รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 1

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 1

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 1

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 1 “จากรักตราบเท่าที่ยังมีชีวิตส่งมอบไปยังรักอันไร้พรมแดนกั้นขวางแห่งเลข อายุ!?”

3 ตุลาคม 2548

…“เคน” ชื่อเล่นสุดโหลที่กลุ่มเพื่อนฝูงใช้เรียกผมตั้งแต่สมัยประถมกระทั่งเป็นนัก ศึกษาคณะการจัดการชั้นปี 1 …ตัวผมโปรดปรานกับการนั่งอ่านหนังสือตามลำพังในเพิงของคณะ
วิทย์- เทคโนโลยีซึ่งส่วนใหญ่เป็นเวลาหลังเลิกเรียน…ยิ่งช่วงนี้เป็นการสอบปลาย ภาคก็เยี่ยมมากๆเพราะมีบึงน้ำกว้างใหญ่ใสสะอาด…ทิวต้นกาสะลองขึ้นเรียงราย สูงใหญ่แผ่ร่มเงาไปถึงด้านหลังอันเป็นทุ่งนาเขียวขจีและสวนผลไม้นานาชนิด… ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก…อากาศแสนร่มรื่นเย็นสบายและหลายครั้งโชคดีได้พบ “นางฟ้าเดินดิน” …ไม่เกินเลยหรือโอเวอร์ไปแน่นอนครับ…เดาไม่ยาก…ผมจะหมายความถึงใครอีกได้ นอกจาก… “สุรีย์พรรณ” และ “หยาดฝน” …2 พี่น้องสุดสวยที่เพิ่งเข้าเรียนในปีการศึกษาใหม่นั่นเอง…แม้วันนี้คือการ สอบปลายภาควันสุดท้ายแต่ผมก็ยังไม่กล้าเป็นฝ่ายทักทายคนใดก่อนซักที…พี่ สุรีย์พรรณสงบนิ่งไม่ค่อยพูดค่อยจาไม่รู้จะชวนคุยยังไง?…หยาดฝนร่าเริงชวน คุยง่ายกว่าแต่ออกจะหนักไปทางยียวนกวนประสาทนี่ก็รับมือไม่ไหว!!…สรุปผม เป็นคนค่อนข้างขี้อายพูดไม่เก่งจึงไม่เป็นที่สะดุดตาต่อเพศตรงข้าม…ความ รักแบบหนุ่มสาวลืมไปได้เลยครับ…18 ปีไม่เคยพบเคยเจอ(มั้ง)…
“…ชอบนั่งที่นี่รึ?”
“…???…”
“…ฉันพูดกับเธอนั่นแหละ”
“เอ่อ…คะ…ครับ…”
…หญิง สาวรุ่นพี่ปี 3 ซึ่งเป็นเป้าหมายของใครหลายๆคนเอ่ยทักผมก่อนอย่างมิคาดฝัน…แทบไม่อยากจะ เชื่อหูตัวเองทีแรกนึกว่าไม่ใช่เพราะเราเห็นหน้าหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เคย คุยกันเลย…เพียงแค่ประโยคเดียวแต่ก็ดีใจมากที่ได้สนทนากับหญิงที่ตัวเอง “แอบปลื้มนิดๆ” เป็นครั้งแรก…ความกล้าอยากจะชวนสาวรุ่นพี่สนทนาบ้างก็ทำให้ผมโพล่งออกไป…
“พี่…อ่านอะไรครับ?…”
…พี่ สุรีย์พรรณเพิ่งขับรถเข้าจอดใกล้ๆม้านั่งไม่ห่างจากผมเท่าไหร่…เธออยู่ ในชุดนักศึกษากระโปรงสั้นเหนือเข่าเหมือนรุ่นพี่ผู้หญิงแทบทุกคณะซึ่งขยันจะ อวดโฉมประชันความสวยเซ็กส์ซี่กันเหลือเกิน…คงไม่แตกต่างถ้าพี่เขาไม่สวม เสื้อกาวส์เหมือนพวกหมอหรือนักทดลองตามห้องแล็ป…ความยาวของเสื้อเกินระดับ กระโปรงรัดรูปสวมรองเท้าคัทชูก็ยิ่งแปลกตาโดดเด่นล้ำหน้าใครต่อใครมากมาย เหลือเกิน…เธอยืนพิงประตูรถในมือมีซองสีขาวคล้ายจดหมายแต่ไม่ตอบกลับมา… งานนี้กร่อยซะแล้วมั้งผม…
“…จดหมายรัก…จากชายหนุ่มคณะเดียวกับเธอ…”
…สัก ครู่จึงตอบด้วยเสียงเบามาก…ใครหนอ?…รุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกัน?…แล้ว รู้ได้ยังไงว่าผม?…ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเนื่องจากพี่สุรีย์พรรณมักได้รับ จดหมายขอคบหาถ้าลงทุนมากกว่านั้นจะมีแนบดอกไม้ช่อเล็กช่อใหญ่อยู่เนืองๆและ ผมยังรู้อีกว่าไม่มีสักครั้งที่เธอจะตอบรับความคาดหวังเหล่านั้น…ใครคงจะคิด ถือว่าสวยแล้วทำหยิ่งยโสแต่ผมคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่…
“ฮึ!!…สำนวนน่าหัวเราะ…ผูกเป็นกลอนคล้องจองซะดิบดีด้วย…อ่านมั้ย?”
…เมื่อ พยักหน้าพี่สุรีย์พรรณจึงพับกระดาษและใช้เรียวนิ้วคีบส่งให้…ผมยื่น รับมาอ่าน(มือสั่นเล็กน้อย)…ลายมือเรียบร้อยอ่านง่ายดีถ้อยคำที่ใช้ก็ดูโอเค แต่ไม่ยักลงชื่อ(ลงท้ายเพียงว่า…จากคนที่เฝ้าดูคุณตั้งแต่วันแรก…) ผู้หญิงหลายคนถ้าได้อ่านคงมีเขินบ้างไม่มากก็น้อย…ทำไมถึงบอกน่าหัวเราะ?… กะจะถามพอดีสาวเจ้าเสน่ห์แรงกำลังส่องกระจกรถหวีผม…เธอผู้นี้ไว้ผมยาวมากๆ… คะเนด้วยตาคงไม่ต่ำกว่า 70 …ไม่สิ!…เกิน 80 ซม. มองมุมไหนก็งามบาดจิตบาดใจ…สาวสวยก็คือสาวสวยอยู่วัน ยังค่ำครับ…มีนักศึกษา อีก 2 คนวิ่งเข้ามาในบริเวณ?…ผู้นำหน้าคือหยาดฝนสาวคนน้องที่ใครต่อใครต่างรู้ กิตติศัพท์กันดีมากว่าเต็มเปี่ยมด้วยเล่ห์กล…แก่นแก้วสุดหาใครเทียม…จอมแสบ ไม่มีใครเกิน…
“เลิกๆๆ…เหนื่อยชิบเป๋ง…”
…คนตามหลังเป็นผู้ชายหน้า ตาดี…แบบ…ผมเทียบไม่ได้เลย…เขาชื่อเอกคเชนทร์หรือ บอล…เราเคยพบปะกัน 2 -3 ครั้งเพราะเขาคือคนที่พี่รหัสของผมให้ความสำคัญและยังมีข่าวลือจากวงในหมู่ สาวๆคณะของผมว่าเขาเป็น “เสือผู้หญิง” พี่ “บุศยา” ย้ำหนักแน่นหลายครั้งว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ?…
“ไร้ซึ่งน้ำอดน้ำทน…แค่นี้ก็บ่นเหนื่อยซะแระ~~…อ่อนมากๆ”
“วิ่งแค่…นี้…งั้นหรือ?…มันตรง…ไหนมิทราบ?…จากศูนย์คอม…มาถึงคณะ …มันเกือบ…ครึ่งกิโล…”
“ก็ฝนกลัวพี่ไม่รอนิ…”
“ไม่รออะไร?…พี่จะไปที่นั่นอยู่แล้ว…ไม่เห็นต้องวิ่งมา…”
“ผมจะไม่ตามเด็ดขาดถ้าฝนไม่ฉกกุญแจรถเผ่นหนี…คืนมา!!…นี่ยังต้องเดินกลับอีก …ไร้สาระจริงๆ”
“ฉันหวังดีอยากให้นายวิ่งออกกำลังเป็นเพื่อนแต่ก็นั่งรถพี่แคทกลับสิ…จะเดิน ทำไมให้เหนื่อยเล่า?…”
“ไม่!!…ไม่อยากนั่งรถกับเด็กไม่เต็มบาท…อ๊ะ!!…สงสัยมันรอแย่แล้วมั้ง นี่…”
“ว่าไรน๊ะ!!…เค้าได้ยินนะเฟ้ย~~~…”
“ช่างเถอะฝน…บางทีอาจมีเพื่อนคอยอยู่…เป็นคนรักเพื่อนมากก็อย่างนี้แหละ…”
…ประโยคนี้เหมือนประชดประชัน…คิดเหมือนกันมั้ยครับ?…ผมอยู่ใกล้ๆจึง พลอยได้ยินแบบไม่ต้องแอบฟังให้น่าเกลียด…
“ใช่…ผมรักเพื่อนมากครับ…คือมันให้ความรู้สึกคุ้นเคยมากกว่าญาติพี่น้องบาง คนที่ไม่อยากจะอยู่ใกล้เพราะอึดอัดลำบากใจ…”
“นายหมายถึง…พี่แคท?”
“ก็แล้วแต่จะคิดซี่~~…อาจรวมเธออีกคนด้วยก็ได้ถ้าร้อนตัว…”
…เป็นญาติพี่น้องหรือว่าพวกเขาทั้ง 3 อยู่บ้านเดียวกัน?…คงใช่แน่ๆแต่มีเรื่องทะเลาะอะไรกันหว่า?…
“อือ~~ฮึ!!…อือ~~ฮึ!!…เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำกับพี่แคทหรอ?…กล้าไม่เบา นินาย…”
“ฉัน แค่พูดความจริง…ไม่เรียกต่อปากต่อคำ…เพื่อนน่ะยังให้คำปรึกษาดีกว่า พี่รหัสบางคนที่แค่การพูดการจาก็ยังไม่เป็นมิตร…ฟังไม่ระรื่นหูเลยสักนิด เดียว…เอะอะก็ใช้กำลังอย่างเมื่อวันสอบวันแรกนั่นไง…”
“บอล…เมื่อก่อนเธอไม่กล้าแม้แต่จะคัดค้านอะไรพี่แต่ครั้งนี้ถึงกับพูดกระทบ กระเทียบแดกดันเชียว
หรือ?…”
“แล้วไงครับ?”
“…พวก เพื่อนแต่ล่ะคนของเธอนี่นิสัยดีกันมากเลยนะ…คบคนพวกนี้ได้ยังไง ?…ถ้าเป็นพี่จะไม่มีวันคบค้าสมาคมกับคนพรรค์นี้…ส่วนวันนั้นก็เพราะฝ่าย โน้นหาเรื่องก่อน”
“นั่นมันก็แล้วแต่ความคิดของพี่…ไม่ใช่ปัญหาของผม เพราะได้อธิบายอะไรไปจนหมด สิ้นแล้ว…ป่วยการจะพูดจาซ้ำๆซากๆ…มันน่าเบื่อนะครับพูดให้คนหัวแข็งแถมบ้า พลังอย่างพี่แคทเข้าใจ…”
“…คนหัวแข็ง…บ้าพลัง…งั้นรึ?…ดีมาก…พี่ดูเธอผิดไปจริงๆ…นี่หมาย ความว่าจะไม่ใส่ใจคำตักเตือนกันใช่มั้ย?”
“…พี่อย่าเอาความเข้าใจส่วนตัวมาใช้ตัดสินคนอื่นสิครับ…เรื่องนี้ควรจบ นานแล้วและมันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด…”
…บรรยากาศ มาคุขึ้นทุกทีๆ…ทีแรกนึกว่าคุยกันธรรมดาๆแต่ไปๆมาๆกลับโต้ เถียงกันขนาดนี้…พี่เอกคเชนทร์กับพี่สุรีย์พรรณต่างยืนประจันหน้าชนิดไม่ มีฝ่ายไหนกระพริบตา…ถ้าให้เปรียบคงเหมือนนักชก 2 คนจ้องมองกันในงานแถลงข่าวนั่นแหละแต่ไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดหายใจรดกันหรอก…
“อ๋อ!!… หมายความว่า…เข้าใจผิดงั้นสิ…การที่พี่ตักเตือนเธอด้วยความ หวังดีและเป็นไปตามความตั้งใจของพี่กุน…คือการเข้าใจผิดและแส่เกินเหตุ !!…”
“…ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น…หยุดกันแค่นี้ดีกว่าเราคงพูดกัน ไม่รู้ เรื่องแล้ว…ผมไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน…เป็นพี่แคทต่างหาก…พี่จะพูดหรือ ทำอะไรไม่เกี่ยวกับผม…เรา 2 ฝ่ายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมือนแสงสว่างกับความมืด…ผมอาจจะทำตัวเหลวไหลใน บางเรื่องแต่ก็ไม่มีนิสัยป่าเถื่อนทำให้ใครต้องหวาดกลัวเดือดร้อน…ไม่เคยทำ ร้ายใครให้เจ็บตัวถึงขั้นเลือดตกยางออก…รู้ไว้ซะนะครับ…”
“…ที่พี่ ทำไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องทุกๆคน…บอกว่าป่าเถื่อนพี่ก็ยินดีรับ ไว้ด้วยความเต็มใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น…ส่วนคำตักเตือนเมื่อกี้ …ถ้าไม่ยอมเชื่อฟังพี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแต่สักวันหนึ่งเธอจะต้อง เสียใจ…”
…โอว!!!…ผู้ชายคนนี้ยอดเยี่ยมมาก…กล้าต่อปากต่อคำรุ่นพี่ สาวตาดุอย่างไม่ หวั่นเกรง…กล้าสบตาสู้แม้เพียงแค่เดี๋ยวเดียว…พี่บอลเดินผ่านหน้าพี่แค ทแต่ทั้งคู่ไม่แสดงอาการอะไรนอกจากนิ่งเฉยปิดปากเงียบและแยกจากไปกันคนละทาง …ฝนซะอีกกลับดูจะตื่นเต้นแทนพี่สาวมาก…เอ๊ะ?…ผมเปลี่ยนจากเรียกพี่สุรีย์ พรรณเป็นพี่แคทซะแล้วแฮะ…
“หนอย!!…หลอกด่าฝนไม่พอนี่ยังลามปามถึงพี่แคทด้วย…กลับมาพูดกันให้รู้เรื่อง นะบอล!!…พี่แคทน่ะไม่ใช่…”
“ไม่ ต้อง!!…สักวันเขาได้รู้ซึ้งแน่ว่าผลจากการไม่ยอมเชื่อฟังพี่มันจะเกิด อะไร?…อีกอย่าง…เรื่องภายในของเราไม่ควรให้คนนอกรู้มากไปกว่านี้…”
“อื๋อ?…”
…หยาด ฝนลากเสียงยาวหันขวับทันที…ซวยแล้ว!!…ผมเป็นคนนอกเต็มๆแต่ก็ดันมา โต้เถียงกันต่อหน้าเองนี่ครับ…อู๊ย~~~…แววตาหาเรื่อง…ไม่พอใจคนหนึ่ง แต่กลับจะมาระบายลงที่อีกคนหนึ่ง…
“เห็นอยู่ตรงนี้นานแล้ว…จดหมายในมือนั่นเขียนถึงพี่สาวฉันใช่มั้ย?…เอามา !!…”
…สาว ฝนถือวิสาสะดึงจดหมายจากมือผม…กำลังฉุน?…ผู้ชายคนนั้นว่าพี่แคทและเธอ ด้วยก็สมควรจะหงุดหงิดแต่พี่สาวเธอไม่เห็นมีอาการอะไรเลย…น่าชื่นชมว่ามี ความเยือกเย็นไม่หุนหันพลันแล่น…
“โฮะๆๆ…นี่นายกล้าส่งจดหมายรักให้พี่แคท…เบื่อชีวิตแล้วสิท่า?…”
“…ไม่ใช่ของผมนะครับ!!…”
“ฝน อย่าไปสนใจว่าเป็นของใคร…เฮ้อ~~…ไม่เข้าใจจริงๆว่าบอลเขามีดีอะไรตรง ไหน?…พี่กุนกับสาถึงได้หลงนักรักหนา…เราอุตส่าห์ตักเตือนแทนพี่กุนด้วย ความปรารถนาดียังมาขึ้นเสียงเถียงข้างๆคูๆ…”
…พี่แคทพูดพลางฉีกขยำจดหมายทิ้งลงพื้น…ฝนกระทืบซ้ำทำอากัปกริยาเหมือน เด็กๆ…
“ตาย~~… พี่บ้าเอ้ย!!…แค้นๆๆๆ…กลับบ้านก็ดีปิดเทอมจะได้ไม่ต้องพบหน้า เจ้าคนบ้า…ตาถั่วซะไม่มีเห็นพวกนิสัยเสียหน้าตาแปลกประหลาดดีกว่าลูกพี่ ลูกน้องโฉมงามสวยสะคราญตั้ง 2 คนเชียวหรือนี่?…”
…ฟังแล้วขนลุกทันที เชียวแฮะ…โฉมงามสวยสะคราญ?….ก็ไม่เถียงหรอกนะครับ แต่ในฐานะลูกผู้ชายด้วยกันผมนับถือพี่บอลที่หาญกล้าเผชิญหน้ากับพี่แคท…ถ้า เป็นผมคงโดนข่มจนหงอโงหัวไม่ขึ้นแหง…
“…หนูรู้สึกว่าบอลเปลี่ยนไปนะคะ…เมื่อก่อนออกเรียบร้อยว่าง่าย”
“เปลี่ยน ยังไงก็ช่าง…เขาไม่มีทางต่อต้านพี่ได้…ต่อให้พี่กุนกับสาอยู่ฝ่าย เขาก็ตามเพราะคบพวกเพื่อนนิสัยไม่ดีจึงเป็นแบบนี้…ตัวอย่างก็มีให้เห็นถม เถแต่ไม่ยอมสนใจ…”
…กระแสลมพัดผ่านเมื่อรถเก๋งสีขาวพุ่งทะยาน…เศษ กระดาษจดหมายสื่อรักปลิว ว่อนกระจัดกระจาย…บัดนี้มันไม่มีค่าอะไรหลงเหลืออีก…นึกสลดใจแทนคนเขียน จดหมายฉบับนี้ที่อุตส่าห์รวบรวมความกล้าถ่ายทอดความในใจของตัวเองให้หญิงสาว รับรู้และเฝ้ารออย่างมีความหวัง…แต่สุดท้าย…มันเป็นเพียงความพยายามที่ สูญเปล่าเมื่ออีกฝ่ายไม่ยินดีตอบรับ…
“เคน…”
“พี่บุศยังมีธุระหรือครับ?”
“เปล่า…คือไม่รู้จะรีบกลับทำไม…เมื่อกี้เธอคุยกับ…”
“พี่สุรีย์พรรณกับหยาดฝน…”
“สาวสวย 2 พี่น้อง…ญาติของบอลน่ะรึ?…ฮึ!!…แค่นึกหน้าแล้วพาลหงุดหงิด…เสียดาย มาไม่ทันจะได้ปะทะคารมกันสักตั้ง…”
“นี่พี่…ก็มีเรื่องผิดใจกับพวกเธอเหมือนกัน?…”
“ไม่เชิง…แต่พี่เคยคุยกับ 2 คนนั้นตามลำพัง…”
…พี่บุศยาก้มเก็บเศษเสี้ยวหนึ่งของจดหมาย…เธออ่านไปก็แสยะยิ้มไปและเฉลย เจ้าของจดหมายให้ผมทราบ…
“อือ…ลายมือนี่ของพี่อู๊ดนะ…หลงรักสาวจอมหยิ่งกับเขาเหมือนกัน…แต่ แล้วก็แห้วสนิท…เฮ้อ~~…”
“…พี่บอกพี่บอลเป็นแฟน…”
“ยัง…แต่ พี่น้องคู่นี้ไม่เบาเลย…พอพี่บอกเป็นเพื่อนกับบอล…ยัยคนน้อง ทำตาลุกรีบถามใหญ่ว่าเป็นแค่เพื่อนจริงๆน่ะแถมพูดเองเออเองบอกตัวเป็นน้อง สาวจะคอยเป็นหูเป็นตาให้พี่สะใภ้…ป้องกันไม่ให้สาวอื่นมายุ่มย่ามกับบอล …ใครไม่เชื่อมีหวังเจ็บมิใช่น้อย…ยังสำทับอีกนะ…ดูๆแล้วพี่เป็นคนฉลาด ดังนั้นคงอยู่นอกเกณฑ์ไม่รักคนที่มีเจ้าของแล้วอย่างพี่ชายเธอแน่นอน… ฮึ่ย!!…ยิ่งนึกชักยิ่งเจ็บใจยัยเด็กบ้าตาโตนั่น…เหน็บแนมได้เจ็บแสบนัก …จะทําไม!!…ฉันรักพี่ชายหล่อนมีปัญหาอะไร?…รักมานานแล้ว…รักมากซะ ด้วย…”
“เบาๆสิครับพี่…ใจเย็นๆก่อน…แต่ก็…สมกับเป็นหยาดฝนจริงๆ…”
“…ส่วน คนพี่ไม่พูดแต่ยิ้มมองแบบเหยียดๆ…ไม่ชอบไม่ถูกชะตาสักนิดแต่ลงมือ อะไรผลีผลามไม่ได้เพราะพี่คิดว่าเห็นเงียบๆหงิมๆอย่างนี้…ร้ายกว่าคนน้อง ที่พูดจ๊ะจ๋าแจ๋นๆแน่…ถ้าเป็นไปตามข่าวลือ…บุศยาเอ้ยบุศยา~~~…มารขัด ขวางความรักของเธอทำไมมีมาไม่ ขาดสายเว้ย!!…”
…ข่าวลือเกี่ยวกับพี่ แคทที่ผมได้ยินมาคือ…เธอพกดาบจริง?…นอกจากนี้ยัง เก่งกาจในศิลปะคาราเต้เช่นเดียวกับฝน…เชื่อว่าเป็นจริงเพราะมีเพื่อนที่ คณะนี้และเล่าให้ผมฟังเองแหละครับ…
“…พี่บุศคงคิดมากไปมั้งครับ…บรรดาผู้ชายต่างชอบพวกเธอมากๆ…ผู้หญิง หลายคนจะไม่ชอบมันก็เป็นเรื่องธรรมดา…”
“หึ!!… อย่าให้รวมตานั่นเข้าไปอีกคนเล้ย…ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา…ที่มี อยู่ก็หนักใจจะแย่…นี่เย็นมากแล้วเคนรีบกลับบ้านซะเถอะ…ช่วงปิดเทอมนี่ พี่หาวันเวลาไปเดินเที่ยวละลายเงินเล่นแก้เซ็งที่ฮ่องกงท่าจะดีล่ะมั้ง…”
…พี่ บุศก้าวขาฉับๆจากไปขณะยังขมวดคิ้วตวัดริบบิ้นสีหน้ามีความยุ่งยากใจ อย่างล้นเหลือ…บ่นอะไรของเธอนะไม่ค่อยเข้าใจ…ตานั่นหมายถึงใครผมก็ไม่ รู้แต่ที่แน่ๆคือพี่บุศไม่ถูกโฉลกพี่แคทกับฝน…ตามประสาของคนสวยที่ต้องไม่ ชอบใจที่มีคู่แข่งมาแย่งความเด่นดังถึงจะไม่อยู่คณะเดียวกันก็ตาม…มนุษย์ หนอมนุษย์…ตัวผมน่ะไม่อยากจะยุ่งหรือรับฟังแต่เพราะพี่บุศเป็นพี่รหัสและ รู้จักกับผมมาก่อนนานแล้วเนื่องจากบ้านอยู่ในละแวกใกล้ๆกันเราจึงเป็นคนคุ้น เคยไปโดยปริยาย…
…………………………………………………………………………………………………………

…ผมได้กล่าวไปเมื่อข้างต้นว่า 18 ปีไม่เคยพบเจอความรักสักครั้งเดียวแต่เมื่อ 1 เดือนก่อน…ผมได้พบกับสิ่งนี้…กับเธอผู้นี้…
“คุณเคนคะ!!…ฉันทำอาหารมาให้…ไม่รู้ว่าจะอร่อยถูกปากคุณหรือเปล่า?…”
“ว้า ว!!…ขอบคุณมากๆครับ…ถ้าเป็นอาหารที่คุณบรีนทำเองไม่ว่าเป็นอะไรมัน ก็ต้องอร่อยแน่…ผมนี่มีวาสนาจริงๆ…มาทานด้วยกันเถอะนะครับ…”
“พูดอะไรก็ไม่รู้…ปากหวานขึ้นทุกวันๆเชียวนะคะ…ชมผู้หญิงอย่างนี้มากี่ คนแล้วเนี่ย…อ๊ะ!!…”
…จังหวะ ที่รับถ้วยเราได้สัมผัสมือกันอย่างไม่ตั้งใจ…มือของคุณบรีนช่าง เนียนนุ่มและก็มีกลิ่นหอมละมุน…ผมลองแกล้งกุมมือค้างไม่ปล่อยแต่หญิงสาวก็ ไม่พูดแย้งอะไรเลยสักคำ…
“นี่ๆๆ…จะจับมือกันไปถึงไหน…มิวก็หิวข้าวเหมือนกันนะยะ…”
“จะ…จ๊ะๆ…งั้นน้องมิวมาทานด้วยกันนะคะ…”
“เชอะ!!…เจ้าพี่ลามก…ทีกับเราไม่เห็นก่อร้อก่อติกแบบนี้บ้าง…”
…ยัย เด็กนี่…บรรยากาศกำลังเป็นใจดันมาขัดจังหวะซะได้…แอบสังเกตว่าคุณ บรีนหน้าแดงขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อผมรุกคืบแตะมือเธอ…ความหวังเปิดกว้าง เรืองรองมากกว่าเดิมเมื่อสาวเจ้าไม่มีท่าทางรังเกียจหรือชักมือหนี…คุณบรี นหรือชื่อจริง “สายหยุด สุมินทร์กาญจน์” หญิงสาววัย 26 …ทุกวันๆผ่านไปผมก็ยิ่งหลงรักเธอมากขึ้นๆอย่างมิอาจถอนตัวถอนใจนับตั้งแต่ พบกันครั้งแรก…
“ก็อร่อยใช้ได้นะ…แต่ยังไม่เท่าแม่มิวสักนิด…”
“มิวเสียมารยาทนะ!!…ทําไมพูดแบบนั้น…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…จริงอย่างที่น้องมิวว่า…คุณจี๊ดทำอาหารเก่งมากค่ะ”
“ฮึ!!…อิ่มแล้ว…นี่ถ้าแม่อยู่บ้านมิวก็ไม่คิดจะมากินข้าวฝีมือคนอื่น หรอก…แต่ขอขอบใจที่เลี้ยง”
…เด็กหญิงวัย 11 กินข้าวเสร็จเดินกระแทกเท้าปึงปังออกไป…ผมเห็นการกระทำที่ไม่น่าดูของมิ วแล้วอายคุณบรีนแทน…
“ขอโทษครับ…มิวก็เอาแต่ใจตัวแบบนี้เสมอ…ความจริงเป็นเด็กดีมากๆเลย ครับ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ…เธอคงจะไม่ชอบฉันเท่าไหร่…ฉันมาอยู่นี่วันแรกหนูมิวก็ เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
…เหตุผลพอจะทราบว่ามิวน่ะหึงเพราะเธอชอบผมมานานแล้ว…พอรู้สึกว่าผม เปลี่ยนไปเอาใจใส่คุณบรีนมากกว่าก็เลยไม่พอใจ…
“อร่อยจังเลยครับ…แหม~~…ผมล่ะอยากมีแฟนทำอาหารเก่งๆอย่างคุณบรีนเหลือ เกิน…”
“ฮิๆ…อย่าชมฉันมากนักเลย…ก็เพิ่งหัดทำเมื่อไม่กี่ปีนี่เองแหละค่ะ…”
…ไม่ ค่อยแน่ใจว่าคุณบรีนคิดยังไงกับผมแต่น่าจะเริ่มรู้ตัวนานแล้วว่าถูก จีบ…อยากรู้นักว่าต่อไปเธอจะแสดงออกยังไงบ้าง?…ตัวผมไม่เคยจีบใครมาก่อน มันจึงใจเต้นถี่รัวแถมกลัวไปสารพัดทีเดียว…เรา 2 คนอายุต่างกันถึง 8 ปี…คุณบรีนจะยินดีคบกับผู้ชายอายุน้อยกว่าหรือไม่?…มีคนที่ชอบอยู่หรือ เปล่า?…ผมยังไม่ค่อยจะทราบประวัติมากอะไรมากซะด้วย…โอ้ย!!…มันกังวล จริงๆโว้ย~~~…
“ถ้าคุณเคนชอบ…ฉันจะทำมาให้ทานอีกนะคะ…”
“อะ…ผมยินดีอย่างยิ่งครับ”
…แค่ นี้ก็ดีล้นเหลือ…ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่ารีบร้อน…งานนี้พอมี สิทธิ์ลุ้น…เสียดายอยู่อย่างที่ไม่ได้เก็บความหนุ่มไว้รอคุณบรีนเพราะ เมื่อเดือนก่อนผมไปมีความสัมพันธ์ทางเพศครั้งแรกในชีวิตกับพี่ “กรรณ” สาวผัวเผลอผู้ลึกลับ…หลังจากนั้นก็โชคดีได้ลิ้มรสอีกหลายครั้ง…ดังจะขอ เล่าย้อนอดีตไปเมื่อ 1 เดือนก่อนเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์เสียวของตัวเองให้ทุกท่านทราบนับแต่บัดนี้ ครับ…

9 กันยายน 2548

…11 กันยาวันมะรืนจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ทั้งนี้คือที่บ้านเปิดหอพักให้เช่า และผมอยู่ในฐานะผู้ดูแลแทนแม่…พ่อเสียไปเมื่อ 2 ปีก่อนจากโรคร้าย…แม่ทำงานที่ลำปางนานๆจะกลับสักครั้ง…ถามว่าเหงามั้ย?…ก็ขอ ตอบว่าไม่เลยแถมมันออกจะหนวกหูเกินไปด้วยซ้ำ?…ที่จริงเราเปิดรับทั้งชายและ หญิงแต่ปัจจุบันมีเพียงผู้หญิงมาเช่าอยู่นานพอสมควรแล้ว…ใครๆหลายคนจึงพาล คิดไปว่านี่คือห้องเช่าสำหรับผู้หญิงอย่างเดียว…ข้อดีที่สำคัญคืออยู่ใกล้ ถนนใหญ่และทางไปมหาวิทยาลัยสะดวกในการเดินทาง…ถึงแม้จะอยู่ไกลตัวเมืองแต่ก็ มีความปลอดภัยเพราะมีหน่วยสภต. ตั้งอยู่หน้าหอพักพอดี…มีตำรวจเฝ้าประจำการตลอด 24 ชม.…
“กลับมาช้าจัง…คุณผู้ดูแล…”
“มิว!!…พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้…”
“โอ๊ะๆๆ…อย่าเลยว๊า~~…ชอบก็บอกมาตรงๆเถ้อ…ลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอจ๊ะ ?…”
…มิ วเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 เตรียมสอบเข้ามัธยมปีหน้าอาศัยที่หอพักมานานกว่า 7 ปี…เธออยู่กับคุณแม่เพียง 2 คนเท่านั้นส่วนคุณพ่อ…ไม่ขอพูดถึงเพราะคุณ “จี๊ด” แม่ของมิวจะไม่พอใจทุกครั้งถ้าเอ่ยถึงคนๆนี้…นักเรียนหญิงผู้มีร่างกาย เติบโตเกินวัยอย่างกับเด็กโข่ง…เล่นแผลงๆจนขนลุก…เอาหน้าอกมาถูไถแขน ผม…
“ชอบเข้ามากระแซะใกล้อยู่เรื่อย…โตเป็นสาวแล้วนะเรา…สำรวมกิริยามั้งซิ…”
“แหม~~…เคน จะบอกไม่ชอบหรือไงจ๊ะ?…ตอนนี้นมมิวอาจจะไม่ใหญ่เท่าของแม่แต่อีก ไม่นานร้อก~~…รอให้มิวโตมากกว่านี้อีกหน่อย…ถึงเวลานั้นเคน…เรา 2 คนจะได้มีอะไรกันซะที…”
“จะบ้าเร๊อะ!!…ฉันไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด…นี่เธอกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?…ขืนพูด จาไม่สำรวมอีกฉันจะฟ้องน้าจี๊ดจริงๆนะ…”
“ฟ้องอะไรน้าหรือจ๊ะ?…อ้าว!!…มิว…นี่ทำการบ้านเสร็จแล้วรึถึงมาลอยชายที่นี่ น่ะ?…”
“เสร็จนานแล้วค่า~~”
“เคน…ฝากดูแลมิวนะ…น้าจะออกไปข้างนอก”
“…แม่มีนัดกับใครเหรอคะ?…เย็นป่านนี้แล้ว”
“ลูกค้าสิจ๊ะหนู…จะเป็นใครไปได้หรือ?…แม่ต้องขยันทำงานเพื่อหาเงินส่งหนูให้ เรียนสูงๆไง…”
“ค่าแม่~~…งั้นระวังตัวหน่อยล่ะกัน…ถ้าเลิกดึกนักก็ไม่ต้องกลับหรอกค่ะ…ดึกๆ ดื่นๆมันอันตราย”
…2 คนนี้แม้นิสัยจะคล้ายๆกันและดูภายนอกอาจจะอายุไม่ต่างกันมากแต่ความจริงเป็น แม่ลูกกันครับ…น้าจี๊ดทำงานเกี่ยวกับตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ต้องออกพบลูกค้า บ่อยๆหรือบางทีเย็นๆค่ำๆก็ไปทานอาหารตามแต่ที่ฝ่ายนั้นจะขอนัดหมายจึงมักฝาก ลูกสาวไว้ให้ผมดูแลเสมอ…ภาพลักษณ์ทั่วๆไปเป็นผู้หญิงปราดเปรียวทันสมัย เจรจาเก่งหน้าตาดีจึงมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาติดพัน…แต่งตัวแต่งหน้าก็สุด เฉียบ…อายุ 36 แล้วแต่ยังเนี้ยบ…???…
“หมั่นไส้!!…มองตาเป็นมันเชียะ~~…นี่คงไม่ได้หลงเสน่ห์คุณป้าสาวใหญ่วัย ใกล้ 40 หรอกนะยะ!!…”
“พูดอะไรน่ะ?…นั่นแม่เธอนะ…นี่ยังอยู่อีก?…”
“แม่ฝากให้พี่เคนดูแลแล้วจะให้มิวไปที่ไหนเล่า?…”
“…เออๆๆ…คืนนี้ฉันมีธุระกับเพื่อน…ถ้าไม่อยากนอนห้องก็มานอนที่ห้อง พี่ได้…”
“มิวไปด้วย…”
“ไม่ได้…อยู่เฝ้าบ้านน่ะแหละ”
“ฮึๆๆ!!…ธุระของผู้ชายคงไม่พ้นเรื่องทะลึ่งๆ…ออกไปหาสาวๆใช่มั้ยล่า ~~…”
“ไม่ใช่…เธออย่ายุ่งมากนักเลยน่า…แค่พบปะเฮฮาธรรมดาๆ…”
“เฮ อะ!!…ยังไงๆพี่ก็ต้องเป็นแฟนมิว…อีกไม่นานมิวก็จะโตเป็นสาวเต็มที่ …อดใจรอหน่อยเถอะน่า…หน้าตาธรรมดาๆไม่ค่อยหล่อเหลาอย่างพี่เคนจะมีสาว ไหนชอบหึ?…ดังนั้นต้องดีใจร้องให้โฮๆสิที่มีอนาคตสาวสวยอย่างมิวมาหลงรัก …ไม่แน่น้า~~…นี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งแรกและเพียงครั้งเดียวในชีวิตนะจ๊ะ พี่…”
…ดูพูดเข้า…นอกจากร่างกายแล้วนิสัยยังห่ามเกินตัว…หมู่ นี้มิวยิ่งหนัก ข้อขึ้นเรื่อยๆ…สงสัยไอ้ที่พูดไปทั้งหมดเธอคงจะเอาจริงแน่ๆ…น้าจี๊ดก็ดู จะเห็นดีเห็นงามซะด้วย…
“ก็ได้ๆ…จะยอมเฝ้าบ้านเฝ้าหอก็ได้แต่อย่ากลับดึกเชียว…ไม่งั้นจะฟ้องแม่ ที่พี่เคนแอบหนีไปเที่ยวไม่อยู่ดูแลมิว…”
…ให้ตาย…ผมไม่คิดจะชอบมิวที่มีอายุน้อยกว่าแต่แก่แดดเกินวัยแบบนี้ …เหมือนใครสักคนหนึ่งแต่นึกไม่ออก?…

“ไอ้เคน…นัดคืนนี้น่ะ…ยังไงก็ตกลงไว้ก่อนเพราะมันเป็นกำไรชีวิต”
“กูชักไม่อยากไปแล้วว่ะ…”
“นัดทางโน้นไว้เรียบร้อยเสร็จสรรพ…มึงจะกลับคำไม่ได้นะ…อีกอย่างก็เกือบ ถึงที่หมายแล้ว…”
…ชีวิต นี้จะขาดผู้หญิงสักวันไม่ได้ใช่มั้ยเนี่ยไอ้เอ๊าะ?…ผมบ่นอุบอิบ กับความบ้าผู้หญิงของเพื่อนเก่าสมัยม.ปลาย…เจ้าเอ๊าะมันเป็นคนติดต่อ จัดการ…ทั้งนัดสาว…จัดหาร้านเพื่อพบปะนัดหมาย…
“มึงควรขอบใจเพื่อนที่แสนดีคนนี้และดีใจที่จะได้สละความหนุ่มซะที…คู่ของ มึงนี่แบบแอบผัวมาคลายเหงาไง…”
“เออ!!…เวลากูตายคงได้ปีนต้นงิ้วตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด…”
“อู วะ!!…อย่าพูดเรื่องชวนหมดอารมณ์เซ่~~…ตายไปรับรองกูจะขึ้นเป็นเพื่อน มึงแน่น่า…ของกูก็แม่บ้านผัวเผลอวัย 34 …โฮ่ย!!…อารมณ์และลีลาร้อนแรงจัดจ้านยิ่งกว่าพริกขี้หนูสวน…อยากเจอ เร็วๆโว้ย!!…มึงขี่รถให้เร็วกว่านี้หน่อยเด้~~…”
…พูดซะคะนอง ปากอย่างนี้แสดงว่าเคยได้กันมาแล้วชัวร์…ผมน่ะไม่ค่อยเดือด ร้อนกับเรื่องหาแฟนหาเฟินอะไรมากนักหรอกแต่เพื่อนมันคะยั้นคะยอบอกรับรอง ปลอดภัยชัวร์ๆเนื่องจากใช้ของป้องกันแถมยังเก็บเป็นความลับสุดยอด…นัด ครั้งนี้ก็มาทำความรู้จักกันก่อนส่วนไอ้อย่างอื่นคงแล้วแต่โชคชะตา…
“เอ๊าะจ๋า~~…ไหงมาช้ากว่าเคยล่ะหึ?…สายไปตั้ง 10 นาที…เดี๋ยวเรียกค่าปรับซะดีมั้งนี่”
…ร้าน อาหารเล็กๆลึกเข้าไปในซอย…ถ้ามองจากถนนใหญ่แทบจะไม่เห็น… บรรยากาศดูเปลี่ยวยังไงไม่รู้…โต๊ะในสุดมีผู้หญิงสวมชุดไปรเวทนั่งดื่ม เบียร์อยู่คนเดียว…ไอ้เอ๊าะยิ้มร่ารี่เข้าไปหาทันที…
“เพื่อนผมมันมัวอายครับพี่…มาๆ…นั่งเลยเพื่อน…ขอแนะนำให้รู้จัก…นี่ พี่แตงแม่บ้านคนเก่ง…”
“เคนครับ…”
“หวัดดีจ้า~~…อ้าว!!…หน้าตาไม่เลวนี่…เอ๊าะ…คนนี้พี่ขอได้มั้ย?…”
…กึ๋ย!!…นี่คงจะพูดล้อเล่นกันล่ะมั้ง…
“ไหงงั้นล่ะพี่?…นอกใจผมเหรอครับ?”
“ก็สนใจนี่นา…พี่น่ะชอบนักเชี้ยว~~…เปิดซิงหนุ่มน้อยไร้ประสบกามเนี่ย …ทานอะไรยัง?…สั่งได้เลยนะจ๊ะ…มื้อนี้พี่เลี้ยง”
…ประโยค สุดท้ายเธอเอียงศรีษะเข้ามากระซิบใกล้ๆ…ใจกล้าจัง…นี่รึแม่ บ้านวัย 34 คู่ขาลับๆของเจ้าเอ๊าะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผม…นมใหญ่จริงๆและไอ้ตรงหน้า ขาก็อูมเป่งยิ่งนุ่งกางเกงรัดๆก็ยิ่งเห็นชัด…
“พี่แตง…อีกคนที่ว่า?…”
“อ๋อ!!…โทรเรียกแล้วล่ะ…แกมบังคับนิดนึงแต่รับปากว่าจะมา…นั่นไง !!…มาพอดี…”
…ผม ทอง?…ฝรั่ง!!…ไม่ใช่ๆ…เป็นสาวไทยแต่ย้อมผมซะทองสวมแว่นตาดำปิด บังด้วย…เข้าใจว่าคงกลัวคนรู้จักมาเจอ…ขนาดในร้านมืดๆไม่ค่อยมีคนแท้ๆ พี่แตงยังใส่หมวกแก๊ปเลย…
“คนนี้ชื่อ…”
“กรรณ…ค่ะ…”
“โอ้โห!!…ใช้ได้ๆ…อย่าให้พลาดเด็ดขาดเลยนะพวก…เช็คบิล!!”
………………………………………………………………………………………………………

Share the Post:

Related Posts

สาวน้อยร้อยลีลา

เรื่องเสียว สาวน้อยร้อยลีลา ฉันกับแฟนก็เพิ่งกลับมากจากเรียนพิเศษตอนกลางวัน ก็เลยจะซื้ออาหารกลับบ้านแล้วก็กลับมาที่บ้านของฉัน เพราะตอนนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านพวกเราก็จัดจานเตรียมกินอยู่ที่โต๊ะอาหาร พวกเราก็มานั่งกินอาหารที่ซื้อมาพอกินเสร็จฉันกับแฟนก็ช่วยกันล้างจานพวกเรามีความสุขแล้วเราก็รักกันมาก ๆ เลยนะ “เธอดูNetflix ต่อกันไหมที่เราดูค้างไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วง่า” เกมพูดเสียงอ้อนฉันรู้ว่าเขาไม่ได้อยากดูหนังหรอกเขาคงอยากทำเรื่องอย่างว่า…เพราะเมื่อครั้งที่แล้วตอนเราสองคนกำลังเย็ดกันแม่ฉันมาเคาะประตูขัดจังหวะพอดี ฉันก็โอเคดูหนังต่อก็ได้ พวกเราสองคนเดินขึ้นมาบนห้อง ดูหนังกันไปสักพักแฟนของฉันก็มือซนจับฉันไปทั่วร่างกายบีบนมฉันเต็มแรง เกมขอฉันทำอย่างว่าอีกรอบได้ไหมเขายังอารมณ์ค้างอยู่ฉันก็ไม่ปฏิเสธเขาหรอกเพราะฉันก็อยากทำกับเขาเหมือนกัน เขาพาฉันไปนอนที่เตียงเขาจูบปากแลกลิ้นกับฉันบีบเค้นหน้าฉันไปด้วยแล้วเขาก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกจนหมด ฉันก็ลูบหน้าท้องลื่นๆ กล้ามแน่นๆ

Read More

เล่นเสียวในโรงยิม

เรื่องเสียว เล่นเสียวในโรงยิม วันนี้ผมมีซ้อมบาส เพื่อในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ผมต้องไปแข่งระดับจังหวัด ทุกวันนี้ผมเลยต้อเสียเวลาอันมีค่า เมื่อว่างการจากเรียน ทุ่มเทให้การซ้อมทั้งหมด จนบางครั้งผมไม่มีเวลาให้แฟนสาวรุ่นพี่ของผมเลย แล้วก็ผมไม่ได้ปล่อยน้ำเชื้อของผมมาหลายอาทิตย์แล้ว แต่แฟนสาวของผม มิว เธอก็คอยมาเฝ้าผมสม่ำเสมอแต่เราแค่ไม่มีเวลาให้กันเลย “เมฆ…พักกินน้ำก่อนสิ่” มิวพูดพร้อมกวักมือเรียกผม “ขอบคุณค้าบบ..คนสวย “ ฟอดด…ผมหอมแก้มเธอไปทีนึงเธอยิ้มหัวเพราะให้ผมเหมือนทุกวัน ด้วยความที่ผมหอบจากการซ้อมเลยทำให้จังหวะการกินน้ำผิดพลาดทำให้หกเลอะเทอะเสื้อผมไปหมด “ฮื้อออ

Read More