ตำนานนักรัก ตอนที่ 77
ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะพี่..แม้พี่ไม่สั่ง มะลิก็ไม่บอกใครหรอก…” มะลิหันหน้ากลับมาพูดยิ้มๆ ทำหน้าทะเล้นอีกครั้ง ผมเลยละ
มือข้างซ้ายยื่นไปจับจมูกเล็กๆของมะลิบีบด้วยความหมั่นไส้ ยังผลให้เธอหัวเราะคิกๆ ลืมเรื่องเสียใจเมื่อสักครู่ไปหมด ก็พอ
ดีกับจังหวะที่ผมมองเห็นที่จอดรถ จึงเสือกหัวรถเข้าไปจอดใต้พุ่มไม้เพื่อให้ร่มเงาของมันบังแดด
“ถึงแล้ว..เราลงไปเดินเล่นกันเถอะ…” ผมร้องบอกมะลิ พร้อมกับกดปุ่มสวิทซ์ดับเครื่องยนต์
“ที่นี่ที่ไหนคะพี่…อุ๊ยยยยยมีทะเลด้วย…”
มะลิร้องถามด้วยความแปลกใจ เธอคงไม่เคยมา และยิ่งมองเห็นแผ่นน้ำสีฟ้าครามเบื้องหน้าไกลๆ มะลิก็ยิ่งตื่นเต้นรีบเปิด
ประตูรถลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่รอคำตอบจากผม
“บางปูครับ…”
ผมเดินตามลงไปพร้อมตอบคำถาม
ของเธอ จากนั้นก็จูงมือมะลิออกเดิน มุ่งหน้าไปที่สะพานคอนกรีตที่ทอดยาวลงไปใน
ทะเล เพราะปลายทางสุดท้ายของสะพานนั้นคือภัตตาคารร้านอาหารทะเล ที่ผมจะพามะลิมาทานอาหารกัน
แม้มะลิจะเป็นเพียงสาวรับใช้ภายในบ้านของพ่อตาผม แต่งเนื้อตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบๆเป็นกางเกงยีนส์กับเสื้อเชิตร์ลายๆสี
แดงเพียงเท่านั้น แต่รูปร่างของเธอก็ได้สัดส่วนโค้งเว้า ประกอบกับหน้าตาที่สวยเรียบๆแม้ไม่ได้ตกแต่งวาดสีสันต์เครื่อง
สำอางค์แต่อย่างใด ก็ยังชวนพิศชวนมอง จนพ่อค้าแม่ค้าบนสะพานคอนกรีตต่างมองมาด้วยรอยยิ้มชื่นชมปนขบขัน กับ
ท่าทางตื่นเต้นของเธอที่เดินไปชะโงกตัวบนราวสะพานเพื่อดูปลาตีนในบริเวณป่าชายเลน แล้วร้องบอกเสียงแตกตื่น
เหมือนไม่เคยพบเห็น
“พี่มาดูนี่สิคะ..ปลาอะไรน่ะ มันมีเท้าเดินได้ด้วย….” มะลิหันกลับมากวักมือตะโกนเรียกผมด้วยท่าทางไร้เดียงสาเหมือน
เด็กๆที่ได้พบเห็นสิ่งมหัศจรรย์
“เค้าเรียกว่าปลาตีนจ๊ะ..ที่มะลิเห็นว่ามันมีเท้า ความจริงมันคือครีบอกของปลาเท่านั้นแหละ….”
ผมเดินไปกระซิบบอกเสียงเบาๆ ไม่ได้รู้สึกอายกับท่าทางเปิ่นๆของมะลิแม้แต่น้อย พร้อมยื่นมือไปยีหัวเธอเล่นด้วยความ
เอ็นดู ความรู้สึกที่อึดอัดหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้ ดูเหมือนมันจะบรรเทาเบาบางลงไปทันทีกับความสดใสไร้เดียงสา
ของมะลิที่แสดงออกมา ทั้งกับปลาตีนที่เธอเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก และกับฝูงนกนางนวลสีขาวๆที่บินร่อนถลาไป
ถลามา สร้างความตื่นเต้นจนริมฝีปากมะลิยิ้มไม่ยอมหุบ
“ไปกันเถอะมะลิ…” ผมต้องเดินเข้าไปจูงมือมะลิออกมา เพราะเธอมัวเพลินกับธรรมชาติของป่าชายเลนจนไม่ยอมขยับไปไหน
“ไปไหนคะพี่…”
“โน่น..ไปนั่งทานอาหารทะเลกัน…” ผมร้องบอกพร้อมชี้มือให้มะลิดูอาคารกว้างใหญ่ชั้นเดียวที่อยู่สุดสะพานทางเดินมะลิ
เลยดีใจ กลับเป็นฝ่ายรีบจูงมือผมเดินลิ่วๆไปเสียเอง
หลังจากพนักงานลำเลียงอาหารที่ผมสั่งมาได้จนครบ ผมกับมะลิก็นังทานกันเงียบๆ ไม่ได้พูดคุยอะไรกันนัก มีเพียงสายตา
ของมะลิที่ทอดมองด้วยความรักความอ่อนหวานบ่อยๆ จนคู่หนุ่มสาวที่โต๊ะข้างๆต่างอิจฉา จวบจนบ่ายแก่ๆลูกค้าของ
ภัตาคารต่างทยอยเดินทางกลับ มีผมกับมะลิเท่านั้นที่ยังคงนั่งละเลียดอาหารไปอย่างช้าๆไม่รีบร้อน แล้วมะลิก็เริ่มซักถาม
กลับเข้าเรื่องส่วนตัว
“แล้วพี่จะทำอย่างไรต่อไปคะ…”
“ทำอะไร..เรื่องอะไรหรือมะลิ…” ผมย้อนถามด้วยความงุนงง ที่จู่ๆมะลิก็กระซิบถามขึ้นมา
“เรื่องคุณเจนไงคะ….คุณเจนไปต่างประเทศแล้วยังมีคุณเอ็มตามไปดูแล….พี่ไม่กลัวว่าคุณเอ็มจะแย่งคุณเจนไปจากพี่หรือ
คะ….” มะลิกระซิบถามเสียงซื่อๆ ผมดูหน้าดูตาแล้วพบแต่ความใสซื่อจริงใจที่ปนมากับคำถามเท่านั้น
“กลัวสิมะลิ..ไม่กลัวแล้วพี่จะมากลุ้มใจแบบนี้ทำไม…” ผมเลยตอบมะลิไปตามความจริง
“งั้นทำไมพี่ไม่ตามไปต่างประเทศละคะ…ไปพาคุณเจนกลับมา มะลิเชื่อสายตาตนเองนะคะว่า คุณเจนรักพี่เหมือนกัน”
“ลำพังแค่พูดน่ะมันดูเหมือนง่าย..แต่พี่จะทำได้อย่างไรกัน..พี่จะไปตามคุณเจนกลับมาในฐานะใดล่ะมะลิ..ในเมื่อเรื่องของพี่
กับคุณเจนนั้น คุณดายังไม่ทราบเลย…เห้อออออ..”
ผมพูดเสร็จก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ด้วยความลำบากใจ จนมะลิเอื้อมมือนุ่มนิ่มของเธอมากุมกำมือผมเบาๆ พร้อม
รอยยิ้มปลอบประโลม
“นี่คุณดายังไม่ทราบเรื่องเลยหรือคะ…พี่ทำไมไม่บอกไปล่ะ…”
“มะลิไม่เห็นท่าทางของคุณดาช่วงนี้หรอกรึว่า เธอดีใจมีความสุขแค่ไหน ที่ลูกชายของเพื่อนกำลังได้เป็นที่หมายกับคุณ
เจน..จนตามไปดูแลกันที่ต่างประเทศ…” ผมพูดบอกมะลิไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หดหู่ๆ
“อีกอย่างหนึ่ง มันเป็นความต้องการของคุณเจนเธอด้วย ที่จะให้พี่ปิดบังเรื่องระหว่างพี่กับเธอเป็นความลับ..พี่จึงไม่กล้า
เปิดเผยให้ใครทราบ…” เมื่อผมได้มะลิเป็นเพื่อนคุย ก็เลยอยากระบายความอึดอัดในใจทั้งหมดให้เธอรับทราบ
“แล้วแบบนี้พี่จะทำอย่างไรคะ..จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป โดยไม่คิดแก้ไขเลยหรือ…”
คำถามของมะลิทำเอาผมอึ้ง ตอบไม่ออก แม้เคยคิดทบทวนมาหลายครั้งแล้ว ผมก็ไม่สามารถสรุปหาคำตอบได้ ซ้ำร้าย
ขณะนี้คุณเจนกลับมาเข้าใจผมผิดไปเสียอีก คิดว่าผมสมรู้ร่วมคิดวางแผนกับผู้เป็นตา
“พี่คงต้องปล่อยให้เรื่องมันแล้วแต่บุญกรรมล่ะมะลิ..ถ้าคุณเจนกับพี่ยังทำบุญร่วมกัน ในไม่ช้าเธอก็ต้องกลับมาเป็นเมียพี่
อีกครั้ง แต่ถ้าไม่ใช่ พี่ก็คงได้แต่ตัดใจ..ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านี้…”
“พี่ไม่ต้องบอกคุณดาสิคะ..ไปตามคุณเจนกลับมาเลย..หรือไม่ก็ไปถามเธอว่าจะเอาอย่างไรกันแน่..มะลิจะช่วยสืบให้เอง
ว่าเธอไปเรียนต่อที่ไหน……..หรือเอ้อ…ถ้าพี่ไม่มีเงินค่าใช้จ่ายไปตามหาคุณเจน เอาที่มะลิก็ได้ค่ะ..”
ผมเชื่อว่าสิ่งที่มะลิพูดออกมานั้นมิได้เสแสร้งแกล้งทำให้ตัวเองดูดีในสายตาของผมเลย ที่เธอต้องการช่วยเหลือผมจริงๆ
ถึงได้เสนอตัวขนาดนี้
“ไม่ต้องหรอกมะลิ..พี่ขอบใจ..แต่มะลิจะช่วยพี่ทำไมล่ะครับ..ไม่ดีกว่าหรือถ้าในชีวิตพี่ไม่มีคุณเจน..จะได้มีเพียงคุณดากับ
มะลิเท่านั้น”
“พี่ก็…” มะลิเพ้อออกมาอายๆ ก้มหน้านิ่ง แล้วจึงพูดต่อ
“มันดีก็จริง แต่มะลิอยากเห็นพี่มีความสุขยิ้มได้เหมือนเก่าเท่านั้นค่ะ..พี่รุ้มั๊ยว่าเดี๋ยวนี้พี่ยิ้มยากขึ้น หน้าตาก็หมองคล้ำไม่
หล่อเหมือนพี่ทองดีคนเดิมเลย….”
แม้จะเป็นคำพูดที่ดูซื่อๆ ไร้เดียงสา แต่ก็ทำให้จิตใจผมผ่อนคลาย จนเผลอยิ้มออกมาจริงๆ พร้อมยื่นมือไปขยี้หัวของมะลิ
ด้วยความเอ็นดู แล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ก่อนจะพามะลิเดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลกันจนสดชื่น แล้วจึงพากัน
เดินคลอเคลียเสมือนหนุ่มสาวคู่รักกันกลับมาที่รถ
หลังจากที่ซื้อข้าวของฝากคนที่บ้านได้เรียบร้อยแล้ว ผมก็พามะลิกลับขึ้นรถ หวังจะพาเธอกลับบ้านก่อนจะเย็นแต่พอขับ
รถออกจากสถานพักตากอากาศบางปูไปได้เพียงเล็กน้อย มะลิก็ถามขึ้นมาเบาๆ
“พี่จะกลับบ้านแล้วหรือคะ…”
“อืมม,,,,ใช่ครับ..มะลิอยากไปเที่ยวที่ไหนต่อหรือเปล่าล่ะ…” ผมหันไปร้องถามเสียงเบาๆ ในใจไม่ได้คิดถึงเรื่องเซ็กส์เลย
แม้แต่น้อย
“ไม่อยากไปเที่ยวที่ไหนหรอกค่ะ..แต่มะลิ..อยากอยู่กับพี่สองคนนานๆ…”
มะลิตอบเสียงอุ๊บอิ๊บอายๆ แม้ผมจะรู้ว่ามะลิต้องการสื่อความหมายอะไร เพียงแต่เธอคงอายไม่กล้าพูดตรงๆออกมา ผมก็
แกล้งทำไขสือ ย้อนบอกออกไป
“กลับบ้านก็อยู่กับพี่ใกล้ชิดได้เหมือนกันครับ…” ผมตอบเสียงเรียบๆปั้นหน้าขรึมกลั้นยิ้มไว้อย่างเต็มที่ ยิ่งเห็นท่าทางกระมิด
กระเมี้ยนของมะลิ ก็ยิ่งชวนขำ
“พี่อ่ะ..พี่ก็รู้ว่ามะลิหมายความว่ายังไง..ยังจะมาแกล้งล้ออีก…”
“พี่ไม่ทราบจริงๆครับ งั้นมะลิบอกชัดๆสิว่าอยากอยู่กับพี่สองต่อสองทำไม…”
“หึ!..ไม่บอกแล้ว..”
มะลิส่งเสียงงอนๆร้องตอบแบบขัดใจ พร้อมหันหน้าเบี่ยงไปดูวิวนอกรถ ส่วนผมก็อดขำไม่ได้จนหัวเราะหึๆออกมา แล้ว
สายตาก็เหลือบแลเห็นป้ายห้องพักชั่วคราวข้างทาง จึงเลี้ยวรถเข้าไปทันที
“พี่เลี้ยวรถเข้ามาทำไมคะ…”
มะลิร้องถามเสียงตื่นๆเมื่อเธอเห็นป้ายชื่อรีสอร์ต ส่วนผมไม่ตอบ รีบเคลื่อนรถเข้าไปจอดหน้าห้องพักที่พนักงานชี้ทาง
บอก รอจนพนักงานที่มารับเงินเดินจากไป ผมจึงพามะลิลงมาจากรถ แล้วรีบพาเธอลงมาจากรถแล้วผลุบเข้าไปในห้อง
“พี่!…”
[post]มะลิเรียกผมเสียงตื่นๆ เมื่อเบื้องหน้าของเธอเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ปูผ้าขาวสะอาดตา ตลอดชีวิตสาวของมะลิคงไม่
เคยเข้ามาในสถานที่แบบนี้ แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าสถานที่แบบนี้มีไว้เพื่ออะไร ครั้นพอประตุปิดสนิท มะลิก็ผวาเข้า
กอดผมแน่น ด้วยความดีใจ พร้อมแอ่นเนินเนื้ออวบอูมกลางหว่างขาเข้ามาบดส่ายกับกลางลำตัวผม จนมันเริ่มพองตัวขึ้น
มาช้าๆ พร้อมเขย่งตัวเงยหน้าเผยอริมฝีปากบางสีแดงตามธรรมชาติ ขึ้นรอรับ เมื่อผมค่อยๆก้มหน้าลงไปประกบปากจูบ
ดูดลิ้นพัลวัล ซึ่งมะลิก็สนองตอบอย่างเร่าร้อนหื่นกระหาย จนลมหายใจขาดห้วง จึงได้ผละปากออก เพื่อร้องครางเมื่อมือ
ทั้งสองข้างผมจู่โจมพร้อมๆกัน
ข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นไปบีบคลึงทรวงอกขนาดพอมือ ส่วนอีกข้างไต่เลื้อยลงไปที่หว่างขา ขยำเนินเนื้ออูมๆคลึงเบาๆ จนมะลิ
ตัวสั่นกระตุก ขยับขากางถ่างออกให้ผมสอดฝ่ามือล้วงลงไปจับคลึงถนัดขึ้นโดยไม่ต้องร้องบอก แล้วก็พบว่าใต้หว่างขา
ของมะลินั้นเต็มไปด้วยร่องรอยอับชื้นเตรียมพร้อมไว้อยู่นานแล้ว
“ซี๊ดดดดด..ตื่นเต้นจังเลยพี่..” มะลิร้องบอกเสียงกระเส่าหวานพร้อมครางเสียว เมื่อผมกดเน้นปลายนิ้วไปตามรอยแยกที่
หว่างขา
“ตื่นเต้นอะไรหรือครับ..” ผมงึมงำร้องถาม เพราะปากมัวแต่จูบดูไซร์เนินเนื้อหน้าอก
“ก็เราเหมือนคู่รักหนุ่มสาวที่ลอบแอบมาเย็ดกันน่ะสิคะ…อิอิ.”
มะลิร้องบอกเสียงกระเส่าอายๆ พร้อมเอื้อมมือมากุมกำท่อนลำในกางเกงของผมบีบยวบๆ ตอบโต้ จนมันพองขยายดัน
กางเกงออกมาเป็นลำอย่างชัดเจน