ก้อย ภาค 2 ตอนที่ 25

ก้อย ภาค 2 ตอนที่ 25

ก้อย ภาค 2 ตอนที่ 25

วันนี้คุณอำนาจเรียกประชุมตอนเช้าพอดี ผมเลยคิดว่าจะบอกเรื่องหงส์กับท่านเลยแล้วกัน ไม่อยากจะให้ยืดเยื้อต่อไปแล้ว หลังประชุมเสร็จก็เหลือแค่คุณอำนาจ คุณไพศาล พี่คมแล้วก็ผม ผมก็เลยบอกเรื่องหงส์กับคุณอำนาจ

“มึงว่าไงนะไอ้บี กูให้โอกาสมึงพูดอีกครั้งนะ”
“ก็ตามที่ผมบอกแหละครับ หงส์เป็นเมียผม ผมคงให้หงส์หมันกับคุณรุชไม่ได้ ยิ่งเรื่องแต่งยิ่งไม่ต้องคิดเลย”
“ไอ้บี มึงรู้ใช่ไหมว่าพูดกับกูแบบนี้แล้ว มึงจะเป็นยังไง”
“ผมทราบครับท่าน ผมขอคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้ท่าน”
“อ้อนี่มึงคิดใช่ไหมว่ามึงดูแลหุ้นแทนเพื่อนมึงอยู่แล้วกูจะไม่กล้าไล่มึงออก”
“ไม่เลยครับ ท่านจะไล่ผมออกผมก็ยอมรับโดยดีครับ ผมขอแค่อย่าไล่น้องหงส์ด้วย เพราะน้องเค้าลำบากเค้าต้องส่งเสียแม่กับน้อง แล้วก็เลิกอุปการะ
น้องฟาง เพราะเธอไม่ได้ผิดอะไร เธอไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย”
“แล้วถ้ากูไม่รับปากมึงหละ”
“ก็ไม่เป็นไรครับ ผมกับก้อยคงพอจะส่งน้องสาวให้เรียนซักคนไหว”
“แล้วถ้ากูไปบีบให้เมียมึงต้องตกงานด้วยหละ”
“ผมบอกท่านแล้วนะครับว่าทุกอย่างผมรอรับคนเดียว”
“แล้วทำไมกูต้องเชื่อมึง”
“เค้าพูดกันว่าถ้าเราไล่หมาจนจนตรอกมันจะกลับมาสู้ตายนะครับ”
“มึงขู่กูหรอ”
“เดี๋ยวๆ ไปกันใหญ่แล้ว คุยกันดีๆ ดีกว่าครับ” คุณไพศาล
“มึงไม่ต้องมาขอเลย ไอ้บีมึงเก็บของไปได้เลย กูไล่มึงออก”
“เดี๋ยวพี่อย่าถึงกับไล่ออกกันเลยครับ ไอ้บีมันก็ทำผลงานมาเยอะนะครับ ไม่ได้มันบริษัทนี้อาจจะไม่มีอยู่แล้วก็ได้” พี่คม
“ไม่ไล่ออกก็ได้ แต่กูลดขึ้นมึงให้เหลือแค่พนักงานธรรมดา แต่มึงอยากดีใจไปนะ กูให้เวลามึง 3 เดือนหางานใหม่ ถ้าครบ 3 เดือนเมื่อไหร่มึงก็ออกจากบริษัทกูไปได้เลย”
“ขอบคุณครับ งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ผมขอคืนทุกอย่างให้ท่าน”

ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องประชุมโดยที่พี่คมพยายามจะรั้งให้ผมคุยกับคุณอำนาจต่อ แต่ผมไม่อยากคุยแล้ว ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าจะโดนคุณอำนาจขู่ขนาดนี้ ผมคิดว่าคุณอำนาจคงไม่บีบหงส์บีบก้อยให้ตกงานจริงๆ หรอก แต่ถ้าทำผมก็จะทำให้คุณอำนาจได้จำจนวันตายว่าไม่ควรบีบคั้นให้ผมจนตรอก

พอผมกลับมาถึงแผนกดูเหมือนคำสั่งจะแซงหน้าผมมาแล้วเพราะหงส์ยืนตกใจมองผมพร้อมกับเสื้อและขอของผมที่กองอยู่บนโต๊ะเธอ ผมเดินไปเก็บของแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวที่ว่างอยู่ ไม่ถึงห้านาทีแคทจอยหมวยก็รีบเดินมาหาผมพร้อมกับแย่งกันถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“พอๆ เอางี่แล้วกันเดี๋ยวขอบอกทีเดียวเลยแล้วกันนะ ไปเรียกคนอื่นๆ เลย เดี๋ยวพี่จะพูดที่ห้องประชุมแล้วกัน”

ผมไปรอที่ห้องประชุมไม่นานน้องๆ ก็มากันครบยกเว้นคุณรุช คงโดนคุณอำนาจเรียกตัวไปหา

“เอาหละหลายๆ คนคงรู้แล้วว่า พี่ถูกปลด”
ถูกปลดทำไมอะ สาวๆ พึมพำกันใหญ่
“ฟังให้จบก่อน พี่โดนปลดเป็นแค่พนักงานธรรมดา”
“พนักงานธรรมดา ทำไมค่ะพี่บี” แคท
“เฮอ ฟังก่อนซิ ก็ไม่ทำไมหรอก ก็พี่เลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้เอง”
“ไม่เข้าใจค่ะ” หญิง
“ก็ไม่ต้องเข้าใจหรอก แค่รับรู้ไว้ก็พอ”
สาวๆ ก็พึมพำคุยกันอีก
“ถึงพี่จะกลายเป็นแค่พนักงาน พี่ก็อยากให้พวกน้องๆ ตั้งใจทำงานเหมือนเดิม อย่าสนใจเรื่องที่เกิดกับพี่”
“ได้ไงหละค่ะ แล้วใครจะดูแลพวกหนูหละ” จอย
“ก็อาจจะมีคนใหม่มา หรือไม่ก็คุณรุชมั้งที่จะทำแทนพี่”
สาวๆ ทำหน้าแหย่กันใหญ่
“ไม่ไหวมั้งค่ะแบบนี้” แคท
“ไม่ไหวก็ต้องไหวนะ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ต่อไปพี่ทำทำอะไรผิดก็ว่าได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะ”
“พี่บี” สาวๆ ประสานเสียง
“พี่จะพูดแค่นี้แหละ กลับไปทำงานกันเถอะ พี่ไม่ใช่หัวหน้าแล้วเรียกคนมาประชุมกันหมดออฟฟิตแบบนี้เดี๋ยวจะโดนว่าเอา”

สาวๆ บ่นแล้วก็เดินกันออกจากห้องประชุมไป มีแต่หงส์กับหญิงที่ยังไม่ยอมออกจากห้อง

“กลับไปทำงานกันได้แล้วทั้งสองคน”
“หญิงขอถามอะไรเป็นส่วนตัวหน่อยได้ไหมค่ะ”
“ก็ได้ หงส์รอพี่ข้างนอกแป๊บนะ”
“ค่ะ”
หงส์เปิดประตูออกไปนอกห้อง
“เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมค่ะ พี่บีถึงทำแบบนี้”
“ผู้หญิงไหน”
“ก็ผู้หญิงญี่ปุ่นคนนั้น”
“เอริกะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซักหน่อย”
“จะไม่ใช่ได้ยังไง แค่ผู้หญิงคนนั้นมาแค่สองวันพี่บีก็ถึงกับเป็นแบบนี้”
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับใคร พี่ทำตัวพี่เองทั้งนั้น หญิงกลับไปทำงานเถอะ”
“งั้นเย็นนี้ คุยกันหน่อยได้ไหมค่ะ”
“ขอโทษนะพี่อยากรีบกลับบ้าน”
“ทำไมหละค่ะ”
“แฟนพี่รออยู่”
หญิงได้ยินผมพูดแบบนี้ก็โมโหจนเปิดประตูออกไปจากห้อง
หงส์เห็นหญิงออกไปแล้วก็เลยเดินเข้ามา
“เพราะหงส์ใช่ไหมค่ะ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย” ผมลูบหัวหงส์เบาๆ
“ก็เพราะหงส์พี่บีถึงได้โดนปลดแบบใช่ไหมค่ะ”
“บอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่ซิ อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวหน้าก็ไม่สวยหรอก กลับไปทำงานเถอะ แล้วเย็นนี้กลับด้วยกันนะ แต่ว่าคงต้องขึ้นรถเมลนะพี่ไม่มีรถขับแล้วหละ”
หงส์โผเข้ามากอดผมแล้วก็ร้องไห้
“ยังจะร้องอีก ตกลงเสียใจหรอที่จะเป็นเมียพี่”
“เปล่าค่ะ” หงส์ร้องไห้สะอื้น
“งั้นก็หยุดร้องซะ ไปทำงานได้แล้ว”
แล้วรุชก็พรวดเข้ามาในห้อง หงส์ตกใจรีบปล่อยแขนที่กอดผม
“นี่มันอะไรกันครับ” รุชพูดเสียงดัง
“ไม่มีอะไร หงส์ออกไปทำงานเถอะพี่จะคุยกับคุณรุชต่อ”
หงส์ก็ออกไปจากห้องอีกครั้ง

“มันอะไรกันครับอยู่ๆ คุณลุงก็ให้ผมคุมฝ่ายแทนพี่ แล้วพี่กับหงส์ก็ยัง”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับคุณรุช ผมถามจริงๆ คุณไม่รู้เลยหรอว่าความสัมพันธ์ของผมกับหงส์คืออะไร”
“ผมรู้ ผมไม่ได้โง่งมจนไม่รู้หรอกนะว่าผู้หญิงที่อยู่ห้องเดียวกับผู้ชายจะเป็นแค่พี่น้องกัน”
“งั้นก็ดีครับ ผมจะได้ไม่ต้องอธิบายมา ก็คงอย่างที่คุณลุงคุณบอกแหละครับ”
“แต่พี่บอกว่ายกหงส์ให้ผมแล้วนี่”
“ผมจำไม่ได้ว่าเคยพูดว่ายกหงส์ให้คุณนะคุณรุช ผมเคยแต่พูดว่าแล้วแต่หงส์เค้าจะตัดสินใจเอง ผมตัดสินใจแทนเค้าไม่ได้ แล้วตอนนี้หงส์เค้าก็เลือกผมแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือเค้าเลือกผมมาตลอด หงส์ไม่เคยเลือกคุณเลย”
“ไอ้บี”
“อ้อกลับมาเหมือนเมื่อก่อนแล้วซินะครับ งั้นเราก็ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีก”
“ตอนนี้มึงก็ไม่มีอะไรที่จะสู้กูได้แล้ว มึงคิดว่ามึงจะรักษาหงส์ไว้ได้นานซักแค่ไหน”
“คุณรุช คุณกำลังดูถูกคนที่คุณรักนะ ถ้าหงส์เห็นแกเงินจริงๆ คุณคงสมใจไปนานแล้วหละ”
“ไอ้บีมึง” รุชทำท่าจะวิ่งเข้ามาชกผม
“อะๆ อย่าดีกว่าครับ อย่าคิดว่าครั้งที่แล้วคุณแพ้ผมเพราะคุณเมา เพราะต่อให้คุณไม่เมา ผมก็ซัดคุณล้มได้”

พอรุชหุนหันออกไปจากห้องประชุม ลินก็โทรมาหาผมอีก สงสัยผมคงไม่ได้ทำงานแน่ๆ เช้านี้

“หวัดดีลิน”
“เกิดอะไรขึ้นค่ะ ทำไมอยู่ๆ ท่านถึงให้ลินช่วยคุณรุชทำงาน แล้วพอลินถามถึงพี่บีท่านก็วางสายเลย”
ผมเลยอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น
“งั้นลินจะลาออกค่ะ”
“จะลาออกทำไมหละ งานดีๆ ไม่ได้หาง่ายๆ นะ”
“ก็ถ้าไม่ได้เจอพี่บี งานนี้มันก็ไม่ใช่งานดีๆ หรอกค่ะ”
“แต่ตอนนี้มันก็เป็นแล้วนี่”
“จะรู้ได้ไงค่ะว่าพอพี่บีไม่อยู่แล้วท่านจะลดโน้นลดนี่ลินจนกลับไปเหมือนเก่า”
“คงไม่หรอกมั้ง ท่านของลินคงเห็นแล้วหละว่าสิ่งที่ลินได้มันสมกับผลงานของลิน”
“แต่ลินไม่อยากทำแล้วค่ะ ถ้าไม่มีพี่บี”
“เฮอ ลินทำไปเถอะ เผื่อพี่ลำบากจะได้ขอให้ลินช่วยได้ไง”
“แต่ว่าลินอยากทำงานกับพี่บีมากกว่า”
“เอาน่านะ ทำงานต่อเพื่อพี่ เกิดพี่ไม่มีกินจะได้ขอให้ลินเลี้ยงบ้าง”
“แต่”
“ไม่ต้องแต่แล้ว อืมลินโทรมาก็ดีแล้ว พี่มีเรื่องจะรบกวนครั้งสุดท้าย”
“ทำไมต้องครั้งสุดท้ายด้วยหละค่ะ ไหนบอกว่าถ้าไม่มีกินจะขอให้ลินเลี้ยงข้าวไง”
“ก็เอาเป็นว่าครั้งสุดท้ายสำหรับฐานะพนักงานที่นี่”
“ทำไมค่ะพี่บีจะออกหรอ”
“พี่ผิดใจกับเจ้าของบริษัท เค้าคงไม่ยอมให้พี่อยู่ที่นี่นานหรอก”
“ให้ลินช่วยพูดไหม”
“ไม่ต้องหรอก ลินช่วยเรื่องที่พี่จะขอดีกว่า”
“พี่บีจะให้ลินช่วยอะไรค่ะ”
“พี่อยากได้รายชื่อบริษัทที่ไม่ใช่ของคุณอำนาจ ไม่ใช่คู่ค้าไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับคุณอำนาจ พอจะหาให้พี่ได้ไหม”
“พี่บีจะเอาไปทำอะไรค่ะ”
“อ้าว พี่ก็จะหางานใหม่ทำไง พี่ไม่อยากไปสมัครงานแล้วกลายเป็นจุดไต้ตำตอนะ”
“ค่ะได้ค่ะ ลินจะรีบหาแล้วส่งให้ค่ะ”
“ขอบคุณนะ จากนี้ไปก็ตั้งใจทำงานนะ แล้วพี่จะไปขอให้เลี้ยงข้าว”
“พี่บีต้องมาขอให้ลินเลี้ยงจริงๆ นะค่ะ”
“จริงซิ”
“สัญญานะค่ะ”
“พี่สัญญา”

วางสายจากลินผมก็เปิดประตูออกจากห้องประชุม แต่ก็เจอหน้าพี่คมอีก พี่คมก็ไล่ให้ผมเดินกลับเข้าห้องประชุมเพราะแกจะคุยด้วย

“อะไรเนี่ยพี่ ผมต้องทำงานนะ ไม่ทำเดี๋ยวเค้าหักเงินเดือนผม ผมไม่มีเงินเลี้ยงเมียๆ ผมนะ” แล้วผมก็หัวเราะ
“มึงยังจะพูดเล่นอีกนะไอ้บี มึงรู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่ จากคนที่กำลังจะเป็นเศรษฐีอันดับตอนๆ ของเมืองไทย กลับกลายเป็นยาจกอยางเก่า”
“อืม แล้วยังไงครับ”
“แล้วยังไง มึงบ้าหรือเปล่า”
“เฮอ พี่ ผมไม่ได้เป็นญาติกับคุณอำนาจซักหน่อย ทำไมเค้าถึงจะยกมรดกให้ผมหละ เค้าก็แค่ให้ผมทำงานให้เท่านั้นแหละครับ”
“ถ้าเค้าไม่คิดจะยกให้เค้าจะรับมึงเป็นลูกบุญธรรมทำไมวะ”
“เลือดมันก็ต้องข้นกว่าน้ำซิพี่ เค้าคงยกมรดกให้หลานเค้ามากกว่าที่จะเป็นผมนะ”
“พูดกับมึงแล้วปวดหัวจริงๆ เถียงกูตลอด กูบอกเรื่องหงส์กับคุณอำนาจแล้ว กูเค้าแล้วว่ามึงกับหงส์อยู่ด้วยกันมานานแล้วก่อนจะมาเจอพี่อำนาจอีก”
“แล้วยังไงครับ”
“มึงก็ไปขอโทษพี่อำนาจซิ เผื่อพี่อำนาจจะเปลี่ยนใจไม่ปลดตำแหน่งมึง”
“เรื่องตำแหน่งไม่ต้องพูดแล้วหละครับพี่ ตอนนี้ผมต้องรีบหางานใหม่แล้ว เพราะผมอยู่ที่นี่ได้อีกแค่ 3 เดือน หรือถ้าท่านไม่พอใจมากๆ ผมอาจจะอยู่ได้อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็ได้ ตอนนี้ผมขอไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวท่านรู้ว่าผมเอาแต่อยู่ในห้องประชุมแบบนี้ เกิดโกรธขึ้นมาไล่ผมออกวันนี้เลยผมไม่มีเงินเลี้ยงเมียผมพอดี”

ผมเดินออกจากห้องเลยเพราะไม่อยากคุยกับพี่คมต่อแล้ว เอาไว้ค่อยขอโทษแกที่หลังแล้วกัน ส่วนเรื่องคุณอำนาจผมคิดว่าท่านคงไม่ยอมเช้าใจง่ายๆ หรอ และเพื่อตัดปัญหาหลายๆ เรื่องผมขอกลับเป็นคนเก่าดีกว่า ตอนนี้ผมคิดว่าถ้าก่อนหน้านี้ผมยังเป็นแค่พนักงานธรรมดาอยู่ บางทีคนที่ผมรักคงไม่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ อย่างที่ผ่านมา

ผมกลับไปเครียล์งานเก่าๆ เพื่อส่งมอบให้คุณรุชที่โต๊ะพนักงานธรรมดาที่ว่างอยู่ ผมทำงานไปได้ซักพักวิก็เดินมาหาผม ผมคิดว่าเธอคงจะเอารายงานให้ผมเลยบอกให้ไปส่งที่คุณรุชแทน

“ถ้าเป็นรายงาน ส่งที่คุณรุชเลยนะ ผมไม่มีสิทธิดูแล้ว”
“เปล่าค่ะ วิแค่อยากจะถามอะไรคุณซักหน่อย”
“ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ผมคงไม่ตอบแล้วนะครับ เพราะผมได้ตอบไปหมดแล้วเมื่อกี้นี้”
“ไม่ใช่หรอค่ะ”
“ครับงั้นมีอะไรหรือครับ”
“วิแค่อยากจะรู้ว่ามันคุ้มแล้วหรอค่ะ เพื่อความรักถึงกับยอมเสียสละทุกอย่าง”
“คุณวิมีแฟนหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ และที่ผ่านมาวิก็คิดว่าคงจะเรียกว่าแฟนไม่ได้”
“งั้นผมพูดไปคุณวิก็คงไม่เข้าใจหรอกครับ”
“ยอมใช้ชีวิตลำบากแลกกับการได้ความรักมาก มันจะมีความสุขหรือค่ะ คนเราทนลำบากเพื่อความรักได้จริงๆ หรอค่ะ”
“ก็จริงอยู่นะครับว่าคนเรามีสามสิ่งที่ต้องการในชีวิต สิ่งแรกก็คือเงิน ทุกคนอยากรวย อยากสุขสบาย สิ่งที่สอง อำนาจ ทุกคนอยากเป็นที่สนใจ อยากให้คนอื่นยำเกรง อย่างสุดท้าย ทุกคนอยากได้ความรักจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง พ่อแม่ เจ้านาย ลูกน้อง คนรอบข้าง”
“ค่ะ”
“แต่เงินทอง ยิ่งมีมากก็อยากได้มาก ยิ่งรวยมากก็ยิ่งโลภ ไม่มีวันเติมให้เต็มได้ อำนาจยิ่งมีมาก็ยิ่งแสวงหา เริ่มจากเป็นผู้ใหญ่บ้านก็อยากเป็น กำนัน เป็นกำนันก็อยากเป็น อบต เป็น อบต ก็อยากเป็น สส เป็น สส ก็อยากเป็นรัฐมนตรี พอได้เป็นรัฐมนตรีก็อยากเป็นนายก พอเป็นนายกก็อยากเป็นผู้นำทวีป อีกหน่อยพอได้ก็อยากเป็นผู้นำโลก ความต้องการสองอย่างนี้มันไม่มีวันจะเติมเต็มได้”
“ก็จริงค่ะ”
“แต่ความรักซิครับ ขอแค่มีซักคนที่เรารักเค้า แล้วเค้าก็รักเราตอบ แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องรวยล้นฟ้า ไม่ต้องมีอำนาจเหนือคนทั้งโลก แต่ชีวิตก็มีความสุขจนคนที่มีทั้งเงินและอำนาจต้องอิจฉา”
วินิ่งไป
“คุณวิขับรถมาทำงานใช่ไหมครับ คุณวิเคยเห็นหนุ่มสาวที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์กันไปทำงานไหมครับ”
“ค่ะ เคยเห็นค่ะ”
“คุณวิเคยตั้งคำถามเหมือนผมไมครับ ว่าทำไมคนที่ดูจะไม่พร้อมแบบเค้า ซึ่งดูแล้วน่าจะเดาได้ว่าคงอาศัยอยู่ห้องเช่าที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่ทำไมดูเค้ามีความสุขกัน แต่เราที่มีทั้งรถเก๋ง ทั้งบ้านหรือคอนโดหรูหรา แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยว และไม่ยอมเชื่อความจริงที่เห็นตรงหน้าว่าไม่จำเป็นต้องร่ำรวย ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจเหนือคนอื่น คนเราก็รักได้ และก็มีความสุขไม่แพ้คนรวยหรือคนมีอำนาจเลย เผลอๆ จะมีความสุขมากด้วยซ้ำ”
“แต่ชีวิตที่ลำบาก แล้วยังหาคนมาทำให้ลำบากเพิ่ม มันจะมีความสุขได้ยังไงค่ะ”
“ก็เพราะว่าเวลาที่เราลำบาก ถ้ามีใครซักคนที่คอยให้กำลังใจ เราก็จะผ่านพ้นมันไปได้ ส่วนคนที่ไม่มีความรัก ก็จะกลัวความลำบาก เพราะเมื่อเค้าลำบากพอมองรอบตัวเค้าก็จะไม่เจอใครเหมือนทุกๆ คนในโลกทิ้งเค้าไว้คนเดียว ทำให้เค้าต้องตะเกียดตะกายหาเงินหาอำนาจมาทนแทน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วความรักมันสามารถทดแทนได้ทั้งเงินและอำนาจ”
“ขอบคุณนะค่ะช่วยอธิบายให้วิฟัง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ความรักที่ผมพูดมันไม่ใช่แค่ความรักของหนุ่มสาวนะครับ แต่รวมถึงพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ เพื่อน หรือใครๆ ที่เค้ารักเรา ผมหวังว่าคุณวิคงจะไม่ได้มองข้ามใครไปจนทำให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนจนถอนตัวไม่ขึ้นนะครับ”
“ค่ะ วิจะลองเอาไปคิดดูขอบคุณมากนะค่ะ”

วิก็ยังมีสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม เธอจะเข้าใจที่ผมพูดไหมนะ เธอไม่ได้ตัวคนเดียวเธอยังมีลุงกับป้าที่ยังห่วงใยเธออยู่ ตอนนี้ผมคงช่วยได้แค่นี้ ผมเริ่มทำงานต่อแต่ก็มีคนมาขัดอีก

“ยูกิซัง เกิดอะไรขึ้นครับ” เสียงซาโตชิเหมือนกำลังตกใจมาก
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ซาโตชิซัง”
แล้วผมก็เราเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ซาโตชิฟัง
“ยูกิซัง คุณไม่จำเป็นต้องออกนะครับ คุณยังมีตำแหน่งตัวแทนกรรมการอยู่ คุณอยู่ที่นี่ต่อได้นะครับ”
“ผมไปดีกว่าครับ ผมอยู่ต่อจะทำให้มีแต่คนลำบากใจ”
“ถ้าคุณออก ผมก็จะถอดหุ้นคืนทั้งหมด”
“อย่าทำแบบนั้นเลยครับ ซาโตชิซัง ตอนนี้บริษัทนี้ก็สร้างกำไรให้คุณอยู่ คุณจะถอนหุ้นทำไมครับ”
“เราเพื่อนกัน เพื่อนถูกทำร้าย ผมก็ต้องแก้แค้นแทน”
“แล้วถ้าเพื่อนมีความสุข เราก็ต้องมีความสุขตามใช่ไหมครับ ซาโตชิซัง”
“ใช่ครับยูกิซัง”
“ตอนนี้ผมมีความสุข และซาโตชิซังก็มีความสุขกับผม”
“แต่ ยูกิซัง”
“ถ้าผมไม่ไหวเมื่อไหร่ ผมจะของานซาโตชิซังทำนะครับ”
“ได้เลยครับ สัญญานะครับว่าถ้าคุณลำบาก ยูกิซังต้องมาบอกผมคนแรก”
“แน่นอนซิครับผมสัญญา อืม ผมมีเรื่องจะขอร้องซักเรื่องนึงได้ไหมครับ”
“ได้ซิครับ มีเรื่องอะไรให้ผมช่วย บอกมาได้เลย ผมยินดีช่วยเสมอครับ”
“งั้นผมขอให้ช่วยต่อวิซ่าให้เอริกะจังด้วยนะครับ”
“ตกลงเอริกะจังตกลงจะอยู่กับยูกิซังแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ผมคิดว่าจะจัดงานแต่งด้วย แต่คงหลังจากผมจัดงานแต่งกับก้อยก่อนนะครับ”
“ดีใจด้วยนครับ แล้วอย่าลืมบอกผมด้วยนะครับ ผมจะไปร่วมงานด้วย”
“ได้ครับ แต่งานคงไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เพื่อนรัก กับลูกน้องรัก แต่งงานกัน ผมจะไม่ไปได้ยังไง แล้วยุ้ยคงอยากไปงานนี้ด้วย”
“ครับ แล้วผมจะส่งการ์ดไปให้นะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับยูกิซัง”
“ไม่เป็นไรครับ”

พอซาโตชิวางสายก็มีพี่นุ่น พี่ผึ้งโทรมาหาผมอีกจนเที่ยง พอเที่ยงผมก็ชวนหงส์ไปทานข้าวด้วยกัน

“แต่วันนี้ต้องทานข้างถนนแล้วนะ พี่คงไม่เลี้ยงข้าวหงส์ร้านหรูๆ ไม่ไหวแล้วหละ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อะไรหงส์ก็ทานได้ ขอแค่พี่บีทานด้วยก็พอ”
“อืม ส่วนเรื่องที่บ้านเราหงส์ไม่ต้องห่วงนะ พี่ยังรับผิดชอบได้ หงส์ไม่ต้องคิดจะมาให้เงินช่วยพี่เลยนะ”
“ทำไมหละค่ะ พี่บีลำบากก็เพราะหงส์”
“พี่ก็ไม่ได้ลำบากจนถึงขั้นไม่มีกินนี่ พี่ก็แค่กลับไปเหมือนตอนเจอหงส์ใหม่ๆ ก็เท่านั้น”
“ถ้าเรื่องนี้ทำให้พี่บีลำบาก หงส์ยอมกลับไปแต่งงานกับ….”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงตอนนี้แล้วหงส์ยังคิดว่าพี่จะยกเมียให้คนอื่นอีกหรอ”
หงส์ดีใจจนตาแดงเหมือนจะร้องไห้
“ไม่ต้องร้องไห้นะ ถ้าร้องไห้แปลว่าเสียใจนะที่จะได้เป็นเมียพี่”
“ไม่ค่ะ หงส์ไม่ร้องไห้แล้ว”

หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็เดินดูอะไรกันนิดหน่อย หงส์เดินกอดแขนผม ดูเธอจะมีความสุขมาก ตอนเย็นเราสองคนก็กลับบ้านด้วยกัน แต่ผมไม่มีรถแล้วเราเลยต้องนั่งรถไฟฟ้าแล้วไปต่อรถเมล์ บนรถไฟฟ้ากับรถเมลคนแน่นมากผมก็เลยให้หงส์กอดผมไว้จะได้ไม่ล้ม พอผมให้กอดหงส์ก็กอดผมแน่นพร้อมกับเอาหน้าซุกอกผมด้วย ทำให้มีแต่คนมองเราทั้งคู่

ผมลูบหัวหงส์เบาๆ “นี่ๆ กอดซะแน่นเลย คนมองใหญ่แล้วนะ”
“ก็หงส์ดีใจนี่ค่ะ”
“พี่รู้ว่าเราดีใจ แต่ไม่อายคนอื่นเค้าหรอ”
“พี่บีอายหรือค่ะ”
“พี่ไม่อายหรอก”
“งั้นหงส์ก็ไม่อายค่ะ”

ผมก็เลยให้หงส์กอดจนถึงคอนโด พอไปถึงห้องก็มีพนักงานต้อนรับแขกก็วิ่งมาพร้อมกับเห่าทัก

“ไงเจ้าริว แม่แกเค้ามาแล้วหรอ” ผมถามเจ้าริว

เจ้าริวมันก็เห่าตอบก็จะรีบวิ่งกลับไปหาแนน เดินเข้าไปผมก็เจอเอริกะจังกำลังทำข้าวเย็นอยู่ ผมเลยหอมแก้มหงส์แล้วบอกว่าขอผมทักเอริกะจังหน่อยนะ หงส์พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน ผมก็เดินเข้าไปหาเอริกะจัง

“กลับมาแล้วหรอค่ะ”
“กลับมาแล้ว” ผมเข้าไปกอดเอวเอริกะจังไว้ “วันนี้เป็นไงบ้าง”
“ก็ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า แล้วก็มาทำข้าวเย็นค่ะ”
ผมเลยหอมแก้มเอริกะจังไปฟอดใหญ่
“ไม่ต้องทำแทนแนนก็ได้นะ เดี๋ยวแนนจะสบายเกิน” เพราะว่าซักผ้ารีดผ้าเป็นหน้าที่แนน
“ไม่เป็นไร ค่ะ เอริกะอยู่เฉยๆ เลยอยากช่วย”
“ก็ตามใจ จะได้ไม่เบื่อนะ”

พอทักเอริกะจังเสร็จผมก็เดินเข้าไปด้านในเห็นแนนนั่งดูทีวีโดยมีเจ้าริวนอนอยู่บนตัก

“สบายเลยนะเดี๋ยวนี้ ผ้าก็ไม่ต้องซักบ้านก็ไม่ต้องถู”
แนนหันมามอง “เชอะ” แล้วแนนก็หันกลับไปดูทีวีต่อ
ผมวางกระเป๋าโน๊ตบุคไว้บนโต๊ะทำงาน อีกหน่อยผมคงไม่ต้องเอามันไปทำงานแล้ว เพราะผมคงต้องใช้ PC เหมือนพนักงานธรรมดา แล้วผมก็เห็นกุญแจรถเจนวางอยู่บนโต๊ะทำงานผมด้วย

“นี่อะไร” ผมหันไปถามแนน”
“กุญแจรถไง ไม่รู้จักหรอ”
“แล้วเอามาวางไว้ตรงนี้ทำไม ไม่เก็บให้ดี เจนเค้าอุสาห์ให้ใช้ยังไม่รักษาอีก” ผมบ่นใส่แนน
“ไม่อยากใช้แล้ว เอาไปใช้เองเลย”
ผมเอะใจขึ้นมาทันที แสดงว่าแนนรู้เรื่องผมแล้วแน่ๆ ต้องมีใครโทรมาบอกแนนแน่ๆ และไม่น่าจะใช่หงส์
“ก็พี่ให้เราเอาไว้ขับไปเรียน จะคือมาทำไม”
“ก็ไม่อยากขับแล้ว นั่งรถเมลไปสบายกว่า”
“แล้วจะหอบเจ้าริวขึ้นรถเมลเนี่ยนะ ทั้งกระเป๋าทั้งหนังสือเรียนทั้งเจ้าริว มีหวังได้ตกรถกันบ้างหละ”
“ฮึ เอาเจ้าริวใส่กระเป๋าก็ได้ เจ้าริวตัวเล็กใส่กระเป๋าได้ เนอะ ริว เนอะ”
เจ้าริวก็เห่าตอบแนน
ผมนั่งลงข้างๆ แนน แล้วก็เกาคางเจ้าริวเล่น มันหลับตาพริ้มคงจะชอบใจ
“พี่ให้เราใช้ เพราะเป็นห่วงเรานะ พี่เองแกแล้วขึ้นรถเมลไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
แนนไม่ตอบ
ผมเลยเอามืออีกข้างลูบหัวแนน
“ขอบใจนะ พี่ห่วงพี่ แต่พี่ห่วงแนนมากกว่า แล้วไหนจะยังพี่สาวอีกหละ เกิดพี่สาวอยากจะไปไหนแนนจะได้พาไปได้ยังไงหละ เรื่องรถไม่ต้องกลัวหรอก พี่ผ่อนคันเก่าหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ค่อยซื้อใหม่ก็ได้”
แนนไม่มองผม แต่ดูเหมือนเธอน้ำตาคล่อ แล้วผมก็อยากเปลี่ยนเรื่องไม่ให้แนนเศร้า
“เจ้าริวดูแม่เราซิ วันนี้เป็นอะไรไม่รู้นะ จับหัวแล้วไม่บ่นด้วยสงสัยจะไม่สบายเนอะ” ผมขยี้หัวแนนไปด้วย
“โอ้ยยยย ขยี้หัวเค้าอีกแล้ว ริวจัดการเลย เค้าแกล้งแม่”
เจ้าริวเห่าใส่ผม
“อ้าวๆ มาเห่าใส่เจ้าของบ้าน เดี๋ยวจับไปปล่อยวัดซะหรอก”
“ก็ลองเอาเจ้าริวไปปล่อยวัดซิ เค้าจะไปอยู่กับเจ้าริว ไม่ต้องตามไปง้อด้วย”
“อู้ยย เรื่องมากแบบนี้จะอยู่วัดได้หรอ”

แล้วผมกับแนนก็แกล้งกันเหมือนทุกวัน จนเอริกะจังทำข้าวเย็นเสร็จ แนนก็ไปอาบน้ำ เจ้าริวก็เลยหันมาอ้อนผมแทน ผมเล่นโยนบอลให้มันคาบ เอริกะจังกับหงส์ก็มานั่งดูทีวี รอแนนอาบน้ำ ผมโยนบอลให้เจ้าริวคาบเล็กซักพักมันก็หันหน้าไปทางประตูแล้วก็รีบวิ่งไป แล้วก็มีเสียงคนไขประตู

“อ้าว สุดหล่อมารอรับหรอจ๊ะ” ก้อยนั่งลงจับเจ้าริวขึ้นมาอุ้ม
ผมลุกขึ้น เอริกะจังกับหงส์ก็ลุกตาม ก้อยเดินมาหาเอริกะจัง
“สวัสดีจ๊ะ” เป็นภาษาอังกฤษ
“สวัสดีค่ะ คุณก้อย”
“ไม่ต้องเกร็งหรอก เราเป็นน้องกันแล้วนะ เรียกพี่สาวก็ได้”
“ค่ะ พี่สาว”
“วันนี้อาหารเย็นเอริกะจังทำใช่ไหม พอให้พี่ทานด้วยไหม”
“พอค่ะ เดี๋ยวเอริกะไปจัดให้นะค่ะ”
“ขอบคุณจ๊ะ”
ก้อยก็หันมาหาหงส์
“ดีใจด้วยนะ หงส์ในที่สุดคนใจร้ายก็ยอมใจอ่อนแล้ว”
“ขอบคุณค่ะพี่ก้อย”
“แล้วแนนไปไหนเนี่ย”
“อาบน้ำอยู่ค่ะ”
“หรอ งั้นพี่ขอไปอาบน้ำบ้างดีกว่า ร้อนจังเลย ฝากเจ้าริวหน่อยนะ”
“ค่ะ”

ก้อยส่งเจ้าริวให้หงส์อุ้มต่อแล้วก็เดินไปที่ห้องนอน คงจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมรีบตามไปเพราะก้อยยังไม่ทักผมเลย พอเข้าไปในห้องผมก็เข้าไปกอดก้อยทางด้านหลัง

“ทำไมไม่ทักพี่เลยหละ พี่น้อยใจนะ”
ก็อยขำแล้วก็เอาแต่ยิ้มไม่ตอบ
“แกล้งพี่ใช่ไหมเนี่ย แบบต้องลงโทษนะ” ผมไซ้ดซอกคอขย้ำนมขย้ำก้นก้อย
“อุ้ยยย อย่าค่ะพี่บี อายน้องๆ บ้าง เดี๋ยวนี้อยู่กันเยอะแล้วนะค่ะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ใครมาเดินเข้ามาในห้องพี่ก็จับปล้ำให้หมดทุกคนเลย”
“ไหวหรอค่ะ ตอนนี้มีน้องสามคนแล้วนะค่ะ แล้วเดี๋ยวเจนกลับมาก็เป็นสี่คน พี่บีจะไหวเลย คืนนึง 5 คน รวมก้อยด้วย”
“สบายอยู่แล้ว คืนนี้ก็ซ้อมก่อนเลยแล้วกัน”
“ว้ายไม่เอาค่ะ ก้อยขออาบน้ำก่อน เหงื่อเต็มตัวเลย ไปกอดน้องหงส์ กอดเอริกะจังหรอเถอะ”
แนนอาบน้ำเสร็จเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี พอแนนเห็นก้อยก็ดีใจกระโดดมาแย่งผมกอดก้อยบ้าง
“พี่ก้อย มาแล้วหรอ คิดถึงจังเลย”
เจ้าริวได้ยินแนนตะโกนมันคงนึกว่าแนนกำลังเล่นอะไรซักอย่าง มันก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วย
“โอ้ยย เดี๋ยวก่อน ก้อยอาบน้ำก่อน”
“วอก วอก วอก” เจ้าริวเห่าใหญ่คงคิดว่าพวกผมกำลังเล่นกันอยู่มันเลยอยากเล่นด้วย
“อะไรพี่เข้ามาก่อนนะ พี่ต้องกอดพี่ก้อยก่อน แนนต่อคิวเลย”
“ไม่เอา แนนจะก้อยพี่ก้อย”
“แต่ก้อยไม่อยากให้กอด ก้อยจะอาบน้ำ”
เราสามคนส่งเสียงดัง หงส์กับเอริกะจังคงได้ยิน จากนั้นก้อยก็ดึงผ้าเช็ดตัวแนนออก
“ว้าย” แนนรีบเอามือปิดบนปิดล่างทันที
“กอดแนนก่อนเลย ก้อยจะอาบน้ำแล้ว”

ผมเห็นแนนแก้ผ้าก็เลยแกล้งปล้ำแนนแทน ก้อยเลยได้โอกาสหนีออกไปอาบน้ำ

“ไม่เอานะอย่า เจ้าริวมันมองใหญ่แล้ว”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย พ่อแม่รักกันเจ้าริวมันก็ต้องดีใจซิ มาขอพี่กอดหน่อย” ผมไม่ได้กะจะปล้ำแนนจริงๆ หรอก แต่ผมอยากแกล้ง

แนนก็โวยวายเจ้าริวก็เห่าตามมันคงคิดว่าเล่นกันสนุกเชียวไม่ชวนมันเล่นด้วย แต่ะแนนยอมผมก็แกล้งหยุด แนนทำหน้างง แต่พอแนนคิดได้ว่าผมแกล้งก็ไล่ตีผมไปทั่วห้องโดยมีเจ้าริววิ่งตาม หลังจากแนนตีผมจนหายโกรธก็ไปอาบน้ำใหม่เพราะวิ่งไล่ผมจนเหงื่อออกโซก

หลังจากนั้นเราก็ทานข้าวพร้อมกัน ก้อยชมว่าเอริกะจังทำอาหารอร่อย

“ข้าวเย็นมื้อนี้อร่อยมากเลย แบบนี้ต่อไปพี่ก้อยต้องอ้วนแน่ๆ เลย”
ผมแปลที่ก้อยพูดให้เอริกะจังฟังเธอเลยขอบคุณก้อย “ขอบคุณค่ะ”
“พี่ก้อยต่อไปเราก็ได้กินอาหารนานาชาติแล้วหละ พี่หงส์ทำอาหารจน พี่ก้อยทำอาหารไทย พี่สาวทำอาหารญี่ปุ่น เจนก็ทำอาหารฝรั่ง”
“แล้วแนนไม่คิดจะทำอาหารอะไรบ้างหรอ อาหารอีสานดีไหม” ผมก็เผลอตัวพูดไป
ก้อยกับหงส์แอบส่ายหน้ากันใหญ่
“นั่นซิ แนนตำส้มตำให้พี่สาวลองชิมดีกว่า”
ผมแปลให้เอริกะจังฟัง และก็บอกด้วยว่าแนนทำอาหารรสชาติแย่ขนาดไหน แต่เอริกะก็บอกว่าอยากชิม ก้อยก็เสริมอีกคนนะว่าอาหารที่แนนทำ มันแย่กว่าที่คิดเยอะนะ เป็นภาษาอังกฤษ แนนคงไม่ค่อยเข้าใจเลยไม่โวยวาย แต่เอริกะจังก็ยังยืนยันจะชิม ก้อยเลยพูดแบบขำๆ ว่าวันไหนแนนจะทำ บอกก้อยล่วงหน้านะ ก้อยจะได้ไม่มาค้าง ผมกับเอริกะก็ขำก้อย แนนสงสัยเลยถามก้อยว่าคุณเรื่องอะไรกัน ก้อยเลยบอกแนนว่าคุณเรื่องตลก แนนเลยไม่ติดใจสงสัย

“วันนี้ สาวๆ สี่คนจะทำความคุ้นเคยกัน เพราะฉะนั้น หนุ่มๆ อย่าเพิ่งเข้าห้องนอนจนกว่าจะได้รับอนุญาต”
เจ้าริวเหมือนจะรู้ว่าแนนไม่ให้เข้าห้องนอน มันก็มองหน้าแนนแล้วเห่าใส่
แนนก้มลงไปหาเจ้าริว “วันนี้เล่นอยู่ข้างนอกก่อน เดี๋ยวให้เข้าห้องได้จะมาอุ้มไปเอง”
เจ้าริวทำหน้าเหมือนเข้าใจ

หลังจากสาว ๆ เก็บโต๊ะเก็บจานล้างเสร็จ สาวๆ ก็พากันเข้าห้องนอน เจ้าริวก็เลยต้องมาอยู่กับผม แนนก็สั่งให้มันนอนดูโทรทัศน์กับผมที่หน้าโซฟา แต่พอแนนไปมันก็ลุกขึ้นแล้วจ้องผม ผมก็มองมันแล้วก็ดูโทรทัศน์ต่อ เจ้าริวเห็นผมไม่สนใจมันก็เห่าเรียก

“อะไรของแกเฮอะไอ้ริว”
เจ้าริวมันก็พยายามตะกายโซฟา ผมเลยเข้าใจว่ามันอยากขึ้นมานอนข้างบนโซฟา
“ขึ้นมาได้แต่อย่าฉี่อย่าอึนะ ขี้เกลียดซัก”

ผมอุ้นเจ้าริวขึ้นมาวางที่ด้านบนโซฟา พอเจ้าริวมันได้ขึ้นมานอนบนโซฟามันก็นอนดูโทรทัศน์ของมันต่อ แต่ซักพักมันก็ค่อยๆ คลานขึ้นมานอนที่ตักผม ผมเห็นมันอ้อนก็เลยเกาค้างให้มัน เจ้าริวมันก็หลับตาหูตกเหมือนจะหลับ แต่อยู่ๆ หูมันก็ตังขึ้น แล้วมันก็ชูคอมองไปที่โทรศัพท์ผม ซึ่งแป๊บเดียวก็มีสายเข้ามาจริงๆ

ผมรีบรับ “คิดถึงจังเลย” ผมรีบทักเจน
“พี่บีทำอะไรอยู่ค่ะ”
“ดูโทรทัศน์กับเจ้าริว อยากคุยกับมันไหม”
ผมเอาโทรศัพท์จอปากเจ้าริว มันก็เห่าใส่ แล้วผมก็คุยกับเจนต่อ
“แหมอยากเจอเจ้าริวเร็วๆ จัง รูปที่แนนส่งมาให้ดูน่ารักทุกรูปเลย”
“อยากเจอแต่เจ้าริว ไม่อยากเจอพี่หรอ น้อยใจแล้วนะเนี่ย”
“แหม พี่บีเจนก็อยากเจนค่ะ”
“แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรมาหาพี่ ไอ้ตัวเล็กโทรไปฟ้องอะไรหละซิ”
“แนนเค้าไม่ได้ฟ้องนะค่ะ เค้าก็แค่มาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผมก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจนฟัง
“เจนโกรธไหมที่อยู่ๆ ก็มีคนอื่นเพิ่มมากอีก”
“ไม่โกรธหรอกค่ะ คนเยอะๆ อบอุ่นดี”
“พี่ดีใจนะที่เจนไม่โกรธ”
“แต่เจนมีเรื่องที่โกรธนะค่ะ”
“เจนโกรธอะไรพี่เนี่ย พี่ทำอะไรผิดหรอ”
“ทำไมพี่บีไม่ยอมใช้รถเจนหละค่ะ ตอนนี้พี่บีไม่มีรถขับไม่ใช่หรอ”
“อ้อเรื่องนี้เองหรอ ไอ้ตัวเล็กฟ้องเจนหละซิ”
“แต่มันก็จริงนี่ค่ะ”
“เจนยังจำได้ไหม ว่าพี่ขอให้แนนใช้รถเจนขับไปมหาลัยเพราะอะไร”
“อืม ก็เพราะแนนเค้าบางทีก็ไปเรียนแต่เช้า บางที่ก็กลับมืด พี่บีเป็นห่วงก็เลยมาขอให้แนนใช้รถเจน”
“ก็จำได้นี่น่า”
“แต่”
“ไม่มีแต่หรอก”
“ค่ะเจนเข้าใจแล้ว”
“แล้วเมื่อไหร่เจนจะกลับมาหละ ตอนนี้เราอยู่กันจะครบแล้วนะ เหลือเจนคนเดียว”
“เจนก็กำลังดูอยู่ค่ะ ต้นๆ ปีน่าจะกลับได้”
“งั้นหรองั้นกลับมาหาพี่นะ เครื่องค่าเครื่องบินพี่ออกให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้พี่บีก็ไม่ได้มีเงินเหลือใช้แบบเมื่อก่อนแล้ว เจนออกเองได้”
“ไม่เป็นไรหรอกงั้นพี่ไม่กวนแล้วหละเจนจะได้มีเวลาทำงานนะ แล้วจะได้เรียนจบเร็วๆ พี่จะได้กอดทุกวันเลย” “แหม กอดทุกวันไม่เอาค่ะ แบ่งๆ คนอื่นด้วย โดนกอดอยู่คนเดียวเบื่อแย่เลย” “ไม่เป็นไร ก็กอดเจนด้านขวา ส่วนด้านซ้ายก็ให้คนอื่นสลับๆ มาให้พี่กอด” “นี่เจนไม่ใช่ตุ๊กตานะค่ะ” “อ้าวหรอ แต่พี่ชอบคิดว่าเจนเป็นตุ๊กตานะ อยากกอดอยากอุ้มทั้งวันเลย” “นี่ว่าเจนตัวเล็กใช่ไหมค่ะเนี่ย” “เปล่านะ เจนตัวเล็กแต่อย่างอื่นไม่เล็กนะ” “อุ้ย พี่บีทะลึงอีกแล้ว งั้นแค่นี้นะค่ะ เดี๋ยวเจนทนไม่ไหวต้องรีบบินไปให้พี่กอด” “จ้าแล้วเจอกันนะ” “บาย ค่ะ” หลังจากคุยกับเจนเสร็จพอผมวางโทรศัพท์ เจ้าริวก็เอาขาหน้าสะกิดมือผม มันคงอยากให้ผมเกาคางให้ต่อ ผมก็เลยเกาคางให้มันต่อ ผมนั่งดูโทรทัศน์อยู่เกือบสองชั่วมองจนเจ้าริวหลับคาตักผม แนนก็ออกมาจากห้องนอน แล้วก็เดินมานั่งกับผม เจ้าริวลืมตาดูเห็นแนนมันก็พยายามจะกระโจนหา แต่แนนชี้นิ้วห้ามมันไว้ มันก็ไม่กล้าได้จ้องว่าเมื่อไหร่แนนจะเรียกให้มันไปหา “อ้าว ทำไมออกมาคนเดียวหละ แล้วพี่ๆ เค้าทำอะไรกันอยู่” “ก็ทำความคุ้นเคยกันไงค่ะ” แนนหัวเราะคิกๆ ผมเห็นอาการแนนก็เลยสงสัยว่าต้องมีอะไรแน่ๆ “แล้วทำความคุ้นเคยกันยังไง” แนนหัวเราะก่อนจะชูกระป๋องเบียร์เปล่าสองกระป๋องให้ผมดู “อย่าบอกนะว่าให้พี่ก้อยกินเบียร์อีกแล้ว” คราวนี้แนนหัวเราก๊ากเลย “โอ้ยย งั้นคืนนี้พี่กับเจ้าริวขอนอนโซฟานะ แนนกลับไปนอนในห้องเลย” “ไม่เอาอะ แนนจะนอนที่โซฟากับเจ้าริว พี่บีไปหาผ้าห่มมาปูนอนพี่พื้นแล้วกัน” “อ้าว ก็เราให้พี่ก้อยกินเบียร์ก็ต้องรับผิดชอบซิ กลับเข้าไปในห้องนอนเลย นี่พี่ก้อยเมานานหรือยัง” “เพิ่งเมา พอแนนเห็นว่าพี่ก้อยเมาแล้ว แนนก็รีบหนีออกมาเลย” “ไม่ต้องเลยเข้าไปรับผิดชอบเลย” ผมจับเจ้าริวมาวางที่โซฟา แล้วลุกขึ้นจะจับตัวแนน แนนก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนี ผมก็ไล่จนจับตัวแนนได้ แนนดิ้นร้องโวยวายใหญ่ แต่ผมก็ไม่ปล่อย ผมกอดเอวแนนไว้แล้วยกตัวแนนขึ้นแล้วลากไปที่ประตูห้องนอน เจ้าริวรีบวิ่งไปรอหน้าประตูมันคงคิดว่าจะนอนกันแล้วมันเลยจะขอเข้าด้วย “เจ้าริวไปรอที่โซฟาเลย เค้ายังไม่นอนกัน” เจ้าริวโดนผมไล่มันก็รีบวิ่งกลับไปที่โซฟา “อย่านะ แนนไม่เอานะ” “อย่าอะไรหละ ผูกเองก็ต้องแก้เองซิ” ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง เจ้าริวก็วิ่งมาแอบมอง ตอนนี้ให้ห้องก้อยกำลังนั่วเนียเอริกะจังมือที่ว่างก็ไปล้วงขย้ำหงส์ ก้อยเมาได้ทีจริงๆ อย่างที่แนนว่า ผมเลยจับแนนโยนไปบนเตียงแล้วบอกก้อยว่ามีคนหนี ก้อยหันมาจับตัวแนนไว้ แนนพยายามดิ้นใหญ่เลย “ไม่เอา ไม่เอานะ” “ไม่เอาอะไรจ๊ะ ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เจ็บหรอกนิดเดียวเอง” ก้อย “ว้าย พี่ก้อยไม่เอานะ อย่าซิ โอ้ยยยยย” ผมบอกหงส์กับเอริกะจังว่าถ้าก้อยหายเมาค่อยมาเรียกพี่นะ แล้วผมก็รีบหนีออกจากห้องนอน เจ้าริวที่ไปแอบดูอยู่แถวๆ หน้าห้องนอน พอมันแนนใจว่าผมยังไม่นอนมันก็วิ่งกลับมาขอนอนตักผมต่อ เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืนในห้องนอนถึงได้สงบลง แล้วผมก็ได้ยินเสียงลูกบิดประตู ผมรีบก้มหลบแล้วค่อยๆ แอบดู เจ้าริวตกใจตื่น ผมเลยต้องบอกให้มันอยู่เฉยๆ ผมลุ้นว่าใครจะออกมา แต่แล้วก็เป็นคนที่ผมยังไม่อยากเจอตอนนี้ “นั่นแนะ แอบก้อยทำไมค่ะ” ผมเสียววูบเลย “เจ้าริวมานอนได้แล้วมา แม่เราเค้าหลับไปแล้ว” เจ้าริวได้ยินก้อยเรียกมันก็รีบกระโจนลงจากตักผมแล้ววิ่งกระดิกหางเข้าห้องนอนไป ผมคิดในใจ ไอ้หมาทรยศอยู่เป็นเพื่อนกันก่อนก็ไม่ได้ ก้อยเดินเซมาหาผมแล้วมานั่งข้างๆ ผม “แอบก้อยทำไมค่ะที่รัก ไม่อยากกอดก้อยแล้วหรอ” “เปล่าจ๊ะ พี่แค่ชวนเจ้าริวมันเล่นเท่านั้นแหละ” “งั้นก็มากอดก้อยซิค่ะ ก้อยคิดถึงนะ” ก้อยโผเข้ามากอดผมพร้อมกับดันผมจนนอนหง่ายลงบนโซฟา แล้วด้านในชุดนอนก้อยก็ไม่ได้ใส่อะไรเลย พอเธอมากอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเสียวๆขึ้นมาเหมือนกัน “เดี๋ยว ซิก้อยให้พี่ตั้งตัวก่อน” “อะไรตั้งค่ะ ไอ้นี่ตั้งหรอ” ก้อยล้วงไปจับของผมแล้ว “อู้ยยย อย่าเพิ่งก้อยรอแป๊บ” แต่ก้อยไม่ยอมรอซิครับ เธอของผมออกมาจากกางเกงแล้วรูดแรงๆ หลายครั้ง ผมเสียวอย่างบอกไม่ถูกเลย พอได้ที่ก้อยก็เอามันจ่อร่องสาวตัวเอง ผมไม่ทันได้ห้ามก้อยก็กดเอวจนเอ็นผมมุดเข้าไปในร่องสาวเธอครึ่งลำแล้ว “อู้ยยยยยย พี่บีขาก้อยเสียว” ก้อยก้มลงมาจูบปากผม แต่ก้นเธอก็ขยับขึ้นลงพยายามให้เอ็นผมเข้าไปให้มิดด้าม ผมได้แต่นอนเสียวเลยทีนี้ พอเอ็นผมเข้าไปในร่องสาวก้อยจนมิดด้ามก้อยก็เริ่มกระดกก้นขึ้นลง ก้อยผละปากจากผม “โอ้ววว อู้ยยยย พี่บีขา อู้ยยยยเสียวค่ะ “ ก้อยดูจะเมามันส์มาก ผมทำได้แค่ไซ้ดหอมซอกคอ หอมแก้มก้อยเท่านั้น ก้อยโยกเอวเร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้วก้อยก็เป็นฝ่ายไซ้ดซอกคอผมแทน ผมไม่ต้องทำอะไรเลยแค่นอนแข็งโดให้เธอขย่มอย่างเดียว ก้อยเร่งควบเอวเร็วจี๋จากนั้นเธอก็เกร็งร่องเสียวร้องโอ้วววววววว ก้อยเสร็จ ผมคิดว่าจะได้เป็นฝ่ายรุกบ้าง แต่ไม่เป็นแบบนั้น ก้อยหยุดโยกเอวแค่ไม่ถึงนาทีเธอก็โยกต่อ และคราวนี้เธอโยกเอวเร่งเหมือนพยายามจะรีดน้ำผมให้ได้ “อู้ยยย เดี๋ยวก้อย เดี๋ยว” แต่ก้อยไม่ฟังเลย ก้อยหลับหูหลับตาโยกเอวไม่ยอมหยุดจนผมทนไม่ไหวต้องกอดเอวเธอไว้แน่น “โอ้ยยยย ก้อยพี่แตกแล้วพอก่อน” ก้อยหยุดเกร็งตอนที่ผมอัดน้ำกามใส่ร่องสาวเธอ ผมคิดวาก้อยคงจะเสร็จตามอีกรอบและผมคงจะได้พักเหนื่อย มันไม่เป็นแบบนั้น พอผมปล่อยน้ำจนหมดลำ ก้อยก็เริ่มโยกเอวอีก “โอ้ยยย ก้อยเดี๋ยวๆ” ผู้ชายคงรู้นะครับว่าตอนน้ำเพิ่งแตกแล้วโดนดูดมันเป็นไง แต่นี่มันโดนโยกต่อทำเอาผมจะตายให้ได้ “โอ้ยยย พี่บี โอ้ยยย” ก้อยไม่ฟังเลยเอาแต่ตักตวงความเสียวจากเอ็นผม ผมต้องกัดฟัดแน่นอยู่นานกว่าผมจะหายทรมานจากการโดนบังคับต่อยกสองของก้อย แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะก้อยเริ่มกระเด้าเอวรั่วอีกแล้ว ผมรู้สึกว่าถุงอันฑะผมมันแทบจะผลิตน้ำกามออกมาไม่ทัน แล้วก้อยก็รีดน้ำผมออกได้ยกสอง คราวนี้ผมเจ็บแปล๊บไปทั้งเอ็น ผมคิดว่าสองน้ำแล้วก้อยคงหายคึกลงบ้าง และเอ็นผมมันก็เริ่มอ่อนแล้วด้วย มันคงสู้ก้อยไม่ไหว แต่ผมก็คิดผิด ก้อยลุกขึ้นแล้วเลื่อนตัวลงไปที่หว่างขาผม ผมรู้ทันทีว่าก้อยกำลังจะทำอะไร แต่ไม่ทันได้พูดก็เสียวแปล๊บไปทั่วเอ็น ก้อยดูดเอ็นผมจ๊วบๆ ไม่หยุด ก้อยพยายามจะปลุกเอ็นผมมันให้ตื่นขึ้นมาอีก ผมรู้สึกเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างให้ได้ ผมขอให้ก้อยหยุดแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินผมเลย ก้อยทำจนเอ็นผมมันแข็งอีกครั้ง พอเอ็นผมมันแข็งก้อยก็รีบลุงขึ้นแล้วคล่อมเอ็นผมอีกรอบ คราวนี้ก้อยนั่งเอามือยันหน้าท้องผมแล้วหลับตาขย่มเอ็นผมใหญ่เลย ผมได้แต่จ้องมองดูก้อยที่ทำหน้าเหมือนมีความสุขสุดๆ แต่ผมซิ เหมือนพลังชีวิตจะหมดลงให้ได้ ถึงจะเสียวแต่ผมก็เจ็บไปทั้งเอ็น ปวดถุงอันฑะด้วย ก้อยพยายามจะรีดน้ำผม แต่โดนต่อเนื่องแบบนี้ผมก็ผลิตน้ำไม่ทันเหมือนกัน แต่ก้อยก็ทำผมสุดอีกรอบ คราวนี้ผมเสียวจนตัวกระตุกเลย เอ็นผมพอมนทำหน้าที่เสร็จมันก็อ่อนตัวลงทันที ก้อยยอมสงบลงแต่ก็ชั่วครู่ จากนั้นเธอก็เลื่อนมือไปจับเอ็นผมอีกรอบ ก้อยพยายามจะปลุกเอ็นผมอีกแล้ว สงสัยถ้าปล่อยให้เธอทำเองอยู่แบบนี้ คืนนี้คงไม่จบแน่ๆ ผมเลยต้องรุกบ้าง ผมจับก้อยนอนหงายแล้วเลื่อนตัวลงไปที่หว่างขาก้อย ผมรีบก้มเลียร่องเสียวก้อยก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายกลับมารุกกับเอ็นผมอีก ผมลากลิ้นเลียรัวใส่ร่องเสียวก้อยไม่หยุด ก้อยเสียวจนร้องครางลั่นพร้อมกับเด้งเอวไม่หยุด แต่ก็ดูเหมือนก็ยังไม่ไม่ทำให้ก้อยพอใจเพราะเธอพยายามจะดึงผมให้เลื่อนไปทาบตัวเธอ ผมเลยแหวกกลีบแล้วเอาลิ้นกดไปที่รูฉี่ก้อย ก้อยร้องซี๊ดลั่น ผมรีบรัวลิ้นใส่จุดอ่อนก้อยทันที ก้อยร้องลั่นห้อง ผมทำจนก้อยเกร็งตัวน้ำรักไหลออกมาเต็มปากผม ก้อยได้ปล่อยน้ำอีกรอบทำให้เธอสงบลงบ้าง ผมก็เลยมีเวลาได้พักจนเต็มที่คราวนี้ เอ็นผมมันพร้อมสู้ขึ้นมาเองไม่ต้องให้ก้อยบิ้ว ผมรีบเลื่อนตัวแล้วแทงเอ็นเข้าร่องสาวก้อยทันที จากนั้นผมก็กระเด้งเอวแทงร่องเสียวก้อยทันที ก้อยร้องอ้าพร้อมกับจับเอวผมเร่งให้แทงเอ็นเร็วขึ้น ผมไม่ทำให้ก้อยผิดหวัง ผมระดมแทงเอ็นใส่รูเสียวก้อยตามที่เธอต้องการ ถึงจะยกสี่ก้อยก็เด้งเอวสวนเอ็นผมไม่หยุด แรงเธอดูเหมือนจะไม่มีวันหมดอย่างนั้นแหละ ผมจับก้อยตะแคงจากนั้นก็พลิกเป็นนอนคว่ำเพื่อเล่นท่าด๊อกกี้ ก้อยพลิกตัวตามทันที พอเปลี่ยนท่าได้ผมก็แทกเอ็นใส่รูเสียวก้อยจนเธอโยกตัวตามแรงกระแทก “ลึกๆ ค่ะ พี่บี โอ้วววว ลึกๆ” ผมแทงเอ็นลึกๆ ตามที่ก้อยต้องการ ร่องสาวก้อยบีบเอ็นผมแรงมาก แต่การที่นี่เป็นยกที่สี่ทำให้ผมแตกยากไม่งั้นผมคงแพ้แรงขมิบในร่องสาวก้อยไปแล้ว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ดูเหมือนผมจะไม่สามารถทำให้ก้อยหยุดคึกได้เลย ผมกระแทกรูเสียวก้อยจนเหงื่อผมท่วมตัว แล้วในที่สุดผมก็แตกรอบที่สี่ ก้อยบิดเอวช้าๆ รับความเสียวที่ผมมอบให้ ผมคิดว่าก้อยน่าจะหมดแรงหลังจากน้ำนี้ ผมค่อยๆ ดึงเอ็นออกจากรูเสียวก้อยแล้วนอนแผ่ลง แต่ผมก็คิดผิดก้อยกันกลับมาก้มลงที่หว่างขาผมอีก ผมโดนก้อยรีดอีกน้ำ จากนั้นผมก็ขอยอมแพ้เธอ และดูเหมือนก้อยเองก็จะเต็มอิ่มแล้วเหมือนกัน จบตอนที่ 25 ช่วงนี้เหนื่อยๆ ตอนนี้ไม่เสียวนะครับ ตอนหน้ายิ่งอาจจะหนักกว่าด้วย หรืออาจจะไม่มีตอนเสียวเลย ไม่รู้ว่าจะอยากอ่านกันหรือเปล่าแต่มีบทสรุป โอ๊ะๆ ไม่ได้ๆ สปอยอีกแล้ว ขอขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนๆ ที่ติดตามผลงานตลอดมา

Share the Post:

Related Posts

เสียตัวแลกเงิน ยังไงก็คุ้ม

เรื่องเสียว เสียตัวแลกเงิน ยังไงก็คุ้ม “มาเป็นเมียฉันสิ เดี๋ยวฉันจะให้เงินเธอเอง” นั่นคือคำพูดของคุณผู้ชายของบ้านหลังนี้ที่พูดกับฉัน เรื่องเสียวคือสิ่งที่เขานั้นต้องการ สำหรับฉัน การโดนเย็ดไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลยจริง ๆ ที่ฉันมองก็คือเรื่องเงิน เพราะว่าที่ฉันต้องย้ายออกจากบ้านนอกเข้ามาที่เมืองกรุง มาเป็นแม่บ้าน หรือที่ผู้ดีเขาเรียกกันว่าคนใช้มันก็เพราะเงิน ฉะนั้น อาชีพที่ถูกมองว่าต่ำต้อยอย่างฉันนั้น ไม่เห็นจะต้องสนใจเรื่องพวกนั้นเลย ศักดิ์ศรีเหรอ ร่างกายเหรอ ไม่มีทางหรอกที่ฉันจะมีมัน

Read More

จากครูฝึกสอน กลายเป็นครูฝึกเสียว

เรื่องเสียว จากครูฝึกสอน กลายเป็นครูฝึกเสียว ฉันมั่นใจว่าเรื่องเสียวครั้งนั้น ต่อให้ฉันจะเติบโตหรือว่าแก่ตัวลงก็ไม่มีทางลืมมันไปแน่นอน ขนาดนี้ตอนนี้ ผ่านมาราว ๆ 10 ปีแล้ว แต่เวลานึกถึงทีไหร่ ประสบการณ์เสียวครั้งนั้นมันก็ทำให้ฉันเงี่ยนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบางครั้ง ฉันเองก็ช่วยตัวเองไปพร้อม ๆ กับนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ตอนที่ฉันเรียนมัธยมปลาย ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยความสามารถทางด้านกีฬาของฉัน

Read More