แฝดอันตราย ตอนที่48
หลังจากที่ฉัตรชัยและคุณหมิวออกมาจากสังเวียนรักในห้องน้ำแล้วทั้งคู่ ต่างก็เร่งรีบแต่งตัวกันเงียบ ๆ คุณหมิวจำต้องใส่ชุด
เดิมซ้ำจากเมื่อวาน แม้เธอจะรุ้สึกตะขิดตะขวง แต่ก็จำเป็น เพราะเธอไม่ได้คาดคิดไว้ว่าเรื่องจะเลยเถิดจนเธอถึงกับต้อง
ค้างคืนในห้องนี้ แต่เป็นเพราะ…คุณหมิวนึกถึงว่าเป็นเพราะอะไรเธอก็ถึงกับหน้าแดงความความขวยเขิน เร่งรีบใส่ชุดเดิน
จนเรียบร้อย
“พี่พาน้องหมิวกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนนะครับ จะได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คุณพ่อกับคุณแม่รับทราบ..”
ฉัตรชัยพูดขึ้นเรียบๆ
ในขณะที่คุณหมิวกำลังแต่งหน้าอ่อนๆอยุ่หน้ากระจกเครื่องแป้ง ส่วนหวานเดินออกไปรับลมที่ระเบียงห้อง
“เอ่อ…จะดีหรือคะคุณพี่…ถะ…ถ้าคุณแม่ถามเรื่องเมื่อคืนล่ะคะ…” คุณหมิวถามกลับอ้อมแอ้ม ด้วยเธอยังกริ่งเกรงว่าพ่อแม่จะ
ตำหนิที่เธอมาค้างอ้างแรมกับคุ่หมั้นหนุ่ม
“ต้องเรียนท่านทั้งสองตามตรงน่ะครับ..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพี่รับผิดชอบคนเดียว..น้องหมิวไม่ต้องกังวลนะครับ..ทำใจสบายๆ..”
ฉัตรชัยขยับเดินไปโอบไหล่คู่หมั้นสาวกระชับ ส่งยิ้มใส่ดวงตาคู่สวยของเธอ ในขณะที่หวานค่อยเดินกลับเข้ามาในห้อง
“พี่จ๊ะ…เอ่อ…หวานไม่อยากให้พี่พูดเรื่องของหวานกับพี่…ถ้าคุณพ่อคุณแม่น้องหมิวถามว่าหวานคือใคร ขอให้บอกเพียงว่า
หวานเป็นเมียพี่ชัดนะจ๊ะ…” หวานเอ่ยแทรกขึ้นมา
“อ้าว…ทำไมล่ะครับ…หวานก็เป็นเมียพี่คนหนึ่งนะ…” ฉัตรชัยทักท้วง
“จริงด้วยค่ะ..พี่หวานก็เป็นภรรยาของคุณพี่..คนหนึ่ง..หมิวยอมรับได้ค่ะ…”
คุณหมิวหันกลับไปมองวหน้าหวานแล้วเธอก็ลุกเดินขึ้นไปจับมือเล็กๆ เย็นเฉียบของหวานมากุมไว้ ส่งรอยยิ้มสดใสจริง
ใจกับหวานสาวบ้านนา
“จ๊ะ…เรื่องของเราสามคนหวานรับทราบแล้ว หวานยินดี ดีใจที่พี่ฉัตรกับน้องหมิวไม่รังเกียจหวาน…แต่เรื่องนี้ ขอให้พวกเรา
สามคนรับรู้กันเพียงเท่านั้น กับผู้ใหญ่ในช่วงนี้อย่าเพิ่งให้รับรุ้เลยค่ะ..อย่างน้อยก็ขอให้เรื่องวุ่นวายที่พี่ชัดทำไว้จบลงไป
เสียก่อน นะคะ..เชื่อหวานนะจ๊ะ..”
เมื่อทั้งสามคนตกลงทำความเข้าใจกันได้อย่างดีแล้วจึงพากันเดินออกจากห้องพักภายในโรงแรม เดินสวนกับพนักงาน
รูมเมดทำความสะอาดห้องพักต่างอมยิ้มกันที่เห็นชายหนุ่มใหญ่รูปหล่อควงสาวสวยสองคนออกมาจากห้อง ซึ่งพูดถึง
ความสวยน่ารักแล้วทั้งสองสาวต่างไม่มีใครเหนือกว่ากันเลย ถ้าจะแตกต่างกันก็คงเป็นการแต่งตัวและเสื้อผ้าที่ดูออกได้
ทันทีว่าสาวคนหนึ่งคงพวกสาวไฮโซ แต่อีกสาวหนึ่งบ้านๆแบบพวกหล่อน
………………………………………………………
ย้อนกลับมาที่รังสวาทของชัดชายกับแอนนี่ หลังจากที่สายจนตะวันโด่งทั้งสองคนจึงตื่นขึ้นมาด้วยสภาพเปลือยเปล่า
แอนนี่นั้นผมเผ้ายุ่งเหยิง เพราะต้องแบกรับศึกหนักจากผู้ชายสองคนที่ต่างมีลำหักลำโค่นไม่ได้ด้อยกว่ากันสักเท่าใด จึง
ทำเอาสาวลูกครึ่งอย่างเธอถึงกับสลบไสล ตื่นขึ้นมาด้วยหน้าตาที่ซีดขาว ดวงตาแดงระเรื่อ ขอบตาคล้ำอ่อนเปลี้ย แม้
จะได้รับความสดชื่นจากสายน้ำจากฝักบัวแล้วก็ตาม แต่หาได้ทำให้เธอกระชุ่มกระชวยขึ้นมาแต่อย่างใด จึงต้องใช้เครื่อง
สำอางค์ปกปิดร่องรอยหมองคล้ำใต้ดวงตาและใบหน้าอย่างสุดความสามารถ
“บอสคะ…วันนี้ไปทำงานที่บริษัทพร้อมกันนะคะ..”
แอนนี่พูดเรียบๆ แต่เหมือนเป็นคำสั่งว่าบัดนี้ชัดชายต้องทำตามคำบัญชาของหล่อนเสียแล้ว แม้ชัดชายจะไม่พอใจแต่ก็
เก็บงำซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ปั้นหน้าเสแสร้งยิ้มระรื่น แต่งตัวเสร็จพากันเดินควงแขนออกมาจากผับหรู แล้วขับรถ
ไปที่ทำงานด้วยกัน
…………………………………….
ในขณะที่ภายในบ้านของมรว.จักรภพ ผู้เป็นบิดาของมล.ลาวัลย์นั้น ฉัตรชัยและคุณหมิวต่างนั่งประจันหน้ากับบิดาและ
มารดาของคุณหมิว ส่วนหวานนั่งห่างออกไปตามลำพังที่เก้าอี้อีกตัว ทั้งฉัตรชัยและคุณหมิวต่างผลัดกันเล่าเรื่องราวที่เกิด
ขึ้นตามความจริงในเรื่องการสลับตัวกัน มียกเว้นที่ไม่ได้พูดถึงคือเรื่องที่คุณหมิวเข้าไปในโมเต็ลกับแฝดผู้น้อง กับเรื่อง
ความสัมพันธ์ของฉัตรชัยกับหวาน สองเรื่องเท่านั้นที่ทั้งสองต่างพยายามปิดบังไม่ให้ผู้ใหญ่ฝ่ายคู่หมั้นสาวรับทราบ
“แล้วพ่อฉัตรจะทำอย่างไรต่อไปจ๊ะ…” เสียงมารดาคุณหญิงพรรณรายถามขึ้นมาหลังจากได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด
“ผมว่าน่าเป็นห่วงเรื่องทางด้านน้องชายคุณฉัตรมากกว่านะ..เข้าไปพัวพันอยุ่กับนายพลเดชนี่..ขานั้นไม่ธรรมดาเลย”
เสียงมรว.จักรภพ พูดแทรกขึ้นมา
“ครับผมทราบ..แต่ว่าพวกเขาร้ายกาจขนาดไหนครับคุณพ่อ..”
ฉัตรชัยรู้เพียงว่า นายตำรวจใหญ่พ่อของแอนนี่นั้นพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายแต่ก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าใดว่า พวกเขา
ทำอะไรกัน จึงสอบถามมรว.จักรภพว่าที่พ่อตา เผื่อว่าท่านซึ่งมีหูตากว้างไกลกว่าจะบอกให้ทราบบ้าง
“ข่าววงในที่เขากำลังจับตากันก็เรื่องของเถื่อนของผิดกฎหมายโดยเฉพาะไม้พยูงที่ลักลอบตัดส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน
ของเราน่ะ เขาว่ากันว่านายพลคนนี้พัวพันอยู่ เพียงแต่ว่ายังไม่มีหลักฐานมัดไปถึงตัวเขา ทางผู้ใหญ่ก็เลยต้องปล่อยๆไป
ก่อนทำวางเฉยเหมือนไม่รุ้ไม่เห็น…”
มรว.จักรภพ เล่าเรื่องที่ตนเองพอทราบมาให้ฉัตรชัยฟัง ซึ่งหวานเธอก็พลอยได้ยินไปด้วย จึงนึกเป็นห่วงว่าชัดชายสามี
ตนเองจะเป็นอันตราย แม้เธอไม่ได้รักเขา แต่ความผูกพันธ์มันย่อมมีอยู่เป็นเรื่องธรรมดา สีหน้าเธอจึงไม่ค่อยสบายใจนัก
“แล้วผมควรจะให้นายชัดเขาทำอย่างไรดีครับ…” ฉัตรชัยเริ่มมีสีหน้ากังวล
“คงต้องปรึกษากับผู้การอภิสิทธิ์…เขาสักหน่อยนะพ่อว่า..”
ผู้การอภิสิทธิ์ที่มรว.จักรภพพูดถึงนั้นคืออธิบดีกรมดีเอสไอ ผู้การตงฉินซึ่งมีประวัติการทำงานดีเด่น คอยจัดการกับคดีพิเศษ
คดีของผู้มีอิทธิพล ซึ่งมรว.จักรภพรู้จักสนิทสนมเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นรุ่นน้องที่เคยเรียนในวชิรวุธวิทยาลัยด้วยกันมา
“แล้วเรื่องของพ่อฉัตรกับลูกหมิวจะเอาอย่างไรกันดีคะคุณชาย..”
คุณหญิงพรรณรายหันกลับไปปรึกษาผู้เป็นสามี ด้วยทั้งฉัตรชัยและคุณหมิวต่างสารภาพออกมาแล้วว่าทั้งสองคนที่ล่วงล้ำ
ขอบเขตุของการเป็นคุ่หมั้นกันไปแล้ว
“เรื่องของหนุ่มสาวน่ะคุณหญิง..เขาสองคนรักกัน สารภาพกับเราสองคนตามจริงแล้ว คงต้องรอให้เรื่องทางนายชัดชาย
เรียบร้อยก่อนค่อยจัดการให้ถูกต้องตามประเพณี…ช่วงนี้เราสองคนก็รับทราบกันไว้ก่อน..เอาตามนี้ไปก่อนนะคุณหญิง..”
มรว.จักรภพบอกให้ภรรยารับทราบว่าเรื่องงานแต่งงานของคุณหมิวุตรสาวกับฉัตรชัยนั้นคงต้องเลื่อนกำหนดออกไปก่อน
รอจนจัดการเรื่องของชัดชายกับแอนนี่และพ่อพร้อมบริวารเรียบร้อยเสียก่อน จึงค่อยจัดการให้ถูกต้องตามประเพณี แต่ความ
สัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เกินขอบเขตุของคุ่หมั้นไปแล้วนั้น ท่านทั้งสองก็เพียงรับทราบ และมิได้ขัดขวางห้ามปราม ทำให้สอง
หนุ่มสาวที่นั่งฟังอยู่ ต่างลุกขึ้นไปกราบแทบเท้าของมรว.จักรภพและคุณหญิงพรรณรายด้วยความทราบซึ้ง จากนั้นคุณหมิว
ก็ขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ตามลำพัง ปล่อยให้ฉัตรชัยและหวานนั่งรออยุ่ที่ห้องรับแขก
“เอ่อหนูหวาน..ไม่ต้องห่วงสามีของหล่อนนะ ทางเราจะช่วยเหลือเขาเต็มที่…”
ก่อนที่คุณหมิวจะลงมาห้องส่วนตัวของเธอนั้น คุณหญิงพรรรรายเอ่ยกับหวานเมื่อเห้นใบหน้าของหญิงสาวซีดขาว ด้วย
เข้าใจว่าเธอคงเป็นห่วงสามีที่เข้าไปพัวพันกับแก็งค์ของนายพลเดช แต่ถ้าคุณหญิงล่วงรุ้ถึงสาเหตุที่หวานใบหน้าซีด
ขาวนั้นเป็นเพราะอดนอนและรับศึกหนักกับว่าที่ลูกเขยของหล่อน คุณหญิงพรรณรายคงลมจับสลบไสลอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นสักครุ่คุณหมิวก็เปลี่ยนชุดใหม่สวยสดใสลงมา แล้วทั้งสามคนก็กราบลาบิดามารดาของคุณหมิว เพื่อไปเยี่ยม
คุณนายแจ่มจรัสที่โรงพยาบาลพร้อมกัน
…………………………………………………………….
เพียงวันแรกที่แอนนี่กับชัดชายมาถึงบริษัท เธอก็จัดการทำหนังสือสั่งปลดเลขาหน้าห้องของฉัตรชัยออก พร้อมบอกให้
ชัดชายแต่งตั้งตัวเองขึ้นมาแทน จากนั้นก็ทำหนังสือย้ายผู้จักการฝ่ายโลจิสติคออกไปทำหน้าที่อื่น แล้วเปิดรอตำแหน่ง
ว่างให้เทวัญเข้ามารับงานในภายหลัง
การเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทของฉัตรชัยอย่างกระทันหัน ทำให้พนักงานเก่าแก่หลายคนต่างงุนงงสงสัย แต่ก็ไม่มีใคร
สามารถทัดทานได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งโดยตรงมาจากฉัตรชัยเจ้าของบริษัทโดยตรง จึงต่างพากันซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องนี้
เรื่องที่จุ่ๆแอนนี่เข้ามาควบคุมคอนโทรลได้ ทั้งๆที่ผ่านมาทุกคนต่างทราบดีว่าแม่แอนนี่สาวลุกครึ่งผู้นี้พยายามให้ท่าอ่อย
เจ้านายของพวกเขาเพียงใด แต่คุณฉัตรชัยไม่เคยคล้อยตาม แต่เพราะเหตุใดเพียงแค่การกลับมาทำงานเพียงวันแรก
ของเจ้านายหลังจากที่ลาพักร้อนไปสิบกว่าวันนั้น ถึงกลับเปลี่ยนไปแบบชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ถึงเพียงนี้