กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 4

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 4

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 4
โดย saradio

หลังจากที่ผมหนีสลัดหลุดจากโจรผ้าเหลืองแล้ว ก็หาที่หยุดพักม้า และพยายามหาทางกลับไปหาอาเจิน แต่ผมมีปัญหาที่ว่า ผมออกจากเส้นทางที่คุ้นเคยมาไกลมาก จนแทบไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ตรงจุดไหน หากจะย้อนกลับทางเก่า ก็กลัวเจอพวกโจรพวกนั้นดักเล่นงานเอาอีก ผมเลยต้องพยายามหาทิศใหม่ เพื่อเดินทางไปเมือง อู๋เหว่ย
ในตอนนั้น ทั่วทั้งดินแดนเสเหลียง มีโจรหลายกลุ่มเข้ารวมอุดมการณ์ของกบฏโพกผ้าเหลืองของเตียวก๊ก ทำการลุกขึ้นก่อการจลาจลบุกปล้นสะดมหลายเมือง รวมทั่งเมืองอู๋เหว่ยที่ผมอยู่ด้วย ขุนศึกในเสเหลียงที่รวบรวมกำลังพลเข้าปราบปราม มีหลายคน อาทิเช่น ม้าเท้ง หันซุย ตั๋งโต๊ะและเตียวเจ สงครามจึงเกิดขึ้นทั่วทุกแห่งหน และตามหมู่บ้านก็พบศพคนนอนตายเกลื่อนกลาด จากการถูกโจรผ้าเหลืองบุกปล้นสะดม คนที่เหลือรอดก็พากันอพยพ ไปยังพื้นที่ปลอดภัย
ผมรอนแรมมาสองวันยังไปไม่ถึงเมืองอู๋เหว่ย ตอนนั้นทั้งหิวทั้งอดโซ ประทังชีวิตด้วยทุกอย่างที่กินได้ตามรายทาง ขณะที่นั่งโงนเงนบนหลังม้าด้วยความเพลียและหิวโหย สายตาพลันแลเห็นหมู่บ้านอยู่เบื้องหน้า ทำให้ผมตื่นตัวด้วยความดีใจ และกระตุ้นม้าให้วิ่งไปทีหมู่บ้านนั้น
ไม่คาดว่า หมู่บ้านนั้นกำลังถูกปล้นสะดมโดยกลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง แต่มีสิ่งผิดปกติคือ โจรโพกผ้าเหลืองกลับแตกออกเป็นสองกลุ่ม และยืนประจันหน้าเหมือนมีเรื่องโต้เถียงกัน ท่ากลางชาวบ้านที่ถูกคุมตัวเป็นเชลยนับร้อย
ชายวันกลางคนท่าทางห้าวหาญ ผู้นำกลุ่มที่เล็กกว่า กล่าววาจาเสียงดังว่า
“ท่านเอียดปิด พวกเราปล้นสะดมยึดเสบียง ก็เพียงพอ เหตุไฉนต้องสั่งฆ่าชาวบ้าน การฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่อุดมการณ์ของเรา ขอให้ท่านทบทวนดูอีกที”
คนที่ชื่อเอียดปิด นั่งบนหลังม้า ท่าทางห้าวหาญไม่แพ้กัน มันไว้เคราดกดำหน้าตาโหดร้าย มันเค้นเสียงดัง เฮอะ ก่อนพูดว่า
“คนพวกนี้ไม่เข้าร่วมกับเรา ก็ถือว่าเป็นศัตรู การฆ่าพวกมันไหนเลยผิดอุดมการณ์ ตูตันเหล่ย หากเจ้าไม่ทำถือว่า จงใจขัดคำสั่ง จะต้องโดนโทษหนัก”
ตูตันเหล่ย สีหน้าเคร่งเครียดหนักใจ ดังมีเรื่องทบทวนในหัว จากนั้นก็หัวเราะอย่างผิดหวัง ระบายออก พูดว่า
“เหอะ เหอะ เหอะ ครั้งแรกข้าเข้าร่วมก่อกบฏ เพราะหวังช่วยปราบทรราช ช่วยเหลือชาวประชา แต่นี่กระไร ทำไปทำมาเรากลับกลายเป็นทรราชเสียเอง พอกันที นับแต่นี้ไป ข้า ตูตันเหล่ย ไม่ขอรวมกับขบวนการกอบกู้บ้านเมืองจอมปลอมเยี่ยงนี่อีก”
“ตูตันเหล่ย เจ้าคิดทรยศรึ… พวกเราจับตัวคนทรยศเอาไว้”
สิ้นเสียง ก็เกิดการตะลุมบอนกันวุ่นวาย โจรโพกผ้าเหลืองกับฟากฟันกันเอง ชาวบ้านที่ถูกคุมตัวเป็นเชลยก็ได้โอกาสหนีตายไปคนละทิศละทางจนดูชุลมุน
ตอนนั้นผมยืนม้ามองอยู่ห่างไม่ไกล โดยไม่มีใครสนใจ เพราะมั่วโต้เถียงฟาดฟันกัน ผมได้ยินเสียงที่พวกมันโต้เถียงกันชัดเจน และรู้ว่าตูตันเหล่ยผู้นั้น เป็นผู้มีคุณธรรมอยู่มาก ในใจแอบเชียร์ให้ได้รับชัยชนะ แต่กลุ่มของมันก็มีคนอยู่น้อยนิด ไม่อาจเทียบได้กับคนของเอียดปิด ทำให้ถูกกลุ้มรุมฟาดฟันตายเป็นใบไม้ร่วง แต่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มของ ตูตันเหล่ย ดูเก่งกาจมีฝีมือ มันสวมใส่เกราะหนังสีดำ รูปร่างมันผอมเพรียวปราดเปรียวทะมัดทะแมง ในมือถือทวนยาวร่ายรำเป็นจักรผัน ศัตรูแทบไม่อาจกล้ำกลายถึงตัวมันได้ ซ้ำร้ายยังถูกมันใช้ทวนแทงตายไปหลายคน มันทำหน้าทีเป็นหัวหอกตีฝ่าทะลุทะลวง หมายตีฝ่าวงล้อมพาพักพวกมันทั้งหมดหนีออกไป
ผมเห็นแล้วรู้สึกชื่นชม ใจก็อยากจะช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ลำพังวิชามวยไทยที่ผมเรียนมา ก็เรียนมาเอาเท่ห์ เพราะต้องการเอาไว้แค่ออกท่าทางโชว์สาวจีนในมหาลัย ยังไม่เคยขึ้นชกสักครั้ง ต่อให้เคยขึ้นชก ก็ไม่คิดจะเอาหมัดไปแลกกับคมมีดหรอก แต่ฉับพลันผมก็คิดอะไรได้ เมื่อเห็นชาวบ้านวิ่งหนีมาทิศทางผม ผมจึงตะโกนร้องไปสุดเสียงบอกชาวบ้านพวกนั้นว่า
“พี่น้องทั้งหลาย หนีมาทางนี้ ทหารมาช่วยเราแล้ว ทหารมาแล้ว ทหารมาแล้ว บอกต่อกันว่าทหารมาแล้ว”
ชาวบ้านที่ได้ยินต่างดีใจ หนีมาทางผมส่งเสียงโห่อย่างยินดี แล้วร้องบอกต่อกันว่าทหารมาแล้วตามที่ผมบอกออกไปเป็นทอด เพื่อส่งข่าวให้คนอื่นรู้ด้วย
ตอนนั้นเอียดปิด ใช้ดาบฟันถูกตูตันเหล่ย เซถอยหลังล้มลง และกำลังจะตามเข้าไปหมายเผด็จศึก โดยที่หนุ่มชุดเกราะหนังดำกำลังสู้ติดพันทางอื่น จึงยืนมือเข้าช่วยเหลือไม่ทัน ได้แต่ตะโกนส่งเสียงเรียก ว่า ท่านพ่อ แต่เสียงที่แตกตื่นยินดีของชาวบ้านที่ร้องก้องระงมทำให้เอียดปิดชะงักงัน คิดว่าทหารมาจริง จึงรีบสั่งให้คนของมันถอย แม้แต่ตูตันเหล่ยที่บาดเจ็บสาหัสก็สั่งให้คนของตัวเองที่เหลือเพียงหยิบมือหนีด้วย
พริบตาเดียวกลุ่มโจรผ้าเหลืองของเอียดปิดกับตูตันเหล่ย พากันหนีหายไปจนหมด ส่วนชาวบ้านที่หนีมาทางผม ก็ออกันเข้ามาถามผมว่า ทหารอยู่ไหน ผมเลยบอกความจริงว่าไม่มีทหาร แค่หลอกพวกโจรให้หนีไป และบอกอีกว่า พวกโจรรีบหนีโดยไม่ได้ขนของที่ปล้นไปสักอย่าง ให้พวกชาวบ้านรีบไปเอาเสบียงและของมีค่ากลับคืนและรีบอพยพหนีไป แล้วผมก็ขอเสบียงกับน้ำจากชาวบ้านติดตัว แล้วเดินทางไปต่อ
พอตกค่ำคืนผมผ่านหมูบ้านร้างที่ผู้คนอพยพหนีไปหมดแล้ว ผมจึงเลือกบ้านหลังหนึ่งไว้พักค้างคืน หลังจากกินอาหารแห้งที่ได้มาจากชาวบ้านจนอิ่มมื้อ ก็หลับตานอนพัก ขณะเคลิ้มๆจะหลับ ก็ได้ยินเสียงม้าควบเยาะๆ มากันหลายตัว ผมจึงไหวตัวตื่นแล้วแอบมองผ่านช่องหน้าต่าง เห็นเงาม้าห้าตัวไปหยุดที่บ้านใกล้ๆ หลังหนึ่ง คนพวกนั้นลงจากหลังม้าแล้วช่วยกันแบกห้ามคนหนึ่งลงจากม้า ดูท่าทางคนนั้นจะได้ จากลักษณะท่าทางผมคิดว่า พวกนั้นน่าจะเป็นพวกของตูตันเหล่ย ไม่คิดว่าพวกมันก็หนีมาทางนี้
สักพัก คนของตูตันเหล่ย สองคน ออกจากบ้านที่มันเข้าไป และเที่ยวไปเข้าค้นบ้านหลังอื่นๆ และคนหนึ่งก็ตรงมาที่บ้านที่ผมอยู่ ผมใจหายวูบ ไม่รู้จะหนีออกทางไหน และตอนนั้นม้าของผมก็ตื่นตัวสงเสียงร้อง ทำให้คนที่เดินมารู้ว่ามีคน
มันจึงระวังตัวมาหยุดหน้าบ้าน ส่งเสียงพูดว่า
“ใครอยู่ในนั้น ยังไม่รีบไสหัวออกมา หากให้ต้องเข้าไปเจ้าอาจไม่ได้ตายดี”
เสียงนั้นก้องกังวานใส ไม่ใช่เสียงบุรุษ แต่ก็ข่มขวัญผมให้ต้องยอมออกไปได้ ผมเปิดประตูออกไป ยกมือท่วมหัวอย่างยอมแพ้ คนที่เรียกผมออกมา ถือทวนอย่างจับจ้อง ภายใต้แสงจันทร์สว่างไสว และยืนห่างกันไม่ไกล ผมมองเห็นมันชัดตา
ที่แท้มันก็คือ คนที่สวมเกราะหนังสีดำที่สู้รบอย่างเก่งกาจคนนั้นนั่นเอง แต่มันไม่ใช่บุรุษ หากแต่มันเป็นผู้หญิง และดูจะอายุน้อยด้วย
“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่แถวนี้”
ผู้หญิงเกราะหนังสีดำ กระชากเสียงตวาดถาม ยื่นปลายคมทวนจี้มาถึงคอหอย ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ ถึงจะดูเป็นเด็กสาวอายุน้อย แต่ก็เห็นเธอร่ายเพลงทวนฆ่าคนร่วงเป็นใบไม้มาแล้ว ดังนั้นไม่คิดลิ้นยั่วโมโห ตอบไปตามตรงอย่างนอบน้อมว่า
“ข้าพเจ้าหนีภัยสงครามหลงทางมา จึงมาหลบซ่อนนอนในบ้านหลังนี้ ท่าน ..ท่านอย่าได้ทำร้ายข้าพเจ้า”
สาวน้อยชุดเกราะดำหน้านวลคมขำ ก็เลิกคิ้วเข้มเรียงรูปสวย มองผ่านผมเข้าไปสำรวจดูในบ้าน ก่อนถามว่า
“เจ้ามาคนเดียวรึ”
“ใช่ๆ ข้ามาคนเดียว ไม่เชื่อ ท่านเข้าไปดูได้”
สาวน้อยชุดเกราะดำไม่เข้าไปดู แต่ตะโกนเรียกคนของเธอ มาสมทบอีกคน และให้เข้าไปค้นในบ้าน คนของเธอเข้าไปดูแล้วไม่พบใคร แต่เอาห่อผ้าของผมติดมือมาด้วย พูดด้วยความยินดีว่า
“นายน้อย ข้างในไม่มีใคร แต่มีอาหาร”
แล้วคนพวกนั้นก็ยึดห่อผ้าผมไป แล้วก็จับผมมัดพาไปยังบ้านที่พวกมันอยู่ แล้วคนพวกนั้นก็แบ่งปั่นอาหารกันกิน

Share the Post:

Related Posts

แอบดูจนหนูโดนเย็ด

เรื่องเสียว แอบดูจนหนูโดนเย็ด เรื่องเสียวมันเริ่มต้นขึ้นเพราะว่าบ้านของฉันที่เป็นโรงงานทำขนมไทยเล็ก ๆ มันเริ่มเติบโต สิ่งที่เกิดขึ้นมาในตอนนี้ก็คือ กิจการมันเติบโต และนั่นก็ทำให้พ่อของฉันเตรียมการที่จะขยายส่วนของโรงงานให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิม เลยจัดการจ้างทีมเหมาคนงานก่อสร้างมา พ่อเองใช้ตึกแถวด้านหลังให้เป็นที่พักคนงาน ส่วนที่อาบน้ำก็ตีสังกะสีล้อมรอบเอาไว้ แล้วทำอ่างน้ำชั่วคราวเอาไว้ในนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็คือ มันไม่มีหลังคา และมันอยู่ใกล้เคียงกับห้องของฉันไม่น้อยเลยทีเดียว ฉันไม่ใช่พวกยี่หระกับเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว พ่อเองก็เหมือนจะรู้ว่าฉันไม่ได้จะสนใจคนงานก่อสร้าง จนกระทั่งหนึ่งในนั้น มีผู้ชายที่ค่อนข้างโดดเด่นทั้งเรื่องหน้าตาและรูปร่างปรากฏขึ้น เขาเป็นคนที่สูงที่สุดในกลุ่ม

Read More

อยากได้โทรศัพท์ใหม่ ก็มาให้เย็ดสิครับ

เรื่องเสียว อยากได้โทรศัพท์ใหม่ ก็มาให้เย็ดสิครับ ผมตามจีบ “แพม” มาเกือบปี เธอตัดรอดผมไปจนหมดสิ้น ผมไม่เหลือความหวังกับเธอแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้า ผมคิดถึงเรื่องเสียวระหว่างผมกับเธออยู่บ่อยครั้ง และเพื่อนของผมก็เชียร์ให้ผมจีบเธอ หน้าตาของผมก็ไม่ได้แย่ จัดว่าหน้าตาดีด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าใจครับ ว่าการที่ผมหน้าตาดีไม่ได้แปลว่าเธอจะชอบเสมอไป…แต่รู้อะไรไหม วันนี้เธอกลับมาหาผม มาหาง่าย ๆ แต่ว่าผมไม่ได้มีโอกาสที่จะเป็นแฟนกับเธอหรอกนะครับ เธอมาหาผมเพราะว่าต้องการให้ผมนั้นช่วยสนับสนุนเงินในการซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

Read More