลับมาอีกครั้งเหมือนกัน
“อ๋อ…เอ่อ…” เบิร์ดยังปากสั่นพูดติดๆขัดๆอยู่
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ยะ…” นางฟ้าเบลเป็นฝ่ายยิงคำถามเอง เธอลุกขึ้นเดินไปรอบดาดฟ้า
“เอ่อ…ที่ ที่บ้านพี่เอง…” เบิร์ดตอบคำถามนางฟ้าเบลหลังจากปล่อยให้เธอเดินสำรวจไป 2 รอบกว่าๆแล้ว
“ที่โลกมนุษย์เหรอคะ?” เบิร์ดยังงงๆกับคำถามใหม่ของเธอ เขายังไม่รู้ว่าเธอคือนางฟ้า
“งั้นพี่ก็เป็นมนุษย์น่ะสิ…แล้วพี่มองเห็นเบลได้ไงอ่ะ?” ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
“พูดอะไรเนี่ยะน้อง…แล้วน้องล่ะเป็นใครมาจากไหน ทำไมมาหล่นลงบนหลังคาบ้านพี่อย่างงี้?” เบิร์ดเองก็มีเรื่องสงสัยไม่แพ้กัน รีบถามสวนกลับไปทันทีที่มีโอกาส
“เดี๋ยวนะคะ” นางฟ้าเบลยกมือขึ้นเบรคคำพูดของเบิร์ดเหมือนจราจรหยุดรถ พลางสำรวจสภาพตัวเอง กระโปรงเธอเลื่อนลงไปอยู่ตำแหน่งเดิมแล้ว แต่มีบางอย่างหายไป
“พี่…แล้วรองเท้าอีกข้างล่ะ?” นางฟ้าเบลโวยวายใหญ่โต
“ก็…ตอนแรกที่พี่เห็นน้องมันก็มีแค่ข้างเดียวนี่แหละ” นางฟ้าเบลเริ่มหน้าเสีย
“ไม่จริงอ่ะ!” เธอเดินหันซ้ายแลขวาหารองเท้าอีกข้างที่หายไปแต่ก็ไม่พบ เธอเริ่มสะอึกสะอื้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรน่า…เดี๋ยวพี่ซื้อใหม่ให้ก็ได้” นางฟ้าเบลส่ายหัวแทนคำตอบเธอนั่งชันเข่ามือกอดเข่าเอาหน้าซุกร้องห่มร้องไห้ โดยไม่สนใจเลยว่าเบิร์ดกำลังจ้องโหนกเสียวที่ดันกางเกงในตัวจิ๋วของเธอโป่งออกมาให้เขาเห็นเต็มๆตา เบิร์ดกลืนน้ำลายเอื๊อกกับภาพที่ได้เห็น
“นี่…หยุดร้องได้แล้ว เอาแต่ร้องแบบนี้ไม่รู้เรื่องกันพอดี” เบิร์ดปลอบไปมองเนินเสียวไป ทันใดนั้นแม่ของเบิร์ดก็เปิดประตูดาดฟ้าขึ้นมาโดยที่เบิร์ดไม่ทันได้ตั้งตัว เบิร์ดหันไปเห็นก็ตกใจจนหน้าซีด
“เอ่อ…แม่ครับ คือ เรื่องนี้…ผมอธิบายได้นะ” เบิร์ดพูดไปทั้งๆที่ยังนึกคำอธิบายสถานการณ์ตรงหน้าไม่ออก พอดีกับที่นางฟ้าเบลหยุดร้องไห้
“แม่ของพี่เค้ามองไม่เห็นหนูหรอก…ตอนนี้เค้าเห็นพี่คนเดียวแหละ” นางฟ้าเบลเช็คคราบน้ำตาตัวเองพร้อมกับอธิบายให้เบิร์ดฟัง
“อธิบายอะไร เจ้าเบิร์ด…แม่ได้ยินเสียงแกพูดคนเดียวอยู่ตั้งนานสองนาน…เมื่อไหร่จะไปอาบน้ำอาบท่าไปเข้านอนซักที” แม่ของเบิร์ดเทศน์เป็นชุดยิ่งทำให้เบิร์ดยิ่งงงมากยิ่งขึ้น
“เอ่อ..ครับๆ เดี๋ยวไปแล้วแม่…อีกแป็บนึงนะ” เบิร์ดตอบ หลังจากที่แม่ของเบิร์ดลงจากดาดฟ้าไปแล้ว เขาก็หันกลับมาทางนางฟ้าเบลอีกครั้ง เธอยังนั่งชันเข่าท่าเดิมอยู่ ทำเอาเบิร์ดเกือบลืมคำถามที่จะถามเธอ
“เอ่อ…น้องเบลใช่มั๊ย…” เบิร์ดจำชื่อที่เธอเรียกแทนตัวเองได้
“…ตกลงเธอเป็นใครกันแน่ เป็นผีเหรอ? แม่พี่ถึงไม่เห็น” ถึงเบิร์ดจะคิดว่านางฟ้าเบลเป็นผีแต่ความน่ารักไร้เดียงสาของเธอไม่ทำให้เขารู้สึกกลัวเลยซักนิด นางฟ้าเบลได้ยินคำถามก็แอบอมยิ้มเล็กๆ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ…เบลเป็นนางฟ้าตะหาก” นางฟ้าเบลตอบเสร็จก็จ้องหน้าเบิร์ดกลับ สีหน้าเธอดีขึ้นเหมือนทำใจได้แล้วเรื่องรองเท้าที่หายไป ทั้งคู่นั่งคุยกันต่อ ต่างคนต่างแนะนำเรื่องของตนพอให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“สรุปว่า…ถ้าไม่มีรองเท้าทั้ง 2 ข้าง เบลก็จะกลับสวรรค์ไม่ได้งั้นเหรอ?” เบิร์ดสรุปเรื่องราวที่นางฟ้าเบลเล่า นางฟ้าเบลพยักหน้าจากนั้นก็ทำหน้าจ๋อยๆ เบิร์ดเห็นท่าไม่ดีก็รีบปลอบ
“ไม่เป็นไร…เดี๋ยวพี่จะช่วยหาด้วยอีกแรงนึง ไม่ต้องห่วงนะเบล รับรองได้กลับแน่” นางฟ้าเบลจึงค่อยคลายความกังวล
“จริงๆนะคะพี่เบิร์ด”
“อืม” เบิร์ดขานรับพร้อมกับมองใบหน้ายิ้มแย้มของนางฟ้าเบลเป็นครั้งแรก มันงดงามดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเด็กคนไหนที่เขาเคยเจอ
“เอ่อ…แต่ตอนนี้พี่ว่าดึกแล้ว คงต้องนอนพักก่อนล่ะ…พรุ่งนี้เช้าค่อยหากัน ดีมั๊ย?” เบิร์ดเสนอทางเลือกซึ่งนางฟ้าเบลก็เห็นด้วย ทั้งคู่เดินลงจากดาดฟ้าโดยมีเบิร์ดเป็นคนนำ
บ้านของเบิร์ดเป็นตึกแถว 4 ชั้น เบิร์ดอยู่กับแม่ 2 คน ส่วนพ่อนั้นไปทำงานต่างจังหวัด นานๆถึงจะกลับมาทีนึง ชั้นหนึ่งเป็นร้านขายของชำและขนม ชั้นสองเป็นห้องนอนของพ่อกับแม่ของเบิร์ด ชั้น 3 เป็นห้องของเบิร์ด ส่วนชั้นสี่เป็นห้องเก็บของและห้องว่างสำหรับแขกหรือญาติที่นานๆทีจะแวะมา เบิร์ดพานางฟ้าเบลเข้าไปในห้องของเขา
“เอ่อ…เป็นนางฟ้านี่…ต้องอาบน้ำด้วยรึเปล่า?” เบิร์ดถามด้วยท่าทางเขินๆ นางฟ้าเบลยิ้มตอบ
“อาบสิคะ” เบิร์ดนิ่งเงียบไปแว่บหนึ่งเพราะเผลอจินตนาการไปถึงภาพนางฟ้าเบลอาบน้ำ
“แหะๆๆ…นั่นสิเนอะ งั้น…เบลไปอาบก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่อาบทีหลังก็ได้” นางฟ้าเบลทำหน้างง
“แล้วทำไมไม่อาบพร้อมกันล่ะคะ?” เบิร์ดเกือบทำขันน้ำที่ถืออยู่ตกทันทีที่ได้ยินนางฟ้าตัวน้อยพูด
“เอ่อ…เอ่อ อ๋อ…อาบพร้อมกัน” หน้าเบิร์ดแดงกล่ำเพราะจินตนาการไปไกลมากแล้ว
“…หรือว่ามนุษย์โลกเค้าต้องอาบทีละคน…”
“อ๋อ…เปล่าๆ อาบหลายๆคนพร้อมกันก็ได้ สะดวกดี แหะๆๆ” เบิร์ดรีบตอบรับวิธีอาบน้ำของนางฟ้าเบลทันที พอเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเบิร์ด นางฟ้าเบลก็ยิ้มตอบ
“ถ้าไม่สะดวก…อาบทีละคนก็ได้ค่ะ…..”
“…ไม่เป็นไร อาบพร้อมกันตามที่เบลถนัดดีกว่า” เบิร์ดทำเป็นอ้างเหตุผลของนางฟ้าเบล
“งั้น…ไปอาบน้ำกันเลยเหอะ ดึกแล้ว” โอกาสดีๆอย่างนี้เป็นใครก็คงต้องรีบคว้าไว้ เบิร์ดจูงมือนางฟ้าเบลไปยังห้องน้ำอย่างเร่งรีบราวกับกลัวห้องน้ำจะหนี
“อุ๊ย! เดี๋ยวสิพี่เบิร์ด ไม่เห็นต้องรีบขนาดนี้เลย” สิ้นเสียงพูดของนางฟ้าเบล ประตูห้องน้ำก็ปิดลง…