เจาะเวลาหาฉิมพลี (ภาคยุทธจักร) ตอนที่ 36
ขบวนรถม้าออกเดินทางแต่เช้า ยูอันถูกปิดตาไม่ให้เห็นสภาพภายนอกอีก คาดว่าคงเป็นมาตรการณ์ในการรักษาความลับไม่ให้ทราบที่ตั้งของวังร้อยบุปผา ยูอันก็ไม่ได้ร้อนใจอะไรนัก อาจเป็นเพราะยังอารมณ์ดี จิตใจก็ปลอดโปร่ง ถือโอกาสนั่งเดินลมปราณเสียเลย
ยูอันยังไม่มีความรู้เรื่องลมปราณกระจ่างนัก มีข้อสงสัยหลายข้อ ที่ยังคาใจอยู่ และต่างก็อยู่นอกเหนือความสามารถที่จะหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง มีแต่ต้องรอสอบถามผู้รู้เท่านั้น แน่นอนว่าผู้รู้ที่ดีที่สุดก็คืออาจารย์ทั้งสาม แต่ทว่าจะไปหาอาจารย์ทั้งสามได้อย่างไร – –
แต่ถึงจะไม่รู้กระจ่าง ยูอันก็พอรับรู้ได้ว่า ลมปราณของตนวันนี้สมบูรณ์เปี่ยมล้นยิ่ง ทั้งๆที่
เมื่อคืนหลังกลับมาจาก อาบน้ำ ตนก็ล้มตัวลงนอนแท้ๆ หรือการร่วมรักกับคุณหนูเจ็ด ยังให้ผลดีกว่านั่งเดินลมปราณทั้งคืนอีก
หลังเดินลมปราณไปทั่วร่างครบสามรอบ ยูอันลองใช้วิชาแอบฟังอีกครั้ง ลดประสาทสัมผัสบางส่วนลง แล้วไปเพิ่มประสาทสัมผัสด้านการฟังแทน หูก็รับรู้สภาพภายนอกได้โดยไม่ต้องมอง เสียงล้อรถม้าที่เหยียบกรวดหิน เสียงนกร้องในชายป่าริมทาง เสียงศิษย์วังร้อยบุปผาที่สนทนา ล้วนแจ่มชัดราวกับดังที่ข้างหู
แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงท่านอาอี้กับคุณหนูรองสนทนากันอยู่ไกลๆแต่นั่นก็ไกลเกินไป แม้จะพยายามแค่ไหนก็ฟังไม่ได้ความว่าทั้งสองคุยอะไรกัน
อาหารกลางวันเป็นซาลาเปาอีกครั้ง ยูอันอดนึกถึงซาลาเปาที่เคยซื้อจาก 7-11 ไม่ได้ รสชาติต่างกันอยู่มากทีเดียว พอนึกถึงตอนนี้น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ป่านนี้ทางบ้านจะเป็นอย่างไรบ้าง พ่อกับแม่คงทุกข์ใจอยู่ทุกวัน เพื่อนๆยังจะจำเราได้อยู่หรือเปล่า ป่านนี้คงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว เอกับเก๋จะเข้าเรียนคณะไหน เมื่อตอนนั้นต่างก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ เพราะคิดว่ายังมีเวลาคิดกันอีกนาน
รถม้าหยุดวิ่งแล้ว เสียงสนทนาดังอยู่เบาๆ เสียงขนย้าย … บห่อ ยังพอฟังออก ยูอันเรียกสติที่ล่องลอยกลับมา ไม่จริงกระมัง หรือว่า มาถึงวังร้อยบุปผาแล้ว
” ท่านเอาผ้าปิดตาออก แล้วลงมาเถิด ”
เสียงศิษย์วังร้อยบุปผาคนหนึ่งเปิดประตูรถม้าเข้ามาบอก ยูอันทำตามคำแนะนำแล้วก้าวลงจากรถม้า คงมาถึงแล้วจริงๆ ทีแรกคิดว่ามีแบบ หยุดตรวจ ขานรหัสลับ หรือไม่ก็ลงเดินเท้า ลอดถ้ำอะไรแบบนั้นบ้าง ไม่คิดว่าจะมาถึงเอารวดเดียวแบบนี้
ขบวนรถม้ามาจอดที่เนินเล็กๆแห่งหนึ่ง มองลงไปยูอันถึงกับตะลึงกับภาพที่เห็น นี่มันสวยงาม น่าอยู่เหลือเกิน พื้นที่กว้างขวางอยู่ระหว่างหุบเขา กว้างใหญ่มากมายทีเดียว พื้นที่ด้านหน้าเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีทอดยาวลาดไปตามเนินเขา มีทุ่งดอกไม้หลายสีแผ่เป็นบริเวณกว้าง ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว มองไปไกลๆเห็นปลูกสิ่งก่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัย นั่นคงเป็นส่วนที่เรียกว่าวังร้อยบุปผาแล้ว สีที่ทาตามหมู่ตึกอาคาร ต่างใช้สีเขียว น้ำตาล ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ นี่มันเหมือนอุทยานแห่งชาติ หรือรีสอร์ทขนาดใหญ่ ที่อยู่รายล้อมด้วยธรรมชาติ กระทั่งจวนเจ้าเมืองลี่เจียง ก็ไม่สวยสดงดงามยิ่งใหญ่เช่นนี้
” ตามเรามา ”
เสียงท่านอาอี้ดังขึ้นข้างๆ ยูอันเรียกสติของตนกลับมา แล้วก้าวเดินตามไปแต่โดยดี แต่สายตาก็กวาดมองดูรอบๆ เห็นคุณหนูทุกคนต่างมองมาที่ตนเช่นกัน ในแววตาต่างความรู้สึก บ้างดูกังวล บ้างดูเป็นห่วง บ้างดูมุ่งหวัง อย่างน้อย ยูอันต่างรับรู้ได้ว่า ไม่มีผู้ใดที่มุ่งร้ายกับตน
” ท่าน ระมัดระวังด้วย…”
คุณหนูเจ็ดเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วงแบบไม่ซ่อนความรู้สึก ทุกคนในขบวนรถม้าที่เดินทางมา ต่างทราบดีว่า ยูอันกับคุณหนูเจ็ดมีความสัมพันธ์กันระหว่างเดินทาง เห็นคุณหนูเจ็ดเป็นห่วงเป็นใยยูอันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
” พี่เจ็ด…”
คุณหนูแปดเข้ามาประคองคุณหนูเจ็ดออกไป ขณะเดินเข้ามาก็ไม่กล้าสบตากับยูอัน ภาพเทพทวนยูอัน ยังติดตาอยู่ไม่หาย นางไม่เข้าใจจริงๆว่า ยูอันที่ดูเรียบๆร้อยๆในตอนนี้ เป็นคนเดียวกับเทพทวนทะลุทะลวงที่ดุเดือดแบบเมื่อคืนได้อย่างไร
ยูอันเดินตามท่านอาอี้ตามทางเล็กๆที่โรยด้วยกรวดหินสีเข้ม ถ้าไม่นับถึงสภาพแวดล้อมที่พิเศษ นี่คงเหมือนการเดินชมสวน ชมรีสอร์ทที่งดงาม ไม่รู้เหมือนกันว่าที่แห่งนี้งดงามแบบนี้อยู่แล้ว หรือผ่านการตบแต่งเพิ่มเติมขนาดไหน ถ้าหากมีมือถือถ่ายภาพแล้วอัพลงเฟสบุ๊ค คงมีคนกดไลท์ให้มากมายเลยทีเดียว
เดินมาไกลพอสมควร แต่เพราะทิวทัศน์รอบตัว จึงทำให้เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นาน ในที่สุดก็เข้ามาบริเวณหมู่ตึก มองจากไกลๆว่างดงามแล้ว พอเข้ามาถึงจริงๆก็ต้องเรียกว่า มากกว่าที่คิดอีก ในบริเวณวังร้อยบุปผา เหมือนเป็นเมืองๆหนึ่งเลยทีเดียว แค่บริเวณหมู่ตึกโบตั๋น ก็กว้างขวางมากกว่าสำนักคุ้มกันภัยตระ … ลจางเสียอีก สิ่งก่อสร้างมีทั้งตึกที่พักสามตึก เก๋งพักร้อนหลายหลัง สวนดอกไม้ สระน้ำ โรงครัว ศิษย์สตรีหลายคนต่างแอบมองยูอันอยู่ห่างๆ ข่าวที่ยูอันเป็นว่าที่บุรุษพู่กันคนใหม่ คงแพร่มาถึงที่นี่แล้ว ยูอันก็ทำสีหน้าไม่ถูกเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าวังร้อยบุปผา ไม่สิ เพียงแค่ตึกโบตั๋น จะมีศิษย์สาวๆมากมายขนาดนี้ ทุกคนล้วนมีรูปร่างหน้าตาที่ดีทั้งนั้น ต่อให้คนที่ดูดีน้อยที่สุด หากให้ร่วมรักด้วย ยูอันก็คิดว่าตนก็คงไม่ต้องฝืนใจทำ – –
” การทดสอบเป็นบุรุษพู่กัน จะเริ่มต้นในทันที เจ้าต้องเตรียมใจให้พร้อม ใช้ความสามารถให้เต็มที่ ”
เสียงท่านอาอี้พูดขึ้น ยูอันพยักหน้าเป็นทีรับทราบ ท่านอาอี้เดินนำยูอัน ตัดผ่านหมู่ตึกโบตั๋นออกมาทางตะวันออก ยูอันเห็นแนวป่าไผ่เป็นดงกว้างขึ้นอยู่ทางขวามือ ดูเหมือนจะเห็นสิ่งก่อสร้างถูกปลุกขึ้นอยู่ตามเชิงเขา ท่านอาอี้เห็นจึงพูดว่า
” นั่นเป็นหมู่ตึกเหมย พวกนางไม่ค่อยออกมาภายนอกนัก หากเจ้าวังไม่เรียกหา พวกนางแทบไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็น ”
” อ่อ ”
” ทางทิศเหนือเป็นอุทยานดอกไม้ใหญ่ ไม่ถือเป็นสมบัติของหมู่ตึกใด เพียงแต่ภายในมีวังเจ้าบุปผา ที่เป็นที่พักของท่านเจ้าวัง ดังนั้นพวกเราจึงไม่ค่อยเข้าไปใช้อุทยานดอกไม้ใหญ่โดยพละการ ทางทิศตะวันตกเป็นหมู่ตึกเบญจมาศ หมู่ตึกนี้ถือว่าตนสูงส่งเหนือกว่าผู้อื่น กระทั่งศิษย์สตรีทั่วไป ยังทำตัวราวกับเป็นร้อยบุปผา…”
ท่านอาอี้เดินพลาง บ่งบอกสภาพทั่วๆไปให้ยูอันไปพลาง
จนที่สุดมาถึงตัวตึกแห่งหนึ่ง ท่านอาอี้บอกว่า นี่เป็นสถานที่ทดสอบ มีศิษย์สตรีอายุสิบเจ็ดสิบแปดสองคนจากตึกทดสอบ มานำยูอันไปอาบน้ำ ชำระร่างกาย ยูอันมองท่านอาอี้ ท่านอาอี้ก็พยักหน้า ยูอันจึงได้แต่รวบรวมกำลังใจ ตามสองศิษย์สาวไป ไม่รู้ว่าสองสาวนี่สังกัดตึกไหน รูปร่างหน้าตาถือว่าดีกว่าศิษย์ทั่วไปเลยทีเดียว
ห้องอาบน้ำ เป็นเพียงห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ผนังห้องเป็นหินสีเขียว ไม่ทราบว่าเป็นหินชนิดใด กลางห้องมีอ่างน้ำหินอ่อนขนาดให้คนลงไปนอนแช่ได้ ยูอันหันซ้ายหันขวา เห็นสองศิษย์สตรียังจ้องมาเขม็ง จึงพูดขึ้นว่า
” ท่านสองคนออกไปเถอะ ข้าพเจ้าอาบน้ำไม่นาน ”
แทนที่จะออกไปตามคำบอก สองสาวกลับเดินเข้ามา ช่วยยูอัน ถอดเสื้อผ้าเสียอีก
” เอ่ออ ท่านทั้งสอง ยะ อย่า ได้ ลำบาก แล้ว ข้าพเจ้าถอดเองได้ ”
ยูอันหมุนตัวหนีวุ่นวาย ตั้งแต่โตมาไม่เคยให้ใครช่วยอาบน้ำให้มาก่อน ( ที่จริงจางซินถง เคยอาบให้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นยูอันไม่ได้สติ )
” ท่านอย่าได้วุ่นวายแล้ว นี่เป็นขั้นตอนทั่วไป ”
ศิษย์สาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
” นั่น มัน…-*-”
ยูอันรู้สึกแปลกๆจริงๆ ยังดีที่เมื่อคืนได้ ปลดปล่อย อารมณ์หื่น ไปกับคุณหนูเจ็ดแล้ว ไม่งั้น ป่านนี้คงตะครุบสองศิษย์สาวไปแล้ว – –
” หาก ท่านไม่ให้เราสองคนช่วยอาบน้ำ ก็ถือว่า ไม่ผ่านการทดสอบ ”
ศิษย์สาวอีกคนพูดขึ้น ทำเอายูอันอึ้งกิมกี่ไปเลย นึกๆแล้วก็ เออ – – ก็นั่นสินะ จะเป็นบุรุษพู่กัน แต่ไม่กล้าให้ผู้หญิงช่วยอาบ มันคงผิดปรกติไปหน่อย – – อย่าว่าแต่ผู้ชายในยุคนี้ หากร่ำรวยมีเงินทอง การให้สตรีมาอาบน้ำให้เป็นเรื่องปรกติ กระทั่งครอบครัวธรรมดา ภรรยา อาบน้ำให้สามีก็ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร – –
สุดท้าย สองสาวก็ได้ช่วยอาบน้ำให้ยูอันจนได้ ยูอันที่เปลือยเปล่า ก็ทำเอาสองศิษย์สาวหน้าแดงขึ้นมาเหมือนกัน มือเล็กๆนุ่มนิ่มที่ลูบคลำขัดถูไปทั่วร่าง ทำเอายูอันเริ่มหมดอาย ความรู้สึกเพลิดเพลิน สบายเริ่มเข้ามาแทนที่ ต้องนอนหลับตาแช่ในอ่างหิน ปล่อยให้สองสาวขัดถูไปตามต้องการ สองสาวที่ผ่านการฝึกย่อมมีความสามารถในการอาบน้ำให้บุรุษอยู่แล้ว ดังนั้นยูอันจึงรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง
” เจ่ย !!! ”
ยูอันต้องสะดุ้งลืมตาขึ้นมา เมื่อรู้สึกถึงการสัมผัสส่วนสำคัญของตน พอเงยหน้ามองดูเห็นมือเล็กๆนุ่มนิ่มของสองสาว กำลัง ขัดถู เจ้ายูน้อยอยู่ เจ้ายูน้อยที่นอนสงบนิ่ง เหมือนมันแพ้ทางกับ มือนุ่มๆ พอโดยจับลูบคลำแบบนี้ จึงลุกตั้งพร้อมรบทันทีเช่นกัน – – สองสาวที่เพิ่งเคยเห็นพู่กันขนาดยักษ์ ที่ใหญ่กว่าแขนของตนเสียอีก ถึงกับมือไม้สั่นขึ้นมาเหมือนกัน อย่าว่าแต่ความรู้สึกขรุขระเกร็งแข็งที่ได้สัมผัส ยิ่งทำให้เลือดสาวในกายพลุ่งพล่านขึ้นมา หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
ยูอันที่ถูกกระตุ้นตรง จุดอ่อน ที่กำลังเป็นจุดแข็ง – – ในตอนนี้ ต้องร้องบอกว่า
” ทางที่ดี พวก ท่าน อย่าไปถูก ตรง ส่วนนั้น …กำ บอก ว่า อย่า…”
ยูอันพยายามร้องเตือน ขืนถูกมือนุ่มๆลูบๆถูๆแบบนี้ โหมดหื่น จะเปิดขึ้นอีกจนได้ หลังผ่านอะไรมากมาย ยูอันได้ตั้งชื่อโหมดของตนเป็นสามโหมด นั่นคือโหมดปรกติ โหมดสัตว์ป่า(ตอนที่ร่วมรักกับจางซินถง ช่วงหลังๆ) และโหมดหื่น(ตอนที่ความหื่นเข้าครอบงำ) เจ้าโหมดหื่นนี่ไว้ใจไม่ได้ เพราะมองสาวไหนก็น่า…ไปเสียหมด ไม่เว้นแม้คุณหนูรอง หรือสองศิษย์สาวที่ดูแลรถม้า อย่าว่าแต่ สองศิษย์สาวที่ช่วยอาบน้ำนี่ยังน่า…กว่าสองศิษย์ที่ดูแลยูอันอีก
แต่สองศิษย์สาวไม่ฟังเสียงเตือน ยังตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาด พู่กันยักษ์ของยูอัน อย่างตั้งอกตั้งใจ สาวคนหนึ่งถึงกับเอาหน้ามาใกล้ๆ ลมหายใจร้อนๆหอมกรุ่น ทำเอาเจ้ายูน้อย คึกคักเข้าไปใหญ่ มิหนำซ้ำนางที่ใช้มือเดียวไม่อาจกุมเจ้ายูน้อยได้รอบ หันมาใช้ทั้งสองมือรูดเจ้ายูน้อย ขึ้นลงเป็นการใหญ่ ยูอันอึ้งไปแค่อึดใจ ดวงตาก็ฉายไฟแห่งความปรารถนาออกมา
ทั้งสามคนในห้องอาบน้ำ ไม่ได้รู้เลยว่า ตกอยู่ในสายตาของคนอีกสองคนตลอดเวลา
” ท่านต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ? ”
เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้น ฟังก็พอรู้ว่ายังอยู่ในวัยสาว
” สายของเราที่อยู่ในขบวนเดินทาง แจ้งมาว่า เจ้าหนุ่มนี่มีฝีมือรักยอดเยี่ยมยิ่ง กระทั่งคนที่เจ็ดแห่งตึกโบตั๋นยังลุ่มหลงงมงาย กระทั่งเมื่อคืน ยังแอบไปให้มันร่วมรักด้วยถึงกลางป่า เสียงร่วมรักดังไปถึงไหนๆ ”
อีกเสียงหนึ่งที่ยังดูเป็นสตรีวัยสาวตอบ
” หากมันเพิ่งร่วมรักมาเมื่อคืน วันนี้มันก็คงลำบากอยู่แล้ว ท่านยังกังวลอะไร ? ”
” ท่านเห็นพู่กันของมันหรือไม่ ? ท่านเคยเห็นพู่กันของชายใดทรงพลังเช่นนี้อีก บุคคลเช่นนี้หากไม่ใช่เป็นคนของหมู่ตึกเรา เรายินยอมทำลายมันทิ้งเสียดีกว่าปล่อยให้ตึกอื่นได้มันไป มันเพิ่งผ่านการร่วมรักมาเมื่อคืน ตามรายงานมันร่วมรักอย่างดุเดือดเนิ่นนานยิ่ง หากตอนนี้ยังร่วมรักกับศิษย์ทั้งสองนี่อีก มันต้องไม่เหลือเรี่ยวแรงไปผ่านการทดสอบแน่นอน ”
” ศิษย์สตรีทั้งสองจะยอมทำตามที่ท่านต้องการจริงหรือ ? การร่วมรักกับชายที่กำลังจะเข้ารับการทดสอบ มีโทษสาหัสนัก ”
” ภายใต้รางวัลสูงค่า ย่อมมีผู้ขันอาสา ”
” ท่านเสนออันใดให้กับพวกนาง ? ”
” หากพวกนาง ตัดกำลัง หนุ่มผู้นี้สำเร็จ เราจะสนับสนุนพวกนางเป็นร้อยบุปผา ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++