ตำนานนักรัก ตอนที่ 71
ดูเหมือนทั้งน้ำเสียงและท่าทางประชดประชันของคุณเจนที่แสดงออกมา จะไม่มีใครสังเกตุเห็น แม้แต่พ่อตาผมซึ่งเป็นคน
ฉลาดมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวรอบตัว ก็ยังไม่รู้สึกแม้สักนิดว่าคุณเจนหลานสาวมีทีท่าแปลกไปกว่าเดิม ทั้งออดอ้อนออเซาะ
ไอ้เอ็มหนุ่มนักเรียนนอกอย่างเปิดเผย ทั้งพูดจากระทบกระเทียบผมต่างๆนาๆ แกก็ยังคงไม่ใส่ใจ หรือเป็นไปได้ว่าสมาธิของ
แกทั้งหมดนั้น ถูกจริตของคุณวิกลบเกลื่อนไปด้วยท่าทางเอาอกเอาใจก็เป็นไปได้ ผมจึงจำต้องนั่งปั้นหน้า วางท่าเสมือน
ทองไม่รู้ร้อน ทั้งๆที่ในใจร้อนลุ่มกลัดกลุ้มเหมือนโดนไฟแผดเผา
“คุณแม่คะ…เจนขอตัวกลับกรุงเทพก่อนได้มั๊ยคะ..”
หลังจากที่คุณเจนยั่วเย้าประชดประชันผมไปได้สักพัก ก็ยังคงเห็นว่าผมยังทำตัวปั้นหน้าวางเฉย ไม่มีปฏิกิริยาอันใด เธอจึง
ขออนุญาตคุณดาเดินทางกลับกรุงเทพกลางคัน ทั้งๆที่เจ้าสาวเพื่อน
สนิทคนเดียวของเธอ ยังยืนเคียงคู่เจ้าบ่าวอยู่บนเวที
ทำให้คุณดาประหลาดใจร้องถามหาเหตุผลเสียงตื่นๆ
“เจนรู้สึกปวดหัวน่ะค่ะคุณแม่…” คุณเจนให้เหตุผลด้วยสุ้มเสียงอ่อนๆ พร้อมขมวดคิ้วนิ่วหน้าแสดงกิริยาว่าเธอปวดหัวจริงๆ
“แล้วลูกเจนจะกลับยังไงคะ…..” ที่สุดคุณดาก็หลงกล ร้องถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง
“เอ้อ..ให้พี่เอ็ม..ขับรถไปส่ง..ก็ได้ค่ะ..แล้วพอเลิกงานคุณแม่ก็ให้คุณพ่อกับคุณแม่พี่เอ็มติดรถกลับไปด้วย..นะคะ..”
ตลอดเวลาที่คุณเจนบอกมารดา เธอลอบจิกตาเย้ยหยันมาให้ผมบ่อยๆ สลับกับทำหน้าตาอ้อนๆไปให้นายเอ็ม เรียกร้องล
ความน่าสงสาร จนไอ้นักเรียนนอกหลงกลไปอีกคน คิดว่าคุณเจนเธอปวดหัวจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับน้าดา..ผมไปส่งน้องเจนได้ครับ…”
ไอ้เอ็มรีบรับอาสา พร้อมได้รอยยิ้มอย่างอ่อนหวานจากคุณเจนเป็นรางวัล ส่วนคุณดาได้แต่อึกอัก ไม่กล้าตัดสินใจจนกระทั่ง
คุณนายกิ๊กแม่นายเอ็มร้องบอก
“คิดอะไรมากจ๊ะแม่ดา…นายเอ็มนี่ลูกชายชั้นนะยะ..เธอกลัวว่าลูกเจนจะเสียหายรึไง..”
“บ้าหรอยัยกิ๊ก..ชั้นไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย..เพียงแต่ว่ารอให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวลงมาจากเวทีก่อนแล้วค่อยลากลับไม่ดีกว่ารึ.”
คุณดาตอบเสียงเบาๆกลับไป
“ฮื้ยยยย..ชั้นว่าไม่ต้องรอหรอก ดูสิหนูเจนท่าทางปวดหัวขนาดนี้ ต้องรออะไรกันจ๊ะ..ไปเถอะลูกเอ็ม..พาน้องกลับบ้าน แล้ว..
อยู่ดูแลน้องด้วยนะ..เดี๋ยวงานเลิกแม่กับพ่อค่อยกลับ…”
ตลอดเวลาผมเพียงได้แต่นั่งฟังเสียงสนทนาโต้ตอบกันเงียบๆ ไม่ออกความคิดเห็นเพราะเป็นคนนอก มีเพียงในใจเท่านั้นที่
ครุกรุ่นไปด้วยความเป็นห่วง เพราะผมมั่นใจว่าคุณเจนไม่ได้ปวดหัวตามที่เธอบอก แต่เธอต้องการจะกลับบ้านเพราะไม่อยาก
มองเห็นหน้าผม หรืออาจจะเพราะอยากออกไปกับไอ้เอ็มหนุ่มนักเรียนนอกกันตามลำพังแค่นั้นเอง
“เอาแบบนั้นก็ได้จ๊ะ..ลูกเจนกลับถึงบ้านแล้วโทรหาคุณแม่ด้วยนะคะ…เอ้อ..เอ็มพาน้องกลับบ้านขับรถดีๆนะ..” ที่สุดคุณดา
ก็ยอมแพ้เหตุผลทั้งจากคุณเจนและจากเพื่อนสาวของเธอ
คุณเจนจึงรีบลุกขึ้นทำท่าเซๆเล็กน้อยให้นายเอ็มโอบประคองพยุงเดินลุกจากโต๊ะจีนเดินไปยังรถเบ็นซ์ของมัน ผมได้เพียง
ส่งสายตามองตามหลังด้วยความกลัดกลุ้มและเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ แม้แต่จะเสนอตัวเป็นคนขับรถ
ไปส่งก็ยังไม่กล้าเอ่ยออกมาเลย เพราะยังคงมีสายตาคมกริบ ที่จ้องมองเหมือนจับผิดจากคุณนายกิ๊กแม่ไอ้เอ็มดูอยู่ จนทั้งคู่
ขับรถออกไปจากงาน
ผมนั่งกระวนกระวายใจอยู่คนเดียวครู่ใหญ่ ไม่มีอะไรทำดีไปกว่ากรอกเหล้าเข้าปากติดๆกันไปหลายแก้ว จนเลือดลมในร่าง
ร้อนฉ่า พี่ชิตก็พาว่าที่เจ้าสาวเดินเข้ามาทักทายตามธรรมเนียม เลยถือโอกาสดื่มอวยพรให้ทั้งคู่ไปอีกหลายแก้ว จนคุณดา
ต้องเตือนเบาๆว่าเดี๋ยวจะเมา
“ปล่อยมันเถอะแม่ดา..นานๆที ถ้าเมานักขับรถไม่ไหวก็ให้เพื่อนๆแม่ดาขับรถกลับก็ได้จริงมั๊ย..ฮ่าๆๆๆ..”
พ่อตาผมเอ่ยขึ้นมาเสียงเบาๆกลั้วเสียงขำ พร้อมเบือนหน้ามาจ้องมองตาผมอย่างจับผิด เล่นเอาผมสะอึกรีบเบือนสายตา
หลุบลงต่ำ เห็นแกนั่งเงียบๆไม่สนทนากับใคร เอาแต่คุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับคุณวิพยาบาลส่วนตัว ไม่รุ้เลยว่าแกมองผมมาด้วย
สายตาแบบนั้น จะล่วงรู้ถึงความรู้สึกในใจผมบ้างแค่ไหน แต่พอพ่อตาผมพูดจบ เหมือนผมได้ไฟเขียว จึงเร่งดื่มติดๆกัน
ไปอีกหลายแก้วจนมีสภาพคอพับคออ่อน นั่งแทบทรงตัวตรงๆไม่อยู่
ขากลับบ้านเลยต้องให้คุณประกอบพ่อนายเอ็มเป็นคนขับรถพาพวกเรากลับมาจนถึงบ้าน โดยที่ผมนอนเมาหลับมาตลอด
ทาง ไม่อยากรับรู้เรื่องใด แม้กระทั่งถึงบ้านแล้วผมก็ยังไม่รู้เรื่องเลยว่านายเอ็มกับคุณเจนรออยู่ณ.ส่วนใดของบ้าน
รู้เพียงสาวรับใช้คนหนึ่งเป็นคนเดินพยุงผมเข้ามาส่งบนเตียง แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมนอนตามลำพัง
จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ไม่ทราบที่ผมรู้สึกตัวคล้ายกับฝันไปว่า มีมือนุ่มนุ่มและกลิ่นกายหอมกรุ่นลงมานอน
ลูบไล้แผงอกเคียงข้างตัวผม จากนั้นมือข้างนั้นก็ค่อยๆแกะกระดุมเสื้อผมออกทีละเม็ดๆจนหมด
ผมพยายามลืมตาขึ้นมาแต่หนังตาก็ช่างหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น รุ้แต่ประสาทสัมผัสว่ามือข้างนั้นลูบไล้ต่ำลงไปจนถึงขอบ
กางเกงขายาวตัวที่ใส่ไปงานแต่งของพี่ชิต และบรรจงถอดมันออกทั้งเข็มขัดและตะขอกางเกง ก่อนจะรูดซิบและล้วงมือ
ลงไปกุมกำท่อนลำอ่อนปวกเปียกของผมรูดเล่นเบาๆ
“คุณ…จ..” ผมพยามเปล่งเสียงร้องเรียก แต่ยังไม่ทันพูดจบ ปากผมก็โดนประกบปิดด้วยเรียวปากบางๆ พร้อมเรียวลิ้น
แหลมๆชอนไชเข้าไปในอุ้งปาก แล้วเกี่ยวกระหวัดรัดพันจนผมเสียวซ่าน มือนุ่มนิ่มข้างนั้นก็ยิ่งรูดลำของผมจนมันพองตัว
ขึ้นมา
“ผมรักคุณ….”
ผมเปล่งเสียงแผ่วเบาบอกรักคุณเจน พร้อมขอร้องเธอว่าอย่าเข้าใจผมผิด ผมไม่รู้เรื่องที่พ่อตาวางแผนไว้เลยแม้สักนิด มา
รู้ก็ต่อเมื่อพี่ชิตเป็นคนบอกและสิ่งที่ผมทำกับเธอนั้นหาใช่เพราะต้องการแก้แค้น แต่มันเป็นความรู้สึกที่ครั้งแรกผมไม่กล้า
บอกว่ามันคือความรัก จนกระทั่งเธอได้สติแล้วเย็ดกับผมอีกนั่นแหละ ผมถึงได้รู้ตัวว่าผมรักเธอ
แม้ผมจะพร่ำพูดอธิบายมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงคุณเจนตอบกลับ มีเพียงเสียงลมหายใจกระชั้นดังเฮือกๆอยู่
ใกล้หู พร้อมเรียวปากที่พรมจูบไปทั่วใบหน้าของผมและไต่ต่ำลงมาจนถึงแผงอก พร้อมเสียวจี๊ดจนตัวกระตุกเมื่อเรียวปากคู่
นั้นครอบลงมาที่เม็ดหัวนม แล้วดูดมันเล่นแรงๆ
ผมส่ายมือควานเปะปะไปตามร่างของคุณเจน แม้รู้สึกว่าทรวงอกอวบใหญ่ของเธอมันจะหยุ่นนิ่มกว่าเดิมไปบ้าง ไม่คัดแข็ง
เหมือนกับที่ผมเคยบีบคลึง แต่เธอก็แอ่นอกให้ผมบีบคลำเน้นๆ พร้อมส่งเสียงครางเบาๆ ขึ้นมาเรียกความสนใจและความ
ตื่นตะลึงเมื่อพบว่าร่างกายที่ผม ลูบคลำนั้น ไร้อาภรณ์ปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว
คุณเจนไม่ปล่อยให้ทรวงอกของเธอถูกผมลูบคลำนานนัก ก็ค่อยๆขยับตัวลงไปด้านล่าง ประสาทสัมผัสผมรับรู้ว่าเธอกำลัง
ดึงกางเกงที่ผมสวมใส่ออก จนสำเร็จก็เอื้อมมือมาคว้าท่อนลำที่พองแข็งของผมรูดเล่นช้าๆเน้นๆ แล้วก้มหน้าลงมาอ้าปาก
ครอบลงไป ลิ้นชื้นๆกวาดเลียดูดดุนจนผมเสียววาบๆต้องแอ่นเอวกระตุกกระเด้าเสยขึ้นยึกๆ มือป่ายคลำมาลูบเส้นผมดำ
ขยุ้มเล่นเบาๆตามความเสียวซ่านที่ได้รับจากเรียวปากของเธอ จนท่อนลำผมคับแข็งคาปาก คุณเจนก็ผุดลุกขึ้นนั่งคล่อม
แล้วผมก็รู้สึกเสียววาบที่ปลายควย เมื่อคุณเจนขย่มก้นลงมา เร็วๆ
“ซี๊ดดดดด..คุณเจน..”
ผมร้องครางด้วยความเสียว พยายามลืมตาขึ้นมามอง เห็นเพียงภาพเบลอๆ ของเธอที่ขย่มก้นโยกลงมาถี่ๆ สองมือเอื้อมบีบ
จับนมเต้าสวยสองเต้าที่โยนตัวไปมา
“ผมรักคุณ..ๆ…”
ผมได้แต่พร่ำเพ้อเสียงแผ่วๆออกมาเบาๆ บอกซ้ำๆอยู่เช่นนั้น พร้อมรับรู้ความรุ้สึกเสียวซ่านที่นับนานยิ่งทวีรุนแรงขึ้นจนที่สุด
ผมก็ทนฝืนไม่ไหว เมื่อได้ยินเสียงครางสุดท้ายจากปากคุณเจนว่าเธอน้ำแตกแล้ว ผมก็ผล็อยหลับลงไปอีกครั้งจนกระทั่ง
สายวันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมา พบว่าตนเองร่างกายเปล่าเปลือยนอนซุกตัวอยู่ในผ้านวมผืนหนา แต่ข้างกายว่างเปล่า ไร้วี่แวว
ของคุณเจน
ผมรีบผุดลุกขึ้นนั่ง นึกทบทวนเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าผมไม่ได้ฝันไป อย่างแน่นอน เพราะหลักฐานมันเห็นอยู่ทนโท่ว่าผม
ไม่ได้สวมใส่อะไรเลย ซ้ำโคนท่อนลำก็ยังมีคราบแห้งเกรอะกรังปรากฏอย่างชัดเจน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นคุณเจนหรือใคร
เท่านั้นเองที่เข้ามาลักหลับผมในห้อง
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน ผมก็รีบหาผ้าเช็ดตัวขึ้นมานุ่งแล้วเดินออกมาจากห้อง เห็นคุณวิกำลังป้อน
ข้าวให้พ่อตาผมอยู่บนเตียง ส่วนมือของพ่อตาผมกลับซุกหายเข้าไปในหว่างขาของเธอ จนคุณวิต้องขยับดึงออก เมื่อเห็น
ว่าผมตื่นลุกออกมาจากห้องนอนแล้ว
“เป็นยังไงบ้างวะเมื่อคืน..เมาหลับไม่ได้สติเลยนะเอ็ง..ฮึๆๆๆ..” พ่อตาผมทักทายด้วยสุ้มเสียงขันๆ
“ขอโทษครับพ่อ..นี่กี่โมงแล้วครับ…เช้านี้คุณดาไปทำงานหรือยังครับ…”
ผมถามรัวเร็ว ไม่อยากให้พ่อตาผมตั้งตัวติด ด้วยเกรงว่าแกจะซักไซ้ถึงเรื่องเมื่อคืนอีก เพราะไม่รู้เลยจริงว่าๆ ว่าพ่อตาผมรู้
เรื่องขนาดไหน และที่สำคัญแกจะรู้หรือไม่ว่าคุณเจนลงมานอนกับผมเมื่อคืนนี้
“เอาทีละคำถามสิวะ…ฮ่าๆๆๆ…” พ่อตาผมยักท่า แทนที่จะรีบตอบกลับย้อนถามพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เล่นเอาผมอึ้ง
นิ่งเงียบ
[post]”ข้อแรก..ตอนนี้มันไม่สายหรอก แต่มันเที่ยงวันแล้วต่างหาก…เอ็งเมาจนหลับไม่รู้เวลาเลยหรือวะ…” คำตอบของพ่อตาเล่น
เอาผมอึ้งหนักขึ้นไปอีก เพราะผมไม่เคยนอนตื่นสายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“ข้อสอง..วันนี้แม่ดาไม่ได้ไปทำงานหรอก ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจไป…เธอคงไม่หักเงินเดือนเอ็งหรอก ฮาๆๆๆๆ…” แปลกที่
วันนี้ผมรู้สึกเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของแกจริงๆ มันดูขัดหูพิกล
“แล้วคุณดาอยู่มั๊ยครับ..ผมมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธอ…”
ผมตัดสินใจแล้วว่า ขืนปล่อยให้เรื่องคาราคาซังแบบนี้ ผมคงต้องสูญเสียคุณเจนไปให้นายเอ็มอย่างแน่นอน สู้ยอมสารภาพ
ความจริงให้คุณดารุ้เรื่องทั้งหมดดีกว่า ไม่ว่าหลังจากเธอได้ทราบเรื่องแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นผมก็ยอมรับได้
“แม่ดาไม่อยู่หรอก..เอ็งต้องรอเย็นๆแหละ…”
“คุณดาไปไหนครับพ่อ…”
ผมร้อนใจรีบสอบถาม แต่คำตอบที่ได้รับนั้น ถึงผมกับทำให้ผมยืนตัวชา สมองหมุนคว้างอึ้งเงียบ แล้วเดินคอตกกลับเข้า
ห้องไปได้อย่างไม่รู้สึกตัว
“แม่ดาก็ไปสนามบินส่งไอ้เจนไปเมืองนอกสิวะ..นี่เอ็งไม่รุ้เรื่องอะไรเลยหรือ…ว่าไอ้เจนจะไปเรียนต่อ…”