ก้อย ภาค 2 ตอนที่ 10
หลังจากวางสายจากฟาง ผมก็มานั่งนึกว่าเมื่อคืน ผมเอาโทรศัพท์ไว้ที่ไหนบ้าง ตอนอยู่ที่ระเบียงผมก็ยังใช้โทรหาฟางอยู่เลย พอกลับเข้ามานอนบนโซฟา ผมก็เอามันวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ ทำไมผมถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ฟางโทรมานะ น่าแปลกจริงๆ แต่ช่างมันเถอะ เพราะถ้าผมได้รับสายฟางอาจจะลังเลที่จะกลับบ้านก็ได้ เพราะผมคงอ้อนให้เธออยู่รอผมไปหาแน่ๆ
วันนี้กว่าที่พวกแคทจะมาทำงานได้ก็เกือบบ่ายสาม แต่พอแคทรู้เรื่องผม แคทก็รีบมาที่ห้องผมทันทีเพื่อขอให้ผมเลี้ยงฉลองอีก
“พี่บีแบบนี้ต้องฉลองต่ออีกคืนนะค่ะ ไม่สิต้องฉลองข้ามวันข้ามคืนเลย”
“ฉลองอะไรของแก เมื่อวานก็ได้ฉลองจนข้ามวันแล้วนี่ไง มาซะบ่ายสาม จะมาทำไมเนี่ย ไม่กลับบ้านไปเลยหละ”
“โหพี่บี ก็กว่าเมียพี่บีจะปล่อยพวก
หนูมาได้ เล่นเอาพวกหนูช้ำไปทั้งตัวแล้ว ไม่เชื่อเดี๋ยวหนูแก้ผ้าให้ดูก็ได้” แคททำท่าจะถอดเสื้อสายเดียวที่ใส่มาออก
“พอๆ ไม่ต้องเลย ฉันเชื่อแล้ว เรื่องงานเลี้ยงเอาไว้วันอื่น วันนี้เมียคนโตฉันจะไปค้าง แกหมดสิทธิไปยุ่งย่าม”
“แหมก็ขอหนูเป็นเมียคนเล็กซักคนจะเป็นไรไป ตอนนี้พี่บีก็เป็นมหาเศรษฐีแล้ว เลี้ยงหนูอีกคนขนหน้าแข้งไม่ล่วงหรอกค่ะ”
“ขนหน้าแข้งไม่ล่วงแต่ ก้อยจะถอนหงอกฉันเอาหนะซิ พอแล้วแกไปทำงานได้แล้ว ส่วนเรื่องงานเลี้ยงเอาไว้จัดอาทิตย์หน้า”
“พี่บีนี่ลำเอียงจริงๆ นะค่ะ”
“อำเอียงอะไรของแกอีกแคท”
“ก็เมื่อเช้ามืดพี่บีทำอะไรกับยัยจอยค่ะ แคทรู้นะค่ะ”
“ฉันทำอะไรแกมั่วแล้วแคท แนนก็อยู่คนอื่นๆ ก็อยู่ฉันจะกล้าทำอะไรจอยหรอ”
“ไม่ต้องมาโกหกเลยค่ะ แหมยัยจอยบอกจะไปฉี่ แต่หายไปเป็นชั่วโมง พอกลับมาก็นอนตาเยิ้ม แคทจับของมันดูโหบวมเบ่งเลยทั้งรูหน้ารูหลัง ถ้ามันไม่ได้โดนเอ็นพี่บีแล้วมันจะไปโดนอะไรได้หละค่ะ”
ผมไม่รู้จะแก้ตัวยังไงต่อดี
แคทเดินมาด้านข้างแล้วนั่งลงบนผนักวางแขนของผมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“ไหนพี่บีเคยบอกว่ารักจอยกับแคทเท่ากันไงค่ะ เวลาแคทได้จอยก็ต้องได้ด้วย มาคราวนี้จอยได้แต่พี่บีกลับไม่นึกถึงแคทเลย”
แคทก้มหน้าลงมาซบที่ไหล่ผม ถึงผมจะชอบพูดกับแคทเหมือนกับเธอเป็นเด็กผู้ชาย แต่ผมก็รู้ดีว่าแคทก็เป็นผู้หญิงคนนึง พอเธอแสดงความอ่อนไหวแบบผู้หญิงออกมาผมก็จะพูดกับเธอเหมือนเป็นผู้หญิงคนนึงเหมือนกัน
“อืมๆ เอาหละงั้นอาทิตย์หน้าพี่ให้เลือกวันนึง พี่จะพาออกไปข้างนอกแล้วชดเชยให้ตกลงไหม”
“ขอบคุณค่ะพี่บี” แคทหอมผมฟอดใหญ่จนลิปติกเลอะแก้ม
“แล้วอยากให้พี่พาไปข้างนอกวันไหนหละ”
“วันจันทร์เลยนะค่ะ”
ผมคิดอยู่ว่าวันจันทร์ถ้าฟางกลับมาจากบ้านแล้ว ผมจะแว๊ปไปหาเธอ แต่พอแคทมาเลือกวันเดียวกันแบบนี้ผมก็อดไปหาฟางหนะซิ ผมอยากจะปฏิเสธแล้วให้แคทเลือกวันอื่นแทน แต่ผมก็ดันเป็นหลุดปากอนุญาตให้แคทเป็นคนเลือกเองแทนที่ผมจะกำหนดวันเป็นวันอื่นซะก็สิ้นเรื่อง
“อืมก็ได้งั้นวันจันทร์เราไปพบลูกค้าตอนบ่ายด้วยกัน ลุกขึ้นได้แล้วไป เดี๋ยวพี่จะมีแขกอีก ใครมาเห็นแคทจะเสียหายนะมานั่งชิดพี่แบบนี้”
แคทลุกขึ้น
“ใช่ค่ะ แคทไม่อยากเสียหาย แต่แคทอยากเสียตัวมากกว่า” แคทหัวเราะก่อนจะรีบวิ่งหนีออกนอกห้องไปก่อนที่ผมจะทันได้ว่าเธอ
วันนี้ผมก็ยุ่งอีกทั้งวัน คุณอำนาจโทรมาหาผมอีกรอบบอกว่าอยากเจอเมียผมสองคนก่อนที่แกจะเดินทางไปมัลดีฟ ผมเลยกะว่าจะพาก้อยกับแนนไปหาคุณอำนาจที่บ้านตอนเช้าก่อนจะพาแนนไปเที่ยวสวนสนุกตามที่สัญญากับเธอไว้ พอเลิกงานผมก็พาหงส์นั่งรถไปรับก้อยด้วยกัน เพราะแนนงอแงไม่ยอมไปรับก้อยให้ เธอคงเพลียจัดเลยอยากจะนอนพักเพื่อเก็บแรงไว้คืนนี้ต่อ
“อ้าว พี่บีมารับก้อยเองเลยหรอค่ะ แล้วแนนหละ”
“คนนั้น ตอนนี้คงหลับปุ๋ยอยู่มั้ง เมื่อคืนพาลูกน้องพี่มาเล่นกันต่อที่ห้องนอนจนถึงบ่ายวันนี้”
หงส์เปิดประตูจะลงจากนห้ารถให้ก้อยนั่งหน้าแทน แต่ก้อยสายหน้า
“น้องหงส์นั่งเถอะจ๊ะ พี่อยากนั่งข้างหลัง พี่ว่าจะงีบซักหน่อย ทำงานดึกทุกวันเลยเหนื่อย”
“แหม นั่งด้านหลังเป็นคุณผู้หญิงเลยนะ เฮอะเดี๋ยวนี้เมียพี่แต่และคนนิสัยเปลี่ยนไปหมดแล้ว สงสัยต้องหาใหม่ดีกว่า”
ก้อยเข้ามานั่งที่เบาะหลังแล้วปิดประตูรถก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกหูผม
“ก็ลองหาใหม่ดูซิ ก้อยจะจับตอนให้เป็นขันทีซะเลย”
“โอ๊ย พี่แกล้งพูดก้อยก็รู้พี่จะนอกใจก้อยได้ยังไงจริงไหม”
“ให้มันจริงเถอะ เห็นแนนบอกว่าจะฟ้องอะไรก้อยอยู่ อย่าให้เป็นเรื่องพี่บีแอบไปมีกิ๊กนะ”
“โถๆ พี่จะแอบมีกิ๊กได้ยังไง กลางวันพี่ก็ทำแต่งาน กลางคืนพี่ก็กลับบ้าน ไม่เชื่อถามหงส์ ถ้าพี่จะมีกิ๊กก็คงมีแต่น้องหงส์นี่แหละที่พี่แอบกิ๊กด้วยทุกวัน”
หงส์เขินจนหน้าแดง
“ถ้าเป็นคนนี้ก้อยไม่ว่าหรอกค่ะ” ก้อยเลื่อนตัวยืนหน้าไปทางด้านหลังหงส์ก่อนจะดึงหน้าหงส์มาประกบปากจูบ “กิ๊กพี่บีคนนี้ก็เหมือนกิ๊กก้อยแหละ”
“นี่ๆ ไม่ต้องเอาคำพูดไอ้ตัวเล็กมาใช้เลยนะ เดี๋ยวนี้เป็นเลสกันหมดแล้วใช่ไหมเนี่ย”
“ก็สามีขี้บ่นจุกจิกหน้าเบื่อ เมียๆ ก็ต้องหาอะไรมาเล่นสนุกกันเองแก้เหงาซิค่ะ”
“พูดได้ไม่อายเลยนะเดียวนี้ เมื่อก่อนก้อยเมียพี่เรียบร้อยกว่านี้เยอะนะ เดี๋ยวนี้ชักจะชอบพูดเหมือนไอ้ตัวเล็กขึ้นทุกวัน สงสัยจะต้องจับแยกกันซะแล้ว”
“โอ้ ขี้บ่นจัง ขับรถไปได้แล้ว ไปถึงห้างแล้วปลุกด้วยนะก้อยจะนอน”
ก้อยหยิบหมอนรูปหน้ากาฟิวใบใหญ่มาตบๆ ก่อนจะเอาหนุนหัวแล้วหลับตาไม่สนใจว่าผมยังคุยกับเธอไม่จบ ผมได้แต่สายหัวก่อนจะขับรถออกไปตามคำสั่งเธอ พอไปถึงห้างผมก็พยายามจะปลุกก้อยให้ตื่น
“ไม่เอาอะพี่บี ไปกอดแนนไปก้อยเหนื่อยนะ” ก้อยงัวเงียพูด
“ทำไมเดี๋ยวนี้พี่ยุ่งกับก้อยไม่ได้หรอ” ผมแกล้งพูดแหย่ก้อย ผมคิดว่าก้อยคงคิดว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของผม
“ก็ก้อยเหนื่อยนี่ ไปปล้ำน้องหงส์แทนโน้นไป ก้อยขอนอนต่อนะ” ก้อยยิ้มตาปรือก่อนจะรีบมุดหมอนเพื่อนอนต่อ
ผมว่าก้อยต้องคิดว่าตัวเองอยู่ที่ห้องผมแน่นๆ และเธอก็ต้องคิดว่าผมสะกิดเธอเพื่อจะของกุ๊กกิ๊กด้วย ผมเลยแกล้งขย้ำก้นเธอดู ดูซิว่าก้อยจะบ่นอะไรต่อ
“ว้าย พี่บีนี่ เอ้า เร็วนะ ก้อยจะได้นอนต่อ” ก้อยหงายตัวชูมือให้ผมนอนลงไปกอดเธอ
ผมกับหงส์หัวเราะลั่น
ก้อยคงรู้สึกแปลกใจเธอลืมตาขึ้นดูแล้วก็ต้องร้องว้ายลั่น
“ว้าย ที่ไหนเนี่ย”
“ก็ที่ห้างไง ถึงแล้วจะลงไปซื้อของได้หรือยัง ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวกลับไปห้องก่อนพี่ค่อยทำให้นะ ตรงนี้คนเยอะอายเค้า”
“ทะลึงอะพี่บีใครเค้าขอให้ทำอะไรกัน” ก้อยอายจนหน้าแดง
“แล้วจะลงจากรถได้หรือยังหละ จะได้ไปซื้อของจะรีบกลับไปนอนไม่ใช่หรอ”
“เดี๋ยวซิ ผมยุ่งหมดแล้ว” ก้อยหยิบหวีกับกระจกในกระเป๋าขึ้นมาหวีผมให้เรียบ
“นี่ๆ เติมลิปที่มุมปากด้วยนะ เมื่อกี่ก้อยนอนหลับน้ำลายหกลบลิปออกหมดเลย”
“อุ้ย บ้าซิพี่บี ก้อยไม่นอนน้ำลายหกหรอกน่าเกลียด มีแต่พี่บีแหละที่นอนน้ำลายหก”
“หรอ แล้วตอนกลางคืนพี่น้ำลายหกใส่ส่วนไหนก้อยบ้างหละ”
“ทะลึงอีกและ ไปซื้อของกันดีกว่าหงส์ ปล่อยคนบ้ากามให้รออยู่ในรถเนี่ยแหละ”
พอได้เดินช๊อปปิ้งก้อยก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“ก้อยซื้อของแค่ไว้ทานวันนี้กับวันอาทิตย์พอนะ พรุ่งนี้พี่จะพาไปเจอคุณพ่อบุญธรรมของพี่”
“คุณพ่อบุญธรรม” ก้อยทำนหน้างง
ผมเลยเล่าให้เธอฟัง แต่ไม่เล่าว่าผมอะไรบ้างและกลายเป็นเจ้าของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ไปแล้ว เพราะถ้าเกิดบอกก้อยต้องคิดมากแล้วหงุดหงิดอีกแน่ที่ผมก้าวนำเธอไปอีกแล้ว และคราวนี้เธอแทบจะหมดโอกาสตามทันได้
“อืม แล้วหลังจากนั้นก็จะพาไอ้ตัวเล็กไปเที่ยวสวนสนุก ตอนเย็นก็ไปหาข้าวทานกันสี่คน ก้อยก็เผื่อๆ ของไว้กินเล่นตอนกลางคืนวันเสาร์ก็ได้ เผื่อไอ้ตัวเล็กมันซนมากอาจจะตื่นมาหิวกลางดึกอีก”
“ค่ะ ก็ไม่เป็นไรนี่ค่ะ ซื้อๆ ไว้ก่อน ยังไงทานไม่หมดน้องหงส์ก็ค่อยทำให้พี่บีทานวันอื่นก็ได้นี่”
“เอางั้นก็ได้จ๊ะ”
หงส์ทำหน้าเหมือนเป็นกังวล
“พี่บีค่ะ พรุ่งนี้หงส์เฝ้าบ้านให้นะค่ะ พี่บีไปเที่ยวกับพี่ก้อยกับแนนเถอะค่ะ”
“ทำไมหละจ๊ะน้องหงส์ หงส์ไม่ไปแล้วใครจะเป็นคนเล่นเป็นเพื่อนแนนหละ พี่ไม่ไหวนะคราวที่แล้วก็จะเป็นลมทั้งหลายรอบ”
“นั่นซิทำไมหละหงส์”
“คือหงส์ หงส์อยากอยู่บ้านค่ะ”
แล้วผมก็คิดได้ว่าทำไมหงส์ไม่อยากไปผมแอบกระซิบบอกเธอ
“คุณรุชเค้าไม่ได้อยู่บ้านนั้นหรอก แล้วเค้าก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่จะพาหงส์ไปที่นั้น หงส์ไม่ต้องกลัวเจอเค้าหรอก”
“จริงๆ นะค่ะพี่บี”
“จริงซิ แหมที่จริงอยากไปเที่ยวใช่ไหมหละ แต่กลัวเจอคุณรุชก็เลยไม่ยอมไป”
“ซุบซิบอะไรกันสองคน มานี่เลยน้องหงส์มาเดินกับพี่นี่มะ” ก้อยดึงแขนหงส์ไปควง
ก้อยโอบเอวหงส์เดินดูของเหมือนคู่รักโดยมีผมที่ดูเหมือนคนใช้ค่อยเข็นรถตาม ผมแอบเห็นว่ามีหนุ่มๆ จ้องมองทั้งคู่ด้วยสายตาเสียดาย พวกนั้นคงคิดว่าสองคนนี้เป็นคู่เลสกันแน่ๆ ส่วนสาวๆ ก็จ้องก้อยกับหงส์กันตาเป็นมันส์ เฮอนี่เมียผมติดโรคไอ้ตัวเล็กกันหมดทุกคนแล้วหรือนี่ ดีนะยังมีเจนที่ยังเป็นผู้หญิงธรรมดาอยู่
ซื้อของเสร็จขากลับก้อยก็ของีบอีก พอถึงคอนโดก้อยก็รีบลืมตาดูเหมือนกับรู้ว่าถ้ายังนอนต่อต้องโดนผมแกล้งแน่ๆ ซึ่งผมเสียดายมากกะว่าจะให้หงส์ขึ้นไปก่อนแล้วแกล้งปล้ำก้อยในรถซะหน่อย พอขึ้นไปบนห้องผมก็พบว่าแนนอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนใหม่แล้ว แต่ผมก็แกล้งแซวว่าแนนยังไม่ยอมอาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน
“ก้อยอย่าไปไกลไอ้ตัวเล็กนะ ยังไม่อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน ดูซิยังใส่ชุดเดิมอยู่เลย”
หงส์หัวเราะเบาๆ ที่ผมแกล้งแนน
“บ้าซิ เค้าอาบน้ำแล้ว ไม่เชื่อพี่ก้อยมาดมดูซิว่าแนนหอมไหม”
แนนวิ่งเข้าไปหาก้อย ก้อยก้มลงหอมไปที่ซอกคอแนนแล้วซุกไซด์ไปทั่ว ทำเอาคนที่ได้แต่ยืนมองอย่างผมสยิวตาม
“พอแล้วๆ เชื่อแล้วว่าอาบน้ำแล้ว”
ก้อยหยุดไซด์แนนแล้วหัวเราะ
“พี่ก้อยมีคนเค้าอิจฉาเรา เรามาพิสูจน์กันให้มากกว่านี้ดีไหมค่ะ อิอิ”
“ไปๆ พี่เค้าจะทำกับข้าวให้ทานกัน เราไปดูการ์ตูนไปเดี๋ยวพี่เปิดเชเร็กให้ดูนะ”
“นี่เค้าไม่ใช่เด็กประถมนะ”
“แต่ก็ทำตัวเหมือนนี่”
“พี่ก้อยดูซิพี่บีเค้าว่าแนนอีกแล้ว พี่ก้อยต้องจัดการให้แนนด้วยนะ”
“พอได้แล้วทั้งสองคนนั้นแหละ แกล้งกันอยู่ได้ นี่เวลาอยู่กันแค่สองคนตีกันทุกวันไหมเนี่ย”
“อุ้ย พี่ก้อยๆ แนนมีอะไรจะให้ดู” แนนหยิบโทรศัพท์ออกมากแต่แล้วเธอก็เหมือนเปลี่ยนใจมาแย่งกระเป๋าโน๊ตบุ๊คจากมือผมไปแทน
“พี่ก้อยมาดูนี่ซิ”
แนนเปิดกระเป๋าเอาโน๊ตบุ๊คของผมออกมาวางที่โต๊ะทำงานแล้วต่อเน็ท ก้อยกับหงส์เดินเข้าไปเกาะเก้าอี้ดู ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าแนนจะให้ดูอะไร แล้วผมก็เห็นรูปเจนกับผมทรงใหม่ เจนตัดผมสั้นกว่าเดิมจากเดิมที่ยาวเกือบถึงบ่ากลายเป็นผมด้านหลังสั้นเรียบปล่อยแค่ผมด้านหน้าที่ยังคงยาวมาเกือบถึงคาง
“ว้าย น่ารักจังเลย เหมือนตุ๊กตาเลย”
“ใช่ค่ะพี่ก้อย เจนน่าจะกลับมาเที่ยวตอนนี้นะ น่ารักแบบนี้แนนจะกอดทั้งวันเลย”
“ไม่ได้นะ ต้องผลัดกันกับพี่ซิ”
“งั้นก็กอดกันสามคนเลยก็ได้นี่”
“แอะแฮ้ม” ผมแกล้งกระแอมให้สาวๆ รู้ว่าผมฟังพวกเธอคุยอยู่
“ยุ่งน่า” แนนกับก้อยหันมาพูดพร้อมกัน
“เดี๋ยวเถอะ” ผมเข้าไปดึงเอวก้อยมากอดแล้วเอามือขยี้หัวแนน
“โอ้ยยย ยุ่งกับหัวเค้าอีกแล้ว”
“วันนี้ก้อยไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ให้น้องหงส์ทำแทน ส่วนก้อยต้องไปทำลูกกับพี่” ผมรวมขาก้อยขึ้นแล้วอุ้มเธอไว้
“ว้าย พี่บี ไม่เอานะ”
“พี่ก้อยแนนช่วยเอง”
ผมอุ้มก้อยวิ่งหนีแนนไปรอบห้อง สาวๆ ร้องกรี๊ดกราดกันสนุกสนาน กว่าที่ผมจะได้ทานข้าวก็เกือบสามทุ่มเพราะมั่วแต่แกล้งกันอยู่ คนนี้ผมปล่อยให้สาวๆ นอนโดยไม่ได้รบกวน เพราะก้อยพอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยทันที ช่วงนี้เธอคงทำงานดึกจริงๆ หงส์เองเมื่อคืนก็ยังไม่ได้นอนทั้งคืนแล้วยังต้องตื่นตามผมไปทำงานทั้งวันอีก ส่วนไอ้ตัวเล็ก แค่ผมไปแตะแขนก็ทำสะดิ้งหนี แต่ก็ปรกติแหลครับ เวลามีคนอื่นอยู่ด้วยแนนก็ชอบทำแบบนี้แหละ แต่ถ้าอยู่กันแค่สองคนเธอก็จะทำตัวเป็นเด็กสาวขี้เหงาให้ผมต้องคอยเอาใจ
ผมปลุกแนนแต่เช้า แนนรีบตื่นทันทีเพราะเธอคิดว่าผมจะพาเธอไปสวนสนุกแต่เช้าเลย นี่ผมลืมบอกเธอเรื่องไปพบคุณอำนาจ พอผมเล่าเสร็จแนนก็ทำหน้างอ เธอบ่นว่ามีเวลาเล่นได้น้อยลง ผมเลยบอกว่าหลังจากกลับจากสวนสนุกแนนอยากไปไหนผมก็จะตามใจเธอ ผมขับรถพาสาวๆ ไปบ้านคุณอำนาจโดยที่ไม่ได้ทานข้าวเช้ากันก่อนเพราะคุณอำนาจอยากกินข้าวเช้าพร้อมผมกับเมียๆ ของผม
ผมขับรถไปถึงคฤหาสท์หลังนึงในย่านสีลม ตอนที่คุณอำนาจบอกที่อยู่มาผมก็คิดว่าคงเป็นบ้านคนรวยหลังนึงเท่านั้น แต่นี้ที่ผมเจอคือกำแพงสีขาวทอดเป็นแนวยาว จนคนด้านนอกมองเข้าไปด้านในไม่เห็น ผมขับรถไปจนถึงประตูรั่ว มีป้อมยามที่มีตำรวจนั่งอยู่ด้านใน พอเห็นรถผมเขาก็รีบกดปุ่มเปิดประตูให้ก่อนจะยืนขึ้นตะเบะ
แนนร้องหูกับความใหญ่โตด้านใน ก้อยกับหงส์เองก็ดูตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น ทางเข้าขนาดใหญ่มีต้นไม้และดอกไม้สวยงามแปลกตาสองข้างทางนำตรงไปยังลานกว้างที่มีวงน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ผมขับรถวนไปจอดที่หน้าประตู มีคนใส่สูทเหมือนเป็นพ่อบ้านเดินมาช่วยเปิดประตูให้สาวๆ และมีคนมาเปิดประตูรถให้ผมและขับไปจอดให้
แนนทำท่าอยากจะซนดูโน้นดูนี่จนผมต้องดุให้เธอทำตัวเรียบร้อย แนนแล๊ปลิ้นใส่ผมก่อนจะเดินไปเกาะแขนก้อยแล้วซุบซิบกันสองคน พ่อบ้านเปิดประตูให้พวกผมเข้าไปด้านใน ผมรู้สึกทึ้งกับความหรูหลาอลังการของเครื่องประดับและเฟอนิเจอร์ราคาแพง พ่อบ้านพาเราเดินผ่านห้องรับแขกไปยังห้องอาหาร พ่อบ้านบอกว่าคุณอำนาจรอผมอยู่ที่ห้องอาหารแล้ว
“เอ้ามาแล้วหรอมึง ไหนๆ คนไหนเป็นใครมาแนะนำให้พ่อรู้จักหน่อยซิ” คุณอำนาจลุกขึ้นเดินมาหาผมและสาวๆ
“ก้อย นี่คุณอำนาจพ่อบุญธรรมพี่ พ่อครับนี่ก้อยแฟนคนโตของผม”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” ก้อยก้มไปกราบที่อกคุณอำนาจ
“ไว้พระเถอะหนู แหมสวยเชียว บีมันตาแหมจริงๆ” คุณอำนาจลูบหัวก้อยอย่างเอ็นดู
“แล้วนี่แนนครับ แฟนคนเล็ก”
“ไม่ใช่คนเล็กซะหน่อย แฟนคนกลางต่างหาก เจนซิคนเล็ก” แล้วแนนก็ก้มกราบไปที่อกคุณอำนาจ
“เออๆ คนนี้น่ารักดี แหมอายุพอๆ กับหนูส้มละมั้งเนี่ย แล้วคนเล็กอยู่ไหนหละไม่มาด้วยหรอ”
“อยู่ออสเตเรียค่ะ คุณพ่ออยากเห็นไหมค่ะ แนนมีรูปด้วย” แนนหยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์รูปเจนให้คุณอำนาจดู
“อืมสวยเชียว แต่สามคนนี้ก็สวยไปคนหละอย่างนะ แหมชักอิจฉาไอ้บีมันแล้วซิ มีเมียสามคนสวยไปคนละแนว”
“ไม่หรอกครับคุณพ่อ ก้อยกับเจนชมว่าสวยได้ แต่คนที่กอดคุณพ่ออยู่คงเรียกว่าสวยไม่ได้หรอกครับ เพราะเค้าเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง”
“ไม่นี่ หนูแนนก็ออกจะสวยน่ารัก แกว่าเค้าเป็นผู้ชายได้ไงวะไอ้บี”
“แบร่” แนนแลบลิ้นใส่ผม
คุณอำนาจหัวเราชอบใจ
“อ้าวแล้วนั่นหนูหงส์นี่ พามาเที่ยวบ้านพ่อด้วยหรอ”
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
“ผมจะพาแฟนไปเที่ยวหนะครับ เลยชวนหงส์มาด้วยเพราะหงส์อยู่ห้องคนเดียวคงเหงา”
“อืมก็ดี เฮอไอ้รุชมันหายหัวไปไหนนะ ไม่มาดูแลแฟนมันเลย เดี๋ยวลุงโทรตามให้นะหนูหงส์”
หงส์ทำหน้าเสียทันที
“เออ เห็นคุณรุชบอกจะไปต่างจังหวัดหนะครับ” ผมพยายามพูดให้คุณอำนาจเลิกคิดที่จะโทรตามรุช
“ไม่ได้ แฟนมาทั้งทีต้องมาดูแลซิ” คุณอำนาจให้คนรับใช้โทรตามคุณรุช
ก้อยกับแนนทำหน้างงเพราะพวกเธอไม่รู้เรื่องระหว่างหงส์กับคุณรุชหลานชายคุณอำนาจ ผมได้แต่อธิฐานว่าคุณรุชคงไม่รับสาย หรือรับสายก็ปฏิเสธที่จะมา ซักพักคนรับใช้ก็เดินกลับมาบอกคุณอำนาจว่าคุณรุชปิดโทรศัพท์ โทรไปที่คอนโดก็ไม่อยู่
“เออช่างมัน งั้นวันนี้กูฝากหนูหงส์ไปเที่ยวกับมึงด้วยก็แล้วกันบี เราทานข้าวกันดีกว่าหนูแนนคงหิวแย่แล้ว”
“ค่ะ” แนนยิ้มก่อนจะเดินเกาะแขนพาคุณอำนาจไปนั่งที่หัวโต๊ะ
คุณอำนาจสั่งคนรับใช้ให้เริ่มเอาอาหารมาเสริฟ มีทั้งอาหารเช้าแบบฝรั่ง ไส้กรอก เบคอน ไข่ดาว กาแฟ น้ำส้มคั้น และก็มีข้าวต้มหมู ข้าวต้มกุ้ง คุณอำนาจให้แนนกับก้อยนั่งเก้าอี้ตัวแรกถัดจากหัวโต๊ะคนละข้าง แนนกินข้าวต้มหมูไปหนึ่งจานและข้าวต้มกุ้งไปอีกจาน
“อร่อยมากหรอลูกแนน”
“ค่ะ อร่อยมากเลยค่ะ”
“คงอร่อยจริงๆ ครับคุณพ่อ ปรกติแนนไม่ชอบกินอาหารทะเล แต่นี้กินไปจานพูนเลย”
“อร่อยก็มาทานเป็นเพื่อนพ่ออีกนะ พ่ออยู่คนเดียวเหงา ไม่มีลูกไม่มีหลาน”
“ค่ะ”
พออิ่มแนนก็เริ่มเอาแต่จ้องมองไปที่หน้าต่างของห้องอาหารที่สามารถมองเห็นสวนขนาดใหญ่ด้านนอก คุณอำนาจเห็นแนนเอาแต่จ้องและคนอื่นๆ ก็ทานข้าวเสร็จแล้วจึงชวนแนนออกไปเดินเล่น
“อยากออกไปเดินเล่นหรอ”
“ค่ะ” แนนรีบตอบทันที
“นี่” ผมดุแนนเพราะรู้ว่าแนนอยากจะออกไปซน
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อก็อยากออกไปเดินออกกำลังกายซักหน่อย กินอิ่มแล้วให้นั่งเฉยๆ สำหรับคนแก่มันก็ไม่ดีนะ”
แนนรีบลุกขึ้นตามคุณอำนาจและเข้าไปเกาะแขนข้างซ้าย ก้อยเองก็เดินเข้าไปเกาะแขนข้างขวา แล้วพวกเราก็เดินออกประตูด้านข้างไปยังสวนขนาดใหญ่ แนนทำเหมือนกำลังมองหาอะไรซักอย่างก่อนจะเอ่ยปากถามคุณอำนาจ
“คุณพ่อค่ะ แนนเห็นหมาสีทองสองตัวตอนเข้ามา ตอนนี้มันอยู่ไหนกันค่ะ”
“อ้อเจ้า บู้กับเจ้าโบ้หรอ” คุณอำนาจบอกให้คนรับใช้ที่เดินตามมาไปปล่อยเจ้าบู้กับเจ้าโบ้ออกจากกรง
ซักพักก็มีเสียงสุนัขเห่าแล้ววิ่งตรงมาหาคุณอำนาจ แนนรีบปล่อยแขนคุณอำนาจแล้วรีบนั่งลงอ้าแขนรับเจ้าโกเด้นรีทีฟเวอร์ที่วิ่งตรงมาหา เจ้าบู้เจ้าโบ้พอเห็นแนนนั่งอ้าแขนรับมันก็เปลี่ยนเป็นตรงมาหาเธอแล้วแล้วกระโจนใส่จนแนนล้มหงายท้องขาชี้ฟ้า แต่แนนก็หัวเราะชอบใจ
แล้วแนนก็เล่นกับเจ้าโกเด้นสองตัวพากันวิ่งไปทั่วสนามพร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด คุณอำนาจหัวเราะชอบใจ
“แนนเค้าชอบหมาหรอ”
“ครับ เค้าอ้อนจะเลี้ยงหายทีแล้ว เคยมีหมาหลงมาครั้งนึง แนนก็แอบเอาขึ้นไปเลี้ยงที่ห้อง พอเจ้าของเค้ามาขอคืนแนนก็ร้องไห้ซะหยั่งกับมีใครตายหยั่งงั้นแหละครับ”
“อ้าวแล้วทำไมแกไม่ให้หนูแนนเลี้ยงซักตัวหละ”
“จะเลี้ยงได้ยังไงหละครับ ผมอยู่คอนโดนะครับ”
“มึงก็ซื้อบ้านซิ ตอนนี้มึงก็มีเงินซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ ได้สบายๆ แล้วนี่”
ก้อยที่กอดแขนคุณอำนาจอยู่หันมามองหน้าผม เธอยังไม่รู้ว่าคุณอำนาจยกมรดกให้ผม
“อืมก้อย ไปดูน้องหน่อยซิ อย่าให้ซนมาก เกรงใจคุณพ่อบ้าง อ้อแล้วก็อย่าให้กลิ้งกับพื้นจนเสื้อผ้าเลอะหละ เดี๋ยวตอนไปเที่ยวสวนสนุกจะอายคนเค้านะ”
“ค่ะ”
ก้อยรู้ว่าผมตั้งใจให้เธอไปดูแนนเพื่อจะคุยกับคุณอำนาจโดยไม่อยากให้เธอฟัง แต่เธอก็ทำตามที่ผมบอก
“คุณพ่อครับ เมียทั้งสามคนของผม เรารักกันตอนที่ผมยังเป็นแค่คนจนๆ คนนึงเท่านั้น ผมกลัวว่าถ้าอยู่ๆ ผมกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมา พวกเธอจะรู้สึกับผมไม่เหมือนเดิม”
“อ้อนี่ใช่ไหมที่มึงถึงได้ดื้อไม่ยอมรับอะไรจากกู เออกูเข้าใจเป็นกูมีเมียสวยและน่ารักสามคนแบบนี้ ชีวิตก็คงมีความสุขเพียบพร้อมแล้ว คงไม่อยากได้อะไรอีก”
“แล้วก้อยเองก็คิดมากที่ตอนนี้ผมมีต่ำแหน่งใหญ่โต เธอเอาแต่กลัวว่าพนักงานบริษัทธรรมดาอย่างเธอจะไม่คู่ควรกับผมและไม่ยอมแต่งงานกับผมซะที ทำให้ผมยังไม่ได้บอกเธอเรื่องที่คุณพ่อให้มรดกผม”
“จริงหรอวะ มึงนี่โชคดีจริงๆ หาได้ไงวะผู้หญิงที่คิดมากที่รู้ว่าแฟนตัวเองรวยขึ้น นี่ถ้ากูเจอผู้หญิงแบบนี้นะ กูคงแต่งงานมีเมียมีลูกไม่ต้องอยู่เหงาคนเดียวแบบนี้แล้ว”
“ผมขอคุณพ่ออย่าเพิ่งบอกก้อยเรื่องที่ให้ผมดูแลบริษัทแทนนะครับ แค่ผมได้เลื่อนตำแหน่งคราวที่แล้ว ก้อยก็เร่งทำผลงานเพื่อให้ตัวเองได้เลื่อนตำแหน่งให้ทัดเทียมผมจะแทบไม่ได้พักผ่อนแล้ว”
“หรอ เออๆ กูจะไม่บอก เอาไว้มึงบอกกันเองแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ”
ผมปล่อยให้แนนเล่นกับเจ้าบี้เจ้าโบ้จนสิบโมงกว่าจึงเรียกเธอมาถามว่ายังอยากจะไปเที่ยวอีกหรือเปล่า แนนมีสีหน้าลังเล เธอยังอยากเล่นกับเจ้าโกเด้นสองตัวต่อ แต่เธอก็รู้ว่าคนอื่นๆ จะต้องนั่งรอเธอในขณะที่เธอได้เล่นสนุก
“ไม่เป็นไร เอาไว้ลูกแนนมาหาเจ้าสองตัวนี้อีกก็ได้ พ่อจะบอกเด็กไว้ให้”
“อย่าเลยครับคุณพ่อ ให้เด็กคนนี้มาก็มีแต่จะมาซนสร้างความวุ่นวายเปล่าๆ”
แนนรีบเข้าไปกอดแขนคุณอำนาจอ้อนให้ช่วย
“มึงมาว่าลูกแนนกูได้ไงเนี่ยไอ้บี กูอนุญาตให้มาได้ มึงไม่มีสิทธิมาห้าม”
แนนแล๊บลิ้นใส่ผมอีกรอบ
“ลูกแนนมาเลยนะ วันไหนจะมาก็โทรมาบอกเด็กๆ ไว้ก่อน เค้าจะได้เตรียมขนมอร่อยๆ ไว้ให้ทานนะ เผื่อพ่ออยู่พ่อจะได้ทานข้าวพร้อมกับลูกแนนด้วย”
“ค่าคุณพ่อ” แนนเปลี่ยนไปกอดเอวคุณอำนาจแทนกอดแขน
“เอาหละ ลูกแนนจะไปเที่ยวต่อกันใช่ไหม พ่อเองก็จะต้องไปเตรียมซื้อของไปมัลดีฟเหมือนกัน พ่อคงไม่อยู่อีกหลายอาทิตย์ แต่ลูกแนนมาได้ทุกวันเลยนะ เดี๋ยวพ่อจะให้พ่อบ้านมาให้เบอร์ติดต่อไว้ หรือเบื่อคอนโดแคบๆ ก็มานอนที่นี่เล่นได้จะได้อยู่กับเจ้าบี้เจ้าโบ้ด้วย” คุณอำนาจมองไปที่เจ้าบี้เจ้าโบ้ที่กำลังนั่งรอว่าเมื่อไหร่แนนจะเล่นด้วยต่อ
“ค่าคุณพ่อ แนนรักคุณพ่อที่สุดเลย”
“ประจบแล้ว” ผมแหวะแนน
“เอาหละพ่อต้องไปแล้วเดี๋ยวหนูส้มจะรอนาน”
ผม ก้อย แนน หงส์ ลาคุณอำนาจ แต่แนนยังเข้าไปกอดลาเจ้าบี้เจ้าโบ้อีกรอบก่อนจะจากมาเหมือนไม่ค่อยอยากจะไปเที่ยวเท่าไหร่นัก เจ้าบี้เจ้าโบ้ได้แต่เห่าเรียกแนน มันไม่กล้าวิ่งตามเพราะคุณอำนาจสั่งให้มันนั่งเฉยๆ ขณะที่ผมขับรถออกมาที่ประตูหน้า แนนก็ยังคงหันไปมองเจ้าหมาสองตัวจนลับตา
พอพ้นประตูหน้าบ้านของคุณอำนาจ แนนก็หันไปซบไหล่ก้อย อ้อผมลืมบอกไป เมียผมไม่มีใครยอมนั่งหน้ารถเลยหงส์เลยต้องรับเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ผมแทน แนนเงียบไปตลอดทางจนถึงสวนสนุกเธอถึงได้เริ่มดูคึกขึ้นมาอีกครั้ง ผมปล่อยให้แนนเล่นโน้นเล่นนี่โดยมีหงส์เล่นเป็นเพื่อน ส่วนผมกับก้อยก็ได้แต่นั่งดูเหมือนเป็นผู้ปกครองที่พาลูกไปเที่ยวสวนสนุก
ผมชวนก้อยทำเหมือนครั้งที่แล้วที่เรามาเที่ยวกัน แต่ก้อยไม่ยอมเธอบอกว่าครั้งที่แล้วไม่รู้ตัวว่าจะโดนแบบนั้นเลยไม่รู้สึกอาย แต่ครั้งนี้รู้ตัวก่อนเธออาย ระหว่างพักทานข้าวเที่ยงแนนก็เอาแต่คุยถึงความสนุกที่ได้เล่นกับเจ้าบี้เจ้าโบ้ พอทานข้าวเสร็จแนนก็ลากหงส์ไปเป็นเพื่อเล่นต่อจนเย็น
“วันนี้อยากกินอะไรหละ พี่ให้เราเลือกตามสัญญา”
“อืมกินอะไรดีน่า” แนนทำหน้าคิด
แล้วแนนก็เสนอให้ไปทานข้าวกันที่โรงเบียร์แห่งหนึ่งใกล้ๆ คอนโดผม
“ชอบแบบนี้หรอ พี่เพิ่งรู้นะเนี่ย”
“เปล่า แต่แนนว่าอาหารที่นี่แซบกว่าภัทรคารที่พี่บีพาไป สั่งต้มยำนึกว่าแกงจืดใส่นมข้นซะอีก”
“แหมมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ก็แค่ไม่รสจัดมากเท่านั้นเอง”
ผมนั่งเถียงกับแนนเรื่องอาหารเพราะเหมือนแนนจะว่าผมว่ารสนิยมของผมไม่ได้เรื่อง แต่ผมก็ยอมรับว่าอาหารตามสถานที่แบบนี้มันรสชาติจัดจ้านกว่าภัทรคารที่ผมชอบไปกินจริงๆ แล้วก็มีสาวใส่กระโปรงสั้นมาถามเรื่องเครื่องดื่ม แนนรีบโอ้วเอวเธอแล้วสั่งเบียร์มาสองลิตร
“นี่จะให้พี่กินเบียร์สองลิตรคนเดียวหรอ เมาตายกันพอดี”
“แนนก็กิน”
ก้อยทำท่าจะบอกว่าเธอก็จะกินด้วยแต่ผมรีบขัดทันที
“ก้อยหนะน้ำส้มดีแล้ว ไม่ต้องใจแตกเหมือนเด็กแถวนี้หรอก”
ก้อยทำหน้าเศร้าก่อนจะหยิบน้ำส้มมาดูด
“ใครใจแตก ฮึเดี๋ยวคอยดูนะ”
ผมไม่รู้ว่าแนนขู่อะไรผม แต่พอกินข้าวกันไปซักพักผมก็เข้าใจ แนนแอบให้ก้อยกินเบียร์ แรกๆ ก้อยก็แอบแก้วไว้ใต้โต๊ะ แต่พอแธอเริ่มเมาก้อยก็เผลอวางแก้วไว้บนโต๊ะ เพราะความมืดทำให้ผมไม่ทันได้สังเกตว่าหน้าก้อยแกงกล่ำเป็นลูกตำลึงแล้ว ผมก็นึกว่าแสงไฟส่องหน้าเธอซะอีก
“ก้อย ก้อยกินเบียร์หรอ”
“ค่ะ ทำไมหรอค่ะ กินไม่กินแล้วก็ได้ถ้าพี่บีไม่ชอบ” ก้อยพูดอย่างแต่ทำอย่างเธอยกแก้วเบียร์ซดจนหมดแล้ว
แนนรีบหยิบแก้วไปเติมให้ก้อยทันที
“ไอ้ตัวเล็ก พอเลย”
“แหมพี่บีก็ ก้อยก็กินเฉพาะตอนอยู่กับพี่บีนะ อยู่กับคนอื่นก้อยก็ไม่กินหรอก เพราะก้อยไม่รู้จะไปลงที่ใคร” ก้อยทำตาเยิ้มพร้อมกับยิ้มหวานใส่ผม ทำเอาผมนึกถึงชะตากรรมหลังจากนี้ขึ้นมาทันที
แนนหัวเราะคิกคิก
“หัวเราะไปให้ดีเถอะไอ้ตัวเล็ก เดี๋ยวพี่จะแกล้งให้พี่ก้อยอยู่กับเราสองต่อสอง คราวนี้หละใครกันแน่ที่จะเป็นคนหัวเราะ”
“โอ้ยไม่เอานะ เมียใครใครก็ดูแลกันเองซิ” แนนพูดเหมือนยังขยาดกับอาการตอนเมาของก้อยครั้งที่
“จะเถียงกันทำไมค่ะ” ก้อยกระดกเบียร์หมดอีกแล้วก่อนจะหันไปเติมเอง
“อ้าวๆ เติมเองแล้ว ไอ้ตัวเล็กดูซิเดี๋ยวก็ทำหลอดเค้าล้มหรอก”
“พี่ก้อยพอแล้วหละ มันหมดแล้ว” แนนรีบคว้าแก้วเบียร์ในมือก้อยก่อนที่ก้อยจะทำหล่น
“นี่เป็นเมียก็อย่ามาห้ามผัวซิ” ก้อยโวยเสียงดังก่อนจะดึงแนนมาหอมฟอดใหญ่จนคนโต๊ะข้างๆ หันมามองเป็นตาเดียวกัน
“ว้ายพี่ก้อยอะ” แนนรู้สึกอาย เธอไม่ชอบให้ใครเป็นเธอเป็นหญิง
“โหนี่ถ้าทางจะเมาหนักนะ แต่พี่ว่าก้อยก็กินเข้าไปไม่เยอะไม่ใช่หรอ เห็นกินน้ำส้มมาสามแก้วแล้วนี่”
“คือ แนนเอาเบียร์เทใส่แก้วน้ำส้มพี่ก้อยค่ะ” แนนทำหน้าเหมือนรู้ว่าจะโดนผมดุ
“เบียร์ผสมน้ำส้มเนี่ยนะ” คิดได้ไงเนี่ย เมาตายหละซิทีนี้
“พี่บี สั่งเบียร์ให้ก้อยหน่อยซิค่ะผัวขา”
ผมหัวเราะเลยเพราะแน่ใจแล้วว่าก้อยเมามากแค่ไหน
“ที่นี่เค้าหมดแล้วก้อย เราไปกินต่อที่บ้านแล้วกัน เมื่อวานก้อยก็ซื้อไว้โหลนึงไม่ใช่หรอ”
“ทำไมหมดหละ” ก้อยเสียงดัง
“พี่ก้อยเบาๆ เราไปกินต่อกันที่บ้านนะ ปะๆ แนนพยุงไปนะ”
“แหมเมียพี่นี่น่ารักจัง” ก้อยลุกขึ้นแต่ก็เซเหมือนจะล้มแนนต้องรีบเข้ามาประคอง
ก้อยกอดแนนแล้วขย้ำก้นแนนด้วย
“ก้นแน่นดีจังเลยนะเรา” ก้อยหัวเราะชอบใจแต่แนนทำหน้าจ๋อย
ผมขำแนนที่ปรกติชอบทำแบบนี้กับสาวๆ คนอื่น คราวนี้โดนก้อยทำบ้างดันทำหน้าจ๋อยซะงั้น ผมส่งกุญแจให้หงส์ช่วยแนนพาก้อยไปรอที่รถ ผมจ่ายเงินเสร็จก็รีบตามไปที่รถทันที ผมเห็นแนนนั่งอยู่ที่เบาะหน้า แต่พอเปิดประตูเข้าไปในรถผมก็เข้าใจเหตุผลทันที ก้อยกำลังนั่วเนียล้วงหงส์อยู่ ถึงหงส์พยายามจะปัดป้องแต่ก็ไม่สามารถพ้นมืออันซุกซนของก้อยได้
“คืนนี้พี่นอนโซฟานะ แนนนอนกับพี่ก้อยแล้วกัน”
“โอ้ย ไม่เอาอะ พี่บีเอาเมียพี่ไปเลย แนนนอนที่โซฟาเอง”
“ฮึ แล้วใครหละที่เทเบียร์ใส่แก้วพี่ก้อย รับผิดชอบด้วยซิ”
ก้อยคงฟังอยู่เธอเลยเข้ามารวมแจมด้วย
“ไม่ต้องแย้งกัน วันนี้โดนทุกคนแหละ” ก้อยเอื้อมมือจะไปจับหน้าอกแนน
แนนรีบขยับตัวหนี ผมหัวเราะอาการกลัวก้อยของแนน
“หัวเราะให้ดีไปเถอะ คืนนี้พี่บีเป็นคนสุดท้าย แต่ ถึงเช้านะค่ะ ก้อยไม่หลับห้ามพี่บีหลับด้วย”
ผมกลืนน้ำลายดังอืก แนนหัวเราะผมคืน
แล้วก้อยก็กลับไปปล้ำหงส์ต่อ ผมเลยรีบขับรถออกจากโรงเบียร์ตรงกลับคอนโด พอถึงคอนโดนแนนกับหงส์ก็ช่วยกันพยุงก้อยออกจากรถพาขึ้นลิฟท์ไปที่ห้อง พอเข้าห้องได้แนนก็ทิ้งก้อย แล้วรีบวิ่งหนีไปหลบในห้องนอน ก้อยหัวเราะร้องเรียกแนนพร้อมกับเดินตามเข้าไปในห้อง
“เมียจ๋า จะไปไหนหละ ยังไงวันนี้ เมียก็โดนผัวแน่ๆ หนีไปก็ไม่รอดหรอก” ก้อยหัวเราะคิกคัก
พอก้อยตามเข้าไปในห้องนอนแนนก็โวยวายลั่นจนหงส์ต้องตามเข้าไปดู แต่แนนก็ร้องโวยวายอยู่ไม่นานเสียงก็เงียบไป แล้วจากนั้นก็เริ่มมีเสียงครางกระเส่าของทั้งแนนและหงส์ดังแทน ผมไปยืนแอบฟังก็ได้ยินแนนบอกให้ก้อยเบาๆ เบาๆ อยู่ตลอดเวลา สงสัยก้อยคงจะจัดหนักแนนกับหงส์อยู่
ผมเลยไปเอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมแอบมายืนฟังเสียงที่หน้าห้องนอนอีกรอบ แต่ตอนนี้เสียงเงียบไปแล้ว ผมก้มมองดูที่ด้านล่างประตูก็ไม่เห็นมีแสงไฟลอดออกมา สงสัยก้อยจะหมดฤทธ์หลับไปแล้วดีเหมือนกัน ผมจะได้นอนบ้าง เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมปรับโซฟาให้เป็นที่นอนแล้วก็ปิดไฟ
ผมหลับไปซักพักก็สะดุ้งตื่น ผมหรี่ตาดูนาฬิกาที่ผนังตอนนี้ตีสองกว่าแล้ว ผมยังงัวเงียบวกกับความมืดทำให้ผมมองอะไรไม่ชัด ผมได้เสียงปึกแล้วผมเห็นแสงไฟสว่างขึ้นวูบนึง จากนั้นก็มีเสียงแกร๊กๆ ผมรู้สึกหนาวสันหลังเลยรีบปิดตาทันทีก่อนที่จะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น เสียงเก้าอี้กับโต๊ะเคลื่นดังเอียดอ๊าดตามมาด้วยเสียงที่ หืออออออออ ที่แหบแห้งชวนขนลุก ซึ่งผมก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ผมคิดถึงสิ่งเดียวที่ทำแบบนี้ได้ สุกี้น้ำแน่นอน (ยืมคำจากเรื่องเป็นต่อมาหน่อยแล้วกัน) จากนั้นเสียงหืออออหืออออ ก็ดังเหมือนกำลังตรงมาทางผม เสียงลากเท้าแกร๊กๆ บนพื้นดังใกล้เขามาเรื่อยๆ ผมคิดในใจ อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ทำไมไม่รีบแสดงตัว มาแสดงตัวทำไมคืนนี้ โอ้ยพรุ่งนี้กูไปหาบ้านใหม่อยู่ดีกว่า
พอเสียงลากเท้ามาหยุดที่ปลายขาผม ก็มีเสียงกร๊อบแกร๊บดังขึ้นต่อ โอ้ยรู้แล้วว่ามาอยู่ตรงขาแล้ว ไม่ต้องทำเสียงให้รู้หรอก ผมอยากจะหดขาขึ้นมาแต่ก็กลัวว่าถ้าหดขาแล้วจะโดนอะไรจับไว